คุยกันฉันท์เพื่อน - ( ๔๑) ^_^

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ชนินทร, 17 กันยายน 2009.

  1. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    เรื่องกฎของกรรม โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    ...บางทีเราก็สร้างใหม่ เพราะเราขยันสร้าง อย่าไปโทษเก่าเสมอไปเลย โทษปัจจุบันดีกว่า คือทุกสิ่งทุกอย่างโทษปัจจุบันไว้ดีกว่า ป้องกันตัวไว้ บางอย่างก็อาศัยกรรมเก่าที่เราทำมา มันให้ผลจึงมีความเห็นผิด บางอย่างสิ่งแวดล้อมมันเกิดขึ้นในปัจจุบันทำให้เราเห็นผิด ก็คิดว่าไอ้กรรมเก่ามันแค่ไหนก็ช่างมัน ไม่สนใจ ทำกรรมใหม่ให้ดีไว้เสมอๆ ดีกว่าอย่าไปคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว กรรมเก่ามันจะเลวมันจะชั่วก็ช่างมัน

    อย่าลืมว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ได้เพราะอาศัยความดีหลายอย่าง

    ๑.เราเคยมีศีล ๕ บริสุทธิ์ หรือมีกรรมบถ ๑๐ บริสุทธิ์ เราจึงเป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ได้

    ๒.เรามีทรัพย์สินเพราะเราเคยให้ทาน

    ๓.เรามีปัญญาคิดอะไรได้บ้าง เพราะเราเคยอบรมในด้านความดี ในด้านธรรมมาก่อน

    ...เราต้องคำนึงของ ๓ อย่างนี้ เพราะมันเป็นความดีเดิม
    ในเมื่อเราเป็นมนุษย์ได้แล้ว เราจะกลับไปเป็นสัตว์นรกอีกไหม…
    ถ้าเราทำลายศีลข้อใดข้อหนึ่ง นั่นแสดงว่ามันจะกลับไปนรกอีก

    ประการที่ ๒ เราเกิดมาเป็นคนตระหนี่ เป็นคนดีพอกลับไปเราก็ต้องกลับไปแก้ผ้าใหม่

    ...และประการที่ ๓ เราทำลายสติสัมปชัญญะของเราให้มันเสื่อมทรามลง เป็นการทำลายของเดิมที่เราก่อมาแล้วให้สลายตัวไป ถ้าเราคิดอย่างนี้แล้วจะดีขึ้น

    ...ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงสั่งสอน อย่าตามนึกถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว และจงอย่าคำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง พยายามรักษาความดีปัจจุบัน
    ถ้าปัจจุบันของเราดี เพราะอารมณ์ของเราจริงๆ ไม่มีอดีตไม่มีอนาคตหรอก มันมีแต่ปัจจุบัน คือให้มีความรู้สึกว่าเดี่ยวนี้อยู่เสมอ คืออารมณ์ทำเป็นอาจิณกรรม ถึงแม้ว่าครั้งละเล็กละน้อยมันก็ชิน อาจิณกรรมถ้าเป็นฝ่ายอกุศล มันมีโทษถึงอนันตริยกรรมได้ แต่ถ้าอาจิณกรรมฝ่ายกุศลมันก็มีผลมหันต์เหมือนกัน

    ...ถ้าเราไม่ตามนึกถึงมัน เรามุ่งหน้าทำแต่ความดี อันดับเลวที่สุดถ้าเราเป็นพระโสดาบัน กรรมที่ไม่ดีนั้นจะให้ผลลงอบายภูมิไม่ได้ มันจะให้ผลแต่เพียงว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ไหม่เท่านั้น มันตัดอบายภูมิ ใช่ไหม…ได้กำไรตั้งเยอะ ดีไม่ดีเป็นอรหันต์เสียชาตินี้หมดเรื่องหมดราวไปเลย เพราะมันเหลือแค่เศษกรรม ใช่ไหม…ดอกเบี้ยมันนิดหน่อย เอาอย่างนั้นนะ

    ...จำไว้แค่นี้ก็แล้วกันนะ เอาเวลานี้ให้มันดีอยู่เสมอ อย่าไปเอาเวลาอื่นนะ เวลาปัจจุบันนี้เมื่อความรู้สึกยังมีอยู่ ให้จิตมันว่างจากอารมณ์ที่เป็นอกุศล ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ทรง อนุสสติ

