ทริปออกพรรษา ทอดกฐิน วัดหินหมากเป้ง ชมบั้งไฟพญานาค 4-6 ตุลาคม 2552

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 19 สิงหาคม 2009.

  1. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    แค่อ่านก็ปิติแล้ว

    อนุโมทนากับบุญทุกท่านทุกประการด้วยครับ
     
  2. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    ผมพลังจิต1 ถึงสกลแล้วครับ
    ท่านใดไม่ได้ไป5วัน เสียดายด้วยนะครับ
    สนุกจริงๆ บรรยากาศดีสุดๆเลยครับ
    โดยเฉพาะตอนกลางคืน ได้ของดีมากมาย ภาวนากันแบบจริงจัง

    (น่ากลัวมากครับ)

    วิชชาที่ได้ ก็จาก อาจารย์นิค กันภัย
    กับอาจารย์เล็ก กันภัย

    แถมพิเศษสุดๆ คุณพ่อของพี่เมืองแนะนำวิชาดีๆให้ตลอดทาง ท่านใจดีมากๆเลยครับ
    ปู่ขาวท่านก็ใจดีมีเมตตา ตื่นเช้าขึ้นมาท่านก็ยังชมว่าเก่ง

    กลางคืนหลังจากภาวนากันแบบจริงจัง เรียนวิชาสูญทองเข้าตัวแล้ว
    มีเสือสามตัวเข้ามาในศาลา เจือผมใช้วิชาครั้งเดียว เตลิดไปเลยครับ (555) ใครอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นลองถามท่านที่ไป5วันดูสิครับ

    ได้ประสบการณ์แปลกใหม่จริงๆครับ
     
  3. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    รายชื่อวัดที่ทำบุญกฐิน ทำบุญวัดต่างๆ หย่อนเหรียญทำน้ำมนต์
    แจกพระบรมฯ
    พระธาตุข้าวบิณฑ์
    หนังวิชชาฯ
    รายละเอียดต่างๆอยู่ที่ผมครับแล้วจะค่อยๆทะยอยนำมาลงนะครับ
     
  4. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078
    ส่วนบั้งไฟพญานาค นั้นไม่ได้เห็นครับ
    เห็นเป็นตัวเป็นๆเลยครับ
    เห็นกันทั้งทริปเลย
    ท่านขึ้นมาบนรถด้วยครับ











    ไม่เชื่อถามพี่ "นาคา" ได้ครับ
     
  5. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ยังสรุปข้อมูลจากที่จดไว้มากมายเลยค่ะ สำหรับทริปนี้

    ก่อเกิด งานบุญ งานเพื่อส่วนรวม ตามมาอีกมากมาย

    ช่วงนี้ทยอยสรุปเป็นตอนในทวิตเตอร์ ไปพลางๆ ค่ะ




    เมื่อสักครู่ ได้รับแจ้งจาก พี่กุ้ง เรื่องการลงข่าวในหนังสือพิมพ์
    ของการถวายพระบรมสารีริกธาตุฯ ในทริปนี้

    ขอความช่วยเหลือด่วนค่ะ !!

    พี่้น้องท่านใดที่ถ่ายภาพ ขณะที่กำลังถวายพระบรมสารีริกธาตุ
    ที่สถานเอกอัครฑูต ณ เวียงจันทน์

    ขอให้ช่วยส่งด่วน ! ทางอีเมล์ซัน ด้วยจ้า
    ขอภาพต้นฉบับ นะคะ

    เพราะจะนำภาพนั้นไปทำข่าวลงหนังสือพิมพ์ ค่ะ


    ขอความช่วยเหลือ ด่วนเด้อค่ะ !!


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2009
  6. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864


    ฮิ ฮิ .....พี่นาคาลืมคาดเข็มขัดนิรภัยให้ท่านด้วย ^o^


    แต่ก็มหัศจรรย์สุดๆ ช่วงที่รถวิ่งผ่านเส้นทางขรุขระ ข้าวของอื่นหล่นจากเบาะลงพื้นกระจายเลยค่ะ
    แต่ท่านนั่งนิ่งเฉยๆ ไม่หล่นเลย คาดว่าท่านจะมีเข็มขัดนิรภัยส่วนตัวนิ

    รอพี่นาคากลับถึงภูเก็ต พักผ่อนแล้วคงได้มาเล่าสู่กันฟังค่ะ



    ตอนนี้ ที่ทราบก็มีของคุณป้าแอ๊ด อัพรูปและภาพขึ้นบล๊อกของท่านเรียบร้อยแหล่ว

    เดี๊ยวขออนุญาตท่านนำมาแปะไว้ที่กระทู้พลังจิตด้วยเลยนะคะ
     
  7. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ตามไปดูรูปทริปนี้จากกล้องป้าแอ๊ดได้ที่ลิ้งเลยค่ะ

    BlogGang.com : : addsiripun :


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2009
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ส่งมาให้ได้จะขอบคุณมากเลยครับ เพื่อให้เกิดอานิสงค์ตามเสด็จพระราชกุศลด้วยครับ

    ที่อยู่จะส่งให้ทางพีเอ็มครับ
     
  9. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    [SIZE=-1]
    สวัสดีค่ะ

    วันนี้ป้าแอ๊ดนำภาพที่ไปทอดกฐินและร่วมถวายพระบรมธาตุที่วัดต่างๆ มาให้ชมกัน และร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันค่ะ

    ทริปออกพรรษานี้ เดินทางเช้าวันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม 2552 เดินทางผ่านสระบุรี เข้าราชสีมา ผ่านขอนแก่น เข้าอุดรธานี
    แวะนมัสการพระอาจารย์จันทร์ศรี ที่วัดโพธิสมภรณ์


    [​IMG]


    คณะไปถึงที่พักคือ วัดเทสรังสี อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ประมาณ 3 ทุ่ม เข้าที่พัก อาบน้ำ แล้วพักผ่อนกัน


    ตื่นเช้า วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2552 เตรียมใส่บาตรพระ วัดเทสรังสี 6 รูป
    มีชาวบ้านใกล้เคียงมาร่วมทำบุญวันออกพรรษากันมากมาย


    [​IMG]


    และได้ทำบุญทอดผ้าป่ากับถวายพระบรมธาตุที่นี่

    [​IMG]


    ช่วงบ่ายเมื่อรับประทานอาหารเที่ยงแล้ว เดินทางไปกราบนมัสการพระตามที่ต่างๆ และถวายพระบรมธาตุด้วย

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    แล้วกลับมาชมบริเวณวัดหินหมากเป้ง เตรียมตัวชมบั้งไฟพญานาคที่วัดนี้
    .....แต่คืนนี้ ไม่มีบั้งไฟให้เห็นเลย แม้แต่ลูกเดียว...


