ตามรอย "พระมหาชนก"

บทเพลงนี้น่าจะมีแรงบันดาลใจมาจาก พระราชนิพนธ์ เรื่อง พระมหาชนก
(จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายครั้งแรก เดือนมิถุนายน 2539)

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=gCwSsmPJ1j0"]ขอบฟ้า ขอบฝั่ง ความหวัง แผ่นดิน - YouTube[/ame]

เพลง : ขอบฟ้า ขอบฝั่ง ความหวัง แผ่นดิน
ศิลปิน : Mr.Team
อัลบั้ม : Money Money (2542)

*** ผมชอบดนตรีบรรเลงช่วงแรกมีเสียงคลื่นทะเลแทรกเข้ามา รู้สึกได้เลยว่า ทะเลมหาสมุทร อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวขนาดไหนช่างกัดกร่อนบั่นทอนกำลังใจเสียจริงๆ***

 

555 นึกว่าคุณ Falkman ยังหนุ่มๆ อยู่ซะอีก 555Ruk na jub jub

 

คุณ Falkman เพิ่งจะ สิบเอ็ดขวบ

 

ส.ค.ส.พระราชทาน ปีใหม่ พ.ศ. 2542 ครบรอบ 12 ปี
สงสัยภาพปู

 

กฎของกรรมของพระมหาชนก

เพลง : ขอบฟ้า ขอบฝั่ง ความหวัง แผ่นดิน
ศิลปิน : Mr.Team
อัลบั้ม : Money Money (2542)​

ฉัน รอนแรม มา ไกล ในทะเล ด้วย เรือ น้อย ลอย ไป ไม่รู้ทาง​

ตรง ขอบฟ้า มอง ไป ยังไม่เห็นขอบฝั่ง ต้องเดินทาง ไปอีก สักเท่าไร.<O></O>​

ฉัน ไม่หวั่น เมื่อ มี พายุ มากีด ขวาง

เรือจะอับปาง แต่ ฉันยังอยู่ ก็ต้อง สู้ มันไป.<O></O>​

มี ความตั้งใจ จุดหมายคือ แผ่น ดิน เหลือสองมือเปล่า

ปลายทาง ยังแสนไกล มี ความอดทน เท่านั้น<O></O>​

สักวันหนึ่ง ต้อง ถึง แดนไกล ฉัน ลอยคอ เดียว ดาย ในทะเล

ว่าย ตาม น้ำ ตาม ไป ไม่รู้ทาง ตรงขอบฟ้า มอง ไป ยังไม่เห็นขอบฝั่ง

ต้องเดินทาง ไปอีก สักเท่าไร.<O></O>​

ฉัน ไม่หวั่น มีคลื่นลมแรง โถมกระหน่ำมา

แขนฉันอ่อนล้า ใจ ฉัน ก็ยังสั่ง ให้ สู้ มันไป. มี ความตั้งใจ

จุดหมายคือ แผ่น ดิน เหลือสองมือเปล่า
ปลายทาง ยังแสนไกล มี ความอดทน เท่านั้น<O></O>​

สักวันหนึ่ง ต้อง ถึง แดนไกล ฉัน ลอยคอ เดียว ดาย ในทะเล

ว่าย ตาม น้ำ ตาม ไป ไม่รู้ทาง ตรงขอบฟ้า มอง ไป

ยังไม่เห็นขอบฝั่ง ต้องเดินทาง ไปอีก สักเท่าไร.<O></O>​

ฉัน ไม่หวั่น บอกกับตัวเอง ไม่ยอมแพ้

จะเหนื่อยสักเพียงใด ต้อง ทนไหว

และจะไม่มี อะไร ที่ยาก เกินไป.<O></O>​

.ฉัน ลอยคอ เดียว ดาย ในทะเล ว่าย ตาม น้ำ ตาม ไป ไม่รู้ทาง

ตรงขอบฟ้า มอง ไป ยังไม่เห็น ขอบ ฝั่ง ต้องเดินทาง ไปอีก สักเท่าไร.​

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1860507/[/MUSIC]​

 

