ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

ชิลีเผยมีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 9,000 คน จากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่​

​

ซันติอาโก 21 ก.ย. – ทางการชิลีระบุว่า มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยถึงกว่า 9,000 คนหลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตอนเหนือและตอนกลางของประเทศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยชิลีรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหว ขนาด 8.3 เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ยังคงอยู่ที่ 13 คน และมีประชาชนยังคงสูญหายไปอีก 4 คน จำนวนผู้ไร้ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการประเมินครั้งก่อนที่ 3,500 คน แผ่นดินไหวครั้งนี้นับเป็นครั้งรุนแรงที่สุดเป็นครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์ของชิลี และรุนแรงที่สุดในโลกในปีนี้ หน่วยฉุกเฉินพร้อมด้วยกำลังทหารยังคงเร่งทำความสะอาดเมืองโกคิมโบ บริเวณชายฝั่งที่มีเรือประมง บ้านเรือน ยานพาหนะถูกคลื่นยักษ์ซัดพังเสียหายภายหลังเกิดแผ่นดินไหว รัฐมนตรีโยธาธิการเผยว่า มีพื้นที่เพียงร้อยละ 25 ที่มีการเก็บทำความสะอาดแล้ว.-สำนักข่าวไทย

คะแนนนิยมผู้นำญี่ปุ่นร่วงหลังสภาผ่านกฎหมายความมั่นคง​

​

โตเกียว 21 ก.ย. – ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวญี่ปุ่นล่าสุดพบว่า คะแนนสนับสนุนของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะลดลงหลังจากสภาผ่านกฎหมายความมั่นคงที่เป็นกรณีโต้แย้งและอาจทำให้ญี่ปุ่นสามารถส่งทหารไปสู้รบในต่างประเทศได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง

ผลสำรวจของหนังสือพิมพ์นิกเคอิบิสเนสเดลี่พบว่า เสียงสนับสนุนรัฐบาลของนายอาเบะลดลงร้อยละ 6 จากเมื่อเดือนที่แล้ว มาอยู่ที่ร้อยละ 40 ขณะที่เสียงคัดค้านกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 มาอยู่ที่ร้อยละ 47 นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า เสียงคัดค้านกฎหมายความมั่นคงดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 54 โดยส่วนใหญ่มองว่าไม่ได้รับการชี้แจงจากรัฐบาล และมีเพียงร้อยละ 31 ที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ผลสำรวจของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ทั้งอาซาฮี ไมนิจิ และโยมิอูริยังพบผลที่เหมือนกันคือ คะแนนสนับสนุนของนายอาเบะลดลงและมีเสียงต่อต้านกฎหมายดังกล่าว

แต่การคัดค้านกฎหมายความมั่นคงก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มเสียงสนับสนุนของพรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักมากนัก โดยผลสำรวจพบว่าคะแนนเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3 จากเดือนก่อน มาอยู่ที่ร้อยละ 12 .-สำนักข่าวไทย

ตำรวจตุรกีสกัดผู้อพยพกลุ่มที่จะเดินทางไปชายแดนกรีซ​

​

อิสตันบูล 21 ก.ย. – กลุ่มผู้อพยพออกเดินเท้ารอบใหม่เพื่อพยายามเดินทางจากตุรกีเข้าดินแดนยุโรป แต่ถูกตำรวจตุรกีสกัดไว้ที่ชานนครอิสตันบูลวันนี้

ผู้อพยพราว 700 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวซีเรียทั้งชาย หญิงและเด็กที่เคยถูกสกัดไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนที่สถานีรถโดยสารสายหลักในนครอิสตันบูล เริ่มออกเดินเท้าไปยังเมืองเอดีร์เนทางตะวันตกเฉียงเหนือ ขณะที่ผู้อพยพซึ่งเดินทางขึ้นรถโดยสารและพาหนะส่วนตัวไปตามถนนที่เต็มไปด้วยการจราจรแออัดในช่วงเช้า กลับถูกตำรวจสกัดไว้ห่างไปราว 50 กิโลเมตร ก่อนเข้าสู่นครอิสตันบูล เมืองเอดีร์เนในตุรกีอยู่ห่างไปราว 10 กิโลเมตร จากชายแดนกรีซ และห่างราว 20 กิโลเมตร จากชายแดนบัลแกเรีย ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเท้าสายใหม่ของผู้อพยพที่พยายามจะเข้ายุโรป .-สำนักข่าวไทย

นายกฯฮังการีเตือนความเสี่ยงจากผู้อพยพจำนวนมาก​

​

บูดาเปสต์ 21 ก.ย. – นายกรัฐมนตรีวิคโตร์ โอร์บานของฮังการีกล่าววันนี้ว่า ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู) จะต้องปกป้องประเทศจากความเสี่ยงที่มีผู้อพยพเข้ามาจำนวนมหาศาล จนกว่าอียูจะหาข้อตกลงร่วมกันได้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

นายโอร์บานแถลงในสภาว่า ชายแดนของฮังการีตกอยู่ในอันตรายและทั่วทั้งยุโรป ซึ่งการจัดแบ่งโควต้ารับผู้อพยพที่เสนอกันในการประชุมที่บรัสเซลส์ไม่ใช่เป็นแผนปฏิบัติการของยุโรป สิ่งสำคัญลำดับแรกคือต้องป้องกันชายแดนและยับยั้งผู้อพยพที่หลั่งไหลเข้ามา นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีโอร์บานยังเรียกร้องให้สมาชิกสภาสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลในการลงมติตามข้อเสนอของพรรครัฐบาลที่จะใช้กำลังทหารคุ้มกันตามแนวชายแดนฮังการี .-สำนักข่าวไทย

ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเผาทำลายบ้านกว่า 1,400 หลัง​

​

ลอสแอนเจลิส 21 ก.ย. – ไฟป่าขนาดใหญ่ 2 แห่งจากจำนวนหลายจุดที่กำลังเผาผลาญในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐได้เผาทำลายบ้านเรือนไปแล้วมากกว่า 1,400 หลังและยอดผู้เสียชีวิตจากไฟป่าเพิ่มขึ้นเป็น 6 รายแล้ว

เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวว่า ไฟป่าวัลเลย์และไฟป่าบัตต์ ซึ่งเป็นไฟไหม้ป่าที่กินเนื้อที่มากกว่า 175,000 ไร่ แต่ขณะนี่สามารถควบคุมไว้ได้แล้วร้อยละ 50 และ 70 ตามลำดับ แต่สำนักงานคุมครองป่าไม้และป้องกันไฟป่าของรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า ขณะนี้มีไฟป่าขนาดใหญ่อยู่ 10 จุด โดยมีเพิ่มขึ้นใหม่ 2 จุด และมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 10,500 คน กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการดับไฟป่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 1 คน จากไฟป่าที่เกิดขึ้นใหม่เมื่อตอนบ่ายวันเสาร์ที่บริเวณทางใต้ของเมืองมอนเทอเรย์.-สำนักข่าวไทย

ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

ระดับน้ำตลาดเก่ากบินทร์บุรี เริ่มทรงตัวหลังฝนทิ้งช่วง ยังเฝ้าระวัง​

​

ชุมชนตลาดเก่ากบินทร์บุรี ระดับน้ำเริ่มทรงตัว หลังฝนทิ้งช่วง ขณะน้ำในแม่น้ำปราจีนฯ มีสีแดงขุ่นเข้ม ยังเฝ้าระวังเหตุ ด้านประชาชนอพยพทรัพย์สินไว้ที่ปลอดภัยแล้ว

เมื่อวันที่ 21 ก.ย 58 ที่บริเวณชุมชนตลาดเก่ากบินทร์บุรี พบว่าระดับน้ำที่ไหลเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนราษฎรเริ่มทรงตัว เนื่องจากปริมาณน้ำฝนเริ่มทิ้งช่วง และปริมาณน้ำใน จ.สระแก้ว ที่ไหลมาทางแควพระปรง ยังไหลลงมาไม่ถึงในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี ทำให้น้ำในพื้นที่แควหนุมาน ไหลลงสู่แม่น้ำปราจีนบุรีตอนล่าง ส่วนน้ำในแม่น้ำปราจีนบุรี ยังคงมีสีแดงขุ่นเข้ม และจากการตรวจสอบพบว่า ปริมาณน้ำยังต่ำกว่าตลิ่งเฉลี่ยประมาณ 1 เมตรเศษ

หากไม่มีฝนตกลงมาในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี และบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปราจีนบุรี ค่อยๆ ลดลง เนื่องจากมวลน้ำบางส่วนได้ไหลเข้าสู่พื้นที่เกษตร ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำในนาข้าวจำนวนหลายหมื่นไร่ และเพื่อความในไม่ประมาท ประชาชนที่อยู่บริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำปราจีนบุรี ได้มีการเฝ้าระวังเพื่อเตรียมตัวอพยพทรัพย์สินขึ้นไปไว้ในที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 ก.ย. 2558

