ติดตามสถานะการณ์

BRIEF: คนแห่เปลี่ยนรูปโปรไฟล์รำลึกผู้เสียชีวิต ตัวแทนบุคลากรการแพทย์เรียกร้องรัฐบาล ‘รับความจริง-ขอโทษ’ เรื่อง COVID-19
.
ยอดผู้ป่วยและเสียชีวิตจาก COVID-19 ที่ทำสถิติใหม่ทุกวัน และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้ ทำให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายๆ คน โดยเฉพาะบนเฟซบุ๊ก เปลี่ยนรูปโปรไฟล์หรือกรอบรูปโปรไฟล์ ไปใช้วลีที่บอกว่า “จำนวนคนตายไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือชีวิตและเป็นคนในครอบครัวของใครสักคน” เพื่อเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้อง สนใจ ใส่ใจ และทุ่มเทแก้ไขปัญหามากกว่าที่เป็นอยู่
.
ในรายการ #มาเถอะจะคุย EP.21 ของ The MATTER x จอมขวัญ เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2564 ตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์บางส่วน ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยอมรับความจริง และออกมาขอโทษประชาชน เพื่อลดแรงกดันต่อคนหน้างาน ซึ่งทำงานหนักกว่าปกติหลายเท่าตัว แต่ก็ต้องเผชิญกับเสียงด่าทอจากประชาชน ที่รับคนที่พวกเขารักซึ่งติด COVID-19 มารักษาไม่ได้
.
พยาบาลวิชาชีพ วิทยา โพธิ์หลวง ตัวแทนกลุ่ม Nurses connect กล่าวว่า รัฐบาลต้องยอมรับแล้วว่า ตอนนี้ระบบสาธารณสุขมันล้มเหลว และจริงๆ แล้ว ยังไม่เคยได้ยินคำว่าขอโทษเลย ได้ยินแต่คำว่า ไปต่อ สู้ไหว พอรัฐบาลไม่ยอมรับ ความกดดันมันไปที่หน้างาน หน้างานตอนนี้เรารับคนไข้เพิ่มไม่ได้แล้ว เวลาเจอญาติพาคนไข้มา อาการจะไม่ไหวแล้ว แต่ในเมื่อตรงนั้นมันรับไม่ได้แล้ว เพราะคนไข้ COVID-19 ไม่เหมือนคนไข้ปกติที่เราจะไปกู้ชีพตรงไหนก็ได้ เราก็ถูกต่อว่าจากประชาชน
.
“รัฐบาลต้องยอมรับก่อนว่า มันมาถึงจุดที่ล่มสลายแล้ว เพื่อจะลดแรงกดดันหน้างาน เพราะถ้ารัฐบาลบอกว่า มีเตียง ไหว รับได้อยู่ ประชาชนเขาด่าใคร เขาก็ด่าคนที่หน้างาน ทำไมไม่รักษาก่อน ทำไมไม่รับไปดูแล โทรมากี่ครั้งก็ปฏิเสธว่าไม่มีเตียง ซึ่งหน้างานโดยแบบนี้ทุกวัน จนสุขภาพจิตค่อนข้างแย่ เพราะมันไม่ใช่ความผิดเขา เขาก็ทำงาน 2-3 เท่าจากปกติอยู่แล้ว” ตัวแทนกลุ่ม Nurses connect กล่าว
.
พญ.ชุตินาถ ชินอุดมพร ตัวแทนจากภาคีบุคลากรทางการแพทย์ กล่าวว่า ตั้งแต่ COVID-19 ระบาดมา 14-15 เดือน ประชาชนได้ทำทุกอย่าง ตั้งแต่การหาซื้อหน้ากากอนามัยเอง ทั้งที่มีราคาแพง หาซื้อเจลแอลกอฮอล์เอง ยอมโดนล็อกดาวน์หลายครั้ง โดยที่มาตรการเยียวยาไม่ชัดเจน หลายคนต้องกระเสือกกระสนหาการรักษาด้วยตัวเอง ภาพเหล่านี้ทั้งหมดเป็นคำตอบแล้วว่าประชาชนช่วยเหลือตัวเองมากที่สุดเลย ไม่มีใครอยากติดโรค ไม่มีใครอยากเจ็บป่วย ดังนั้นทุกคนเข้าใจและเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์อยู่แล้ว
.
“ทุกวันนี้คำพูดของรัฐบาลที่ชอบอ้างว่า อย่าวิจารณ์การแก้ไขปัญหา COVID-19 ต้องเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์ ต้องถามกลับไปยังรัฐบาลเอง เป็นที่รัฐบาลเองหรือเปล่า” พญ.ชุตินาถกล่าว
.
สำหรับการรับมอบวัคซีน Pfizer จำนวน 1.5 ล้านโดส ที่สหรัฐอเมริกาบริจาคให้กับไทยในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ค.2564) ที่มีการกำหนดว่า มากกว่า 5 แสนโดสจะถูกฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ถูกจับตาจากหลายๆ ฝ่ายว่าจะเป็นไปได้จริงหรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลได้ ‘ปิด’ ข้อมูลการจัดสรรวัคซีน COVID-19 ที่เคยเปิดให้ตรวจสอบอย่างโปร่งใสลงไปเมื่อหลายเดือนก่อน จนทั้งนักวิชาการสื่อ สื่อมวลชน รวมถึงประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์ ต้องร่วมกันเข้าชื่อออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ open data ข้อมูลวัคซีน COVID-19 เพื่อสร้างความโปร่งใส แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้มีอำนาจ
.
.
อ้างอิงจาก



https://thematter.co/brief/150283/150283

https://thematter.co/brief/150353/150353

#Brief #TheMATTER

 

BRIEF: ‘ห้ามนำเสนอข่าวที่อาจทำให้ ปชช. หวาดกลัว’ ‘ประยุทธ์’ ลงนามราชกิจจาฯ ข้อกำหนด พรก.ฉุกเฉินฯ ตามมาตรา 9
.
หลังจากที่ 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้มาตรการควบคุม “เฟคนิวส์” ล่าสุด รัฐบาลได้ประกาศราชกิจจานุเบกษา เพื่อควบคุมการรายงานข่าว อันอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐแล้ว
.
ราชกิจจานุเบกษาประกาศข้อกำหนด ตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 29 โดยระบุว่า
.
“มีการเผยแพร่โดยทั่วไป ซึ่งข้อความอันเป็นเท็จ ที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดหรือสับสน ปฏิบัติตนไม่ถูกต้อง จนเกิดความเสียหาย หรือเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ การละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น การรักษาความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือการรักษาสุขภาพของประชาชนโดยผ่านทางสื่อต่างๆ ‘โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต’”
.
ราชกิจจาระบุเหตุผลไว้ว่า เพื่อความถูกต้องตามข้อเท็จจริง และความรับผิดชอบต่อความสงบสุขของสังคมส่วนรวม ตามพระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงได้ขอออกข้อกำหนด ได้แก่
.
1. ห้ามผู้ใดเสนอข่าว จำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนำบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
.
2. ในกรณีที่มีการกระทำเข้าข้อ 1 กสทช. แจ้งผู้รับใบอนุญาตให้บริการอินเทอร์เน็ตว่าทุกรายมีหน้าที่ในการตรวจสอบว่าข้อความ หรือข่าวสารใดๆ หากอยู่ในเลขที่ไอพี (IP address) ที่ตนให้บริการ ให้แจ้งรายละเอียดมายัง กสทช. และให้ระงับบริการอินเทอร์เน็ตแก่เลขที่ไอพีนั้นโดยทันที
.
นอกจากนี้ ยังมีการลงรายละเอียดไว้ในตอนท้ายว่า หากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ปฏิเสธไม่ทำตามเงื่อนไขที่กำหนด จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ผ่านทาง กสทช. ต่อไป โดยประกาศจะมีผล ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2564 เป็นต้นไป
.
.
#Brief #TheMATTER