    ...อนุสสติ แปลว่า การตามนึกถึง คือให้นึกถึงความดีอยู่เสมอ

    อนุสสติ ก็มี พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ จาคานุสสติ เทวตานุสสติ มรณานุสสติ กายคตานุสสติ อุปสมานุสสติ และ อานาปานุสสติ
    ถ้าเราตามนึกถึงอนุสสติอย่างใดอย่างหนึ่ง มันเป็นเรื่องของความดี ทีนี้ความดีที่เราจะไปชำระหนี้ความชั่วเดิมให้หมดไป ถ้าจะไปนิพพานรับรองไม่ได้ไปแน่ เพราะอะไร เกิดทุกชาติก็สร้างเรื่อย เสริมความชั่วอยู่เสมอ ทีนี้ทางพระพุทธศาสนาเราไม่มีการล้างบาป แต่ว่าในทางพุทธศาสนาให้สร้างกำลังจิตในด้านความดีให้มีกำลังสูงเพื่อหนีบาปให้พ้นไป ถ้าจิตติดด้านความดีฝ่ายสูงมันก็มี ๔ ขั้น คือ

    ๑.พระโสดาบัน
    ๒.พระสกิทาคามี
    ๓.พระอนาคามี
    ๔.พระอรหันต์

    โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    นภาอิน (ผู้โพสต์ในเฟสบุ๊ค)

    FB_IMG_1543025853188.jpg
     
  2. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    #เราทบทวนตัวเองอยู่หรือไม่

    ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ยิ่งปฏิบัติไป กาย วาจา ใจของเราต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่ปฏิบัติเท่าไร ก็ยังเหมือนเดิม จริตนิสัยของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เราสามารถพัฒนากาย วาจา ใจ ของเราให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้

    โดยเฉพาะในส่วนของการที่ต้องระมัดระวังเพื่อส่วนรวม เราอาจจะคิดว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม เราตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติของเราไป คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่างหัวมัน เราจะคิดอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้าคิดแบบนั้นแสดงว่ากำลังใจของเรายังหยาบจนเกินไป ไม่รู้ว่าการปฏิบัติของเรานั้นเป็นทุกข์เป็นโทษให้กับคนอื่นเท่าไร

    การปฏิบัติธรรมที่ดีอย่างแท้จริงนั้น ต้องระมัดระวังไม่ให้กาย วาจา ใจ ของเราเป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่น เรียกว่าจะคิดอะไรก็ต้องคิดด้วยความเมตตา จะพูดอะไรก็ต้องพูดด้วยความเมตตา จะทำอะไรก็ต้องทำด้วยความเมตตา โดยเฉพาะถ้าผู้อื่นยังปฏิบัติไม่ถึงระดับที่เราทำได้ เขาย่อมมีกาย มีวาจา มีใจ ที่บกพร่องเป็นปกติ ถ้าสามารถชี้แนะได้ให้ช่วยชี้แนะเขาด้วย ถ้าสามารถชักนำเขามาในทางที่ดีได้ ก็ให้ช่วยชักนำด้วย อย่างน้อยก็เป็นการอนุเคราะห์ ต่อเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ของเรา ทำให้ระยะทางในการเวียนว่ายตายเกิดของเขาสั้นลง ขณะเดียวกัน..ตัวเราก็ได้อานิสงส์เวยยาวัจมัย คือการขวนขวายเพื่อบุญเพื่อกุศลของคนอื่นเขา
    ดังนั้น..ถ้าทุกท่านที่ปฏิบัติอยู่ คิดทบทวนด้วยความระมัดระวังโดยไม่เข้าข้างตัวเอง เราจะเห็นว่า..เรายังมีข้อบกพร่องอยู่มาก และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเราไม่แก้ไข วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่าผ่านไป กาย วาจา ใจ ของเรายังไม่มีความก้าวหน้า ก็แปลว่าการปฏิบัติของเราก็หาความก้าวหน้าไม่ได้ไปด้วย