ฝนตกหนักทำฝายชะลอน้ำปิง นครสวรรค์ แตกยาวกว่า 30 เมตร​

​

ฝายชะลอน้ำปิง อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ แตกยาวกว่า 30 เมตร จากสาเหตุระดับน้ำในแม่น้ำปิงเพิ่มสูงขึ้นและไหลแรง จากฝนที่ตกลงมาในภาคเหนือ

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 58 ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทางภาคเหนือ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงที่ไหลผ่าน พื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เพิ่มสูงขึ้นและไหลแรง ส่งผลให้ฝายชะลอน้ำกั้นแม่น้ำปิง ในพื้นที่บริเวณ หมู่ 4 ตำบลเขาดิน อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์ ถูกน้ำกัดเซาะจนพัง และขยายวงกว้างออกไปเป็นแนวยาวกว่า 30 เมตรแล้ว ทั้งยังมีแนวโน้มเสียหายเพิ่มมากขึ้นด้วย

ขณะที่ นายวิศาล วสุนธาราพร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในโครงการสร้างฝายกั้นแม่น้ำปิง บอกว่า ซึ่งในส่วนของการซ่อมแซมฝายนั้น ยังไม่สามารถจะทำได้ เนื่องจากปริมาณน้ำยังคงไหลแรง ซึ่งจะต้องรอให้ระดับน้ำลดลงจนอยู่ในช่วงที่จะสามารถซ่อมแซมได้ก่อน

อย่างไรก็ตาม ระดับแม่น้ำปิงที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ยังสามารถไหลเข้าตามคลองสาขาต่างๆ ให้มีน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการเกษตรเป็นอย่างมาก ดังนั้นขอให้เกษตรกรควรกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรด้วย

สำหรับสถานการณ์น้ำท่าต่างๆ ที่ไหลผ่าน พื้นที่จังหวัดนครสวรรค์นั้น แม่น้ำปิงมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 545 ลบ.ม./วินาที แม่น้ำน่าน มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 278 ลบ.ม./วินาที แม่น้ำเจ้าพระยา ซ่อมแซม ปริมาณน้ำไหลผ่าน 706 ลบ.ม/วินาที

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 ก.ย. 2558

2 อำเภอจันทบุรี คงภัยพิบัติ พบ 2 หมู่บ้าน น้ำท่วมสูงสุดเกือบ 2 เมตร​

​

จันทบุรี คงสถานะพื้นที่ประสบภัยพิบัติ 2 อำเภอ หลังยังได้รับผลกระทบน้ำป่าจาก อ.แก่งหางแมว สวนผลไม้ บ้านเรือนประชาชนอ่วม ห่วง 2 หมู่บ้าน ต.วังใหม่ พื้นที่เป็นแอ่งกระทะ ท่วมบ้าน 100 หลัง น้ำสูงสุดเกือบ 2 เมตร...

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 21 ก.ย.58 สถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก จ.จันทบุรี โดยเฉพาะพื้นที่รอบนอก ยังได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในพื้นที่ ต.วังใหม่ ต.วังโตนด อ.นายายาม และ ต.รำพัน ต.สองพี่น้อง ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี มวลน้ำป่าจาก อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำ ได้ไหลล้นคลองวังโตนด เอ่อทะลักท่วมพื้นที่เกษตรกรรม สวนผลไม้ และบ้านเรือนประชาชนจำนวนมาก โดยที่ถนนสายบ้านคลองลาว - หนองสีงา ต.วังใหม่ อ.นายายอาม ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 40-50 ซม. ระยะทางกว่า 2 กม. รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ส่วนถนนสายบ้านหนองคล้า - บ้านซอยสอง มีน้ำเอ่อท่วมผิวจราจรสูงกว่า 30 ซม. ระยะทาง 1 กม. และกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรง รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ขณะนี้น้ำได้เริ่มลดระดับลงแล้ว

นายนริศ กิจอุดม นายก อบต.วังใหม่ เปิดเผยว่า กระแสน้ำป่าได้ไหลมาจากพื้นที่ อ.แก่งหางแมว เอ่อเข้าท่วมพื้นที่ทั้งสวนผลไม้ ตลอดจนบ้านเรือนประชาชน จำนวน 8 หมู่บ้าน โดยเฉพาะพื้นที่ ม.2 และ ม.3 บ้านหนองสีงา บ้านวังกระดาน ถือว่าหนักสุด เนื่องจากมีลักษณะพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ บางแห่งถูกน้ำป่าทะลักท่วมสูง 1.30 - 1.80 ม. มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบเบื้องต้นแล้ว ประมาณ 100 หลังคา เบื้องต้นได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ อปพร. ผู้นำชุมชน และหน่วยกู้ภัย สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จันทบุรี อพยพชาวบ้าน ขนย้ายทรัพย์สินไปอยู่ในที่ปลอดภัยเป็นการชั่วคราว ขณะเดียวกัน ได้นำน้ำดื่มและอาหารเข้าไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านเรือน โดยวันนี้พบว่าน้ำลดลงแล้ว พร้อมเร่งออกสำรวจความเสียหาย เพื่อรายงานให้ทางจังหวัดทราบ ในการเตรียมจัดหางบประมาณมาช่วยเหลือเยียวยาต่อไป

ขณะที่สถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก หลัง จ.จันทบุรี ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 7 อำเภอ 125 หมู่บ้าน ขณะนี้ คงเหลือแค่ที่ อ.นายายอาม และ อ.ท่าใหม่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มติดทะเล ยังคงได้รับผลกระทบจากพื้นที่ต้นน้ำ ส่วนที่เหลืออีก 5 อำเภอ สถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 ก.ย. 2558

ทั่วไทยมีฝนลดลง อากาศร้อน อุณหภูมิแตะ 38 องศาฯ​

​

ทั่วไทยมีฝนลดลง จากนั้นช่วง 22-24 ก.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง กลางวันอากาศค่อนข้างร้อน แดดแรง อุณหภูมิสูงสุดไต่ไปแตะที่ 38 องศาฯ บริเวณภาคกลางตอนล่าง ...

วันที่ 21 กันยายน จากการตรวจสอบสภาพอากาศเช้าวันนี้ พบว่าในทั่วไทยมีปริมาณฝนลดลงแล้ว เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเมียนมาและลาว ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ก็มีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้จึงทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนน้อยในระยะนี้

หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 22-24 กันยายนนี้ ร่องมรสุมจะเลื่อนมาพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น ก่อนที่ในช่วงวันที่ 25-26 กันยายน ร่องมรสุมจะมีกำลังอ่อนลงอีกครั้ง ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนลดลง

จากการตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมเช้านี้ก็พบว่า กลุ่มเมฆที่ปกคลุมท้องฟ้าเมืองไทยบางตาลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกลุ่มเมฆส่วนใหญ่เป็นเมฆชั้นต่ำและเมฆชั้นกลาง ส่วนกลุ่มเมฆฝนฟ้าคะนองค่อนข้างน้อยในเช้านี้

และจากการการคาดการณ์ปริมาณฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่ต่างๆ ต่อจากนี้ ก็พบว่าช่วงสาย พบกลุ่มฝนตกปรอยๆ ในบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ และตราด ช่วงเที่ยงยังคงพบกลุ่มฝนบริเวณภาคอีสานตอนบนเล็กน้อย ส่วนในภาคตะวันออกพบกลุ่มฝนกินพื้นที่มากขึ้นในจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ช่วงบ่ายกลุ่มฝนจะเหลือเพียงบริเวณภาคอีสานตอนบน แต่จะตกกินพื้นที่มากขึ้น ในจังหวัดเลย หนองคาย อุดรธานี สกลนคร นครพนม ช่วงเย็นกลุ่มฝนขยายไปตกกระจายตัวเพิ่มขึ้นบริเวณภาคเหนือ และจะตกบริเวณดังกล่าวไปจนถึงช่วงดึก

ส่วนสถานการณ์ฝนทางตอนใต้วันนี้ เริ่มพบกลุ่มฝนเคลื่อนตัวเข้ามาจากทะเลในช่วงบ่ายบริเวณฝั่งอันดามันที่จังหวัดระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และยะลา ช่วงเย็นจะตกเพิ่มที่จังหวัดสตูล และจะตกในบริเวณดังกล่าวไปจนถึงช่วงดึก โดยตั้งแต่ช่วงค่ำไปจนถึงดึกกลุ่มฝนจะตกหนักเพิ่มขึ้น

จากฝนที่ตกลดลง และเมฆที่ปกคลุมค่อนข้างบางตา ทำให้อุณหภูมิความรู้สึกร้อนวันนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 2 - 3 องศาเซลเซียส ในช่วงกลางวันอากาศค่อนข้างร้อน แดดแรง อุณหภูมิสูงสุดวันนี้ไต่ไปแตะที่ 38 องศาเซลเซียส บริเวณภาคกลางตอนล่าง

ส่วนสภาพอากาศในแต่ละภาควันนี้เป็นดังนี้

ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ท้องฟ้าโปร่ง กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดจันทบุรีและตราด อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ท้องฟ้าโปร่ง กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส

ปิดท้ายกันที่สถานการณ์พายุโซนร้อนกรอวาญ อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่น มีความเร็วลมศูนย์กลาง 83 กม./ชม. มีทิศทางเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 24 กม./ชม. มุ่งสู่มหาสมุทรแปซิฟิก พายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อสภาวะอากาศของประเทศไทย

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 ก.ย. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

อ.ปิยะชีพ วัชโรบล บรรยายเรื่องภัยพิบัติ​

เผยแพร่เมื่อ 13 พ.ย. 2013​

 

เชื้อโรคแห่งความโกรธเกรี้ยว (The Virus)​

​

เรื่องราวของไวรัสกลายประเด็นในหนังที่ชอบมาเล่นมากที่สุด เช่น หนังเรื่อง 28 Days Later ไวรัสที่ระบาดในมนุษย์จนกลายเป็นซอมบี้ ที่เหมือนคนบ้าที่ไม่ได้รับการเยียว ยาจิตใจ มันจะที่ฆ่าคนไร้เหตุผลมันจะโจมตีคุณข้างหลัง กัดกินสมอง ดูๆ ไปก็เหมือนเชื้อบนโลกเรานี้แหละ

โรคที่ใกล้เคียงไม่สิเหมือนเลยก็ว่าได้กับไวรัสซอมบี้คือ โรควัวบ้า Bovine Spongiform Encephalopathy (BSE) เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับวัว เริ่มระบาดในประเทศอังกฤษเมื่อปี 1986 และ สามารถเกินขึ้นในคนได้โดยเรียกโรคนี้อีกชื่อหนึ่งว่าสมองฝ่อ คนที่ติดโรคนี้มันคล้ายๆ ซอมบี้มาก คือ อาการจะเริ่มแรกจะเบื่ออาหาร ความจำเสื่อมเช่นจำชื่อญาติสนิทไม่ได้ จำเบอร์โทรไม่ได้ พฤติกรรมเปลี่ยนไปเช่นการเปลี่ยนแปลงท่าเดินเซไปเซมาแยกตัวออกจากสังคม มีอาการประสาทหลอน, เครียดโกรธง่าย, มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น(มือสั่น ทรงตัวไม่ได้ หกล้มบ่อย) และเมื่อปล่อยโรคนี้ไว้นานๆ เข้าผู้ป่วยจะ ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหว ตาบอด กล้ามเนื้ออ่อนแรง โคม่า และเสียชีวิตในหนึ่งปี

อีกโรคชนิดหนึ่งที่ใกล้เคียงกับไวรัสซอมบี้ก็คือ “โรคพิษสุนัขบ้า”ที่ทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณบ้าคลั่งและหันมาทำร้ายคุณได้ แม้โรควัวบ้าจะหายาก(แม้บางทีไม่หายากตามที่เราคิด) ประมาณ 1/1,000,000 คน แต่มันก็ทำให้ประเทศยุโรปและอเมริกาคลั่งมาแล้ว ถึงขั้นไม่กินเนื้อวัวและฆ่าวัวตายไปหลายพันตัวเพียงเพราะเจอวัวตัวเดียวติดโรคชนิดนี้(เหมือนกรณีไข้หวัดไก่บ้านเรา) อีกทั้งยังเป็นโรคที่ผู้ก่อการร้ายนิยมมาใช้บ่อยๆ(ใส่ในจดหมายไง) ดังนั้นเราจะพูดเต็มปากเต็มคำหรือเปล่าละว่า คนธรรมดานั้นน่ากลัวกว่าซอมบี้เสียอีก

ที่มา www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=44879.0;wap2

 

เพื่อนบ้านต่างดาว [ALIENS NEIGHBOURS]​

เผยแพร่เมื่อ 18 ก.ย. 2012​

 

ระวัง! โรคพิษสุนัขบ้า​

อัปโหลดเมื่อ 4 พ.ย. 2010​

 

ยังไม่มา

 

ข่าวทางไลน์​

​

20 ก.ย. 58 สวัสดี เรื่องซอมบี้นี่ ไม่รู้จะมีจริงหรือเปล่า? เช้าฝันไปว่า มีซอมบี้ออกมาอาละวาดจากวัดดอนเมือง ตัวเองและครอบครัวก็พากันหนีพร้อมบอกชาวบ้านรายทาง

22 ก.ย. 58 เช้า นิมิตเห็นคนสนิทกัน เช่นเพื่อนหรือสามีภรรยาเกิดแตกความรักความสามัคคีกัน

เทพบดี ๙๗

ที่มา แจ้งข่าวเตือนภัยโดยคุณ k_97

 

ระทึก! อาฟเตอร์ช็อก 6.5 เขย่าชิลี หลังแผ่นดินไหวใหญ่ 6 วัน​

​

ระทึก! อาฟเตอร์ช็อก 6.5 เขย่าชิลี หลังแผ่นดินไหวใหญ่ 6 วัน

สำนักสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานว่า เมื่อเวลา 0:40 น. วันอังคารตามเวลาประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหวอาฟเตอร์ช็อก ความรุนแรงระดับ 6.6 นอกชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศชิลี จุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ทะเล 34.3 กม. และห่างจากเมืองอิยาเปลไปทางตะวันตกเฉียงใต้เพียง 45 กม.

อาฟเตอร์ช็อกครั้งนี้ส่งแรงสั่นสะเทือนไปไกลถึงกรุงซานติอาโก ที่อยู่ห่างไป 210 กม. ทำให้ตึกสั่นสะเทือน แต่ไม่มีรายงานว่าเกิดความเสียหายหรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด เป็นอาฟเตอร์ช็อกของแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 8.3 ที่เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 16 ก.ย. ซึ่งทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิใส่เมืองโคควิมโบ จนมีผู้เสียชีวิต 13 ราย และบ้านเรือนถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายเกือบ 2,000 หลัง

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ก.ย. 2558

ชิลีเตรียมแจกเงินเยียวยาผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว-สึนามิ​

​

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ (21 ก.ย.) ประธานาธิบดี มิเชล บาเชเลต แห่งประเทศชิลี ให้คำมั่นกับประชาชนว่า รัฐบาลจะให้เงินเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ความรุนแรง 8.3 กับคลื่นยักษ์สึนามิ ที่เกิดเมื่อวันพุธที่ 16 ก.ย. และสร้างความเสียหายอย่างหนักแก่พื้นที่ชายฝั่งของเมืองโคควิมโบ

นางบาเชเลตระบุว่า รัฐบาลจะให้เงินช่วยเหลือครอบครัวที่ประสบภัยครอบครัวละ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 53,700 บาท) สำหรับการซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหาย และจะมอบเงินให้อีก 700 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 25,000 บาท) เพื่อชดเชยความเสียหายของสิ่งของต่างๆ นอกจากนี้ยังจะมีงบประมาณฉุกเฉินสำหรับช่วยเหลืออุตสาหกรรมประมงและท่าเรือซึ่งได้รับความเสียหายหนักที่สุดด้วย

"เรารู้ว่ามาตรการใดๆ ก็ไม่สามารถชดเชยความสูญเสียและความเจ็บปวดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหม่นี้ได้ แต่เราต้องการให้ประชาชนรู้ว่ารัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งพวกเขา" นางบาเชเลตกล่าว

ทั้งนี้ แผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) เป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดของปี 2015 แต่ชิลีได้รับประสบการณ์จากแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อปี 2010 ทำให้มีการอพยพประชาชนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพียง 13 ราย และขณะนี้เหลือผู้บาดเจ็บอีก 14 คน ขณะที่มีบ้านเรือนถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายไม่ถึง 2,000 หลัง จากการใช้กฎหมายควบคุมการก่อสร้างอย่างเข้มงวด

ชิลียังคงเผชิญอาฟเตอร์ช็อกจากแผ่นดินไหว 8.3 อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์เกิดอาฟเตอร์ช็อกความรุนแรงถึง 6.3 ทีเดียว

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ก.ย. 2558

ไม่น่าเชื่อ !! ชาวอินเดียกว่า 2.3 ล้าน แห่สมัครงานรับแค่ 368 อัตรา​

​

แข่งขันกันสุดฤทธิ์..ชาวอินเดียกว่า 2.3 ล้านคน แห่สมัครงานอย่างมืดฟ้ามัวดิน ทั้งที่ทางการรัฐอุตตรประเทศ ประกาศรับสมัครงาน แค่ 368 อัตรา เจ้าหน้าที่เผยว่า กระบวนการรับสมัครงานจะแล้วเสร็จคงใช้เวลานานถึง 4 ปี

