คุณเห็นว่า รธน. ใหม่ ควรบรรจุ ให้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ หรือไม่ ?

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 2 พฤษภาคม 2007.

?
  1. ควรบรรจุ ให้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

    0 vote(s)
    0.0%
  2. ไม่ ควรบรรจุ ให้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

    0 vote(s)
    0.0%
  1. freedom

    freedom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2005
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +301
    _โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับร่างฯ ดังกล่าว เพราะจะต้องมีกฎหมายลูกออกมารองรับ ซึ่งฟังดูและวุ่นวายจัง อาจทำให้เกิดการแตกแยก หากเป็นไปได้ควรปล่อยให้เป็นการนับถือที่อิสระมากว่า และการที่เราจะนับถือพุทธศาสนาหรือไม่นั้น(ตามกฏหมาย)ก็ไม่อาจจะประกันว่าทุกคนในชาติไทยจะเป็นคนดี เพราะทุกชาติ วรรณะมีทั้งดี/เลว ต่างกัน ก็ให้นึกเสียว่า บัวยังมี 4 เหล่า เลย
    จะให้ทุกคนเป็นคนดีหมดก็เป็นไปไม่ได้ แต่ต้องดูที่มีผลดีกับคนหมู่มาก
    เรื่องศาสนา และการทำความดี ไม่น่าจะมีการบังคับ ควรมีการกระทำที่ออกมาจากใจและจิตใต้สำนึกมากกว่า
    และน่าจะมีนโยบายหรือโครงการที่ทำให้ผู้ที่นับศาสนาพุทธประจำสำเนาทะเบียนบ้านนั้นเปลี่ยนมาเป็นนับถือประจำใจไม่ดีกว่าหรึ ให้เขาเข้าถึงซึ่งเป็นพุทธมามะกะ ศาสนาจะไม่ล่มสลายเพราะพุทธบริษัท 4 เราควรจรรโลงศาสนาพุทธด้วยการปฏิบัติบูชาจะดีกว่า การปฏิบัติที่ส่งผลให้เป็นประโยชน์โลกนี้และโลกหน้า พอเถอะหยุดทะเลาะกันเสียที
    ผมว่าน่าจะมีการเผยหลักของพุทธศาสนาให้ประชาชนได้ปฏิบัติด้านทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ถูกต้องและสามารถนำมาปฏิบัติได้แทนจะดีกว่ามาเสียเวลามาคิดว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับร่างฯ
    แต่ผมก็เฉยๆนะครับ มีก็ได้ไม่มีก็ได้กับการร่างฯกฎหมายดังกล่าวเพราะทุกวันนี้ก็เร่งปฏิบัติอยู่ ให้พ้นทุกเร็วๆ ไม่ได้ชาตินี้อย่างน้อยก็ขอเป็นนิสัยติดใจไปทุกภพและขอได้พบศาสนาพุทธที่มีการปฏิบัติตามมรรค 8 เทอญ.....
     
  2. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    อ่านไปอ่านมา ... ก็เริ่มประคองตัวและใจไม่ค่อยไหว ฮือ ๆๆ

    เปรียบเสมือนพ่อแม่ผู้เคารพรัก ซื้อรองเท้าให้คู่หนึ่งเพื่อให้ลูกน้อยที่ตนรัก จะได้ใช้สอย สู้ร้อน สู้ฝนเพื่อความอยู่เป็นสุขตลอดไป

    แต่รองเท้าเมื่อมีให้ใช้ก็ไม่ใส่ใจรู้คู่ของรองเท้า และยิ่งไม่รู้คุณพ่อแม่ ยิ่งหนักใจเป็นการใหญ่ รองเท้ามันกัด ก็ไม่รู้จักป้องกันแก้ไข .... คงต้องให้เท้ามันโดนรังแกไปเรื่อย ๆ จนทนไม่ไหว โยนรองเท้าทิ้งไป

    อนาคตคง.....ไม่มีประเทศไทย..สิ้นชาติ...ขายแผ่นดิน...เนรคุณ ...
     
  3. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    ใช่ หยุดทะเลาะเสียที แล้วมาช่วยกันสนับสนุนให้ตราในรัฐธรรมนูญ ตราในกฎหมาย ยกย่อง ปกป้อง พิทักษ์พระพุทธศาสนา ให้สมกับสถานะอันเป็นสถาบันหลักของชาติ ในสมกับเป็นพระศาสนาของปวงชนชาวไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนับพันปี

    ไม่ใช่เพียรตะแบง ยุยงให้คนไทยละเลยทำลายมรดกล้ำค่าของบรรพบุรุษ ละเลยพระราชศรัทธาอันมั่นคงแน่นแฟ้นของล้นเกล้าของปวงชนชาวไทย

    ตัวเองได้จากในหลวง เอาจากในหลวงมาตลอดชีวิต ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย รุ่นพ่อแม่ลงมาก็ล้วนเป็นสุข มีอิสระในการนับถือศาสนาด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ได้พึ่งพาอาศัยพระบรมโพธิสมภารมาตลอด ได้อาศัยพระเมตตา ได้อาศัยพระมหากรุณาธิคุณ อันเป็นส่วนหนึ่งของพระธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาโดยตลอด

    ก็รู้ชัดอยู่ว่าทรงยึดมั่นในธรรมะ ทรงยึดมั่นในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงใด

    จะสนองพระมหากรุณาธิคุณ ผนึกกำลังถวายการพิทักษ์ปกป้องพระพุทธศาสนาอย่างเป็นรูปธรรม ถวายให้ในหลวงให้ทรงชื่นพระทัยสักครั้งในพระชนม์ชีพที่แสนเหนื่อยยากเพื่อปวงชนชาวไทย เพียงเท่านี้ก็ไม่ได้ ใจร้ายใจดำกันเหลือเกิน แล้วยังจะเสแสร้งทำตัวเป็นคนไทย ทำตัวเป็นผู้จงรักภักดีได้อีก

    ไม่มีความละอายกันเลยหนอ คนอย่างนี้ มีชีวิตอย่างไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้อย่างไรหนอ ไม่เข้าใจจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2007
  4. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,514
    ค่าพลัง:
    +27,181
    ลองดูอัตราส่วนการโหวตแล้ว
    ผลก็ออกมาเท่าๆกับ
    อัตราส่วนของชาวพุทธ:ผู้นับถือศาสนาอื่นๆในประเทศไทยเลย
    แปลกดีเนาะ
     