    ในการที่เราจะพิจารณาเพื่อแก้ไขการประพฤติปฏิบัติของเรา ต้องเป็นการพิจารณาแบบไม่เข้าข้างตัวเอง ใช้หลักการพิจารณาของบรรพชิต (นักบวช) ๑๐ ประการก็ได้ ที่ท่านพิจารณาว่า กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่ เราต้องทำกาย วาจา ใจ เหล่านั้นให้ได้... ตัวเราเองติเตียนตัวเราเองโดยศีลได้หรือไม่ ?... ผู้รู้พิจารณาแล้วติเตียนตัวเราเองโดยศีลได้หรือไม่ ?...ฯลฯ เป็นต้น
    โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระรัตนตรัย ถ้ากำลังใจของเรายังหยาบอยู่ การประพฤติปฏิบัติที่หยาบ อาจจะล่วงละเมิดในพระรัตนตรัย เป็นการปรามาสในพระรัตนตรัยด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ โดยตัวเราเองก็ไม่รู้สึกว่าเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย ในเมื่อเป็นดังนั้น โอกาสที่จะเป็นพระอริยเจ้าก็ไม่มีเลย เมื่อยังไม่เคารพในคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ยังมีการล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจอยู่เป็นปกติ ย่อมขาดคุณสมบัติที่จะเป็นพระโสดาบันไปโดยปริยาย เท่ากับปิดประตู ตัดโอกาสเข้าถึงมรรคผลของตนไปอย่างน่าเสียดาย

    ดังนั้น..ในการปฏิบัติทุกครั้ง ให้เราทบทวนตนเองอยู่เสมอว่า เราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? ตอนนี้ทำไปถึงไหน ? ยังเหลืออีกมากน้อยเท่าไร ? เรายังมุ่งตรงต่อเป้าหมายหรือไม่ ? เป็นต้น

    ถ้าท่านทั้งหลายปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีการสำรวมกาย วาจา ใจเป็นปกติแล้ว เราก็มาดูในเรื่องของลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาของเรา เพราะถ้าลมหายใจเข้าออกทรงตัว ก็แปลว่าสมาธิของเราตั้งมั่น ความแหลมคมของสติสัมปชัญญะจะมีขึ้น สามารถรู้เท่าทันกิเลสต่าง ๆ ที่จะมาชักจูงเราไปสู่ฝ่ายต่ำ เมื่อเป็นดังนั้น..เราก็จะสามารถระมัดระวัง ป้องกันกาย วาจา ใจของเรา ไม่ให้ไหลลงสู่ที่ต่ำได้

    เมื่อดูลมหายใจ ดูคำภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวตั้งมั่นแล้ว ท้ายสุดก็อย่าลืมพิจารณาให้เห็นว่า สภาพร่างกายของเรานี้มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้

    ร่างกายนี้สักแต่ว่าประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้เราอาศัยอยู่ชั่วคราว ถึงเวลาก็เสื่อมสลายตายพังไป ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่ก็มีแต่ความทุกข์ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีความทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการอีก การเป็นเทวดาเป็นพรหม พ้นทุกข์ได้ชั่วคราว เราก็ไม่ปรารถนา ให้ตั้งใจไว้ว่า "ถ้าเราตายเมื่อไรขอไปพระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น"

    แล้วเอาจิตจับแน่วนิ่งอยู่กับพระนิพพาน ถ้ายังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ เราก็ดูลมหายใจเข้าออกของเราไป ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ก็กำหนดคำภาวนาของเราไป ถ้าไม่มีลมหายใจเข้าออก ไม่มีคำภาวนา ก็กำหนดการรู้อยู่ตรงนั้น อย่าดิ้นรนให้พ้นจากสภาพเช่นนั้น และอย่าอยากให้เป็นสภาพเช่นนั้น สมาธิจะได้ทรงตัวเข้าสู่ระดับที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ลำดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันเสาร์ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดพุทธบริษัท
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร

    FB_IMG_1543036428735.jpg
     
  3. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    มนุษย์ ๗ ประเภท...



