ติดตามกิจกรรมพระกรรมฐาน

เสาร์อาทิตย์26-27ธันวา ทำบุญสารพัดบุญได้ถวายพระพุทธรูป หนังสือธรรมะ แก้วสารพัดนึก ฯลฯ
วันเสาร์
ไปทำบุญพระกรรมฐานองค์การเภสัช พระท่านเทศน์ข้อธรรมดีๆ พระอาจารย์สวาทท่านเทศน์เรื่อง นโม น้ำและดิน พอเทศน์เสร็จนำพระพุทธรูปดินเผาจะไปถวายพอดีบังเอิญท่านเจ้าภาพ ท่านมอบให้ผมเป็นผู้ประเคนถวายน้ำเย็นด้วย ผมเลยเรียนท่านว่าได้ถวายน้ำและดินกับท่าน(พอดีด้วย)รู้สึกว่าท่านกรุณาผม มากครับ และหลวงพ่อวิชัย เขมิโย ท่านก็ได้เทศน์ต่อมา เป็นงานที่ใหญ่มากอีกงานหลวงปู่ครูบาอาจารย์ท่านมาประมาณไม่ต่ำกว่า50รูป ครับ
ทางท่านเจ้าภาพไม่คาดคิดว่าผู้คนจะมามากขนาดนี้ คงเป็นเพราะตรงกับวันหยุดครับ (แบงก์ย่อยที่เตรียมแลกไว้เป็นแสนไม่พอแลกครับ ต้องนับเก็บยอดแล้วนำมาแลกแบงก์อีกครับ)
ไปหล่อพระร่วงองค์ใหญ่ที่สนามหลวงต่อครับ

วันอาทิตย์ไปไหว้พระเก้าวัดเกาะรัตนโกสินทร์ ทำบุญสารพัดบุญถวายหนังสือธรรมะและแก้วสารพัดนึก
ได้คาถาบูชาและเรื่องราวพระกริ่งมากมาย
พอดีได้สร้างวัด(วิหารทาน)กับท่านเจ้าคุณรูปหนึ่งที่วัดบวรนิเวศน์ด้วยแก้ว สารพัดนึกครับ ท่านเป็นผู้แทนองค์สมเด็จพระสังฆราชมอบพระบรมสารีริกธาตุให้อัญเชิญไปบรรจุ ยังพระพุทธโสธรหน้าตัก50นิ้วที่คณะผมดำเนินการหล่อประมาณปี2546ครับ ท่านคงจะจำผมไม่ได้ ในอุโบสถซึ่งงานบวชพึ่งเสร็จครับ สาธุๆๆ อิ่มภูมิใจมากครับ รู้สึกว่าท่านพลิกแพลงลูกแก้วเล็กๆลูกเดียวได้ด้วยปัญญาปฏิภาณไหวพริบที่ดี มากครับ(อาจจะกลายเป็น5ล้านบาทและอื่นๆครับ ) ธรรมบันเทิงมากครับ

ได้ถวายมุทิตาพระอาจารย์วีระ คณะ5 วัดราชสิทธาราม

แจกจ่ายผ้ายันตร์สมเด็จพระนเรศวรฯ มีภาษาล้านนาด้วยครับ
ไปรับพระกริ่ง5พันองค์มาภาวนา รู้สึกว่าดีมากครับ
เช้าวันรุ่งขึ้นหลวงปู่บัณฑิต วัดพระธาตุศรีสามรักษ์โทรมาคุยพอดีหลังตื่นจากฝันดีเกี่ยวกับพระกริ่งพุทธ ภูมิพระราชทานข้าราชการทหารตำรวจชายแดนใต้ครับ แต่ยังขาดเงินบริจาคอีกเยอะเลยครับ ใครสนใจมาร่วมบุญด้วยก็เชิญครับ มีแผนแจกพระกริ่งพุทธภูมิกรรมการ(ผสมผงแร่บางไผ่ เหล็กน้ำพี้ ชนวนพระโลหะนานาชนิด) สำหรับผู้ร่วมบริจาคสร้างพระกริ่งพุทธภูมิติดต่อหลังไมค์ได้ครับ
ได้เห็นไม้เท้าพระราหุลอายุมากกว่า2500ปี กระดานชนวนสมเด็จพระสังฆราชสุก ฯลฯ

ขอเชิญอนุโมทนาบุญกุศลบารมีกันนะครับ
ขอให้เป็นสรรพพลวปัจจัยให้งานสร้างพระกริ่งพุทธภูมิและพระกริ่งแม่สอนลูก บำเพ็ญบารมีในพระพุทธศาสนาและสรรพชีวิตสำเร็จเรียบร้อยโดยดีงามด้วยเทอญ

 

สืบชะตาฯ..สวดมนต์ข้ามปีเสริมมงคล..ถวายในหลวง

http://palungjit.org/threads/%E0%B8...87.220132/

กาลแห่งช่วงเวลา....ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ทุกคนต่าง มุ่งหวังให้อยู่ในห้วงแห่งมงคล เพื่อให้กระแสของสิ่งที่ดีงามไหลเข้ามาแทรกคลื่นแห่งชีวิต เพื่อสร้างพลังอำนาจวาสนาให้อยู่เย็นเป็นสุขตามศรัทธาและเลื่อมใส....ส่วนจะ เป็นวิธีหรือพิธีกรรมใดนั้น ขึ้นอยู่กับ ความเชื่อและประเพณีนิยม

วัดป่าเจริญราช เลขที่ 12/19 คลอง 11 ตำบลบึงทองหลาง อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ก็เป็นหนึ่งในศรัทธา จึงได้จัดพิธีกรรมทางศาสนา สวดมนต์ข้ามปี และ สืบชะตาหลวง...ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

O O O



พระครูปลัดวีระนนท์ วีรนันโท เจ้าอาวาส ได้จัดกิจกรรมครั้งนี้ถือว่าเป็นพิเศษ โดยมี สงฆ์ระดับราชาคณะ และเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมหลายรูปร่วม เจริญพระพุทธมนต์พระปริตรถวายฯ อาทิ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (วัดปากน้ำ) สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วัดสัมพันธวงศาราม) สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม) สมเด็จพระวันรัต (วัดบวรนิเวศวิหาร) ฯลฯ...ในช่วงส่งท้ายปี

พอเริ่มศักราชใหม่ 00.00 น. ก็เข้าสู่การสืบชะตาหลวง อันเป็นประเพณีของล้านนาที่สืบสานกันอย่างยาวนาน มีการสวดสะเดาะเคราะห์ 12 ราศี

เชื่อว่า เป็นการต่ออายุ ขจัดภัยอันตรายต่างๆที่จะเกิดขึ้น ให้กลับ ได้รับพลังในทางที่ดี ส่งผลให้ ทั้งบ้านเมือง และ ผู้ที่เข้าร่วมในพิธีให้มีชีวิตที่ยืนยาว ด้วยความขลังในพลังดั่งที่อีสานเรียกพิธีกรรมแบบเดียวกันว่า พลิกชะตา

หลังเสร็จพิธีจะ ปล่อยประทีปโคมลอย เปิดฟ้าคืนวันรุ่งปีใหม่ให้สว่างไสว จากนั้นจะร่วมกัน สวดส่งนพเคราะห์ จนถึงสว่าง แล้วทำวัตรเช้า ตักบาตรและ ถวายผ้าป่ามหากุศล



O O O

วัดป่าเจริญราช ก่อหวอดเป็น ศาสนสถาน ขึ้นเมื่อปี 2544 เนื่องด้วย พระครูฯวีระนนท์ เดินทางพา หลวงปู่พิมพา สงฆ์สายหลวงปู่มั่น ซึ่งอาพาธมารักษาตัวในกรุงเทพฯ ตอนนั้นได้ไปขอจำวัดเพื่อรอหลายแห่งปฏิเสธ เลยต้องนั่งเฝ้าไข้จนสว่าง