 

The MATTER x จอมขวัญ : #มาเถอะจะคุย 28 ก.ค. 2564

เมื่อสถานการณ์ COVID-19 ยังไม่คลี่คลาย ซ้ำยังมีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้น สะท้อนจากยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวัน ส่งผลให้คนด่านหน้า ทั้งแพทย์ พยาบาล รวมถึงบุคลากรทางแพทย์อื่นๆ ต้องทำงานหนักเกินกว่าปกติ
.
รายการ #มาเถอะจะคุย ประจำวันที่ 28 กรกฎาคม พูดคุยกับ ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล, พว. วิทยา โพธิ์หลวง ตัวแทนกลุ่ม Nurses connect และพญ.ชุตินาถ ชินอุดมพร ตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ ในประเด็นการจัดสรรวัคซีน โดยเฉพาะวัคซีนที่ให้กับบุคลากรด่านหน้า
.
รับชมรายการแบบเต็มๆได้ที่นี่ : https://bit.ly/3rCmf1u
.
#มาเถอะจะคุย #MTJQ #TheMATTERxJQ #ขอไฟเซอร์ให้บุคลากรด่านหน้า #Pfizer #โควิด19 #โควิดวันนี้ #วัคซีนโควิด #วัคซีน #เศรษฐกิจไทย #TheMATTER #Jomquan

 

อื้ออึง! “ปักกิ่ง” สั่งลงโทษจำคุก 18 ปีเศรษฐีพันล้านชื่อดังทางการเกษตรขาประจำวิจารณ์ "สี" เคยเปิดโปงไข้หวัดหมูแอฟริการะบาด
.
.
.
เอเจนซีส์ – ซุน ดาวู(Sun Dawu) มหาเศรษฐียักษ์ใหญ่ทางการเกษตรจีนที่มักออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสิทธิมนุษยชนวัย 67 ปี วานนี้(28 ก.ค)ถูกศาลมณฑลเหอเป่ยพิพากษามีความผิดข้อหาทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทและทำให้เกิดความไม่สงบพร้อมลงโทษจำคุกหนัก 18 ปีในเรือนจำและปรับเป็นเงิน 3.11 ล้านหยวนหรือราว 480,000 ดอลลาร์ พบเมื่อปี 2019 เคยเปิดโปงการระบาดโรคไข้หวัดหมูแอฟริกาในจีนที่กระทบหนักต่อทั้งเซคเตอร์ ทางการสั่งทำลายไปกว่า 100 ล้านตัวในที่สุด
.
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(29 ก.ค)ว่า ซุน ดาวู(Sun Dawu) มหาเศรษฐียักษ์ใหญ่ทางการเกษตรจีนวัย 67 ปีมักออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสิทธิมนุษยชนและประเด็นอ่อนไหวทางการเมือง
.
เขาเป็นเจ้าของบริษัทอุตสาหกรรมทางกาเษตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศคือ กลุ่มธุรกิจการเกษตร "หูเป่ย ดาวู การเกษตรและฟาร์มเลี้ยงสัตว์กรุ๊ป" (Hebei Dawu Agricultural and Animal Husbandry Group) ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลหูเป่ยและมีคนงานในความดูแลร่วม 9,000 คนในกระบวนการแปรรูปสัตว์ปีก การผลิตอาหารสัตว์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ CNN ชี้
.
โดยแถลงการณ์ที่ถูกโพสต์ในวันพุธ(28)ผ่านโปรแกรมวีแชทของศาลประชาชนแห่งเกาเป่ยเตียน(Gaobeidian) ซึ่งอยู่ในมณฑลเหอเป่ยมีใจความว่า
.
“ซุนถูกพบว่ามีความผิดของการรวมฝูงชนเพื่อโจมตีที่ตั้งหน่วยงานรัฐ ขัดขวางการให้บริการสาธารณะ ทะเลาะวิวาทและก่อความไม่สงบ ขัดขวางการผลิตและกระบวนการ ทำให้เกิดการซื้อขายแบบบังคับ การขุดเหมืองผิดกฎหมาย การเข้าครอบครองที่ดินสาธารณะอย่างผิดกฎหมาย การได้การได้เงินสาธาณะจากระดมทุนอย่างผิดกฎหมาย” สื่อสหรัฐฯรายงาน
.
อย่างไรก็ตามในหลายความผิดที่ศาลเกาเป่ยเตียนพิพากษา บีบีซีชี้ว่า มีการรวมข้อหา ทะเลาะวิวาทและก่อความไม่สงบ นั้นมักจะเป็นข้อหาที่ทางการปักกิ่งใช้เพื่อจัดการกลุ่มนักเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้ามเสมอ
.
ทั้งนี้พบว่า ซุนเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในประเทศที่ออกมากล่าวหาปักกิ่งทางสาธารณะต่อความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดี สี จิ้นผิงในการปกปิดขอบเขตการระบาดของโรคไข้หวัดหมูสายพันธุ์แอฟริกา (African swine fever : ASF)เมื่อปี 2019 ที่ในท้ายที่สุดมีสุกรจำนวนมากกว่า 100 ล้านตัวในจีนถูกสั่งทำลายทิ้ง
.
ในการให้สัมภาษณ์ของเขาเมื่อพฤษภาคม ปี 2019 ซุนกล่าวกับ CNN ว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทำแค่จับหมูของเขาตรวจใหม่อีกครั้งเพื่อหาเชื้อหลังจากที่เขาเริ่มต้นโพสต์ภาพการตายของสุกรในฟาร์มของตัวเองทางออนไลน์
.
ทั้งนี้ซุนถูกจับกุมเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา การสั่งลงโทษจำคุกของเขาเกิดขึ้นท่ามกลางการกวาดล้างในภาคเอกชนของจีน เพราะขณะที่ปักกิ่งต้องการให้มีการทำธุรกิจอย่างคล่องตัวแต่ในเวลาเดียวกันพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ออกข้อกำหนดต่อสาธารณะในเดือนกันยายนปี 2020 โดยระบุว่าภาคเอกชนจำเป็นต้องมีกลุ่มคนที่อ่อนไหวทางการเมืองผู้ซึ่งจะต้องฟังอย่างหนักแน่นต่อทางพรรค
.
ด้านกลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชนจีน CHRD (Chinese Human Rights Defenders)ได้กล่าวผ่านแถลงการณ์เมื่อวันที่ 14 ก.ค ระบุว่า ซุนถูกสอบสวนเป็นผลมาจากที่เขาให้การสนับสนุนด้านสิทธิมนุษยชน
.
“ซุน ดาวูเป็นผู้ซึ่งสร้างคุณประโยชน์อย่างมหันต์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนจีนที่อาศัยในพื้นที่ห่างไกลของจีน การสนับสนุนของเขาต่อทางกลุ่มเป็นการขยายความตระหนักของเขาที่มีต่อความเป็นอยู่ของประชาชนชายขอบเศรษฐกิจของจีน”
.
บีบีซีรายงานว่า เคยมีรายงานออกมาว่าซุนรวมถึงญาติของเขาอีก 20 คนและเพื่อนร่วมทางธุรกิจรวมเคยถูกควบคุมตัวในปีที่ผ่านมาต่อปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับที่ดินกับฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของรัฐบาลปักกิ่ง
.
และเขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามชื่อดังของปักกิ่งรวมไปถึงมีประวัติในการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเกี่ยวกับการจัดการพื้นที่ห่างไกลของปักกิ่ง และเขาเคยถูกลงโทษจำคุกในปี 2003 ต่อข้อหาการระดมทุนผิดกฎหมายแต่ทว่าคดีนั้นภายหลังถูกตัดสินให้กลับคำพิพากษาเกิดขึ้นหลังได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากทั้งนักเคลื่อนไหวและสาธารณชน