    20181124_121702.jpg
     
  4. รักโพธิญาณ01

    รักโพธิญาณ01 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +98
    แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าถูกหมายเกณฑ์โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    เมื่อคืนนี้(22 พ.ย.2561)หลังจากลอยกระทงเสร็จแล้ว ครั้นเมื่อใกล้เช้ามืดในเวลาประมาณ 03.00-04.00 น.ผมฝันว่าไปที่ไหนสักแห่งหนึ่ง จำไม่ได้ และสถานที่นั้นๆไม่คุ้นเคยมาก่อน คนเยอะมาก บังเอิญตาผมเหลือบไปพระสงฆ์รูปหนึ่งเข้า ผู้คนไม่สนใจหรอก มีแต่ผมนี่แหละเข้าไปหา ปรากฎว่าเป็นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ โอว จิตใจของผมเองปลื้มปีติมากเลย เหมือนท่านนั่งคอยใครสักคน เข้าไปกราบสักการะพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานหรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ผิวพรรณท่านเหลืองอร่าม หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ท่านมีเมตตา ผมเข้าไปถามหลวงพ่อฤาษีลิงดำว่า "ขอให้หลวงพ่อสอนกรรมฐานให้ผมหน่อยซิครับหลวงพ่อ" หลวงพ่อพยักหน้าแบบช้าๆ ท่านไม่พูดอะไรออกมายิ้มอย่างเดียว ทั้งๆที่ผมไม่เคยไปวัดท่าซุงมาก่อนหรือที่ไหนมาก่อน แต่ผมกราบไหว้หลวงพ่อฤาษีลิงดำตลอดระลึกถึงท่านน่ะ ผมคิดว่าหลวงพ่อท่านมาสงเคราะห์กับผมแบบเจาะจงน่ะ ผมตื่นขึ้นมาจำภาพติดตาว่าหลวงพ่อท่านผิวพรรณเหลืองอร่ามสวยงามตามฉบับคนที่มีศีลธรรม นี่คือครั้งแรกที่ผมฝันถึงหลวงพ่อ เพื่อนๆใครรู้มั่งว่าหลวงพ่อท่านสื่อสารอะไรกับผมน่ะ ขอบคุณครับที่แสดงความคิดเห็นล่วงหน้าน่ะครับ
     
  5. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384

    กราบโมทนาด้วยค่ะคุณรักโพธิญาณ...

    ขออนุญาตนะคะ....

    ท่ามกลางคนมากมายในสังคม.... มีเพียงคุณคนเดียวที่สนใจกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ... พร้อมกับกราบขอให้ท่านเมตตาสอนกรรมฐานให้...

    กราบโมทนาด้วยนะคะ... ถือเป็นศิริมงคลอย่างยิ่งค่ะ
     
  6. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    อารมณ์พระโสดาบัน

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    (หลวงพ่อฤาษี) วัดท่าซุง จ. อุทัยธานี

     
  7. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    วิธีฝึกจิตให้เป็นพระโสดาบัน

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    (หลวงพ่อฤาษี) วัดท่าซุง จ. อุทัยธานี

     
  8. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    วิธีฝึกจิตให้เป็นพระสกิทาคามี

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    (หลวงพ่อฤาษี) วัดท่าซุง จ. อุทัยธานี



     
  9. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    วิธีฝึกจิตให้เป็นพระอนาคามี

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    (หลวงพ่อฤาษี) วัดท่าซุง จ. อุทัยธานี

     
  10. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    วิธีฝึกจิตให้เป็นพระอรหันต์

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    (หลวงพ่อฤาษี) วัดท่าซุง จ. อุทัยธานี

     
  11. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384


    Screenshot_20181124-183130_Facebook.jpg
     
  12. ดาราแฟร์

    ดาราแฟร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,660
    ค่าพลัง:
    +2,461
    ครับผม
    วันนี้ ท้องฟ้าและอากาศ ดูแปลกๆ พิกลๆครับ เฝ้าติดตามกันต่อไปครับเพื่อน.
     
  13. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014




    ผมก็เคยโดยตามเหมือนกันเมื่อหลายสิบปีก่อน
    แสดงว่า ถึงเวลาของท่านแล้ว ที่ท่านจะต้องศึกษา ในเวปนี้ แนะนำให้ฝึกแล้วปล่อยวางให้ได้ ตามที่ท่านสอนไว้ อาจจะได้เป็นศิษย์อภิญญา เหมือนท่าน
     
  14. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ✡️✡️อย่าลืมว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ได้เพราะอาศัยความดีหลายอย่าง

    ️️๑.เราเคยมีศีล ๕ บริสุทธิ์ หรือมีกรรมบถ ๑๐ บริสุทธิ์ เราจึงเป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ได้

