ที่นี่เดี๋ยวนี้ ศิลปะแห่งการเจริญสติ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย datedoctor, 17 สิงหาคม 2010.

  1. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ผมก็ว่างั้นนะครับ...การแซวเล่นตามประสาเพื่อนฝูง ไม่น่าจะมีปัญหา ยกเว้น..คนอื่นจะมองว่าเป็นปัญหา55555+(ผมรู้จักจขกท.จริงๆนะครับ เป็นเพื่อนผมเอง..ซี้ดัวะ 55+)
     
  2. อหิงสะกะ

    อหิงสะกะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +82
    ผมว่าไม่ต้องไปคิดมากหรอกครับ เจ้าของกระทู้เองเค้ายังไม่ว่าอะไรเลย มันแค่การแซวเล่นสนุกๆเอง
     
  3. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    จะเป็นผู้ริเริ่มลงมือ หรือ เอาแต่มีปฏิกิริยา..
     
  4. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571


    อ่ะนะ คือเวลา คิด เราคิดคำนั้นจริงๆ แต่เวลาพิมพ์ต้องไม่ลืมว่า นี่มันเว็บสาธารณะ
    แต่บางที่ ก็พลาดเอาเหมือนกัน คือ ลืมดัดแปลงคำให้มันดูไม่รุนแรง
    ยังไงขอบ ใจมากๆที่เตือนมา วันหลังจะต้องดูให้รอบคอบก่อนค่อย โพสลงไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กันยายน 2011
  5. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    เจ้าของกระทู้เขาดูมีสาระ ผมว่าเขาคงไม่รุ้จักพวกคุณหรอก จำผิดคนรึเปล่า ตอนแรกเกรียนบางคนยังคิดว่าผมเป็นเจ้าของกระทู้เลย

    [​IMG]
    อะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆล้อเล่นนะ กรวดน้ำให้แล้วนะ ฉิ้งฉ่องผมเองเลย กิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ล้อเล่นครับ ผมจะไม่ว่าคุณแล้ว ไงก็คนไทยด้วยกัน
     
  6. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    โลกนั้นหาได้แยกขาดจากกันไม่ เราล้วนเชื่อมโยงกัน ฉันเชื่อมโยงกับเธอ เธอก็เชื่อมโยงกับฉัน กับคนที่เธอรัก กับมนุษย์ทุกคน กับสรรพสัตว์ กับต้นไม้ กับก้อนหิน กับดวงดาว กับฝุ่นธุลี และ อื่นๆ เมื่อเห็นดังนี้เธอก็จะสามารถเรียนรู้ที่จะไม่ส่งผ่านความเกลียดชัง แต่จะเป็นการส่งผ่านความรัก ความจริง และ ความงามที่มีอยู่แล้วในตัวเธอออกมายังโลกได้อย่างเป็นธรรมชาติ และ ไม่หวังผลตอบแทน นอกจากนี้การมองเห็นซึ่งความเชื่องโยงกันนี้ยังนำมาซึ่งความเข้าใจในผู้อื่น ในศัตรูของเธอ พ่อแม่ของเธอ ธรรมชาติรอบตัวเธอ ฉันขอกล่าวว่าการมองเห็นสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมาที่จะช่วยให้เมล็ดพันธุ์แห่งความเมตตากรุณาของเธอได้เจริญ เติบโตขึ้นมาได้ ทั้งนี้เพราะเธอสามารถที่จะมองได้อย่างลึกซึ้งพอ เช่น เธอสามารถที่จะทำใจให้เรียนรู้ที่จะฟังอย่างมีสติในสิ่งที่คนที่อาฆาตพยาบาทเธอพยายามบอก และ เข้าใจว่าทำไมคนที่เป็นศัตรูของเธอจึงคิดพยาบาทต่อเธอ ทำไมเขาจึ่งโกรธเธอ รวมทั้งเห็นถึงความทุกข์ระทม ความร้อนรุ่มดังถูกเปลวไฟแผดเผาจากการรู้ไม่เท่าทันความโกรธของเขา และรู้ว่าถ้าเธอโต้ตอบคมดาบแห่งความโกรธนั้นด้วยคมดาบแห่งความโกรธเช่นกันเธอก็จะต้องทุกข์ระทม ร้อนรุ่มดังถูกเปลวไฟแผดเผาจากการรู้ไม่เท่าทันความโกรธเหมือนกับเขา สิ่งนี้คือปัญญาเห็นแจ้งละ หากเธอเข้าใจแล้วล่ะก็ตรงจุดนั้นความรัก ความเมตตากรุณาอันงดงามในตัวเธอจะแปรเปลี่ยนความคิดของเธอให้กลายมาเป็นแรงปรารถณาที่จะช่วยเหลือเยียวยาโอบกอดความทุกข์ของเขา ช่วยเหลือเขาให้พ้นไปจากความทุกข์นี้ ด้วยศรัทธาอันเต็มเปลี่ยม และ ไม่ท้อถอยที่จะกระทำ แม้ว่าเขาจะต่อต้านการช่วยเหลือของเธอ แต่เธอก็ยังคงศรัทธาในเขา และวางใจในปัญญา ความรัก ความจริง และ ความงาม ที่เธอได้เห็นแล้วว่ามีอยู่ในเขาเช่นที่เธอมี

    อ้างอิงคำสอนของเจ้าของกระทู้ ลองคิดดูสิครับ คุณว่าคนที่สอนแบบนี้ คือคนที่เอาศาสนามาหากินหรอครับ เอาท่อนไหนมาก็ได้ลองคิดดูเถอะ

    ผมไม่ใช่นายหน้าของเจ้าของกระทู้นะ ไม่รู้จักด้วย คริก คริกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



    แต่ผมอ่านแล้วเห้นความตั้งใจจริงของท่าน และ รู้สึกรับไม่ได้ ที่อยู่คนทำความดีมาโดนด่า
     
  7. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    ทำไมถึงไปคิดว่า จขกท เอาศาสนามาหากินล่ะ
    แล้วทำไม ผมต้องคิดว่า คุณ เป็นคนเดียวกับ จขกท ด้วยล่ะ
    ในเมื่อ ระดับการใช้ภาษาของคุณกับ จขกท มันต่างกัน ฟ้ากับเหว

    ที่ถามๆไปเพื่อดู จขกท เฉยๆ เพราะคนที่ตีความศาสนา มีหลายแบบ
    บางคนไปลอกหนังสือมา บางคนคิดเอง พวกคิดเองนี้บางคนก็หลงทาง
    บางคนนังสมาธิไปหนักๆ โดนสัมพเวสีมาคุยด้วย หลงดีใจนึกว่าได้คุยกับ อรหันต์
    บางคนอ่านหนังสือธรรมะเข้าหน่อย ของขึ้น เลยออกมาปล่อยของ
    เจออะไรแบบนี้เยอะ ก็เลยต้องเอาไฟลนดูหน่อย ถ้าไม่เห็นตะกั่ว ก็ OK

    คุณ เองผมดูแล้ว หาสาระประโยชน์อะไรไม่ได้ ถึงคุณจะด่ามาหยาบคายแค่ไหน ผมก็ไม่เอามาถือไว้เป็นอารมณ์หรอก ไม่ต้องห่วง ยังไม่ใช่ภัยใกล้ตัว

    ดูคุณจะเป็นคนอารมณ์รุนแรงนะ ปล่อยอารมณ์ในนี้น่ะได้ แต่ไปปล่อยข้างนอกระวังโดนปืน ผมยิงปืนอยู่สนาม ศรภ วันหลังอยากปล่อยของ ไปเจอกันที่นั้น แต่ เขาจะให้คุณเข้าหรือเปล่า อีกเรื่องหนึ่งนะ

    ไปสมัครสมาชิกซะ แล้วไปปล่อยของในนั้น ได้อารมณ์กว่ามาปล่อยในเว็บเยอะ ๕ ๕ ๕
    สนามยิงปืน ร. 11 พัน 1 รอ.บางเขน, กรุงเทพฯ, 02-972-8701. สนามยิงปืน ศรภ.รามอินทรา, กรุงเทพฯ, 02-522-2231. สนามยิงปืน ร. 1 รอ. ถนนวิภาวดี, กรุงเทพฯ, 02-272-6362 ...


