ตามรอย "พระมหาชนก"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 15 กรกฎาคม 2010.

  1. klu

    klu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,320
    สาธุอย่างแรง ถ้าเอาแค่ความสามัคคียังพอมีลุ้นอยู่
     
  2. kittapass

    kittapass เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +257
    [​IMG]
    รูปนี้ มีคำว่า "มช" อยู่ที่เรือ และหัวเรือหันตรงไปทางเมืองเชียงใหม่ ท่านทรงจะบอกให้เราไปเชียงใหม่หรือเปล่านะ
     
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เท่าๆ ที่แปลๆ กันก่อนหน้านี้ น่าจะหมายถึง ปูทะเลมหาวิชชาลัย จ้า:cool:
    แต่ก็ลองๆ ตีความกันอีกก็ได้ว่าอะไร
     
  4. indyplus

    indyplus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2006
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +649
    [​IMG]

    มช = มหาชนก

    มหาชนกลงเรือเพื่อเดินทางไปค้าขายยังสุวรรณภูมิ

    ข้อมูลเพิ่มเติม

    http://www.moe.go.th/main2/article/p-maha.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2012
  5. ZincOxide

    ZincOxide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +1,703
    คาดว่า ... เส้นตรงสามเส้น หรือ อาจจะมองว่า"เสา"นั้นเป็นสัญลักษณ์ของคำว่า "ค้ำจุน" มากกว่าครับ

    ถ้ามองจากรูปร่างประเทศไทย ส่วนบนพร้อมที่จะโค่นลงทุกเมื่อ เสาจึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของเสาค้ำประเทศเอาไว้ ไม่ให้พังโค่นลงมา

    ส่วนจำนวนเสานั้น หากใช้เส้นเดียวจะตรงกับเส้นตาราง จึงมีถึงสามเส้นเพื่อทำให้สัญลักษณ์ชัดขึ้น เพราะสิ่งที่เป็นหัวใจหลักจริงๆน่าจะเป็นคำว่า "สามัคคี"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2012
  6. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ??

    :cool:
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    กทม.น้อมนำพระราชดำรัส “ในหลวง” สร้างกรุงเทพฯให้เป็นเมืองสวรรค์ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td height="40"> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">24 เมษายน 2555 12:56 น.</td> <td align="left" valign="middle">

    Share16

    </td><td>
    </td></tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td>
    </td> </tr> </tbody></table><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="462"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="462"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ผู้ว่าฯ กทม.น้อมนำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางบริหาร และสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสวรรค์ ทั้งด้านเมืองแห่งความปลอดภัย เมืองน่าอยู่ และเมืองแห่งคุณภาพชีวิต


    วันนี้ (24 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ณ ห้องจูปิเตอร์ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวปาฐกถา หัวข้อ “กรุงเทพ ฯ เมืองสวรรค์” ในงานสถาปนิก‘55 โดย มีสาระสำคัญเพื่อน้อมนำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการกรุงเทพฯ ให้เป็นมหานครแห่งความสุข และเป็นการรวมพลัง 34 หน่วยงานในการรังสรรค์กรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสวรรค์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 85 พรรษา 5 ธันวาคม 2555

    ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กรุงเทพ มหานครได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัส “กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานไว้เมื่อปี พ.ศ.2537 มาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการเมือง และพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองหลวงที่มีความพร้อมในทุกด้าน เช่น ด้านเมืองแห่งความปลอดภัย กรุงเทพมหานคร มีการติดตั้งกล้อง CCTV ร่วมกับเครือข่ายเอกชน 200,000 ตัวทั่วกรุงเทพฯ เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม นอกจากนี้ ยังมีการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เพื่อตรวจสอบอาคารให้อยู่ในสภาพดีสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้น ด้านเมืองน่าอยู่ กรุงเทพ มหานครได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เพียงพออย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมปรับปรุงคุณภาพและบริการของระบบขนส่งสาธารณะเพื่ออำนวยความสะดวก ปลอดภัย แก่ผู้โดยสารทั้งในระบบหลักและระบบรอง และด้านเมืองแห่งคุณภาพชีวิต กรุงเทพ มหานครจัดให้มีบริการสาธารณสุขของรัฐ ที่มีมาตรฐานเพียงพอและทั่วถึง นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ให้ใช้จักรยาน เพื่อลดการใช้พลังงานและสร้างเสริมสุขภาพ รวมไปถึงการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่สาธารณะต่างๆ ให้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยได้บูรณาการความร่วมมือกับ 34 หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อรวมพลังกันสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสวรรค์