ภาพยนตร์ทวิภพ เรื่องนี้ตอนฉายในโรงใหม่ๆ ได้รับคำวิจารณ์ว่า ไม่ตรงกับบทประพันธ์ของคุณทมยัมตี แต่ขณะเดียวกันคุณทมยัมตีกลับชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างมาก หรือนี่คือสิ่งที่ผู้ประพันธ์ต้องการสื่อสารบอกกับนักอ่านชาวไทย
ผมได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อน บทภาพยนตร์หลายบรรทัดที่สื่อสารผ่านตัวละครมันแทงใจหลายประโยค
สะท้อนถึงสถานการณ์บ้านเกิดเมืองนอนในปัจจุบันแล้วสะท้านใจอยู่ทุกวัน ...

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=gKfNND3bkQg"]ทวิภพ The Siam Renaissance - 05 - YouTube[/ame]

(บทสนทนาบางส่วน ในภาพยนตร์ ทวิภพ นาทีที่ 01:00 - 02:11 )


มณีจันทร์ :... เราแต่งตัวแบบตะวันตก นับถือฝรั่งมากกว่าพวกเดียวกัน เรามีทุกอย่างที่ตะวันตกมี เราเป็นทุกอย่างที่ชาวตะวันตกเป็น เรากินทุกอย่างที่ตะวันตกกิน เราชอบทุกอย่างที่ตะวันตกบอกให้ชอบ เราอยากเป็นเขาและปฏิเสธที่จะเป็นเรา

หลวงอัครเทพวรากร : ไหนว่าเราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นไง ? แล้วเรายังมีพระเจ้าแผ่นดินมั้ย ?

มณีจันทร์ : นี่คือสิ่งเดียวที่ทำให้เรารู้สึกว่า เรายังเป็นเราอยู่

หลวงราชไมตรี : แล้วใครเป็นพระกลาโหมวะ ถึงปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนั้น

มณีจันทร์ : เราเรียก"นายกรัฐมนตรี" เราเปลี่ยนแปลงการปกครอง

หลวงอัครเทพวรากร : เปลี่ยนแปลงการปกครอง เปลี่ยนเป็นอะไรละ?

มณีจันทร์ : เราเรียกว่า "ประชาธิปไตย" เจ้าคะ

 

สัญญาลักษณ์ที่เป็น “รูปร่างเงาคน” นั้นคือ คนที่จะต้องทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามพระราชประสงค์ที่ในหลวงท่านทรงกำหนดวางพื้นฐานไว้ให้ถูกต้องดีงามแล้วครับ

 

สัญญาลักษณ์ที่เป็น “หมวกทรงไทย” ที่ใบใหญ่ๆนั้นมีแผนที่โลกอยู่บนหมวกนั้นคือ ไทยเป็นมหาอำนาจของโลกต่อไปในยุคศิวิไล หรือรัชสมัยที่ ๑๐ นั่นเองครับ ภาพนี้จะเป็นภาพโครงสร้างการบริหารประเทศต่อไปในยุคศิวิไลครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

 

ส่วนสัญญาลักษณ์ที่เป็น หมวกทรงไทย ประดับด้วย “จานรับสัญญาณดาวเทียม” นั้น ท่านทั้งหลายคงเข้าใจดีแล้ว สำหรับคนบุญ สำหรับผู้มีบุญ เหมือนสายน้ำแห่งสายบุญ ที่ต้องมีหน้าที่ฟื้นฟูประเทศนี้ คุณธรรมจะบังเกิดในสยาม… อีกมุมหนึ่งก็จะหมายถึงหน้าที่ของสื่อสารมวลชนนั่นเอง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

 

ส่วนสัญญาลักษณ์ หมวกทรงไทย ประดับยอดด้วย “รูปไก่ที่ยืนอยู่บนลูกธนู” แล้วชี้ไปด้านหน้าหรือไปทางทิศตะวันออกนั้น ท่านทั้งหลายคงเข้าใจดีแล้วอีกเหมือนกัน คือการจับกระแสลมที่มากระทบ หรืออาจจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า กระแสโลก... “กระแสทิศทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลกเพื่อให้รู้เท่าทัน” นั่นเองครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