เมื่อวันที่ 22 ก.ย.58 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงาน ความมากมายของประชากรในอินเดีย กว่า 1.26 พันล้านคน ส่งผลให้การได้งานทำ เป็นเรื่องต่อสู้ช่วงชิงกันอย่างเลือดตาแทบกระเด็น ล่าสุด ชาวโลกคงไม่อยากจะเชื่อว่า จากการที่ทางการรัฐอุตตรประเทศ ในภาคเหนือของประเทศอินเดีย ประกาศรับสมัครงานในตำแหน่ง พนักงานเสิร์ฟชา และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือรปภ.เวรกลางคืน จำนวนแค่ 368 อัตรา ปรากฏว่า ได้มีคนแห่สมัครงานแบบมืดฟ้ามัวดินถึงกว่า 2.3 ล้านคน

เจ้าหน้าที่ในรัฐอุตตรประเทศ กล่าวกับสื่อท้องถิ่นว่า จากการที่มีผู้คนแห่มาสมัครงานกันมากมายกว่า 2.3 ล้านคน หรือคิดเป็น 1% ของจำนวนประชากรในรัฐอุตตรประเทศนั้น ทางการจะเรียกผู้สมัครทุกคนมาสอบสัมภาษณ์ แต่เชื่อว่ากว่าที่กระบวนการจ้างงานคราวนี้จะเสร็จเรียบร้อยคงต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี

ด้านผู้สมัครคนหนึ่ง ซึ่งเรียนจบมาทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ และวิศวกรรมโทรคมนาคม กล่าวกับนักข่าวอินเดียว่า การมีงานทำ ย่อมดีกว่า การตกงาน เพราะตอนนี้ไม่มีการรับสมัครงานเลย ด้วยเหตุนี้เมื่อเขาเห็นประกาศรับสมัคร จึงรีบสมัครงานทันที ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย เคยให้คำมั่นสัญญากับชาวอินเดียไว้ว่าเขาจะพยายามสร้างงานในประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะสร้างงานให้ได้ 100 ล้านตำแหน่ง ภายในปี 2565

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ก.ย. 2558

รัสเซียเริ่มแล้ว! ส่งโดรนบินสำรวจน่านฟ้าซีเรีย ขนบินรบมาถึง 25 ลำ​

​

รัสเซียเริ่มภารกิจ..ส่งโดรน ปฏิบัติภารกิจ บินสำรวจทั่วรัสเซีย ยืนยันข่าวกองทัพรัสเซียส่งกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์มาตั้งฐานทัพในซีเรีย แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเผยข้อมูลอัพเดท ล่าสุด รัสเซียส่งครื่องบินรบเข้ามาแล้วกว่า 25 ลำ รถถัง15 คัน ฐานยิงขีปนาวุธ และกำลังทหารกว่า 500 นาย

เมื่อ 22ก.ย.58 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงาน อ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ2 นายว่า ขณะนี้ กองกำลังรัสเซียที่ตั้งฐานทัพอยู่ในซีเรีย ได้เริ่มต้นการส่งอากาศยานแบบไร้คนขับ (โดรน)จำนวนหลายลำ บินลาดตระเวณ ตรวจตราหนือท้องฟ้าในประเทศซีเรียแล้ว เพียงแต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯไม่สามารถยืนยันได้ว่า โดรนของรัสเซียเหล่านี้มีการติดอาวุธด้วยหรือไม่ รวมทั้งไม่อาจทราบจำนวนเที่ยวบิน หรือวันที่มีการส่งโดรนขึ้นไปลาดตระเวณเหนือท้องฟ้าซีเรีย เพียงแต่ความคืบหน้าของข่าวนี้มีการรายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นที่แรก

ซีเอ็นเอ็น ระบุ การยืนยันจากเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯว่า รัสเซียมีการส่งโดรนบินลาดตระเวณเหนือน่านฟ้าของซีเรีย ถือเป็นความเคลื่อนไหวหลังจากรัสเซียได้มีการจัดตั้งฐานทัพมีการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังทหารเข้ามาประจำการที่ฐานทัพในซีเรีย เพื่อช่วยประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ต่อสู้กับกลุ่มกบฏ ไปจนถึงกลุ่มติดอาวุธที่มีมากมายหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มมุสลิมนิกายสุหนี่หัวรุนแรง “รัฐอิสลาม” หรือไอซิส

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯนายหนึ่ง เผยว่า ข้อมูลล่าสุดที่ได้รับ ฐานทัพรัสเซียในซีเรีย มีเครื่องบินประจำการแล้วกว่า 25 ลำ ,เครื่องบินจู่โจม 1 ลำ,เฮลิคอปเตอร์ 15 ลำ ,รถถัง 15 คัน ,ฐานยิงขีปนาวุธ แบบภาคพื้นสู่อากาศ 3 เครื่อง และกำลังทหารภาคพื้นดินอย่างน้อย 500 นายอยู่ในซีเรีย

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ก.ย. 2558

ทัพรัฐบาลซีเรีย ถล่มเมืองอเลปโป ประชาชนดับ 32 ศพ​

​

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพรัฐบาลของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งประเทศซีเรีย ยิงจรวดโจมตีใส่กลุ่มกบฏในเมืองอเลปโป ทางตอนเหนือของประเทศอย่างหนักหน่วง แต่การโจมตีครั้งนี้ กลับทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมาก

รามี อับเดล เราะห์มาน หัวหน้ากลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (เอสโอเอชอาร์) ระบุว่า เมื่อวันจันทร์ (21 ก.ย.) กองทัพรัฐบาลยิงจรวดภาคพื้นสู่ภาคพื้น เข้าไปในเขต อัล-ชาร์ ทางตะวันออกของเมืองอเลปโป ซึ่งถูกฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลปกครอง แต่กระสุนไปตกในตลาดซึ่งประชาชนออกมารวมตัวกันพอดี

นายเราะห์มานระบุว่า การโจมตีทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบราย บางคนยังติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของอาคาร ขณะที่มีประชาชนเสียชีวิต 18 ราย อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเปิดเผยต่อสำนักข่าวอัลจาซีราว่า จำนวนประชาชนที่เสียชีวิตมากถึง 32 ราย

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 ก.ย. 2558

ไฟป่าแคลิฟอร์เนียเผาบ้านเรือนวอด 1,400 หลัง ดับแล้ว 6 ศพ​

​

รัฐแคลิฟอร์เนียยังคงเผชิญกับเหตุไฟป่ามากถึง 10 จุด โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงถูกส่งไปรับมือนับหมื่นนาย ขณะที่มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายถึง 1,400 หลังแล้ว...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา ยังคงเผชิญกับเหตุไฟป่าที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของรัฐ โดยมีบ้านเรือนถูกเผาทำลายไปแล้วกว่า 1,400 หลัง ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 6 คนแล้ว หลังมีผู้เสียชีวิต 1 คนจากเหตุไฟป่าจุดใหม่ทางใต้ของเมืองมอนเทอร์เรย์

รัฐแคลิฟอร์เนียส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงถึง 10,500 นาย รับมือไฟป่าที่มีถึง 10 จุด โดยจุดที่รุนแรงที่สุด 2 จุดอยู่ทางตะวันออกของเมืองแซคราเมนโตเรียกว่าไฟป่า 'บุตต์ ไฟร์' และไฟป่า 'แวลลีย์ ไฟร์' ทางเหนือของ หุบเขานาปา ตอนกลางของรัฐ ซึ่งทั้ง 2 จุดเผาผลาญพื้นที่ป่าไปแล้วกว่า 28,000 เฮกตาร์ (ราว 175,000 ไร่) แต่ทางการประกาศยกเลิกคำสั่งอพยพในพื้นที่แถบนี้แล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว 70% และ 50% ตามลำดับ

ล่าสุด ทางการแคลิฟอร์เนียได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบความเสียหายจากไฟป่า แวลลีย์ ไฟร์ และ บุตต์ ไฟร์ ซึ่งกลายเป็นไฟป่าที่รุนแรงที่สุดลำดับ 6 และ 7 ในประวัติศาสตร์ของแคลิฟอร์เนียไปแล้ว ขณะที่ประชาชนหลายพันคนที่ต้องอพยพออกจากบ้าน กำลังรอฟังข่าวว่า พวกเขายังมีบ้านให้กลับไปหรือไม่

ทั้งนี้ หน่วยดับเพลิงรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเมินว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. รัฐต้องใช้งบประมาณในการจัดการกับไฟป่าไปแล้วกว่า 244 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ยังน้อยกว่าปีก่อนที่ต้องใช้งบประมาณถึง 434 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 ก.ย. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

สุดซึ้ง ชมกระหึ่ม หนูน้อย 6 ขวบ เตือนสติพ่อแม่หย่ากัน เป็น"เพื่อนกันได้ไหม"?​

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเรื่องราวสุดประทับใจ เมื่อคุณแม่คนหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอที่ลูกสาววัย 6 ขวบของเธอ ได้อ้อนวอนให้พ่อแม่ของเธอที่หย่าร้างกันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ซึ่งเป็นภาพที่น่าตื้นตันใจอย่างยิ่งและมีผู้เข้าชมแล้วกว่า 6 ล้านครั้ง หลังจากที่คลิปวิดีโอของหนูน้อยคนนี้ถูกอัพโหลดลงโซเชียล

