ฆ่าตัวอัตตาตาย.....ได้ไปนิพพาน^^

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย COME&Z, 20 มกราคม 2012.

  1. วันเบาๆ

    วันเบาๆ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +2
    ที่มา-จากกระแสพระบรมราโชวาท
    พระราชทานแก่คณะกรรมการสภายุวพุทธิกะสมาคมแห่งชาติ
    เนื่องในโอกาสเข้าเฝ้า ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
    วันอังอารที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๖

    (ขออนุญาติคัดแต่ใจความสำคัญเพื่อไม่ยาวเกินไป-เจ้าของกระทู้^^)

    ...........แต่ก็ขอแหย่หรือตั้งข้อสังเกตุหน่อย อย่างเช่น โครงการให้หยุดบริโภคเหล้าในวันพระ อันนี้ก็ไม่เสียหายอะไร เป็นอุบายที่จะให้กำลังใจ

    เพราะว่า ถ้าเห็นว่าเหล้าผิดศีลทางพุทธศาสนาก็ควรจะระงับเลย

    ถ้าสมมุติในวันพระเราไม่ดื่ม ก็เป็นการแสดงกำลังใจว่าเรามีความตั้งใจระงับทั้งวัน แต่ก็ดูนาฬิกาตลอด อยากให้หมดวันพระเร็วๆจะได้ดื่มเหล้า ก็จะทำให้เสียยิ่งกว่าที่จะได้ อันนี้พูดเล่น เดี๋ยวไปเอาจริงจะเมาแอ๋กันใหญ่

    แต่มองอีกแง่หนึ่ง หากมีความจำเป็นต้องเข้างานสังคม ซึ่งเราก็อยู่ในสังคม เราก็ต้องปฏิบัติตามที่เขาทำกันในสังคมพอควร

    เกิดมีงานเลี้ยงกันในวันพระ แล้วเราปฏิเสธ ไม่ดื่ม ไม่แตะ มันจะมีผลเสียเหมือนกันในทางที่แสดงถึงว่า เราไปขัดจังหวะของงานสังคมเขา ไม่ร่วมสังฆกรรม ไม่ร่วมชีวิต อันนี้ก็เสียหายเหมือนกัน

    เราอาจดูว่างานสังคมนี้เป็นของต่ำต้อย เป็นเรื่องของโลก แต่เราก็"อยู่ในโลก" ถ้าเราอยู่ในสังคมเราก็ต้องปฏิบัติ ถ้าไม่แตะต้องเหล้าเลยตามที่เขาดื่มกัน เราก็กลายเป็นคนนอกสังเวียน
    และอีกอย่าง เราก็เสียหายเพราะโกหกตนเอง

    ฉะนั้นโครงการที่ว่าไม่ดื่มเหล้าในวันพระก็ดูจะมีผลเสียด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ขัดคอเพราะว่า คนเราต้องมีกำลังใจ ต้องถือว่าวันนี้วันพระ เรามีกำลังใจที่จะเว้นจากการดื่มเหล้า

    .......สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ เราดื่มเหล้าได้ ไม่มีใครมาห้าม มีผิด แต่อย่าดื่มเหล้าจนเมา อย่าดื่มเหล้าจนเกินไปจนเดือดร้อนหรือสิ้นเปลือง เราทำแต่น้อยพอควร ไม่ใช่ตนไม่ดื่มเหล้าเลย เพราะว่าเราก็ไม่ใช่ไปถือศีล เรายังมีหน้าที่ แล้วก็ไม่ได้ไปอาราธนาศีลทุกวัน และแม้จะอาราธนาศีลจะไปทำอย่างเกินไปก็ไม่ถูกต้อง

    ........ฉะนั้น ถ้าคนที่มีกำลังใจจริงๆ ดื่มเหล้าก็ดื่มไป "ตามโอกาส" แต่ไม่ให้มากเกินไป ไม่ให้ติด ไม่ให้สิ้นเปลืองจนเกินไป

    ที่มายกเรื่องนี้เป็นตัวอย่างเพราะว่ามันต่อเนื่องไปได้ว่า

    การกระทำของเราทำอะไร "อย่าให้เกินไป"
    .....อันนี้เป็นด้านค้นคว้าหลักของพุทธศาสนาในการปฏิบัติทุกวัน


