ติดตามกิจกรรมพระกรรมฐาน

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย มุ่งเต็มใจ, 2 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    เชิญร่วมฟังการแสดงธรรม
    พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
    วัดสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี

    : ณ ห้องชมรมพุทธชั้น ๓ อาคาร ๕
    ทีโอที สำนักงานใหญ่ แจ้งวัฒนะ

    วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔เวลา ๑๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น.
     
  2. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    เสียหลวงพ่อโสธร

    [​IMG]
    รูปหลวงตามหาบัวอยู่ด้านหลังครับ

    http://www.baanruenthai.com/forum/vi...&thread_id=594

    http://palungjit.org/threads/เชิญร่...ถวายพระพุทธโสธร-ที่มูลนิธิหลวงปู่มั่น.179634/
     
  3. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    กุฏิท่านคือที่ตั้งสรีระสังขารท่านใช่ไหมครับ

    ถ้างั้นก็....ลงไปเบื้องต้นแล้วว่า

    ไปที่ศาลากุฏิหลวงตามหาบัวที่ตั้งสรีระท่าน มีชาวทีโอทีไปติดตั้งระบบสื่อสารให้งานด้วยครับ

    (มีป้ายประกาศจากบมจ.ทีโอทีในงานและเส้นทางเดินรถเป็นระยะๆ)

    เพิ่มเติมว่า

    คณะชมรมพุทธทีโอที ก็ได้โชคดี ได้ไต้กุฏินี้เป็นที่พักตั้งเต๊นท์กัน ผมนี้ดีใจเงียบๆ:cool:
    ขี้นไปข้างบน ไม่แน่ใจว่าเป็นกุฏิหลวงตาเดียวกับน้องนักรบกล่าวถึงไหม เพราะคึกคักมาก เห็นป้ายห้ามผู้หญิง และห้ามขึ้นอาสนะ พอดีมีคณะเด็กหนุ่มประมาณมัธยมปลายหรือปีต้นอุดมศึกษาขึ้นไปถ่ายรูป ผมเห็นเสื้อร่มเบลเซอร์สีดำกับหุ่นทะมัดทะแมง นึกถึงสมเด็จพระองค์ดำขึ้นมา ก็เลยนึกครึ้มขึ้นไปนั่งอยู่หัวแถวร่วมถ่ายรูปข้างบนกับเขาด้วยตั้งหลายรูป ผมบอกว่าไม่ต้องส่งรูปมาให้ก็ได้ครับ ถ่ายไว้เป็นที่ระลึก (ระหว่างถ่ายได้ยินเสียงขึ้นในหัวว่า กองพันทหารเสือ :cool:)เขาก็ถ่ายให้เฉยๆเลยแถมบอกให้น้องๆนั่งให้ชิดกันมาภาพจะได้สมดุลย์ คณะเพื่อนผม งงกัน และท่าทางขำปนหมั่นไส้ครับ แล้วเขาก็พากันลง ผมเลยต้องรีบลงตามไม่ทันได้ภาวนาแบบนั่งนิ่งๆ
    พอก้าวลงจากอาสนะ ก็ได้เจอและทักทายเพื่อนผมที่เป็นรองประธานชมรมวาระที่แล้ว(ไม่รู้เป็นวาระนี้ด้วยหรือไม่) กำลังภาวนาอยู่หน้าที่ตั้งสรีระสังขารหลวงตามหาบัวก่อนย้ายไปจิตตกาธาน เรามีเพื่อนมาภาวนาแทนแล้ว ผมดีใจไปนั่งข้างหน้า แล้วกล่าวว่า อายุ วรรโณ สุขัง พลัง ท่านผู้จัดการฝ่ายเพื่อนผมท่านเปิดตาขึ้นมา ทักทายท่านพอนิดหน่อย ผมเห็นว่าท่านกำลังภาวนาอยู่เลยไม่กวนท่าน เดี๋ยวจะบาป สาธุอยู่ในใจ แล้วต้องรีบตามคณะที่ลงไปรอข้างล่าง ไม่ยอมอยู่ภาวนากัน เพราะโรงแรมที่พักอยู่ไกล

    ผมนึกว่าจะไม่ได้มาที่นี่แล้ว เพราะคณะที่ผมมาท่าทางจะรีบ จะไม่ยอมมา นึกถึงน้องนักรบเงาขึ้นมา ว่า แกจะน้อยใจมั้ยว้า เราไม่ได้ไปแวะที่นั่นนะ สงสัยบุญคงน้อยไม่มีโอกาส แต่ธรรมะจัดสรรให้พากันนำปัจจัยของคณะประมาณ10,300 บาท ลงกล่อง หน้าทางเข้ากุฏิ ขณะอธิษฐานหน้ากล่องเซฟรับบริจาค เห็นแวบๆคล้ายยอดโดมหรือฉัตรหรือศาลาที่มีลักษณะเป็นดอกบัว สีรวมทั้งหมดประมาณจีวรหลวงตามหาบัวปรากฎที่ตั้งของรูปภาพหลวงตาบัว มีพลังเบาเมตตาอ่อนโยนสุขสงบ คล้ายภาวะที่อยู่ฟังธรรมใกล้ๆหลวงตามาซึมซาบด้วยครับ

    ช่วงค่ำเราไปทีหลัง องค์สมเด็จผู้เป็นประธาน แต่เราได้นำดอกบัวทองไปร่วมสุมไฟกับไม้จิกไม้จันทน์ ตอนนั่งภาวนาข้างนอก ในใจที่หลับตาเห็นที่ฐานเปลวไฟที่งดงาม มีคล้ายแถวพญานาคตั้งตัวองอาจล้อมเป็นวงกลมดังดอกบัวอยู่แวบหนึ่ง แต่ผมไม่แน่ใจสงสัยว่าคล้ายจะมีงานยื่นด้วยงั้นน่าจะเป็น...คชสีห์แบบที่หน้ากระทรวงกลาโหม เอ..แต่หลวงตามีพญานาคเคารพมากนี่นา เลยเปิดตามา เห็นทหารที่พิทักษ์รอบจิตตกาธานกำลังรับเอาดอกบัวทอง ที่คณะจัดเตรียมไว้(ผมบังเอิญโชคดีได้ใส่ทองคำเปลวจำนวนหนึ่งประดับลงไปในดอกบัวที่หอมมากด้วยพอดีครับ) ก็เลยคิดว่าคงบางอ้อ ที่ว่า คชสีห์กระทรวงกลาโหม มาช่วยดูแลความเรียบร้อยของงานครับ พอจะเป็นข้อมูลบ้างนะครับ

    แล้วน้องนักรบกังวลว่าจะบ้าอะไรครับ ?รายละเอียดให้ฟังบ้าง


    http://palungjit.org/threads/นอกชานระเบียงบ้าน.258369/page-454#post4463727
     
  4. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    :cool:ครับ สาธุครับ คุณthaiput
     
  5. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    เที่ยงวันนี้หลวงปู่ประสาร สุมโน วัดป่าหนองไคร้มาแสดงธรรมสอนกรรมฐาน
    ที่ชมรมพุทธ บมจ.ทีโอทีครับ
    ได้ทบทวน
    ไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา
    อริยทรัพย์7ประการ
    มงคล38 หัวข้อมีบุญบำเพ็ญมาแต่เก่า บุพเพ กตปุญญตา

    ถวายสังฆทาน

    ได้กราบเรียนโครงการสร้างพระในตระกูลเบญจภาคีและพระพุทธเมตตา84000องค์บรรจุเจดีย์ร่วมกับท่้าน(ติดต่อสอบถามข้อมูลกับผม0893006902ม0893201413ได้ครับ)

    ทางวัดและลูกศิษย์ท่านมีโครงการกำลังจะหล่อพระพุทธเมตตาสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ด้วยครับ ติดต่อสอบถามทางวัดได้ครับ