จึงเกิดแนวคิดอยาก สร้างสถานที่ เพื่อให้สงฆ์ ซึ่งไม่มีญาติเดินทางมาได้มีที่พัก และได้อธิษฐานจิตว่า หากตนเองมีบารมีพอขอให้ความปรารถนาบรรลุเถิด แล้วแสงสว่างแห่ง ความสำเร็จก็ฉายแสง คหบดี ท่านหนึ่ง (ต่างศาสนา) ได้บริจาคที่ดินโครงการเกษียณเกษตร อำเภอลำลูกกา ให้ 2 ไร่

ระยะเริ่มต้นก็ได้เพียงแค่ปรับพื้นที่ ขุดบ่อน้ำ ปลูก ต้นไม้ (ไม่มีไฟฟ้า) เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมชั่วคราว ชื่อ ธรรมสถานวิมลธรรม ก็มีผู้สนใจเข้ามาปฏิบัติธรรมมากพอสมควร และ ได้รับอนุญาตให้เป็นที่พักสงฆ์ อย่างถูกต้องจากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี

O O O



ธรรมสถานวิมลธรรม ได้รับทุนโดยพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า สิริภาจุฑาภรณ์ พร้อมด้วยพระสหายมาถวายผ้าป่าสมทบทุน ในการปรับปรุงศาลาปฏิบัติธรรม และ ใช้เป็นทุนนำร่องในการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล...เป็น มูลนิธิวิมลธรรม

จากนั้นจึงได้ขยับขึ้นเป็น สำนักสงฆ์ ต่อมาในปี 2551 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ประกาศให้เป็น วัดป่าเจริญราช พร้อมทั้งแต่งตั้งพระครูฯวีระนนท์ เป็นเจ้าอาวาสในปีเดียวกัน

ปัจจุบันวัดป่าเจริญราชได้เสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับศาสนาให้กับญาติธรรม เป็นกิจสม่ำเสมอ มีผู้เข้าปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เป็น คนไทย และ คนต่างชาติ รวมแล้ว ปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 15,000 คน

O O O

เพื่อให้สมบูรณ์ในศาสนสถาน จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างโบสถ์ โดยเป็นแบบ อีสานโบราณ เพื่อให้เกิดความงามจากรูปทรงและรูปอากาศ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า สิมโปร่ง (อุโบสถไม่มีฝาผนัง) ไม่มีการปิดกั้นทั้งผู้ที่อยู่ในและนอกพระอุโบสถ.....เปิดโล่งตลอด 24 ชั่วโมง

...พระครูฯวีระนนท์ ก็ได้ออกติดตามเพื่อหาซื้อไม้แทบทั่วทุกทิศตามประสงค์ เพื่อให้ได้ไม้ชนิดเดียวกันทั้งหลัง โดยการยึดเหนี่ยวด้วยสลักเดือย (ไม่ใช้ตะปู)

ในบ้านเรามีไม้สัก แต่ก็ราคาแพง และ หายากมาก จึงได้ข้ามฝั่งแม่น้ำโขงไปหา ไม้ตะเคียนหิน ตามลุ่มแม่น้ำงึม ประเทศลาว ก็ไม่ได้อีกเช่นกัน จนแทบจะหมดหวัง บังเอิญไปพบกับพ่อค้าไม้ชัก ชวนไปที่วังเวียง ทางตอนเหนือของลาว มีไม้ชนิดหนึ่งลาวเรียก เกล็ดลิ้น ก็ถูกใจ แต่เขากำลังจะส่งมอบให้กับญี่ปุ่น ด้วยซื้อขายจ่ายเงินกันแล้ว จึงผิดหวังอีกเช่นเคย เลยเดินทางกลับไทย

O O O

แล้ว พระเจ้าก็เข้าข้าง....หลังจากนั้นประมาณเดือนกว่าๆ กลุ่มพ่อค้าที่ลาวก็ติดต่อมาว่าจะเอาไม้จำนวนนั้นหรือไม่ ด้วยถูกทางราชการลาวงดและสั่งห้าม ไม่สามารถส่งไปญี่ปุ่นได้...

...ก็เลย OK....ได้ไม้มาสร้างพระอุโบสถได้อย่างสมใจ (แต่ก็ยังขาดทุนทรัพย์ที่ซื้อ จึงขอต๊ะไว้ก่อน)

และ....เมื่อขนท่อนซุงใช้รถพ่วง ขณะผ่านด่านเจ้าหน้าที่ได้เปิดทางฉลุย แถมยังตามมาถาม พระครูฯวีระนนท์ ว่า.....พระอาจารย์จะพานางรำไปแสดงที่ไหนมากันเต็มรถ ซึ่งท่านไม่ได้ตอบอะไร เพราะ ความรู้สึกกับสัมผัสตอนนั้นแต่ละท่านอาจไม่ตรงกัน...!!!

O O O

การสร้างพระอุโบสถก็ค่อยเป็นค่อยไป ด้วยไม่มีทุนทรัพย์ที่มากมาย ช่วงนั้นได้ สร้างพระสิวลี เพื่อหาทุน โดยทำทีเดียว 3 ปางเลยคือ ปางอิทธิฤทธิ์ เดินธุดงค์และจกบาตร จ่ายแจกกันไป โดยไม่กำหนดราคาค่างวดแต่อย่างใด ค่อยได้ปัจจัยกลับมาจ่ายค่าไม้ ที่ยังคั่งค้าง

ซึ่ง...ก็เหมือนกับว่าได้โชคทับซ้อน ใน ตอนที่เททองหล่อก็เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ใครๆเห็นก็ว่าปาฏิหาริย์ คนจึงแย่งกันมาเช่า

แถมมี รายหนึ่งที่ค้าขายขาดทุน จนไม่มีเงินจะเช่า ไปขอ พระครูฯ ก็ให้ตามที่อยากได้ แล้วก็ไป เจอลาภลอยถูกรางวัลเข้าได้เงินไปใช้หนี้ จนหมดภาระ จากทาสเป็นไท มันเลยเป็นข่าวฮือฮา...ให้ฟังหูไว้หู ถ้ายังไม่ได้พิสูจน์อย่าเชื่อ จนเกินร้อย...!!!

ก้อง กังฟูสืบชะตาฯ..สวดมนต์ข้ามปีเสริมมงคล..ถวายในหลวง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

http://larndham.org/index.php?/topi...และถวายภัตตา/page__gopid__682489&#entry682489

เนื่องในโอกาสทำบุญสถานที่รับ-ส่งมรดกธรรมพระโพธิญาณเถร(หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
ซอยลาดพร้าว 58

ขอเรียนเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น
ในวันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ.2553 เวลา 19.00 น.

และถวายภัตตาหารพระเถระจากวัดหนองป่าพงและวัดสาขา
ในวันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ.2553 เวลา 8.30 น.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่
โทร. 02-933-7995 - 6

 

ขอเชิญร่วมงานประเพณีวันขึ้นปีใหม่
วันศุกร์ที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ ณ บริเวณลานองค์พระประธานพุทธมณฑล
เวลา ๐๗.๓๐ น. ร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน ๑๐๐ รูป
เวลา ๐๘.๒๐ น. ร่วมพิธีถวายสังฆทานพระสงฆ์ ๙ รูป ณ ศาลาบำเพ็ญกุศล ด้านซ้ายองค์พระฯ
ติดต่อสอบถาม โทร ๐๒ ๔๔๑๙๐๑๓ , ๐๒ ๔๔๑๐๙๐๒

ตักบาตรพระ100รูปในวันปีใหม่ที่พุทธมณฑล - ลานธรรมเสวนา

 

​

 

<!--cached-Mon, 04 Jan 2010 05:18:06 +0000-->

 