    ฮ่า ฮ่า ฮ่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2011
  8. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    อ่านอะไรในนี้ ใช้สติพิจารณาให้รอบคอบครับ

    ดูเหมือน ไร้สาระ แต่อาจได้แนวคิด คติธรรม

    ดูเหมือน มีสาระมีธรรมะอยู่เต็มประดาแต่แฝงภัยร้ายไว้ในมุมมืด

    ยังไงซะ อย่าหลงออกนอกทางที่พระพุทธเจ้าบอกไว้ ( ถ้านับถือพุทธ )



    อันนี้ผมตามอ่านอยู่ เยอะจริงๆ
    http://palungjit.org/threads/สมเด็จ...มตไตรย์-กับ-ช่วงกึ่งพุทธกาลของพระโคดม.178195/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2011
  9. เรอเน่

    เรอเน่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +8
    มีหลากหลายวิธีในการทำให้พลังงานที่ไม่ดี.. ออกไปจากชีวิต โดยไม่ต้องไปต่อสู้หรือเก็บกดไว้ เพียงรับรู้มัน.. และยิ้มให้พลังงานไม่ดีเหล่านั้น.. แล้วเชิญพลังงานอย่างอื่นที่ดีกว่าเข้ามาแทนที่ โดยการอ่านคำพูดที่ให้กำลังใจ.. หรือฟังเพลงที่ไพเราะสักเพลง.. หรือไปอยู่ในธรรมชาติ หรือจะเลือกเดินจงกรมก็ได้นะ...
     
  10. datedoctor

    datedoctor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +678
    ฉันค่อนข้างรู้สึกแปลกใจนัก ที่มีคนกล่าวว่ารู้จักฉัน อย่างไร? ก็ตามความจริงแล้ว เราอาจจะรู้จักกันจริงๆ...................ก็ได้ หรือ.....อาจจะไม่เคยรู้จักกันเลยก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเธออยากรู้จักฉัน นั้นก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพียงแต่เธอต้องว่างเปล่าจริงๆเหมือนอย่างฉัน เมื่อกระจกที่ว่างเปล่า 2 อันเผชิญหน้ากันแล้วเธอจะพบว่า ฉันก็คือเธอนั้นเอง เรานั้นหาได้แยกเป็นอิสระจริงๆจากกันไม่ เพื่อนรัก(ยิ้ม)

    ส่วนเธอน้องโฮดี้โจนส์

    ฉันค่อนข้างรู้สึกแปลกใจมากที่เธอรู้สึกไม่พอใจแทนฉัน จงอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย ทำไม่เธอต้องแผดเผาจิตวิญญาณของเธอด้วยความโกรธด้วยเล่าทั้งๆที่เธอก็มี มีคนเคยบอกกับฉันว่า "ไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่เคยโดนดูถูกหรือเข้าใจผิด แม้คนที่ดีเลิศที่สุดในโลก ก็ยังโดนคนที่แย่ที่สุดในโลกดูถูกหรือเข้าใจผิดเอาได้แล้วฉันเป็นใครกันล่ะ นั้นเป็นเรื่องธรรมดา" ความจริงคนที่ผู้คำพูดนี้คือท่านโอโช ความดีงามอยู่ในตัวเธอฉันคิดว่าเธอน่าจะใช้เวลาที่มีของเธอไปกับการบ่มเพาะเมล็ดพันธุื์ เหล่านี้น่าจะดีกว่า อ้อ แล้วอย่าได้กล่าวว่า ฉันสอนอะไร?ใครเลย เพราะจนเดี๋ยวนี้ฉันรู้แล้วว่า ฉันไม่เคยไม่รู้อะไร?เลย สิ่งที่เธอเห็นฉันขอกล่าว่า เป็นคำสอนของครูของฉัน ฉันเป็นเพียงแค่คนส่งสาร ดังนั้นฉันเป็นเพียงคนโง่เท่านั้น พึ่งรับรู้ไว้ว่า ครูคนเดียวในโลกนี้ ที่มนุษย์พึงจะมีได้ คือเชาว์ปัญญาของตน จงใช้มันเถอะ

    อ้อ......ครูตัวน้อยของฉัน คำสอนของเธอฉันยังจำได้เสมอนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ตุลาคม 2011
  11. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    หวัดดีคราฟ ท่านเจ้าของกระทู้ น้อมรับคำสอน..............

    ทำไมถึงไปคิดว่า จขกท เอาศาสนามาหากินล่ะ
    แล้วทำไม ผมต้องคิดว่า คุณ เป็นคนเดียวกับ จขกท ด้วยล่ะ
    ในเมื่อ ระดับการใช้ภาษาของคุณกับ จขกท มันต่างกัน ฟ้ากับเหว

    ผมใช้คำว่าเกรียนบางตัว อั้นแน่เกรียนยอมรับความจริงแล้ว....................55555555555

    ยิงปืนรึ จัดไปเจอกันที่ไหนเมื่อไหน ออกตังค์ให้ด้วยท่าจะดีนะ.............บ้านจนแต่ก็มีตังค์พอจะทำให้มีการศึกษามากกว่าบางคน

    [​IMG]

    "ก็เอาสิมาเลย..........."

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->inni<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5185149", true); </SCRIPT> มีเกรียนตัวแ...ด้วย ใครพูดกับคุณ...........ช่างสาระ...ซะ หรือว่ายังหาแฟนไม่ได้นะ กิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยอารมณ์ร้อนเพื่อเกรียนบางตัวจะสงเคราะห์ให้..

    [​IMG]

    ผมก็รู้จักเจ้นะ หน้าเจ้ปะมานนี้แหละั...

    จขกท.เป็นเพื่อนฉันด้วยนะ.. เราคุยกันทุกวัน..คุณเป็นใคร? ทำเป็นรู้ดี.. รู้ไม่จริง อย่าแสดงออกมา.. ขอเตือนด้วยความหวังดีนะ นาย"โฮดี้โจนส์" (และฉันก็มีสาระพอๆกับจขกท..ด้วย..
    เราเป็นเพื่อนกันเกือบจะ2ปีแล้วล่ะ รู้ไว้ซ่ะด้วยนะ)<!-- google_ad_section_end -->

    ไหนบอกว่าพึ่งสมัครไง แต่ดันรู้จักเจ้าของกระทุ้มาสองปี สงสัยจะชอบกินไอ้นี่

    [​IMG]

    คนใจร้ายหลอกเค้าได้นะ....ตัวเธอ...................

    เกรียนจ๋าระวังโดนหญิงหลอกนะจ๊ะ............................

    สุดท้ายเหมือนเคย เค้าล้อเล่นนะกิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าซีเรียส ไหนว่าทองแท้ไม่กลัวไฟลนไง...............เอ....หรือชอบโดนนะ แบบซาดิสต์ๆๆๆนี่ บรื้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะนะเค้าล้อเล่นเอง นะกิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดีกันนะ.............ตัวเธอ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2011
  12. datedoctor

    datedoctor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +678
    เรื่องเล่าจากมีรา

    ที่ผ่านมาประวัติศาสตร์นั้นไม่เคยเล่าขานว่า มีรามีชีวิตอยู่จริง เธอจึ่งเป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่ในตำนาน เรื่องราวของเธอเริ่มขึ้นเมื่อเธอมีอายุได้ราวๆ สี่ห้าขวบ พราหมณ์ผู้หนึ่งเดินทางจาริกผ่านมา ท่ามกลางราตรีอันมืดมิดนักบวชผู้นี้ ได้ขอพักที่บ้านของมีรา และ คนในบ้านของเธอก็ตอบรับ และนั้นเป็นครั้งแรกที่มีราน้อยได้พบกับคนแปลกหน้าในบ้านของเธอ ดังนั้นเธอจึ่งค่อนข้างจะสนใจในนักบวชแปลกหน้าผู้นี้เป็นอันมาก ในขณะที่พราหมณ์กำลังพักอยู่เขาได้นำเอารูปปั้นของพระกฤษณะขึ้นมาบูชา พระกฤษณะผู้นี้ตามทัศนะของชาวฮินดูแล้วถือว่า เป็นองค์อวตารของพระวิษณุ ซึ่งพระองค์คือ ตัวแทนของความจริงสูงสุด และ ในขณะที่เขากำลังสวดคำบูชาอยู่ ข้างๆเขา มีราน้อย ผู้ซุกซนก็กำลังแอบดูการกระทำนั้นของพราหมณ์ และแล้วทันใดนั้นเอง เมื่อเธอพบเห็นรูปปั้น เธอก็ตกหลุมรักมัน