    เจริญใจดีมากครับ
    สาธุๆๆ ขอเชิญอนุโมทาครับ
     
  6. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ท่านสามารถเข้าพบหลวงปู่ท่อนได้ในห้วงเวลา

    ห้าโมงเย็น - สองทุ่ม...
    เช็คแล้วครับว่า
    9-12 มีนาคม 2554
    สามารถเข้ากราบท่านได้

    ณ.โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ชั้น ๑๓ ....ตึกเก่า ห้อง1316

    ข้อมูล ณ วันที่ 10 มีนาคม 2554
    =======
    Ps.
    กำหนดการที่เหลือรบกวนญาติธรรมทุกท่านupdate กับพยาบาล ward ชั้น13 ;อาคารเก่า
    ได้เลยนะครับที่
    โรงพยาบาลวิชัยยุทธ: โทรศัพท์:0-2265-7777, 0-2618-6200-20

    เวลาโทรเช็คต้องระบุกับพยาบาลนะครับว่าขอต่อ อาคารเก่า ;พยาบาล ward ชั้น13

    ที่อยู่:114/4 ถนนเศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
    (เวลาหลวงปู่ท่อนมากรุงเทพท่านจะพักที่ร.พ วิชัยยุทธ อาคารเก่า ชั้น 13 เป็นประจำครับ;
    อาคารเก่าของร.พ วิชัยยุทธจะอยู่ซอยที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์เก่านะครับ ท่านที่สะดวกมาทางรถไฟฟ้าสามารถนั่งมาลงตรงสถานีอารีย์ได้และ

    นั่งวินมอเตอร์ไซค์ประมาณ20บาทมาได้อย่างง่ายดายครับ ).

    ==============================

    ร่วมสร้างพระมหาเจดีย์หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลย

    ร่วมสร้างพระมหาเจดีย์หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลย


    ที่มาครับ
    http://www.prommapanyo.com/smf/index.php?topic=1600.msg15314#msg15314
     
  7. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต


    บวชพระ ๑๐๙ รูป

    เรียน ผู้ที่จะบวชทุกคน
    ผมขอสรุปตารางในการบวชพระกับหลวงปู่บุญฤทธิ์ ฯ ดังนี้
    การเตรียมตัวบวช
    ซ้อมขานนาค ณ วัดมกุฎกษัตยาราม / (กรุงเทพฯ)
    ครั้งที่ ๑ วัน อาทิตย์ ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๔เริ่มลงทะเบียน๑๓.๐๐ น. และ เข้าซ้อมขานนาค
    ณ วิหาร วัดมกุฎกษัตยาราม เวลา ๑๔.๐๐ น. ขอให้ทุกๆท่านมาให้ได้ เพราะท่านพระครู(มหาประพันธ์) ท่านจะระบุฉายาของแต่ละท่าน และ แบ่งชุดของท่านชุดละ๓คน/ ถ้าขัดข้องช่วยโทรแจ้งผมด้วย
    ครั้งที่ ๒ วัน อาทิตย์ ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๔เริ่มลงทะเบียน ๑๒.๓๐ น. และ เข้าวิหารซ้อม / ถ้าขัดข้องช่วยโทรแจ้งผมด้วย
    ครั้งที่ ๓ วัน อาทิตย์ ที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๔เริ่มลงทะเบียน ๑๒.๓๐ น. และ เข้าวิหารซ้อม / ถ้าขัดข้องช่วยโทรแจ้งผมด้วย

    หมายเหตุ ผมมีผู้ช่วย คือ คุณ ทัศนัยน์ โกมลพันธ์ หมายเลข 087 933 2039 ติดต่อแจ้งแทนผมได้


    ปลงผม “นาค” สถานที่ “สวนทิพย์”


    วัน ศุกร์ ที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๔

    - จะเริ่มตั้งแต่เวลา ๑๒.๐๐ น. เป็นต้นไปจนถึงเวลา ๑๖.๐๐น. จะเริ่มไปเรื่อยๆ ใครมาก่อนจะทำการปลงผมก่อน
    - เวลาประมาณ ๑๖.๓๐ น. เตรียมแต่งชุดนาคให้เรียบร้อย เพื่อเริ่มพิธีเทศน์สอนนาคโดย ท่านพระครูฯ(มหาประพันธ์) พระอาจารย์ผู้ควบคุมดูแล พิธีการบวชทั้งหมด
    - เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. พิธีรับไตรจีวร/บาตร จาก หลวงปู่บุญฤทธิ์ฯ
    - เสร็จพิธี แล้วกลับที่พัก(บ้าน/วัดบวรฯ)

    เครื่องแต่งชุดนาค สวนทิพย์จัดให้มีดังนี้
    ๑ ผ้านุ่งขาว
    ๒ สไบขาว
    ๓ เข็มขัดผ้า
    ๔ เสื้อโปโล(สติ-นิพพาน)
    ๕ รองเท้าฟองน้ำ(ดาวเทียม)


    พิธีบรรพชา – อุปสมบท “วัดบวรฯ”


    วัน เสาร์ ที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๔

    - เวลา ๕.๓๐ น. รับประทานอาหารเช้า
    - เวลา ๖.๓๐ น. พร้อมหน้าโบสถ์วัดบวรฯ แต่งชุดนาคที่เมื่อวานนี้ทำพิธีที่สวนทิพย์- (ไม่ใส่กางเกงใน) เจ้าหน้าจะเตรียมผ้าไตรไว้ให้ ช่วยจำหมายเลขของแต่ละคนให้ดี เพราะแต่ละชุดจะมีขนาดไม่เท่ากัน(ความสูง)
    - เวลา ๗.๐๐ น. นั่งพร้อมกันในโบสถ์รอ สมเด็จพระวันรัตน์ฯ มาเริ่มพิธีบรรพชา คาดว่าประมาณ ๙.๐๐ น. เสร็จพิธีบรรพชาบวชเณร
    - เวลา ๙.๐๐ น. เริ่มพิธีบวชพระ(อุปสมบท) ตามชุดๆละ๓คน ใช้เวลาประมาณ ๒๐ นาที/ชุด เพราะฉะนั้น คาดว่า ช่วงเช้าน่าจะบวชได้ประมาณ ๑๐ ชุด
    - เวลา ๑๑.๐๐น. ฉันท์เพล-พระ และ เณร
    - เวลา ๑๒.๓๐น. เริ่มพิธีบวชต่อฯ
    - เวลา ๐๐.๐๐ น. เดินทางไปปฎิบัติธรรมเสริมรังสี อ.ปากช่อง

    พ่อแม่ญาติพี่น้องที่มาร่วมพิธี เวลาที่ดีที่สุดคือ ตั้งแต่เวลา ๗.๐๐น. จนถึงเลี้ยงพระเพล(๑๒.๐๐น.) ซึ่งหลังจากนั้น จะทำพิธีบวชพระไปเรื่อยๆ ใครอายุมากก็จะได้บวชพระก่อนตามอาวุโส ซึ่งถืออายุเป็นหลัก ไม่มีพิธีรับบาตรจาก พ่อ-แม่ เพราะเรารับจากหลวงปู่บุญฤทธิ์เมื่อวานนี้แล้ว
    เครื่องบวชทั้งหมดเรารับจากหลวงปู่ แล้ว


    ศูนย์ปฏิบัติธรรม“เสริมรังสี” ปากช่อง

    - เมื่อเดินทางถึง ศูนย์ฯ แล้วพระพี่เลี้ยงจะชี้แจง รายละเอียด การปฏิบัติตนให้ทราบ
    - ถุงยังชัพ หลวงปู่ฯ มีถุงยังชีพให้พระแต่ละรูป โดยจะถวายก่อนเข้าที่พัก ในถุงยังชีพจะประกอบไปด้วย เครื่องใช้ของพระ เช่น ผ้ารองนั่ง,ผ้ากันเปื้อน,สบง,ผ้าอาบน้ำ,ผ้าเช็ดตัว อื่นๆ ซึ่งในถุงนี้จะมีอุปกรณ์ เครื่องใช้ประจำตัว ไม่ต้องเป็นห่วง และ ไม่ต้องพะวง