หลวงพ่อทอง จันทสิริ วัดอโศการาม อาพาธด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ขณะนี้พักรักษาอยู่ที่ ร.พ. ศิริราช
ท่านใดที่มีความประสงค์จะถวายโลหิตแด่หลวงพ่อ ขอเชิญที่ ร.พ. ศิริราช ตึก 72 ปี ชั้น 3 แจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามาบริจาคโลหิตถวายหลวงพ่อทอง วัดอโศการามค่ะ หลวงพ่อท่านมีเลือด Group B ค่ะ แต่บริจาคได้ทุก Group เพราะเจ้าหน้าที่จะนำไปแลกเป็น Group B ค่ะ
อนุโมทนากับทุกท่านค่ะ

http://larndham.org/index.php?/topic/36487-%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%95%E0%B9%92-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99/page__st__180__gopid__683453&#entry683453



ถ้าจำไม่ผิดพี่ที่มูลนิธิหลวงปู่มั่นท่านหนึ่งบอกว่ามีผู้ใจบุญมาบริจาค โลหิตมากมายหลายกรุ๊ปนับหมื่นซีซี นอกจากจะเป็นประโยชน์บุญกุศลบารมีต่อท่านผู้เกี่ยวข้องและหลวงพ่อทองแล้ว โลหิตที่บริจาคเปลี่ยนกรุ๊ปยังได้ช่วยชีวิตผู้ป่วยท่านอื่นอีกมากมายครับ

 

ล) วัดเขาจันทร์งาม
พระครูอรรถกิจนันทคุณ (นพดล นนฺทโน) วัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร
พระอาจารย์สุจินต์ สุจิณโณ วัดหนองน้ำเขียว จ.ตาก
พระอาจารย์บุญช่วย ปุญฺญวนฺโต วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม จ.ปทุมธานี
พระครูสุทธิพรหมคุณ (หลวงพ่อสุทธิพงศ์ ชนุตตโม ) วัดป่าวังเลิง จ.มหาสารคาม
พระอาจารย์อุเทน กลฺยาโณ วัดป่ามณีรัตน์ จ.อุบลราชธานี
พระอาจารย์วิชิต โสภโณ วัดป่าพระอาจารย์มั่น บ้านแม่กอย ต.เวียง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
พระอาจารย์ อ้ม สุขกาโม วัดป่าภูผาผึ้ง ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร 49140
พระครูวิทิตศาสนกิจ (ไพโรจน์ วิโรจโน) วัดดอยปุย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000
พระอาจารย์สุชิน ปริปุณฺโณ วัดธรรมสถิต ต.สำนักทอง อ.เมือง จ.ระยอง
พระครูธรรมธรฐานุตโม วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
พระอาจารย์เมธา สุเมโธ วัดถ้ำผาปล่อง ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 50170

รถเมล์สายที่ผ่าน 20 21 37 76 120
ติดตามพระกรรมฐาน ปี ๒๕๕๒ เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม - ลานธรรมเสวนา - หน้า 10
เปลี่ยนขนาดเป็น 88% (was 800 x 600) - กดที่รูปภาพเพื่อขยายขนาด

 

กำหนดการงานสวดลักขีบวชชีหมื่นคน




๗ – ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓






วันพฤหัสบดีที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓

เวลา ๐๖.๐๐ น. ทำบุญพิเศษ พระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

ตักบาตรสามเณร ๙๑ รูป หน้าศาลา ๘๔ ปี

เริ่มปิดทองลูกนิมิต และ ปิดทองพระพุทธสุพิโนภาสศาสดา

พระประธานจำลองตลอดงาน

เวลา ๐๙.๑๘ น. น่าอัศจรรย์ขึ้นบันได ๔๐ ขั้น ทำพิธีเบิกพระเนตร

พระพุทธสุพิโนภาสศาสดาพระประธานทองสัมฤทธิ์ใหญ่ที่สุด

เวลา ๑๖ .๐๐ น. พระภิกษุ-สามเณร วัดธรรมมงคลแสดงมุทิตาสักการะ

แด่ พระเทพเจติยาจารย์ และ ร่วมกันถวายผ้าป่าสามัคคี

ณ ชั้นล่าง ศาลา ๘๔ ปี

เวลา ๑๘.๐๐ - ๒๔.๐๐ น. พิธีมหาพุทธาภิเษก พระพุทธสุพิโนภาสศาสดา

ครั้งประวัติศาสตร์ โดยพระเทพเจติยาจารย์ เป็นประธาน

พร้อมคณะศิษย์ใส่ชุดขาว ๕๘๙ คน

จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย คุณศิริธัช – คุณสุพิน โรจนพฤกษ์

สาธุชนอาราธนาศีล ๕ และรับศีล กล่าวตามพระสงฆ์

กล่าวรายงานโดย ........................................................



วันศุกร์ที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓

เวลา ๑๘.๐๙ - ๑๙.๓๐ น. เริ่มพิธีบวชชี / จุดเทียนชัย / สวดลักขี

พระเทพเจติยาจารย์ เป็นประธาน / พักผ่อน

เวลา ๒๐.๐๐ - ๒๑.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๒๑.๓๐ - ๒๒.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๒๓.๐๐ - ๒๔.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน



วันเสาร์ที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓

เวลา ๒๔.๐๐ - ๐๑.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๐๒.๓๐ - ๐๓.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๐๔.๐๐ - ๐๕.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนาโดยพระเทพเจติยาจารย์

เวลา ๐๕.๐๐ - ๐๖.๐๐ น. พักทำกิจส่วนตัว

เวลา ๐๖.๐๐ - ๐๘.๓๐ น. ทำบุญตักบาตร บริเวณรอบพระมหาเจดีย์

รับประทานอาหาร / พักผ่อน

เวลา ๐๘.๓๐ - ๐๙.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๑.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๑๑.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. พักรับประทานอาหาร

เวลา ๑๒.๐๐ - ๑๓.๐๐ น. พักผ่อน

เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๑๔.๓๐ - ๑๕.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๑๕.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนาโดย

พระอาจารย์ เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป จ.เชียงใหม่

เวลา ๑๖.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. พักทำกิจส่วนตัว / ดื่มน้ำปานะ

เวลา ๑๘.๐๙ - ๑๙.๐๐ น. พระเถระกรรมฐาน ๙๑ รูป เจริญพุทธมนต์ฉลอง

อายุวัฒนมงคลพระเทพเจติยาจารย์ ชั้น ๒ อุโบสถ

เวลา ๑๙.๐๐ - ๒๐.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อไพโรจน์

วิโรจโน สำนักสงฆ์ดอยปุย จ.เชียงใหม่/พักผ่อน

เวลา ๒๐.๓๐ - ๒๑.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต

เวลา ๒๑.๓๐ - ๒๒.๐๐ น. ชมวีดีทัศน์ นักศึกษาครูสมาธิ ไปเดินธุดงค์

ที่ดอยอินทนนท์ จ. เชียงใหม่ / พักผ่อน

เวลา ๒๒.๓๐ - ๒๓.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน




วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓

เวลา ๒๔.๐๐ - ๐๑.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๐๒.๓๐ - ๐๓.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๐๔.๐๐ - ๐๕.๐๐ น. แสดงธรรมเทศนา โดยพระเทพเจติยาจารย์

เวลา ๐๕.๐๐ - ๐๖.๐๐ น. พักทำกิจส่วนตัว

เวลา ๐๖.๐๐ - ๐๗.๐๐ น. ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ๙๑ รูป

ณ บริเวณรอบพระมหาเจดีย์

เวลา ๐๗.๐๐ - ๐๘.๐๐ น. รับประทานอาหาร / พักผ่อน

เวลา ๐๘.๐๐ - ๐๘.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๐.๐๐ น. พิธีสรงน้ำพระราชทาน ณ ศาลา ๘๔ ปี ดูรายระเอียด วันที่ 10/12/53