    ️️๒.เรามีทรัพย์สินเพราะเราเคยให้ทาน

    ️️๓.เรามีปัญญาคิดอะไรได้บ้าง เพราะเราเคยอบรมในด้านความดี ในด้านธรรมมาก่อน

    เราต้องคำนึงของ ๓ อย่างนี้ เพราะมันเป็นความดีเดิม

    ในเมื่อเราเป็นมนุษย์ได้แล้ว เราจะกลับไปเป็นสัตว์นรกอีกไหม…

    ถ้าเราทำลายศีลข้อใดข้อหนึ่ง นั่นแสดงว่ามันจะกลับไปนรกอีก

    ️️ประการที่ ๒ เราเกิดมาเป็นคนตระหนี่ เป็นคนดีพอกลับไปเราก็ต้องกลับไปแก้ผ้าใหม่

    ️️และประการที่ ๓ เราทำลายสติสัมปชัญญะของเราให้มันเสื่อมทรามลง เป็นการทำลายของเดิมที่เราก่อมาแล้วให้สลายตัวไป ถ้าเราคิดอย่างนี้แล้วจะดีขึ้น

    ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงสั่งสอน อย่าตามนึกถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว และจงอย่าคำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง พยายามรักษาความดีปัจจุบัน

    ถ้าปัจจุบันของเราดี เพราะอารมณ์ของเราจริงๆ ไม่มีอดีตไม่มีอนาคตหรอก มันมีแต่ปัจจุบัน คือให้มีความรู้สึกว่าเดี่ยวนี้อยู่เสมอ คืออารมณ์ทำเป็นอาจิณกรรม ถึงแม้ว่าครั้งละเล็กละน้อยมันก็ชิน อาจิณกรรมถ้าเป็นฝ่ายอกุศล มันมีโทษถึงอนันตริยกรรมได้ แต่ถ้าอาจิณกรรมฝ่ายกุศลมันก็มีผลมหันต์เหมือนกัน

    ️️ถ้าเราไม่ตามนึกถึงมัน เรามุ่งหน้าทำแต่ความดี อันดับเลวที่สุดถ้าเราเป็นพระโสดาบัน กรรมที่ไม่ดีนั้นจะให้ผลลงอบายภูมิไม่ได้ มันจะให้ผลแต่เพียงว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ไหม่เท่านั้น มันตัดอบายภูมิ ใช่ไหม…ได้กำไรตั้งเยอะ ดีไม่ดีเป็นอรหันต์เสียชาตินี้หมดเรื่องหมดราวไปเลย เพราะมันเหลือแค่เศษกรรม ใช่ไหม…ดอกเบี้ยมันนิดหน่อย เอาอย่างนั้นนะ

    ️️จำไว้แค่นี้ก็แล้วกันนะ เอาเวลานี้ให้มันดีอยู่เสมอ อย่าไปเอาเวลาอื่นนะ เวลาปัจจุบันนี้เมื่อความรู้สึกยังมีอยู่ ให้จิตมันว่างจากอารมณ์ที่เป็นอกุศล ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ทรง อนุสสติ
    อนุสสติ แปลว่า การตามนึกถึง คือให้นึกถึงความดีอยู่เสมอ

    อนุสสติ ก็มี พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ จาคานุสสติ เทวตานุสสติ มรณานุสสติ กายคตานุสสติ อุปสมานุสสติ และ อานาปานุสสติ

    ️️.ถ้าเราตามนึกถึงอนุสสติอย่างใดอย่างหนึ่ง มันเป็นเรื่องของความดี ทีนี้ความดีที่เราจะไปชำระหนี้ความชั่วเดิมให้หมดไป ถ้าจะไปนิพพานรับรองไม่ได้ไปแน่ เพราะอะไร เกิดทุกชาติก็สร้างเรื่อย เสริมความชั่วอยู่เสมอ ทีนี้ทางพระพุทธศาสนาเราไม่มีการล้างบาป แต่ว่าในทางพุทธศาสนาให้สร้างกำลังจิตในด้านความดีให้มีกำลังสูงเพื่อหนีบาปให้พ้นไป

    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓ หน้า ๔๘-๕๘ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    นภา อิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. รักโพธิญาณ01

    รักโพธิญาณ01 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +98
    ขอบคุณครับคุณชนินทรและคุณ nilakarn ด้วยครับที่แสดงความคิดเห็น


