ด่วนที่สุด ขอเชิญสมาชิกแสดงความคิดเห็นเพื่อ''ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย''

ปัจจุบันเด็กไทยห่างไกลพระพุทธศาสนามากๆ อยากให้ร่วมกันกระตุ้นให้เยาวชนไทยเข้าวัดตั้งแต่เด็ก โดยมีครอบครัวเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่ดี และน่าจะมีการบรรจุวิชาเกี่ยวกับธรรมมะและจริยธรรมในทุกชั้นเรียนตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ

ในส่วนของพระที่บวช อยากให้มีการกลั่นกรองคนเข้ามาบวชก่อนว่ามีความตั้งใจในการบวชไหม เนื่องจากบางคนทำตัวเกเร พ่อแม่เลยจับบวช พอมาบวชก็มาก่อปัญหาให้วัดก็มี ไม่ได้ว่า หรือลบหลู่นะคะ แต่ก็เคยเจอเหมือนกัน เพราะดิฉันไปทำบุญที่วัดบ่อยค่ะ แต่อย่างไรดิฉันก็ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเสมอค่ะ ถ้าข้อความไม่เหมาะสมอย่างไรต้องขอโทษด้วยนะคะ

 

ศาสนากับการปฎิรูปประเทศไทย
ประเทศไทยทุกวันนี้ต้องการแนวทางในการสมานฉันท์แห่งชาติ ซึ่งขณะนี้เองก็มีคณะกรรมการดำเนินการดังกล่าว คำถามคือทุกวันนี้ศาสนาหันหลังให้กับเยาวชนของชาติหรือเยาวชนของชาติหันหลังให้กับศาสนากันแน่ เพราะเยาวชนคืออนาคตของชาติในอนาคต แต่นับวันเยาวชนจะให้ความสนใจกับศาสนาน้อยลงน้อยลง จนน่าตกใจ เยาวชนของไทยส่วนมากให้ความสนใจทางด้านวัตถุ เช่นมือถือ มอเตอร์ไซด์ การแต่งกาย และสิ่งบันเทิงใจ เช่น แหล่งช๊อปปิ้ง โรงหนัง ตู้เกมส์คอมพิวเตอร์ รวมถึงดารานักร้องต่างชาติ เช่นนักร้องเกาหลี ซึ่งรวมๆแล้วคือลัทธิ สุขนิยม นั่นเอง มากกว่าการหันมาเข้าวัดเข้าวาหรือความสนใจในศาสนา ดังนั้นการที่จะนำเอาศาสนามาช่วยปฎิรูปประเทศไทยเรานั้น ต้องถามก่อนว่าเรามีบุคคลากรทางศาสนา ที่จะเข้าใจความสำคัญของการปฎิรูปไหม และจะปฎิรูปกันอย่างไร ดังนั้นสิ่งสำคัญในเวลานี้คือการให้ความรู้ความเข้าใจ และการอบรมกับบุคคลากรทางศาสนาเสียก่อนให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เป้าหมายเดียวกันทั้งประเทศ และจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องกำหนดเป้าหมาย วาระแห่งชาติในการปฎิรูปประเทศ ซึ่งจะต้องเตรียมการทั้งงบประมาณและบุคคลาการที่จะให้การอบรม ที่ผ่านมานักการเมืองของไทยมัวแต่แย่งอำนาจกัน เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ

 

ร่วมเสนอความคิดเห็น อยากให้มี ห้องสมุดธรรมมะ เล็กๆ เหมือนห้องสมุดชุมชนให้ทั่วๆ

อาจแบ่งเป็นสองส่วนส่วนอ่านหนังสือ กับ ส่วนที่สำหรับทำความสงบ

-ภายในห้องส่วนแรกสำหรับอ่านค้นคว้าหนังสือที่เน้นแนวธรรมมะและหนังสือที่อ่านได้ทุกเพศทุกวัย
-ภายในห้ิองส่วนที่สอง สำหรับทำสมาธิหรือทำความสงบ มีห้องสงบเงียบ มี พระพุทธรูป ประดิษฐาน สำหรับใครก็ได้ที่ผ่านไปมาเข้ามาพักใจ ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวาย ส่งเสริมพื้นที่พักใจ พื้นที่สงบสันติให้สังคม (หรืออย่างน้อย ทำตามจุดใหญ่ๆ สำคัญที่มีประชาชนผ่านไปมามากก็ยังดี )