 

ขอขยายความที่ว่า คุณธรรม(ยิ่งสูงยิ่งต้องมีคุณธรรมสูง กรุณาดูdetail หลังจากที่ได้พิจารณาสัญญาลักษณ์ปริศนาธรรมแล้ว) ดังนี้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
๕.ระดับสื่อสารมวลชน ที่มีจานรับสัญญาณดาวเทียม คุณธรรมก็ต้องสูงที่สุดเพราะชี้นำสังคม<o></o>
๔.ระดับผู้บริหาร ชนชั้นปกครอง ผู้นำทางใจ ที่เป็นรูปเงาคน คุณธรรมก็ต้องสูงขึ้นไปตามลำดับ<o></o>
๓.ระดับผู้นำสังคม ระดับเจ้าสั่ว คุณธรรมก็ต้องสูงขึ้นไปตามลำดับ หรือ(ที่อยู่นอกกรอบเสา ที่มีคนดูดบุหรี่)<o></o>
๒.ระดับข้าราชการ คุณธรรมก็ต้องสูงขึ้นไปตามลำดับ (ที่อยู่ในกรอบช่วงเสา)<o></o>
๑.ระดับคาน หรือพื้นของทุกคนในภาพคือระดับปกติ ประชาชนทุกคนจะมีระดับคุณธรรมใกล้เคียงกัน<o></o>

 

ส่วน วิธีฟื้นฟูต้นมะม่วง ๙ วิธีนั้น ผมจะขอพิจารณาให้ทราบต่อไปครับในภายหน้าครับเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คงจะมีผู้มีบุญ ผู้มีปัญญาธรรม ผู้มีคุณธรรม หลายๆท่านเพิ่มมากขึ้นที่จะเข้าช่วยกันพิจารณาช่วยกันต่อยอดปริศนาธรรมนี้ให้เห็นสมบูรณ์เป็นรูปธรรมมากขึ้นนะครับ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
สรุปก็คือว่า ภาพปริศนาธรรมหลักๆหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นภาพพื้นหน้าที่ได้พิจารณามาตั้งแต่เริ่มคือหน้า๑๓๑ ๑๓๔ ๑๓๕ ๑๔๒ ๑๔๓ ๑๔๔ และหน้า๑๔๗ ทั้งหมดนี้เป็นรูปปิระมิดที่มีพลังทั้งสิ้น บางภาพก็สามารถรู้กันได้อยู่แล้วโดยไม่ต้องอธิบาย บางภาพผมก็ไม่กล้าอธิบายเหมือนผู้รู้หลายๆท่านที่ไม่กล้าอธิบายเช่นเดียวกัน<o></o>
ภาพปริศนาธรรมรองที่เป็นภาพพื้นหลังของภาพปริศนาธรรมหลักๆ นี่คือเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นไปแล้วและกำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันและในอนาคต หรืออาจจะเรียกได้ว่านี้คือเหตุการณ์ภัยพิบัติภัยธรรมชาตินั่นเองครับที่มีหน้าที่ๆกระทำต่อคนโดยตรง<o></o>
ส่วนภาพอื่นๆทั้งหมดที่เหลือก็คือเครื่องปรุงรส ซึ่งจะดึงเอาแต่ละเหตุการณ์ออกมาให้เห็นชัดๆที่สามารถบอกคนไทยให้ตระหนักรู้ ให้เข้าใจพิจารณา เช่นภาพ สคส. ภาพเรือสำเภาร่มกลางมหาสมุทร ภาพเมืองอวิชชา ภาพต้นมะม่วงเป็นต้น<o></o>
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นในการมองขอยกตัวอย่าง ก๋วยเตี๋ยว ในหนึ่งชามมีส่วนประกอบอะไรบ้าง คือมีเส้นก๋วยเตี๋ยว(เป็นภาพปริศนาธรรมหลักๆ) ลูกชิ้น(เป็นภาพปริศนาธรรมรอง) เครื่องปรุงรส จำพวกพริก น้ำปลา ชูรส น้ำส้ม(เป็นภาพอื่นๆทั้งหมดที่เหลือ)ดังนั้นต่อไปเราคงต้องพิจารณาภาพทั้งหมดให้เป็นลำดับขั้นลำดับตอนลำดับเหตุการณ์ ลำดับต่างๆให้เข้าใจตรงกันก่อนนะครับ <o></o>
เหตุการณ์ภัยธรรมชาติต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นให้ห้อง “เตือนภัยธรรมชาติของพี่เกษม ผู้สนับสนุนเว็ปพลังจิต” ก็คือเรื่องเดียวกันกับพระมหาชนกนั่นเองครับเป็นไปได้ไหมที่จะมารวมเป็นเรื่องเดียวกันในห้องนี้ เพื่อที่จะได้พิจารณาให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ห้องนี้คงจะเป็นห้องที่ถูกคัดกรองคนที่จะเข้ามาทำงานจริงๆนะครับ เพราะที่ผ่านมามีการเขียนข้อความที่ไม่ให้เกียรติกันเลย look and down ครับต่อไปเราๆท่านๆคงได้ประสานงานกันได้เข้าใจตรงกันมากขึ้นนะครับ เพราะทั้งหมดมันเกี่ยวกับทุกเรื่อง เช่น สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ภัยธรรมชาติภัยพิบัติ วัฒนธรรม อื่นๆ มันเกี่ยวกันหมดคงต้องมองเป็นองค์รวมและภาพรวมทั้งโลกนะครับ ผมคงจะต้องเขียนหลายเรื่องแจ้งในกระทู้นี้ เพราะทุกอย่างมันดูสอดคล้องต้องกันไปหมดว่า อะไรจะมาจากอะไรจะไปเราก็ต้องมาเตือนแจ้งข่าวบอกกล่าวกันเพื่อพิจรณาหาทางแก้ไข หาทางเตรียมตัวรับกับเหตุการณ์ต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้น <o></o>
ทำไมต้องพูดเช่นนี้ ครับ ประเทศไทยกำลังถูกกินโต๊ะ จากมหาอำนาจนั้นเองครับ<o></o>