เวลา ๑๑.๐๐ - ๑๒.๓๐ น. รับประทานอาหาร / พักผ่อน

เวลา ๑๒.๓๐ - ๑๖.๐๐ น. คณะศิษย์ยานุศิษย์ เข้ามุทิตาสักการะ

พระเทพเจติยาจารย์ ณ ปรำพิธี ถวายผ้าป่า

โครงการประทีปเด็กไทย และ ผ้าป่าสามัคคี

เวลา ๑๖.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนาโดย พระญาณวิศิษฏ์

(หลวงพ่อทอง) วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ

เวลา ๑๗.๐๐ - ๑๙.๐๐ น. พักทำกิจส่วนตัว / ดื่มน้ำปานะ

เวลา ๑๙.๐๐ - ๒๐.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต

เวลา ๒๐.๐๐ - ๒๐.๓๐ น. ชมวีดีทัศน์ นักศึกษาครูสมาธิ ไปเดินธุดงค์

ที่ดอยอินทนนท์ จ. เชียงใหม่ / พักผ่อน

เวลา ๒๐.๓๐ - ๒๑.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๒๑.๐๐ - ๒๒.๐๐ น. แสดงพระธรรม โดย พระครูกิตติอุดมญาณ

(หลวงปู่ไม) วัดป่าหนองช้างคาว จ.อุดรธานี

เวลา ๒๒.๓๐ - ๒๓.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน




วันจันทร์ที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓

เวลา ๒๔.๐๐ - ๐๑.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๐๒.๓๐ - ๐๓.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๐๔.๐๐ - ๐๕.๐๐ น. แสดงธรรมเทศนา โดยพระเทพเจติยาจารย์

เวลา ๐๕.๐๐ - ๐๖.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต

เวลา ๐๖.๐๙ น. ดับเทียนชัย / พิธีลาสิกขา


สาธุชนเดินทางกลับบ้าน ด้วยความอิ่มเอิบเบิกบานใจ



หมายเหตุ : กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
ที่มา: S N K WAT DHAMMAMONGKOL
http://www.dhammamon...iew.php?id=0379

 

ขอเชิญร่วมงานสวดลักขีบวชชีหมื่นคน ประจำปีพ.ศ. ๒๕๕๓

ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ มกราคม ๒๕๕๓



ณ วัดธรรมมงคล พระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)เป็นประธานในพิธี
การ บวชลักขีเป็นการสั่งสมบุญบารมีครั้งยิ่งใหญ่ 10 ประการให้ชีวิตมีความสงบและสุขใจเป็นการเริ่มต้นปีให ม่ให้สดใส ในงานพิธิครั้งนี้ได้นิมนต์พระเถรานุเถระ ฝ่ายวิปัสสนาธุระมาแสดงพระธรรมเทศนาและนั่งสมาธิแผ่เ มตตาจิตจำนวนมาก จึงขอเชิญผู้ใจบุญทั้งหลาย ร่วมสวดลักขี เพื่อสะสมบุญบารมีให้แห่ตน และร่วมโรงทานเลี้นงอาหารผู้มาบวชชีตามกำลังศรัทธา ย่อมมีอานิสงค์ผลบุญมหาศาล ดังที่พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญจนสำเร็จมาแล้วเทอญ
ในการบวชชี ให้เตรียมชุดบวชชีสีขาวและของใช้ส่วนตัวมา ใม่ต้องโกนผม ดอกไม้ธูปเทียน ทางวัดจัดไว้ให้บูชาตามศรัทธา

กำหนดการ
วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2553
เวลา 18:09 น.เริ่มพิธีการบวช /จุดเทียนชัย/สวดลักขี/นั่งสมาธิ/ฟังธรรมเทศนา
วันเสาร์ที่ 9 มกราคม 2553
สวดลักขี/นั่งสมาธิ/ฟังธรรมเทศนา/และหยุดพักเป็นช่วงๆ ตลอดวันตลอดคืน
วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2553

เวลา 07:00 น.พระเทพเจติยาจารย์ ใส่บาตรสามเณร จำนวน 91 รูป
เวลา 10:00 น.ฉลองอายุวัฒนมงคลครบ 90 ปี พระเทพเจติยาจารย์
สวดลักขี/นั่งสมาธิ/ฟังธรรมเทศนา/และหยุดพักเป็นช่วงๆ ตลอดวันตลอดคืน
วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2553
เวลา 05:49 น.ดับเทียนชัย/ลาสิขา เป็นเสร็จพิธี

ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร 02-332-4145,02-332-8226,02-3113994,02-311-1387 โทรสาร 02-332-4145,02-730-6335
ขอเชิญเป็นเจ้าภาพโรงทานที่ 02-311-1387,02-311-3903 ติดตามข่าวสารของวัดได้ที่

http://www.dhammamongkol.com

 

กำหนดการมอบทองคำเข้าคลังหลวงครั้งที่ ๑๕
วันเสาร์ที่ ๙ เดือนมกราคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๑.๐๐ น.

โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ เสด็จเป็นองค์ประธาน

ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาค ได้หลายวิธีดังนี้
http://www.luangta.c...elp/contact.php






ขอร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ ขอมีส่วนร่วมโดยขอถวายแหวนทองคำในครั้งนี้จำนวน ๑ สลึงตามกำลังทรัพย์ค่ะ

และขอเชิญเพื่อนๆ ร่วมอนุโมทนาในภาพแหวนทองคำรวม ๑ สลึงที่ได้ฝากคุณกลองไปถวายหลวงตาเมื่อครั้งเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ด้วยค่ะ...

ขออนุญาตลงรายละเอียดเพิ่มเติมค่ะ

“หลวงตาบัว” สานต่อโครงการช่วยชาติ เตรียมมอบทองคำครั้งที่ 15 เข้าท้องคลังหลวงช่วยหนุนเศรษฐกิจอีก 412 กิโล รวมกับครั้งที่ผ่านมาเพิ่มเป็น 12 ตัน ซึ่ง “เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์” จะเสด็จฯ เป็นองค์ประธานในพิธีรับมอบในวันที่ 9 มกรา 53 ที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

วันนี้ (22 ธ.ค.) ศิษยานุศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 มกราคมปี 53 ที่จะถึงนี้ จะมีการมอบทองคำเข้าคลังหลวงเพื่อนำไปช่วยชาติ ครั้งที่ 15 อีกจำนวน 412.5 กิโลกรัม โดยมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จฯ เป็นองค์ประธานพีธีรับมอบที่ วัดป่าบ้านป่าตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นมาจากหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เล็งเห็นถึงสภาวะความเดือดร้อนของประเทศชาติ สังคม และประชาชน หลังจากที่ประเทศประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 จึงจัดโครงการช่วยชาติ เพื่อเชิญชวนประชาชนช่วยกันบริจาคทองคำ เงินดอลลาร์ เงินสกุลต่างประเทศ และเงินบาท นำเข้าคลังหลวง โดยครั้งแรกที่หลวงตามหาบัวนำมามอบให้นั้น เป็นเงินตราต่างประเทศจำนวน 1,278,000 เหรียญสหรัฐ และการรับบริจาคได้ดำเนินมาเรื่อยๆจนปิดรับตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2547 แต่หลังจากนั้นก็ยังคงมีประชาชนผู้มีจิตศรัทธา และมีความเชื่อมั่นในหลวงตามหาบัว ได้ถวายทองคำเพื่อให้รวบรวมเข้าคลังหลวงอีกอย่างต่อเนื่อง

โดยล่าสุดการมอบทุนช่วยชาติครั้งที่ 14 มีผู้บริจาคทองคำแท่งบริสุทธิ์ 99.99 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 48 แท่ง น้ำหนัก 600 กิโลกรัม ซึ่งถ้านับรวมการมอบเข้าคลังหลวงทั้งหมดมีจำนวนถึง 931 แท่ง น้ำหนัก 11,637.5 กิโลกรัม หรือประมารณ 11 ตัน และเงินดอลลาร์สหรัฐ 10,214,600 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 10,300,000,000 บาท จวบจนปัจจุบันทองคำที่มาจากแรงศรัทธาของประชาชนที่จะมอบเพิ่มอีก 412.5 กิโลกรัม คิดเป็นเงินประมาณ 478,929,400บาท ในครั้งที่ 15 ในวันที่ 9 มกราคม 53 ที่จะถึงนี้ เพิ่มขึ้นเป็น12 ตันกว่าเเล้ว