    เมื่อคืนนี้( 24 พฤศจิกายน 2561) ผมนั่งกรรมฐานหลังจากสวดมนต์เพิ่งเสร็จไปในเวลา 22.25 น.
    นั่งกรรมฐานบริกรรมภาวนาคาถามหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ กำหนดจิตอยู่ที่ลมหายใจปลายจมูก แนบแน่นติดอยู่กับลมหายใจ อยู่ๆเกิดปรากฎการณ์ฟ้าแลบแปล๊บเข้ามาแล้วหายไป นี่คือเกิดครั้งแรกในชีวิตของผมน่ะครับ เมื่อก่อนนี้จะเห็นแสงสีต่างๆเป็นลูกๆอีกด้วยเหมือนคล้ายทรงกลวยหมุนให้เล็กเรียวลงแล้วเปลี่ยนมาใหม่ทันทีแต่ละสีไม่เหมือนกัน บางทีเห็นดาวระยิบระยับ อะไรทำนองนี้ เมื่อคืนปรากฎการณ์ใหม่ๆสำหรับผม เกิดขึ้นครั้งแรก ในใจนึกบารมีหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ใน พระอารามหลวง และหลวงตาม้า เมื่อคืนจุดประทัดเสียงดังมากน่ะ แต่ผมไม่สนเสียงเหล่านั้น อยู่กับบริกรรมภาวนาคาถามหาจักรพรรดิแนบติดกับลมหายใจตลอดเวลา ทำให้เกิดแบบนี้แหละ ใครรู้บ้างว่าคืออะไร ผมขอบคุณแสดงความคิดเห็นล่วงหน้าน่ะ ผมเองถูกจริตภาวนาบริกรรมคาถามหาจักรพรรดิน่ะ เมื่อก่อนเคยใช้ภาวนาพุทโธมาก่อน ผมไม่เคยนังกรรมฐานวัดท่าซุงหรือวัดพุทธพรหมปัญโญที่ไหนมาก่อนน่ะ ผมยอมรับว่าเคยนั่งกรรมฐานที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี มาก่อนยอมรับไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย ผมเคยไปวัดหลวงพ่อสดธรรมากายาราม ที่ราชบุรี เหมือนเดิมไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย ผมลองนั่งกรรมฐานใหม่ปรากฎว่าถูกจริตภาวนาบริกรรมคาถามหาจักรพรรดิมากเลยหลายปีอยู่เหมือนกัน ในที่สุดเกิดปรากฎการณ์แบบนี้คืออะไร ใครรู้บ้างคืออะไรตอบให้ผมกระจ่างด้วยครับผม ตอบสั้นๆจับใจความก็เพียงพอแล้วครับผม
     
  16. ดาราแฟร์

    ดาราแฟร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,660
    ค่าพลัง:
    +2,461
    ครับผม ขออนุญาตครับ
    ฟ้าแลบที่เห็นในจิต หมายความว่า จะมีครูบาอาจารย์ เสด็จมาสอนให้ เวลาที่เราเจริญสมาธิ วิปัสสนา แต่เราอย่าไปยึดแสงสีเสียงหรือภาพที่เห็นหรือสัมผัสได้ทางจิตครับผม ทำต่อไปเรื่อยๆ อาการทางกายก็อย่าไปสนใจครับ.

    ฟ้าแลบ เท่าที่มีประสพการณ์ทางจิต ของ ดาราแฟร์ นะครับ มี องค์ปฐม-พระศรีอาริยะเมตไตรย และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง มาเป็นครูบาอาจารย์ให้ครับ นี่เป็นประสพการณ์ทางจิตของ ดาราแฟร์ ครับผม.
    คุณรักโพธิญาณ01 ให้มั่นใจว่า ครูบาอาจารย์ไม่เคยทอดทิ้งเราให้โดดเดี่ยว ให้เราเจอทางตัน ในการเจริญธรรม แน่นอนครับผม.
     
  17. รักโพธิญาณ01

    รักโพธิญาณ01 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +98
    อนุโมทนาสาธุครับและขอบคุณครับ คุณดาราแฟร์
     
  18. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384

    ขออนุญาตค่ะ....

    เป็นสภาะหนึ่งของจิต.... อย่าไปสนใจค่ะ... สภาวะภาพและสิ่งที่เห็น.... ผ่านมาแล้วผ่านไป...