    เธอหลงรักอย่างไม่มีเหตุผล เพราะความรักนั้นมิอาจจะสะท้อนตัวเองออกมาจากเหตุผลได้ มีราไม่ต้องการคำอธิบาย เธอไม่ต้องการเงื่อนไข เธอไม่แม้แต่จะพุดว่า ฉันจะรักท่าน บูชาท่าน ถ้าท่านสอนฉัน ถ้าท่านทำตามคำขอ ถ้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เธอเพียงแต่รัก ความรักของมีราน้อยนั้นไม่ใช่เพราะอารมณ์ เพราะความรักนั้นแท้จริงแล้วเป็นอิสระจากอารมณ์ ไม่มีอารมณ์ใดที่สามารถหยิบจับความรัก หรือ แอบอ้างว่าเป็นความรักได้ ดังนั้นกามรมณ์กับความรักจึ่งเป็นคนล่ะเรื่องกัน อันที่จริงแล้ว ความรักนั้นไม่อาจจะอยู่ในดวงใจของใครได้ ความรักไม่ใช่เรื่องที่ใครจะหยิบจับหรือครอบครองได้ ความรักเพียงแต่แค่ไหลผ่านออกมาจากน้ำพุแห่งชีวิตภายในใครสักคนเท่านั้น ตรงจุดนี้ฉํนใครขอกล่าวถึงบทกวีของคาลิบ ยิบลาน กวีชาวเลบานอน ในหนังสือ The Prophet เขาเขียนไว้ถึงความรักว่าความรักไม่ให้สิ่งอื่นใดนอกจากตนเอง และก็ไม่รับเอาสิ่งใดนอกจากตนเอง ความรักไม่ครอบครอง และก็ไม่ยอมให้ถูกครอบครอง เพราะความรักนั้นเพียงพอแล้วสำหรับตอบความรัก

    กลับมาที่เรื่องของมีราหลังจากที่เธอได้เห็นเทวรูปนั้น น้ำตาของเธอก็เริ่มหลั่งออกมา มันมาจากที่ไหนสักแห่ง อาจจะเมื่อหลายร้อย หลายพันชาติก่อน และแล้วเธอก็วิ่งไปรอบตัวพราหมณ์เพื่อขอรูปปั้นนั้น นี่อาจจะดูเป็นเรื่องแปลก แต่สำหรับเด็กแล้วนี่ไม่ใช่เริ่องแปลกอะไร? เด็กนั้นมักตกหลุมรักสิ่งใดง่ายๆ พวกเขามักรู้สึกตื่นตัว และ หลงรักได้แม้สิ่งเล็กๆ น้อย ก้อนหิน เปลือยหอย ใบไม้ เหล่านี้คือ สิ่งที่ดูเล็กๆสำหรับผู้ใหญ่ แต่เหล่านี้กลับเป็นสิ่งยิ่งใหญ่สำหรับเด็ก และ มีคุณค่าพอให้พวกเขาหลงรัก ตรงจุดนี้ฉันอยากให้เธอหยุดคิดสักครู่ ข้ามผ่าน คืนวันในอดีตไปยังรักครั้งแรกของเธอ แล้วเธอจะรู้ว่าที่ผ่านมาความรักที่เธอเคยคิดว่า เป็นรักครั้งแรกนั้นไม่ใช่ความรักครั้งแรกที่แท้จริง นานมาแล้วในซอกของความคิดเก่าก่อน มีรักแรกของเธอซ่อนอยู่ รักแรกที่เธอนั้นได้หลงลืมไป รักแรกที่ยังคงไม่ได้หายไปไหน? ยังอยู่ตรงนี้ อยู่กับเธอเสมอ และ หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของเธอ

    เพื่อนรักของฉัน ตรงจุดนี้ถ้าเธอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดนี้ ฉันใคร่กล่าวว่าหากเธอลองมองย้อนกลับไปอย่างแท้จริง เธอจะพบว่า เนื่องด้วยตอนนั้นเธอยังเด็กและไร้เดียงสาเหมือนมีรานี่เอง เธอจึ่งสามารถตกหลุมรักได้อย่างบริสุทธ์ใจ มันต้องเป็นเช่นนั้น มีเพียงจิตที่ไร้เดียงสาเท่านั้นที่รู้ว่าความรักคือสิ่งใด? มีเพียงจิตที่ไร้เดียงสาที่รู้ว่าจะสัมผัสรักแรกได้อย่างไร? จิตที่ไร้เดียงสาที่ปราศจากนิยามหรือข้อสรุปในความรัก และ เป็นอิสระจากมุมมองความคิดเกี่ยวกับความรัก ดังนั้นจิตที่ไร้เดียงสานี้จึ่งมีคุณค่าพอสำหรับเปลวไฟที่เรียกว่าความรัก

    นอกจากนี้ฉันใคร่ขอกล่าวว่ามีเพียงจิตที่ไร้เดียงสาเท่านั้นที่มีศักยภาพพอที่จะค้นหาความหมายของความรักออกมาได้ ดั้งนั้นจงค้นหาความรักด้วยจิตที่ไร้เดียงสาเหมือนเด็กเถิด แม้มีราน้อยจะร้องขอ แต่พราหมณ์ก็ปฏิเสธที่จะให้ รุ่งขึ้นเขาก็เดินทางต่อไป สำหรับมีราแล้วโลกนี้แทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เธอไม่ยอมกินข้าว ไม่ดื่มน้ำ เธอเอาแต่ร้องไห้ ครอบครัวของเธอตื่นตระหนก พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้ จะทำอย่างไร สาธุคุณผุ้นี้จากไปแล้ว....นี่

    ภายใต้ความกังวลใจนี้ นักหลังนั้นไม่นานนัก หลังจากวันที่พราหมณ์ผู้นี้ได้จากไป ในค่ำคืนนั้นพราหมณ์ผู้นี้ได้ฝันไป ว่า พระกฤษณะได้มาปรากฏ ท่านตรัสว่า “จงนำเอารูปปั้นนี้กลับไปยังมือของผู้ที่คู่ควร รูปปั้นนี้ไม่ใช่ของเจ้า จงส่งคือไปยังเด็กผู้นั้น มันเป็นของเธอผู้ซึ่งมีใจถวิลหา” สิ่งนี้ได้สร้างความกลัวให้กับเขา ที่ผ่านมาเขาทำตามหน้าที่ มาตลอด เขาบูชาพระกฤษณะเจ้า นำดอกไม้มาถวาย สวดมนต์ ปฏิบัติตามความเชื่อ และ คัมภีร์ แต่จนแล้วจนรอดพระกฤษณะเจ้ายังคงไม่เข้ามา แต่แล้ววันนี้พระองค์เข้ามา และ พูดกับเขา นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่พระกฤษณะตอบรับเขา เสียงของพระองค์ดังฟ้าฝ่าลงมาเสยีงนี้สั้นสะเทือนพราหมณ์ไปถึงราก