รายงานระบุว่า เชริช เชอร์รี่ คุณแม่ชาวแคนาดา จากเมืองเซอร์รี ประเทศแคนาดา ได้โพสต์คลิปวิดีโอสุดน่ารักของเทียน่า ลูกสาววัย 6 ปี ลงในเฟซบุ๊ก เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งมีความยาวประมาณ 3 นาที โดยคลิปวิดีโอเผยให้เห็นหนูน้อยเทียน่านั่งอยู่ตรงบันได ซึ่งพยายามที่จะขัดจังหวะการโต้เถียงกันของคุณพ่อคุณแม่ได้ชัดเจน โดยเธอได้พยายามพูดเตือนสติแม่ของเธอและอ้อนวอนให้คุณแม่ของเธอยอมรับ และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันกับอดีตสามีของเธอหลังจากที่ทั้งคู่หย่าร้างกัน

โดยเทียน่าได้กล่าวเตือนสติแม่ของเธอในคลิปวิดีโอว่า"คุณแม่พร้อมจะเป็นเพื่อนกับเขาหรือยัง อย่าทำตัวหยิ่งใส่กันเลย เป็นเพื่อนกันเถอะ หนูอยากให้ทุกอย่างดูเย็นลง ลองพยายามทำให้ดีที่สุดนะ หนูไม่อยากให้แม่และพ่อหนูถูกแทนที่ หนูอยากให้แม่และพ่ออยู่ที่นี่และเป็นเพื่อนกัน หนูไม่ได้จะทำให้มันแย่"

"หนูแค่อยากให้ทุกคนเป็นเพื่อนกัน และถ้าหนูทำได้ หนูว่าเราทุกคนก็ทำได้เช่นกัน หนูไม่ได้จะทำให้มันแย่ลงนะ แต่หนูพยายามจะทำให้ดีที่สุดจากใจเลย ไม่มีอะไรนอกจากนั้นจริงๆ หนูอยากให้แม่กับพ่อของหนูและทุกๆ คนเป็นเพื่อนกัน หนูอยากให้ทุกๆ คนยิ้ม หนูว่าแม่ทำได้ หนูว่าแม่สามารถลดอคติลงได้ หนูแค่อยากให้ทุกอย่างสงบลง ไม่มีอะไรอื่น เพื่อให้ทุกอย่างดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ไม่มีอย่างอื่น" เมื่อหนูน้อยพูดจบแม่ของเธอจึงกล่าวขอบคุณเทียน่าและดึงตัวเธอเข้ากอดและจูบ

ด้าน เชอร์รี่กล่าวว่าข้อความของลูกสาวเธอได้เตือนสติเธออีกทั้งยังเรียกน้ำตาและทำให้เธอรู้สึกผิด โดยเธอระบุว่า "ฉันนิ่งไปชั่วขณะ เธอสอนฉัน เตือนสติฉัน" ทั้งนี้ หลังจากที่คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกโพสต์ลงไปในเฟซบุ๊ก ทำให้มีผู้เข้าชมกว่า 6 ล้านครั้ง และเธอยังกล่าวขอบคุณข้อความที่แห่เข้ามาชื่นชมลูกสาวที่น่ารักของเธอ ซึ่งตอนนี้เธอได้กลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวและต้องทำงานถึง 2 แห่ง

มติชนออนไลน์ วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442813653

 

'เยิ่นต๊ะหัว-หมีเซี๊ยะ' ไหว้ ท้าวมหาพรหม เรียกความเชื่อมั่นท่องเที่ยวไทย​

​

'เยิ่นต๊ะหัว-หมีเซี๊ยะ' สักการะ-รำถวาย ศาลท้าวมหาพรหม หวังเรียกความเชื่อมั่น นักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างประเทศและคนไทย ท่ามกลางผู้ประกอบการ-ประชาชน ที่สนใจเป็นจำนวนมาก

วันที่ 22 ก.ย. ที่บริเวณศาลท้าวมหาพรหมแยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพื่อเป็นการฟื้นฟูภาพลักษณ์ และเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เชิญ 2 ดาราดังจากฮ่องกง มาสักการะท้าวมหาพรหม เพื่อตอกย้ำว่าประเทศไทยมีความปลอดภัยแล้ว

ทั้งนี้ การเดินทางมาสักการะท้าวมหาพรหม ที่แยกราชประสงค์ สถานที่ ซึ่งเคยเกิดเหตุระเบิด จนมีผู้เสียชีวิต 20 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน ของ "เยิ่น ต๊ะ หัว" และ "หมีเซี๊ยะ" 2 นักแสดงชื่อดังจากฮ่องกง เป็นการตอกย้ำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน และฮ่องกง ที่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลัก ให้มีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็คาดหวังว่าบรรยากาศแบบนี้ จะช่วยให้ทางการ "ฮ่องกง" ยกเลิกการประกาศเตือน ธงแดง ห้ามชาวฮ่องกงเดินทางมาไทย

โดยเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา "เยิ่น ต๊ะ หัว" ได้เดินทางมาสักการะท้าวมหาพรหม ที่แยกราชประสงค์แห่งนี้ ตามคำเชิญของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดย "เยิ่น ต๊ะ หัว" เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง และเป็นที่รู้จักของคนไทยจากการแสดงภาพยนตร์ มานาน

การเดินทางมาสักการะศาลท้าวมหาพรหม "เยิ่น ต๊ะ หัว" ได้กล่าวทักทายนักท่องเที่ยวและคนไทย อย่างเป็นกันเอง และมีสื่อมวลชนจำนวนมาก ทั้งของไทยและต่างประเทศ มาติดตามทำข่าว เพื่อต้องการเผยแพร่ภาพนี้ออกไปให้ต่างชาติได้รับรู้ว่าเมืองไทยปลอดภัยและน่าเที่ยว

"เยิ่น ต๊ะ หัว" บอกว่า "รัฐบาลไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี และปลอดภัยแล้วครับ" ขณะที่ เวลา 18.00 น."หมีเซี๊ยะ" นักแสดงที่มีชื่อเสียง อีกหนึ่งคนของฮ่องกง พร้อมด้วย นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินทางมาสักการะท้าวมหาพรหมด้วยเช่นกัน "หมี เซี๊ยะ" ได้รำถวายท่านท้าวมหาพรหมด้วย เพราะมีความศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกัน กับคนฮ่องกง ที่นิยมเดินทางมาขอพร และสมหวังตามที่ขอกันจำนวนมาก จนมีชื่อเสียงไปถึงฮ่องกง

โดยกิจกรรมในวันนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดขึ้น ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บริษัททัวร์ และผู้ประกอบธุรกิจย่านราชประสงค์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการฟื้นฟูการท่องเที่ยวของไทย หลังจากเกิดเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหมแห่งนี้ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวกลับคืนมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนและฮ่องกง เพราะถือว่า นักแสดงทั้ง 2 คน เป็นผู้มีอิทธิพลทางด้านความคิด ในการตัดสินใจของชาวฮ่องกง เพื่อให้ชาวฮ่องกง และจีน ตัดสินใจเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวกับไทยรัฐทีวี ว่า กิจกรรมที่มีขึ้นวันนี้ เป็นไปตามแผนการกระตุ้นการท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงปลายปี เพื่อประกาศให้ต่างชาติรู้ว่า การท่องเที่ยวไทยกลับมาสดใสเหมือนเดิมอีกครั้ง และหวังว่า จะได้ข่าวดีจากทางการฮ่องกง ในการยกเลิกประกาศเตือนธงแดง ห้ามชาวฮ่องกงมาไทย พร้อมทั้งยังมั่นใจว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และปลายปีนี้จะมีการจัดใหญ่ หรือ Big Event เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อีกครั้งหนึ่งด้วย

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ก.ย. 2558

ไล่ ‘ช้างป่า’ ภูหลวง ยกโขลงลงกินข้าว-พืชไร่ ชาวบ้านที่ จ.เลย​

​

ช้างป่าภูหลวง ขาดแคลนอาหารในธรรมชาติ ยกโขลงลงมากัดกิน ทำลายพืชไร่และนาข้าวของชาวบ้านใน อ.ภูเรือและวังสะพุง จ.เลย จนท.ต้องไล่ให้กลับเข้าป่า ชี้สาเหตุจากพืชผลที่ปลูกกำลังตั้งท้องใกล้เก็บเกี่ยว ช้างป่าจึงพากันลงมากิน...