    ต้องกลับไปนอนที่วัดเทสรังสี ในเวลา 10.00 น. เศษ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปหนองคายในวันรุ่งขึ้น


    ขอลาด้วยภาพพระจันทร์วันเพ็ญ ที่ริมโขงค่ะ


    [​IMG]


    วันนี้มาอนุโมทนาบุญกันก่อนนะคะ

    บุญใดที่ป้าแอ๊ดได้ร่วมทำไปแล้ว ขอบุญนั้นจงถึงแก่ทุกท่านโดยเท่าเทียมกันด้วยค่ะ

    สาธุ สาธุ สาธุ


    (ติดตามตอนต่อไป พรุ่งนี้ค่ะ)[/SIZE]
     
  10. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    ทราบข้อมูลจากคนหนองคาย
    ที่วัดหินหมากเป้ง มีบั้งไฟขึ้นทั้งหมด 3ลูกครับ
     
  11. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,634
    S4020621.JPG หน้าวัดช้างเผือก ใครเป็นใครคงจะจำกันได้กล้องผมไม่ค่อยดี ใครมีภาพชัดกว่านี้เอามโชว์ด้วย S4020620.JPG ยามเย็นริมโขงฝั่งตรงข้ามก็ประเทศลาว
     
  12. Mrs.Kim

    Mrs.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +2,306
    มาแอบรอชมภาพสวยๆ และอ่านความประทับใจ และร่วมอิ่มเอมบุญไปกับทุกๆท่านด้วยค่ะ

    ขออนุโมทนาสาธุกับมหากุศลของทุกๆท่านที่ได้ช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ต่อไปด้วยค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
     
  13. รัตติธรรม

    รัตติธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2009
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +1,235
    การไปทำบุญครั้งนี้ ถ้ามีอะไรผิดพลาด หรือทำให้ทุกท่านต้องตื่นเช้า นอนดึก ขออภัยด้วยนะคะ เพราะเราไปร่วมกับผู้ใหญ่ และ ไปในนามของกลุ่มพลังจิต มีหัวหน้า คือคุณคณานันท์ เป็นการเปิดตัวให้ผู้ใหญ่ / ครูบาอาจารย์ รู้จักครั้งแรก พี่จึงอยากให้ท่านประทับใจ มีภาพพจน์ที่ดีกับกลุ่มพลังจิต ต่อไปถ้าท่านได้ยินชื่อกลุ่มนี้ ท่านจะได้มีความรู้สึกดี ๆ และพูดต่อ ท่านจะได้ เมตตา อนุเคราะห์ ซึ่งผลตอบรับ จาก ท่านผู้ใหญ่ และ ท่านอาจารย์ก็ออกมาดี ท่านประทับใจพวกเรามาก
    ขอแทรกข้อคิด เวลาไปกราบไหว้ครูบาอาจารย์สำหรับน้องผู้หญิง ว่า การแต่งตัวต้องให้มิดชิด ใส่เสื้อผ้าสีได้แต่ควรปิดถึงคอ ไม่นุ่งสั้น เผื่อเวลานั่งกราบด้วย
    * เวลากราบพระสงฆ์ เรากราบด้วยหัวจิตหัวใจก็จริง แต่ ไม่จำเป็นต้องให้ท่านเห็นใจเรา
    * อย่าเข้าไปใกล้ท่านมากนัก ควรสำรวมให้มากที่สุด
    * เวลาถ่ายรูปถ้าควรมีโยมผู้ชายอยู่ด้วย ต้องขออภัยคุณผู้หญิงที่ไม่ให้ถ่ายรูปร่วมกับท่านอาจารย์ญา เพราะ การนำรูปท่านขึ้นweb หมายความว่าทุกคนเข้ามาดูได้ เราห้ามความคิดของคนดูไม่ได้ แต่ป้องกันไม่ให้คิดเลยดีกว่า และท่านอาจารย์เป็นพระที่มีคนรู้จักมากโดยเฉพาะ ข้าราชการ นักเรียน จึงอยากให้รูปท่านเรียบร้อยสวยงาม
    ทริปนี้พวกเราได้อิ่มบุญ และ ความรู้มากมาย แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ได้รู้ และ ซึ้งกับการเคารพพระรัตนตรัย ว่าเราต้องเคารพอย่างหมดจิตหมดใจ ดังที่อาจารย์คณานันท์พูดตั้งแต่วันแรก และ คนที่ไปทริป 5 วันยิ่งตระหนักถึงสิ่งนี้มากกว่าคนอื่น อย่างหมดสงสัยเลยค่ะ
     
  14. city

    city เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +627

    ตามรอยเท้าพ่อ
    หลายวันมาแล้วผมได้เข้าไปดูข้อมูลรอยพระพุทธบาทใน web ตามรอยพระพุทธบาท และได้ไปเจอบันทึกของหลวงพ่อฯ ซึ่งท่านได้บันทึกไว้เมื่อใกล้จะมรณภาพ (เมื่อวันที่ ๒๒ ก.ย. ๓๕)
    ในส่วนของภาพที่เป็นสมุดบันทึกของหลวงพ่อผมขอไม่คัดลอกมาให้ดูกันนะครับ เพราะเจ้าของเวปเขาหวง ขอให้ทุกๆท่านเข้าไปดู บันทึกกันเองใน web ตามรอยพระพุทธบาทนะครับ

    http://www.tamroiphrabuddhabat.com/xmb/viewthread.php?tid=399

    เมื่ออ่านบันทึกแล้วได้เห็นถึงความเมตตาของหลวงพ่อ ถึงแม้ว่าท่านจะไม่สบาย ยังเป็นห่วงลูกศิษย์ลูกหา ของท่าน หาทางสั่งสอนและสงเคราะห์ศิษย์อยู่เสมอ
    ผมขออนุญาตแกะลายมือของหลวงพ่อฯและอ่านบันทึกของท่านเผื่อคนที่อ่านไม่ออกนะครับ

    22 ก.ย. 35 ไปเที่ยวเมืองนิพพาน
    (1) เข้าสมาบัติบนวิมาน
    (2) ไปวิมานพระพุทธกัสสป
    (3) ไปวิมานสมเด็จพระทีปังกร
    (4) ย้อนมาวิมานองค์ปฐม
    5 กลับเข้ากาย ภูมิเทวดาอุ้มเด็กมาขอส่วนบุญ
    มีศิษย์เป็นแสน 10% ไปนิพพานได้
    เหลือจากนั้นให้เร่ง โดยสะเด็จพระราชกุศล เพื่อ
    ให้บารมีเต็มเร็วๆ