 

แพทย์ญี่ปุ่น
วอนรัฐบาล
ประกาศชัดเจนความเสี่ยงโควิด

หน่วยงานที่ปรึกษาการแพทย์ชั้นนำของญี่ปุ่น ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาล ส่งข้อความให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เกี่ยวกับความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด รวมถึงระบบการแพทย์ พร้อมระบุว่า “วิกฤตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการที่สังคมไม่รู้สึกถึงความเสี่ยง”

โดยความเหลื่อนไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังมีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในกรุงโตเกียว รายใหม่เพิ่มสูงขึ้นเป็น 3 พัน 177 คนเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ทำให้แรงกดดันตกไปอยู่ที่โรงพยาบาลต่าง ๆ ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นถึง 9 พัน 500 คนแล้ว

ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ยังเพิ่มความกังวลต่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก อาจถูกยกเลิกกลางคัน หลังเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีรายงานนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ติดเชื้อโควิดแล้ว

นอกจากนี้ที่ปรึกษาการแพทย์ยังระบุว่า การฉีดวัคซีนสามารถช่วยยับยั้งไวรัสได้ แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโควิดสายพันธุ์เดลตา ที่ติดเชื้อได้ง่าย ความเหนื่อยล้าจากข้อจำกัดต่าง ๆ และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ทำให้รัฐบาลต้องขัดเจนต่อการประกาศถึงความเสี่ยงดังกล่าว

#ข่าวต่างประเทศ #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29 #worldnews #ญี่ปุ่น #โอลิมปิก #โควิด #COVID #เดลตา #Delta #โควิดระบาด #ความเสี่ยงโควิด

 

“ไรเดอร์” นักซิ่งอาชีพเสี่ยงและกดดัน อุบัติเหตุ vs โมโหหิว!
.
วันนี้อาชีพ “ไรเดอร์” มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงล็อกดาวน์ และ WFH ป้องกันโควิด19 แต่สิ่งที่ตามมาติดๆ คืออุบัติเหตุ ในกลุ่ม “มอเตอร์ไซค์” ที่ปกติในบ้านสูงมากอยู่แล้ว...
.
“ในช่วงที่ล็อกดาวน์ สถิติความสูญเสียจากรถมอเตอร์ไซค์ ยังคงสูงและสูงที่สุด แต่ว่ากลุ่มเสี่ยงเปลี่ยนไป คนอื่นๆ ล็อกดาวน์อยู่กับบ้าน แต่ว่ากลุ่มไรเดอร์เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ไม่เพียงแต่ใน กทม. ต่างจังหวัดก็เช่นกัน” นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้เชี่ยวชาญในคณะที่ปรึกษาขององค์การอนามัยโลก ด้านการป้องกันการบาดเจ็บ และประธาน สอจร. บอกเล่าในภาพรวม
.
นพ.วิทยา กล่าวว่า ในวงคลับเฮ้าส์ และที่ประชุมคณะบูรณาการการแพทย์ฉุกเฉิน วุฒิสภา ได้มีการสรุปปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เกิดเหตุในกลุ่มไรเดอร์ คือ

1. ขับเร็ว ทำรอบ ทำเวลา
2. ใช้มือถือ ดูแผนที่ รับคำสั่งจากลูกค้า
3. ไม่ชินเส้นทาง
4. ทำผิกกฎจราจร
5. บริษัทจ้างแบบ Contact Out คนขับรถรับผิดชอบตัวเอง
.
นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่าพฤติกรรมของลูกค้า เช่น สั่งให้ส่งของระยะทางไกลๆ ไม่ยอมรับของที่มาส่ง มีส่วนสำคัญมากทำให้ไรเดอร์มีความโกรธและความเครียด ซึ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจในการขับขี่
.
ทั้งนี้ เนื่องจากสถิติอุบัติเหตุไรเดอร์ จากหน่วยงานรัฐในบ้านเรา ยังไม่เคยมีการรวบรวมและเผยแพร่อย่างเป็นทางการ ทีม Mono29 - News Online จึงหยิบยกตัวอย่างข้อมูลการบาดเจ็บ เก็บรวบรวมโดย รพ.อุดรธานี เปรียบเทียบย้อนหลัง 3 ปี พบว่า

- ในปี 2564 ตั้งแต่ ม.ค. - วันที่ 26 ก.ค. มีผู้บาดเจ็บจากมอเตอร์ไซค์ รวมมากถึง 6,163 คน ในจำนวนนี้เป็นไรเดอร์ 110 คน

- ในปี 2563 มีผู้บาดเจ็บรวม 6,649 คน เป็นไรเดอร์ 61 คน

- ในปี 2562 มีผู้บาดเจ็บรวม 6,432 คน เป็นไรเดอร์ 44 คน
.
เพื่อให้ชาวไรเดอร์ปลอดภัยมากขึ้น นพ.วิทยา เสนอว่า รัฐควรต้องทำอะไรสักอย่าง ซึ่งไม่เพียงแต่ควบคุมการทำผิดกฎจราจร เช่น ขับเร็ว ย้อนศร ฝ่าไฟแดง ฯลฯ เท่านั้น ขณะเดียวกันต้องผลักดันผู้ประกอบการ ให้เข้ามีส่วนร่วมรับผิดชอบชีวิต พนง. โดยเริ่มต้นจากการจ้างงาน ต้องไม่ใช่ รูปแบบ Contact Out เหมือนที่เป็นอยู่ในตอนนี้
.
เนื้อหา/โปรดิวเซอร์: สุริยัน ปัญญาไว
ตัดต่อ: ศิวัช คำภูแก้ว
.
#ไรเดอร์ #อุบัติเหตุไรเดอร์ #อุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ #ล็อกดาวน์ #WFH #Mono29 #Mono29News #ข่าวโมโน29

 

วันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว หลังกลายเป็นกระแสดราม่าถล่ม ป๋าเทพ หลังมีคลิปไลฟ์สดสะเทือนโซเชียล
.
ล่าสุด เจ้าตัวมองเป็นเรื่องขำ ใครด่ามาด่ากลับ ยืนยันอัด "คนรุ่นใหม่" ถูกแล้ว โต้ไม่ได้ถูกจ้างอวยรัฐบาล ยอมรับเชียร์ ประยุทธ์ ทั้งที่ไม่รู้จักแต่แอบ แปลกใจขนมเปี๊ยะขายดีเป็นแสน หลังแก๊ง 3 นิ้วพาทัวร์มาถล่ม
.
หลังป๋าเทพ หรือ “เทพ โพธิ์งาม” ศิลปินตลกอาวุโส ที่ออกมาไลฟ์สด ระบายความอัดอั้น ที่ “คนรุ่นใหม่” ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องรัฐบาลให้ลาออก และประเด็นอื่นๆ อีกมากมาย จนมีกระแสจากโลกโซเชียล ที่ไม่เห็นด้วย
.
โดยป๋าเทพ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อช่องหนึ่งว่า ที่ออกมาพูดไม่ได้ “หิวแสง” และไม่ได้ถูกว่าจ้างจากใคร พูดไปตามที่เห็น ซึ่งมองมานานแล้ว แต่วันนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจพูด นั่งอุ้มแมวอยู่ ลูกสาวก็มาขอถ่ายบอกว่าจะลงติ๊กต่อก จังหวะมันได้ เลยพูดออกมายาวเลย
.
ซึ่งป๋าเทพ ยอมรับว่าหลังจากมีการพูดถึงไลฟ์ในโลกโซเชียล ได้รับฟีดแบคกลับมาจนจุกเลย
“เยอะเลย เต็มไปหมด ก็มาทั้งกล้วย สับปะ สัมโอ มากันเยอะเลย คำคอมเมนต์ ส่วนมากให้พรนะ (หัวเราะ) ก็ขำดี ใครมาด่า ป๋าก็ด่ากลับไปเยอะเหมือนกัน เหมือนให้พรกลับ ขอให้กลับยัดปากคืนไป จบไปแล้ว”
.
พร้อมกับบอกว่า ไม่ได้รับจ้างมาเป็นกระบอกเสียงให้ใคร “ป๋าไม่ได้รับจ้างให้มาอวย ประยุทธ์ กูยังไม่รู้จักเลย โคตรพ่อโคตรแม่เค้าก็ไม่รู้จัก ไปหาถามหลักฐาน ว่ากูเคยไปยุ่งกับใครมั้ย”
.
ส่วนที่เอ่ยชื่อกลุ่มที่ออกมาเหคลื่อนไหวก็เพราะ อยากให้รู้ไปเลยว่าเป็นใคร ที่มีความคิดแบบนั้น ซึ่งคิดยังงี้บ้านเมืองไปไม่ได้หรอก คือรับฟังความคิดเห็นได้นะ แต่ขอให้พูดจาดี ๆ หน่อย
.
“ประชาชนพูดได้ ไม่ได้ห้าม แต่พูดออกมาเป็นภาษาอะไร ขนาดกูถ่อยที่สุด ยังฟังไม่ได้เลย มันถูกเหรอ คนเราต้องรู้ที่ต่ำที่สูง ต้องให้เกียรติผู้ใหญ่ มาจาบจ้วงอะไร มันไม่ถูก การบริหารประเทศ ถ้ามาจับเป็นจุดๆ เท่ากับเติมเชื้อให้กัน ก็เรื่องเยอะแน่นอน ที่ป๋าพูดออกมาก็เพื่อคนทั้งประเทศ และบอกถึงนายกฯ ด้วย”
.
พร้อมกันนี้ ป๋าเทพยังเอ่ยถึงชื่นชมการทำงานของ "นายกฯ ประยุทธ์" โดยบอกว่า นับตั้งแต่ “สมัคร สุนทรเวช” เป็นนายกฯ จนมาถึงยุคนี้ ก็พอจะฝากผีฝากไข้กับคนนี้ได้
.
“ผู้นำต้องเป็นคนที่ไม่เป็นคนแต่เอาแต่ใจ เป็นผู้ใหญ่ อย่างนายกฯ ประยุทธ์ พูดอะไรมีน้ำหนัก ถ้าไม่ใช่รัฐบาลชุดนี้ มันมีคนจ้องอยู่ ทุกคนอยากจะกลับเข้ามา”
.
นอกจากนี้ ป๋าเทพ ยังพูดถึงงบเรือดำน้ำ ที่หลายคนบอกให้ชะลอไปก่อน เพราะมีเรื่องสำคัญกว่า อย่างการซื้อวัคซีน
.
“จริงๆนะ เรื่องเรือดำน้ำ มันน่าจะซื้อตั้งนานแล้ว อาวุธต้องสำคัญ ไปดูเพื่อนบ้านเราสิ มีกันตั้งหลายลำแล้ว มันงบของเขา มันคนละส่วนกับโควิด แต่ทำอะไรก็ติไปทุกอย่าง เยี่ยวไม่ออก ขี้ไม่ออกก็ต้องประยุทธ์ เลี้ยงคนก็ต้องให้ช่วยตัวเอง ปล่อยให้เขาทำงานให้เต็มที่สิ”
.
ตลกอาวุโส ยังบอกอีกว่า ขอให้คิดกว้างอย่าคิดแคบๆ ป๋าเองก็มีโดนผลกระทบ และขอให้ช่วยกันดูแลตัวองบ้าง ทุกอย่างก็จะสบาย ต้องคิดว่าสมัยก่อน พ่อแม่เรารอด เพราะยาสมุนไพรทั้งนั้นเลย อย่ามองแต่เผินๆ รัฐบาลวิ่งเต้นซื้อหาขนาดไหน แต่มันไม่พอกับคนทั้งโลก ต้องเข้าใจด้วย
.
ส่วนใครที่อยากสั่งซื้อขนมเปี๊ยะ “ป๋าเทพ” ก็สั่งจองกันได้ตามลิงก์ด้านล่าง

https://m.facebook.com/piakhanthep/

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://m.facebook.com/piakhanthep/

https://www.komchadluek.net/news/ent/476450

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

วันนี้ มีรายงานว่า น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีโลกออนไลน์แชร์ภาพจับผิด การจัดฉากภาพผู้เสียชีวิตนอนริมถนน ภาพคนล้มบนถนน
.
เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นผลกระทบจากโควิด-19 และเมื่อได้ประสานงานให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก็พบว่า บางกรณีน่าสงสัยว่า เป็นการรับจ้างไปนอนล้มในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อถ่ายภาพ และส่งคลิป
.
ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการสร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคม ซ้ำเติมวิกฤต ทำลายขวัญ และกำลังใจของพี่น้องประชาชน เพิ่มภาระแก่เจ้าหน้าที่ และเสียเวลาช่วยชีวิตผู้ป่วยที่กำลังรอคอยความช่วยเหลือ
.
ดังนั้น จึงต้องเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการ คือ ผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้าง และผู้นำเข้าข้อมูลในสื่อโซเชียลอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนข้อ 11 แห่งข้อกำหนดฉบับที่ 27 เรื่องมาตรการเพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท
.
และความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนโดยทุจริต ข้อมูลอันเป็นเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ แล้วแต่พฤติการณ์
.
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนที่พบเห็นภาพในลักษณะดังกล่าว ขอให้หยุดคิดและตรวจสอบที่มาที่ไปของแหล่งข้อมูลที่นำภาพ และคลิปมาเผยแพร่ก่อนรีบส่งต่อ
.
ซึ่งอาจตกเป็นเครื่องมือในการสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย บั่นทอนกำลังใจของผู้ปฏิบัติหน้าที่ ที่น่าเป็นห่วง คือเยาวชน อาจเกิดการลอกเลียนแบบพฤติกรรมนี้ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
.
"กลุ่มขบวนการ "เด็กเลี้ยงแกะ" ที่สร้างภาพสร้างสถานการณ์นั้น ขอให้คำนึงถึงความเป็นคน เลิกการกระทำดังกล่าวเสีย เพราะในสถานการณ์วิกฤตโควิดแบบนี้ ทุกวินาทีมีค่าต่อชีวิตผู้ป่วยที่รอคอยความช่วยเหลือ หากเจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลากับการตรวจสอบเรื่องโกหก หรือข่าวปลอม หลายชีวิตอาจจะได้รับการช่วยเหลือไม่ทันเวลา ได้โปรดเห็นแก่ชีวิตมนุษย์"

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.naewna.com/politic/591230
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

วันนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า แอสตร้าเซนเกนก้า บริษัทผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ชื่อดัง เผยแพร่แถลงการณ์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ระบุว่า
…

วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซเนก้า และวัคซีนชนิด mRNA แสดงข้อมูลความปลอดภัยที่ดี และคล้ายกันจากการศึกษาในระดับประชากรกว่าหนึ่งล้านคน
.
อุบัติการณ์ของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้ยากนั้นต่ำกว่า ที่พบในผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างมาก
.
จากการศึกษาข้อมูลการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่เผยแพร่ในฉบับก่อนตีพิมพ์ในวารสาร เดอะ แลนเซต จากกลุ่มประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคน เพื่อศึกษาอัตราการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันผิดปกติ และภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (thrombocytopenia syndrome หรือ TTS)
.
หลังการฉีดวัคซีนชนิด mRNA หรือวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า และเปรียบเทียบกับอัตราการเกิดภาวะดังกล่าวในประชากรทั่วไป และในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด-19
.
ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนชนิด mRNA มีความคล้ายคลึงกัน และแสดงถึงประโยชน์โดยรวม
.
ทั้งนี้ มีการศึกษาการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้ยาก และภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (TTS) กับวัคซีนทั้งสองชนิด ซึ่งสอดคล้องกับอัตราที่คาดว่า จะเกิดภาวะนี้ในประชากรทั่วไป อีกทั้งยังมีอัตราการเกิดภาวะTTS ในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนต่ำกว่าผู้ติดเชื้อโควิด-191
.
ซึ่งระยะเวลาในการติดตามผลนั้นไม่เพียงพอที่จะรายงานอัตราการเกิดภาวะ TTS หลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าครบทั้งสองเข็ม แต่ยังคงมีการศึกษาอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นว่า อัตราการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้ยากนั้นจะต่ำลงหลังจากการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง 2
.
จากการวิเคราะห์โดยไม่คำนึงถึงชนิดของวัคซีนที่ใช้ พบว่าอัตราการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 นั้นสูงกว่ากลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนมาก โดยอัตราของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำสูงกว่าอัตราที่คาดการณ์ไว้ถึงแปดเท่าหลังจากการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19
.
เซอร์ เมเน แพนกาลอส รองประธานบริหารฝ่ายวิจัย และพัฒนาด้านยาชีวเภสัชภัณฑ์ (biopharmaceuticals) กล่าวว่า “ข้อมูลจากการใช้จริงนี้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าว่า มีมากกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดอาการไม่พึงประสงค์ และสามารถช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดนี้ได้”
.
การศึกษานี้วิเคราะห์จากผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิด mRNA จำนวน 945,941 ราย (ในจำนวนนี้มี 778,534 คน ได้รับวัคซีนครบทั้งสองเข็ม) ผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 426,272 ราย โดยทำการศึกษาระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2563 ถึง 19 พฤษภาคม 2564
.
นอกจากนี้ยังศึกษากลุ่มผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 222,710 ราย ที่ระบุว่าติดเชื้อในระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2563 ถึง 1 มีนาคม 2564 และข้อมูลจากประชากรทั่วไป 4,570,149 คน ณ วันที่ 1 มกราคม 2017 จากฐานข้อมูลสาธารณสุขของแคว้นคาตาโลเนีย ประเทศสเปน
.
ผลการทดสอบนี้สอดคล้องกับรายงานล่าสุดจาก Yellow Card ซึ่งเป็นรายงานรวบรวม และบันทึกข้อมูลด้านความปลอดภัยของหน่วยงานกำกับดูแลยา และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (MHRA) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งแสดงอัตราภาวการณ์เกิด TTS ในระดับต่ำหลังจากการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง 2
.
ไม่มีปัจจัยเสี่ยง หรือสาเหตุที่ชัดเจนสำหรับภาวะ TTS หลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั้งนี้แอสตร้าเซนเนก้ายังคงดำเนินการ และสนับสนุนการสอบสวนอย่างต่อเนื่องในการศึกษาหาสาเหตุ และกลไกที่ทำให้เกิดภาวะนี้
.
ทั้งนี้อาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้ยากมากเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นได้เมื่อมีการตรวจพบ และได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
.
วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า หรือชื่อ Vaxzevria ในสหภาพยุโรป (เดิมเรียก AZD1222)
.
วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า ถูกคิดค้น และพัฒนาร่วมกับโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และบริษัท วัคซีเทค ซึ่งก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
.
วัคซีนดังกล่าวพัฒนาโดยการนำส่วนของสารพันธุกรรมที่ใช้ในการถอดรหัสการสร้างหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ใส่ในโครงของอะดีโนไวรัส ซึ่งก่อให้เกิดโรคไข้หวัดทั่วไปในลิงชิมแปนซีที่ถูกทำให้อ่อนแรงลง และไม่สามารถแบ่งตัวได้
.
โดยหลังจากฉีดวัคซีนเซลส์ในร่างกายมนุษย์จะตอบสนองโดยการสร้างโปรตีนที่มีลักษณะเดียวกันกับหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2
.
ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในกรณีที่ได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายในภายหลัง
.
วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า ได้รับการขึ้นทะเบียนให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน ในกว่า 80 ประเทศ ครอบคลุม 6 ทวีปทั่วโลก ทั้งนี้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้ากว่า 800 ล้านโดสได้ถูกส่งมอบให้แก่กว่า 170 ประเทศทั่วโลก
.
รวมถึงกว่า 100 ประเทศผ่านกลไกการจัดซื้อ และจัดสรรวัคซีนของโครงการโคแวกซ์ โดยในสหราชอาณาจักร โดยเป็นที่รู้จักกันในชื่อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://endpts.com/astrazeneca-publ...ithkline-and-vir-ink-mab-supply-deal-with-eu/

https://www.naewna.com/local/591124
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

วันนี้ มีรายงานว่า นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ติดตามสถานการณ์ของโควิด-19 อยู่ตลอด และพยายามหาทางเป็นอีกหนึ่งแรงประสานโดยเฉพาะเรื่องวัคซีน การพยายามประสานงานแต่ละครั้งนายชวนไม่ได้หวังผลเลิศ
.
แต่ทุกโอกาสที่เป็นไปได้ก็ต้องลอง ไม่สามารถนิ่งดูดายได้ นอกจากการได้โทรศัพท์ไปหารือกับ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และรมว.การต่างประเทศ เรื่องการประสานติดต่อขอวัคซีนจากสหรัฐอเมริกาแล้ว
.
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายชวน ในฐานะประธานรัฐสภาของประเทศไทย ได้ติดต่อผ่านระบบประชุมทางไกล ไปยัง นายลี่ จ้านซู ประธานสภาประชาชนแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 ผู้ทรงอำนาจทางการเมืองสูงสุดของจีน เพื่อขอให้ฝ่ายจีน พิจารณาผลักดัน 3 เรื่อง คือ
...

1. ให้นักศึกษาไทยได้กลับไปศึกษาต่อที่จีน

2. อนุญาตให้สายการบินไทย กลับไปทำการบินเชิงพาณิชย์ในจีนได้อีกครั้ง เพราะไทยได้อนุญาตให้สายการบินพาณิชย์จีน บินเข้าไทยได้แล้ว

3. ขอขอบคุณที่มีน้ำใจกับคนไทย เรื่องการมอบวัคซีนให้ แต่ตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรง หากได้รับวัคซีนตัวใหม่ (ซิโนฟาร์ม) ก็จะเป็นประโยชน์ และเป็นที่ซาบซึ้งใจต่อคนไทยอย่างสูง

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.naewna.com/politic/591237
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