    การไปใส่บาตร
    พ่อ – แม่ / ญาติพี่น้อง จะไปใส่บาตรให้พระได้ที่ปากช่อง เวลาประมาณ ๖.๓๐ น. ออกบิณฑบาต เมื่อทานข้าวเช้าที่ศูนย์รังสีแล้ว จะต้องออกจากศูนย์ไม่เกินเวลา ๑๐.๐๐ น. แผนที่ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้

    วันลาสิกขา “สวนทิพย์”
    วัน อาทิตย์ ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๔
    - เราจะออกเดินทางจากศูนย์ฯ (ปากช่อง) เวลา ๐๔.๐๐น. ถึง สวนทิพย์ ๖.๓๐ น. และ จะออกบิณฑบาตที่สวนทิพย์ เวลาประมาณ ๗.๓๐น. เสร็จแล้วฉันท์เช้า เชิญญาติพี่น้องมาใส่บาตร เวลาประมาณ ๑๐.๐๐น. ทำพิธีขอขมาหลวงปู่ฯ และทำพิธีลาสิกขา เสร็จประมาณ ๑๒.๐๐น.

    ผู้ที่บวชต่อ เมื่อเสร็จพิธีขอขมาหลวงปู่แล้วจะเดินทางไปวัดป่าม่วงไข่ อ. ภูเรือ จ.เลย
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jiradech panatuhk : วันนี้ เมื่อ 05:11 PM

    ที่มาครับ
    http://palungjit.org/threads/บันทึกบาปและกรรมของข้าพเจ้า.89898/page-125
     
  8. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    [​IMG]


    การปฏบัติภาวนาสมาธินั้น จะให้ได้ผลเร็วช้าเท่าเทียม<WBR></WBR>กันเป็นไปไม่ได้ บางคนได้ผลเร็ว บางคนได้ผลช้า หรือยังไม่ได้ผลลิ้มรสแห่งค<WBR></WBR>วามสงบเลยก็มี แต่ก็ไม่ควรท้อถอย ก็ชื่อว่าเป็นผู้ได้ประกอบค<WBR></WBR>วามเพียรทางใจ ย่อมเป็นบุญเป็นกุศลชั้นสูง<WBR></WBR>ต่อจากการบริจาคทาน รักษาศีล เคยมีลูกศิษย์เป็นจำนวนมากเ<WBR></WBR>รียนถามหลวงปู่ว่า อุตสาห์พยายามภาวนาสมาธิตั้<WBR></WBR>งนานแล้ว แต่จิตไม่เคยสงบเลย แส่ออกไปข้างนอกอยู่เรื่อย

    หลวงปู่เคยแนะนำวิธีอีกอย่า<WBR></WBR>งหนึ่งว่า

    "ถึงจิตไม่สงบ ก็ไม่ควรให้มันออกไปไกล ใช้สติระลึกไปแต่ในกายนี้ ดูให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อสุภสัญญา หาสาระแก่นสารไม่ได้ เมื่อจิตมองเห็นชัดแล้ว จิตก็เกิดความสลดสังเวช เกิดนิพพิทา ความหน่ายคลายกำหนัด ย่อมตัดอุปาทานขันธ์ได้เช่น<WBR></WBR>เดียวกัน"

    คำสอนหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
     
  9. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    เตรียมตัวบอกบุญโครงการ
    หล่อฐานพระ 12นักษัตร สำหรับหลวงพ่อโสธร 3 ฐานกระจายทั่วประเทศ
    สร้างพระพุทธรูป84000องค์บรรจุวัดเขาศาลา สุรินทร์ ร่วมบุญกับอาจารย์เยื้อน
    สร้างพระพุทธรูปและบูรพาจารย์84000องค์บรรจุวัดป่าหนองไคร้ ยโสธร ร่วมบุญกับอาจารย์ประสาร สุมโน
    สร้างพระพุทธรูป84000องค์บรรจุวัดถ้ำผาจม จังหวัดเชียงรายร่วมบุญกับอาจารย์วิชัย
    เขมิโย
    ติดตามพระอาจารย์ยุคลธรณ์ ไปร่วมหล่อองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ์108นิ้ว สัมฤทธิ์ สระแก้ว พระอาจารย์เล็กท่่านก็ไปงานด้วยครับ สาธุๆๆ
    ฯลฯ
    ขอเชิญอนุโมทนาบุญกุศลกันครับ
    ขอให้เป็นสรรพพลวปัจจัยให้โครงการนานาสำเร็จโดยดีงามครับ
     
  10. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    กำหนดการมีนาคมพระอาจารย์ยุคลธรณ์ 2554
    โดย vavy » จันทร์ 21 มี.ค. 2011 1:49 pm
    เจโตวิมุตติ เวปธรรมะออนไลน์ เพื่อความหลุดพ้นด้วยใจ &bull; แสดงกระทู้ - กำหนดการมีนาคม 2554

    วันที่ 4 พิธีขอเงินพระจันทร์
    วันที่ 5-6 สอนกรรมฐานที่สำนักฯ (กทม.)
    วันที่ 18-20 บวชเนกขัมมะ ที่สำนักฯ (กาญจนบุรี)
    วันที่ 26 สอนกรรมฐานที่สำนักฯ (กทม.)
    วันที่ 27 ร่วมพิธีเททองหล่อสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ จ.สระแก้ว


    **สอบถามเพิ่มเติม

    วา 081-5508655
     
  11. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    การฝึกหัดกัมมัฏฐาน

    โดย พระนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาจารย์ (เทสก์ เทสรังสี)


    แสดง ณ วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๕




    “การฝึกหัดจิต คือ ๑. ให้รู้จักจิต จับจิตได้ ๒. ฝึกสติ ตามรู้ รักษาจิตจนเห็นจิตของตนอยู่ทุกขณะ เมื่อเห็นจิตแล้ว ๓. ควบคุมรักษาจิตให้อยู่ในอำนาจของเรา”




    การฝึกหัดกัมมัฏฐาน



    (มะม่วงเปรี้ยว)





    วันนี้จะเทศน์เรื่อง การฝึกหัดกัมมัฏฐาน เราพากันมาฝึกหัดกัมมัฏฐาน ณ ที่นี่ แต่บางคน ก็ยังทำไม่ค่อยจะถูกต้องยังไม่ค่อยจะเป็น มาฝึกหัดกัมมัฏฐานก็หัดไปอย่างนั้นแหละ ไม่ทราบว่า จะจับหลักเอาที่ตรงไหน ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ น่าเสียดายเวลาล่วงไปเปล่า ๆ ควรที่จะจับหลักให้ได้ การฝึกหัดปฏิบัติจึงจะเป็นไป ถ้าจับหลักยังไม่ได้ก็อยู่อย่างนั้นแหละ ยิ่งอยู่นานไปเท่าใดยิ่งเลอะเทอะ เหลวไหล คนเราแก่เข้า ความแก่ความชรามันทำให้ค่อยทรุดโทรมไป จับอะไรมันไม่ถูกสักที คนเรา แก่ไม่เหมือนกับลูกไม้ มะม่วงมันแก่ มันสุก มันอร่อยหวานดี๊ดี แต่คนเรายิ่งแก่ยิ่งเปรี้ยว ไม่น่ากิน คนเราทุกคนควรที่จะมองดูตัวของเราว่า มันเปรี้ยวอยู่ตรงไหน มันหวานอยู่ตรงไหน คนแก่ก็ปฏิบัติ ให้สมกับคนแก่ คนหนุ่มก็ช่างเถอะปล่อยไปตามเรื่องของเขาก่อน พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ถือเอาอายุ เป็นเกณฑ์ ไม่ใช่อายุมาก ๆ เรียกเป็นคนแก่ ท่านถือเอาคุณธรรมเป็นหลักเป็นเกณฑ์ คนแก่ที่มีคุณ ธรรมนั้นได้ชื่อว่าแก่ถูกต้องแก่ดีงาม สุกหวานอร่อย คนแก่ที่ไม่มีคุณธรรม แก่เปรี้ยว มันก็เปรี้ยวละซี เห็นอะไร ๆ ก็วุ่นวายไปหมด ไม่ถูกหูถูกตาด่ากราดไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เปรี้ยวละซี คือ ไม่รู้จัก ยับยั้งชั่งใจของตน ไม่รู้จักหลักปฏิบัติใจของตนว่าจะเอาอะไรเป็นหลักปฏิบัติ นั่นแหละมันเปรี้ยว ตรงนั้น เปรี้ยวใครก็ไม่ชอบ หวานใครก็ชอบทุกคน