    ในตอนแรกหลังจากที่อ่านเสร็จผมเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที ว่าที่หลวงพ่อฯได้บันทึกไว้ว่า โดยเสด็จพระราชกุศลเพื่อให้บารมีเต็มเร็วๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ก็ได้รับคำตอบจากหนังสือ กฎของกรรม เล่ม ๓ หลวงพ่อฤาษี(พระราชพรหมยาน) ซึ่งผมจะเอามาให้อ่านในตอนท้าย แต่เพื่อเป็นกำลังใจในกลุ่มของพวกเรา ผมขอกล่าวถึงงานที่พี่เล็กได้ปูทางและดำเนินงานต่างๆที่สอดคล้องและตรงตามที่หลวงพ่อฯได้สอนและแนะนำไว้ ไม่ว่าจะเป็นการถวายสังฆทานกลุ่มทุกๆเดือนก็ดี การสอนสมาธิก็ดี การส่งเสริมเรื่องงานพระบรมธาตุเพื่ออนุเคราะห์ส่วนรวมก็ดี (ซึ่งแต่เดิมมาตั้งแต่โบราณก็ได้สั่งสอน บอกกล่าวผู้ที่ปราถนาที่จะสั่งสม และสร้างบารมีตนเองให้ยิ่งๆขึ้นไป ด้วยการให้ไปสักการบูชาปูชนียสถาน ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รอยพระพุทธบาทหรือพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ตามที่ต่างๆและร่วมบูรณปฏิสังขรณ์ สถานที่สำคัญต่างๆเหล่านี้) ซึ่งงานของกลุ่มเราก็ได้มอบพระบรมสารีริกธาตุให้แก่ศาสนิกชนที่มีความศรัทธาให้ไว้ไปบูชาและสักการะ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน บรรจุในองค์พระ บรรจุในเจดีย์ หรือจัดไว้ในสถานที่ต่างๆให้ผู้คนได้สักการะ กราบไหว้และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ ด้วยหวังว่าเขาเรานั้นจะเข้าถึงซึ่งธรรมและเห็นธรรม ที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้ในที่สุด หรือแม้แต่งานพระเจ้าองค์แสนที่พวกเราได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจกันอยู่ ณ ขณะนี้ เพื่อรวบรวมคำอธิษฐานเพื่อส่วนรวมคือเพื่อชาติ เพื่อศาสนาและเพื่อในหลวงของพวกเรา ด้วยหวังว่า ด้วยแรงแห่งคำอธิษฐานทั้งแสนคำนี้ ด้วยแรงแห่งความรักต่อแผ่นดินเกิดนี้ ด้วยแรงแห่งความรักและศรัทธาในพระพุทธศาสนานี้ ตลอดจนความรักที่มีต่อพ่อหลวงของพวกเราและเพื่อนร่วมโลกนี้ จะส่งผลเป็นพลังที่บริสุทธิ์หนุนเนื่องให้ทุกๆดวงจิต มีความสงบสุข รู้ธรรมเห็นธรรม(รู้ตื่นซึ่งแรงอธิษฐานและหน้าที่แห่งตน)และมีพระนิพพานเป็นที่สุด และน้อมเกล้าฯถวายพระเจ้าองค์แสนนี้ให้เป็นพลังแห่งแผ่นดิน จึงกล่าวได้ว่างานของพวกเรามาถูกทางและตรงกับที่หลวงพ่อฯได้แนะนำศิษย์ไว้ดีแล้ว เมื่อมาพบเจอกฐินพระราชทานแล้วยิ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดียิ่งครับ งานโดยเสด็จพระราชกุศลจะยิ่งสมบูรณ์และเพิ่มพูนบารมีให้ทุกๆท่านยิ่งๆขึ้นไป ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับทุกๆท่านครับ และถ้างานพระเจ้าองค์แสนของพวกเราสำเร็จแล้วและมีเวลาว่างพอ อาจจะขอพี่เล็กเปิดทริปไปนมัสการรอยพระพุทธบาท 5 รอยที่ยังไม่ถูกค้นพบที่สกลนครและพื้นที่ใกล้เคียง รอเวลาและโอกาสที่เหมาะสมกันนะครับ

    โดยเสด็จพระราชกุศล
    จาก หนังสือ กฎของกรรม เล่ม ๓ หลวงพ่อฤาษี(พระราชพรหมยาน)



    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย ที่เป็นลูกศิษย์หรือไม่ใช่ลูกศิษย์ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันนี้ป่วยมาก มีอาหารเพลียเป็นพิเศษ นั่งที่ไหนก็อยากจะหลับ พอดีเป็นวันพระแรม ๘ ค่ำ เดือน ๙ จะลงศาลาก็ลงไม่ไหว เทศน์ก็เทศน์ไม่ไหว จะเดินก็เดินไม่ไหวความตายมันคลานเข้ามาใกล้เต็มทีชีวิตเป็นของไม่เที่ยงแต่ความตายเป็นของเที่ยง ที่พระพุทธเจ้าเทศน์กับเปสการีท่องอยู่ทุกวัน จำอยู่ทุกวัน มีความรู้สึกว่า ไม่ช้านักชีวิตนี้มันก็ต้องตาย ถ้าความตายมันเข้ามาถึงบรรดาท่านทั้งหลายสิ่งที่ต้องการนั่นก็คือพระนิพพาน ใครเขาจะหาว่า บ้า ๆ บวม ๆ ก็ตามใจ บางท่านก็บอกว่า พระนิพพานมีสภาพสูญ ตามตำราต่าง ๆ ก็บอกว่ามีสภาพสูญแต่ทว่าเมื่อปี ๒๕๐๐ ปีนั้นป่วยมาก ต้องเข้าโรงพยาบาลวันแรก มีการอืดเสียดหนัก ตอนหัวค่ำ วันที่สอง ก็มีการอืดเสียดหนักตอนหัวค่ำ พอวันที่สาม จึงสั่งจ่าพยาบาล ให้ไขเตียงให้นั่ง ได้เตรียมตัวว่าวันนี้ถ้าจะตายก็ขอตายด้วยกำลังสมาธิและวิปัสสนาญาณ เวลา ๑ทุ่มก็เริ่มทำสมาธิ คิดว่าประมาณ ๒ ทุ่มอาการอืดเสียดมันมาอีก มันมา ๒ ทุ่มทุกวัน ๒ วันมาแล้ว แต่ว่าวันนี้แปลก คำว่าวันนี้หมายถึงวันนั้นนะ วันนั้นแปลก แทนที่จะมีอาการอืดเสียดกลับมีใจปลอดโปร่งสบายมาก มีอารมณ์เป็นสุข มีอารมณ์แช่มชื่นปลอดโปร่งปลดปล่อยทุกอย่าง การป่วยคราวนั้น บรรดาท่านพุทธบริษัทเป็นการป่วยที่แปลกที่สุด พอร่างกายเข้าถึงโรงพยาบาลอารมณ์ก็วางทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ไม่มีอะไรต้องการ ทรัพย์สินต่าง ๆ ทั้งหมดไม่นึกถึง ญาติพี่น้อง ผู้ที่คบหาสมาคมไม่นึกถึง ไม่นึกถึงอะไรทั้งหมด จิตมีอารมณ์เฉยสบาย คิดอยู่อย่างเดียวว่า แม้ร่างกายสักครู่หนึ่งมันก็อาจจะตาย ถ้ามันตายเวลานี้ก็เป็นเรื่องของมัน ไม่เสียดายร่างกาย อารมณ์ใจเป็นสุขใครไปใครมา ก็คุยกันตามปรกติ บางคนเขาคิดว่าไม่ป่วย แต่ความจริงมันเดินไม่ค่อยไหว แต่ว่าเวลานั้นปรากฏว่าเวลา ๒ ทุ่มตรง เป็นเวลาที่อาการอืดเสียดมันจะมา แต่แทนที่มันจะมา กลับกลายเป็นท้าวสหัมบดีพรหมท่านมา