    กระนั้นฉันใครกล่าวว่า แท้ที่จริงแล้วพระกฤษณะเจ้ามิได้เข้ามาจากไหน? ทั้งมิได้ไปยังที่แห่งใด? พระองค์อยู่ตรงนี้เสมอในจิตสำนึกของพราหมณ์ เพียงแต่เขานั้นมองไม่เห็น และ จิตสำนึกนี่เองที่ร้องบอกพราหมณ์ว่า ในฐานะผู้บูชาพระกฤษณะ เขาไม่คู่ควรที่จะยึดติดกับรูปปั้นนี้ ทั้งไม่คู่ควรที่จะเก็บรักษามันอีก เพราะที่ผ่านมาเขามิเคยที่จะบูชาพระกฤษณะด้วยความรัก เขาบูชาเพราะความรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ ดังนั้นในการกระทำนี้จึ่งไม่มีความรัก ความรักนั้นไม่อาจจะดำรงอยู่ได้ในความรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ลองดูเถอะทุกวันนี้เรามักพยายามที่จะทำราวกับความรักเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากแค่ไหนกัน รับผิดชอบต่อเพื่อน ต่อคนรัก ต่อลูก ต่องาน ต่อพระเจ้า ต่อประเทศชาติ และ อื่นๆ แต่นั้นไม่ใช่ความรัก อันที่จริงพระกฤษณะตรัสถูกทีเดียว รูปปั้นนั้นมันไม่ใช่ของเขา อันที่จริงแล้วในโลกนี้ก็ไม่มีสิ่งใดเลยที่เป็นของเขา แม้แต่ชีวิตของตัวเขาเอง ดังนั้นเขาจึ่งลุกขึ้นมา และ ย้อนกลับไป เขาตรงไปยังบ้านของมีรา เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ เขาเคารพเธอ เพราะความรักของเธอทำให้เขาได้ตื่นรู้ เขากล่าวว่า “แม่หนู ได้โปรดให้อภัยฉันด้วย ฉันได้ทำสิ่งที่ผิดมหันต์ ตอนนี้ฉันนำสิ่งนี้มามอบให้แล้วแด่ผู้ที่คู่ควรว่าแล้วเขาก็วางรูปปั้นนี้แล้วจากไป ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    วันเวลาผ่านไป เมื่อมีราอายุได้ สามสิบกว่า บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นกับเธอ ในวัยสามสิบนี้ ทุกคนที่รักตายจากไป พ่อแม่<O:p></O:p>ของเธอ พี่น้องของเธอ สามีเธอ ทุกคนที่เธอรัก ล้วนตายจากสิ่งนี้เป็นดังสายฟ้าฟาดลงมายังชีวิตเธอ มันต้องเป็นเช่นนั้น เมื่อใครสักคนสูญเสียคนที่รัก มันราวกับว่า จิตวิญญาณของเขาได้สูญเสียการดำรงอยู่ไป หากเธออยากจะร้องไห้ ให้น้ำตาของเธอได้พรั่งพรูออกมา เพื่อใครสักคน ก็จงร้องไห้เถอะ ร้องออกมาด้วยความสำนึกรู้ในคุณค่าของเขา เพราะ หากว่าชีวิตนี้คนเราไม่อาจจะร้องไห้เพื่อคนอื่นได้ น้ำตาของเรานั้นคงจะเป็นน้ำตาที่ปราศจากความหมาย เพราะ น้ำตาที่หลั่งไหลออกมาเพียงเพื่อตัวเองนั้นไม่อาจจะได้ชื่อว่า เป็นสายธารที่หลั่งไหลจากมหาสมุทรแห่งความรัก มันเป็นเพียงความโศกเศร้าที่ใคร สักคนใช้ความคิดสร้างขึ้นมาเมื่อรู้สึกกระทบกระเทือนใจ

    กลับมาที่เรื่องราวของมีรา บัดนี้ไม่เหลือใครอีกแล้วให้เธอรัก ไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่ยั้งยืนในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่จะคงอยู่อย่างถาวรเพื่อถูกโอบกอดด้วยความรักของเธอ ดังนั้น เธอจึ่งถวายความรักนี้แด่สิ่งที่เป็นนิรันดร์กาล นั้นคือพระเจ้า ความรักที่มีความเคารพ ความไว้วางใจ และ ความศรัทธา เธอทุ่มเทความรักที่มีทั้งหมดแด่พระกฤษณะรักแรกของเธอ เธอยังจะถวายอะไร?ได้อีกเล่า มีแต่ความรักเท่านั้นที่จะสามารถกลายเป็นอาหารทิพย์ของพระเป็นเจ้าได้ เพื่อนของฉันคนหนึ่งถามฉันว่า “ทำไมมีราจึ่งรักพระกฤษณะได้มากมายขนาดนี้” ฉันตอบเธอ ว่า “เธอที่รัก แล้วความรักนั้นต้องมีเหตุผลด้วยรึ” มันต้องเป็นเช่นนั้นลองคิดดูเถอะว่า รักแท้ของพุทธองค์ต่อมนุษย์ต่อสรรพสิ่งนั้นจำเป็นต้องมีเหตุผลหรือเปล่า ถ้าเธออยากสัมผัสความรักนี้ขอเธอจงรักให้ได้เช่นนี้อย่างแท้จริง ฉันกล่าวเช่นนี้ว่าอย่างแท้จริงเพื่อชี้ให้เธอเห็นว่า ความรักของเธอในทุกวันนี้แม้เธอจะพูดว่าไม่มีเหตุผล แต่ลึกๆแล้วมันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

    ขอให้เธอพึ่งรับรู้ว่าจงอย่าหาเหตุผลความรักไม่ใช่เรื่องของคนฉลาด เพราะคนฉลาดมันจะใช่ปรีชาชาญหาเหตุผล เลือกที่จะทำเพราะมันคุ้มค่าที่จะทำนี่เป็นเรื่องของอัตตาแท้ๆ คนทั้งหลายมักกล่าวว่าความรักนั้นทำให้คนทำสิ่งที่โง่เขลา แต่หากการเป้นคนฉลาดแล้วทำให้ใครสักคนต้องทิ้งความรักไป ถ้าเช่นนั้นก็จงโง่เขลาเถอะ แม้ใครสักคนอาจจะเป็นผู้ที่มีสติปัญญาล้ำจนกระทั้งสามารถรู้วิธีที่จะแปรเปลี่ยนปรมาณูเล็กๆให้การเป็นระเบิดได้ แต่ภายในกลับไร้รัก เขาก็ไม่อาจจะได้เชื่อว่าเป็นมนุษย์ เมื่อใดก็ตามที่เธอ ตระหนักว่า เธอนั้นโง่เขลาและอ่อนแอ ความรักก็จะเปิดออก และเมื่อนั้นปัญญาญาณจะอยู่ที่นั้น
    มีราถวายความรัก และ ด้วยความรักนี้สัมพันธภาพทั้งหมดที่มีราเคยมีต่อโลกก็ขาดสะบั้น มีราหนีจากโลกรึ เปล่าเลย เธอยังอยู่ตรงนี้ในโลกนี้เพียงแต่พัทธนาการที่มีในโลกนี้ไม่อาจจะจับเธอไว้ได้อีก

    นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์กล่าวว่า “ความตายนั้นเอง ที่เปิดประตูให้มนุษย์สู่ศาสนา” คำพูดนี้มีความจริงอยู่บ้าง แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตามที และตรงจุดนี้ ฉันค่อนข้างเห็นด้วยกับโอโช เขากล่าวว่า “ความตายนั้นคือ ตัวกระตุ้นที่ดีเพื่อให้คนออกค้นหา”หากปราศจากความตายคงมีคนน้อยมากที่สนใจศาสนา หรือ แม้แต่กระทั้งการออกค้นหาจิตวิญญาณของตัวเขาเอง!

    เพื่อนรักของฉัน อันที่จริงฉันใคร่ขอกล่าวกับเธอว่า ความตายนั้นเองที่ส่งสารแห่งสายธารธรรมตัดผ่านมายังเราเสมอๆ ในทุกลมหายใจ การที่โลกนี้มีความตาย ด้วยเหตุนี้โลกนี้จึ่งมีเครื่องยืนยันในการมีชีวิต อีกด้านหนึ่งของความตายนั้นเองคือชีวิต ชีวิตที่ซึ่ง ความเป็นอนิจจังอยู่ในนั้น และ เพราะ ความอนิจจังอยู่ในนั้น ใครสักคนจึ่งสามารถที่จะใช้เชาว์ปัญญาที่มีแปรเปลี่ยนความทุกข์ให้กลายเป็นความสุขสงบที่แท้จริงได้ และ นั้นคือสิ่งที่มีราทำ เธอวางความเศร้าโศกลง ไม่มีใครเลยที่หนีความตายพ้น อิสรภาพได้เกิดขึ้นแล้ว ด้วยอนิจจจังนี้ประตูแห่งความไปได้ทุกบานได้เปิดออก ให้ใครสักคนได้แปรเปลี่ยนชีวิตที่พบเจอกับความทุกข์ให้กลายเป็นสว่าง ณ จุดนั้นการมีชีวิตอยู่อย่างแท้จริงได้เริ่มขึ้น การมีชีวิตอยู่เพื่อดูแลชีวิตของตนเอง และ แบ่งปันความสุขนั้นแด่โลก ดังนั้นเธอจึ่งเริ่มเริงระบำ และ ร่ำเมรัย รอบๆรูปปั้นพระกฤษณะในบ้านของ ความรักได้เปิดประตู ความปิติหลั่งไหลผ่านเธอ ความทุกข์จากการสูญเสียเลือนหายไป ทุกวันนี้เรามักคิดว่าโลกใบนี้เป็นดินแดนแห่งความทุกข์ ชีวิตนี้คือความทุกข์ และ เต็มไปด้วยกิเลสตัญหา แต่นั้นก็ขึ้นอยู่กลับว่า เธอเลือกที่จะมองโลกนี้แบบไหน? แต่เธอเคยคิดไหมว่า เหตุใดเราจึ่งต้องมองดูโลกด้วยสายตาแห่งความทุกข์ ไฉนจึ่งไม่วางความทุกข์ลง และ ดื่มด่ำกับความสุขที่เรามี ในสิ่งที่เรามีเล่า ทำไมผู้คนในโลกเบี้ยวๆนี้ จึ่งไม่ เริ่งระบำเล่า สิ่งนี้น่าจะสิ่งที่เปิดประตูของชีวิตที่มีคุณค่าไม่ใช่หรือ? ทำไมเราไม่มาร่วมกันทำในสิ่งที่มีราทำเล่า