    เข้าไปในบ้านถามชื่อคนสามตาบ้านเธอมีหรือเปล่า (คือผู้เห็น พระไตรลักษณ์)


    คนสามขาบ้านเธอมีหรือเปล่า (คือ ยึดถือในพระรัตนตรัย)


    เข้าไปดงถามถึงไม้ในป่า (คือ ไม้หอมแก่นจันทร์แดง)




    พระพุทธเจ้าก็แสดง “โย จ วสฺสสตฺตชีเว อปสฺสํ อุพฺพยพฺพยํ” คนมีอายุตั้ง ๑๐๐ ปี ถ้าไม่เห็น ความเสื่อม ความสิ้นไปของสังขารร่างกายของตน “เอกาหํ ชีวิตฺตเสยฺโย ปสฺสโต อุพฺพยพฺพยํ” สู้เด็ก เกิดมาในวันเดียวแต่เขารู้ความเสื่อมความสิ้นไปของสังขารร่างกายไม่ได้ พระพุทธองค์ทรงแสดง อย่างนี้ เหตุนั้น จึงควรที่จะหาหลักธรรมไว้สำหรับจิตใจของตน ดังจะอธิบายต่อไปนี้




    การภาวนาหาหลักจิต หลักใจ คนเรามีจิตมีใจทุกคนแต่ว่าไม่เห็นจิตใจของตน เรียกว่า ไม่มีหลัก เห็นจิตใจของตนแล้ว ตั้งสติพิจารณาอยู่ที่ใจของตนตลอดเวลา คิดดี คิดชั่ว หยาบ ละเอียด ก็ให้รู้ตัว มันก็ไม่สามารถที่จะทำชั่วได้ ถ้าเห็นจิตของตนอย่างนั้น เหตุนั้นจึงให้ตั้ง สติ คือ ความ ระลึก ให้เอามาตั้งไว้ที่คำบริกรรมแทนตัวจิต คือ จิต ไม่มีตัวไม่มีตน จึงต้องให้เอาคำบริกรรมมาตั้งอยู่ จะ เป็นพุทโธก็ได้ สัมมาอรหังก็ได้ ยุบหนอพองหนอก็ได้ทั้งนั้น แต่ให้เอาอันเดียวไม่เอามากอย่าง เอา พุทโธดีกว่า บริกรรมพุทโธให้มันอยู่ที่จิต จิตเป็นคนนึก คนคิดพุทโธ จับตัวนั้นไว้ให้ได้ เมื่อเอาพุทโธ มาไว้แล้วมันจะรวมความคิดความอ่านทั้งหมด มารวมอยู่กับพุทโธในที่เดียว นึกเอาพุทโธตัวเดียว ให้เห็นตัวนั้นเสียก่อน ยืน เดิน นั่ง นอน อิริยาบถทั้งปวงหมดอยู่กับพุทโธอันเดียว จิตใจของคนเรามัน อันเดียวไม่ใช่หลายอย่าง ที่ว่าหลายอย่างก็เพราะมันเร็วที่สุด เราจับไม่ทัน เมื่อเอาจิตมาไว้พุทโธแล้ว เราจับพุทโธตัวเดียว เป็นอันว่าเราจับตัวจิตได้แล้ว มันคิดพุทโธ นึกพุทโธ นึกสิ่งใดก็จิตผู้เดียวนั่น แหละ เมื่อความคิดความนึกทั้งหมดมารวมอยู่ที่คำบริกรรมจุดเดียวแล้ว เป็นอันว่าเราจับจิตได้แล้ว ไม่ต้องไปหาจิตที่อื่นอีกแล้ว




    สติ ความระลึกได้ว่า สัมปชัญญะ เป็นผู้รู้ตัวอยู่เสมอว่า เวลานี้เราตามรักษาจิตอยู่ ทั้ง ๓ อย่าง รวมกันเป็นอันเดียวกัน คือ สติ ๑ สัมปชัญญะ ๑ จิต ๑ มันก็จะวางอารมณ์อื่นทั้งหมด จะยืน เดิน นั่ง นอน ก็รู้ตัว และตามรักษาอยู่ตลอดเวลา เรียกว่า คุ้มครองจิตอยู่ รักษาจิตอยู่ จิตเป็นของเราแล้ว ทำ อย่างนี้แหละจึงจะเห็นจิต ถ้าไม่ทำอย่างนี้จะไม่เห็นจิตเลย ปฏิบัติไปเถอะ กี่ปี ๆ ก็ตามก็จะไม่เห็นจิต เด็ดขาด การปฏิบัตินั้นได้ชื่อว่า ไร้ผล ถ้าปฏิบัติตามแนวนี้จะเห็นจิตทุกคน




    คนเรามีจิตอยู่ด้วยกันทุกคน จิตของตนมีอยู่แต่ไม่เห็น ถ้าฝึกหัด ปฏิบัติตามดังที่กล่าวแล้ว ข้างต้น จะเห็นจิตทุกคน ทำอย่างนั้นได้ชื่อว่า ฝึกหัดจิต ทำสมาธิภาวนาเป็น




    การฝึกหัดจิต คือ




    ๑. ให้รู้จักจิต จับจิตได้




    ๒. ฝึกสติ ตามรู้ รักษาจิตจนเห็นจิตของตนอยู่ทุกขณะ เมื่อเห็นจิตแล้ว




    ๓. ควบคุมรักษาให้จิตอยู่ในอำนาจของเรา จิตคิดอะไร นึกอะไร ส่งส่ายไปไหน มันปรุงมันแต่งอย่างไร เราอย่าคิดอย่านึกอย่าปรุงอย่าแต่งเสีย จิตมันก็จะนิ่งเฉยอยู่นั่น และฝึกหัดให้เข้าถึงใจได้แล้ว ให้คิดให้นึกก็ได้ ไม่ให้คิด ไม่ให้นึกก็ได้ เรียกว่า เราคุมจิตหรือใจอยู่แล้ว


    วิธีฝึกหัดจิตต้องเป็นอย่างนี้ ใครจะฝึกหัดอย่างไหนก็ตาม อาจารย์องค์ไหนก็ตาม พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ก็ตาม ต้องฝึกหัดอย่างนี้ทั้งนั้น ไม่ฝึกหัดอย่างอื่นหรอก เมื่อฝึกหัดจิตอยู่ อย่างนี้แล้ว มันจะมีเวลารวม เวลารวมเราไม่ต้องไปรวม มันรวมเองของมันต่างหาก จิตรวมนั้นท่าน เรียกว่า ภวังคจิต แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ




    ๑. ภวังคุบาท จิตรวมลงในขณะเดียวแล้วก็ถอนออกมา ลักษณะคล้ายกันกับขณิกสมาธิ คือ ก่อนจิตจะรวมไม่ได้คิดว่าจิตจะรวมหรือไม่ เมื่อจิตรวมแล้วแลถอนออกมาแล้วจึงรู้ ถ้ารู้ว่าจิตรวมอยู่ เรียกว่า ขณิกสมาธิ