    อนึ่ง การจัดเสวนาในครั้งนี้จึงเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมให้กับประชาชน ทุกภาคส่วนด้วยมุ่งหวังให้คนกรุงเทพฯ มีความรู้พื้นฐาน และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการสรรสร้างกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองสวรรค์ตามพระราช ปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นเมืองหลวงที่น่าอยู่สำหรับทุกคน
     
  8. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    ช่วง ๒ เหตุการณ์ ๒ จะเป็นภาพหน้า ๑๘ ๑๙ “ศึกช้างชนช้าง
    บ้านเมืองลุกเป็นไฟ เป็นสงครามครั้งสุดท้าย ทั้ง ๓ก๊กคือ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ก๊กแรกคือ ก๊กที่เอาสถาบัน จะเป็นสีใบเตย<o:p></o:p>
    ก๊กสองคือ ก๊กที่ไม่เอาสถาบัน จะเป็นสีสตอเบอรี่<o:p></o:p>
    ก๊กสามคือ ก๊กที่เอาสถาบัน จะเป็นสีดอกอัญชัน<o:p></o:p>
    แต่มีอยู่ก๊กหนึ่งในสามก๊กที่สาม ไม่มีผู้นำบนหลังช้าง คาดว่าถ้าไม่ตายในสนามรบก็หนีออกนอกประเทศ หรือถูกจับไปเป็นเฉลย ขณะที่ก๊กแรกรบกับก๊กสอง ด้วยอาวุธโบราณต่างๆ เช่นดาบ หอกและอื่นๆ ขณะเดียวกันก็ได้มีมือที่สามเข้ามาช่วยก๊กที่สองร่วมรบ มาด้วยอาวุธหลายชนิดที่ทันสมัยกว่ามากและมีประสิทธิภาพการทำลายล้างสูงเช่น รถถัง มือที่สามก็คือพวกฝรั่งหัวแดงที่มีผลประโยชน์ร่วมกับก๊กที่สอง ดังภาพที่ติดบนผนังกำแพงเมือง สิ่งนี้เป็นเหตุให้ต่างชาติเข้ามารุกรานคนไทย(จุดนี้ผมจะอธิบายผลที่ได้ในอนาคต) ก๊กที่สองสร้างสถานการณ์เปิดทางให้ต่างชาติเข้ามารุกรานโดยมุ่งหน้าเข้ามาที่เมืองหลวง ต่างชาติที่เป็นตัวแทนของมหาอำนาจมาทางทิศตะวันออกหรือเพื่อนบ้านเราก็พอจะพูดได้
    <o:p>การศึกครั้งนี้ท่านทั้งหลายก็พอที่จะรู้เท่าทันแล้วนะครับว่าใครจะอยู่ใครจะไป ผู้ชนะเท่านั้นที่มีอำนาจคุมเงื่อนไขและคุมสร้างสถานการณ์ที่เป็นเหตุและเป็นผล ที่เป็นประโยชน์กับก๊กของตัวเองมากที่สุด เมื่อมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดย่อมทำได้ทุกอย่าง เมื่อนั้นเราจะเห็น “กฎของกู” ดังนั้นผลที่ได้ก็จะไปตรงกับที่ผมแจ้งมาข้างต้นว่า “รัฐ…ชุดนี้อยู่ยาว”
    <o:p>นี้เป็นจุดเริ่มต้นของต่างชาติที่จะลุกล้ำอธิปไตยประเทศ “ระวังเพื่อนบ้านเราทุกทิศทุกทางทุกๆด้าน เมื่อใดที่คนไทยแตกความสามัคคีกันเมื่อนั้นต่างชาติจะได้ช่อง…” ผลของมันทุกๆท่านก็พอจะทราบ หรือสถานการณ์เป็นไปตามบทกลอนนี้
    <o:p>“ถ้วนทุกทั่วจะหมุดขุดรูหนี ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน”<o:p></o:p>
    </o:p>
    </o:p>
    </o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    เมื่อเกิดศึกช้างชนช้างและมีแนวโน้มว่าใครจะชนะ ในขณะนั้น
    ก็เกิดโกลาหลกันทั่วกรุง ส่วนพระเทวี… ก็รีบเก็บของสำคัญมีทองเป็นต้นใส่ในกระเช้า เอาผ้าเก่าๆปูปิดไว้ แล้วใส่ข้าวสารข้างบน ทรงปลอมพระองค์ด้วยภูษาเก่า เศร้าหมอง วางกระเช้าบนพระเศียร แล้วรีบเสด็จออกจากพระนคร แม้เป็นกลางวันแสกๆ แต่ไม่มีใครจำพระนางได้ พระนางเสด็จออกทางประตูทิศอุดร แต่ไม่ทรงทราบว่าควรจะมุ่งไปทางใด เพราะไม่เคยเสด็จที่ไหนเลย จึงเสด็จที่ศาลาแห่งหนึ่งและสอบถามว่า มีคนเดินทางไปนครจำปากะบ้างไหม เพราะทรงทราบว่ามีนครชื่อนี้