    ท่านมาในลักษณะร่างกายของท่านเต็มอัตรา แต่งตัวสวยมากทรวดทรงสวย แสงสว่างมากทั่วจักรวาล ท่านมาถึงท่านก็ยืนบอกว่า คุณ .. พระพุทธเจ้า ทรงรับสั่งให้เข้าไปเฝ้า ก็ถามว่า พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน ท่านบอกว่าพระพุทธเจ้า อยู่ที่นิพพาน ท่านให้คุณไปพบท่าน ก็บอกท่านว่า นิพพานอยู่ที่ไหนอาตมาก็ไม่ทราบ ถ้างั้นท่านพาไปก็แล้วกันอาตมาจะตามไป ท่านก็ออกหน้าไป แทนที่ท่านจะพาไปสวรรค์ ไปพรหมโลกก่อน ท่านพาไปดูนรก ตั้งแต่โลกันต์ ตั้งแต่โลกันต์มหานรก แล้วก็อเวจี แล้วก็เรื่อยมาถึงขุมที่ ๑ เรื่อยขึ้นมาตามลำดับถึงแดนเปรต อสุรกาย แดนสัตว์เดียรฉาน จนกระทั่งมาถึงแดนมนุษย์ ถึงแดนเทวดา ถึงแดนพรหม พอถึงพรหมชั้นที่ ๑๖ ก็ปรากฏว่า ถึงวิมานของท่าน ท่านก็บอกว่าหน้าที่ของผมที่จะพามา มีแค่นี้ ต่อไปจากนี้ เป็นแดนของนิพพานก็เป็นหน้าที่ของท่านแต่ผู้เดียว

    ตอนนั้น บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เป็นเรื่องแปลกขณะที่ท่านพาไปตั้งแต่โลกันต์นรกขึ้นไปกำลังมันดีมาก เรี่ยวแรงดีไม่รู้สึกเหนื่อย เดินชมด้วยความเพลิดเพลิน พอมองเห็นนรก ก็นึกในใจว่า แต่ละขุมเราไม่มา พอมาถึงแดนมนุษย์ ก็คิดว่าแดนมนุษย์นี่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากมากมีความวุ่นวายมาก เราไม่มา ไปถึงแดนสวรรค์ ไปถึงแดนพรหม ก็นึกว่าท่านทั้งหลายมีความสุข แต่ความสุขของท่านไม่นาน ไม่ช้าก็จุติ เราไม่มา แต่ไอ้การคิดว่าไม่มานี่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน

    ต่อไปท่านก็บอกว่า นี่ทางไปนิพพาน ท่านชี้ให้ดูเป็นทางที่ราบเรียบเหมือนแก้วผสมทอง แพรวพราวเป็นระยับ ก็ถามว่าทำไมท่านไม่พาไป ท่านบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของผม เป็นหน้าที่ของท่านจะต้องไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเอง ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน นิพพาน เขาบอกว่าเป็นแดนสูญ แต่ท่านสหัมบดีพรหมกลับบอกว่า เป็นแดนนิพพาน ก็แปลกใจ ก็ตั้งใจเดินไปพอพ้นเขตพรหมชั้นที่ ๑๖ บรรดาท่านพุทธบริษัท ร่างกายมันอ่อนเพลียมาก เหมือนคนรื้อไข้ เดินโผเผซวนเซใกล้จะล้ม แต่ก็ต้องพยายามไปเพราะถือว่า คำสั่งต้องเป็นคำสั่ง เรื่องนี้ถือมาตั้งแต่เด็ก

    เมื่อเดินไปสักครู่หนึ่ง ก็ไปพบบริเวณวัดวัดหนึ่ง มีกำแพงเหมือนกำแพงแก้วผสมทอง สวยงามมากมีวิมานอยู่หน้าประตูใหญ่สี่วิมาน ที่สี่วิมาน มีพระอรหันต์ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่านิพพานมีอยู่ คิดว่าเป็นพรหม ท่านพระอรหันต์ ๔ องค์ ท่านก็ลุกขึ้นมายกมือไหว้ ก็นึกว่าพรหมไหว้ก็รับไหว้ท่าน ถามท่านว่าที่นี่ วัดอะไร ท่านก็เลยบอกว่าเป็นเรื่องของท่านจะพึงรู้เอง ก็เดินหลีกท่านไปเข้าไปภายใน ไปเดินรอบ ๆ บริเวณร่างกายมันก็จะล้ม เห็นสวยสดงดงาม ดูพื้นก็พื้นเป็นทองผสมแก้ว กำแพงก็เหมือนทองผสมแก้วมีกุฏิสามหลัง หลังหนึ่งใหญ่ยาวมากคล้ายกับวิหาร ๑๐๐ เมตร อีก ๒ หลัง ด้านหน้าเหมือนกับมณฑปหลวงพ่อปานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า แต่ก็ตั้งอยู่ชิดกันไม่ห่างกันแบบนั้น เป็นบริเวณกว้าง อีกด้านหนึ่งก็มีหอระฆัง หอระฆังก็เป็นแ ก้วผสมทองเหมือนกันหมด ระยิบระยับ สวยสดงดงาม บอกไม่ถูก มันเพลิดเพลินเจริญใจมาก เดินไปปรากฏว่า ในบริเวณนั้นไม่มีใครเลย คนสักคนหนึ่งก็ไม่มีพอเดินไปถึงหอระฆังก็เพลียต้องล้มกายลงนอนบนพื้นของหอระฆัง คิดว่าไปไม่ไหว นอนตรงนี้แหละ