  5. Sunny

    Sunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    1,405
    ค่าพลัง:
    +8,071
    ลองอ่านเหตุผลของอาจารย์ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ ที่โต้แย้งนักวิชาการต่าง ๆ ที่เห็นว่าไม่ควรบัญญัติพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติดูครับ

    http://www.bodhinanda.com/index.php

    แล้วจะรู้ว่าทำไมควรจะบัญญัติเอาไว้ครับ
     
  6. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    เมื่อกี้เพิ่งดูข่าวไอทีวี ดร.ประสงค์ให้สัมภาษณ์บอกว่าเรื่องนี้เท่าที่รับทราบมาจากการที่ ดร.เจิมศักดิ์ได้ไปสำรวจจากที่ต่างๆ มาแล้วปรากฎว่าความเห็นของคนส่วนใหญ่แล้วเห็นว่าไม่ควรบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมีเยอะกว่า....
    เล่นเอา งงงงๆ อย่างแรง ไม่รู้ว่า ดร.เจิมศักดิ์แกไปสำรวจมาจากที่ไหน ทำไมผลมันตรงข้ามกับที่เรารับรู้มาโดยสิ้นเชิงเลย
     
  7. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,514
    ค่าพลัง:
    +27,181
    สงสัยสำรวจความเห็นพรรคพวกตัวเองตามที่ต่างๆ
     
  8. poacmu

    poacmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +169
    รธน.ใหม่ควรบรรจุให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติหรือไม่

    เห็นสมควรเป็นอย่างยื่งครับ
     
  9. อโมทัสสี

    อโมทัสสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +253
    ตอบกระทู้ ที่ 81 ครับ

    - ผมว่าคุณอย่าเพิ่งตีโพยตีพายด่วนสรุป ผู้ที่ความคิดเห็นต่างจากคุณว่าเขาเป็นคนเลวซิครับ คุณกล่าวหาเขานี่หนักมากนะครับ มันไม่แฟร์ครับ คุณควรตรึกตรองให้รอบคอบก่อน จึงค่อยสรุปคนอื่นเขาว่า เป็นอย่างไร

    - คุณควรไปเปิดเทปหลวงพ่อฟัง ชื่อเทป "นางวิสาขาคนสวย วิสาขาคนรวย" ท่านพูดถึงท่านนางวิสาขาว่ามีลูก ๒๐ คน และลูก ๒๐ คนก็มีหลานให้นางวิสาขาอีกคนละ ๒๐ แล้วท่านก็พูดต่อไปว่า เดินขบวนได้เลย ต่อจากนั้นท่านก็พูดถึงพระเดินขบวน ท่านพูดว่า เดินไปอเวจีด้วย คุณควรฟังด้วยตนเองจะได้ซึมเข้าถึงใจ อาจจะทำให้ลดอัตตา มีวุฒิภาวะมากขึ้น หยุดทำตัวกร่างข่มชาวบ้านเขาเสียที

    - ทีมงานควรติดต่อ ขอข้อมูลที่สำนักงานธัมมวิโมกข์ที่วัดท่าซุงดูก่อน จะได้ไม่ด่วนตัดสินใจอะไรผิดๆ เพราะการให้ข้อมูลธรรมะแบบผิดๆ คนให้ข้อมูลนี่บาปหนักนะครับ (ลูกศิษย์หลวงพ่อจริงๆ นี่เขามีแต่สามัคคีกัน เกื้อกูลกัน ประคับประคองกัน ไม่ใช่แบบอันธพาล)

    - คนเรานี่คิดต่างกันได้ครับ แต่ถ้าเขาข้อมูล ถูกต้อง ครบถ้วน รอบด้าน เขาก็อาจปรับเปลี่ยนความคิดหม่ได้ (อย่างผมก็เพิ่งทราบว่า ร.6 ท่านให้ความหมายสีขาวของธงชาติว่าเจาะจงแทนศาสนาพุทธ) หน้าที่เราคือให้ข้อมูลด้วยความเมตตา ไม่ใช่ว่าถ้าใครเขาเห็นต่างจากเรา คุณก็ตั้งให้เขาเป็นพวกทำลายสถาบันเลย มิเช่นนั้นตัวเราจะเป็นผู้ทำลายฯ เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 พฤษภาคม 2007
  10. wudiman

    wudiman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +1,333
    อนุโมทนากับความคิดด้วยครับ ผมเห็นด้วยกันการตั้งเป็นศาสนาประจำชาติ แต่เรามาดูอย่างนี้นะครับ ศาสนาพุทธตั้งอยู่มาได้ทุกวันนี้ก็เพราะพระสงฆ์ผู้เป็นธรรมทายาทของพระพุทธเจ้า สืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่น แล้วรู้ไหมว่าทำไมถึงศาสนาพุทธถึงยืนยันมาได้ถึง 2550 ปีแล้ว เพราะศาสนาพุทธนี้สอนให้คนหลุดพ้นออกจากความทุกข์ ความสุขทั้งปวง ถ้าตั้งศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติแล้วไงต่อ ความประพฤติของชาวพุทธที่พยายามเรียกร้องอะไรต่อมิอะไร ประพฤติอย่างพุทธที่ว่าไหม เมื่อได้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว แล้วถ้าตั้งแล้วสถานะการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้จะสงบหรือเปล่า? และคุณคิดว่าศาสนาของพระศาสดา จะเสื่อมและสลายไปคุณว่าเป็นเพราะไม่ได้ตั้งไว้เป็นศาสนาประจำชาติหรือเปล่า? แล้วคุณเชื่อไหมว่าศาสนาของพระศาสดาสลายไปเพราะธรรมทายาทของท่านเองที่ทำลายในบัญญัติของท่าน วัตถุคือความยึดมั่นถือมั่นกันแล้ว จริงหรือไม่ ท่านเท่านั้นที่ได้หาคำตอบนี้ได้ด้วยตนเอง...............................
     