 

ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ และจะเป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาโลก
การจะปฏิรูปประเทศไทย ต้องปฏิรูปนักการเมืองทุกระดับให้ดีเสียก่อน
เมื่อนักการเมืองทุกคนสามารถปฏิรูปตนเองได้ การปฏิรูปประเทศไทย
ก็เป็นเรื่องง่าย
การปฏิรูปนักการเมืองโดยใช้หลักศาสนา มี ๓ หลักง่ายๆ คือ
๑. ถือและปฏิบัติตามเบญจศีล เบญจธรรม
๒. รักษากุศลกรรมบท ๑๐
๓. มีหิริ และโอตตัปปะ
นักการเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ถึงระดับชาติปฏิบัติได้ตามนี้ ประชาชน
ในประเทศเมื่อเห็นนักการเมืองปฏิบัติเป็นแบบอย่าง ทุกคนในประเทศ
ก็จะปฏิบัติตาม ... บ้านเมืองสงบสุข ไม่ต้องปฏิรูปให้ยุ่งยาก สิ้นเปลือง
ทรัพยากรของประเทศ
ผมสงสารประเทศไทยครับที่ผู้ทำหน้าที่บริหารประเทศ ในทุกระดีบ มีแต่
พรหมพินาศธรรม คือ
๑. มัวเมาอำนาจ
๒. ฉ้อราษฎร์ บังหลวง
๓. หลอกลวงประชาชน
๔. ปกป้องคนเลว
หากผู้บริหารประเทศยังประพฤติตนเช่นนี้ อย่าใช้งบแผ่นดินมาปฏิรูปประเทศ
เลยครับ เพราะงบประมาณที่เป็นเงินภาษีของคนทั้งแผ่นดินจะถูกผลาญด้วย
นักการเมือง ....

 

วัดหน้าจะมีบทบาทที่ดีกว่าทุกวันนนี้..เพราะบ้างวัดเข้าไปแล้ว..เห็นพระบ้างรูป
เป็นนักธุระกิจมากกว่าจะสอนธรรมะ..

 

ขออนุโมทนา สาธุ... กับความคิดเห็นของทุก ๆ ท่านครับ

 

" ผู้นำดี... ผู้ตามดีด้วย " ฉันใดฉันนั้น " ผู้นำเลว... ผู้ตามเลวด้วย "

 

ผมว่าทุกท่านล้วนมีความคิดที่ดี มีหลักการของธรรมะทั้งนั้น ซึ่งไม่มีใครไม่รู้ ศีล5 ข้อ
เบญจธรรม5 ข้อ มีเพียงเท่านี้ประเทศนี้ก็สงบสุขแล้ว
ถ้าเป็นผู้นำประเทศแล้วยิ่งต้องปฎิบัติให้ได้
ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาคิดปฎิรูป

 

ขออนุโมทนาคร้าฟ

ข้าพเจ้าขอให้ศาสนาพุทธ ดำรงอยู่ในประเทศเราตราบนานเท่านาน
ขอให้พญานาคราช คุ้มครอง คนที่คิดดีทำดี ทำบุญทำทาน เป็นคนดีของสังคม ผู้ปฎิบัติธรรมทุขท่าน ให้ปลอดภัย คร้าฟ สาธุ

 

''ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย''