นอกจากนี้ ศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัวยังเปิดเผยด้วยว่า สาเหตุที่หลวงตาบัวได้ระดมทุนทรัพย์เป็นทองคำนั้นเนื่องจากจะเป็นเครื่อง หนุนเศรษฐกิจ ให้เงินธนบัตรมีค่าซึ่งโดยที่มาของคลังหลวงนั้นในปี 2451 (ร.ศ.127) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) มีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเงินท้องพระคลังจำนวน 12 ล้านบาท มาตั้งเป็นทุนสำรองเงินตรา (คลังหลวง) สำหรับรักษาอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินตราต่างประเทศ เพื่อให้การค้าขายได้อาศัยหลักที่มั่นคงยั่งยืน และให้กันเงินส่วนนี้ออกจากเงินส่วนอื่น เป็นพระมรดกที่ได้รับการรักษาและเพิ่มพูนตราบมาจนทุกวันนี้

http://larndham.org/...p?/topic/37768-

 

วันพฤหัสบดีที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓

เวลา ๐๖.๐๐ น. ทำบุญพิเศษ พระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

ตักบาตรสามเณร ๙๑ รูป หน้าศาลา ๘๔ ปี

เริ่มปิดทองลูกนิมิต และ ปิดทองพระพุทธสุพิโนภาสศาสดา

พระประธานจำลองตลอดงาน

เวลา ๐๙.๑๘ น. น่าอัศจรรย์ขึ้นบันได ๔๐ ขั้น ทำพิธีเบิกพระเนตร

พระพุทธสุพิโนภาสศาสดาพระประธานทองสัมฤทธิ์ใหญ่ที่สุด

เวลา ๑๖ .๐๐ น. พระภิกษุ-สามเณร วัดธรรมมงคลแสดงมุทิตาสักการะ

แด่ พระเทพเจติยาจารย์ และ ร่วมกันถวายผ้าป่าสามัคคี

ณ ชั้นล่าง ศาลา ๘๔ ปี

เวลา ๑๘.๐๐ - ๒๔.๐๐ น. พิธีมหาพุทธาภิเษก พระพุทธสุพิโนภาสศาสดา

ครั้งประวัติศาสตร์ โดยพระเทพเจติยาจารย์ เป็นประธาน

พร้อมคณะศิษย์ใส่ชุดขาว ๕๘๙ คน

จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย คุณศิริธัช – คุณสุพิน โรจนพฤกษ์

สาธุชนอาราธนาศีล ๕ และรับศีล กล่าวตามพระสงฆ์

 

วันเสาร์ที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓

เวลา ๒๔.๐๐ - ๐๑.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๐๒.๓๐ - ๐๓.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๐๔.๐๐ - ๐๕.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนาโดยพระเทพเจติยาจารย์

เวลา ๐๕.๐๐ - ๐๖.๐๐ น. พักทำกิจส่วนตัว

เวลา ๐๖.๐๐ - ๐๘.๓๐ น. ทำบุญตักบาตร บริเวณรอบพระมหาเจดีย์

รับประทานอาหาร / พักผ่อน

เวลา ๐๘.๓๐ - ๐๙.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๑.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๑๑.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. พักรับประทานอาหาร

เวลา ๑๒.๐๐ - ๑๓.๐๐ น. พักผ่อน

เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๑๔.๓๐ - ๑๕.๐๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

เวลา ๑๕.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนาโดย

พระอาจารย์ เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป จ.เชียงใหม่

เวลา ๑๖.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. พักทำกิจส่วนตัว / ดื่มน้ำปานะ

เวลา ๑๘.๐๙ - ๑๙.๐๐ น. พระเถระกรรมฐาน ๙๑ รูป เจริญพุทธมนต์ฉลอง

อายุวัฒนมงคลพระเทพเจติยาจารย์ ชั้น ๒ อุโบสถ

เวลา ๑๙.๐๐ - ๒๐.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อไพโรจน์

วิโรจโน สำนักสงฆ์ดอยปุย จ.เชียงใหม่/พักผ่อน

เวลา ๒๐.๓๐ - ๒๑.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต

เวลา ๒๑.๓๐ - ๒๒.๐๐ น. ชมวีดีทัศน์ นักศึกษาครูสมาธิ ไปเดินธุดงค์

ที่ดอยอินทนนท์ จ. เชียงใหม่ / พักผ่อน

เวลา ๒๒.๓๐ - ๒๓.๓๐ น. สวดลักขีนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต / พักผ่อน

 

ขอเชิญพุทธศาสนิกชนชาวไทย

ร่วมสวดและบริกรรมพระปริตต์ อธิษฐานจิตเพื่อแผ่นดินไทย ครั้งที่๑๘

ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง

วันอาทิตย์ที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๓ เวลา ๗:๐๐-๙:๐๐น.

นำสวดบริกรรมโดย: พระอาจารย์อารยะวังโส
เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน

http://larndham.org/index.php?/topic/36487-%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%95%E0%B9%92-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99/page__st__180__gopid__683453&#entry683453

 

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๒

นิพพานคือนิพพาน



...ทีนี้เวลาถึงขั้นนั้นแล้ว นั่นละท่านเรียกว่าขั้นอัศจรรย์ อัศจรรย์โลกสมมุติเรานี้เป็นอันหนึ่งนะ ที่ว่าอัศจรรย์ของธรรมแท้จิตแท้ เรียกว่าจิตเป็นธรรม ธรรมเป็นจิต เรียกว่าธรรมธาตุก็ไม่ผิด ท่านให้ชื่อว่านิพพาน ธรรมธาตุ จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วพระพุทธเจ้าทรงให้ชื่อว่านิพพาน จะแยกเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ คำว่านิพพานเป็นคำเดียวเท่านั้น อันไหนไม่เหมือน อันไหนไม่ถูก
อย่างที่ว่าไว้ มีผู้มาอ้างในพระไตรปิฎกก็มีนี่นะ ว่าพระไตรปิฎกท่านแสดงไว้ว่านิพพานเป็นอนัตตา หึย ว่าอย่างนี้เลยเรานะ อ้าวจริง ๆ มันยันกันเลยทันที มันเดินให้เห็นอยู่ชัด ๆ นี่นะ นิพพานเป็นอนัตตาได้ยังไง นิพพานคือนิพพานเป็นอนัตตาได้ยังไง อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา นี้เรียกว่าไตรลักษณ์เข้าใจไหม เราพิจารณาเพื่อพระนิพพาน ต้องเดินไปตาม อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เมื่อพิจารณาอันนี้รอบแล้วปล่อย ๆ พอถึงขั้น อนัตตา เต็มส่วนแล้วปล่อย อนัตตา ปุ๊บถึงนิพพาน แล้ว อนัตตา ทำไมจะไปเป็นนิพพาน ถ้า อนัตตาเป็นนิพพาน นิพพานก็เป็นไตรลักษณ์ล่ะซีเข้าใจไหม นี่ละว่าเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ อัตตา ก็เป็นส่วนสมมุติ อัตตา คือความยึดถือ อัตตา ตนจะไปเป็นนิพพานได้ยังไง อัตตา ความถือตนถือตัว อตฺตานุทิฏฺฐึ อูหจฺจ
พระองค์แสดงไว้แล้วว่า สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ โมฆราช สทา สโต แล้วก็ อตฺตานุทิฏฺฐึ อูหจฺจ เอวํ มจฺจุตฺตโร สิยา เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ มจฺจุราชา น ปสฺสติ คือ ดูก่อนโมฆราช เธอจงเป็นผู้มีสติ ดูโลกให้เห็นเป็นของว่างเปล่า ถอนอัตตานุทิฏฐิเสียได้ อัตตาฟังซิ! ถอนอัตตานุทิฏฐิ อัตตานุทิฏฐิก็เป็นทางเดิน ถอนอัตตานุทิฏฐิเสียแล้ว พญามัจจุราชจะติดตามเธอไม่ทันอีกแล้ว นั่นท่านให้ถอนอัตตานุทิฏฐิ แล้วยังทำไม อัตตา จะมาเป็นนิพพานเสียเอง เอาพิจารณาซิ ยันกันอย่างนั้นซิ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ก็เป็นทางเดินเพื่อก้าวสู่พระนิพพาน อัตตาความยึดมั่นถือมั่น ก็ต้องพิจารณาอัตตานี้เพื่อให้ผ่านอัตตานี้ไปได้แล้วจึงไปเป็นพระนิพพานได้ เหตุใดพระนิพพานจึงจะมาเป็นอัตตาเป็นอนัตตาเสียเอง เอาพิจารณาซิ