  11. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    ดิ้นพล่านเชียวหนอ

    ทีตัวเองให้ความเห็นได้ คนอื่นเขาก็ให้ความเห็นได้

    โดยเฉพาะประเด็นการนำคำสอนของครูบาอาจารย์
    ท่านผู้เป็นที่เคารพบูชาของผู้อื่นมาแอบอ้างสนันสนุน
    เป้าหมายทางการเมืองของตนเอง

    ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงก็เอาเนื้อความมาลงให้ตรง ให้ชัดเจน
    นะว่า ถ้าหลวงพ่อยังอยู่ ท่านจะสนับสนุน หรือคัดค้าน
    การออกมาปกป้องพิทักษ์รักษา ชาติ พระพุทธศาสนา
    และพระมหากษัตริย์ ในครั้งนี้กันแน่

    หรือเป็นคนชั่วที่แอบอ้างความความเท็จบ้าง เอาความจริง
    เพียงส่วนเดียวบ้าง มาสร้างความสับสน บ่อนทำลาย

    ถ้าแสดงตนเป็นคนศาสนาอื่นอย่างซื่ออย่างตรง ถามไถ่
    แลกเปลี่ยนความเห็นกันด้วยความเคารพในสิทธิของกัน
    และกัน เฉกเช่นอารยชน ก็เคยคุยและคบหามาเยอะแล้ว
    นับเนื่องเป็นเพื่อนสนิทก็มี

    แต่พวกมีพฤติกรรมชวนสงสัยว่าแอบอ้างเป็นชาวพุทธ
    แอบอ้างเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ มาบ่อนทำลายชาติ
    พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์นี่ซิ ต้องหาความ
    ชัดเจนให้ได้ ต้องกระชากหน้ากากคนชั่ว ก่อนที่มันจะสร้าง
    ความเสียหายให้ชาติบ้านเมืองและพระพุทธศาสนา

    ตนเองแอบอ้างข้อมูลมาเอง อย่าทำโบ้ยไปให้ผู้อื่นเขาหา
    หากบริสุทธิ์ใจจริง ก็มีหน้าที่นำเนื้อความมาพิสูจน์ให้กระจ่างแจ้ง
     
  12. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    ขอให้ทุก ๆท่าน โปรดพิจารณาโดยตั้งสติ ละไม่เกี่ยวกับสตางค์ ทุกท่านโปรดพิจารณาองค์หลวงปู่ หลวงพ่อผู้ทรงศีลอันบริสุทธิ์ และปฏิบัติตามแนวทางแห่งทางพ้นทุกข์ของพระพุทธองค์เท่านั้น

    และอีกท่านหนึ่งที่พวกเราควรพิจารณาท่านคือพ่อหลวง ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาและกรุณายิ่ง ท่านเป็นอุปถัมภกแห่งทุกศาสนามิมีการรังเกียจ แต่พระองค์ท่านเองก็ยังทรงแสดงออกซึ่งความเป็นพุทธโดยเปิดเผย มิปิดบัง
     
  13. อโมทัสสี

    อโมทัสสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +253
    - ผมเพียงแต่ชี้แจงประเด็นตามข้อเท็จครับ...คนที่ดิ้นพล่านคงไม่ใช่ผมมั๊งครับ ...

    - ประเด็นที่ผมถูกกล่าวหาผมต้องชี้แจงครับ (ประเด็นที่เราขัดแย้งอยู่ คือ วิธีการเรียกร้องของพระครับ คุณอย่ามั่วจับแพะมาชนแกะซิครับ) หน้าที่คุณคือพิสูจน์ (ง่ายจะตายครับ แค่เทปม้วนละ ๒๕ บาทเองครับ) หรือว่าคุณกลัวความจริงครับ...ถ้าเราผิดก้ต้องยอมรับ ไม่ใช่มั่วไปเรื่อย

    - ลูกศิษย์หลวงพ่ออยู่ที่ใจ และการปฏิบัติตามครับ (ไม่ใช่อยู่ที่ปากครับ)

    - ผมจะหยุดโต้ตอบคุณตั้งแต่บัดนี้ครับ เพราะคุณนี่มันมั่ว เข้าใจอะไรยากจัง...คุณอยากด่า ก็เชิญด่าไป เดี๋ยวตายแล้วก็รู้เองแหละว่าใ ครผิดใครถูก
     
  14. pakinsum

    pakinsum สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ก่อนจะตอบว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เราควรตั้งคำถามก่อนว่า เมื่อเราจะบรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้วจะได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้ นักการเมืองจะปฏิบัติตามศีล 5 ข้ออย่างเคร่งครัดหรือไม่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะไม่มีก่อการร้ายอีก หรือมีการก่อความไม่สงบเพิ่มขึ้นเนื่องจากอ้างว่าประเทศนี้นับถือศาสนาพุทธ พวกข้าไม่ได้นับถือด้วยจึงต้องฆ่ากันเพื่อแบ่งแยกดินแดนและประชาชน ท่านทั้งหลายจงตระหนักให้ดี จงคิดความสุขของคนหมู่มากเป็นหลัก อย่าเอาอารมณ์มาตัดสินเลย ไม่มีใครผิดหรือถูกในเรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้ สาธุ!!!
     
  15. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    ต้องโมทนากับความเพียรของบางท่าน ที่มีความวิริยะเป็นเลิศในการชี้ทางสว่างให้กับเพื่อนสมาชิกและเพื่อนร่วมชาติ

    แต่มิใยที่จะหยิบยกองค์ความรู้ทั้งทางโลกทางธรรมอย่างเป็นเหตุเป็นผลหมดจด งดงามมากมายอย่างไร ก็ดูเหมือนจะไม่มีผลกับคนอีกบางคนอย่างน่าระอา

    ก็คงได้แต่ขอให้กำลังใจกับลูกหลานไทยผู้ตั้งมั่นในสัมมาทิฐิ มุ่งเทิดทูนพิทักษ์รักษาชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์อย่างมั่นคง ถ้าไม่ได้เลือดไทยเข้มข้นอย่างท่าน คงไม่มีแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักคุ้มกะลาหัวทุกวันนี้

    หวังว่าในที่สุดแล้วการกระทำอย่างสัตย์ซื่อของท่านที่น่าเคารพเหล่านี้ จะเป็นที่สะกิดใจให้ผู้หลงผิดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เคยสาบานธงฯ เคยเข้าพิธีถือน้ำฯ ว่าจะจงรักภักดีต่อชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ด้วยชีวิตบางคนได้รู้ละอายในความตระบัดสัตย์ของตน เผื่อจะกลับตัวกลับใจได้ทันท่วงที

    ขอคารวะลูกหลานไทย ด้วยบทเพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด ประดุจดังพระราชปณิธานพระราชทานให้เหล่าลูกหลานไทยได้รู้รักเสียสละเพื่อแผ่นดินอย่างซื่ออย่างตรง ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทที่ทรงเหนื่อยยาก เพียรเสียสละ อาบพระเสโทต่างน้ำมาตลอดพระชนม์ชีพเพื่อปวงชนชาวไทย สมดังพระปฐมบรมราชโองการ "เราจักปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" อย่างมิขาดตกบกพร่องแม้ชั่วขณะจิต