 

โห ขอปรบมือให้คุณ แก้มแดง ครับ ตีความได้ดีมาก

ส่วนความคิดเห็นของผมอาจจะแตกต่างจากคุณแก้มแดงเล็กน้อย อย่าได้เคืองอะไรกันเลยนะครับ เพราะความเห็นผมอาจจะผิดทั้งหมดเลยก็ได้
เวทีสาธารณะควรเป็นที่"ถก" มากกว่าจะใช้ "เถียง" กัน
เอาเป็นว่า เป็นข้อสังเกตผ่านสายตาและแว่นส่องพระ(เกี่ยวไงเนี่ย?)

ภาพหน้า 144 นั้น ผมเคยตีความ(โดยความคิดเห็นเฉพาะตัว) ไปบ้างแล้ว แต่พอคุณแก้มแดงจุดประเด็นเลยทำให้ผมลองดูอีกครั้ง

ผมเห็นว่า เฉพาะภาพอาคารมี 2 ชั้นภาพ(layer) ซ้อนกันอยู่ คือ ตัวอาคาร และ เงา
อาคารด้านหน้าเป็นแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก
แต่"เงา"สีเหลืองด้านหลังเป็นแบบสถาปัตยกรรมไทย
(แปลกดีนะครับ อาคารแบบตะวันตกแต่เงาทอดออกมากลับเป็นแบบตะวันออก อีกอย่าง ภาพประชาชนนั้นมีการแสดง "เงา" หลายภาพ ทั้งๆที่พื้นที่รูปวาดถูกจำกัดพื้นที่ ศิลปินคงไม่อยากเขียนภาพเงาคนอย่างไม่มีเหตุผล อีกเหตุผลคือ "เงา" เป็นสิ่งที่ติดตัวเราตลอดเวลา ยกเว้น บริเวณที่ "มืด"(อวิชชา?) ไม่มีแสง ... กลายเป็นคนไร้ "เงา" ลองดูภาพสามเหลี่ยมหน้า 142 ครับพื้นหลังมืดสนิทเชียว )