...นี่เราพูดถึงเรื่อง อัตตา อนัตตา ก่อนจะถึงพระนิพพาน ถึงธรรมชาติที่ให้ชื่อว่านิพพานนั้นต้องผ่านไตรลักษณ์ไปเสียก่อน ไม่ผ่านไตรลักษณ์ไปจะถึงความบริสุทธิ์ไม่ได้ จะถึงนิพพานไม่ได้ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เรียกว่าไตรลักษณ์ พิจารณา ทุกฺขํ อนิจฺจํ อนตฺตา อะไรก็ตาม ๓ ประเภทนี้จนพอแล้วมันปล่อยของมัน ถ้าไม่พออันนี้ยังไม่ปล่อย ยังต้องพิจารณา อัตตา อนัตตา เหล่านี้อยู่ในวงเดียวกันของการดำเนินเพื่อก้าว ๆ ผ่านไป อัตตาก็เป็นตัวกิเลสอันสำคัญจึงถอนด้วย อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ถอนอันนี้อีกทีหนึ่ง อัตตานุทิฏฐิ ความถือว่าเป็นตนเป็นตัว เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เหล่านี้ ถอนอันนี้ออก แล้วจากนั้นก็ ทั้งหมดนี้เป็น อนัตตา นะ ปล่อย เมื่อถึงขั้นสุดยอดแล้วทั้งหมดเหล่านี้เป็นสมมุติทั้งนั้นนะ เป็น อนัตตา ทั้งนั้น จิตถอนปึ๋งออกจากนี้ ถอนจากนี้แล้วเรียกว่าอะไรตรงนั้น
นั่นละพระพุทธเจ้าเลิศเลิศจากการถอนทั้งสามนี้แล้วนะ อยู่ใน อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา อัตตาเหล่านี้ถอนไม่ได้ตายอยู่นั่น ถอนจากนี้แล้วจึงจะเป็นนิพพาน แล้วนิพพานอะไรถึงจะมาแอบซ่อนอยู่ในไตรลักษณ์ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา และ อัตตา นิพพานก็ไม่มีที่พึ่งเที่ยวไปเกาะไตรลักษณ์อยู่นั้น เป็นอิสระได้ยังไง พูดแล้วเราคันฟันนะ โอ๋ย เถียงกันตาดำตาแดงจนกลายเป็นหมากัดกัน เถียงว่านิพพานเป็นอัตตาเป็นอนัตตา เถียงยุ่งกันไปหมดเลย คนหนึ่งยันว่านิพพานเป็นอัตตา คนหนึ่งยันว่านิพพานเป็นอนัตตา เอ้า กัดกันไปเราว่างั้น เฉย เอ้ากัดกันไป
...เข้าใจเหรอที่พูดอัตตา อนัตตา เป็นอย่างนี้ละ นั่นละให้ฟังเอาซิ นี้ยันเลยไม่ได้มีสะทกสะท้านนะสามแดนโลกธาตุนี้ ที่เราพูดออกมานี้เราไม่ได้สะทกสะท้าน เรารู้แล้วเห็นแล้วทุกอย่างว่างั้นเลย จะว่าอวดหรือไม่อวดก็ตาม พูดไม่พูดก็ธรรมอันเดียวกันนั่นแหละที่รู้อยู่นั้นแหละ เราจะพูดออกไปไม่พูดออกไปก็ธรรมที่เรารู้อยู่นี้แหละว่างั้นเถอะ ส่วนพูดออกไปมีส่วนได้ส่วนเสียเท่านั้นเอง เช่นว่าเรารู้อย่างนี้ คนที่เขาไม่เชื่อก็เป็นอกุศลแก่เขา คนที่เชื่อก็เป็นมงคลแก่คนนั้นเท่านั้นเอง ถ้าพูดออกไปแล้วมีส่วนได้ส่วนเสีย ถ้าไม่พูดก็ไม่มีได้มีเสีย สำหรับธรรมชาติผู้นั้นเองแล้วนะ จะพูดหรือไม่พูดท่านก็ไม่มีได้มีเสีย แต่มันมีได้มีเสียสำหรับเวลาพูดออกไป ผู้ฟังถ้าเชื่อตามหลักความจริงแล้วก็เป็นมงคลแก่ผู้ฟัง ถ้าไม่เชื่อไม่ยอมรับนี้ก็เป็นอัปมงคลแก่ผู้นั้น และกิเลสครอบหัวเอาเลยว่างั้นเถอะนะ กิเลสครอบเอาเลย หามขึ้นเขียงเลย
...นี่เราพูดถึงเรื่องธรรมชาติแท้เป็นอย่างนั้น ท่านให้ชื่อว่านิพพาน คือให้ชื่อธรรมชาตินั้น ธรรมชาติที่จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้ว เรียกว่าธรรมทั้งแท่งเลย หรือเรียกว่าธรรมธาตุก็ได้ ธรรมธาตุกับนิพพานไม่ขัดกัน แต่อัตตากับอนัตตานี้ โห ไม่ได้เลยนะ อัตตากับอนัตตานี้เข้าไม่ได้เลย เหมือนกับว่าเอามูตรเอาคูถไปโปะทองคำทั้งแท่ง ใครจะยันขนาดไหนก็ยัน ยันขนาดไหนก็เหมือนกับขนมูตรขนคูถเข้าไปโปะทองคำทั้งแท่ง กลบหมดเลยให้มีแต่มูตรแต่คูถเต็มตัว ทองคำไม่ให้เห็นเลย นี่จะไม่ให้เห็นนิพพาน เอาอัตตาเอาอนัตตาเข้าไปเป็นมูตรเป็นคูถเข้าไปโปะเอา ๆ หมดเลย
ก็มันไม่ได้ปฏิบัติ เรียนตามคัมภีร์ใบลานเฉย ๆ เราก็เรียนมาแล้วเราถึงกล้าพูดได้ ใครจะเรียนสูงเรียนต่ำเรียนมากเรียนน้อยก็ตาม ถ้าไม่ได้ปฏิบัติแล้วก็ไม่มีความหมายอะไรเลย เรียนบาปสงสัยบาป เรียนบุญสงสัยบุญ เรียนนรกสงสัยนรก เรียนสวรรค์สงสัยสวรรค์ เรียนนิพพานสงสัยนิพพาน สุดท้ายเรียนมาเต็มหัวอกความสงสัยเต็มหัวใจ ไม่มีอะไรยึดเป็นของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นการเรียนมากเรียนน้อยจึงถือประมาณไม่ได้นะถ้าไม่นำออกปฏิบัติ ถ้านำออกปฏิบัติก็เหมือนตามรอยโค โคไปไหนตามเลยก็จะถึงตัวโค นี่ก็เหมือนกันภาคปฏิบัติเป็นภาคตัดสินได้เลย ภาคอื่นตัดไม่ได้ ความจำเป็นแนวทาง
เหมือนแบบแปลนของเรา แปลนนี้จะสร้างจะทำสักเท่าไรก็ได้เต็มศาลาก็ได้ก็เป็นแปลนทั้งหมด ไม่ได้เป็นบ้านเป็นเรือนให้ เมื่อดึงแปลนนี้ออกมา แปลนนี้ชี้แจงว่ายังไงจะทำยังไง ตึกรามบ้านช่องหรืออะไรก็ตาม กี่ชั้นกี่ห้องกี่หับ ความกว้างความแคบแปลนเขาบอกไว้เรียบร้อยแล้ว เอานี้ออกไปกางปุ๊บใส่ลงไป แล้วก็จะเริ่มปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เริ่มวางรากฐานของตึกรามบ้านช่องขึ้นไป เรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงคานถึงตัวตึกสำเร็จ นี่เป็นภาคปฏิบัติ ปฏิเวธก็คือเห็นชัด ๆ อยู่นี้ เวลานี้กำลังวางรากฐานก็เห็นอยู่นี้ ขึ้นถึงไหนแล้ว ปฏิเวธคือความรู้ ความรู้ไปตามลำดับ ความรู้ผลของมันไปตามลำดับ ก็เห็นไปเรื่อย ๆ เห็นจนกระทั่งถึงตึกนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
การศึกษาเล่าเรียนถ้าเทียบก็เหมือนกับว่าแปลนบ้าน ปฏิบัติทีนี้ดำเนินงานปลูกบ้าน ปฏิเวธก็คือว่าคอยดูผลของมันเป็นยังไง เวลานี้ได้ถึงไหน ๆ แล้ว ปฏิเวธก็รู้ไปตามลำดับ เวลานี้เทคานแล้ว เวลานี้กำลังวางนั้น ๆ ขึ้นไป ปฏิเวธก็รู้ไปตามลำดับจนกระทั่งถึงบ้านสำเร็จเต็มภูมิแล้วปฏิเวธก็รู้ อ๋อ บ้านนี้เรียบร้อยแล้ว เข้าใจเหรอ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ สืบเนื่องกันอยู่นี้
ศาสนาเราทุกวันนี้มีแต่ศาสนาขาดบาทขาดตาเต็ง ไม่ว่าท่านว่าเรานะ ศาสนาไม่ได้เต็มบทเต็มบาท ศาสนาขาดบาทขาดตาเต็งเวลานี้ มีแต่ภาคปริยัติ เรียนจำได้มากน้อยเพียงไรก็เอาน้ำลายมาโปะกัน ๆ ว่าข้าเรียนได้มากเท่านั้นเท่านี้ ได้แต่ความจำกิเลสไม่ได้ถลอกปอกเปิก ถ้าความจริงจับเข้าไปตรงไหนกิเลสเริ่มไหวตัวนะ จับเข้าไปมากเท่าไร ๆ กิเลสก็เริ่มร้อนละที่นี่ ร้อน ๆ แล้วไล่ขับออกได้หมดด้วยภาคปฏิบัติ ปฏิเวธธรรม ปฏิเวธคือความรู้ ฆ่ากิเลสได้มากน้อยเพียงไรก็รู้ไปโดยลำดับ จนกระทั่งกิเลสมุดมอดหมดไม่มีเหลือทำไมจะไม่รู้ ก็ปฏิบัติเพื่อรู้แท้ ๆ