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p>ครับผมขอเสริมว่า คนที่มีหน้าที่เกื้อกูลเกื้อหนุนกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเท่านั้นจะมุ่งไปทางทิศนี้หรือไปตามสายพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่มีบุญร่มโพธิ์ร่วมกันมาจะพากันไปให้ถึงนครจำปากะ ขอให้ทุกท่านจงตั้งจิตอธิฐานเถิด…<o:p></o:p>
    </o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    ท้าวสักกเทวราชทรงพิจารณาเหตุการณ์ จึงเนรมิตเกวียนมีประทุนเป็นเครื่องปกปิด จัดตั้งเตียงไว้ในเกวียนนั้น เนรมิตตนเหมือนคนแก่แล้วขับเกวียนไปหยุดที่ประตูศาลาที่พระเทวีประทับอยู่
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p>พระเทวราชสอบถาม : “มีผู้ที่จะไปนครจัมปากะบ้างไหม” พระเทวีได้สดับดังนั้น จึงตรัสว่า : “ข้าแต่พ่อ ข้าพเจ้าจักไป” ท้าวสักกะตรัสว่า : “ถ้าเช่นนั้นแม่จงขึ้นนั่งบนเกวียนเถิด” พระเทวีออกมาตรัสว่า : “ข้าแด่พ่อข้าพเจ้ามีครรภ์แก่ ไม่อาจขึ้นเกวียนได้ จักขอเดินตามพ่อไปเท่านั้น แต่พ่อช่วยรับกระเช้าของข้าพเจ้านี้ขึ้นเกวียนไปด้วย” …
    <o:p>พระเทวีเสด็จขึ้นบรรทมบนพระที่สิริไสยาสน์ ทรงทราบว่า นี้จักเป็นเทวดา พระนางได้หยั่งลงสู่นิทรา เพราะได้บรรทมบนพระที่อันเป็นทิพย์
    <o:p>ครั้งนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงขับเกวียนถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง ไกลราวสามสิบโยชน์ (๑๔๔ กิโลเมตร) จึงปลุกพระเทวีแล้วตรัสว่า : “แม่จงลงจากเกวียนนี้ อาบน้ำในแม่น้ำ จงนุ่งห่มผ้าคู่หนึ่ง ที่วางอยู่เหนือศรีษะนั้น จงหยิบของกินที่มีอยู่ในเกวียนนั้นมากินเถิด” พระเทวีทรงทำตามอย่างนั้น แล้วบรรทมต่อไปอีก ก็ลุถึงนครจัมปากะในตอนเย็น
    <o:p>ผมขอเสริมว่า ท่านทั้งหลายขออย่าได้วิตกเลย ผู้ใดพิจารณาเห็นผู้นั้นเชื่อได้ว่ามีปัญญาธรรม<o:p></o:p>
    </o:p>
    </o:p>
    </o:p>
    </o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    ข้อความเดิม…<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ภัยพิบัติที่ร้ายแรงระยะที่ ๑ คือ ๒๕๕๕, ๒๕๕๖, ๒๕๕๗ แต่ได้ถูกเลื่อนออกไปอีก ๑ ปีคือ ๒๕๕๘ ดังนั้นเรามีเวลาเตรียมตัวได้อีก ๑ปีคือปีนี้ ๒๕๕๕ ดังนั้นให้เข้าใจตรงกันก่อนนะครับว่า เฉพาะภัยพิบัติร้ายแรงระยะที่ ๑ เท่านั้น กรุณาอย่าหลงทางนะครับ ระยะเวลาที่ผมได้กล่าวนี้นั้น เลื่อนไม่ได้อีกแล้วนะครับ ในทางปฏิบัติ พ่อฯ… ได้ยืดหยุ่นให้คนบุญ
    <o:p>ภัยพิบัติร้ายแรงระยะที่ ๑ หน้า๕๓ เรื่อณไปเป็นหน้า๕๔
    <o:p>พระกุมารทูลว่า : “ข้าแต่พระมารดา ขอพระมารดาทรงประทานทรัพย์นั้นกึ่งหนึ่งแก่หม่อมฉัน จะไปเมืองสุวรรณภูมิ นำทรัพย์เป็นอันมากมา แล้วเอาราชสมบัติซึ่งเป็นของพระบิดา” ทูลดังนี้แล้ว ให้พระมารดาประทานทรัพย์กึ่งหนึ่ง จำหน่ายออกเป็นสินค้าแล้วให้ขนขึ้นเรือพร้อมกับพวกพาณิชที่จะเดินทางไปสุวรรณภูมิ แล้วกลับมาถวายบังคมลา ทูลว่า : “ข้าแต่พระมารดา หม่อมฉันจักไปเมืองสุวรรณภูมิ”</o:p>