จาน"รับ"ดาวเทียมผมมองว่าเป็นการ"รับ"ข่าวสารความรู้วิทยาการจากฝั่งตะวันตกในที่นี้อาจรวมไปถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอีกด้วย ประกอบกับการเอาลูกศรชี้ทิศทางลมชี้จากตะวันตกไปตะวันออก(ศิลปินเลยเขียนรูปแผนที่โลกไว้ข้างใต้ไงละครับ)


ในกรณี "อาคาร" และ "เงา" สื่อออกมาเหมือนภาพตราชั่งที่แสดงถึง "การอนุรักษ์" เท่าเทียม "การพัฒนา" ไม่มีสิ่งใดมากน้อยเกินไปกว่ากัน สอดแทรกกับภาพประชาชนในเครื่องแต่งกายแบบตะวันตก นักคิด นักวิชาการ ข้าราชการ แถมหลายคนยังแสดงถึงมารยาทไทย เช่น การไหว้-รับไหว้ การเคารพผู้ใหญ่-พระภิกษุ ... ถ้าคุณเป็นศิลปินจะสื่อสารความเป็นไทยผ่านภาพวาด นอกจากจับคนในภาพมาใส่ชุดรำไทยสวมชฎา มีอะไรหรือสื่งใดบ้างไหมที่จะสื่อถึงว่าคนในภาพ คือ คนไทย ... การไหว้ และมารยาท ไงละครับ)

แต่สิ่งที่ทำให้ผม เพ่งจนปวดตา แถมต้องใช้ แว่นส่องพระมาส่อง คือ ศิลปินคงร่างภาพด้วยดินสอคร่าวๆแล้วค่อยลงสี ดังนั้นหลักฐานบางอย่างคือตรงยอดสามเหลี่ยมพื้นหลังบริเวณตัวไก่ เหมือนเป็นตัวอักษร มองอีกทีเหมือนรูปองค์พระ ผมไม่ทราบว่ามองเห็นจากรูปถ่ายดิจิตอลหรือไม่ แต่ในหนังสือพระราชนิพนธ์จะเห็นได้อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ภาพร่างดินสอของศิลปินนนั้นอาจจะไม่ใช่ประเด็นหลัก เพียงแค่เป็นการสังเกตเห็นเท่านั้น ใครตาดีหรือใช้เทคนิคเปลี่ยนสี photoshop ลองทำดูก็ได้ครับ

 

“การศึกสงครามข้างญวนข้างพม่าก็เห็นจะไม่มีแล้ว
จะมีก็อยู่แต่ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดีอย่าให้เสียท่าแก่เขาได้
การงานสิ่งใดของเขาที่คิดควรจะเรียนเอาไว้
ก็เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสกันทีเดียว”

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ แห่งราชวงศ์จักรี ทรงดำรัสถึงกาลข้างหน้าก่อนเสด็จสวรรคต

รัชกาลที่ ๔ แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่ทำให้สยามเสียผลประโยชน์จากการค้ามหาศาลแก่อิงแลนด์

รัชกาลที่ ๕ แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สยามเสียดินแดน จากชนวนเหตุการณ์ ร.ศ ๑๑๒ , จันทบุรี-ตราด ตกเป็นตัวประกันในการปกครองของฝรั่งเศส

ที่ผมอยากจะบอกก็คือว่า ปัจจุบันลัทธิล่าอาณานิคม ยังไม่ตายไปจากโลกครับ

ยุทธศาสตร์ "เปลี่ยนคนภายในระบบก่อน แล้วจึงใช้ให้คนเปลี่ยนระบบ" ยังคงถูกนำมาใช้ (ย้อนไปปี 2475 ปัจจุบันแปลงสภาพเป็น Jasmine revolution model)

เมื่อยุคสมัยก่อนชิงบ้านยึดเมืองกันเพราะ"ทรัพย์บนดิน"
แต่ปัจจุบันชิงบ้านยึดเมืองกันเพราะ"ทรัพยใต้ดิน"