อันดับแรก...รณรงค์หรือประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่างๆ(เช่นทีวีเป็นต้นฯ)ให้คนในแต่ละศาสนาที่ตนนับถือหันมาศึกษาและประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของศาสนานั้นๆตามสมควรแก่ตน สำหรับผมนับถือพุทธ...ผมอยากให้ชาวพุทธทุกคนหันมาปฏิบัติธรรมกันให้มากๆไม่ใช่แค่รู้แต่ศาสนพิธีหรือพิธีกรรมต่างๆที่เรียกว่าเปลือกของศาสนาพุทธเท่านั้น อย่างน้อยที่สุดก็หัดเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ได้ ตามแนวสติปักฐาน 4 มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นต้น ส่วนใครจะเจริญสติได้มาก..น้อย เพียงใดก็แล้วแต่บุญและบารมีของแต่ละคน เ่ท่านี้ก็ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยและได้พบพระพุทธศาสนา เพียงแค่มีสติคอยตามรู้กาย ตามรู้ใจตัวเองอยู่เนืองๆ ไ่ม่ไปบังคับกายบังคับใจให้เคลียดและไม่ปล่อยกายปล่อยใจจนเผลอไปทำให้ผู้อื่นเดืีอดร้อนเท่านี้ก็ดีมากแล้วละครับในความคิดเห็นของผม...อยากให้สังคมไทยสงบสุขตัวเราต้องมีความสงบสุขก่อน...จริงใหม

 

ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย

การปฏิรูป : ความหมายคือการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงไปสู่สิ่งที่ดี
ศาสนาคือ : ความดีงามที่ไม่มีที่สิ้นสุดจนหลุดพ้น
ผมคิดว่าเราต้องปูพื้นฐานให้ประชาชนเราจริงจังกับการถือศีล5ตลอดชีวิตก่อน{ศีลปรมัทถ์คือถวายชีวิตให้กับพระพุทธเจ้า(มีที่วัดเกตุมวดีย์ศรีวนาราม สมุทรสาคร)}หรือ ถ้าบางอาชีพเช่นทำโรงฆ่าสัตว์ไม่สามารถรับศีลตลอดชีวิตได้ครบก็ให้เลือกรับเป็นบางข้อตลอดชีวิตเพราะจะเป็นพื้นฐานให้ยึดมั่นในความดีตลอดชีวิตไม่ทำให้ออกนอกลู่นอกทางได้(โดยเฉพาะผู้ที่เป็นสส.หรือคณะทำงานการเมืองและข้าราชการประจำ) และการให้ความรู้เกี่ยวกับศาสนาที่จริงจังและสามารถเข้าถีงประชาชนทุกเหล่า ทุกอาชีพ ทุกชุมชน และให้ความรู้เกี่ยวกับโทษที่เกิดขึ้นถ้าไม่ปฏิตามคำสอนของพระพุทธศาสนา และประโยชน์ที่ได้รับเมื่อปฏิตามคำสอนของศาสนา และเน้นให้ประชาชนหันหน้าเข้าวัดให้มากที่สุดเพื่อให้วัดศาสนา เป็นเครื่องกลัดเกลาจิตใจของเราให้สะอาดมากที่สุด และการสนับสนุนที่เป็นแบบอย่างของพระสมณเจ้าที่ทำดีแล้วประเสริฐแล้วยกมาเป็นตัวอย่างให้ประชาชนปฏิบัติตามให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจปฏิบัติตาแล้วเห็นผลจริงๆ ส่งเสริมทางสื่อหรือองค์กรต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแก่นแท้ของศาสนาของเรา แค่ให้ประชาชนถือศีล5อย่างจริงจัง(ถ้าเป็นไปได้ให้ถือตลอดชีวิต)เท่านี้ก็จะเป็นพื้นฐานที่ดีของทุกๆอย่างทุกๆเรื่องแล้ว(รวมถึงเรื่องการขัดแย้งด้วย) เปรียบเหมือนกับตึกถ้ามีฐานที่ดีที่มั่นคงก็สามารถที่จะก่อสูงขึ้นได้เรื่อยๆ แต่ถ้าฐานไม่มั่นคงแล้วก่อสร้างต่อไปก็มีแต่จะล้มเท่านั้น.