    <o:p>พระนางตรัสห้ามว่า : “ลูกรัก ชื่อว่ามหาสมุทร สำเร็จประโยชน์น้อย มีอันตรายมาก อย่าไปเลย ทรัพย์ของพ่อมีมากพอประโยชน์ เอาราชสมบัติแล้ว” พระกุมารทูลว่า : “หม่อมฉันจะไปแท้จริง” ทูลลาพระมารดาถวายบังคมกระทำประทักษิณ แล้วออกไปขึ้นเรือ ในวันนั้นได้เกิดพระโรคขึ้นในพระสรีระของพระโปลชนกราช บรรทมแล้วเสด็จลุกขึ้นอีกไม่ได้<o:p></o:p>
    </o:p>
    </o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    ข้อความเดิม…<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ภัยพิบัติที่ร้ายแรงระยะที่ ๑ คือ ๒๕๕๕, ๒๕๕๖, ๒๕๕๗ แต่ได้ถูกเลื่อนออกไปอีก ๑ ปีคือ ๒๕๕๘ ดังนั้นเรามีเวลาเตรียมตัวได้อีก ๑ปีคือปีนี้ ๒๕๕๕ ดังนั้นให้เข้าใจตรงกันก่อนนะครับว่า เฉพาะภัยพิบัติร้ายแรงระยะที่ ๑ เท่านั้น กรุณาอย่าหลงทางนะครับ ระยะเวลาที่ผมได้กล่าวนี้นั้น เลื่อนไม่ได้อีกแล้วนะครับ ในทางปฏิบัติ พ่อฯ… ได้ยืดหยุ่นให้คนบุญ
    <o:p>ภัยพิบัติร้ายแรงระยะที่ ๑ หน้า๕๔ เรื่อณไปเป็นหน้า๕๕<o:p></o:p>
    ภาพพยากรณ์ สำหรับออกเดินทาง จากเมืองจัมปา ในวันที่ ๒๐ เมษายน ไปสุวรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
    <o:p>เส้นลูกศรยาวๆคือ กระแสของความเปลี่ยนแปลงของธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลมไฟ ทำให้เห็นทิศทางการเคลื่อนที่ของภัยพิบัติต่างๆ ดินเคลื่อนยังไง น้ำเคลื่อนยังไง ลมเคลื่อนยังไง ไฟเคลื่อนยังไง ในสภาพสถานการณ์ของความเป็นจริงมันเคลื่อนน่ากลัวนะครับ ขอให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายพิจารณาตามให้ทันนะครับเพราะมันเกี่ยวเนื่องกับระเบิดสี่ลูก ส.ค.ส. พ.ศ. ๒๕๔๗ ที่บทความเดิมของผมไม่ได้อธิบายไว้ เกรงว่าจะลัดขั้นตอน เพราะมีเหตุเชื่อมถึงกัน <o:p></o:p>
    </o:p>
    ครับสำหรับท่านที่ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพิจารณาขอให้ย้อนกลับไปหาข้อความเดิมๆของผมที่พิจารณาแจ้งไปให้นะครับ เพราะถ้าฐานไม่แน่นแล้วเวลาผมพิจารณาลึกๆแล้วเกรงว่าจะตามไม่ทัน เนื่องจากว่าทุกอย่างมันมีเหตุมีผลมีจังหวะที่ผมจะต้องหยุด มีจังหวะที่ผมจะต้องแจ้งเตือน ทุกอย่างสอดคล้องกันหมดหรือเชื่อมโยงกันหมด ผลที่ได้รับคือท่านทั้งหลายได้รับผลกระทบแน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เวลานี้ผมได้พิจารณามาได้ครึ่งทางแล้วเหลืออีกครึ่งทางผมจะเร่งให้จบเล่มไวๆนะครับเพื่อจะได้เตรียมตัวกัน
    <o:p></o:p>
    </o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    Phuket ก็คือ Kalachampaka ดังนั้น Kalachampaka ก็คือ Phuket รู้ได้โดยจุดไข่ปลาที่ลากจุดไปเชื่อมถึงกัน ในหลวงท่านทรงบอกว่า เมื่อแผ่นดินไหวที่ Phuket ช่วงสงกรานต์ ๒๕๕๕ หรือ Mekhela 20 Apr มีสัญญาณบอกว่านี่คือจุดเริ่มต้นของ ภัยพิบัติร้ายแรงระยะที่ ๑ หรือคือจุดที่พระมหาชนก ออกเรือจาก นครจัมปากะไปสุวรรณภูมินั่นเองตามกระแสของความเปลี่ยนแปลงของธาตุทั้งสี่
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p>ชื่อต่างๆที่อยู่บนแผนที่คือ จุดที่จะต้องโดนภัยพิบัติต่างๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น Srivijaya, Nicobar, Phuket, Dharnarajanagara, Lanka, Andaman, Davamahanagara, SUVAFNABHUMI, Yang on, Varanasi, Kalachampaka, Mithila, Sumeru, Kailas