    ร่างกายที่อยู่ข้างล่างมันจะเป็นจะตายก็เรื่องของมัน เป็นอันว่าพอนอนหันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก ก็พอดีเห็นพระองค์หนึ่งเดินมาท่านแต่งกายเหมือนพระธรรมดาแต่ว่ามีฉัพพรรณรังสีรัศมี ๖ ประการ สว่างมาก สวยสดงดงามมาก เหมือนกับพระจันทร์ทรงกลด ภาพนี้เคยเห็นเป็นปกติก็ทราบว่านั่นคือพระพุทธเจ้า ก็ทราบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมา ก็เห็นท่านมาทางกำแพงไม่เข้าทางประตู ก็คิดว่าท่านจะต้องโดดข้ามกำแพง แต่ความจริงเมื่อถึงแล้วท่านไม่ต้องโดด กำแพงมันขาดออกแล้วหดเข้าไปเป็นช่องให้ท่านให้ท่านเดินเข้ามา พอท่านผ่านมาแล้วกำแพงก็ติดตามเดิม พอมาถึงท่านก็นั่งใกล้ ๆ พอท่านนั่งก็เลยลุกจากที่ที่นอน มานั่งข้างล่างกราบท่าน ท่านถามว่าอยากจะมานิพพานไหม ก็ตอบว่า นิพพานมีสภาพสูญ ท่านถามว่าที่นี่ เขาเรียกอะไร? ตอบว่า ไม่ทราบ ท่านถามถึงเทวดาทุกชั้น พรหมทุกชั้น รู้จักไหม ก็ตอบว่า ผ่านมาหมดแล้วเมื่อเลยพรหมชั้นที่ ๑๖ เขาเรียกอะไร ก็บอกว่า ตำราไม่มีท่านก็เลยบอกว่า ที่นี่เรียกว่านิพพาน

    เรื่องนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าต้องการอ่านละเอียด รู้รายละเอียด ก็ขอให้ดู หนังสือประวัติหลวงพ่อปานก็แล้วกันนะที่นี่มีเวลาน้อย นี่หมดเวลาไปตั้ง ๑๐ นาทีกว่าแล้ว

    ก็ขอย้อนหลัง ว่านิพพานพบมาตั้งแต่สมัยนั้น และตั้งแต่วันนั้น มาจนถึงวันนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท จิตใจไม่เคยพลาดพระนิพพาน ไปนิพพานทุกวัน ถ้าถามว่าไปวันละกี่ชั่วโมงก็บอกว่าไปทุกวัน วันละหลายครั้ง ตามวาระที่จะพึงมี ที่นี้ก็มานั่งคุยกันก่อน ที่มาพูดก็เพราะว่าพูดถึงเรื่องนิพพาน

    เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๓๕ วันนั้นก็นอนนึกถึง สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ว่าท่านมีอายุ ๖๐ ปี ใคร ๆ เขาก็ทำบุญกันก็อยากจะบอกบุญ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ว่านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ให้ทุกคนตั้งใจบำเพ็ญกุศล ร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทั้งนี้เพราะท่านทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ แก่คนทั่วไป ทั้งคนและสัตว์ ให้มีความสุข เช่น มีการอนุรักษ์สัตว์ ปล่อยปลาให้เป็นอิสรภาพ สร้างสถานที่ รวมความทุกอย่างที่ท่านทราบอยู่แล้วว่าทั้งสองพระองค์นี่ทำบุญกว้างขวางมาก ยากที่คนอื่นจะพึงทำได้ อย่างพวกเราอย่างเก่งก็ซื้อปลามาปล่อย ในบ่อบ้าง ในสระบ้าง ถ้าจะปล่อยในแม่น้ำก็กลัวคนจะกิน นี่ท่านทำทุกอย่าง ก็คิดว่าอยากจะให้ทุกคนทำตามท่าน แต่ก็มาสะดุดใจอยู่นิดหนึ่งว่าการปล่อยปลาให้ลงไปในแม่น้ำ ถ้าบังเอิญ คนเขาจับปลากิน เราจะบาปไหมที่คิดว่า เราจะบาปไหม เพราะว่าเราปล่อยลงไปเขาก็จับกิน

    ต่อมาก็ตั้งใจคิดว่า เราตอบเองไม่ได้ ต้องอาศัยพระ พระตอบเป็นของแน่นอนมาก จึงรวบรวมกำลังใจ ไปที่เทวสภา พอไปถึงก็ขอบคุณบรรดาเทวดานางฟ้าและพรหมทั้งหลายที่ท่านช่วยเหลืองานทุกอย่าง งานทุกประเภทท่านช่วย ก็ไปไหว้ท่านที่มีพระคุณต่าง ๆ มีบิดามารดาในอดีตเป็นต้น หลังจากนั้นแล้ว เทวดานางฟ้า กับพรหม ก็กราบ แต่ความจริงไม่ได้กราบอาตมา ท่านกราบแล้วท่านมองหน้าเลยศีรษะอาตมาขึ้นไป อาตมาก็หันไปดูข้างหลัง เห็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐมมาประทับอยู่บนแท่นสำหรับเทศน์ ไม่ทราบว่าท่านมาเมื่อไร

    จึงหันไปกราบท่าน หลังจากนั้นท่านก็เทศน์ว่า บรรดาท่านทั้งหลายที่เป็นเทวดาก็ดีที่เป็นนางฟ้าก็ดี เป็นพรหมก็ดี ที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมด จงอย่าประมาทในชีวิต คิดว่าตนเองจะไม่จุติ จงอย่าคิดว่าความเป็นทิพย์ทั้งหมดนี่จะเป็นสมบัติของเราตลอดกาลตลอดสมัย ทั้งนี้ก็เพราะว่าทุกคนส่วนใหญ่มีความสุข แต่ว่าหลายท่านสร้างบุญกุศลต่อ แต่เทวดานางฟ้าใหม่ ๆ ยังเพลิดเพลินในความเป็นทิพย์ ลืมความเป็น ลืมความตาย เพราะเป็นมนุษย์มันเป็นทุกข์ พอเป็นเทวดา เป็นนางฟ้าอยู่ในสวรรค์ เป็นพรหมมีความสุข ก็เลยเพลิดเพลินในความเป็นทิพย์ ทุกองค์จงอย่าลืมว่าทุกท่านมีบาปกันคนละเยอะ ๆ ทำบาปมากกว่าบุญ บาปยังติดกายท่านอยู่ พอท่านพูดเท่านี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็เห็นบาปดำขึ้นมาถึงหน้าอกถึงยอดอกทุกองค์ ถ้าท่านทั้งหลายจะต้องจุติจากที่นี่ จะต้องลงไปชำระหนี้บาป นั่นคือจะต้องลงนรกที่เป็นแดนที่มีทุกข์หนัก