    ขอฝันใฝ่ ในฝันอันเหลือเชื่อ
    ขอสู้ศึกทุกเมื่อ ไม่หวั่นไหว
    ขอทนทุกข์ รุกโรมโหมกายใจ
    ขอฝ่าฟัน ผองภัยด้วยใจทะนง

    จะแน่วแน่ แก้ไขในสิ่งผิด
    จะรักชาติ จนชีวิตเป็นผุยผง
    จะยอมตาย หมายให้เกียรติดำรง
    จะปิดทอง หลังองค์พระปฏิมา

    ไม่ท้อถอย คอยสร้างสิ่งที่ควร
    ไม่เรรวน พะว้าพะวังคิดกังขา
    ไม่เคืองแค้น น้อยใจ ในโชคชะตา
    ไม่เสียดาย ชีวา ถ้าสิ้นไป

    นี่คือ ปณิธานที่หาญมุ่ง
    หมายผดุงยุติธรรม อันสดใส
    ถึงทนทุกข์ ทรมาน นานเท่าใด
    ยังมั่นใจรักชาติ องอาจครัน

    โลกมนุษย์ ย่อมจะดี กว่านี้แน่
    เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกหยัน
    จงยืนหยัด สู้ไป ใฝ่ประจัญ
    ยอมอาสัญ ก็เพราะปอง เทิดผองไทย

    เพราะการกระทำของท่านนั้น ไม่มีเหรียญตรา ยศถาบรรดาศักดิ์ใดๆเป็นเครื่องตอบแทน จึงถือได้ว่าเป็นการปิดทองหลังองค์พระปฏิมาอย่างน่าสรรเสริญอย่างที่สุด

    หากไม่ได้คนไทยอย่างท่าน ก็จะไม่มีองค์พระปฏิมาเหลือในแผ่นดินให้สักการะปิดทองสนองพระราชปณิธานนี้อีกต่อไป

    และหากไม่ได้คนไทยอย่างท่าน ธรรมอันล้นเกล้าองค์เหนือหัวทรงยึดมั่นเพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทยก็จะสูญสิ้น สลายไปจากแผ่นดินนี้
     
  16. Tewadhol

    Tewadhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +694
    คุณ ศ.ธรรมทัสสี ครับ

    ผมยังไม่มีโอกาสได้ฟังเทปนั้นครับ เลยอยากถามความเห็นนิดนึงว่า

    -สมัยนั้นพระเขามีการเดินขบวนกันเรื่องอะไรครับ
    -สมัยก่อนประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงหรือครับในการร่างรัฐธรรมนูญ(ก่อนปี40)

    เท่าที่ผมรู้ปี 40 ก็พยายามใส่พระพุทธศาสนาไว้แต่มีแรงผลักดันจึงตกไป ฉบับ
    นี้ปีนี้มีเหตุการณ์ที่ประชาชนมองเห็นภัยกำลังลุกคืบเข้ามาใกล้ตัวหลายๆด้าน
    เราจึงเห็นว่าการแสดงออกของประชาชนตอนปี 40 กับปีนี้แตกต่างกันอย่าง
    มากเพราะเขารู้ว่าหากเพิกเฉยอนาคตเมืองพุทธคงแย่แน่ ครั้งนี้เองจึงเป็น
    จังหวะที่เหมาะสมที่สุดกว่าทุกๆครั้งในการร่วมใจแสดงพลังความต้องการ

    ส่วนใครที่ว่าปฏิบัติให้อยู่ในศีล 5 ให้ได้ก่อน หรือ ใส่ไว้แล้วจะแก้ปัญหาใต้ได้
    มั้ย มันคนละประเด็นคนละเรื่องกับ ณ.เวลานี้เลยครับ.
     
  17. Tewadhol

    Tewadhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +694
    ท่านผู้รักชาติ โปรดอ่าน.....

    การค้นหาตัวเหตุและปัจจัยว่า อะไรคือตัวแก่นในที่ทำให้เกิดปัญหาความวุ่นวายใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ต้องย้อนกลับไปสู่อดีต......

    ๑. เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๐๒๒ เจ้าอินทิรา เปลี่ยนศาสนา หันไปนับถืออิสลาม

    ๒. ปี พ.ศ. ๒๓๕๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑
    ทรงแบ่งการปกครองหัวเมืองออกจากอำนาจของปัตตานีออกเป็น ๗ หัวเมือง


    ๓. ปี พ.ศ. ๒๔๔๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงให้ยกเลิกระบบเจ้าพระยามหานคร แล้วนำระบบใหม่มาใช้ เรียกว่า มณฑลเทศาภิบาล เพี่อการเก็บภาษีอากร ส่งตรงเข้าวังหลวง โดยไม่ผ่านปัตตานีเหมือนเก่าก่อน (ระบบนี้ได้พัฒนาเป็นเทศบาลถึงปัจจุบัน)

    ๔. ปี พ.ศ. ๒๔๔๕ อับดุลกาเดร์ หรือ "พระยาวิชิตภักดี" ได้ก่อกบฎต่อเมืองหลวง

    ๕. ปี พ.ศ. ๒๔๕๓ โต๊ะแต มือขวาของพระยาวิชิตภักดี หรือ "อับดุลเกเดร์" ยกกำลังเข้าผาอำเภอยะลา จังหวัดยะลา ผุ้บงการอยู่เบื้องหลัง คือ อับดลกาเดร์

    ๖. ปี พ.ศ. ๒๔๕๔ หะยีบูละ ก่อจลาจลขึ้นที่ จันสตาวา อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี

    ๗. ปี พ.ศ. ๒๔๖๕ เปาะจิกา เปิดแนวรบทั่ว ๓ จังหวัด ทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง รํฐบาลจึงปราบปรามอย่างหนัก เปาะจิกาตายในรังปืน

    ๘. ปี พ.ศ. ๒๔๗๖ อับดุลกาเดร์ หรือ "พระยาวิชิตภักดี" ถึงแก่กรรมที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ก่อนตายได้ฝากอุดมการณ์เอาไว้ว่า ขอให้ลูกหลานอย่าเลิกการต่อสู้ ให้เสียสละชีวิตแลกเอาปัตตานี กลับมาเป็นประเทศเอกราชให้ได้ นับแต่นั้นมาก็ได้มีเริ่มนับวันเวลากำหนดยุทธศาสตร์และเป้าหมาย