    ๒. ภวังคจารณะ จิตจะรวมลงไปแล้วมีอาการส่งส่ายอยู่ภายใน ไม่ได้ส่งออกไปภายนอก เหมือนกับคนที่เฝ้าบ้านเฝ้าเรือนแล้วปิดประตูหมด มีแสงไฟสว่างเห็นสิ่งของทั้งปวงภายในบ้านใน เรือน ของภายนอกจะไม่ เห็นได้ เรียกว่า ภวังคจารณะ




    ๓. ภวังคุปัจเฉทะ จิตรวมเด็ดเดี่ยวลงไป นิ่งแน่วสู่อารมณ์อันเดียว ตัดขาดหมดจากอารมณ์ ภายนอก บางทีไม่สามารถที่จะรู้ว่าตนมีหรือไม่ มีแต่ใจเป็นผู้รู้อยู่เท่านั้น




    ภวังคจิต นี้ เรียกตามที่ท่านบัญญัติสมมติตามอาการที่มันเป็น ในบางทีผู้ที่ฝึกหัดอย่างที่ว่า เบื้องต้น ตั้งสติควบคุมรักษาจิตอยู่อันเดียวเท่านั้น ไม่ไปไหนบางทีสามารถจะรวมวูบลงไปถึง ภวังคุปัจเฉทะเลยวางเฉยไม่ต้องรวมเป็นภวังค์ตามลำดับก็ได้ ที่ท่านอธิบายเป็นขั้นเป็นตอนนั้น อธิบายให้ฟังเพื่อความเข้าใจต่างหาก แท้จริงไม่ได้บังคับ ถ้าไปมัวถือตามตำราจะไม่เป็นภวังค์เด็ดขาด เหตุนั้นอย่าไปถือ อธิบายให้ฟังเพื่อความเข้าใจเฉย ๆ




    ในแถวภวังค์ เรียกว่า ภวังคุบาท ภวังคจารณะ และ ภวังคุปัจเฉทะ คราวนี้แถวสมาธิก็มี ขณิกสมาธิ คล้าย ๆ ภวังคุบาท อุปจารสมาธิคล้าย ๆ กับภวังคจารณะ อัปปนาสมาธิคล้าย ๆ กับ ภวังคุปัจเฉทะ ภวังค์เป็นเรื่องของฌาน สมาธิเป็นเรื่องของสมาธิ มันแยกกันตรงนั้น




    ขณิกสมาธิ พิจารณาพุทโธ นึกพุทโธอันเดียว บางครั้งมันก็อยู่ บางครั้งมันก็ไม่อยู่ จิตยังไม่แน่ว แน่ วูบวาบไปมาเรียกว่า ขณิกสมาธิ




    อุปจารสมาธิ จิตแน่วแน่ลงอันเดียว แต่มันมีอาการไป ๆ มา ๆ รู้ตัวอยู่ภายใน แต่ไม่ได้ส่งออก นอก ที่เรียก ว่า “ส่งนอก” คือ อาการของจิตที่คิดนึกส่งส่าย ปรุงแต่งสารพัดทุกสิ่งทุกประการรอบด้าน รอบทิศโดยไม่รู้ตัว ไม่มีสติ “ส่งใน” แต่อุปจารสมาธินี้ไม่เป็นอย่างนั้น มีสติรู้อยู่ แต่ว่ามันยังไม่อยู่นิ่ง ยังคิดพิจารณา เช่น กายคตาสติ อยู่ภายใน เป็นการพิจารณาอยู่ภายใน




    อัปปนาสมาธิ จิตรวมเด็ดเดี่ยวแน่วนิ่งลงไป ไม่ได้คิดนึกส่งนอก จิตละเอียดเต็มที่เลย จิตละเอียดแค่ไหน ๆ ก็รู้สึกอยู่ รู้จักเฉย ๆ ไม่คิด ไม่พิจารณา เรียกว่า อัปปนาสมาธิ เรื่องภวังค์และ สมาธิ เอาเพียงนี้เสียก่อน พระพุทธองค์ก็ทรงแสดงว่า ผู้ใดไม่มีสมาธิ ผู้นั้นไม่มีฌาน ผู้ใดไม่มีฌาน ผู้นั้นไม่มีสมาธิ เมื่อเป็นอันเดียวกันทำไมพระองค์จึงทรงแสดงไว้เป็นสอง ผู้เขียนจึงแยกให้รู้ว่า ลักษณะอาการมันต่างกันอย่างไร




    เมื่อจิตรวมลงเป็นอัปปนาสมาธิเต็มที่แล้ว มันจะอยู่สักพักหนึ่งแล้วถอนขึ้นมาอยู่ในอุปจาร- สมาธิ คิดนึก ส่งส่าย แต่ว่าอยู่ภายในขอบเขตของสติ สติควบคุมอยู่ ฝึกหัดอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา ในพระพุทธศาสนานี้ เบื้องต้นของการฝึกหัดจิต คือ การฝึกสติให้รู้ตัว คุมรักษาจิต จิตเมื่อได้รับการ ฝึกหัดดีแล้วจะรวมเข้าถึงอัปปนาสมาธิ ที่สุดของการฝึกหัดจิตมีเพียงแค่นั้น ไม่นอกเหนือไปจากนั้น ผู้ฝึกหัดจะต้องทำอยู่เสมอ ๆ เพราะอายตนะ ธาตุ ขันธ์ ของเรามีอยู่ มันจำเป็นที่จะต้องกระทบ กระเทือน จะต้องหวั่นไหว จะต้องฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา จิตเมื่อถอนออกจากอัปปนาสมาธิแล้วออกมา เป็นอุปจารสมาธิ อาจจะถอนออกไปถึงขณิกสมาธิ หรือออกไปนอกขณิกสมาธิก็ได้ ผู้ฝึกหัดปฏิบัติที่ ยังไม่ทันชำนิชำนาญที่จะหลงทางได้ อัปปนาสมาธิยังไม่ใช่ มรรค ผล นิพพาน อันนั้นเป็นแต่เพียง ฝึกหัดจิตให้ชำนิชำนาญเฉย ๆ พอจะหยั่งถึงความบริสุทธิ์ พอจะหยั่งเข้าถึงกระแสแห่งความสงบ เยือกเย็นที่เป็นอัปปนาสมาธิเท่านั้น ได้ชื่อว่าจิตใจหยั่งเข้าถึงพระพุทธศาสนาที่มั่นคงแล้ว หยั่งถึง กระแสความจริงแท้ทีเดียว หรือจะเรียกว่าอริยบุคคลก็ไม่ผิด


    เมื่อถอนออกจากอัปปนาสมาธิมาเป็นอุปจารสมาธิแล้ว จะต้องพิจารณาอะไรให้เป็นเครื่องอยู่ ของจิต พิจารณา ธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะสิบสอง ที่มีอยู่ในตัวของเรา ไม่ต้องหนีจากตัวของเรา พระพุทธศาสนานี้ทั้งหมดนอกจาก ธาตุสี่ ขันธ์ห้า และอายตนะแล้วไม่มีที่จะพิจารณา การพิจารณา ส่วนปลีกย่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ ออกไปมากมายนั้น เมื่อสรุปใจความรวมแล้วก็จะอยู่ใน ธาตุสี่ ขันธ์ห้า และอายตนะนี้ทั้งนั้น พิจารณาของเหล่านี้ให้มันเห็นตามความเป็นจริงของมัน ธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะสิบสอง ตัวของเราก็มีทุก ๆ คน มีพร้อมหมดแล้วทุกอย่าง เครื่องไม้เครื่องมือของเราที่จะทำ การงานให้ได้มาซึ่ง ศีล สมาธิ ปัญญา ก็มีแล้วทุกอย่าง พิจารณาลงไปซี