    ที่มา-หนังสือ ธรรมะจากพระโอษฐ์
    (ที่สุดแห่งธรรมะที่ในหลวงตรัสด้วยพระองค์เอง)
    เรียบเรียงโดย ณัฐวุฒิ แจ๊ดสูงเนิน
    __________________
    ผู้เห็นธรรมย่อมไม่หวั่นไหวในโลกธรรม





    [​IMG]
    อนุโมทนาครับผม สุดยดเลยครับผม
     
  2. วันเบาๆ

    วันเบาๆ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +2
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ COME&Z
    รับทราบค่ะ เข้าใจๆ คนเรามันก็มีบ้างไรบ้าง สำคัญที่จิตปล่อยวาง..... สบาย สบาย


    เบาๆสบายๆ

    ดีมากๆเลยครับ
     
  3. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    รับทราบค่ะ^^


    ถ้าคุณอ่านทุกข้อความของอีชั้น คุณจะเห็นว่า ไม่มีข้อความไหนเลย ที่อีชั้นสนับสนุนการฆ่าตัวตาย-_-! มีแต่บอกว่า "อายหมาขี้เรื้อนมัน"^^ น่าเวทนา เนื้อตัวเน่าเฟะ น้ำหนองไหลเยิ้ม ยืนตัวสั่นงันงก มันยังไม่ไปฆ่าตัวตายเลยนะท่าน^^(ธรรมดาของสัตว์ย่อมรักษาชีวิตจนนาทีสุดท้าย เพราะมายาของจิตทำให้เราสำคัญว่า รูปนี้คือเรา สังขารนี้คือเรา ขันธ์๕นี้คือเราใช่หรือไม่คะ) เราทำเหมือนท่านโคธิกะไม่ได้ ถ้าเรายังตัดตรงนี้ไม่ได้จริงๆ จิตย่อมทุรนทุราย เพราะความรักตัวกลัวตายในวินาทีสุดท้าย ถึงตอนนั้นก็กลับมาแก้ตัวใหม่ไม่ได้แล้ว^^
    เพราะฉะนั้น บรรดาผู้หวังมรรคผลนิพพานพึงเร่งเจริญภาวนา วิปัสนา เพื่อเห็นจิตในจิตให้เป็นอนัตตา เมื่อจิตเห็นอนัตตา จิตย่อมเบื่อหน่าย คลายความกำหนัด เข้าสุปัญญาวิมุตติ คือความว่าง ว่างจากกิเลส และสิ่งปรุงแต่งทั้งหลาย ทำแล้วก็ทำอีกไปเรื่อยๆ ให้จิตจำ เปรียบเทียบดูระหว่างเวลาที่จิตฟุ้งซ่านวุ่นวายไปกับกิเลสตัณหาต่างๆ เมื่อกิเลสนั้นดับไปแล้ว พึงจดจำความว่างวิมุตตินั้นไว้ ทำไปบ่อยๆจิตมันจะรู้ มันจะฉลาด มันจะจำได้ว่าวิมุตตินั้นอยู่ที่ไหน เหมือนจิตนี้มีทางกลับบ้านแล้ว จำทางกลับบ้านได้แล้ว ในเวลาคับขันของชีวิต จิตมันจะได้วิ่งกลับบ้าน(วิมุตติ)ได้โดยอัตโนมัติ เพราะทำบ่อยจึงจำได้เป็นอัตโนมัติ

    เหมือนที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านชอบใช้คำว่า ไปนั่งพักในนิพพาน ไปนั่งเล่นในนิพพานนั่นแหล่ะ แต่เป็นนิพพานวิมุตติในจิตเรา หาใช่เมืองแก้วเมืองสวรรค์ภายนอกไม่^^
     
  4. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    รู้ตัวว่ากลัวเจ็บนี้ประเสริฐแล้วค่ะ ไม่มีอะไรประเสริฐเท่าการรู้จักตนเอง^^

    ถ้ารู้ตัวว่ากลัวเจ็บแปลว่ายังตัดความยึดมั่นถือมั่นว่ารูปนี้คือเรา เวทนานี้คือเรา ขันธ์๕นี้คือเรายังตัดไม่ได้ ขืนทำตามท่านโคธิกะ ก็มีแต่ นรก ทุขติ วินิบาตเป็นที่ไปแน่นอนค่ะ^^
     