หมายเหตุ : ภาพด้านล่างไม่ทราบว่าของใครในบอร์ดนี้แต่ขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ
อันที่จริงหลายคนหลายท่านอาจสงสัยว่าเกี่ยวกับพระมหาชนกอย่างไร ภาพชาวตะวันตกที่บานประตูที่ปรากฏในพระราชนิพนธ์นั้น ผมเชื่อว่าศิลปินได้รับแรงบันดาลใจจากภาพจิตรกรรมชาวต่างชาติ ที่วัดโพธิ์ ตามกระทู้ที่ผมตอบคุณเดินดง #904 ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ดำริให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเสมือนอุทยานการเรียนรู้ของชาวสยาม อีกประการพระองค์ท่านทรงมีสายพระเนตรยาวไกล ว่า ต่อไปวันข้างหน้าจะมีการรุกคืบของชนต่างชาติเข้ามาในสยามจำนวนมาก ทั้งมาดีร้ายต่างกัน ดังนั้นเมื่อรู้เราก็ควรรู้เขา เช่นกัน นอกจากนี้พระองค์ทรงดำริสร้าง "เรือสำเภาจีน" ใจกลางกรุงเทพ ณ วัดยานนาวา เพราะพระองค์ทรงเชื่อว่า กาลข้างหน้า กำปั่นเรือกลไฟจากฝรั่ง จะแทนที่ เรือสำเภาจีน พระองค์จึงทรงดำริให้สร้าง เรือสำเภาจีนขึ้นโดยประดิษฐานเจดีย์ตามคติความเชื่อในพุทธศาสนา ไว้ให้ชนรุ่นหลังสำนึกและศึกษาต่อไป การที่ทรงอนุญาตให้คณะมิสชันนารี-บาทหลวงให้เข้ามาในสมัยพระองค์ท่านก็เพื่อให้ชาวสยามได้มีโอกาสเรียนภาษาต่างประเทศ เพื่อได้รู้เท่าทันกลอุบายชาวต่างชาติในวันข้างหน้า สังเกตได้จากว่ากษัตริย์วังหน้า-วังหลัง ในกรุงรัตนโกสินทร์ ล้วนทรงเชี่ยวชาญภาษาแลวิทยาการการต่างประเทศ

 

ใช่ค่ะ เดินดง มีความสงสัย และเท่าที่ คลุกคลีอยู่กับฝรั่ง ก็ร้สึกว่า ฝรั่งเป็นพวก สอดรู้สอดเห็น รู้อะไรนิดเดียว ก็ว่าตัวเอง รู้ทุกอย่าง และจะพยายามเยื้อแย่ง ความคิด ผลงาน ของอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ของตัว ก็จะพยายาม ที่จะยึดครองให้ได้ เอาให้ได้ ด้วยเล่ห์กล อยากจะบอกคนไทยทุกคน อย่าไปตามมันมาก ฝรั่งน่ะ กลับมาเป็นไทยได้แล้ว ร่ำเรียน ภาษาฝรั่งมันก็ดี แต่อย่าลืมเชื้อชาติตัวเอง ทุกวันนี้หากได้ยิน ฝรั่งมันพูดอะไรเกี่ยวกับประเทศไทยจะเข้าไปถามเลย คิดอยู่ท่าพูดอะไรไม่ดีกับเมีองไทย จะตั้นหน้ามัน

 