    ธาตุสี่ พิจารณาให้เห็นเป็นธาตุสี่ละซี มันเห็นเป็นคนไปไม่เห็นของจริงตามความเป็นจริงของ มัน คนที่ไหน เกิดมาจากธาตุสี่แท้ ๆ เราเรียกเอาต่างหากนี่ว่า คน ๆ เราพิจารณาดูซี่อะไรเป็นคน แขน ขา หู ตา จมูก นั้นเป็นคน เขาไม่ได้ว่าคนสักหน่อย เป็นแต่อาการของธาตุสี่ทั้งนั้น ยิ่งพิจารณาลงไปก็ จะเห็นสภาพว่า อันหนึ่งเกิดขึ้นมาแล้วก็ดับไป ๆ เท่านั้น ไม่มีมนุษย์สัตว์บุคคลใครดับ เป็นแต่สภาพ สิ่งอันหนึ่งเกิดมาแล้วก็ดับไปเท่านั้น




    ขันธ์ห้า ก็เช่นเดียวกัน ตัวของคนนี้เขาสมมติเรียกว่า คน แต่พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติเรียกว่า ขันธ์ ถ้าไม่บัญญัติก็เรียกไม่ถูก ขันธ์คือตัวของคนเรานี้ แบ่งออกเป็นอาการ ๕ อย่าง ตามอาการของ มันเป็นอยู่ รูป เป็นรูป เวทนา ความรู้สึกสุขทุกข์แลเฉย ๆ สัญญา ความที่จิตจดจำนั่นนี่ ต่าง ๆ นานา สังขาร ความที่จิตไปปรุงแต่งนั่นนี่ต่าง ๆ นานา วิญญาณ ความรู้สึกครั้งแรกของอายตนะภายนอก ภายในกระทบกัน ทั้ง ๕ นี้ทำ หน้าที่อยู่ที่กายแห่งเดียวกัน รวมเรียกว่า กายกับจิต กาย เป็นอาการส่วน หยาบแสดงอาการให้เห็นได้ง่าย จิต เป็นของละเอียดต้องให้บังคับกายให้แสดงออกจึงจะรู้ว่าจิต ต้องการอะไรจึงจะรู้ ในที่นี้ขอเรียกนามธรรมทั้งสี่ นั้นว่า จิต ให้เป็นกายกับจิต เพื่อให้มันสั้นเข้า กายกับจิตนี้พอปฏิสนธิเกิดมาก็ทำงานร่วมกันเรื่อยมา จะจำแนกแจกออกไปเป็นอะไร ๆ ก็แยกออก ไปจากกายกับจิตนี้ทั้งนั้น เรียกว่าสนิทสนมกันมากทีเดียว เวลาจะแตกดับต่างคนก็ไม่ได้อำลาจากกัน ไปเหมือนกับไม่เคยได้อยู่ด้วยกันมาแต่ก่อนเลยนั่นแหละ มิตรชนิดนี้ไม่ควรคบค้าสมาคมเลย




    อายตนะสิบสอง คือ ภายในมีหกได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แยกออกมาจากขันธ์ห้านั่นแหละ ก็ไม่หนีจากกายกับใจเหมือนกัน




    เมื่อภายในมี ๖ แล้ว ก็ต้องมี ภายนอก ๖ เป็นคู่กัน คือ มีรูปไว้คู่กับตา มีเสียงไว้คู่กับหู มีกลิ่นไว้ คู่กับจมูก มีรสไว้คู่กับลิ้น มีกายไว้คู่กับสัมผัส มีธรรมารมณ์ไว้คู่กับใจ มารวมลงที่กายกับใจนี้แหละ แต่ พูดออกไปอีกอย่าง คนเราพอตั้งลงที่กายกับใจสองอย่างนี้แล้ว จะใช้ให้เป็นไปอย่างไรก็ได้หมด เรียกว่า หมุนไปตามโลกจนกว่าจะแตกดับสลายจากกัน แต่ถ้าในทางธรรมแล้วจะหยุดนิ่งอยู่กับที่เลย แล้วแต่ใครจะนำไปใช้ในทางไหน จึงต้องหัดพิจารณาให้บ่อย ๆ หัดพิจารณากายนี้ให้ชำนิชำนาญ ให้เห็นเป็นธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะ ไม่ใช่ตนไม่ใช่ตัว มันก็สบาย เจ็บป่วยก็ธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะเจ็บ ต่างหาก ไม่สบายก็ธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะไม่สบาย แตกตายก็ธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะต่างหาก




    อธิบายถึงหลักการปฏิบัติ จับหลักให้ได้ จำไว้ให้แม่นเสียก่อนจึงค่อยปฏิบัติฝึกหัดไปตาม อย่างที่ได้อธิบายมา จึงจะได้หลัก ถ้าไม่อย่างนั้นไม่ได้หลักสักที ชีวิตของเรามันไม่แน่นอน แก่ถึง ขนาดนี้แล้วทุกคน ไม่ทราบว่าใครจะไปก่อนไปหลังกันแน่ ใครจะแตกจะดับเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ มันไม่บอกเวลา ให้รีบทำเสียเมื่อยังมีเวลาอยู่นี่ เห็นหน้ากันอยู่หลัด ๆ ได้ยินได้ฟังกันอยู่ก็ให้รีบฟัง เสีย รีบทำเสีย ให้มันทันต่อกาลเวลา
    นั่งสมาธิ




    ท่านอาจารย์อบรมนำก่อน




    นั่งสมาธิ ให้เอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย หากว่าไม่ถนัดจะนั่งพับเพียบลงไปก็ได้ ตามใจ อิริยาบถใด ๆ ก็ได้ตามชอบใจ




    ตั้งสติกำหนดจิต เอาพุทโธไว้ที่จิต หรือเอาจิตไปไว้ที่พุทโธ ให้เห็นพุทโธอยู่กับจิต เห็นจิตอยู่ กับพุทโธ อันเดียวกันนั่นแหละ อย่าส่งไปข้างนอก ข้างใน ข้างหน้า ข้างหลัง ตั้งอยู่เฉพาะหน้าอย่างเดียว คือ พุทโธ




    การตั้งจิตถูก ตั้งจิตตรง คือ ไม่นึกคิดถึงเรื่องอดีต อนาคต ทั้งภายนอก ภายใน ตั้งจิตไว้ที่พุทโธ เฉย ๆ ตรงกลางนั่นแหละ




    เราไม่ได้คิดว่าจะทำให้ช้าหรือเร็ว มันหากเป็นเอง คือเมื่อจิตตั้งแน่วอยู่เฉพาะพุทโธอันเดียว แล้ว มันเป็นของมันต่างหาก เราไม่ต้องแต่งให้มันเป็น มันจะรวมเข้าไปเป็นใจ คือ ผู้รู้ ไม่คิด ไม่นึก เป็นกลางเฉย ๆ อยู่ บางทีมันอาจจะรวมวูบลงไปแล้วดังเหมือนเสียงฟ้าผ่าก็มี ทำให้เราตื่นตกใจเสีย บางคนตัวหายว่าง เหมือนกับไม่มีตัวของตน ไม่มีอะไรหมด เลยกลัวตายผวาตกใจเสียก็มี บางทีก็วูบ ลงไปคล้ายตกเหว ตกผา กลัวตายสะดุ้งตื่นเสียก็มี มีอาการได้หลายอย่าง แต่อย่าไปกลัวว่าจะเป็น อย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีอะไรหรอก มันเป็นเรื่องของสมาธิต่างหาก สติเราไม่พอ เราเผลอสติจึงต้องตกใจ กลัวตาย ให้ยึดเอาพุทโธไว้ให้มั่น มันก็จะหายไปเอง




    ถ้าหากว่าผู้ทำมีสติควบคุมจิตอยู่ จะไม่ตกใจ ให้ย้อนหาตัวผู้รู้ คำว่า “ว่าง” ใครเป็นคนว่าง คำว่า “ดังเหมือนฟ้าผ่าก็ดี” หรือ “ตกเหว ตกผาก็ดี” ใครเป็นคนว่า แล้วจะเห็นจิตของตนในที่นั้น แท้ที่จริงมันแสดงถึงเรื่องจิตนั่นแหละ ว่าง ก็จิตนั่นแหละ ว่างหรือสว่างอะไรทั้งหมดก็จิตนั่นแหละ เป็นผู้เห็น เราเลยไปมองแต่สิ่งที่มันเป็นอยู่ ไม่มองจิตของเรา ถ้าสติควบคุมจิตอยู่ จิตจะไม่ถอน จะไม่ตกใจกลัว จิตยิ่งจะละเอียดลงไป ถ้าจิตถอนก็แสดงว่า ยังภาวนาไม่มีหลักหนักแน่น ต้องตั้ง สติให้หนักแน่น ทำสติให้มั่นคงยิ่งขึ้นไปกว่าเก่า




    เอ้าภาวนาต่อไป.