  5. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    ถึงหากว่าคุณตัดความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์๕ได้จริง คุณย่อมไม่ทุกข์ เมื่อทุกข์หมดไปเแล้วคุณจะไปบ้าฆ่าตัวตายทำซากอะไรหล่ะคะ จริงป่าว มันก็ไม่มีเหตุผล หมดเหตุผลที่จะฆ่าตัวตาย นี่ถ้าเรามีปัญญาจริงเราต้องวางใจอย่างนี้ ต้องคิดได้อย่างนี้

    เรื่องของท่านโคธิกะ ก็เป็นวิถีของท่าน
    สัตว์ย่อมมีกรรมที่ปรุงแต่งให้หยาบและปราณีตแตกต่างกัน
    (แตกต่างกันทั้งด้านรูปธรรม นามธรรม วีถีธรรม และวิถีกรรม^^)
    หากคิดแต่จะทำตามผู้อื่น โดยไม่รู้จักตนเอง ไม่เข้าใจจิตตนเอง ย่อมไม่รู้วิถีของตนเองเหมือนคนมืดบอด รู้ตนเองนั่นแหล่ะประเสริฐที่สุด

    เจริญและเบิกบานในธรรมค่ะ สาธุๆๆ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2012
  6. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    จิตที่รักษาดีแล้ว ฝึกดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้
    สาธุ สาธุ สาธุ_/|\_:)
     
  7. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    ผมนำคำครูอาจารย์เรื่องการฆ่าตัวตายของพระโคธิกะ ให้น้องๆได้อ่านกัน
    เพื่อให้ทราบที่มาที่ไป ว่าเหตุใดพระโคธิกะฆ่าตัวตาย แต่บรรลุอรหันต์ได้
    และได้เตือนน้องๆ ว่าอย่าไปทำตาม เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เพราะการฆ่าตัวตายนี้
    ไปอบายแน่นอน(จิตเศร้าหมอง)พยายามเน้นย้ำในประเด็นนี้ ไม่ได้มีเจตนาว่ากล่าวผู้ใดเลย
    หากทำให้คุณCOME&Z เข้าใจผิด ก็ขออภัยด้วยครับ..
     
  8. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    ค่ะคุณคนฝั่งโขง^^ ความคิดเห็นก็ไปทางเดียวกันนี่นะ อิอิ ดีค่ะ เพื่อความกระจ่างและความเข้าใจอันดีของทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่าน^^
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ นิพพานังปัจโยโหตุ_/|\_:)
     
  9. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    ไม่รู้จัก และก็ไม่เชื่อ ...เพราะมันไร้ประโยชน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2012
  10. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    อนุโมทนา


    อนุโมทนา เจ๊าค๊าาาาาาาาาาาาาาาา(k)(k)(k)(k)(k)
     
  11. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    สําหลับ คู่กรณี

    ทางห้อง วิทย์ เราก็ได้เปิดกระทู้ พระเต้นอโกโก้ ให้ไปเเล้ว นี่หน่าาาาา

    ทําไม ใส่กันทุกห้องเลยล่ะจ๊าาาาาาา กลับไปใส่กันที่ห้องเดิมก็ได่น๊า
    เพื่อมีคนเขา สน ใจศึกษาเรื่องของ เจ้าของกระทู้ เขาจะได้ไม่มึนงง น่ะจ๊ะ

    เเต่ถ้าเห็นว่าห้องเดิม มัน รก รุงรังไปเเล้ว จะจัดกันในห้องใหม่ โดยไม่ต้องไปเกรงใจใคร ก็ ได้จ๊าาาาา เอาตามท่าน มหาทั้งหลายสดวก ก็เเล้วกันเนอะ
     
  12. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    อริยสัจแห่งจิต

    เมื่อครั้งที่หลวงปู่ดูลย์ออกจาริกธุดงค์จากวัดม่วงไข่ บ้านกุดก้อม อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๖๓ การเดินทางในครั้งนั้นไม่มีกำหนดการที่แน่นอน และเดินทางด้วยเท้าตลอด บางแห่งหยุดพัก๕วัน บางแห่งหยุดพัก๗วัน ตามแต่ความเหมาะสม

    คณะของหลวงปู่ได้จาริกถึงถ้ำพระเวส (ถ้ำพระเวสสันดร) บนเทือกเขาภูพาน จังหวัดนครพนม จึงได้บำเพ็ญภาวนาอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้นเป็นเวลานานเกือบตลอดฤดูแล้ง ท่านได้เล่าให้สานุศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า