    ท่านก็ชี้มือไปที่นรก เห็นนรกสว่างไสวมาก มีไฟแดงฉานมีการถูกลงโทษต่าง ๆ แต่ละขุม ท่านก็อธิบายว่า แต่ละขุมลงโทษอะไรบ้าง ทำบาปอะไรลงขุมไหน แต่ละขุมไม่มีความสุข ไฟลุกโชติช่วง พื้นก็เป็นพื้นเหล็ก เหล็กก็แดงสุกเหมือนที่เขาตีมีด สัตว์นรกก็เหยียบย่ำไปบนเหล็ก และมีไฟแดงฉาน และถูกค้อนทุบบ้าง ถูกหอกแทงบ้าง ถูกดาบฟันบ้าง อย่างนี้เป็นปกติ เมื่อสิ้นบาปจากขุมนี้แล้วก็ไปขุมต่อไป เพราะบาปแต่ละคนมีมาก

    บรรดาเทวดานางฟ้าและพรหมทั้งหมดเห็นก็หน้าซีด รู้สึกถึงบาปที่ตัวทำไว้สมัยที่เป็นมนุษย์ และทำไว้หลาย ๆ ชาติสะสม ตัวเองบาปหนัก ท่านถามว่า เทวดานางฟ้า และพรหม กลัวไหม ทุกองค์ก็บอกว่า กลัว ท่านบอกว่า กลัวก็เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ต่อนี้ไป ถ้าปฏิบัติได้ ทุกองค์จะไม่มีโทษของบาป บาปจะไม่สามารถลงโทษได้ คือ

    จงคิดไว้เสมอว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ก่อนจะตายเราจะไม่ยอมลงอบายภูมิ เวลานี้เรามาครึ่งทางของพระนิพพานแล้ว จากมนุษย์นับเป็นจุดแรก มาถึงสวรรค์ถือว่าเป็นกลางทาง โน่นพระนิพพาน ท่านชี้มือขึ้นไปให้ดู เห็นพระนิพพานแจ่มใสมาก เป็นของใกล้ ๆ เป็นของไม่ไกล อย่างนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย อาจจะขัดกับความเห็นของบุคคลบางคนกับตำรา อาตมาก็ถือว่า ถ้าพระพุทธเจ้าเทศน์ ต้องจริงเพราะฟังเทศน์มาหลายสิบปีแล้ว ไม่มีอะไรไม่จริง ท่านบอกทุกอย่าง จริงทั้งหมด ถ้าเราไม่เชื่ออุปทานทุกองค์ก็บอกว่าอยากจะไปนิพพาน มันพ้นทุกข์ จะไม่มีการเคลื่อนไหว ไปนิพพานแล้วไม่ไปไหน อยู่ที่นั่น ท่านก็เลยบอกตั้งใจตามนี้นะ

    คิดว่าชีวิตนี้มันต้องตาย ถ้าเราจะตายเราจะไม่ยอมไปอบายภูมิ เราจะมีพระนิพพานเป็นที่ไป เราจะเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยความจริงใจ และมีศีล ๕ บริสุทธิ์ และตัดความโง่ออกจากใจคืออวิชชา คือว่าไม่อยากเป็นมนุษย์ต่อไป ไม่อยากเป็นเทวดานางฟ้าเป็นพรหมต่อไป ต้องการพระนิพพานจุดเดียว เอาจิตจับไว้เฉพาะนิพพาน ตั้งใจไว้อย่างยิ่งว่าถ้าร่างกายนี้มันพังเมื่อไร ความเป็นทิพย์สลายตัวเมื่อไร เราจะไปนิพพานเมื่อนั้น เพียงเท่านี้ เทวดากับพรหมทั้งหลาย ก็มีสภาพแจ่มใส มีธรรมปีติ แสงสว่างมากกว่าเดิมกว่าเทวดากับพรหมมาก

    แล้วท่านหันมาถามว่า ฤๅษี มีความสงสัยอะไรบ้าง เมื่อสองสามวันที่แล้วมาคิดอะไร ถามฉันก็ได้นะถ้าสงสัย ก็ตอบท่านว่า มีความรู้สึกว่าอยากจะบอกบุญให้บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายที่ตั้งใจบำเพ็ญธรรมให้มีบารมีเข้มข้นใกล้พระนิพพานขึ้นมา ให้มาพระนิพพานเร็ว ๆ เพราะทุกคนตั้งใจดี บุญอย่างอื่นก็ทำกันแล้วทั้งหมด ขาดอยู่อย่างหนึ่งคือ โดยเสด็จพระราชกุศล แต่การโดยเสด็จพระราชกุศลนี้ ก็มีอยู่ว่า บางส่วนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ก็ไปปล่อยปลา ถ้าปล่อยปลาที่ตั้งใจให้คนกินมันจะบาปไหม ท่านก็บอกว่า อย่าเพิ่งตัดสินใจตามนั่นซี มันอยู่ที่เจตนาของผู้ปล่อย ถ้าผู้ปล่อยคิดว่า ปลาทั้งหมดนี่ เราต้องการให้คนมาจับไปกิน ถ้าใครเขาจับไปกินเมื่อไรเราก็ต้องบาปตามเขา แต่ถ้าปล่อยไว้เพื่ออนุรักษ์ของที่มีอยู่เคยมีอยู่แล้วมันหมดไป อย่างปลานี่เป็นเครื่องประดับของน้ำ น้ำที่ไหนถึงแม้จะใสสะอาดก็ตาม แต่ถ้าไม่มีปลา มันก็ไม่มีความชุ่มชื่นใจ เราเห็นแต่น้ำใสความชื่นใจจริง ถ้ามีปลาว่ายมาเราจะรู้สึกว่ามันเป็นความสุขมาก จิตใจเราจะสบายมาก เพราะว่าปลาเป็นเครื่องประดับของน้ำ ถ้าผู้ปล่อยมีความรู้สึกว่า ๑ เราเลี้ยงปลาให้ปลามีชีวิต นี่เป็นบุญ ประการที่ ๒ เวลาปล่อยปล่อยต้องการให้ปลาเป็นอิสรภาพ อยู่ในที่คับแคบย่อมไม่มีความสุข ถ้าอยู่ในที่กว้างจะมีความสุขมาก ถ้าเป็นอิสระ หากินสบาย จะไปไหนมาไหนก็ไปได้ตามอัธยาศัย นี่เป็นบุญ การปล่อยปลาเขาถือว่าเป็นบุญมาก แต่ถ้าไปนึกว่าปลานี้จงเป็นเหยื่อของคนอย่างนี้บาป มันอยู่ที่เจตนา เข้าใจว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี สมเด็จพระบรมราชินีนาถก็ดี ไม่คิดว่าเป็นอาหารของคนต้องการแต่เพียงว่าอนุรักษ์ให้ปลามันมีอยู่ในแม่น้ำ แม่น้ำสายนี้เคยมีปลา แต่เวลานี้มันไม่มีปลา ก็ปล่อยปลาลงไป ให้ปลามันเป็นอิสรภาพ ในเมื่อเราทำบุญกับท่าน ปลาทั้งหลายเป็นอิสรภาพฉันใด เราก็จะมีอิสรภาพจากนรกฉันนั้น คือไม่ต้องลงนรก ประการที่ ๓ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระบรมราชินีนาถสงเคราะห์คนทั่วประเทศ จะทรงมีความยากลำบากอย่างไรก็ตามทีเสด็จตามเสมอ ไปด้วยกันเสมอ ช่วยทุกอย่างให้คนมีอาชีพ คือช่วยอย่างถาวร ให้คนมีอาชีพดีขึ้น ไม่ใช่ให้กินหมด อย่างนี้ทุกคนที่ได้รับการช่วยเหลือจะมีความสุขขึ้น ก็มีภาพหลายภาพที่เขาแสดงทางโทรทัศน์ ว่าเมื่อก่อนนี้มีความยากจนเข็ญใจ ไม่มีอะไรจะกิน แต่เวลานี้ ได้อาศัยพระมหากรุณาธิคุณของท่าน กระทั่งมีกินมีใช้มีรายได้ปีละ เป็นหมื่น ๆ บาท เงินหมื่นบาทแม้จะไม่มากแต่ก็มากสำหรับคนจน คนที่ไม่เคยมี