From Khun OpperOxide อาคารด้านหน้าเป็นแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก
แต่"เงา"สีเหลืองด้านหลังเป็นแบบสถาปัตยกรรมไทย จุดนี้ผมลืมพิจารณาไปครับ ผมมองเห็นว่าเป็นหลังคาอุโบสถ ซึ่งมีช่อฟ้า หน้าบัน และอื่นๆ สรุปก็คือว่า<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
สัญญาลักษณ์ที่เป็น “หลังคาพระอุโบสถของวัดต่างๆของประเทศไทย” ที่อยู่ซ้อนกันกับหมวกทรงไทย ที่ใบใหญ่ๆ นั้นคือ ศาสนาพุทธจะครองโลก พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองไปทั่วทุกมุมโลก เป็นเหล่าชาวพุทธทุกเชื้อชาติ ส่วนจะครองโลกยังไงนั้นผมขอรบกวนผู้รู้ผู้มีภูมิรู้ภูมิธรรมทุกๆท่าน ช่วยเมตตาชี้แนะขยายความเพื่อให้ผู้น้อย ตลอดจนผู้ที่สนใจใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษาได้หาประโยชน์ในทางธรรมที่งดงามเลิศ จากท่านทั้งหลายด้วยเทอญ<o></o>
<o> </o>

ณ ที่ตรงนี้
อยากให้มีแต่ “การให้ การเสียสละ”
ที่เกิดขึ้นแล้วจากดวงจิตดวงใจที่เต็มเปี่ยมด้วย
พลังแห่งปัญญา พลังแห่งความศรัทธา ความเมตตา ความกรุณา ความรัก ความบริสุทธิ์
ที่เป็นหนึ่ง เป็นเลิศอย่างแท้จริง
โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้น<o></o>​

 