 

พุทธศาสนาจะปฎิรูปสังคมได้ต่อเมื่อ คนในสังคมยอมรับ คนจะยอมรับต่อเมื่อเขาได้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง แล้วเขาเห็นพระพุทธศาสนาในลักษณะที่สิ่งที่ควรเรียนรู้แล้วนำมาใช้การได้เหมือนวิชาที่เรียนในโรงเรียนอย่าง คณิต วิทย์ เป็นต้น ซึ่งพระพุทธศาสนามีสิ่งเหล่านี้อยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นพุทธกับการเมือง เศรฐศาสตร์ การบริหาร เรื่องในครอบครัว ฯลฯ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ค่อยได้นำมาสอน เราสอนกันแต่ศาสตร์ความเชื่อ แล้วก็บังคับให้คนเขาเชื่อให้เด็กรุ่นใหม่เชื่อ เรื่องความเชื่อจริงๆในพระพุทธศาสนามีไม่มากหรอกเพราะนอกจากเรื่องนรกสวรรค์ บุญบาปที่เป็นผลในทางนามธรรมว่ามีจริงไม่แล้ว นอกนี้ก็ไม่มีอะไร แต่เราสันหายัดเข้ามาแล้วบอกว่าเป็นพระพุทธศาสนา ฉนั้นต้องมีสื่อที่เผยแพรพระพุทธศาสนาที่เป็นหลักธรรมแท้ เข้าถึงคนได้ง่ายคือโทรทัศน์เป็นช่องเฉพาะ และแยกพระพุทธศาสนาออกจากหลักความเชื่องมงาย ถ้าอยากให้คนสนใจต้องทำศาสนสถานให้ปรับรูปแบบด้านต่างๆให้ทันสมัยตัวอย่างเช่น รูปแบบของวัดธรรมกายเป็นตัวอย่าง (เฉพาะรูปแบบการจัดการเรื่องคำสอนให้ยึดพระพุทธพจน์) ส่วนผลดีว่าพระพุทธศาสนาจะช่วยปฎิรูปสังคมอย่างไรบ้างนั้นทำให้สังคมดีได้อย่างไรนั้นมันไม่ต้องอธิบายกัน ขอให้ช่วยกันสอนพระพุทธศาสนาของจริงของพระพุทธเจ้าที่ใช้การได้กันเสียก่อน(พระพุทธพจน์)

 

ต้องลดแหล่งสถานันเทิงลงครับ ไม่ก็ให้เก็บภาษีสถานบันเทิงแพงๆ เพิ่มรายการธรรมะให้มากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเย็นถึงช่วงหลังข่าว เพราะว่าทุกวันนี้มีแต่สื่อที่ทำให้คนเกิดแต่กิเลส ต้องลดพวกนี้ลงแล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้น

 

การแก้ไขปัญหาประเทศ
ผมว่าแก้ที่ตรงนี้ถูกต้องที่สุดแล้วครับผม

อนุโมทนาครับ

 

ไม่ยากก็แค่ปฎิบัติตามคำสอนในศาสนาแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น

ก็ที่เป็นอยู่เพราะไม่ทำตามศาสนาสอนทำตามกิเลศมากกว่า ปฎิรูปไปก็เปลืองงบประมาณ

ถ้าไม่ปฎิบัติ ตัวหนังสือเขียนให้วิจิตรพิศดารซึ้งกินใจยังไหงก็ได้แต่ไม่เป็นผลถ้าเพิกเฉย

ละเลยในการปฎิบัติก็เหมือนกฎหมายที่ไม่ทำตามไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย

ทำตามที่ศาสนาแค่นั้นพอประเทศจะพัฒนา

เอาข้อเดี๋ยวนี้ให้ได้ก่อนจะดีมากถึงมากที่สุดคือ

มุสาวาท

อีกนิดหนึงจะดีขึ้น

หิริโอตัปปะ

 

มนุษย์แปลว่าผู้ประเสริฐ แต่บนโลกใบนี้จะมีสักกี่คนที่ป็นมนุษย์ เป็นคนยังยากเลย เดี่ยวนี้กลายเป็นสัตว์กันไปแล้ว คุณธรรมไม่มี ความเมตตาไม่มี ความสงสารก้อไม่มี อิจฉาริษยากัน เอารัดเอาเปรียบกัน ชิงดีชิงเด่น มัวเมาในอำนาจ ทุจริตแผ่นดิน คดโกงประชาชน ช่อราช บังหลวง มันเป็นกันซะแบบนี้