    อย่างที่กล่าวไปมีราเต้นร่ำถวายแด่พระกฤษณะ เธอทำเช่นนี้ทุกวันในบ้านของเธอ เธอทำของเธอคนเดียว เพราะ ปิติสุขของเธอนั้นไม่ได้มาจากการพึ่งพิงใคร เธอไม่ต้องอาศัยใครเพื่อบำรุงรักษาจิตใจ เพราะตอนนี้มีรารู้แล้วว่า ความรักเกิดขึ้นได้จากการใส่ใจตัวเอง ดังนั้น ณ ตรงนั้น ความกลัวที่สูญเสีย ความวิตกกังวล ความริษยา จึ่งหายไป จนกระทั้งเสียงเรียกหาแห่งความปิติบอกเธอ บ้านนั้นคับแคบปิติที่แท้จริงนั้นอยู่ข้างนอก จงแบ่งปันมัน ดังนั้นเธอจึ่งออกจากบ้านไป ไปยังตัวเมืองไปท่ามกลางสาธารณะชน ไม่เกี่ยงชั้นวรรณะ เพื่อแบ่งปันความปิตินี้ มันต้องเป็นเช่นนั้น ความรักไม่ใช่ของใคร ทั้งไม่เลือกวรรณะ ความรักข้ามผ่านเข้ามาในหัวใจทุกดวง ปิตินี้จากมันจึ่งมิอาจครอบครองมันเป็นโลก ยิ่งแบ่งปันความรักออกไปมากเพียงใด ปิติที่มีนั้นก็ยิ่งทวีคูณ มีราช่างมีชีวิตในทุกมิติของความเป็นมนุษย์จริงๆ

    มีราร่ำร้อง“ ราชาส่งยาพิษมาให้ ราชาส่งตระกร้างูพิษ ราชาเอาหนามแหลมมาทิ่มต่ำ” เธอทำอย่างนี้ทุกวัน มันต้องเป็นเช่นนั้น ราชาคือตัวแทนของการไขว้คว้าอำนาจ เพื่อครอบครองใครสักคน มีอิทธิผลเหนือใคร หรือ อะไร? ที่ใดมีการไขว้คว้าอำนาจที่นั้นมีความขัดแย้ง และ ตรงนั้นก็ปราศจากรัก อำนาจที่แท้จริงมิได้มาจากการไขว้คว้ามันมาจากความรัก ที่ใดมีความรักที่นั้นจิตสำนึกก็ถูกยกระดับ วุฒิภาวะได้ก่อเกิด และ นั้นเองทำให้มันมีอำนาจพอที่จะเยียวยาโลก การไขว้คว้าเพื่อให้ได้มาหาใช่หนทางไปสู่อำนาจไม่ มันเป็นเพียงความเห็นแก่ตัว และ ความทะยานอยากเท่านั้น ดังนั้นราชาก็คู่ควรแล้วสำหรับคำร้องนี้ นอกจากที่ได้กล่าวไปแล้ว บางวันเธอก็เต้นรำท่ามกลางผุ้คน ทั้งๆที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ร่างกาย และ จิตวิญญาณของเธอเปลือยเปล่า มันต้องเป็นเช่นนั้น เพราะ ใครสักคนไม่อาจจะมองเห็นความรักได้ ถ้าจิตของเขามิอาจจะเปลือยเปล่า ความคิด ความเชื่อ ค่านิยม การเปรียบเทียบ ผู้ต้องการเห็นความรักต้องเป็นอิสระโดยสมบรูณ์จากสิ่งเหล่านี้

    อย่างที่ฉันได้เล่าไปการกระทำของมีราทำให้เธอค่อยๆโด่งดังขึ้น ผู้คนจากทุกสารทิศมาหาเธอเพื่อเต้นรำ พระ ขอทาน คนสามัญ เศรษฐี ทุกคนมาหาเธอเพื่อขอพร เพื่อสัมผัสปิติสุข ทุกที่ที่เธอผ่านไป เธอได้นำเอาความปิติมายังที่แห่งนั้น ราวกับสวรรค์ได้สัมผัสพื้นพิภพเป็นครั้งครา นั้นคือหน้าที่ของความรัก ความรักผ่านเข้ามาสู่ใครคนหนึ่ง เพื่อว่าเขานั้นจะได้หยั่งรู้ความลับของดวงใจของตัวเอง และ ด้วยความรู้นั้นเขาคนนั้นก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ ดวงใจแห่งชีวิตอมตะ ของพระเจ้า

    แต่ทว่า ในบรรดา คนทั้งหมดที่มาหาเธอมีคนๆหนึ่ง ที่ต่างออกไป เขาชื่อว่า วิกรมจิต สิงห์ เขาคือน้องชายของสามีเธอ และ เขาคือราชาของเมืองนี้ เสียงร้องเพลงที่ว่า “ ราชาส่งยาพิษมาให้ ราชาส่งตระกร้างูพิษ ราชาเอาหนามแหลมมาทิ่มต่ำ” ทำให้เขาดูราวกับเป็นตัวตลก ซึ่งเขารับไม่ได้ ความจริงแล้วลึกๆเรื่องที่เขารับไม่ได้จริงๆก็คือการที่มีคนในครอบครัวของเขาเป็นที่ยกย่องจากผู้คนมากกว่าตัวเขาเองที่เป็นกษัตริย์ อัตตาตัวตนของเขาถูกสั่นคลอน ดังนั้นเขาจึ่งสามารถครุ่นคิดหาเหตุผลเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง หญิงคนนี้ทำให้ต้นตระกูลของเขาเสื่อมเสีย ทั้งที่เป็นวรรณะกษัตริย์ แต่กลับนอกรีต ไปปะปนกับคนมากหน้าหลายตา บางครั้งก็เปลื้องผ้าท่ามกลางผู้คน เขาเป็นคนที่มืดบอด ดังนั้นเขาจึ่งมาพร้อมกับยาพิษจริงๆ เขาลอบเข้าไปในฝูงชนที่กำลังเริงระบำพร้อมมีรา แล้วผสมพิษร้ายนี้ในเมรัย และ ส่งมันให้มีรา เพื่อที่จะฆ่าเธอ ว่ากันว่า มีรารับยาพิษนั้นมาแล้วดื่มลงไป แต่แล้วบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เธอไม่เป็นอะไร?เลย สิ่งนี้สร้างความตกตะลึงให้แก่ วิกรมจิต สิงห์เป็นอันมาก เกิดอะไร?เขาไม่อาจจะเข้าใจ ทั้งนี้เพราะสิ่งที่เขามีคือไฟแห่งความอิจฉา เขามีแต่เพียงเศษซากของชีวิตในห้วงอดีต แต่ความรักนั้นเป็นปัจจุบันเสมอ ดังนั้นเขาจึ่งมิอาจจะมองเห็นว่า เมื่อมีราดื่ม บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น พิษร้ายนั้นได้กลายเป็นน้ำหวานไป