    <o:p>กระแสของความเปลี่ยนแปลงของธาตุทั้งสี่ที่เห็นมีอยู่สองทิศที่อันตรายที่สุด บางกระแสมาแล้วตาย บางกระแสมาแล้วไม่ตายแต่มันมามันก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไปในทางที่วิบัติ…ดังนั้นเมื่อเราพิจารณากระแสของความเปลี่ยนแปลงของธาตุทั้งสี่ที่มาทางทิศใต้ช่วง 95-110 บวกกับกระแสของความเปลี่ยนแปลงของธาตุทั้งสี่ที่มาทางทิศตะวันตก-อันดามันคือช่วง 2-5 ซึ่งกระแสของความเปลี่ยนแปลงของธาตุทั้งสี่นี้มันพาดผ่านภาคใต้ของไทยคือ Phuket ลงไป แถวๆSrivijaya จังหวัดที่ต้องระวังคือ ภูเก็ต พังงา สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ตรัง พัทลุง สตูล สงขา ปัตตานี ยะลา และนราธิราช แล้ว ”หัวภัยพิบัติ”ไปรวมตัวกันที่แถวๆ Banguran Timur(ถ้าดูจากแผนที่กูเกิ้ล) และบางส่วนก็เคลื่อนผ่านเข้ากัมพูชาแล้วไปทางทิศเหนือ<o:p></o:p>
    </o:p>
    </o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    กระแสของความเปลี่ยนแปลงของธาตุทั้งสี่ที่มาทางทิศตะวันตก-อันดามันคือช่วง 5-16 ซึ่งพาดผ่านหลายจังหวัดตั้งแต่ภาคใต้ ภูเก็ต ขึ้นผ่านอ่าวไทย ภาคกลาง ต่อขึ้นเหนือของประเทศไทยตามภาพครับ ดังนั้นจุดที่อันตรายมีอยู่ 2 จุดคือ
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p>จุดแรก กระแสของความเปลี่ยนแปลงของธาตุทั้งสี่ที่มาทางทิศตะวันตก-อันดามันคือช่วง 12-14
    <o:p>จุดสอง กระแสของความเปลี่ยนแปลงของธาตุทั้งสี่ที่มาทางทิศตะวันตก-อันดามันคือช่วง 14-16
    <o:p>สัญญาลักษณ์ปูก็หมายถึง คน บางภาพก็มองเห็นว่าเป็นปู บางภาพก็มองเห็นเป็นรูปหน้าคน แต่เป็นหน้าคนที่ไม่มีสมอง หมายถึงคนตาย มีคนตาย ถ้าพาดผ่านจุกนี้มีคนตายแน่นอน ตายมาก แค่หน้าคนไม่มีสมองคนเดียวทำไมถึงคิดว่าตายมาก(ผมจะอธิบายเหตุการณ์คราหน้า) ให้ระวัง
    <o:p>สัญญาลักษณ์ที่เป็นรูปกากบาท(X) หมายถึง วันอุโบสก มีความหมายดังนี้ น. วันขึ้น ๑๕ คํ่า และวันแรม ๑๕ คํ่า ถ้าเป็นเดือนขาดก็แรม ๑๔ คํ่า เป็นวันที่พระลงอุโบสถฟังพระปาติโมกข์และเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนถืออุโบสถศีลคือ ศีล ๘. ข้อมูลดีๆจาก พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
    <o:p></o:p>
    </o:p>
    </o:p>
    </o:p>
    </o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    สรุป <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    1.ในปี ๒๕๕๕ ตั้งแต่ < Mekhala 20 Apr> จนถึงสิ้นปี ๒๕๕๕นี้เราจะต้องเฝ้าระวังกระแสของความเปลี่ยนแปลงของธาตุทั้งสี่ว่ามันจะเกิดช่วงเวลาไหน วันไหน เวลาไหน แล้วใครมีหน้าที่ๆจะต้องเฝ้าระวังและแจ้งเหตุกับคนไทย…<o:p></o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    2.ในหลวงท่านทรงออกมายืนยันสิ่งที่ท่านบอกกับคนไทยในเรื่องพระมหาชนกในวันนี้อีกครั้งหนึ่ง คือ < Mekhala 20 Apr> คือจุดเริ่มต้นของกระแสของความเปลี่ยนแปลงของธาตุทั้งสี่ ตามที่ผมได้พิจารณาแจ้งไปตั้งแต่ต้น