    คัดลอกจาก ประตูธรรม www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_thes/lp-thes_11.htm
    ToPKuNG

    โพสต์: 75
    ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 18 ก.พ. 2010 1:44 pm



    ที่มา
    เจโตวิมุตติ เวปธรรมะออนไลน์ เพื่อความหลุดพ้นด้วยใจ &bull; แสดงกระทู้ - การฝึกหัดกัมมัฏฐาน โด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2011
  12. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    มหาเถรฯ เจริญจิตตภาวนาแด่ในหลวง อัญเชิญบทสวดมนต์ 19 บท

    [​IMG]

    นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา มหาเถรสมาคม (มส.) จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนา เพื่อถวายพระพรชัยมงคลและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคมและเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

    ทั้งนี้ ในปี 2554 ที่ประชุมมหาเถรฯ ได้มีมติให้พระสังฆาธิการทั่วประเทศ สำนักปฏิบัติธรรม ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนา และปฏิบัติธรรม เพื่อถวายพระพรชัยมงคลและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 โดยจัดพิธีดังกล่าวขึ้นที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จำนวน 9 ครั้ง ในเวลา 16.00 น. เริ่มจากครั้งนี้วันที่ 5 เมษายน จากนั้นจัดวันที่ 19 พฤษภาคม, 5 มิถุนายน, 5 กรกฎาคม, 5 สิงหาคม, 5 กันยายน, 5 ตุลาคม, 5 พฤศจิกายน และ 5 ธันวาคม

    สำหรับในส่วนภูมิภาคและวัดตามประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็จะจัดพิธีดังกล่าวในวันเวลาเดียวกัน "การสวดมนต์ครั้งนี้ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขให้ผ่านพ้นอุปสรรค ภัยพิบัติทั้งปวงไปได้ด้วยดี"

    สำหรับบทสวดมนต์ เป็นบทสวดเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งคณะสงฆ์ใช้สวดด้วยกัน 19 บท ดังนี้ บทนมัสการพระรัตนตรัย บทนมการสิทธิคาถา (สมัยอยุธยา) เพื่อให้สำเร็จในสิ่งปรารถนา บทนะโมการอัฏฐกคาถา เพื่อให้เกิดเดชานุภาพ บทมังคลสูตร สร้างมงคลให้แก่ชีวิต บทรตนสูตร ขจัดภัยพิบัติทั้งมวล บทกรณียเมตตสูตร อานุภาพแห่งเมตตาจิต บทขันธปริตร ป้องกันอสรพิษและสัตว์ร้ายทั้งหลาย บทวัฏฏกปริตร ป้องกันไฟป่า บทอนุสสรณปาฐะ สร้างกำลังใจเมื่อเผชิญปัญหา บทอาฏานาฏิยปริตร ป้องกันเหล่าอมนุษย์ บทโพชฌังคปริตร ขจัดโรคภัยไข้เจ็บ บทอภยปริตร ปริตรแห่งการให้อภัยและอโหสิกรรม บทสักกัตวา ขจัดทุกข์โศกโรคภัย บทนัตถิเมฯ เกิดมงคล บทยังกิญจิ เกิดความสวัสดี บทเทวตาอุยโยชคาถา อัญเชิญเทวดากลับวิมาน และบทพุทธ

    แหล่งข่าว

    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ที่มาครับ
    มหาเถรฯ เจริญจิตตภาวนาแด่ในหลวง อัญเชิญบทสวดมนต์ 19 บท<!-- google_ad_section_end -->
     
  13. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ขอเชิญร่วมงานบำเพ็ญกุศล ๓๑ ปี วันมรณภาพ หลวงปู่จวน
    วันที่ ๒๖-๒๗ เม.ย. ๕๔

    และผ้าป่าซ่อมสะพานไม้ภูทอก วันที่ ๓๐ เม.ย. ๕๔



    เนื่องในวันครบรอบวันมรณภาพของหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ ปีที่ ๓๑
    ณ วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) ต.นาแสง อ.ศรีวิไล บึงกาฬ

    ในวันที่ ๒๖-๒๗ เมษายน ๒๕๕๔
    วันอังคาร ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔
    เวลา ๑๓.๐๐ น. บวชเนกขัมมะ ชีพราหมณ์
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ทำวัตรเย็น พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ถวายเครื่องปัจจัย-ไทยทาน
    เวลา ๒๐.๓๐ น. ฟังพระธรรมเทศนา อบรมสมาธิภาวนา

    วันพุธ ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔
    เวลา ๐๗.๐๐ น. ร่วมทำบุญตักบาตรพระเถรานุเถระ พระภิกษุ สามเณร ภายในวัด
    เวลา ๐๘.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเช้า รับอนุโมทนา เสร็จพิธี
    ดังนั้น จึงขอเรียนเชิญศิษยานุศิษย์ พุทธศาสนิกชน และผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านไปร่วมบำเพ็ญกุศลตามวันเวลา ดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน
    คณะศิษยานุศิษย์

    หมายเหตุ

    วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก)
    โทร. ๐๘๗-๒๒๗-๘๘๕๑, ๐๘๔-๙๑๘-๐๕๕๕

    ประสงค์จะตั้งโรงทาน/ติดต่อ สอบถามได้ที่คุณบรรจง ๐๘๐-๔๑๙-๑๙๗๑
    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีบำรุงซ่อมแซมสะพานไม้ภูทอก
    ณ วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) ต.นาแสง อ.ศรีวิไล บึงกาฬ
    ในวันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔

    ด้วยวัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) เป็นวัดเก่าแก่ดังเดิมของบ้านนาคำแคน ได้มีการก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรมบนภูทอก ซึ่งเป็นภูเขาหินปูน โดยมีทางขึ้นลงเป็นบันไดไม้ มีอายุกว่า ๔๐ ปี (นำก่อสร้างโดยหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ) ทุกวันจะมีพระภิกษุ สามเณร และผู้ที่แสวงบุญต่าง ๆ ตลอดจนนักท่องเที่ยวใช้ขึ้นลงเป็นประจำ แต่สภาพปัจจุบันได้ชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ไม่แข็งแรงดังเดิม เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้สอย

    บมจ.ธนาคารกรุงไทย จึงขอเรียนเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายร่วมบริจาคทุนทรัพย์ เพื่อดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมสะพานไม้ทางขึ้นภูทอกดังกล่าวข้างต้น โอกาสนี้ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้โปรดอำนวยพรให้ท่านผู้ใจบุญและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยจตุรพิธพรชัย มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ และความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเทอญ

    กำหนดการ
    เวลา ๐๘.๓๐ น. ตั้งกองผ้าป่า ณ บริเวณ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาบึงกาฬ
    เวลา ๐๙.๓๐ น. ถึงวัดเจติยาคีรีวิหาร เชิญร่วมทำบุญ
    เวลา ๑๐.๐๐ น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
    เวลา ๑๐.๓๐ น. ทำพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ร่วมรับประทานอาหาร