From Khun opperOxide อีกอย่าง ภาพประชาชนนั้นมีการแสดง "เงา" หลายภาพ ทั้งๆที่พื้นที่รูปวาดถูกจำกัดพื้นที่ ศิลปินคงไม่อยากเขียนภาพเงาคนอย่างไม่มีเหตุผล อีกเหตุผลคือ "เงา" เป็นสิ่งที่ติดตัวเราตลอดเวลา ยกเว้น บริเวณที่ "มืด"(อวิชชา?) ไม่มีแสง ... กลายเป็นคนไร้ "เงา" ลองดูภาพสามเหลี่ยมหน้า 142 ครับพื้นหลังมืดสนิทเชียว ) จุดนี้ผมมองอย่างนี้ครับ เงาที่เห็นนั้น เป็นเงาของคน คือว่า ให้เราคนไทยทุกๆคนนั้นหันกลับมาดูมามองตัวเราเอง มองดูประเทศของเราว่า เรามีดีอะไร เรามีอะไรเป็นเลิศบ้าง เราให้ความสนใจกับอุตสาหกรรมหรือการพัฒนาทางวัตถุมากไปหรือเปล่า ทำไมเราต้องไปตามวัฒนธรรมการกิน การอยู่ การแต่งกาย อุปนิสัยใจคอตามประเทศอื่นเขา ครับก่อนที่เราจะพัฒนาตามชาติตะวันตกนั้น เราต้องกลับไปดูตัวเองก่อนเสมอว่า เรารับวิธีคิด รับทุน รับวัฒนธรรม และอื่นๆเข้ามา แต่ทั้งหมดนั้นมันทำร้ายทำลายคนในชาติโดยที่เราไม่รู้ตัวจริงหรือไม่ ดังเรื่องต้นมะม่วง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
เรื่องมีใจความว่า ที่ทางเข้าสวนหลวงมีต้นมะม่วงสองต้น ต้นหนึ่งมีผล อีกต้นหนึ่งไม่มีผล ทรงลิ้มรสมะม่วงอันโอชา แล้วเสด็จเยี่ยมอุทยาน เมื่อเสด็จกลับจากสวนหลวง ทอดพระเนตรเห็นต้นมะม่วงที่มีผลรสดี ถูกข้าราชบริพารดึงทึ้งจนโค่นลง ส่วนต้นที่ไม่มีลูกก็ยังคงตั้งตรงอยู่ตระหง่าน แสดงว่าสิ่งใดดีมีคุณภาพ จะเป็นเป้าหมายของการยื้อแย่ง และจะเป็นอันตรายในท่ามกลางผู้ที่ขาดปัญญา<o></o>
กล่าวคือข้าราชบริพาร “นับแต่อุปราชจนถึงคนรักษาช้างคนรักษาม้า และนับตั้งแต่คนรักษาม้าจนถึงอุปราช และโดยเฉพาะเหล่าอำมาตย์ ล้วนจาริกในโมหะภูมิทั้งนั้น ไม่มีความรู้ทั้งทางวิทยาการทั้งทางปัญญา ยังไม่เห็นความสำคัญของผลประโยชน์แท้แม้ของตนเอง จึงต้องตั้งสถานอบรมสั่งสอนให้เบ็ดเสร็จ” <o></o>
ครับทั้งหมดนี้ท่านทั้งหลายพอที่จะรับรู้และรับทราบกันมานานมากแล้ว ผมเพียงแต่ยกบางตอนมาเป็นเหตุเป็นผล มาเป็นส่วนขยาย มาเป็นรายละเอียดให้สอดคล้องกับเนื้อหามากที่สุดและตรงที่สุดกับเหตุและผลที่ได้รับรู้กันทุกๆฝ่ายทั้งในอดีต ปัจจุบันและในอนาคต ผมขอยกตัวอย่างที่ประเทศไทยเรามีดีให้ทุกท่านและชาติอื่นได้เห็นดังนี้ <o></o>
๑ ชาติไทยเราเป็นเอกราช ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร<o></o>
๒ เราเป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า<o></o>
๓ เรามีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม และรักราษฏรของพระองค์<o></o>
๔ เรามีศิลปวัฒนธรรมที่งดงาม อ่อนโยน เป็นเอกรักษ์ของตัวเอง เช่น พระอุโบสถ บ้านทรงไทย ลิเก หนังตะลุง อื่นๆอีกมากมาย ใช่หรือไม่<o></o>
๕ เรามี ดินดี น้ำดี อากาศดี ภูมิศาสตร์ดี ปลูกไม้อะไรก็งอกงามดี จริงไหม<o></o>
๖ เรามีอาหารที่อุดมสมบูรณ์ เราสามารถเป็นครัวโลกได้ไหม<o></o>
๗ เราได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติและภัยพิบัติต่างๆน้อยกว่าชาติอื่นๆจริงไหม<o></o>
๘ เรามี พระอรหันต์ พระอริยสงฆ์ มากที่สุดในโลกใช่หรือไม่<o></o>
๙ เรามีภาษาไทยเป็นของเราเอง<o></o>
๑๐ เรามีธรรมชาติที่สวยงาม สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จริงไหม<o></o>
๑๑ คนไทยมีจิตใจงดงาม ยิ้มง่าย ต้อนรับชาวต่างชาติ ทำให้ชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวแล้ว อบอุ่น ปลอดภัยกว่าประเทศอื่นจริงไหม<o></o>
๑๒ เรามีสมุนไพรไทยมากมายที่เป็นประโยชน์สามารถมาทำเป็นยารักษาโรคต่างๆได้มากหลาย<o></o>
๑๓ เรามีผลไม้ไทยที่หวาน หอม อร่อย น่ากิน ที่สุดในโลกจริงไหม<o></o>
๑๔ เรามีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ซึ่งเป็นเกราะป้องกันอย่างดีในโลกของทุนนิยมสามานต์ เพื่อให้คนไทยตระหนักรู้พิจารณา ป้องกันการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก ว่าอย่าไปหลง อย่าไปตามเศรษฐกิจตะวันตกให้มันมากเกินไป<o></o>
๑๕ อื่นๆ<o></o>
ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้เราต้องมองและหาความเป็นตัวตนโคตรเหง้าของเราให้เจอก่อน เพื่อที่จะให้รู้ว่าเราจะอนุรักษ์อะไร และจะพัฒนาอย่างไร ถ้าเรายังหาไม่เจอ เราก็ไม่มีทางที่จะเห็นที่จะรู้คุณค่าในตัวเองมันก็ยาก เรามัวแต่มองเทศ แต่เราไม่มองไทย(เหมือนรายการมองเทศมองไทย)<o></o>

 

ต้องขอโทษคุณ CopperOxide ด้วยนะครับที่เขียนชื่อคุณผิด ผมขอแจ้งกระทู้นี้ตามแก้ไปแล้วกันนะครับ ผมขอขมาลาโทษด้วยครับ