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p>ในหลวง พระราชินี เสด็จทอดพระเนตรวัดพระแก้ว วันศุกร์ ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555 <o:p></o:p>
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทอดพระเนตรจิตรกรรมฝาผนัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง
    วันที่ 20 เมษายน 2555 เวลา 17.19 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ทอดพระเนตรภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นงานจิตรกรรมอันทรงคุณค่าทางศิลปะอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่ได้รับความสนใจทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินมี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ญาติผู้ป่วย และประชาชน จำนวนมากไปรอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ พร้อมเปล่งเสียงถวายพระพรทรงพระเจริญด้วยความปลื้มปิติที่ได้ชื่นชมพระบารมี และต่างเห็นว่า ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง
    ต่อมา เวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง ทอดพระเนตรภาพจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องรามเกียรติ์ โดยรอบพระระเบียงพระอุโบสถ ปกติภาพจิตรกรรมฝาผนังของไทยส่วนมากมักจะเป็นภาพพุทธประวัติหรือทศชาติชาดก
    สำหรับ ภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ วัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งนี้ เป็นเรื่องราวที่มีเค้าโครงมาจากรามายณะของอินเดีย เขียนครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และสมเด็จกรมพระราชวังบวร มหาสุรสิงหนาถ ที่ทั้งสองพระองค์ทรงทำศึกสงครามครั้งใหญ่ๆ ที่ทรงเอาชนะด้วยพระปรีชาสามารถ และความกล้าหาญ เช่น สงครามเก้าทัพที่ทุ่งลาดหญ้า รวมทั้งเมื่อเริ่มสถาปนากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นราชธานี
    ต่อมาใน สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่
    5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ทำการบูรณะเนื่องจากภาพบางส่วนเริ่มชำรุด และทำการบูรณะใหญ่อีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และเพื่อเป็นการรักษางานจิตรกรรมฝาผนังไม่ให้สูญหาย กรมศิลปากรจึงได้ทำการซ่อมครั้งใหญ่อีกครั้งเมื่อปี 2514 ตามหลักวิชาการสมัยใหม่ เพื่อให้ภาพจิตรกรรมคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ และเป็นเอกลักษณ์ของภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบเก่าของไทยไว้ดังเดิม
    ในปี 2523 ก่อนจะมีการสมโภชพระนครครบ 200 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการบูรณะปฎิสังขรวัดพระศรีรัตนศาสดา ราม และพระบรมมหาราชวัง โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นแม่กองอำนวยการในโครงการบูรณะปฏิสังขร เพื่อให้มีความสวยงาม แข็งแรง และอนุรักษ์แบบแผนประเพณีไทยไว้ให้เป็นมรดกของชาติ ทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์แรกแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ที่ทรงรับพระราชกิจอันยิ่งใหญ่นี้