    "เราได้ตริตรองพิจารณาตามหัวข้อหลักของกรรมฐานที่ได้รับจากอาจารย์ใหญ่(หลวงปู่มั่น)ที่ว่า "สัพเพ สังขารา สัพพสัญญา อนัตตา ก็บังเกิดความสว่างไสวรู้แจ้งตลอดว่า เมื่อสังขารดับไปแล้ว ความเป็นตัวตนจักไม่มี เพราะไม่ได้เข้าไปเพื่อปรุงแต่ง ครั้นเมื่อความปรุงแต่งขาดไป และสภาพแห่งความเป็นตัวตนไม่มี ความทุกข์จะเกิดขึ้นแก่ใครได้อย่างไร"

    ความรู้ในธรรมะดังกล่าวก็คือ ความรู้แจ้งในหลักปฏิจจมสุปบาท คือเหตุและผลของการเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง

    นอกจากนี้ หลวงปู่ยังไก้ค้นพบธรรมะที่เป็นหัวใจคำสอนในพระพุทธศาสนา และได้รู้ซึ้งถึงแก่นในเหล่าธรรมทั้งหลาย แล้วสรุปลงเป็น"อริยสัจแห่งจิต"ด้วยถ้อยคำของหลวงปู่เองว่า
    "จิตส่งออกนอกเพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้น เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตส่งออกนอกแล้วหวั่นไหว เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ"

    หลวงปู่เล่าว่า"เมื่อพิจารณาตามหลักอริยสัจ๔โดยเห็นแจ้งดังนี้แล้ว ย่อมหมายถึงการผ่านเลยความรู้ในปฏิจจสมุปบาทไปแล้ว เนื่องเพราะความรู้ในเหตุแห่งทุกข์ การดำรงอยู่แห่งทุกข์ และวิธีดับทุกข์นั้น คือแก่นกลางแท้จริงของปฏิจจสมุปบาท"

    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล สามารถอธิบายธรรมะในอริยสัจ๔นี้ เป็นธรรมะหมวดแรกที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิเมื่อ๒,๕๐๐กว่าปีมาแล้ว ได้อย่างแจ่มแจ้งในคราวนี้เอง

    ที่มา-หนังสือ อตุโล ไม่มีใดเทียม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2012
  13. DevaIsis

    DevaIsis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,005
    ค่าพลัง:
    +4,600
    เท่าที่ทราบ หากบุญเหลือ แล้วไม่อยาก ต่อสังขาร ก็ตายแล้วฟื้นจนกระทั่งจะหมดบุญ

    เช่น พระองคุลีมาร หากจำไม่ผิด ท่านโดนขว้างก้อนหินใส่ พอร่างแหลกสลาย ก็หลอมรวมเป็นร่างเดิมอีก

    ให้เขวี้ยงก้อนหินใส่ใหม่
     
  14. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    ขอบคุณค่ะ คุณ DevaIsis^^:cool:
     
  15. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    ทุกข์ ควรรู้

    สมุทัย ควรละ

    มรรค ควรเจริญ

    นิโรธ ควรทำให้แจ้ง

    เจริญและเบิกบานในธรรมค่ะ สาธุๆๆ^^
     
  16. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    การปฏิบัติธรรมที่แท้

    อีกวิธีหนึ่งที่หลวงปู่ชี้แนะไว้สำหรับผู้ที่สนใจจะปฏิบัติทางด้านสมาธิวิปัสสนาเพียงอย่างเดียว[สมาธิมี2อย่างคือ 1.สมถะ นี้ปฏิบัติเพื่อความสงบ 2.วิปัสสนา นี้ปฏิบัติเพื่อปัญญารู้แจ้ง-COME&Z] เพราะเหตุผลอื่นใดก็ตาม หลวงปู่ถือว่าการปฏิบัติธรรมอย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่ไหน

    ในเมื่อกายยาวหนึ่งวา หนาหนึ่งคืบนี้แล เป็นตัวธรรม เป็นตัวโลก เป็นที่เกิดแห่งธรรม เป็นที่ดับแห่งธรรม เป็นที่ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้อาศัยบัญญัติไว้ซึ่งธรรมทั้งปวง แม้ใครใคร่จะปฏิบัติธรรมก็ต้องปฏิบัติที่กายและใจเรานี้ หาได้ไปปฏิบัติที่อื่นไม่