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ก.ย. 58 นายชัยณรงค์ ดูดดื่ม หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง อ.ภูเรือ จ.เลย พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น) ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีช้างป่าเขตภูหลวงจำนวนหลายตัว ออกมากินพืชไร่ของชาวบ้านเสียหายหลายจุด ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้

จากการไปตรวจสอบ พบจุดที่ 1 ที่บริเวณป่าภูผักขี้นาก ช้างป่าได้ลงมากินนาข้าวของ นางละออง จุตตะโน เสียหาย 2 งาน, จุดที่ 2 พบช้างสีดอ 1 ตัว เข้ามากินข้าวไร่ของ นางจารุณี มหาชัย เจ้าหน้าที่จึงไล่เข้าป่าไป ทั้งสองจุดอยู่ในพื้นที่บ้านแก่งม่วง ต.ท่าศาลา อ.ภูเรือ จ.เลย และ จุดที่ 3 ช้างป่ากินนาข้าวและข้าวโพดของชาวบ้าน บ้านสำราญ ต.ท่าศาลา อ.ภูเรือ จ.เลย

นอกจากนี้ ยังพบจุดที่ช้างป่าลงกินและทำลายพืชผลทางการเกษตร ต.เขาหลวง และต.ทรายขาว อ.วังสะพุง จ.เลย เสียหายอีก 4 ราย 1. บริเวณนาข้าวและไร่มันสำปะหลัง นางทองหนัก โสกัณทัต พบร่องรอยช้างป่ากินทำลายข้าวนา เสียหายประมาณ 1 งาน และไร่มันสำปะหลัง เสียหาย 1 งาน 2. บริเวณนาข้าวนายสฤทธิ์ มูลองศรี พบช้างป่ากินทำลายข้าวนา เสียหาย 2 งาน 3. บริเวณนาข้าวนายแปลงก้านพลู พบร่องรอยช้างป่ากินทำลายข้าวนา เสียหาย 1 งานครึ่ง 4. บริเวณนาข้าวนางอดุลย์ บัวบาลบุตร พบร่องรอยช้างป่ากินทำลายข้าวนาเสียหาย จำนวน 1 ไร่

นายชัยณรงค์ ดูดดื่ม หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง กล่าวว่า สาเหตุที่ช้างป่าภูหลวงลงมากินพืชไร่ของชาวบ้านจนเสียหาย มีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ช่วงนี้ของทุกปี ชาวบ้านได้ปลูกข้าวและข้าวโพดอยู่ระหว่างตั้งท้อง ใกล้เก็บเกี่ยว ทำให้ช้างได้กินอาหารที่สมบูรณ์จึงออกจากป่ามากินพืชไร่ แม้ว่าทางเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าภูหลวง ได้แบ่งโซนให้ชาวบ้านเข้าไปทำกินในเขตพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง แต่ยังมีชาวบ้านบางส่วนเข้าไปบุกรุกพื้นที่ นำวัวควายปล่อยเลี้ยงตามธรรมชาติและแย่งกินอาหารของช้าง จนช้างมีอาหารไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่รอยต่อ อ.ภูเรือ กับ อ.ด่านซ้าย

"เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้ง จะเดินทางไปผลักดันช้างให้กลับเข้าป่า แต่ด้วยจำนวนช้างที่มีมากและออกจากป่าหลายจุดมากินพืชไร่ ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่มีน้อย และการเดินทางลำบาก จึงขอความร่วมมือจากชาวบ้าน เมื่อเห็นช้างมากินพืชไร่ อย่าได้ทำร้ายช้าง ให้ช่วยกันผลักดันเข้าป่าไป หรือรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที" นายชัยณรงค์ กล่าว.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ก.ย. 2558

คนร้ายบุกเดี่ยวจี้ร้านทองนครสวรรค์ กวาด 16 เส้น ค่าร่วมแสน​

​

คนร้ายสวมหมวกกันน็อก บุกเดี่ยวปล้นห้างทองแม่สุพร ใช้มีดจี้เจ้าของร้านวัย 66 ปี ก่อนคว้าสร้อยทอง 1 สลึง 16 เส้น รวมมูลค่าเกือบ 1 แสนบาท หลบหนี พบเคยถูกคนร้าย ก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้ว เมื่อปี 55 ...

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 22 ก.ย. 58 พ.ต.อ.สุกฤษฎิ์ บุญทรง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ พ.ต.ท.จิรศักดิ์ มหึเมือง รองผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วยชุดสืบสวนรุดลงพื้นที่เกิดเหตุห้างทองแม่สุพร อยู่บ้านเลขที่ 529 ถนนโกสีย์ ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ หลังจากได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายใช้อาวุธมีดบุกจี้ห้างทอง โดยขณะเกิดเหตุ มี นางสุพร ภู่พัฒนะกูล อายุ 66 ปี และ นางกาญจนา วงค์สาคร อายุ 62 ปี อยู่ภายในร้าน

นางสุพร กล่าวว่า กำลังจะออกไปเก็บผ้าใบหน้าร้าน ซึ่งในจังหวะนั้นคนร้ายใส่หมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ มีสติกเกอร์สีแดงด้านหลัง ใส่เสื้อแจ็กเกตแขนยาวสีกรมท่า ถุงมือสีดำ สวมกางเกงยีนต์ขายาวสีดำ และรองเท้าผ้าใบสีดำเข้ามาภายในร้าน แล้วดันประตูกรงนิรภัยเข้ามาพร้อมกับผลัก นางสุพร ล้ม และใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้มาที่ตัว ก่อนหันไปคว้าสร้อยคอทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 1 สลึง จำนวน 16 เส้น รวมน้ำหนัก 4 บาท มูลค่าเกือบ 100,000 บาท แล้วหลบหนีโดยใช้รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ขับมุ่งหน้าไปทางแยกสะพานเดชาติวงศ์

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตั้งจุดสกัดรอบตัวเมืองปากน้ำโพ ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนี และทำการสอบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากภายในร้านและบริเวณใกล้เคียง เพื่อหาหลักฐานนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อปี 55 ห้างทองแม่สุพร เคยเกิดเหตุในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว โดยครั้งนั้น คนร้ายกวาดสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง ไปจำนวน 20 เส้น รวมน้ำหนัก 5 บาท.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ก.ย. 2558

น้ำป่าจันท์เริ่มคลาย พบน้ำท่วม 9 อำเภอ-จนท.รื้อโพงพาง 10 กม.​

​

น้ำป่าจันทบุรี เริ่มคลี่คลาย ชาวบ้านเตรียมย้ายสิ่งของกลับเข้าที่อยู่ ภาพรวมประสบภัย 9 อำเภอ เดือดร้อนกว่า 3,200 ครัวเรือน ขณะที่ศูนย์ประมงทะเลไทยฝั่งตะวันออก นำจนท.เข้ารื้อถอนโพงพาง ระยะทางกว่า 10 กม. ใน 2 เดือน

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 58 สถานการณ์น้ำป่าในพื้นที่ จ.จันทบุรี ล่าสุดขณะนี้จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ต.วังใหม่ ต.วังโตนด อ.นายายอาม และ ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำเริ่มลดลงไปมาก แต่บางพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ พื้นที่เกษตรกรรมและบ้านเรือนประชาชน ระดับน้ำสูงประมาณ 20-30 ซม. ขณะชาวบ้านทำการสำรวจความเสียหายบ้านเรือน เพื่อเตรียมทำความสะอาด และขนย้ายข้าวของกลับที่อยู่อาศัยหลังน้ำลดลงสู่ภาวะปกติ

ส่วน ต.รำพัน อ.ท่าใหม่ ที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ได้รับน้ำป่าที่ไหลมาจาก ต.วังใหม่ ต.วังโตนด เข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรมและบ้านเรือนประชาชน โดยมีระดับน้ำท่วมสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 1 ม. ขณะหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับทาง ปภ. เจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน ยังคงคอยให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ทั้งการขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง การแจกจ่ายน้ำดื่มและอาหาร ให้กับชาวบ้านที่ยังพักอาศัยในบ้านที่ถูกน้ำท่วม จากการสังเกตพบว่า ระดับน้ำทรงตัวและเริ่มลดลงบ้างแล้ว คาดว่าในวันพรุ่งนี้ น้ำน่าจะลงมากกว่าเดิม เนื่องจาก ต.รำพัน เป็นพื้นที่อยู่ติดกับทะเล ซึ่งจะมีการระบายน้ำที่เร็วยิ่งขึ้น หากไม่ประสบกับเหตุน้ำทะเลหนุน

ขณะที่ทางจังหวัดได้รายงานสรุปความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้วทั้งสิ้น 9 อำเภอ 29 ตำบล 159 หมู่บ้าน คิดเป็นพื้นที่ประสบภัย 21.75% ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,252 ครัวเรือน 12,006 คน ความเสียหายเบื้องต้น มีบ้านพักเสียหาย 2 หลัง, สิ่งสาธารณประโยชน์, สะพาน 6 แห่ง, ฝายกั้นน้ำ 2 แห่ง, ถนน 3 สาย และพื้นที่เกษตรกรรมได้รับผลกระทบ 14,510 ไร่ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

นอกจากนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. ที่บริเวณท่าเทียบ บ้านปากน้ำแขมหนู ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ นายอังกูร รัตนพรหม หัวหน้าศูนย์บริการจัดการประมงทะเลไทยฝั่งตะวันออก จ.ระยอง ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้ารื้อถอนทำลายเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย โดยเฉพาะโพงพาง หลักรอ ที่กีดขวางทางน้ำ แม่น้ำลำคลอง และชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ซึ่งในพื้นที่ บ้านปากน้ำแขมหนู เขตอ.ท่าใหม่ โดยเฉพาะภายในคลองตาสังข์ ที่มีความยาวของคลองประมาณ 10 กม. ครอบคลุมพื้นที่ ต.ตะกาดเง้า ต.คลองขุด ต.รำพัน อ.ท่าใหม่ ต.บางกะไชย อ.แหลมสิงห์ ต.วังโตนด อ.นายายอาม พบเต็มไปด้วยโพงพาง หลักรอ ที่มีเจ้าของได้ทำการรื้อถอนไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่บางส่วนยังไม่ยอมรื้อถอน เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังเข้าทำการรื้อถอนผู้ที่ลักลอบฝ่าฝืนทั้งหมด

จากการสำรวจ จ.จันทบุรี มีโพงพางรวมจำนวน 1,893 ปาก มีผู้ประกอบการ 551 ราย โดยแยกเป็น อ.เมืองจันทบุรี 79 ราย 109 ปาก, อ.ท่าใหม่ 98 ราย 165 ปาก, อ.แหลมสิงห์ 95 ราย 131 ปาก, อ.ขลุง 216 ราย 1,393 ปาก และ อ.นายายอาม 63 ราย 95 ปาก ซึ่งที่ผ่านมาทางจังหวัดได้ปิดประกาศแจ้งให้ผู้ประกอบอาชีพประมงทราบล่วงหน้าแล้ว เพื่อเข้าทำการรื้อถอนในช่วงเดือน ก.ย.-พ.ย.นี้ โดยภาพรวมส่วนใหญ่ยอมรับได้และเข้าใจในเรื่องดังกล่าว มีเพียงบางส่วนที่ยังกระทำผิด จึงจำเป็นต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ก.ย. 2558

ไฟไหม้วัดลาดชะโด เมืองกรุงเก่า กุฏิวอด 8 ห้อง สูญไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน​

​

เกิดเพลิงไหม้วัดลาดชะโด จ.พระนครศรีอยุธยา ระดมรถดับเพลิง 2 เทศบาลรวม 10 คัน ระงับเหตุกว่า 1 ชม. พบกุฏิวอด 8 หลัง ค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท พระลูกวัดเผย เห็นกุฏิต้นเพลิงจุดธูปเทียนทิ้งไว้ ก่อนไปฉันเพลที่ กทม.

เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 22 ก.ย. 58 ร.ต.ท.ศุภกร ฉ่ำมณี ร้อยเวร สภ.จักราช อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่บริเวณกุฏิวัดลาดชะโด ม 3 ต.หนองน้ำใหญ่ อ.ผักไห่ จึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลตำบลลาดชะโด และเทศบาลข้างเคียงรวม 10 คัน รุดไปที่เกิดเหตุ พบเพลิงกำลังลุกไหม้ที่กุฏิทรงไทย 2 ชั้น ปลูกเรียงเป็นแถวยาว เพลิงลุกไหม้จากชั้นล่างของกุฏิหลังกลางแล้วลุกลามขึ้นชั้นบน ชาวบ้านช่วยกันดับเพลิงอย่างโกลาหล และรถดับเพลิงระดมฉีดน้ำสกัดไม่ให้ลุกลาม โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ตรวจสอบพบว่ามีกุฏิพระได้รับความเสียหายไปทั้งหมด 8 ห้อง ค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท

จากการสอบถาม พระณรงค์ สุขวัฒฑโณ พระลูกวัด กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีญาติโยมไปถวายสังฆทานให้กับพระลูกวัดรูปหนึ่งอยู่ในกุฏิที่เกิดเหตุ สังเกตเห็นว่าได้มีการจุดธูปเทียน จากนั้นพระที่วัดก็ไปฉันเพลที่ กทม. โดยปิดกุฏิไว้ หลังจากนั้นยังได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นและไฟลุกจากชั้นล่างลามไปชั้นบน เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการจุดธูปเทียน หรือไฟฟ้าลัดวงจร หม้อแปลงระเบิด ซึ่งจะได้ให้กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ก.ย. 2558

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ทางออกสำหรับอันตรายจากการผัดและทอด​

​

การทอดและผัดเป็นวิธีทำอาหารที่นิยมกันมาก แต่เกิดอะไรขึ้นบ้างในกระทะ …เคยรู้บ้างหรือเปล่า เมื่อเราเอาน้ำมันใส่กระทะ น้ำมันจะสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศ น้ำมันจะถูกแสง และน้ำมันจะได้รับความร้อนสูง ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วคือปฏิกิริยาการเติมออกซิเจน (oxidation) และผลที่ตามมาก็คือ

1. สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ในน้ำมันจะหายไป เช่นวิตามินอีของน้ำมันเอง หรือเบต้าแคโรทีน

2. ในน้ำมันจะมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้นปริมาณมาก กลุ่มแรกเป็น กรดไขมันชนิดทรานส์ ซึ่งจะว่าไปไม่มีอันตรายเท่าไร อีกกลุ่มหนึ่งเป็นสารโพลีเมอร์ที่เกิดจากการแตกตัวแบบผิดธรรมชาติ ถ้าร่างกายได้รับสารโพลีเมอร์ดังกล่าวซ้ำ ๆ นานสัก 20-30 ปีเซลล์ร่างกายจะเสื่อมสภาพ และเกิดโรคหัวใจ อัมพาต ข้ออักเสบ ภูมิแพ้ ภูมิต้านทานไวเกิน และกระทั่งมะเร็ง ฯลฯ

3. ผลจากการทอดด้วยความร้อนสูง เช่น 200-300 องศาเซลเซียส จะทำให้โปรตีนถูกเปลี่ยนสภาพเป็นสารอะโครเลอีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ทำให้โครงสร้างของแป้งและน้ำตาลเสียหาย และมีแป้งบางชนิดถูกเปลี่ยนไปเป็นสารก่อมะเร็ง เช่น แป้งจากมันฝรั่งที่ทอดในอุณหภูมิสูงจัด ๆ

วิธีผ่อนเบาอันตรายจากการผัดและทอด มีดังนี้

1. เปลี่ยนวิธีผัด

อย่าเอาน้ำมันใส่กระทะร้อน ๆ แล้วตั้งไฟให้ร้อนจัดจนเกิดควันสีขาวลอยขึ้นมา ควันสีขาวนั้นคืออนุมูลอิสระที่จะทำร้ายสุขภาพของเราทั้งสิ้น ให้หันไปใช้วิธีการผัดแบบจีนโบราณแทน กล่าวคือ เวลาจะเอากระทะตั้งไฟให้ใส่น้ำลงไปในกระทะเล็กน้อย รอจนน้ำร้อนแล้วจึงตักน้ำออก ใส่น้ำมันลงไปแทนแล้วผัดเลย ขณะผัดผักเขานิยมเติมน้ำซุปลงไปด้วย วิธีนี้จะทำให้อร่อยกว่า ทั้งยังช่วยลดอุณหภูมิในกระทะลงให้เหลือเพียง 100 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิขนาดนี้ไม่เป็นอันตรายต่อการทอดและผัด จะทำให้อาหารที่เอาลงไปผัดไม่ไหม้เกรียม คงรสชาติตามธรรมชาติเอาไว้ และรักษาคุณค่าทางอาหารของน้ำมันและอาหารเอาไว้ได้ด้วย วิธีผัดดังกล่าวจึงทั้งทำให้เราปลอดภัยกว่าและได้ประโยชน์จากสารอาหารมากกว่า หรือไม่เช่นนั้นก็ผัดแบบยุโรปโบราณ คือเอาผักใส่ลงไปในกระทะก่อน แล้วจึงเทน้ำมันราดลงไปในภายหลัง

2. ใส่สารต้านอนุมูลอิสระลงไปก่อนผัดหรือทอดทุกครั้ง

สารต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สามารถใส่ลงไปลดความเป็นอันตรายของน้ำมันได้แก่ สารที่มีสารประกอบกำมะถันสูง ๆ เช่น กระเทียม หอมใหญ่ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าบ้านเราสอนให้เอากระเทียมบุบใส่ลงไปผัดก่อนผัดอาหารทุกครั้ง นอกจากกลิ่นกระเทียมจะช่วยทำให้อาหารจานนั้นอร่อยขึ้นแล้ว ยังช่วยป้องกันอนุมูลอิสระในกะทะไม่ให้ทำร้ายเราด้วย

3. เลือกน้ำมันที่จะเอามาใช้ผัดหรือทอด

น้ำมันที่ดีในการเลือกเอามาผัดหรือทอด ได้แก่น้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหนึ่งตำแหน่งสูง ๆ ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วลิสง