ฉะนั้น ๑. ต้องสอนวิชาพระพุทธศาสนาตั้งแต่อนุบาล
๒. สอนให้รู้จักใหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ
๓. สอนให้รู้จักละบาป สร้างแต่บุญกุศล
๔. รักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง
๕. รู้จักคุณของแผ่นดิน คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ คุณพระมหากษัตรย์ ผู้มีพระคุณ และคุณพระรัตนไตร เหนือสิ่งได้ในโลก
๖. มีพรหมวิหาร ๔
๗. รู้จักให้อภัยกัน ให้โอกาสเมื่อทำผิด
๘.ไม่ขายชาติ ขายแผ่นดิน
๙.สำคัญที่สุด ต้องรู้รักสามัคคีกัน
และชี้ให้เห็นถึงความสงบสุขทั้งทางกายและจิตใจเมื่อเข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา เราโชดดีกว่าใครๆที่ได้เกิดบนแผ่นดินนี้ มีในหลวงผู้เปี่ยมด้วยทศพิษราชธรรม มีพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวไทย ได้พบพระพุทธศาสนา มีอารยธรรมที่งดงาม ประเทศอื่นเขาอิจฉาเรา แถมว่าเราอีกว่า ประเทศนี้ดีหมด ยกเว้นคน... ฉะนั้นอย่า่่่่ให้ใครเขาว่าเราได้มาช่วยกันเถิดพี่น้องคราบ...

บูรพา ผู้อิสระ...
​

 

ขอแสดงความเห็นดังนี้

1. ให้เข้มงวดกับการบวชพระ และการรักษาวินัยสงฆ์ การรักษาพระไตรปิฏก และการปฏิบัติของพระ นิกาย ธรรมยุติ กับ มหานิกาย ให้ชัดเจนกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
ต้องมีบทลงโทษ จับสึกอย่างจริงจังหากผิดวินัย เช่น การสะสมเงิน ทอง การเรี่ยไร ที่เกินพอดี พุทธพาณิชย์ต้องเลิกเพราะผิดวัตถุประสงค์การบวช ผิดวินัยสงส์ ..ให้ตรวจตราสื่อ สำนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย พระนักเทศน์หาเงิน สำนักพิมพ์ บริษัทจำกัดที่เอาพระมาเชิดหากินกับเงินบริจาค เช่นพิมพ์หนังสือแจก ซีดีแจก แล้วหักค่าใช้จ่ายจากเงินทำบุญ ให้เก็บภาษีหรือออกกฏหมายห้าม
2. ให้ตั้งกฏเกณฑ์ เอาผิดกับพระเกเร พระบวชใหม่ พระที่เป็นพระอุปฌาย์ ให้เข้มงวด ให้ถอดถอน พระอุปฌาย์ ที่นำตำแหน่งมาหาเงิน หรือ โฆษณาวัด หรือ ไม่รับผิดชอบต่อพระที่ตนเองบวชให้ตามกฏเกณฑ์ของการเป็นพระใหม่ ให้มีองค์กรอิสระตัดสินพระที่ทำผิดวินัยสงฆ์
3. ให้มีองค์กรอิสระของประชาชนเข้าร่วม ตรวจสอบ พระทั้งสองนิกาย เช่นธรรมยุติ มหานิกาย ให้ตั้งพระอาวุโสพรรษาที่มีผลปฏิเวธ เป็นผู้ตรวจสอบ ปฏิเวธที่เกิดกับผู้ปฏิบัติ ว่าถูกต้องตามพระไตรปิฏกหรือไม่ก่อนออกไปสร้างวัดใหม่ หรือ ออกไปเป็นเจ้าอาวาส
4. ให้เก็บรวบรวมแบบอย่าง การปฏิบัติที่ผิดพลาดในการปฏิบัติ ขณะเกิดปฏิเวธ ทางสายพระป่า กับสายมหานิกาย เพื่อนำมาเป็นแบบอย่าง แก้ไข หาต้นเหตุ วิเคราะห์ วิจัย ทำเป็นหลักสูตรให้ชัดเจนเป็นระบบ และทำการสังคยานากันในทุกๆปี ตามเหตุปัจจัยการเกิดความเปลี่ยนแปลงของสังคมเทคโนโลยี่ ในเบื้องต้น เพื่อป้องกันการบิดเบือนพระศาสนา และบิดเบือนการสอนที่ผิดๆหรือขาดภูมิรู้
5. ให้ตรวจสอบ บัญชีพระและญาติพระ ที่เป็นเจ้าอาวาส หรือพระเกจิอาจารย์ ทุกวัด ห้ามพระทั้งสองนิกาย รับเงินทำบุญ ของญาติโยมเป็นเงินส่วนตัว..ให้มีเจ้าหน้าที่กำกับโดยตรง ป้องกันพวกบวชมาหาเงินและเอาวัดเป็นที่ทำกิน ทำเป็นบริษัทจำกัด
6. ให้ประกาศ ยกเลิก คนดีเด่น พระดีเด่น ของสังคมทั้งประเทศที่ได้ โล่ห์ เหรียญ ใบประกาศ ถ้วยรางวัล หรือนิกายช่วยประกาศโปรโมท หรือสื่อหนังสือพิมพ์แต่งตั้งทั้งหลาย...แล้วเริ่มทำดีจริงๆใหม่ ด้วยน้ำใสใจจริงๆ ที่สำคัญที่สุด ให้สอบสวนผู้เป็นกรรมการทั้งชุด ราษฎรอาวุโสมาก อาวุโสน้อยทั้งหมด ว่าดีจริง ทำจริงรึปล่าววว.
ฯลฯ เหนื่อย..ขอแค่นี้ก่อนครับท่าน ปรองแล้วอย่าดองงงงงงนะครับ