    น่าประหลาดใจนัก ถ้าหากใครสักคนมองดูเรื่องนี้ผ่านตรรกะเหตุผลแล้ว นี่คือเรื่องที่แปลกมาก นี่คือ ปาฏิหาริย์ แต่หากเธอมองเรื่องนี้ผ่านหัวใจแล้ว เธอจะพบว่า นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร? มันควรแล้วที่จะต้องเป็นเช่นนั้น พิษร้ายที่ส่งมาในนามของความโกรธเกลียดชัง ย่อมมิอาจจะล้อมกรอบ และ จับ ความรักได้ สิ่งที่มีราเมื่อเธอเผชิญหน้ากับความชั่วร้าย เมื่อเสียงแห่งความชั่วร้ายกระซิบครอบงำหรือจูงใจให้เดินตามก็คือ เธอกล่าวกับมันว่า เธอที่รักฉันอยุ่ที่นี่เพื่อเธออย่างแท้จริง ขอเธอที่รักจงจูงมือฉันแล้วไปสัมผัสความดีงามพร้อมกับฉัน เธอที่รักจงเดินทางไปกับฉันเถอะไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะหลอกฉันเพราะฉันนั้นได้รู้ถึงผลของสิ่งที่เธอกำลังจะให้ฉันทำแล้ว และฉันรู้จักเธอดีแต่ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะมอบสิ่งดีๆให้กับเธอที่รักของฉัน จงเดินตามฉันมามาสัมผัสสิ่งที่เธอนั้นไม่รู้จักแต่ฉันนั้นรู้แล้วเพราะ ฉันได้สัมผัส ได้เฝ้าดุมากับฉันเถอะ มาสัมผัสอีกด้านหนึ่งขอตัวเธอที่เธอนั้นมองไม่เห็นมัน มันต้องเป็นเช่นนั้น เนื่องด้วย หากใครสักคนเป็นผู้มีชีวิตเปลี่ยมไปด้วยความรักอันบริสุทธ์แล้วล่ะก็นี่คือสิ่งที่เขาจะกระทำ ด้วยความเข้าใจเช่นนี้ ความรักที่เปลี่ยนล้นในตัวเขานั้นจึ่งสามารถแปรเปลี่ยนได้แม้พิษร้าย ให้กลายเป็นน้ำหวานไป แต่หากใครสักคนมีชีวิตอยู่ด้วยความเกลียดชัง และ ความริษยา แม้เขาจะดื่มน้ำทิพย์อันศักดิ์สิทธิ์มันก็จะต้องการมาเป็นพิษร้ายที่ทำลายทุกสิ่งแม้แต่ตัวเอง <O:p></O:p>

    รู้อะไรไหมเพื่อนรักความรักนั้นหาได้เคยทำให้ผู้ใดตาบอดไม่ ตรงกันข้าม มีเพียงความรักที่มีดวงตาสิ่งต่างๆที่ปราศจากรักล้วนตาบอดมีเพียงความรักเท่านั้นที่สามารถหยุดเวลา หรือดวงดาราไม่ให้เคลื่อนไปได้มีเพียงความรักเท่านั้นที่สามารถขับเคลื่อนโลกใบนี้ได้มีเพียงความรักเท่านั้นที่ทำให้เธอสามารถมองเห็นความจริงได้<O:p></O:p>
    ดังที่ครูทางจิตวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ คนหนึ่งของโลก คือ เจ กฤษณมูรติ มักพูดเสมอๆว่า“คุณโอบกอดโลกใบนี้เช่นไร? โลกก็เป็นเช่นนั้น”พื่อนรักของฉัน โลกนี้คือ มุมมองต่อขยายจากมโนทัศน์ของเธอ ถ้าเธอมองโลกนี้ด้วยสายตาแห่งความดีงาม ความรัก ความเมตตากรุณา โลกใบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากสวรรค์ หรือ แดนสุขาวดี จริงไหม? แต่ถ้าเธอมองโลกใบนี้ด้วยสายตาแห่งความทุกข์ระทม ความเกลียดชัง อาฆาตพยาบาท แล้วล่ะก็ แม้สรวงสวรรค์สำหรับเธอก็คงไม่ต่างจากนรก<O:p></O:p>

    ว่ากันว่าหลังจากที่มีราได้ดื่มยาพิษที่ วิกรมจิต สิงห์ส่งมา หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ออกจากเมืองไป ว่าแต่ว่าเธอไปไหน? ว่ากันว่าเธอมุ่งตรงไปยัง วรินดาวัน ซึ่งตำนานเล่าขานกันว่า เป็นเมืองของพระกฤษณะ เธอกล่าวว่า “ฉํนจะไปยังเมืองของผู้เป็นที่รักยิ่งของฉํน” ใช่ มันต้องเป็นเช่นนั้น เธอที่รัก ฉันใคร่ขอกล่าวว่า ถ้าเธอถามว่า เธอควรจะเริ่มเดินทางตามหาความรักเมื่อใด จงรู้ไว้ว่าเมื่อเธอถามคำถามนี้ การเดินทางได้เริ่มขึ้นมาแล้ว เมื่อความรักนั้นเรียกร้องหัวใจของเธอจงตามมันไป แม้ว่าเบื้องหน้านั้นอาจจะเป็นหุบเหวแห่งความเจ็บปวดแต่นั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา การที่ใครสักคนต้องพบกับความเจ็บปวด เมื่อเขาเรียนรู้ที่จะรักนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอันใด ฉันคิดว่ามีรานั้นเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเธอจึ่งมุ่งไปตามที่ซึ่งเสียงเรียกหาในหัวใจของเธอร้องหา นี่คือความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่มาก ลองคิดดูสิว่า เป็นการยากมากแค่ไหน?ที่ใครสักคนสามารถกล้าหาญได้ภายใต้ความรัก ความกลัว ความวิตกกังวลว่าจะผิดหวัง ว่าจะต้องพบเจอกับความเจ็บปวด มักจะทำให้เราไม่กล้าพอที่จะรักใครสักคน ดังนั้นคนเราจึ่งไม่อาจจะใช้ศักยภาพที่มีทั้งหมดเพื่อที่จะรักได้

    แต่ทว่าแม้มีราจะมุ่งไป แต่ตอนนี้ที่วรินดาวันหาได้มีพระกฤษณะอยู่อีกไม่ นานมาแล้ววรินดาวันเคยเป็นที่ประทับของพระกฤษณะ แต่ตอนนี้กาลเวลาได้ผ่านไปแล้วยาวนานเพียงพอที่เรื่องราวของพระองค์กลายมาเป็นปกรฌัม ที่วรินดาวันมีแต่เพียงนักบวช และ แล้ว เมื่อมีรามาถึงวิหารที่ใหญ่ที่สุดของวรินดาเธอก็พยายามที่จะเข้าไป ในตอนนั้นเอง มีนักบวชมากมายพยายามจะหยุดเธอไว้ เนื่องด้วยเป็นความเชื่อของวิหารแห่งนั้นว่า สตรีเพศจะนำมาซี่งความแปดเปลื้อน แต่แล้วบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น ในขณะที่มีราร่ายรำอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น เธอยกเอาจอกเมรัยขึ้นมา แล้วสาดเมรัยที่อยู่ในจอกออกไป ทุกผู้ที่สัมผัสเมรัยนี้ต่างก็เมามาย ภายใต้ความเมามายนั้นทุกคนก็ลืมสิ้นซึ่งสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ ดังนั้นมีราจึ่งสามารถเข้าไปยังวิหารแห่งนี้ได้ และ แล้วเธอก็มาถึงรูปปั้นของพระกฤษณะ เธอกำลังเริงระบำ สิ่งนี้เป็นบางสิ่งบางอย่างที่โลกไม่อาจจะจับไว้ได้ ราวกับกาลเวลาหยุดนิ่งลง

    ทันใดนั้นเองก็มีเสียง เสียงหนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า “แม่หญิง เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในวิหารนี้นี่คือ กฏ ผู้หญิงจะนำมาซึ่งความแปดเปื้อน เธอต้องออกไป”เสียงเสียงนี้มาจากเจ้าอาวาสของวิหารแห่งนี้ เขาเป็นพราหมณ์ชราชั้นผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติตามกฏของวิหารอย่างเคร่งครัด และ เพราะความเคร่งครัดนี้เอง เขาจึ่งไม่อาจจะมองเห็นเชาว์ปัญญาได้ มันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? ความเป็นหญิงจะทำให้เป็นมลทิลรึ นี่คือเรื่องโง่ๆ ชาติกำเนิด ชะตากรรม นะรึทำให้คนมีมลทิน เปล่าเลย การกระทำต่างหาก แต่นี่คือความเชื่อ และ เป็นความเชื่อที่ไม่เคยถูกตั้งคำถาม ความเชื่อที่มีไว้ให้ใครสักคนบูชา และ ก้าวเดิมตาม เพื่อนรักลองมองดูสิทุกวันนี้โลกใบนี้เต็มเรื่องไร้สาระภายใต้เงาแห่งความเชื่อแบบนี้มากเพียงใด?