    ..........ดังนั้นไม่จำเป็นต้องหอบสังขารนี้ไปที่ไหน ถ้าตั้งใจจริงแล้วนั่งอยู่ที่ไหน ธรรมก็เกิดที่ตรงนั้น นอนอยู่ที่ไหน ยืนอยู่ที่ไหน เดินอยู่ที่ไหน ธรรมก็เกิดที่ตรงนั้นแล

    ..........ยิ่งผู้ใดสามารถปฏิบัติภาวนาในท่ามกลางความวุ่นวายของบ้านเมืองที่มีแต่ความอึกทึกครึกโครม หรือแม้แต่กระทั่งในขณะที่รอบๆตัวมีแต่ความเอะอะวุ่นวาย ก็สามารถกำหนดจิตตั้งสมาธิได้ สมาธิที่ผู้นั้นทำให้เกิดได้ จึงเป็นสมาธิที่เข้มแข็ง และมั่นคงกว่าธรรมดา

    ..........ด้วยเหตุที่สามารถต่อสู้เอาชนะสภาวะที่ไม่เป็นสัปปายะ คือไม่อำนวยนั่นเอง เพราะว่าสถานที่ที่เปลี่ยวนั้นย่อมเป็นสัปปายะ อำนวยให้เกิดความสงบอยู่แล้ว จิตใจย่อมจะหยั่งลงสู่สมาธิได้ง่ายเป็นธรรมดา

    ..........การเดินจงกรมจนกระทั่งจิตหยั่งลงสู่ความสงบนั้น จะเกิดสมาธิที่แข็งแกร่งกว่าสมาธิที่สำเร็จจากการนั่งหรือนอน
    หรือเข้าป่ายิ่งนัก

    ที่มา-หนังสือ อตุโล ไม่มีใดเทียม
     
  17. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    หลักธรรมของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล

    จิตคิด จิตเกิด จิตไม่คิด จิตไม่เกิด
    .....จิตคิด จิตถูกทำลาย จิตไม่คิด จิตไม่ถูกทำลาย
    .....จิตปรุงแต่ง จิตถูกทำลาย จิตไม่ปรุงแต่ง จิตไม่ถูกทำลาย
    ..... จิตแสวงหา จิตถูกทำลาย จิตไม่แสวงหา จิตไม่ถูกทำลาย
    .....จิตปราถนา จิตถูกทำลาย จิตไม่มีความกำหนัด จิตไม่ถูกทำลาย

    .....ทิ้งหมด รู้หมด ทิ้งหมด ได้หมด
    .....ไม่ทิ้งเลย ไม่รู้เลย ไม่ทิ้งเลย ไม่ได้เลย
    .....ทรงจิตเข้ามรรคจิต แล้วจิตพิจารณาจิต
    .....รู้ธรรมในจิต แล้วถนอมมรรคจิต
    .....จงทำให้ชำนิชำนาญ
    .....จิตอบรมจิต รู้ธรรมภายในจิต แล้วอบรมธรรมในธรรมภายในจิต
    .....ผู้รู้ไม่คิด ผู้คิดยังไม่รู้ รู้แล้วไม่ต้องคิดก็เกิดปัญญา
    .....เอาธรรมมาอบรมธรรม รู้ธรรมในธรรม

    .....เอาธรรมชาติมาปฏิบัติธรรมชาติ ให้รู้ธรรมชาติในธรรมชาติ
    .....เอาธาตุมาปฏิบัติธาตุ ให้รู้ธาตุในธาตุ
    .....เอาธรรมอบรมในธรรม เอาจิตอบรมจิต ให้รู้ธรรมภายในจิต
    .....รู้แล้วละวาง ปล่อยทิ้ง และไม่อาลัย
    .....และไม่ยึดมั่นธรรมต่างๆ
    .....ธรรมที่เกิดขึ้นในจิต ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว
    .....บาปบุญเปรียบเหมือนมารยา
    .....เกิดขึ้นแล้วดับ ปล่อยทิ้งทั้งสอง

    .....มีแต่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    .....สิ้นแห่งความรู้ หุบปากเงียบ อิ่มในธรรม
    .....ธรรมเต็มธรรม ไม่มีธรรมนั่นคือธรรม

    ที่มา-www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_doon/lp-doon_3_09.htm
     