    ๙. ในปีเดียวกันนี้ (๒๔๗๖) ได้มีตัวตายตัวแทนอับดุลกาเดร์ปรากฎตัวขึ้น แล้วประกาศสืบทอดเจตนารมณ์ รับหน้าที่เป็นหัวหน้าโจรปัตตานี คนที่ ๑ ท่านผู้นั้นมีชื่อว่า "ตวนกู มะหมุด มะไฮยีดิน"

    ๑๐. ปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ตวนกู มะหมุด มะไฮยีดิน ได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ เพิ่มการต่อสู้ทางการเมือง จึงสร้างมือขวาของตน คือ "ตวนกู อับดุลยะลา" หรือ นายอดุลย์ ณ สายบุรี ให้ลงพื้นที่คลุกคลีกับชาวบ้าน ใช้เวลาเปิดตัวอยู่หลายปี จึงได้มีโอกาสสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฏร นายอดุลย์ ได้รับชัยชนะลอยสำเข้าสภา

    ๑๑. ปี พ.ศ. ๒๔๘๗ นายอดุลย์ ณ สายบุรี หรือ "ตวนกู อับดุลยะลา" ผู้แทนราษฏร ได้อภิปรายในสภาว่า ประเทศไทยข่มเหงรังแกพี่น้องอิสลาม ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่อยากเป็นคนไทย เพราะเป็นแล้วเสียเปรียบ แล้วกล่าวตู่ประเทศไทย ล่าเอาปัตตานีมาเป็นเมืองขึ้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ปฎิเสธข้อกล่าวหาของ นายอดุลย์ ณ สายบุรี ถึงแม้จอมพล ป.พิบูลสงคราม จะปฎิเสธอย่างไร แต่คำประกาศของ นายอดุลย์ ณ สายบุรี ก็ได้ปราฎขึ้นในรัฐสภาแล้ว

    ๑๒. ในช่วงเดียวกันนี้ ได้เกิดปรากฎการณ์ มีห้วหน้าโจรปัตตานี ถึง ๓ ตวนกู
    (๑) ตวนกูมะหมุด มะไฮมะยีดิน
    (๒) ตวนกูอับดุลยะลา หรือ นายอดุลย์ ณ สายบุรี
    (๓) ตวนกูมัดตารอ

    ๑๓. ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ เกิดปรากฎการณ์ หัวหน้าโจรแบ่งแยกดินแดนใหม่ แทนพวกตวนกูทั้งสาม คนผู้นั้น คือ "หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์" ซึ่งเป็นเชื้อสายที่แท้จริงของพระยาวิชิตภักดี หรือ "อับดุลกาเดร์" หะยีสุหลง อัปดุลกาเดร์ ได้กระทำเยี่ยงกบฎต่อแผ่นดิน จึงถูกจับกุมตัว ถูกตัดสินให้จองจำ ๗ ปี ที่นครศรีธรรมราช แต่ได้รับการ พระราชอภัยโทษ ปล่อยออกมาจากเรือนจำ หลังจากถูกขังอยู๋ ๓ ปี ๖ เดือน

    ๑๔. ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ หัวหน้าโจรปัตตานีตัวแทนหะยีสุหลง ชื่อ "หะยีดือราแม" ได้ก่อ
    กบฎขึ้น ที่อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เรียกว่า กบฎ"ดุชงญอ"

    ๑๕. ปี พ.ศ ๒๔๙๔ หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ ถูกจับถ่วงน้ำที่เกาะหนู-เกาะแมว จังหวัดสงขลา สร้างความโกรธแค้นชิงชังให้เกิดขึ้นในหมู่อิสลาม อย่างไม่เคยมีมาก่อน

    ๑๖. ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ นักการเมืองภาคใต้ ๕ จังหวัด ประกาศนโยบายตรงกันหมดว่า ถ้าชนะการเลือกตั้ง จะแยกดินแดนออกมาเป็นประเทศปัตตานี ปรากฎว่าผู้สมัครที่ประกาศนโยบายแบ่งแยกดินแดน ชนะการเลือกตั้งครบ ๕ จังหวัด แต่ไม่ทันได้อภิปรายในสภา จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตน์ ได้ทำการปฎิวัติจอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๐๐

    เรื่องราวที่มีความต่อเนื่องเป็นประหนึ่ง "นิยายเก่าแก่ปรัมปรา" เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวที่เป็นจริง จากชีวิตจริง ได้เกิดปัญหาเข่นฆ่าราวีติดต่อกันยาวนาน ในแผ่นดินสยาม โดยที่ประเทศสยาม หรือ ประเทศไทย ไม่ได้แก้ไขมาแต่ต้น ทำให้เกิดการกล่าวตู่ มีการต่อสู้อย่างยอมถวายชึวิต มีการปลูกฝังให้เยาวชนรุ่นต่อมาเข้าใจผิด คิดว่าการกระทำของตนเองเป็นสิ่งถูกต้อง

    ทั้งหมดนี้คือ การคลำหาปมเงื่อนว่าอะไรคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด

    ผมได้นำประวัติศาสตร์โดยย่อ ตั้งแต่ปี ๒๐๒๒ ฉายให้ท่านได้เห็น "ทางเดิน" ของตัวละครมาจนถึงฉากหลังสุด คือสิ้นสุดลงที่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ รวมเวลา ๔๗๘ ปี พอจะทำให้มองเห็นภาพว่า โจรปัตตานีนั้นมีความพยายาหนักหน่วงเพียงใด

    เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะทำให้ปัญหายุติเพียงแค่สมานฉันท์ หรือการกล่าวขอโทษ มันย่อม "เป็นไปไม่ได้เลย" ประโยคนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดของประเทศสยาม หรือ ประเทศไทยอย่างใหญ่หลวง แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาผู้บริหารประเทศว่า ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในปัญหา ความไม่มั่นคงของประเทศไทยที่ตนเองรับผิดชอบอยู่

    *ที่มา*

    http://www.hi-thaksin.org/forum.php?ParamID=28803
     
  18. Tewadhol

    Tewadhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +694
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1024 align=center bgColor=#dad6c6 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE height=85 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=984 border=0><TBODY><TR><TD class=normal_16_black vAlign=top align=left width=829 height=30><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=829 border=0><TBODY><TR><TD class=normal_16_black vAlign=top align=left width=814>ย้อนไปสู่อดีตนับพันปี ซึ่งเป็นปูมหลังของปัตตานี(นอกตำรา) ย้อมไปปี พ.ศ. ๒๑๐ ขณะนั้นประเทศไทยของเรามีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล เรียกตัวเองว่า "สุวรรณภูมิ" มีเนื้อที่ใหญ่โตกว่าปัจจุบันมากกว่า ๑ เท่าตัว