 

ศาสนากับการปฏิรูปประเทศไทย

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศาสนาอยู่แล้ว โดยเฉพาะศาสนาพุุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ต้องเป็นหลักในการสั่งสอนประชาชน การสั่งสอนประชาชนนั้นรัฐต้องจัดงบปรมาณในการฝึกอบรมครูอาจารย์ ให้รู้ถึงบาป-บุญคุณโทษ จนถึงให้เป็นผู้มีความละอาย-ความเกรงกลัวต่อบาป โดยวิธีฝึกปฎิบัติวิปัสนากรรมฐาน แล้วครูอาจารย์เหล่านี้นำไปฝึก นักเรียนนักศึกษาทุกระดับชั้น สำหรับประชาฃนทั่วไปมีพระสงฆ์อยู่แล้ว ก็จัดงบประมาณให้พระนำไปฝึกปฏิบัติตนเองแล้วไปฝึกประชาชน จนให้ประชาชนส่วนใหญ่อย่างน้อยต้องถือศีล ห้า ทุกวันพระ จนให้ประชานรู้จักคำว่า เมตตาธรรมค้ำจุนโลก แล้วไม่ต้องจัดอันดับให้สถาบันเป็นเทพ คนไทยไม่จำเป็นต้องมีเทพมาปกครอง

 

ในทุติยปาปณิกสูตร (องฺ. ปญฺญจก. (ไทย) ๒๒/๕๓/๕๖ ) พระพุทธเจ้าทรงกำหนดหน้าที่คุณลักษณะของนักบริหาร ดังนี้fficeffice" /><O></O>
๑. จักขุมา หมายถึง มีปัญญามองการณ์ไกล มีความสามารถวางแผน และฉลาดในการควบคุมใช้คนเป็น หรือชำนาญในการใช้ความคิด ( conceptual skill)<O></O>
๒.วิธุโร หมายถึง จัดการธุระได้ดี มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านคือมีเทคนิคและวิธีการที่ดี ( technical skill)<O></O>
๓. นิสยสมปันโน หมายถึง พึ่งพาอาศัยคนอื่นได้เพราะเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดี เป็นแม่งานในการดูแลต้อนรับ ผูกมิตรผูกใจผูกใจต่อพุทธศาสนิกชน มีความชำนาญในด้านมนุษย์สมพันธ์ ( human Relation skill)<O></O>
(พระธรรมโกศาจารย์ กล่าวไว้ในหนังสือ (แนวคิดและวิธีการปกครองคณะสงฆ์)