  18. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    สูตรอายุยืน

    โดยทั่วไปหลวงปู่ดูลย์มีร่างกายที่แข็งแรง รูปร่างค่อนข้างสูงโปร่ง ผิวพรรณผ่องใส สะอาดหมดจด การยืน เดิน นั่ง นอน กระฉับกระเฉงคล่องแคล่ว ไม่มีการรีรอลังเล แม้ท่านจะมีอายุมากก็ตามที เมื่อเปรียบเทียบกับบุคลที่อยู่ในวัยเดียวกัน ทุกคนจะยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่า หลวงปู่เป็นคนแข็งแรงและสุขภาพดี

    เป็นเหตุให้มีผู้ไต่ถามท่านบ่อยครั้งว่า ทำอย่างไรให้มีสุขภาพดีอย่างท่านบ้าง

    หลวงปู่ตอบว่า "เมื่อหิวก็กิน เมื่อง่วงก็นอน และทำงานตามหน้าที่ด้วยความเอาใจใส่และความรับผิดชอบเป็นอย่างดี เท่านี้ก็ทำให้แข็งแรงได้"

    มีพิจารณาแล้วก็เห็นจริงตามท่าน ปกติร่างกายคนเรา เมื่อเกิดความหิวก็ต้องกินอยู่แล้ว เพื่อยังอัตภาพร่างกายให้เป็นไปได้ แต่คนทั่วไปไม่เป็นเช่นนั้น ไม่ได้กินเท่าที่ร่างกายต้องการ แต่กินเพื่อสนองตัณหา คือความอยากด้วย

    เรื่องการนอนก็เหมือนกัน เมื่อร่างกายต้องการพักผ่อนนอนหลับ ก็แสดงอาการง่วงให้ปรากฏ หลวงปู่ก็นอน ครั้นร่างกายได้รับการพักผ่อนเพียงพอแล้ว ท่านก็ตื่นและไม่นอนอีก

    แต่พวกเรามีนอนหลายประเภท นอนเพราะร่างกายต้องการพักผ่อน นอนเพราะอยากนอน นอนเพราะขี้เกียจทำงาน นอนอ่านหนังสือ นอนฟังเพลง นอนเล่น นอนเพราะไม่มีอะไรทำ เป็นต้น

    อิริยาบท ๔ ของเรา คือยืน เดิน นั่ง นอน จึงดำเนินไปอย่างไม่ได้สัดส่วนเหมาะสม ปัญหาด้านสุขภาพจึงติตตามเรามา

    การงานและภาระหน้าที่เป็นกิจกรรมจำเป็นสำหรับทุกคน การเอาใจใส่รับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างดีนั้น ทำให้สุขภาพจิตดี ไม่โลดแล่นไปด้วยอำนาจกิเลสตัณหา ด้วยอำนาจของความเกียจคร้าน ด้วยการทอดธุระ เป็นต้น นอกจากทำให้กิจการงานเสียหายแล้ว ยังทำให้สุขภาพจิตไม่ดีอีกด้วย

    สุขภาพจิตดีอันเกิดจากการรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่นี้ มิใช่เป็นเพียงสุขภาพจิตที่ดีอย่างธรรมดา แต่เป็นสุขภาพจิตที่ดีถึงขนาดบรรลุมรรค ผล นิพพานได้ ถ้าได้รับการปฏิบัติอย่างเอาใจใส่เป็นเวลานานพอสมควร

    ..........ดังนั้น เราท่านทั้งหลายพึงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมในตน วางแนวทางดำเนินชีวิตตามที่หลวงปู่แนะนำคือ

    "เมื่อหิวก็กิน เมื่อง่วงก็นอน และทำงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบด้วยความเอาใจใส่"

    ที่มา-หนังสือ อตุโล ไม่มีใดเทียม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2012
  19. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ขออนุโมทนา ในคำสอนของหลวงปู่ ดูลย์ อตุโล และท่าน จขกท.ที่นำมาแสดง
    โดยส่วนตัวก็ศรัทธาในคำสอนของ องค์ท่านอยู่แล้ว
    ง่ายๆ สั้นๆ แต่ลึกซึ้งกินใจ ...สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

    ฆ่าตัวตาย.....ไปนิพพาน^^

    ฆ่ากิเลสในตัวตาย...ได้ไปนิพพาน !
     
  20. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    ขอบคุณค่ะพระคุณเจ้า_/|\_
    ใช่แล้วค่ะพระคุณเจ้า "ตายซะเถอะ อัตตา"55555+สะจายยย ได้ฆ่าอัตตา^^
    สาธุ สาธุ สาธุ นิพพานังปัจโยโหตุ_/|\_
     

แชร์หน้านี้

Loading...