    แต่จำนวนประชาชนมีน้อยนิด ประชาชนทั้งหมดนับถือพระพุทธศาสนา ทั้งนี้เนื่องจากพระพุทธศาสนาถูกเผยแพร่เข้ามาในประเทศไทยยูคต้นๆ ยุคก่อนพระเจ้าอโศกมหาราชประมาณ ๑๑๕ ปี กล่าวคือเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันท์ปรินิพพาน เราเริ่มนับปีพุทธศักราช ๑ ซึ่งเรียกย่อว่า พ.ศ. พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในชมพูทวีปได้ประมาณ ๓๐๐ ปี ก็ได้เกิดปัญหาเสื่อมทรุดอย่างรุนแรง เมื่อพระเจ้าอโศกขึ้นครองราชย์ ได้จัดการสัมมนาพระพุทธ แล้วแก้ใขปัญหาอย่างยิ่งใหญ่ เริ่มชึ้นในปี พ.ศ. ๓๒๕ พระพุทธศาสนาจึงตั้งอยู่ได้

    พระพุทธศาสนาเข้ามาถึงประเทศไทยก่อนหน้าที่แล้ว ตั้งแต่ก่อนพระเจ้าอโศกมหาราชจะทรงแก้ใขปัญหา เชื่อว่าพระพุทธศาสนาได้หยั่งรากลงในสุวรรณภูมิตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๑๐ เป็นต้นมา แต่พี่น้องชาวพุทธพากันกล่าวว่า พระพุทธศาสนามาถึงประเทศไทยตั้งแต่พระพุทธเจ้าทรงมีพระชนม์ชีพ ทั้งนี้ โดยอาศัยความเชื่อในรอยพระพุทธบาท ที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับรอยฝ่าพระบาทไว้

    เช่น พระพุทธบาท สระบุรี พระพุทธบาทพระแท่นดงรัง จ.สุพรรณบุรี พระธาตุอิงฮัง ตั้งอยู่ในแขวงสุวรรณเขตประเทศลาว ผมถามพี่น้องชาวลาวว่า ทำไมจึงเรียกพระธาตุอิงฮัง พี่น้องชาวลาวตอบว่า "อิง" หมายถึงการมาพักพิง ส่วนคำว่า "ฮัง" หมายถึงต้นรัง แล้วอธิบายต่อไปว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าสมณโคดม เสด็จมาพักพิงใต้ต้นรังเป็นเวลานานถึ่งหนึ่งเพ็ญแล้ว เสด็จกลับชมพูทวีป

    เรื่องเหล่านี้เป็นปูมหลังนอกตำรา ไม่มีหนังสือประวัติศาสตร์ยืนยัน

    คนโบราณพากันเล่าขานสืบต่อกันมาว่า พระพูทธศาสนาได้เข้ามาถึงสุวรรณภูมิตั้งแต่เริ่มแรกประกาศพระศาสนา ไม่ใช่จะเพิ่งเข้ามาเมื่อไม่นาน

    ยังมีข้ออธิบายอีกว่า การก่อสร้างปราสาทพระราชวัง ล้วนแต่มีศิลปะงดงามภายใต้พุทธศิลป์ การที่จะมีพุทธศิลป์เกิดขึ้นได้ หมายถึงการสืบสานวัฒนธรรมเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก่อน จึงมีอิทธิพลต่องานศิลปะทั้งปวง

    เมื่อเป็นเช่นนี้ จะว่าพระพุทธศาสนาเพิ่งเข้ามาสู่สุวรรณภูมิจึงเป็นไปไม่ได้

    ดังนั้น จึงกล่าวได้อย่างไม่ผิดเลยว่าพระพุทธศาสนา คือพระศาสนาดั้งเดิมของประเทศไทย ตั้งแต่ยุคใช้ชื่อ "ชาวสุวรรณภูมิ" หรือหากจะกล่าวว่าก่อนหน้านั้น คนไทยนับถื่อศาสนาอะไร ก็จะตอบได้เลยว่า ส่วนมากจะนับถือผี

    คนไทยไม่เคยนับถือคริสต์และอิสลามมาก่อน ทั้งนี้ เนื่องจากศาสนาทั้งสองเพิ่งจะเกิดขึ้นในโลกภายหลังพระพุทธศาสนาห่างกันเนิ่นนาน

    ศาสนาคริสต์เกิดหลังพระพุทธศาสนา ๕๔๓ ปี
    และศาสนาอิสลามเกิดภายหลังพระพุทธศาสนา ๑๑๒๒ ปี

    เมื่อไม่มีคริสต์ ไม่มีอิสลามในยูคต้นๆ ดินแดนแถบใต้ทั้งหมด นับถือพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น แล้วก็มาถึงปัตตานี...ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า ๓๐๐๐ ปีย้อนหลัง สมัยโน้นไม่เคยมีชื้อปัตตานีมาก่อน ดินแดนแถบนี้ไม่มีผู้คนชาติอื่นเป็นเจ้าของ แต่ในสมัยนั้น คนไทยได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในสุวรรณภูมิมาก่อนแล้ว คนไทยในยุคนั้นมีทั้งไทยน้อย ไทยใหญ่ อ้ายลาว แยกกันครอบครองพื้นที่เป็นพระราชอาณาจักรหลายที่หลายแห่ง โดยมีภาษาพูดเป็นของตนเอง

    จึงสันนิษฐานว่าคนไทย กลุ่มที่ปกครองสุวรรณภูมิมิได้ประกาศเป็นเจ้าของดินแดนแถบนี้ ตั้งแต่หลวงพระบางลงมาจนถึงใต้สุดทีเดียว ซึ่งหมายถึงเลยปัตตานีลงไปอีกจนถึงแหลมมลายู สิ้นสุดที่ชายทะเลมหาสมุทรแปซิฟิคโน้น แล้วได้จัดการส่งผู้ปกครองไปบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อส่งไปแล้ว เจ้าองค์นั้นแยกเป็นอิสระเลยก็มี ยังคงส่งส่วยสวามิภักดิ์อยู่ก็มี

    เมื่อเป็นเช่นนี้ คำว่า "ปัตตานี" จึงไม่เคยมีมาก่อน และก่อนที่จะเป็นปัตตานีขึ้นมา ดินแดนแถบนี้เริ่มรู้จักกันในนามว่า "เมืองลังกาสุกะ" ประชาชนเรียกตัวเองว่าชาวลังกาสุกะ ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเป็นไทยหรือคนเผ่าไหน ชื่อสังกาสุกะ เป็นชื่อที่เล่าขานบอกกล่าวสืบต่อกันมา