    และ แล้วเมื่อเสียงนั้นสิ้นสุดลง มีรากล่าวว่า “น่าแปลกนัก นอกจากพระกฤษณะแล้วโลกใบนี้มีผู้ชายอื่นด้วยรึ น่าแปลกจริงๆ ที่ผ่านมาฉันทราบเพียงแต่ว่า พระกฤษณะเป็นเพียงชายคนเดียวในโลกนี้เท่านั้น เพราะ โลกที่เหลือคือสตรีอันเป็นที่รักของพระองค์ ท่านก็เป็นผู้ชายรึ งั้นท่านคงเป็นคู่แข่งของพระองค์นะสิ ” ใช่มันต้องเป็นเช่นนั้นมีรากำลังพูด ในสิ่งที่ง่ายอย่างเหลือเชื่อ โลกทั้งใบนี้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้า เพราะโลกทั้งใบนั้นเองที่อยุ่ในดวงใจของพระเป็นเจ้า ดังนั้นไม่ว่าชายหรือหญิงที่มีดวงตาก็ล้วนเป็นที่รัก และ เป็นที่ต้อนรับของพระเจ้าทั้งนั้น แล้วจะทำให้พระองค์แปดเปลื้อนได้อย่างไร? ที่ใดมีความรักที่นั้นก็มีแต่คุณความดี มีแต่ความรักเท่านั้นที่ทำให้สิ่งต่างๆมีดวงตา สิ่งใดๆก็ตามที่ปราศจากความรักล้วนตาบอด พระผู้เป็นเจ้าได้สร้างสรรค์โลกนี้ขึ้นมาจากความรัก ดังนั้นแท้ที่จริงแล้วอณาจักรแห่งพระเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว พระเจ้าคือความรัก มีแต่ความรักนี่เองที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นพระเจ้าได้ มีแต่ความรักเท่านั้นที่ไพศาลพอ ตามทัศนะคติของฮินดู พระวิษณุ คือ เทพผู้คุ้มครองโลก พระองค์จะอวตารลงมาเพื่อปราบปรามภัยร้ายที่คุกคามโลกเสมอๆ ลองคิดดูเถิดว่า แท้ที่จริงแล้วจนถึงตอนนี้ พระวิษณุคือใคร? มองมาตรงๆที่ภายในแล้วเธอจะพบพระวิษณุ

    คำตอบของมีราสร้างความตกตะลึงให้แก่เจ้าอาวาสเป็นอันมาก มันกระทบอัตตาตัวตนของเขาเข้าอย่างจัง คำตอบนี้อยู่เหนือความคาดคิดของเขา มันแสดงให้เห็นว่าเขานั้นไร้ปัญญาเพียงใด? ไม่มีใครเคยตอบเช่นนี้ ไม่มีใครถามเช่นนี้ นอกจากพระกฤษณะแล้วมีชายคนอื่นด้วยรึ? เสียงเล็กในใจดังขึ้น เสียงนั้นกระซิบบอกเขาถึงความเขลา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกต่อต้านมัน เขาไม่อาจจะยอมรับมันได้ ถ้ายอมรับคำตอบนี้ก็จะสร้างบาดแผลขึ้นบนอัตตาตัวตนของเขา ทั้งๆที่คำกล่าวนี้ มันควรจะเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่ที่ช่วยให้เขาตระหนักรู้ แต่ทว่าด้วยจิตอันคับแคบ ดอกบัวก็ได้กลายเป็นกงจักรไป ดังนั้นเขาจึ่งตระโกนขึ้นว่า “นังหญิงบังอาจ เธอกล้าดีอย่างไร? จึ่งกล่าววาจาลบหลู่พระกฤษณะเจ้าเช่นนี้ นี่คือบาปอันร้ายแรง” ใช่เธอนอกรีตสำหรับผู้มืดบอด แต่เธอคือสัจจะสำหรับผู้มีดวงตา อันที่จริงแล้วเธอนั้นไม่ต่างจาก คุรุคนหนึ่ง ที่ชื่อว่า ดุบปะ คุเล ดุบปะ คุเล ผู้นี้คือ คนที่ทำให้พระพุทธศาสนาสามารถเข้าไปเป็นสายธารแห่งชีวิตของคนภูฏานจวบจนทุกวันนี้ ถ้าเธอเคยไปที่ภูฏานเธอจะพบเห็นความสงบสุขที่นั้น ความสงบสุขอย่างแท้จริงที่ไม่อาจจะหาได้จากที่อื่นอีกแล้ว ในยุคสมัยนี้ คำพูดของเขานั้นนอกรีต แม้แต่กระทั้งการขอร่วมหลับนอนกับมารดาของท่าน ท่านก็ทำมาแล้ว ความจริงทั้งวิธีสอน และ การเป็นอยู่ของเขาล้วนนอกรีตแต่ก็เหมือนมีรานั้นแหละ เขานอกรีตในสายตาของผุ้มืดบอด ทุกครั้งที่เขาจาริกไปสอนธรรม เขาจะพูดกับหมู่บ้านที่ผ่านไปว่า“ฉันมาที่นี้เพื่อสอนธรรมะแต่ก่อนอื่น จงนำเอาสตรี และ สุราที่ดีที่สุดที่เจ้ามีมาให้ฉัน แล้วฉันจะสอนท่าน” ลองคิดเอา เองดูเถอะท่านผู้มีปัญญาว่า แท้จริงแล้ว สตรี และ สุราที่ดีที่สุดที่เจ้ามี นั้นดุบปะ คุเล หมายถึงสิ่งใด?

    เอาล่ะกลับมาที่มีรา ทำไมเจ้าอาวาสถึงไม่พอใจ จะทำอย่างไร?ได้เพื่อนรักของฉัน มีรานั้นเป็นดังแสงสว่างที่ส่องให้เห็น ความเขลา ความดื้อดึง และ ทิฏฐิ ที่ผู้คนพยายามจะเก็บซ่อนไว้ไม่ให้คนอื่นเห็น แม้คนคนนั้นจะเป็นนักบวช การปรากฏตัวของเธอไม่ต่างอะไร? จากการปรากฏตัวของ พระเยซูต่อชนชาติยิว ดังนั้นพวกเขาจึ่งต้องขับไล่เธอ เพื่อนรักของฉัน อันที่จริงตรงจุดนี้ฉันคิดว่าหากเจ้าอาวาสผู้นี้มีดวงตาสักนิด เขาจะคงจะเห็นว่า มีรานั้นไม่ใช่สิ่งอื่นใด เธอคือพาหนะแห่งพระเจ้า ทำไมนะหรือ ก็เพราะ มีเพียงผู้ที่ถวายความรักทั้งหมดที่มีแด่ทั้งโลกเท่านั้นที่มีคุณสมบัตินี้นะสิ ด้วยเหตุนี้มีราจึ่งต้องจากไปจากที่นี่ เธอมุ่งไปยังดวาริกา แต่ไม่ว่าจะเป็นดวาริกา หรือ วรินดาวัน หากมองด้วยสายตาแห่งความรักที่ใดในโลกนี้ล้วนเป็น ดินแดนศักดิ์ของพระกฤษณะ<O:p></O:p>