    สำหรับ ภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ได้เขียนเรียงร้อยตั้งแต่ต้นจนจบต่อกัน ตลอดฝาผนังทั้ง 4 ทิศ จำนวน 178 ห้อง แต่ละห้องจะมีโคลงสี่สุภาพจารึกบนแผ่นศิลาอธิบายภาพประกอบ มีโคลง 4,984 บท นับว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ยาวที่สุดในโลก

    นอกจาก นี้ยังมีโคลงที่เล่าเรื่องเป็นคำกลอนที่เสาแต่ละต้น รวมทั้งมีภาพจิตรกรรมซึ่งเป็นเกร็ดแทรกของเรื่อง เช่น ภาพนารายณ์อวตาร กำเนิดพาลี นอกจากนี้ยังมีภาพยักษ์ เช่น กุมภกรรณ ทศคีริวัน ทศคิรีธร ที่ประตูทางเข้าทั้ง 7 ประตูด้วย
    จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชา พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาไลย พร้อมกับทอดพระเนตรภายในพระอุโบสถ ซึ่งประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตั้งแต่เพดานถึงพื้นกลางห้อง นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองปางสมาธิ แกะสลักด้วยหยกมณีสีเขียวเนื้อเดียวกันทั้งองค์ หน้าตักกว้าง 48.3 เซนติเมตร สูงตั้งแต่ฐานถึงยอดพระเศียร 66 เซนติเมตร และมีพระพุทธรูปที่สำคัญอีกจำนวนมาก<o:p></o:p>








    </o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    3.ในหลวงท่านทรงออกมาชี้ให้เห็นว่า จะมีละครโรงใหญ่เกิดขึ้นจริง หรือสงครามครั้งสุดท้ายในปีนี้แน่นอน ตามที่ผมได้พิจารณาแจ้งท่านทั้งหลายไป<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. แก้มแดง

    แก้มแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +794
    4.แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นที่ภูเก็ต ก็คือ Kalachampaka ในเรื่องพระมหาชนก หลายๆเหตุผลที่ผมได้พิจารณาแจ้งไปล้วนเชื่อมโยงถึงกันหมด พ่อยังคงทำหน้าที่ของพ่อที่รักลูกๆเสมอแม้ว่าพ่อจะป่วย ลูกๆไม่ลงรอยกัน พ่อก็ยังห่วงและรักเสมอ พ่อก็ยังต้องทำงานเพื่อออกมาเตือนจะมีใครรู้และเห็นสิ่งที่พ่อเตือนสักกี่คน…แล้วพวกท่านละมีความเห็นเป็นเช่นไร…<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    สาธุค่ะ
    เอาภาพมาประกอบอีกที

    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
     
  20. kittapass

    kittapass เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +257
    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...