จิตนิ่งแล้ว ยกอะไรไปวิปัสสนา ??

คุณไม่ยึดเห็นทีอาจต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น โคตรยึด

เข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนไปมาก คงต้องจับตาเป็นพิเศษ ดูต่อไปว่าจะดีขึ้นหรือลงเหว...

 

อนุโมทนาครับ

 

บางสิ่งบางอย่างตัวเดิมนั่นแหละ..ที่เกิดขึ้นเอง

ผมว่าคุณคิดภาพตามไม่ออกมากกว่าครับ ที่บอกว่าบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นได้เอง ไม่ใช่เฉพาะกิเลส

เอาเป็นซักวันจะเข้าใจขึ้นกว่านี้ครับ

คำว่าตรงไม่ได้หมายความทุกคนต้องพูดให้ตรงกับตำราไปซะหมดอย่างนั้นเขาเรียกท่องจำ เหมือนข้อสอบเด็กปถม ส่วนเด็กมหาลัยเขาไม่ถามแบบนั้นไม่พูดแบบนั้น คนที่เข้าถึงและผ่านมาเหมือนกันจึงจะเข้าใจกันได้อย่างไม่สงสัย
และในที่นี้ที่ตอบๆกันนี้ก็มีหลายคนที่เข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องอธิบายขยายความมาก จะว่าไปก็เกือบจะทุกคนยกเว้นเพียงไม่กี่คน

พอๆกับพูดเรื่อง อัตตาและอนัตตา และ พระนิพพาน นั่นแหละ..พูดกันยังไงก็เข้าใจเสียที


เอาเป็นว่าผมจะปรับตัวให้ตรงก็แล้วกัน แต่ก็รอหน่อยนะเพราะส่วนตัวไม่ค่อยมีเวลาอ่านปริยัติ งานก็ยุ่ง แถมมีเรียน(ตอนแก่)อีก ยังดีที่มีสติ..พอจะแบ่งเวลาได้บ้าง

ขออนุโมทนาในการรักษาพุทธวัจนะมากครับ

 

เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดมีความรู้ความเห็นไม่ตรงกันในระหว่างการสนทนา
เนื่องจากต่างคนต่างเดินตามจริตหรือมีภูมิความรู้ของแต่ละท่านไม่เสมอกัน
การสนทนาจึงขัดแย้งกันบ้าง เป็นธรรมดา

ทั้งนี้ก็ไม่ควรมองข้ามเรื่องมานะ ควรตรวจดูจิตว่ามีอยู่หรือไม่

ความรู้ไม่ได้ทำให้เกิดมานะ แต่ความยึดมั่นในความรู้นั้นนั่นแหละจะทำให้เกิดป็นมานะ

ขออภัยที่เข้ามาขัดจังหวะครับ

 

ยกอะไรขึ้นวิปัสสนา

หลายท่านก็กล่าวมาแล้ว ขออณุโมทนาสาธุด้วย ลองใช้การภาวนาของผมเป้นตัวอย่างด้วยก้ได้นะครับ คือ การกล่าวสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยใจที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธองค์ ผมเชื่อว่าได้บุญมาก ได้อานิสงค์มาก.....

 

ข้อ1.
มหาสติปัฏฐาน 4 กาย เวทนา จิต ธรรม
พิจรณากองกองหรือ ยุบหนอพองหนอ อย่างเดียว เรียก กายานุปัสนา แต่ความจริง เวทนา จิต ธรรม มันแอบในกองลม

ข้อ2.-3.
รวมธรรมนอกธรรมใน ไว้ใน ไตรลักษณ์ เพ่งแค่ อนิจจัง เห็นอนิจจัง ทุกขังมันตามมาเอง เห็นทุกขัง อนัตตา มันตามมาเอง ครับ

สรุปใจความโดยส่วนมากเดินอานาพิจรณากองลม ก็ ตอบรวมๆเลย ว่า ก็ดูแค่กองลม ว่ามัน อนิจจัง รึป่าว สติปัฏฐาน และ ไตรลักษณ์จะวนรอบของมันเอง

 

อืมม...สั้นๆแต่ได้ใจความว่า " พิจารณากายใจนี้เป้นของไม่เที่ยง" นั่นเอง

ส่วนการพิจารณาในทางปฏิบัติก็จะแยกออกเป็นพิจารณาในส่วนของสัญญาขันธ์ หรือเรียกกันว่า "ย้อนพิจารณา" หรือบางท่านก็กล่าวไว้ว่าพิจารณา ณ.ขณะเวลานั้นเลยหากมีสติไวพอ

ขออนุโมทนาครับ

 

ในขันธ์ทั้ง 5 รูป เวทนา สัญญา สงขาร และวิญญาณ

ในขันธ์ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณเข้าไปตั้งเกิดดับไวมาก
ระดับพระโสดาดันยังเห็นแบบกระพริบๆ
จะเริ่มไปเห็นการเกิดดับของวิญญาณ ในระดับสกทาคามี

ปุถุชน จึงพิจรณษการเกิดดับในส่วนของรูป อายตนะ มีกองลมเป็นต้น หายใจเข้า ออก ติดขัด แน่นน่าอกเกิด เวทนา ก็คือเวทนานุปัสนา จากกองลมนั่นเอง พอแน่นน่าอกทุกขเวทนาเกิด จิตก็เศร้าหมอง เกิด ปิติ สุขเวทนา จิตก็ผ่องใส ซ่อนในกองลมทั้งนั้น ส่วนตัวผมก็พิจรณาขณะนั้นแหละครับ เป็นการซ้อมวสี ให้วางที่อุเบกขาไวที่สุด อารมมากระแทกก็ วิตก วิจารณ์ ปัดทุกข์ทิ้ง เข้าอุเบกไปก่อน เรื่อยๆ