วันนี้ มีรายงานว่า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนถึงกรณีการแชร์ภาพ และคลิปวิดีโอคนเสียชีวิตบนท้องถนน ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม ดังนี้
.
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ได้โพสต์เตือนประกอบกับคลิปวิดีโอที่ปรากฎเป็นภาพผู้เสียชีวิตบนท้องถนน ในหลายสถานที่ แต่ปรากฏว่า ผู้เสียชีวิตในหลายคลิปนั้นแต่งกายเหมือนกัน และมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกัน ซึ่งโพสต์ดังกล่าวก็ได้ถูกส่งต่อข้อมูล หรือแชร์ไปอย่างแพร่หลายในวงกว้าง
.
ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความหวาดกลัวตื่นตระหนก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงสถานการณ์ฉุกเฉิน และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว รวมถึงตัวผู้ที่เกี่ยวของทุกรายหากพบว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ หรือเป็นความผิดจริง ก็จะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายกับผู้กระทำความผิด หรือผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายต่อไป
.
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามข่าวปลอม โดยกำชับให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องประสานการปฏิบัติกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานความมั่นคงต่าง ๆ ในการสร้างการรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชน
.
เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน หรือข่าวปลอม (Fake News) จากกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่โดยเฉพาะบนสื่อสังคมออนไลน์ และเร่งทำการพิสูจน์ทราบ สืบสวนสอบสวนรวมถึงดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายกับผู้กระทำความผิด และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายอย่างเด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้น
.
หากตรวจสอบพบว่า เป็นความผิดจริง การกระทำดังกล่าวในลักษณะการผลิต และเผยแพร่ข่าวปลอม หรือบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความตื่นตระหนก เกิดความสับสนวุ่นวาย โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2), (5)
.
มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
.
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันที่พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้ง่าย ก็ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อ ไม่ส่งต่อหรือแชร์ข้อมูล จนกว่าจะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อมิให้เกิดความสับสน และตื่นตระหนกในสังคม
.
เพราะในปัจจุบันนี้มีข่าวปลอมเกิดขึ้นทุกวัน นอกจากนี้หากพี่น้องประชาชนมีข้อมูล หรือเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.thaipost.net/main/detail/111523
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

ตุรกี : ไฟป่านับสิบจุดในภาคใต้
ตุรกี ภูมิภาคทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรมหลายแห่งกำลังถูกไฟไหม้ ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564

ไฟไหม้อำเภอ มานาฟกัต
ต้นเพลิงเริ่ม 28 กรกฎาคม 2564

ไฟไหม้เมืองมาร์มาริส จังหวัดมูกลา 29 กรกฎาคม 2564

#คลิปไฟไหม้ในวันที่ 28 กรกฎาคม


#ความเสียหาย

 

เกาหลีใต้ : ล้างหัวไชเท้า
มีคลิปเผยแพร่ ในแพลตฟอร์มติ๊กต๊อก ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเกาหลีใต้ ล้างหัวไชเท้า และนำเท้า แช่ ในถังล้าง นำที่ขูดเปลือกมาขูดเท้าต่อ ทันทีที่วีดีโอเผยแพร่มีคนสนใจจำนวนมาก หลายคนบอกที่จีน ซึ่งมีการโต้เถียงกันเรื่องกิมจิ และอาหารไม่สะอาดก่อนหน้า แต่หลังจากพิจารณา ทะเบียนรถ และกล่องภาษาเกาหลี สถานที่นี้อยู่ในเกาหลีใต้ แต่ไม่ระบุพิกัด
วีดีโอเผยแพร่ ในวันที่ 23 กรกฎาคม และเป็นข่าวดังในหลายประเทศในปัจจุบัน

 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีนเดินทางเยือนทิเบตอย่างเป็นทางการซึ่งถือเป็นการเยือนเขตปกครองตนเองนี้เป็นครั้งแรกหลังรับตำแหน่งประธานาธิบดี
.
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของจีนสร้างแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงในระดับภูมิภาคโดยเฉพาะหลายฝ่ายมองว่านี่เป็นการส่งสัญญาณเตือนอินเดีย เพราะเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
.
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียได้ส่งคำอวยพรวันเกิดไปยังองค์ดาไลลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวทิเบต ซึ่งปัจจุบันลี้ภัยทางการเมืองอยู่ในอินเดีย
.
น่าสนใจว่าในสัปดาห์นี้รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาเดินทางเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงในภูมิภาคทั้งในเรื่องประเด็นอินโด-แปซิฟิก รวมไปถึงปัญหาพรมแดนจีนอินเดีย และทิเบตด้วย
.
ซึ่งในช่วงที่ รมต.ต่างประเทศของสหรัฐฯ อยู่ที่เดลีนี้เอง ก็ได้มีการพบปะพูดคุยกับผู้แทนขององค์ดาไลลามะ ซึ่งถือเป็นการพูดคุยกันในรอบหลายปีระหว่างผู้นำระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลทิเบตพลัดถิ่น
.
แน่นอนว่าทางการจีนยังคงเน้นย้ำว่าทิเบตเป็นส่วนหนึ่งของจีน และยังคงยืนยันว่าการกระทำของมององค์ดาไลลามะว่าเป็นคนที่พยายามแบ่งแยกดินแดนที่อันตรายต่อชาติจีน
.
ที่แน่ๆ เราเริ่มเห็นว่าประเด็นเรื่องทิเบตถูกหยิบขึ้นมาพูดมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะหลังไบเดนขึ้นมาอำนาจ เช่นเดียวกับอินเดียที่หลังมีปัญหากับจีนก็เริ่มติดต่อกับรัฐบาลทิเบตมากยิ่งขึ้น
.
จึงน่าสนใจว่าประเด็นเรื่องทิเบตในเวทีระหว่างประเทศจะดำเนินไปอย่างไร และจีนจะมีท่าทีต่อความเคลื่อนดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน

 

อย่าแต่งตัวแบบนี้เข้าสนามรบ

ภาพทหารฝรั่งเศสหน้าร้านอาหาร A la Ville d'Epinal ไม่กี่วันก่อนเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ในขณะที่เยอรมันและอังกฤษเลือกเครื่องแบบสีเทาและกากี ฝรั่งเศสกลับเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยเครื่องแบบและหมวกแก๊ปสีน้ำเงินตัดกับแดงเข้ม ชุดที่ว่าสวยจริง แต่เป็นเหตุให้ทหารจำนวนมากตกเป็นเป้าปืนกลของเยอรมันเนื่องจากสีมันฉูดฉาด เห็นได้ตั้งแต่ไกล แถมทหารฝรั่งเศสในยุคนั้นยังเน้นการรบด้วยความกล้าหาญ ควรวิ่งเข้าสนามด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น

ปรากฎว่าฝรั่งเศสเสียทหาร 27,000 นายในหนึ่งวัน เป็นสถิติสูงสุดตลอดสงคราม ทำให้ชุดทหารแสนสวยมีอันต้องถูกยกเลิกไปในเวลาไม่กี่เดือนโดยเปลี่ยนเป็นสี horizon blue แบบที่เราคุ้นตา

นอกจากเรื่องเครื่องแบบที่เหมือนหลุดมาจากยุคนโปเลียน ฝรั่งเศสยังกระทำการอีกหลายอย่างที่คนรุ่นหลังมองว่าอิหยังวะ พวกเขาแต่งตัวสวยงามวิ่งเข้าหาปืนของฝ่ายเยอรมันด้วยสาเหตุอะไร? หาคำตอบได้จากบทความของเรา - t.ly/VefH

 

#ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (29 ก.ค.) รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนเพิ่ม จ. ปริมณฑล 3 จังหวัด (คานางาวะ ชิบะ ไซตามะ) + โอซาก้า เริ่ม 2 สิงหาเป็นต้นไป - 31 สิงหา

⚠️เตรียมขยายเวลาสิ้นสุดสถานการณ์ฉุกเฉินของโตเกียว / โอกินาวะ เป็น 31 สิงหา เช่นกัน

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า

https://www3.nhk.or.jp/news/html/20210729/k10013168711000.html

 

"เจิ้งส่วง" ดาราบันเทิงจีน ตกอับจากข่าวฉาวทิ้งลูก ประหยัดต้องดื่มน้ำประปาประทังชีวิต

นักแสดงสาวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ “เจิ้งส่วง” ที่ตกจากวงการไปโดยปริยาย หลังตกเป็นข่าวฉาวเรื่องการทอดทิ้งลูกที่เกิดจากการอุ้มบุญสองคน เปิดใจว่าตอนนี้ตนเองต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก อยู่ในสหรัฐอเมริกา

ดาราสาววัย 29 ปี เจิ้งส่วง เคยเป็นดาราหญิงระดับแถวหน้าของวงการบันเทิงจีน แต่หลังตกเป็นข่าวฉาว จนถูกทางการจีนแบนห้ามปรากฏตัวในสื่อ เธอก็หายหน้าหายตาไปเลย ซึ่งล่าสุดมีข่าวเปิดเผยว่าตอนนี้เธอต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากไม่น้อยเลยทีเดียว

หลังชีวิตพัง เสียทั้งชื่อเสียง, โดนทางการจีนแบน, งานพรีเซนเตอร์ยกเลิกสัญญาเกลี้ยง และยังมาเสียสิทธิ์ในตัวลูกของตัวเองไปอีก ดาราสาวผู้อื้อฉาว เจิ้งส่วง ได้ออกมาเปิดเผย รายละเอียดกับชีวิตส่วนตัวของตัวเองในขณะนี้

โดยก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือในหมู่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ว่าแม้จะต้องออกจากวงการบันเทิง แต่ เจิ้งส่วง ก็น่าจะไม่ได้ลำบากอะไรมากมายเธอน่าจะมีเงินเก็บอยู่พอตัว

เคยมีข่าวลือว่า เจิ้งส่วง เคยใช้วิธีแบบการเซ็นสัญญา “หยินหยาง” อย่างที่ ฟ่านปิงปิง ทำ จนน่าจะโกยเงินได้จากซีรีส์ Chinese Ghost Story ถึง 160 ล้านหยวน (814 ล้านบาท) แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ซึ่ง เจิ้งส่วง ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในอเมริกาที่ค่อนข้างลำบาก เพราะเธอไม่สามารถรับงานได้อีกต่อไป และบัญชีเงินฝากก็ยังถูกอายัด จากโดนสืบสวนเรื่องการหนีภาษี

จิ้งส่วง บอกว่าตอนนี้เธอมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากมาก เพราะบัญชีธนาคารโดนบล็อก และยังไม่มีรายได้จากทางใดเลย ต้องพึ่งพาอาศัยเพื่อนสนิทเท่านั้น ที่ทำให้พอจะประทังชีวิต่อไปได้

“ถ้าบอกแล้วจะทำให้พวกคุณรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง ฉันก็ขอบอกว่าตอนนี้ต้องกินน้ำประปาทุกวัน มีเสื้อผ้าอยู่แค่เสื้อยืด 5 ตัวกับกางเกงยีนสองตัว และไม่เคยได้สิ่งของกินอะไรเลย ฉันต้องประหยัดถึงที่สุด แม้แต่กระดาษชำระยังต้องใช้แต่ที่จำเป็นเท่านั้น”

เจิ้งส่วง บอกว่าเวลาเธอคิดถึงอาหารจีน ก็จะซื้อหัวหอม, กระเทียม, ต้นหอมจีน มาทำไข่เจียวแบบจีนกินเอง และพยายามเก็บเงินสำหรับซื้อเป็นค่าอาหาร และของเล่นของลูก ๆ

อย่างไรก็ตามล่าสุด เจิ้งส่วง ได้ลบข้อความเหล่านี้ทิ้งทั้งหมดแล้ว หลังเกิดเหตุข่าวน้ำท่วมใหญ่ในจีน ทิ้งเอาไว้แต่ข้อความที่เธอให้กำลังใจผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมเท่านั้น

เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาศาลสหรัฐฯ ได้ตัดสินให้ จางเหิง อดีตสามีของ เจิ้งส่วง ได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก ๆ ของทั้งคู่ที่เกิดจากการอุ้มบุญ ส่วน เจิ้งส่วง ศาลได้สั่งให้เธอเข้าไปบำบัดอาการเกี่ยวกับสุขภาพจิต และอนุญาตให้มาเยี่ยมลูกได้ 3 ครั้งต่อสัปดาห์

ชีวิตของ เจิ้งส่วง กลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ ตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาหลัง เธอถูกแฉว่า ได้ว่าจ้างให้หญิง คนหนึ่งอุ้มบุญลูกของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นการขัดต่อกฎหมายจีน ไม่เท่านั้นเธอยังโทษทิ้งลูก หลังความสัมพันธ์กับพ่ออย่างของลูกอย่าง จางเหิง ขาดกันไป

โดย เจิ้งส่วง ยอมรับว่าเธอทำผิดจริงเรื่องการว่าจ้างอุ้มบุญ แต่ยังยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการเสียภาษี

 

#ข่าวด่วน #ประกาศจุฬาราชมนตรี #ป้องกันโควิด #ปัตตานี
เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ว่าด้วย แนวทางและวิธีการจัดการศพมุสลิมที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 (ฉบับที่ ๘/๒๕๖๔)

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ที่กำลังแพร่ระบาดในขณะนี้เป็นเหตุให้ประชาชนในหลายประเทศทั่วโลกเสียชีวิตจำนวนมาก และในประเทศไทยก็พบผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ในจำนวนผู้เสียชีวิตเหล่านั้นมีมุสลิมรวมอยู่ด้วย และความรุนแรงของเชื้อไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดทำให้การจัดการศพต้องอาศัยบุคลากรทางการแพทย์ และการป้องกันที่มีมาตรฐานตามหลักสาธารณสุข แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ก็มีจำนวนจำกัด รวมถึงอุปกรณ์การป้องกันด้วย จึงทำให้เกิดข้อจำกัดเพิ่มขึ้นกับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ปฏิบัติงานในการจัดการศพมุสลิมที่เสียชีวิตตามหลักการศาสนา

ในการนี้ เพื่อให้การจัดการศพมุสลิมที่เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และถูกต้องตามหลักศาสนบัญญัติ จึงได้
#กำหนดแนวทางและวิธีการจัดการศพ ดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศจุฬาราชมนตรี ฉบับที่ ๓/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓
"ข้อ ๓ กรณีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้ดำเนินการ..." และแนวทางและวิธีการจัดการศพมุสลิมที่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๓

๒. #แนวทางและวิธีการจัดการศพมุสลิมที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19

๒.๑ ศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จะถูกบรรจุใส่ถุงบรรจุศพและผ่านการทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายนอกถุงบรรจุศพตามมาตรฐาน จึงห้ามเปิดถุงบรรจุศพ เนื่องจากการเปิดถุงบรรจุศพจะทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อโรคจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ตาย

๒.๒ กรณีการเสียชีวิตที่บ้านซึ่งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือในพื้นที่อื่นที่อาจสงสัยว่าจะเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 จะต้องแจ้งให้โรงพยาบาลมารับศพไปตรวจชันสูตร เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

๒.๓ ให้ทำตะยัมมุมบนถุงบรรจุศพ โดยให้ผู้ทำหน้าที่ตะยัมมุมสวมชุดอุปกรณ์ป้องกันเต็มชุด และให้ถือเอาถุงบรรจุศพเป็นผ้ากะฝั่น (ดูวิธีการทำตะยัมมุมฯ ข้อ ๒.๑๐)