ภาคปฏิบัติเท่านั้นจะตัดสินศาสนาพุทธได้นะ เพียงภาคปริยัติตัดไม่ได้ว่างี้เลย ยันได้เลย เพราะเรียนเราก็เรียนมาแล้ว โอ๋ย แบกความสงสัยไปหาพ่อแม่ครูจารย์มั่นเราไม่ลืมนะ เพราะความมุ่งมั่นที่จะหวังมรรคผลนิพพาน มุ่งมั่นเต็มหัวใจอยู่แล้ว แต่ยังสงสัย ฟังซิน่ะ ทั้ง ๆ ที่เรียนไปถึงนิพพานนะ แต่ยังสงสัยว่า เอ๊ สมัยนี้มรรคผลนิพพานจะยังมีอยู่อย่างสมบูรณ์เหมือนครั้งพุทธกาลหรือไม่นา นั่นเห็นไหม ขอให้ท่านผู้ใดมาชี้แจงให้เราทราบว่ามรรคผลนิพพานมีอยู่อย่างสมบูรณ์นี้แล้ว เราจะกราบมอบชีวิตจิตใจกับครูบาอาจารย์องค์นั้น แล้วเราจะปฏิบัติให้ถึงขีดถึงแดนให้ถึงมรรคผลนิพพานนั้น แบบเอาตายสู้เลย

พอไปถึงหลวงปู่มั่น ท่านก็ใส่เปรี้ยงเลยเทียว หือ ท่านเอาเลยนะ เพราะท่านเอาเรดาร์จับไว้แล้วนี่นะ หือ ท่านมาหาอะไร ท่านมาหามรรคผลนิพพานเหรอ อะไรเป็นมรรคผลนิพพาน ดินเป็นดิน น้ำเป็นน้ำ ลมเป็นลม ไฟเป็นไฟ ดินฟ้าอากาศแร่ธาตุต่าง ๆ ทั่วสามแดนโลกธาตุนี้ไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ไม่ใช่กิเลส ตัวกิเลสจริง ๆ ตัวมรรคผลนิพพานจริง ๆ อยู่ที่ใจ ให้ปฏิบัติใจ เอาละที่นี่ชี้เข้ามาหาใจ อยู่ที่นี่นะ มรรคผลนิพพานอยู่ที่นี่ ธรรมอยู่ที่นี่ ไม่อยู่ที่เหล่านั้น ให้ปฏิบัติใจให้เกิดความสงบร่มเย็นเข้าไปโดยลำดับนะ เอาใจเท่านั้นนะ
แต่นั้นก็มีข้อแม้อันหนึ่งว่า เออ นี่ท่านมหาก็เรียนมามากพอสมควรจนถึงขั้นเป็นมหา อย่าว่าผมตำหนิติเตียนธรรมพระพุทธเจ้านะ ธรรมที่ท่านเรียนมามากน้อยเวลานี้ยังไม่เกิดประโยชน์ ขอให้ท่านยกบูชาไว้ก่อน ให้ท่านเน้นหนักทางภาคปฏิบัติให้มาก เมื่อเวลาถึงขั้นปริยัติที่ท่านเรียนมากับปฏิบัติจะวิ่งเข้าหากันแล้วเอาไว้ ไม่อยู่ จะวิ่งประสานกัน เอาไว้ไม่อยู่ โอ๋ย มันเป็นจริง ๆ นะ พอถึงขั้นสติปัญญาเกรียงไกรแล้ว ปริยัติกับปฏิบัตินี้วิ่งใส่กันเลย เอาไว้ไม่อยู่เหมือนกันนะ มันหากเป็นของมันเอง ดีดใส่กันพับ เอาปริยัติมาอ้างมาอิง ทางภาคปฏิบัติเป็นอย่างนี้ ภาคปริยัติเป็นยังไง มันจะวิ่ง สงสัยตรงจุดไหน ๆ ปริยัติท่านว่ายังไง มันวิ่งเข้ามาใส่กันผึง ๆ เลย นี่พ่อแม่ครูจารย์ชี้ให้เห็น
จึงว่าเรียนมากเรียนน้อยไม่พ้นความสงสัยนะ ใครอย่าเข้าใจว่าใครเรียนมากเรียนน้อยนั้นจะเป็นหลักเป็นเกณฑ์นะ ไม่ได้เป็น ว่างี้เลย เราก็เรียนมาแล้วนี่ ไม่มีอะไรเป็นหลักเป็นเกณฑ์ ถ้าธรรมดาเรื่องที่ยึดที่เกาะนี้ผู้เรียนมากเรียนน้อยมันพอ ๆ กัน ดีไม่ดีผู้เรียนมากนี่ทิฐิมานะยิ่งสูงจรดฟ้า หนายิ่งกว่าคนไม่ได้เรียนเสียอีกถ้าไม่ได้ปฏิบัติ แต่ถ้าปฏิบัตินี้จะถอนตัวออกเรื่อย ๆ กระจายออก ๆ เรื่อย จนกระทั่งถึงว่าเด็ดเลยว่างั้นเถอะนะ ไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้า ธรรมอันใดที่ทรงสอนไว้แล้วสอนไว้แล้วโดยถูกต้อง พอเราเจอเข้าไปพับยอมรับทันที ๆ เพราะสิ่งเหล่านั้นสำเร็จรูปเรียบร้อยแล้ว กราบพระพุทธเจ้านะ แต่เรายังไม่เห็นก็เป็นปัญหาอยู่พอเราเจอเข้าจุดไหน ๆ เท่านั้น อ๋อ ๆ เรื่อย ๆ นั่นภาคปฏิบัติเป็นที่แน่ใจ ปริยัตินี่ไม่ได้ นอกจากเป็นหนอนแทะกระดาษ เขาก็เรียนเราก็เรียน เรียนไปเรียนมาเลยเอาความจำนั้นมาเป็นมรรคผลนิพพานเสีย ไม่ได้เอาความจริงเป็นมรรคผลนิพพานล่ะซี ศาสนาจึงขาดบาทขาดตาเต็งเวลานี้ ศาสนาไม่ได้เต็มบาทเต็มเต็งนะ ได้แต่ปริยัติมาโม้กันภาคปฏิบัติไม่เคยสนใจ ไม่ว่าฆราวาสไม่ว่าพระ ปฏิบัติให้มันรู้ตามนั้นซี นี่เรียกว่าเริ่มจะเต็มละนะ พอปฏิบัติเข้าไปปฏิเวธก็จะมาตาม ๆ กัน ก็เป็นศาสนาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าศาสนามีทั้งปริยัติมีทั้งปฏิบัติแล้วปฏิเวธไม่ต้องถาม มาด้วยกัน แล้วก็เต็มบาท อันนี้มีแต่ภาคปริยัติ เรียนจำได้เฉย ๆ กิเลสไม่ได้ถลอกปอกเปิกจากความเรียนนะ ต้องถลอกปอกเปิกหรือขาดสะบั้นไปจากการปฏิบัติต่างหาก
นิพพาน เป็นอัตตา - ลานธรรมเสวนา