    รวมความว่า ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี สมเด็จพระบรมราชินีนาถก็ดี ทำ ถ้าร่วมกับท่าน จะมีเงินมากหรือมีเงินน้อยก็ตามไม่สำคัญ หลาย ๆ คนรวมกัน ก็มากขึ้นมาเองจะเป็นเหตุให้มีบารมีใกล้พระนิพพานยิ่งขึ้นจะมีบารมีเต็มเร็วและสามารถจะไปพระนิพพานได้โดยง่าย ตรงนี้สิบรรดาท่านพุทธบริษัท จับใจเหลือเกิน เพราะที่พูดกันนั้นก็มองเห็นนิพพานอยู่แจ๋ว ๆ เพราะนิพพานเป็นแดนที่มีความสุข เทวดานางฟ้าและพรหมทั้งหมดก็สนับสนุน ท่านสหัมบดีพรหมท่านเข้ามาใกล้ ท่านบอกว่าคุณลงไปบอกบุญเขาได้เลยนะ การบอกบุญมี ๒ อย่าง คือ

    ๑. ให้เขาทำคนละเล็กคนละน้อยคิดเป็นเวลาถึงสิ้นปี ถึงวันที่ ๑๒ สิงหาคมของทุกปี จะให้ตัวแทนไปถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระบรมราชินีนาถ องค์ละเท่า ๆ กัน จะเป็นเงินมากหรือน้อยก็เหมือนกัน เราเป็นคนจน เราไม่สามารถจะหาเงิน ๑๐ ล้าน หลายร้อยล้านมาได้ แต่ถ้าทุกคนร่วมกันก็สามารถจะเป็นเงินมากขึ้นมาได้ ถ้าใครเขาตั้งใจจะถวายด้วยตนเองด้วยกำลังศรัทธาก็ไปคอยท่านที่บริเวณโบสถ์วัดพระแก้วเข้าไปแล้วที่นั่น พอท่านเสด็จเข้าไป ก็ชูมือขึ้น ไม่ต้องชูสูง ยกสตางค์ ยกแบงก์ ให้ท่านเห็น ท่านก็รับ ท่านไม่ถือพระองค์ ทั้ง ๒ องค์นี้เป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรมจริง ๆ ก็เป็นอันว่าพระพุทธเจ้าก็ยอมรับ

    ท่านว่า เออ ฤาษี ที่ท่านสหัมบดีพรหมแนะนำน่ะ ถูกต้องแล้ว ก็เป็นอันตัดสินใจว่า วันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าหากว่า มีโอกาส จะพึงมี ท่านจะโปรดจะให้ตัวแทนจัดเงินส่วนใดส่วนหนึ่งที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย บริจาคมาทั้งหมด ไปถวายพระบาทาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระบรมราชินีนาถที่ใกล้ ๆ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ

    หลังจากนั้นก็ทุกปี จะค่อย ๆ รวมกันเป็นเดือน ๆ เดือนหนึ่งเข้าซอยสายลมครั้งหนึ่งก็บอกบุญครั้งหนึ่ง ถ้าญาติโยมไม่มีโอกาสมาซอยสายลม จะส่งมาทางไปรษณีย์ก็ได้ มารวมกันได้ ได้เท่าไรก็จะประกาศให้ทราบทีหลัง แล้วจะตั้งตัวแทนไปถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราจะได้ใกล้พระนิพพานกันยิ่งขึ้น

    บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท คำแนะนำนี้ เป็นคำแนะนำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย เป็นคำแนะนำของท่านสหัมบดีพรหมด้วย ช่วยแนะนำให้พวกเรามีบุญบารมีใกล้พระนิพพานยิ่งขึ้น มีบารมีเต็ม หวังว่าคงไม่เป็นที่ขัดใจของบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย เวลาหมดแล้วขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผลจงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ผู้อ่าน และผู้ฟังทุกท่าน สวัสดี

    http://www.luangporr...om/book/22.html
     
  15. city

    city เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +627
    วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม ผมได้ไปถวายหมวกไหมพรมของกลุ่มเราให้ หลวงปู่เสน ที่วัดป่าหนองแซงครับและได้ไปถวายยารักษาโรคให้ หลวงปู่จ่า ที่วัดถ้ำเจีย(วัดหลวงปู่เกล้าที่เพิ่งมรณภาพไป) หลังจากนั้น
    ช่วงเที่ยงได้ถวายอาหารเจ อาหารสำหรับกินตอนอยู่ถ้ำเช่น กระยาสารท ข้าวแต๋น ขนมที่ทำจากแป้งทอด ผลมะขามป้อมแช่อิ่ม จตุมธุ(ทำจากเภสัชทั้ง ๔ มี น้ำมันงา น้ำผึ้ง เนยใสและน้ำตาล)ฯลฯ ให้ปู่ขาว(ปู่ทองใบ)และได้สอบถามเรื่องราวต่างๆที่สงสัย เช่น การปฏิบัติ แนวทางการปฏิบัติ ภัยพิบัติที่จะเกิด ฯลฯ และท่านก็ได้เมตตาเล่าเรื่องราวต่างๆที่ท่านได้พบ ได้สัมผัส และความยากลำบากในการปฏิบัติตามถ้ำ ตามเขาต่างๆ กว่าจะได้ธรรมะมาสั่งสอน ลูกศิษย์ลูกหา วันหลังถ้ามีโอกาสจะเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ หรือสอบถามกับคนที่ไปทริป 5 วันก็ได้นะครับ ส่วนช่วงเย็นได้สวดมนต์เย็นร่วมกับท่าน เดินเวียนเทียนเป็นพุทธบูชาและดูลูกศิษย์ท่านจุดประทัด ก็ลาท่านกลับ ขอทุกท่านร่วมโมทนาบุญกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF5933.JPG
      DSCF5933.JPG
      ขนาดไฟล์:
      835.9 KB
      เปิดดู:
      57
    • DSCF5935.JPG
      DSCF5935.JPG
      ขนาดไฟล์:
      884.6 KB
      เปิดดู:
      45
    • DSCF5939.JPG
      DSCF5939.JPG
      ขนาดไฟล์:
      828.6 KB
      เปิดดู:
      41
    • DSCF5940.JPG
      DSCF5940.JPG
      ขนาดไฟล์:
      827.4 KB
      เปิดดู:
      57
    • DSCF5949.JPG
      DSCF5949.JPG
      ขนาดไฟล์:
      871.1 KB
      เปิดดู:
      40
  16. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ไปทริปนี้ถึงจะเหนื่อยแต่มีความสุขมากค่ะ ได้ความรู้มากเริ่มจากการกราบพระ ถ้ากราบเป็นจริง ๆ จะรู้ว่าจิตจะเกิดปิติทุกครั้งที่กราบ สรุปว่าวันหนึ่งกราบพระวันหละหลายครั้ง ทำบุญวันละหลาย ๆครั้ง จิตเลยเกิดปิติวันละหลายๆ ครั้ง ตั้งแต่ไปเที่ยวมาทริปนี้เลยเป็นทริปที่น่าประทับใจที่สุด ขากลับมายังเสียดายความรู้สึกอยู่เลย ไม่อยากกลับมาทำงาน