    หมายเหตุ
    บริจาคผ่านช่องทาง Teller Payment (รับเฉพาะเงินสดเท่านั้น) โดยแจ้งชื่อวัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก)
    ฟรีค่าธรรมเนียมใช้ TRANSACTION CODE "TCHACA" ในการทำรายการ "CHARITY CODE : 7081"

    หรือ โอนเข้าบัญชีออมทรัพย์




    บมจ. ธนาคารกรุงไทย บึงกาฬ
    เลขที่บัญชี 447 - 0 - 26469 - 5
    ชื่อบัญชี "วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก)"


    หากต้องการใบอนุโมทนาบัตร โปรด Mail แจ้งคุณดาวเรือง เพียงเกษ หรือ
    คุณนวฤกษ์ เนาวรังษี สาขาบึงกาฬ โทร 04-249-1756 ถึง 59 Fax 04-2491-1760





    ที่มา:
    http://palungjit.org/threads/แคร่ริ...เครื่องจักรพรรดิ์ประดับคริสตัส.145081/page-84


    -:-
     
  14. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467

    พฤษภาคม
    วันที่ 8 สอนกรรมฐานที่สำนักฯ (กทม.)
    วันที่ 17 บรรยายธรรมงานมหกรรม (กทม.)
    วันที่ 24 สอนกรรมฐานที่สภากทม.
    วันที่ 28-29 สอนกรรมฐานที่สำนักฯ (กทม.)
    ที่สำนักฯ (กทม.)วันที่ 29 บวงสรวงเวลา08.07
     
  15. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    เชิญร่วมสร้างพระพุทธชินราชหน้าตัก39นิ้ว พร้อมพระอัครสาวกพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ วัดป่าศรีวิไล หนองหาน อุดรธานี

    หล่อเวลา 09.09น. ในวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2554 ณ โรงหล่อยงค์เจริญการช่าง ข้างวัดศรีษะทอง นครชัยศรี นครปฐม
    เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนากระทำรัตนตรัยบูชา เป็นประธานศาลาการเปรียญอเนกประสงค์ (วัดไม่มีอุโบสถ ศาลาจึงใช้เป็นที่บวชพระด้วย)

    หลวงปู่คำผิว สุภโน (พระครูภาวนา ปัญญาโสภณ) เป็นเจ้าอาวาส และเป็นประธานสงฆ์ ในการดำเนินการครั้งนี้

    พระสายมูลนิธิหลวงปู่มั่น 5 รูป เจริญพระพุทธมนตร์ และร่วมหล่อ

    1 ใน5 คือพระอาจารย์ไม อินทสิริ เจ้าอาวาสวัดหนองช้างคาว อุดรธานี เข้าร่วมอยู่ในพิธีหล่อด้วยครับ ท่านใดจะไปร่วมบุญกราบไหว้ครูบาอาจารย์ด้วยหล่อพระประธานด้วยขอเชิญนะครับ

    เชิญร่วมบุญได้ที่
    บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 864-0-11558-3
    ธนาคารกรุงไทย สาขาแม็คโคร จรัญสนิทวงศ์
    ชื่อ พระครูภาวนาปัญญาโสภณ

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

    หลวงปู่คำผิว สุภโน (พระครูภาวนา ปัญญาโสภณ) เจ้าอาวาส
    โทรศัพท์มือถือหมายเลข 0857485436

    นายกุศลมงคล สุวรรณกูฏ พนักงานบมจ.ทีโอที 0893006902,0893201413

    http://palungjit.org/forums/%E0%...ml#post4677345
     
  16. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ขอเชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อซื้อ หิน ปูน ทราย สร้างพระเจดีย์สุทธิธรรมานุสรณ์ (หลวงปู่ต้น สุทธิกาโม) ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ วัดบึงพลาราม อ. ท่าบ่อ จ.หนองคาย
    วันอังคารที่17 พฤษภาคม 2554 (วันวิสาขบูชา)
    ประธานในการสร้างพระเจดีย์ หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
    ประมาณการ
    หินจำนวน 140 คิวบิกเมตรๆละ 500 บาท
    ปูน 1200ถุงๆละ 125บาท
    ทราย 100คิวบิกเมตรๆละ400บาท

    เจ้าภาพผ้าป่าสามัคคี คุณกุศลมงคล สุวรรณกูฏ

    ท่านสามารถร่วมทำบุญเข้าบัญชี วัดบึงพลาราม(สร้างพระเจดีย์สุทธิธรรมานุสรณ์ )
    ธนาคารกรุงเทพ สาขา ท่าบ่อ บัยชีออมทรัพย์ เลขที่ 739-005391-1
    สอบถามรายละเอียดได้ที่พระสุพจน์ 0836679990

    ผมและคณะได้รวบรวมส่งไปร่วมงานบุญนี้ประมาณ10,009 บาทครับ
    วัด
     
  17. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ไปทำบุญที่วัดพุรางบนงานวันเกิดท่านเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม และสุพรรณบุรีมาครับ พระอาทิตย์ทรงกลด เม็ดฝนโปรยปราย เย็นสดชื่นรื่นเริงใจครับ ขอเชิญอนุโมทนาบุญ ทาน ศีล ภาวนา ชำระหนี้สงฆ์ น้ำไฟ หนังสือธรรมะ เจ้าภาพบวชเณร เจริญพระพุทธมนตร์ธัมมจักกัปวัตนสูตร โดยพระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์จำนวนมาก พิธีบวงสรวงพุทธาภิเษกมา พระอาจารย์ยุคลธรณ์ สำนักสงฆ์เจโตวิมุติ ก็ไปด้วยครับ พระบรมธาตเสด็จมาใสงดงามมากครับ
     
  18. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    เข้าปฏิบัติธรรม วันที่ 25-26 มิ.ย. 54 วัดราชสิทธาราม(พลับ) สมัครที่คอลัมน์ " แสดงความคิดเห็น" (รับ300 คน)
    ข่าวสาร
    เขียนโดย weera2548 เมื่อ พฤ, 19/05/2011 - 10:34
    ขอเชิญเข้าร่วมปฏิบัติธรรม ประจำเดือนมิถุนายน

    ระหว่างวันเสาร์-อาทิตย์ที่25-26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

    ลงทะเบียน วันเสาร์ที่25 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 09.00- 10.00น.
    ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม(พลับ) ซอยอิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ
    (ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ) โทร. 084-651-7023
    รถประจำทาง สาย 19 40 56 57 149 ผ่านซอยอิสรภาพ 23
    รับสมัครปฏิบัติธรรม ชาย- หญิง 300 - 400 ท่าน
    สมัครได้ที่ คอลัมน์ ช่องแสดงความคิดเห็นหน้าเว็บ หรือโทร. 084-651-7023,02-465-2552

    กำหนดการ เดือนมิถุนายน 54

    วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2554 แรม 9 ค่ำ เดือน 7

    เวลา 09.00-10.00 ลงทะเบียน รับประทานอาหารเช้า

    เวลา 10.000-11.00 รับศีล ขึ้นกรรมฐาน รับประทานอาหารกลางวัน

    เวลา 13.00-14.00 ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหา พักดื่มน้ำปานะ

    เวลา 14.00-16.30 เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม อาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว

    เวลา 16.30-17.00 ทำวัตรเย็น ปฏิบัติธรรม เข้านอน

    วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2554 แรม 10 ค่ำ เดือน 7

    เวลา 06.30-07.00 ทำวัตรเช้า รับประทานอาหารเช้า

    เวลา 07.000-11.00 นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม รับประทานอาหารกลางวัน

    เวลา 13.00-14.00 ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหา พักดื่มน้ำปานะ

    เวลา 14.00-16.30 เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม อาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว

    เวลา 16.30-17.00 ทำวัตรเย็น ลาศีล กลับบ้าน


    http://somdechsuk.org/node/162ที่มา
     
  19. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
  20. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467

แชร์หน้านี้

Loading...