๒.๔ หากการจัดการศพผู้เสียชีวิตไม่มีบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ปฏิบัติงานที่เป็นมุสลิม หรือมี แต่มีจำนวนจำกัดหรือมีข้อจำกัดในการปฏิบัติงาน ขอให้ทางโรงพยาบาลหารือ
ญาติของผู้เสียชีวิตเพื่อติดต่อคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดหรืออิหม่ามในพื้นที่ของผู้เสียชีวิตเพื่อปฏิบัติตาม ข้อ ๒.๓ และ/หรือหากไม่สามารถปฏิบัติตามข้อนี้ได้ ให้รับศพไปจัดการละหมาดและฝังได้ทันที โดยไม่ต้องทำตะยัมมุมบนถุงบรรจุศพแต่อย่างใด และให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

๒.๕ ในกรณีบรรจุถุงบรรจุศพในโลง ให้จัดศพผู้เสียชีวิตในท่านอนตะแคงขวาพร้อมทำเครื่องหมายบอกด้านศีรษะและด้านเท้าให้ชัดเจน และดำเนินการฝังศพผู้เสียชีวิตที่บรรจุ
ในถุงบรรจุศพในท่านอนตะแคงขวาหันหน้าไปทางกิบลัต (ทิศตะวันตก)

๒.๖ กรณีที่ศพถูกบรรจุมาในถุงบรรจุศพ โดยไม่ได้มีการอาบน้ำศพ และไม่มีการตะยัมมุม และไม่ได้นอนตะแคงขวา โดยไม่สามารถเปิดโลงศพเพื่อดำเนินการใด ๆ ได้ ให้ละหมาด
แก่ศพและฝังศพไปตามสภาพนั้น

๒.๗ ให้เฉพาะญาติใกล้ชิดผู้เสียชีวิตเท่านั้นละหมาดที่สุสาน (กุโบร์) โดยให้ผู้ร่วมละหมาดป้องกันตนเองโดยการสวมใส่หน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย
๒ เมตร และให้รีบฝังศพนั้นทันที

๒.๘ หากจังหวัดใดไม่มีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ให้โรงพยาบาลหรือญาติของผู้เสียชีวิตติดต่อมายังสำนักจุฬาราชมนตรี หมายเลขโทรศัพท์ ๐๒-๙๔๙๔๒๗๘,
๐๒-๙๔๙๔๓๑๒-๓, ๐๙๔-๕๕๓๕๖๕๕, ๐๘๗-๙๒๑๙๐๗๑ และ ๐๘๙-๗๙๐๙๑๐๓
เพื่อจะได้ประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

๒.๙ ขอความร่วมมือให้มัสยิดได้จัดเตรียมบุคลากรในการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ให้เป็นไปตามประกาศจุฬาราชมนตรีฯ ฉบับนี้ (ฉบับที่ ๘/๒๕๖๔) โดยให้มัสยิด
ขอคำปรึกษาการดำเนินการที่ เกี่ยวข้องกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด

๒.๑๐ วิธีการทำตะยัมมุมบนถุงบรรจุศพ ให้ปฏิบัติดังนี้
๒.๑๐.๑ ให้ผู้ทำหน้าที่ตะยัมมุมสวมชุดอุปกรณ์ป้องกันเต็มชุด
๒.๑๐.๒ ให้ผู้ทำตะยัมมุมตั้งเจตนา (เนียต) ว่า "ข้าพเจ้าตั้งใจตะยัมมุมแทนการอาบน้ำให้แก่ศพนี้ เพื่ออัลลอฮ์ ตะอาลา" ให้เนียตขณะยกฝ่ามือขึ้นหลังจากตบฝุ่นแล้ว
๒.๑๐.๓ ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างตบฝุ่นครั้งที่ ๑ เพื่อลูบบนถุงบรรจุศพบริเวณใบหน้าศพ
๒.๑๐.๔ ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างตบฝุ่นครั้งที่ ๒ แล้วใช้ฝ่ามือขวาลูบบนถุงบรรจุศพตรงมือขวาของศพถึงข้อศอก หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือซ้ายลูบบนถุงบรรจุศพตรงมือซ้ายของศพจนถึงข้อศอกหรืออย่างน้อยที่สุดลูบให้ถึงข้อมือทั้ง ๒ ข้าง

⭐️ในการนี้ การปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวข้างต้นเป็นไปตามหลักนิติศาสตร์อิสลามว่า

ما لا يُدْرك كُلُّه لا يُترك جُلُّه

ความว่า "สิ่งใดที่ไม่สามารถทำได้ทั้งหมด ก็มิได้หมายความว่าจะต้องละทิ้งทั้งหมด"

และพระดำรัสแห่งอัลลอฮ์ ดังนี้

وَمَا جَعَلَ عَلَيْكُمْ فِي الدِّينِ مِنْ حَرَجٍ
ความว่า "และพระองค์มิได้ให้พวกเจ้าเกิดความยากลำบากในการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา"
(ซูเราะห์ อัลฮัจย์ อายะห์ที่ ๗๘)

فَاتَّقُوا اللَّهَ مَا اسْتَطَعْتُمْ
ความว่า "ดังนั้น พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด เท่าที่พวกเจ้าสามารถ"
(ซูเราะห์ อัตตะฆอบุน อายะห์ที่ ๑๖)

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวข้างต้นให้ถือปฏิบัติจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ
หรือจนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔

(นายอาศิส พิทักษ์คุมพล)
จุฬาราชมนตรี

ข้อมูลจาก Abdul Rahman Kopitak
Pattani Today ปัตตานีทูเดย์

 

#ข่าวด่วน #ปิดพื้นที่เสี่ยง #สะบารัง #ปัตตานี
คำสั่งจังหวัดปัตตานี ที่ (พิเศษ) 56 /2564
เรื่อง ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

⛔ปิดเฉพาะบ้านติดเชื้อ ตำบลสะบารัง จำนวน 23 ครัวเรือน เป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ถึง 2 สิงหาคม 2564 ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ขอให้ทุกท่านอดทนไว้นะครับ เหตุการณ์ครั้งอาจจะวัดอะไรหลายๆอย่างในชุมชน นี่คือบททดสอบมี่เราจะต้องผ่านมันไปให้ได้

❤️ขอส่งกำลังใจและเป็นกำลังใจต่อพ่อแม่พี่น้อง รวมจิตใจของชาวบ้านในชุมชน เพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจ ให้สถานการณ์ดีขึ้นในเร็ววันเราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ครับ✌️

และขอส่งกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่อดทน เสียสละ ต่อสู้กับโรคโควิด-19 เพื่อคนไทยทุกคน ขอบคุณมากๆ นะครับ พวกคุณคือฮีโร่ของพวกเราทุกคน✌️

ปล.ตอนนี้เราทุกคนต้องช่วยกันและอย่าปกปิดข้อมูลกับทางโรงพยาบาล เลขเยอะจนน่ากลัวมาก เราต้องช่วยกัน (รักคนที่บ้าน ห่วงคนที่บ้าน อย่าปิดบังข้อมูล การเข้า LQ ไม่ได้แย่ไปกว่าการปกปิดข้อมูลและทำให้วงสัมผัส วงติดเชื้อ และยอดเพิ่มทวีคูณ) และที่สำคัญที่สุด Saveตัวเอง Saveครอบครัว และ Saveคนที่เรารัก✌️✌️

#ให้สวมหน้ากากทุกครั้ง #COVID19Pattani
#ให้ใส่แมสกันด้วยครับ #ปัตตานีเราต้องรอด #อย่าปกปิดกันนะครับ #ไปรายงานตัวเถอะ

ข้อมูลจาก จังหวัดปัตตานี
Pattani Today ปัตตานีทูเดย์

 

ที่ราบสูง Bucegi - ลูกเห็บจำนวนมาก / Brașov (Moeciu) - มากกว่า 80 l / sqm || 29 กรกฎาคม ⛈‼ ️

ภาพถ่าย: “Kalutzu Andrei / Salvamont Bușteni / Ionel Spătaru .”