    คนลังกาสุกะจึงถูกจัดอยู่ในกลุ่มของคนไทยดั้งเดิมที่นับถือผี เมื่อพระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นในโลก และได้เผยแพร่เข้ามาถึง ก็เปลี่ยนเป็นพุทธ แต่ไม่มีความมั่นคง เนื่องจากจำนวนผู้คนมีไม่มาก และไม่มีคัมภีร์พระไตรปิฏก ทำให้ขาดทฤษฏี ไม่อาจยึดหัวหาดได้มั่นคงได้

    เมืองลังกาสุกะ หรือปัตตานีในปัจจุบัน เป็นดินแดนที่อุดมสมบรูณ์ มีทะเลสวยงาม อุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวปลาอาหาร เป็นเมืองใกล้ช่องแคบมะละกา เป็นเส้นทางผ่านขอทางทะเล จึงเป็นจุดพักพิงของ คนจึน อินเดีย แขกชวา ใครที่เดินทางมาถึงแล้วเลยไปก็มี พากันตั้งถื่นฐานอย่างถาวรก็มี จึงมีเรื่องเล่าขานกันยาวนานว่า เมืองลังกาสุกะมีความอุดมสมบูรญ์ยิ่งนัก

    วันเวลาผ่านไปอีกยาวนาน ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน ชาวลังกาสุกะตั้งรกรากด้วยความสงบ มีการไปมาหาสู่ระหว่างชาวลังกาสุกะกับเมืองหลวง โดยกล่าวว่าในสมัยกรุงศรีอยุทธยา หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดในสมัยท่านยังหนุ่มแน่น ท่านอยู่เมืองลังกาสุกะ

    ในยุคนั้น เมืองลังกาสุกะได้ต้อนรับชาวเรือต่างถิ่น เดินทางมาค้าขายมากขึ้น

    ต่อมา...ด้วยเวลาอันยาวนานอีกเช่นกัน ด้วยอิทธิพลของคนมาใหม๋ ทำให้เชื้อสายลังกาสุกะกลายพันธ์แทบไม่เหลือ ทั้งนี้เนื่องจากเจ้าเมืองผู้ครองนคร ได้เปลี่ยนศาสนา เปลี่ยนจากพุทธไปนับถืออิสลาม

    เมื่อเจ้าผู้ครองนครเปลี่ยนศาสนา ชาวลังกาสุกะก็ต้องปฎิบัติตาม

    ส่วนชาวกรูงศรีอยุทธยายังคงหนักแน่นอยู่กับพระพุทธศาสนา ทั้งนี้เนื่องจากพระเจ้าแผ่นดินของกรุงศรีอยุทธยา ไม่มีพระหฤทัยเอนเอียงไปศาสนาไหน เกี่ยวกับเรื่องนี้ผมเคยถามความเห็นท่านผู้รู้ว่า เหตุใดพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีฯ จึงตั้งมั่นอยู่ในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง ในขณะเจ้าผู้ครองนครลังกาสุกะไม่มีความหนักแน่นเลย

    ท่านผู้รู้ตอบว่า สังกาสุกะไม่มีคัมร์ภึพระไตรปิฏกให้ยึดเหนี่ยว จึงทำให้ความซาบซึ้งตกหล่นไปเป็นอันมาก ทำให้ขาดสติปัญญา ไม่มีความรู้ความเข้าใจในหลักพระศาสนาที่แท้จริง เมื่อไปเห็นของอะไรแปลกกว่าเดิม ก็จะลุ่มหลงได้ทันที

    ตั้งแต่เจ้านครลังกาสุกะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม
    ชาวลังกาสุกะทั้งมวลก็เป็นอิสลามด้วย

    ผมพลิกเรื่องปูมหลังของปัตตานีด้วยความพินิจพิเคราะห์ ซึ่งเป็นปูมหลังที่ไม่มีการเขียนไว้ในหอสมุดแห่งชาติ ผมโชคดีที่ได้รับฟังนักปราชญ์คนสำคัญของประเทศเมื่อหลายปีก่อน แล้วได้บันทึกเอาไว้ซึ่งถือเป็นความรู้นอกตำรา (ท่านจะได้อ่านปูมหลังในตำราในบทต่อไป)

    นักปราชญ์ท่านผู้รู้ผู้นั้นคือ นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ท่านผูนี้ได้ให้ความรู้แก่ผมอย่างไม่ปิดบังอำพราง คนที่ได้เข้าใกล้นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทรในยุคนั้นมีหลายคน เช่น
    วึระ ถนอมเลี้ยง ดร.สอาด ปิยะวรรณ นายสวัสดิ์ ลูกโดด ฯลฯ แล้วก็ผม นายสอาด จันทร์ดี

    คนไทยห้วก้าวหน้ายุคโน้นรู้ดีว่าคนชื่อประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ได้แสดงตนเป็นผู้**วชาญลัทธิคอมมิวนิสต์ พล.อ ชวลิต ยงใจยุทธ ก็เป็นคิษย์ของประเสริฐ ทรัพย์สุนทร

    ผมขอเล่าความแตกต่างบางประการ ที่เกี่ยวข้องกับนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ที่สอนลัทธิการเมือง รวมทั้งสอนลัทธิคอมมิวนิสต์ให้แก่ใครต่อใคร ท่านผู้นี้จะยอมเสียเวลาสอนเป็นการส่วนตัวให้แก่ทุกคนด้วยความเสียสละ เรียกว่าให้ความรู้เรื่องโน้นเรื่องนี้เป็นรายตัว หรือไม่ก็สอนอย่างมากไม่เกินครั้งละ ๒ คน เรียกว่าสอนแบบใครได้ฟัง คนนั้นรับรู้เอาไปเต็มๆ

    เช่นเรื่องทหารประชาธิปไตยเป็นต้น

    ผมอยากรู้เรื่องปัตตานี นายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ท่านก็เล่าให้ฟัง ๑ วันเต็ม

    นอกจากนี้ ผมยังได้รับฟังความรู้เกี่ยวกับลัทธิประชาธิปไตย ทุนนิยม สังคมนิยม และ คอมมิวนิสต์ แต่ที่ประทับใจผมมากที่สุด ได้แก่ปัญหาแบ่งแยกดินแดนที่พวก "โจรปัตตานี" ต้องการได้อำนาจในดินแดนแถบนี้