    นอกจากว่า... ผู้ปฏิบัติตั้งใจทำกรรมฐานกองกสิณ...

    โมทนาด้วยนะคะ
     
  19. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    #วางทุกข์เป็นไปพระนิพพานได้ง่าย

    ตอนนี้สิ่งนี้วางอยู่ตรงหน้าของเราแล้ว มีคุณค่าขนาดไหน ในเมื่อเรารู้แจ้งแล้วว่า การเกิดเป็นทุกข์อย่างนี้ ในเมื่อเรารู้แจ้งแล้วว่า การอยู่ในโลกเป็นทุกข์อย่างนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาเป็นทุกข์อย่างนี้ การเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อนอย่างนี้ เรายังต้องการอีกไหม ? ในเมื่อเราไม่อยากมี ไม่อยากได้ ไม่อยากเป็นอีกแล้ว รับรู้แล้วก็วางไว้ตรงนั้น

    #ให้เห็นว่าทุกอย่างที่เกิดกับเราเป็นธรรมดา เพราะเราทำเราจึงได้รับ ในเมื่อทุกอย่างเราทำมาเอง ทำไมเราจึงยอมรับผลงานของตัวเองไม่ได้ โบราณท่านว่าปลูกถั่วได้ถั่ว ปลูกงาได้งา เราไปปลูกพริกปลูกตำแยต้องแสบบ้างคันบ้างเราก็ทนเอา แต่ขึ้นชื่อว่าเกิดมาแสบคันอย่างนี้จะไม่มีกับเราอีกแล้ว เพราะเราเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
    ถ้าเทียบกับการที่เราต้องทนมีชีวิตอยู่ไปถึงวันตาย ซึ่งไม่เกิน ๑๐๐ ปีนี้ กับการเวียนตายเวียนเกิดที่นับกัปไม่ถ้วนก็เป็นเวลาแค่นิดเดียว เหมือนอย่างกับหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นก็ผ่านพ้นไปแล้ว ทำไมเราจะอยู่อย่างมีความสุขไม่ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นก็ เออ..ธรรมดา เราทำไว้เราถึงได้รับ

    เออ..ธรรมดาจะต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ถ้าเกิดมาเราต้องพบต้องเจอแบบนี้ จิตใจก็จะปล่อยวาง
    ถ้าปล่อยวางได้ ทุกข์มหาศาลที่เรารู้สึกว่าเราต้องแบกเอาไว้ ก็ไม่มีอะไรต้องแบกเลย กองลงเมื่อไร ก็เบาเมื่อนั้น ก็สบายเมื่อนั้น ในเมื่อเราวางสิ่งที่หนักลงได้แล้ว เรื่องที่จะตะกายไปพระนิพพานก็ง่ายแล้ว เพราะไม่มีอะไรมาถ่วงเรา

    #จำเอาไว้ว่าทุกข์มีคุณมหาศาล #มีค่ายิ่งกว่าเพชรยิ่งกว่าพลอยอีก โอกาสที่จะได้รู้ได้เห็นด้วยปัญญานั้นยากแสนจะยาก สิ่งที่มีค่ามหาศาลนั้นบัดนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้าเราแล้ว กรี๊ดโดดใส่เลย ไม่ใช่ว่าไปกรี๊ดสลบ

    พอทำไปถึงจุดหนึ่งจะรู้สึกเลยว่า ตอนนี้เรามีชีวิตอยู่แค่ชั่วลมหายใจเข้าออกเท่านั้น หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายแล้ว ในเมื่อเรามีชีวิตอยู่แค่ชั่วลมหายใจเดียว ก็ไม่มีอะไรที่จะสร้างความกระทบกระเทือนให้กับเราได้ ตายเมื่อไรเราก็ไปพระนิพพานของเรา

    เมื่อมาถึงจุดนี้ เราก็มีความสุขของเราอยู่ได้ทุกวัน เห็นคนอื่นเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ทำไมแบกอะไรมากขนาดนั้น..นึกไปนึกมา อ๋อ..เราก็เคยแบกไว้เหมือนกัน..(หัวเราะ)..

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา : www.watthakhanun.com
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร

    FB_IMG_1543196603714.jpg
     
  20. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384


    Screenshot_20181126-111124_Facebook.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...