 

การอบรมสมาธิเพื่ออภิญญา<o></o>​

๑. ผู้ที่มีอภิญญาได้นั้น ตามปกติต้องเป็นผู้ที่ได้ฌานและมีวสีภาวะจนสามารถเข้าฌานสมาบัติได้ทั้งรูปฌานและอรูปฌาน ครบถ้วนทั้ง ๙ ฌาน มีบ้างเป็นส่วนน้อยที่ได้เพียง รูปฌานสมาบัติ ๕ ก็มีอภิญญาได้ แต่ว่า ฌานลาภี ที่ได้ไม่ถึงรูปฌานทั้ง ๕ นั้น ยังไม่ปรากฏว่ามีอภิญญา<o></o>
๒. แม้แต่ ฌานลาภีบุคคลที่ได้ฌานสมาบัติทั้ง ๙ แล้ว จะมีอภิญญาโดยทั่วหน้าก็หาไม่ จะมีอภิญญาได้ก็ต่อเมื่อได้ฝึกฝนอบรมกันเป็นพิเศษอีกถึง ๑๔ นัยก่อน ดังต่อไปนี้ <o>

</o>(๑) กสิณานุโลมโต เข้าฌานตามลำดับกสิณ ชั้นแรกเข้าฌานใดฌานหนึ่งด้วยปฐวีกสิณ ออกแล้วเข้าฌานนั้นด้วยอาโปกสิณ แล้วเตโช วาโย ต่อ ๆ ไปตามลำดับ จนกระทั่งถึงโอทาตกสิณ ฝึกอย่างนี้ตั้ง ๑๐๐ ครั้ง ๑๐๐๐ ครั้ง จนกว่าจะเป็น วสี (ดิน น้ำ ไฟ ลม สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว)

(๒) กสิณปฏิโลมโต เข้าฌานย้อนกสิณ เริ่มต้นเข้าฌานใดฌานหนึ่งด้วย โอทาตกสิณ ออกแล้ว ย้อนมาเข้าด้วยโลหิตกสิณ ย้อนมาปีตกสิณ ย้อนมานีลกสิณ ย้อนมาต้นเรื่อยไปจนถึงปฐวีกสิณ ฝึกจนให้ชำนิชำนาญเป็นอย่างดียิ่ง<o>

</o> (๓) กสิณานุโลมปฏิโลมโต เข้าฌานใดฌานหนึ่งตามลำดับกสิณและย้อนกสิณ คือ ทำอย่าง (๑) หนึ่งเที่ยว แล้วทำอย่าง (๒) หนึ่งเที่ยว แล้วทำ (๑), (๒), (๑), (๒), สลับกันเช่นนี้ไปจนกว่าจะเป็นวสี<o>

</o> (๔) ฌานานุโลมโต เข้าตามลำดับฌาน โดยเริ่มแต่ปฐมฌาน แล้วทุติยฌาน ตติยฌาน เรื่อยไปจนถึงเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ฝึกอย่างนี้จนเป็นวสี<o></o>

(๕) ฌานปฏิโลมโต เข้าย้อนลำดับของฌาน ตั้งต้นที่เนวสัญญานาสัญญายตนฌานแล้วย้อนทวนมา อากิญจัญญายตนฌาน วิญญาณัญจายตนฌาน ทวนมาถึงต้นจนถึง ปฐมฌาน จนกว่าจะเป็นวสี<o>

</o>

(๖) ฌานานุโลมปฏิโลมโต เข้าตามลำดับฌาน และย้อนลำดับฌาน คือ ทำอย่าง (๔) หนึ่งเที่ยว จบแล้วทำอย่าง (๕) หนึ่งเที่ยว แล้วทำ (๔), (๕), (๔), (๕), อย่างละเที่ยวสลับกันไป จนกว่าจะเป็นวสี

 

(๗)ฌานุกฺกนฺติกโต เข้าฌานโดยข้ามลำดับของฌาน คือ<o></o>
เข้าปฐมฌาน โดยเพ่งปฐวีกสิณ<o></o>
ข้ามทุติยฌานไปเข้า ตติยฌาน โดยเพ่งปฐวีกสิณ<o></o>
ข้ามจตุตถฌานไปเข้า ปัญจมฌาน โดยเพ่งปฐวีกสิณ<o></o>
ข้ามอากาสานัญจายตนฌานไปเข้า วิญญาณัญจายตนฌาน โดยเพ่ง วิญฺญาณํ อนนฺตํ<o></o>
ข้ามอากิญจัญญายตนฌานไปเข้า เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน โดยเพ่ง เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ<o></o>
ต้องฝึกอบรมอย่างนี้จนกว่าจะเป็นวสี<o></o>
(๘)กสิณุกฺกนฺติกโต เข้าฌานโดยข้ามลำดับกสิณ คือ<o></o>
เพ่งปฐวีกสิณ เข้าปฐมฌาน<o></o>
ข้ามอาโปกสิณ เลยไปเพ่งเตโชกสิณ เข้าปฐมฌาน<o></o>
ข้ามวาโยกสิณ เลยไปเพ่ง นีลกสิณเข้าปฐมฌาน<o></o>
ข้ามปีตกสิณ เลยไปเพ่ง โลหิตกสิณเข้าปฐมฌาน<o></o>
ฝึกอย่างนี้จนเป็นวสี<o></o>
<o></o>๙) ฌานกสิณุกฺกนฺติกโต ข้ามทั้งกสิณและข้ามทั้งฌานด้วย คือ<o></o>
เพ่ง ปฐวีกสิณเข้า ปฐมฌาน<o></o>
เพ่ง เตโชกสิณ เข้า ตติยฌาน<o></o>
เพ่ง นีลกสิณ เข้า ปัญจมฌาน<o></o>
เพ่ง วิญฺญาณํ อนฺนตํ เข้า วิญญาณัญจายตนฌาน<o></o>
เพ่ง เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ เข้า เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน <o></o>
อบรมจนเป็นวสี