    ความจริง ผมไม่เคยเรียกท่านผู้นี้ว่า นายประเสริฐทรัพย์สุนทร แต่ผมจะเรียกท่านผู้นี้ว่าอาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร

    อาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร บอกว่าพวกที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนต้องการเอาปัตตานีไปเป็นรัฐอิสลาม เกิดจากคนไทยเชื้อสายมลายูไม่ใช่เกิดจากคนไทยเป็น
    กบฎกันเอง

    อาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทรบอกว่า อิสลามในประเทศไทยมี ๒ กลุ่ม ซึ่งเราเรียกว่าแขกหรือบัง แขกพวกหนึ่ง ใจไม่รักคนไทยเลย ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนไทย แขกพวกนั้นเรียกว่า แขกมลายู อีกพวกหนึ่งเรียกว่า แขกไทย ผมถามว่าอะไรคือแขกไทย

    อาจารย์ประเสริฐตอบว่า แขกไทยก็คือพี่น้องอิสลามที่เป็นคนไทยทั้งกายและใจ เช่นท่านจุฬาราชมนตรี แล้วอาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ได้เอ่ยถึงชื่อคุณดำรง พุดตาล - เล็ก นานา ให้ฟัง โดยกล่าวว่าลักษณะของคนเหล่านี้น่าเลื่อมใส ไม่เอาเรื่องศาสนามาเป็นปัญหาไม่ว่ากรณีใดๆ สังคมไทยไม่เคยเกิดความรู้สึกว่ามีการแบ่งแยก

    ท่านเหล่านี้เราเรียกว่าแขกไทย ส่วนแขกที่มีอีกพวกหนึ่ง ในใจไม่ยอมเป็นคนไทย แขกพวกนั้นแม้จะอยู่ในประเทศไทยก็เรียกว่าแขกมลายู พวกแขกมลายูตั้งตัวเป็นโจรปัตตานี

    อาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร กล่าวว่า เราถูกแขกที่ไม่ยอมเป็นคนไทยก่อการกบฎ
    กระด้างกระเดื่องหลายครั้งหลายหน แขกพวกนี้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ปัตตานีและจังหวัดใกล้เคียง อีกส่วนหนึ่งหนีตำรวจเข้าไปอยู่ในประเทศมลายู แล้วร่วมมือกันก่อกบฎต่อประเทศไทย ทำให้เราเข้าใจผิดว่า เพื่อนบ้านแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย
    อาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ท่านบรรยายให้ผมฟังด้วยการยืนพูดติดต่อกัน ๓ ชั่วโมง สุดท้าย ท่านสรุปว่า ถ้าแก้ไม่ถูก จะถูกแขกในปัตตานีร่วมมือกับแขกที่หนีไปตั้งบ้านเรือนอยู่ในประเทศมลายูเพื่อนบ้านเรา กระทำการใหญได้สำเร็จ เนื่องจากพวกนักการเมืองของประเทศไทย ไม่มีความรู้ ไม่เข้าใจแนวทางแก้ปัญหา ปล่อยให้แขก
    กบฎปลุกปั่นยุยงประชาชน

    ผมพลิกปูมหลังปัตตานีด้วยความตื่นเต้น แต่มันเป็นปูมหลังนอกตำรา ไม่มีเขียนเอาไว้ในประวัติศาสตร์ อีกประการหนึ่ง คนไทยไม่ได้จัดระบบชนเผ่าให้คนในชาติได้ศึกษา ไม่มีหลักสูตรในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่เป็นประวัติศาสตร์ของชนเผ่า จึงไม่มีเรื่องชนมลายู

    คนไทยด้วยกัน จึงทึกทักเอาว่าทุกคนเป็นคนไทย แต่เจ้าตัวเขาบอกว่าเขาไม่ใช่คนไทย

    อาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร บอกเอาไว้ว่า ความล้าหลังของประเทศไทยที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่ระบบนายทุน ขุนศึก ศักดินา แต่ที่น่ากลัวมากได้แก่ "อวิชชา" ที่มีในหลายเรื่องหลายปัญหาด้วยกัน อวิชชาตัวนี้ได้บ่อนทำลายความก้าวหน้า ความมั่นคงของประเทศ ทั้งๆที่คนไทยได้ยินคำว่าอวิชชามาเนิ่นนาน พระท่านก็เทศน์ให้ฟังไม่เคยขาดเลย

    ในกรณีของปัตตานี รากเหง้าคืออวิชชา ซึ่งแปลว่าความไม่รู้ก็ได้ แปลว่าถูกอารมณ์ต่ำขวางกั้นได้ หรือแปลว่า ความโง่เขลาก็ได้

    อาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ให้ความรู้แก่ผมไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๑๘...ยังทันสมัยเปี๊ยบ

    (โปรดติดตาม อ่านตอนต่อไป บทที่ ๔)
    จากหนังสือ กระเทาะเปลือก ไฟใต้ ใครบงการ ?

    หนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนไม่ได้สงวนสิขสิทธิ์ไว้ เข้าใจว่ามีประสงค์จะเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจให้แก่เรา พี่น้องขาวไทยทั้งหลายให้รู้เรื่องกันไว้ มันจะเป็นหนังสือประวัติศาตร์ของชาติไทยต่อไปถึงอนุชนรุ่นหลังๆ ถ้าท่านหาอ่านได้ก็จะดี ISBN 978-974-344-455-5 แต่กลัวว่าจะถูกเก็บเสียเพื่อปิดหูปิดตาคนไทยอย่างที่เรารู้ๆกัน เมื่อมีผู้กล้าหาญรักชาติยิ่งกว่าชีวิตความปลอดภัยของตัวท่านเอง เราควรจะยกย่องคนทำความดีมิใช่หรือ? ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นไปอย่างไรในอนาคต เราควรถือสุภาษิตที่สั้นแต่มีความหมายมาก นั่นคือ "ผิดเป็นครู" </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD class=normal_16_black vAlign=top align=left width=15 height=30> </TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.hi-thaksin.org/forum.php?ParamID=25448</TD><TD width=20 background=http://imagesfile.mine.nu/images/style_02/02_topic_R.gif> </TD></TR><TR><TD width=20 background=http://imagesfile.mine.nu/images/style_02/02_topic_BL.gif height=20> </TD><TD background=http://imagesfile.mine.nu/images/style_02/02_topic_B.gif height=20> </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. Tewadhol

    Tewadhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +694
  20. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    ยอดเยี่ยมครับ คุณTewadhol
     

แชร์หน้านี้

Loading...