    และแล้วหลังจากที่เวลาได้ล่วงเลยไป หลายปีกษัตริย์องค์ใหม่ได้ขึ้นครองราช เขามีนามว่า อุทัยสิงค์ มีวาร์ เขาได้ยินเรื่องราวของมีราตั้งแต่เด็ก และ ชื่นชมเธอ เขาชื่นชมในความรักที่เธอมีต่อพระเป็นเจ้าอย่างไม่มีวันแปรเปลี่ยน เขาอยากเป็นส่วนหนึ่งในความรักนั้น ดังนั้น เขาจึ่งส่งคนออกไปสืบหามีราจนทราบว่า ขณะนี้มีราอยู่ที่วิหาร Ranchhordasji ดังนั้นเขาจึ่งให้คนไปเชิญเธอกลับมา แต่จนแล้วจนเล่าไม่มีใครเลย ไม่มีใครแม้แต่ผู้เดียว ที่สามารถตามเธอกลับมาได้ ก็ใครละจะทำได้ความรักนั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครสักคนจะเข้ามาแทรกแซง ทั้งมิอาจจะครอบครอง เมื่อใครสักคนเข้ามาแทรกแซงความรักของคนอื่น ในสิ่งที่คนอื่นทำ ความรักก็ได้หนีจากไป ว่ากันว่า ทุกคนที่ไปจะได้ยินคำพูดหนึ่งเสมอๆ นั้นคือ “บัดนี้ไม่มีผู้ใดไป และ ไม่มีผู้ใดมา จะให้ฉันทำอย่างไรได้ ฉันไม่อาจจะไปไหนได้อีกแล้ววิหารแห่งความรักนั้นอยู่ที่นี่แล้ว” ใครล่ะจะไป แล้ว ใครล่ะจะมา ความรักไม่มีที่ไปและที่มามันอยู่ตรงนี้แล้ว เพียงมองให้เห็น

    วันเวลาผ่านไป นานมากพอจนกระทั้งความอดทนของ อุทัยสิงค์ มีวาร์ สิ้นสุดลง เขากล่าว่า “หากเธอไม่มา จงขู่เธอ จงจับเธอมา จงบอกเธอว่าพวกเจ้าทั้งหมดจะนั่งอดอาหารจนตายที่หน้าวิหารจนกล่าวเธอจะยอมมา”คนทั้งหมดร่วมร้อยทำตามคำสั่ง พวกเขาไปพบมีรา แล้วยืนคำขู่ว่า “ถ้าท่านไม่มากลับเรา พวกเราจะนั่งอดอาหารจนตายที่หน้าวิหารแห่งนี้” มีรากล่าวว่า “พวกเธออีกแล้วรึ ก็ได้ถ้าเช่นนั้น ฉันของไปร่ำราที่รักของฉันก่อน” และแล้วเธอก็เข้าไปในวิหาร หลังจากนั้นตำนานได้เล่าขานว่า ไม่มีใครที่พบเธออีกเลย เธอหนีไปรึ? ไม่มีใครรู้ อาจจะเป็นเช่นนั้น หากแต่ตำนานเล่าขานว่า มีราไม่ได้หายไปไหน เธอเพียงแต่หายลับเข้าไปในรูปปั้นของพระกฤษณะในวิหาร Ranchhordasji นั้น มีราหลอมรวมกับพระกฤษณะ มันต้องเป็นเช่นนั้นเพราะที่ใดก็ตามที่มีความรักอัตตาตัวตนนั้นหามีไม่ ความรักไม่อาจจะดำรงอยุ่ได้ท่ามกลางการแบ่งแยก เมื่อใครสักคนรู้สึกแบ่งแยกจากผู้อื่น ดวกไม้แห่งความรักก็ได้ร่วงโรยไป สิ่งนี้นำมาซึ่งความขัดแย้ง ดังนั้นมีราจึ่งต้องหายไป ว่าแต่มีราหายไปไหน? หายไปในอดีตรึ? เปล่าเลย หายไปในอนาคตรึ? เปล่าเลย เธอไม่ได้หายไปในอดีต หรือ อนาคต เพราะ ความรักนั้นไม่มีอดีตหรืออนาคต ความรักนั้นอยู่ได้เพียงเวลาเดียวคือปัจจุบันขณะ ทั้งไม่ได้หายไปในความคิดของใคร ทั้งนี้เพราะ ความรักนั้นอยู่เหนือความยุ่งเหยิงของความคิด ดังนั้นความรักจึ่งไม่อาจจะเข้าใจได้ผ่านเหตุผล ดังนั้นจึ่งไม่มีใครสอนเธอได้ว่ารักได้อย่างไร? ผู้รู้ใด? วิธีการใด? หนังสือเล่มใด? ประสบการณ์ทั้งหมดนั้นไม่อาจจะสื่อสารผ่านถ้อยคำ ไม่แม้แต่ใครจะสามารถฝึกฝนตนเองให้รักได้ ทั้งเธอไม่อาจจะนำพาความรักเข้ามาสู่หัวใจของเธอได้ เพราะ ความรักนั้นไม่ใช่ของเธอ เพียงแต่เมื่อความรักนั้นเห็นว่าเธอมีคุณค่าพอแล้วความรักนั้นจะหลั่งไหลออกมาจากตัวเธอเอง <O:p></O:p>

    หลังจากที่เธออ่านกระทู้นี้จบ ขอเธอลองหายใจเข้าแล้วสัมผัสให้ได้ถึงความเป็นมนุษย์ในตัวเธอ จากนั้นหายใจออกแล้วสัมผัสสิ่งต่างๆที่อยู่รอบข้างเธอ จินตนาการว่าลำธารกำลังรินไหลออกมาจากตัวเธอ ต้นไม้ นกร้องเพลง แสงแดด ยกมือขึ้น แล้วหายใจเข้า วางมือลงเพื่อสัมผัสสิ่งต่างๆรอบตัวเธออีกครั้งอย่างลึกซึ้ง จินตนาการถึงจักรวาลอันเว้งว้าง แล้ว ภาวนาว่า “ฉันรับรู้ได้ถึงเธอแล้ว มารดาของฉัน เธอนั้นเองที่ทำให้ฉันนั้นมีชีวิต” หายใจเข้าออกอีกครั้งเพื่อผ่อนคลายแล้ว จากนั้นหายใจเข้าอีกครั้งแล้วยืดแขนออกไป ภาวนาว่า “ขอบคุณที่โอบกอดฉํน ฉันรับรู้ถึงความรัก และพร้อมแล้วที่จะดำรงอยู่อย่างแท้จริง” แล้วหายใจออก ผ่อนคลายแล้ววางแขนลง และ ตอนนี้เธอก็พร้อมแล้วที่จะสัมผัสโลกของมีรา <O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 ตุลาคม 2011
  13. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571

    อันที่จริงเว็บนี้ ผมและอีกหลายคน ช่วยกันปราบ คนที่เอาศาสนามาใช้เป็นเครื่องมือในทางมิชอบ หรือมีเจตนาแอบแฝงที่จะทำลายพระพุทธศาสนา

    ซึ่งบางครั้ง ผมก็จำเป็นต้องแหย่ดูบ้าง เบาบ้าง หนักบ้าง

    หากไม่มีอะไร ผมก็ไม่แหย่อีก .......

    แต่หากเป็น พวกมารจริงๆ เดี๋ยว ผู้ดูแลเว็บเขาก็จัดการไปเอง

    ใน internet ไม่มีความลับหรอกครับ

    พวกก่อกวน พวกมารจ้องทำลาย

    สามารถหาตัวได้
    ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน .....

    แต่เอาไว้ ให้ตำรวจ


    คิดว่า กระทู้นี้ คงไม่มีอะไรแอบแฝงละมั่งครับ !!
     
  14. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    OK เห็นด้วยครับ...............ขอโทษด้วยที่่ผ่านมา

    ถึงทะเลาะกัน(มั้ง)แค่ไหนเราก็ดีกันได้เพราะคนไทยเหมือนกัน

    หวัดดีคราฟ...............ท่านเจ้าของกระทู้
     
  15. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    โจรกลับใจ.................
     
  16. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    เป็นอะไรมากเป่า?..................
     
  17. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571

    เดี๋ยวมีกระทู้ ทะแม่งๆอย่างว่า จะ PM ไปบอก แล้วไปช่วยกันดู
    ตอนนี้ เพื่อน PM มาให้แล้ว กำลังดูอยู่
     
  18. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    ok ครับจัดไป

    เดี๋ยวผมขอไปจัดการไอ้พวกสาวกท่านเกษมก่อน...................
     
  19. Nazeepunk

    Nazeepunk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    บทความนี้ผมได้ฟังจากปากของท่านในที่ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ขอบคุณที่แนะนำเรื่องต่างๆคับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 012.3.jpg
      012.3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49 KB
      เปิดดู:
      64
  20. Nazeepunk

    Nazeepunk สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    เฟริสเองครับ

    ขอบคุณครับพี่ ที่แนะแนวทางให้ผมได้อ่านบทความนี้
    ผมได้เจอกับผู้ที่เขียนบทความนี้ในที่ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
    แล้วผมจะติดตามอีกหลายบทความของพี่นะครับ:cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...