    จริง ๆมีข้อคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติจะถามคุณคณานันท์ แต่ไม่กล้าถามก็ถามในใจอธิษฐานเอาว่าถ้าพระเมตตาก็ขอให้ได้คำตอบด้วยเถิด ก็ได้คำตอบโดยอัศจรรย์ใจขณะปฏิบัติก่อนกลับพอดี ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก เพราะกลับมาพอทำตามคำแนะนำปรากฏว่าดี แผ่เมตตาขึ้นมากกว่าเดิมเยอะเลย (อาศัยนึกถึงหน้าหลวงปู่เหรียญ) แต่ระหว่างทริปนี้ก็ได้เห็นคุณพระหลายอย่างที่ปรากฏขึ้น อีกทั้งพบเพื่อน ๆ หลาย ๆ คน น่ารักกันมากทุกคนมีน้ำใจกันมาก คราวหน้าคงมีทริปดี ๆอย่างนี้อีกนะคะ
     
  17. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เช้าแล้ววว... หลังจากที่งีบไปได้ไม่กี่นาที
    ก็ต้องตาลีตาลานตาเหลือก ลงไปล้างหน้าแปรงฟัน
    ไม่ต้องอาบน้ำกันละ เพราะเพิ่งจะอาบไปไม่ถึงชั่วโมง
    จะว่าเช้าก็ไม่เชิง เพราะเป็นเวลาที่คนทั่วไปกำลังฝันหวานอยู่ที่เดียว
    เกือบตีสี่ รวบสัมภาระไว้สองมือ ส่วนเป้น่ะ แอ๊ก...อยู่บนหลัง
    พร้อมแล้ว ออกเดินทางกันโลด..ด.ด.

    จากจุดนัดพบจุดสุดท้ายปั๊มเชลล์ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต
    พลังจิตพิชิตภัยพิบัติตั้งขบวนกันที่นี่ เรียงลำดับ พลังจิตฯ1, 2 และ3
    คนพร้อม ของพร้อม รถพร้อม เราเดินทางออกจากเขตกรุงเทพฯ
    ประมาณเจ็ดโมงกว่าไปตามเส้นทางพหลโยธิน
    ถนนเส้นที่ยาวที่สุดของประเทศไทย

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01.JPG
      01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      91 KB
      เปิดดู:
      355
    • 02.JPG
      02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65 KB
      เปิดดู:
      309
  18. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ทิวทัศน์ตลอดสองข้างทางก็น่าดูน่าชม
    คนขับพารถเลาะเลียบเขื่อนลำตะคอง
    สีเขียวๆ ของต้นไม้ใบหญ้า ทำให้รู้สึกสดชื่นชุ่มฉ่ำ
    เทือกเขาน้อยใหญ่ มีสลับกันมาให้เห็นตามแนวสองข้างทาง
    บางจุดก็จะมีหินแกะสลักเป็นพระพุทธรูปแบบต่างๆ
    รูปสัตว์ต่างๆบ้าง วางให้เห็นแม้จะไม่มากนักก็ตาม

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 05.JPG
      05.JPG
      ขนาดไฟล์:
      70.8 KB
      เปิดดู:
      386
    • 16.JPG
      16.JPG
      ขนาดไฟล์:
      126.7 KB
      เปิดดู:
      294
    • 03.JPG
      03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      53 KB
      เปิดดู:
      294
    • 04.JPG
      04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      97.9 KB
      เปิดดู:
      308
    • 15.JPG
      15.JPG
      ขนาดไฟล์:
      105 KB
      เปิดดู:
      282
  19. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    แทบทุกคนยังไม่มีอาหารเช้าในกระเพาะ
    จุดแวะจุดใหญ่ก่อนมุ่งหน้าสู่แดนดินถิ่นอีสาน
    เดอะมอลล์โคราช...
    ที่นี่เองที่เราได้พบกับบรรยากาศความอบอุ่น
    อันแสนประทับใจ
    ระหว่างพ่อกับลูกสาว
    และแม่กับลูกชาย
    ที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน
    แหม...อิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งใจ สุขล้นเหลือจริงๆ

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 17.JPG
      17.JPG
      ขนาดไฟล์:
      96.4 KB
      เปิดดู:
      420
    • 18.JPG
      18.JPG
      ขนาดไฟล์:
      89.5 KB
      เปิดดู:
      281
  20. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    พวกเราออกเดินทางกันต่อจากโคราชมุ่งสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    สองข้างทางเราจะได้เห็นอาหารของชาวอีสานบ้านเฮา
    ตั้งวางขายเป็นระยะ ...หม่ำเนื้อ ก็จะว่าไปก็คือไส้กรอกเนื้อนั่นแหละ
    อาหารยอดฮิตของพี่น้องหมู่เฮา
    รสชาติเป็นอย่างไรไม่รู้ ใครเคยชิมก็ช่วยชี้แนะด้วยเด้อค่า... +^^+

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 07.JPG
      07.JPG
      ขนาดไฟล์:
      85.1 KB
      เปิดดู:
      418
    • 06.JPG
      06.JPG
      ขนาดไฟล์:
      117.4 KB
      เปิดดู:
      267

แชร์หน้านี้

Loading...