ข้อดีข้อเสียของน้ำมันทั้งสองกลุ่มก็คือ น้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงเช่น น้ำมันหมู แม้ว่าเอามาผัดหรือทอดจะปลอดภัยกว่าเพราะมันไม่มีพันธะคู่ (double bond) ที่จะให้ออกซิเจนในอากาศลงไปรวมตัวให้เกิดอนุมูลอิสระ น้ำมันอิ่มตัวจึงปลอดภัยกว่าในแง่ที่ว่า ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งน้อยกว่า และป้องกันอาการเสื่อมของร่างกายได้มากกว่า แต่หากใช้มากเกินไป ก็จะทำให้ไขมันในเลือดสูงได้ ส่วนน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวหนึ่งตำแหน่งสูง แม้ว่าจะเอามาผัดหรือทอดแล้วเกิดอนุมูลอิสระน้อยกว่า เกิดสารก่อมะเร็งน้อยกว่า แต่ก็มักจะหายาก และมีราคาแพงมาก เช่นน้ำมันมะกอก

น้ำมันที่พอจะเอามาใช้ ที่ไม่ทำให้ไขมันในเลือดสูง และไม่เกิดอนุมูลอิสระมากเกินไป น่าจะเป็นกลุ่มกลาง ๆ ได้แก่น้ำมันทานตะวันที่มีกรดโอเลอิคสูง ๆ (high oleic sun flower) ไม่ใช่น้ำมันทานตะวันที่ขายในท้องตลาดธรรมดา หรือน้ำมันถั่วลิสงซึ่งเป็นน้ำมันที่หายากในบ้านเรา

4. ให้ใช้น้ำมันครั้งเดียวแล้วทิ้ง

น้ำมันที่เอามาทอด ให้ใช้แต่พอควร หรือใช้แต่น้อย เมื่อทอดอาหารเสร็จแล้วให้ทิ้งทุกครั้ง อย่านำกลับมาใช้ซ้ำ การประหยัดน้ำมันโดยการใช้ซ้ำจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้เป็นโรคเรื้อรังที่รักษายากและเสียเงินรักษามากกว่าราคาของน้ำมันที่ประหยัดได้มากนัก

5. เลิกกินอาหารทอดนอกบ้าน เพราะเราไม่สามารถควบคุมการใช้น้ำมันของพ่อค้าแม่ค้าได้

อาหารทอดยอดนิยมของคนไทยประเภท ปาท่องโก๋ กล้วยแขก ทอดมัน หอยจ๊อทอด ปลาทอด ไก่ทอดจากร้านแฟรนไชส์ชื่อดัง ฯลฯ เป็นอาหารที่ถูกทอดในน้ำมันซ้ำซากทั้งสิ้น ทำให้อาหารที่กล่าวมาเต็มไปด้วยอนุมูลอิสระ เมื่อกินเข้าไปก็จะร้ายสุขภาพได้ เช่น ปาท่องโก๋ที่พ่อค้าแม่ค้าไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเลย บางคนกินแล้วเจ็บคอ (หรือร้อนใน) ทุกครั้ง นั่นแหละอนุมูลอิสระจากการทอดเข้าไปทำให้เนื้อเยื่อในคอเกิดอาการอักเสบ เมื่อแบคทีเรียหรือไวรัสเข้าแทรกก็ยิ่งเจ็บคอมากขึ้น

ที่จริงอาหารทอดในอุตสาหกรรมก็ควรต้องเลี่ยงด้วย เพราะถึงแม้ว่าโรงงานอุตสาหกรรมจะมีการควบคุมการใช้น้ำมันว่าเมื่อเกิดอนุมูลอิสระมากจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้วต้องทิ้งน้ำมันก็ตาม แต่ส่วนมากการใช้น้ำมันในโรงงานอุตสาหกรรมก็ใช้ทอดซ้ำหลายวันอยู่ดี ดังนั้นขนมกรุบกรอบ บะหมี่สำเร็จรูป ซึ่งเด็ก ชอบกิน จึงเป็นอาหารที่ควรเลี่ยงด้วย

6. ใช้วิธีประกอบอาหารอื่นแทนการทอดหรือผัด

ใช้วิธีประกอบอาหารอื่นแทนการทอดหรือผัดเช่นต้ม หรืออบแทน ไม่ต้องทอด หรือผัดทุกครั้ง เช่นหากอยากกินปลาก็ควรเอามานึ่ง มาย่างหรือต้มกินก็ได้ ไม่ต้องทอดทุกครั้ง ผักก็เช่นเดียวกัน เอามาลวก หรืออบแทนการผัดก็ได้

ที่มา www.women.thaiza.com

 

มองโลก มองเรา "ผู้ลี้ภัยกับยุโรป-เศรษฐกิจจีน-เศรษฐกิจโลก"​

เผยแพร่เมื่อ 19 ก.ย. 2015
มองโลก มองเรา "ผู้ลี้ภัยกับยุโรป-เศรษฐกิจจีน-เศรษ­ฐกิจโลก" ช่วงที่1 20/09/2015​

 

มองโลก มองเรา "อิทธิพลของโลกภายนอกที่มีต่อประเทศไทย"​

เผยแพร่เมื่อ 19 ก.ย. 2015
มองโลก มองเรา "อิทธิพลของโลกภายนอกที่มีต่อการเปลี­่ยนแปลงและการเป็นไปในประเทศไทย" ช่วงที่2 20/09/2015​

 

มองโลก มองเรา "ผ่านมาเกือบ 3 ทศวรรษ มีความเหมือนและต่างกัน"​

เผยแพร่เมื่อ 19 ก.ย. 2015
มองโลก มองเรา "ผ่านมาเกือบ 3 ทศวรรษ มีความเหมือนและต่างกัน" ช่วงที่3 20/09/2015​

 

สเต็กปลาแซลมอนเจ (อาหารเจ) Veggie Salmon Steak​

เผยแพร่เมื่อ 10 ต.ค. 2013​

สเต็กปลาแซลมอนเจ (อาหารเจ) Veggie Salmon Steak ยุคนี้วิทยาศาสตร์การปรุงแต่งอาหารก้าวหน้­าไปมาก การนำเอาโปรตีนจากถั่วมาปรับแต่งปรุงรส ให้ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ ก็ช่วยให้ผู้ที่บริโภคเนื้อสัตว์ หันมาทานเจได้มากขึ้นและสเต็กแซลมอนเจ ก็คือหนึ่งในเมนูนั้น

 

สปาเก็ตตี้ผัดใบโหระพาเจ (อาหารเจ)​

เผยแพร่เมื่อ 11 ต.ค. 2013​

สปาเก็ตตี้ผัดใบโหระพาเจ (อาหารเจ) Stir Fried Spaghetti with Basil ในสูตรนี้เราจะเน้นเทคนิคการเตรียมซอสผัดน­อกกระทะ เพราะจะทำให้เราสะดวกในการทำอาหารมากขึ้น และยังช่วยให้ซอสผัดนั้นมีกลิ่นหอมโหรพามา­กขึ้นกว่าเดิม เจปีนี้คุณก็สามารถทำเมนูแปลกใหม่ได้มากยิ­่งขึ้น

 

ราดหน้าเห็ดหอมเจ (อาหารเจ)​

เผยแพร่เมื่อ 8 ต.ค. 2013​

ราดหน้าเห็ดหอมเจ (อาหารเจ) Gravy Noodle with Shitake Mushroom เมนูอาหารจานเดียวที่เป็นที่นิยมตลอดกาล ช่วงเจปีนี้ก็เลยมีสูตรสำหรับท่านที่ทานเจ โดยเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์ให้เป็นเห็ดหอมและ­ผักต่างๆแทน อร่อยและยังได้บุญด้วย

 

เส้นหมี่ราดหน้าเจ (อาหารเจ)​

เผยแพร่เมื่อ 30 ก.ย. 2014​

เส้นหมี่ราดหน้าเจ (อาหารเจ) Rice Vermicelli in Thick Gravy เมนูราดหน้าที่ใครหลายคนชื่นชอบที่อร่อยกล­มกล่อม หอมกลิ่นน้ำมันงา ครั้งนี้เราขอแนะนำเมนูเส้นหมี่ราดหน้าเจ ที่อร่อยไม่แพ้ราดหน้าแบบเดิมเลย ทั้งเส้นและน้ำราดเข้ากันมากๆ เพื่อนคนไหนที่กำลังมองหาเมนูอิ่มท้อง อิ่มบุญ อย่าลืมเอาไปลองทำกันดูนะครับ

 

ข้าวหน้าเห็ดและเต้าหู้ย่างเจ (อาหารเจ)​

เผยแพร่เมื่อ 28 ก.ย. 2014​

ข้าวหน้าเห็ดและเต้าหู้ย่างเจ (อาหารเจ) Grilled Mushroom and Tofu with Rice อาหารเจเป็นอาหารชีวจิตอย่างนึ่ง เนื่องจากเป็นอาหารที่ย่อยง่าย วัตถุดิบที่เลือกใช้ล้วนแล้วมีประโยชน์ เพื่อนๆ ที่กำลังมองหาเมนูเจอยู่ เราขอแนะนำ ข้าวหน้าเห็ดกับเต้าหู้ย่างเจ โดยมีเห็ดนานาชนิด และเต้าหู้ย่างให้กรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับน้ำซอสที่หอมๆ จากงาขาวคั่ว