คุณเห็นว่า รธน. ใหม่ ควรบรรจุ ให้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ หรือไม่ ?

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 2 พฤษภาคม 2007.

?
  1. ควรบรรจุ ให้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

    0 vote(s)
    0.0%
  2. ไม่ ควรบรรจุ ให้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

    0 vote(s)
    0.0%
  1. r_nu

    r_nu สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    เห็นด้วยอย่างแรง เพราะพื้นฐานวัฒนธรรมแบบแผนการดำเนินชีวิต
    ของคนไทย คือพุทธศาสนา ทำให้สังคมไทยสงบร่มเย็น ครับ
     
  2. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    จาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=1145&catid=4


    .....
    .........
    ...........
    ....พระเจ้าแผ่นดินก็จะต้องกล่าวคำปฏิญาณว่าจะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไว้ด้วยชีวิต....
    ....พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์นี้ก็เช่นกัน.....
    ....ถือว่าพระบวรพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ล้ำค่าของชีวิตคนไทย....
    ....ไม่มีวันยอมให้สลายหรือล่มลงไปเป็นอันขาด.....

    ....ที่พูดอย่างนี้ ไม่อยากจะทำให้ใครต้องเสียใจ แต่พูดให้ทราบความจริง.......
    ..........
    .....
    ...

    ------------------------------------------------------------

    ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
    ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
    ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
    ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทนง

    จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
    จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
    จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
    จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

    ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
    ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
    ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
    ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
     
  3. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171


    โห.....อะไรจะขนาดนั้น


    .
     
  4. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    จาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=1145&catid=4


    .....
    .........
    ...........
    ....พระเจ้าแผ่นดินก็จะต้องกล่าวคำปฏิญาณว่าจะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไว้ด้วยชีวิต....
    ....พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์นี้ก็เช่นกัน.....
    ..........
    .....
    ...

    ------------------------------------------------------------

    เสียดายว่าอาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ไม่อยู่ซะแล้ว

    มิฉะนั้นหากมีพวกลุแก่อำนาจตระบัดสัตย์ปลิ้นปล้อน
    เหิมเกริมเป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

    จะได้เห็นที่หน้า 5 สยามรัฐ ประกาศก้องว่า

    KU ไม่กลัว Muemg
     
  5. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    555 ขำกลิ้ง ๆ ส่ง ลุง เป็นตัวแทนไป สู้ ๆๆ (bb-flower
    อย่าลืมอาราธนาพระท่านไปด้วยนะ เพราะพวกนั้นเขาก็มีพะคุ้มครองเช่นกัน รุ่น แทงไม่เข้า ยิงไม่ออก ตกน้ำก็ไม่ไหล เฮี้ยนน่าดู(เฮี้ยนนี้เขาใช้กะอะไรหนอ??????)

    xxxxxx...แทงไม่เข้า เพราะเขาแทงกัน กูก็ไม่เข้าไป ยิงกัน กูก็ไม่โผล่ออกไป (ดีแต่ล่อ ชาวบ้านเขาลับหลัง ไม่แน่จริงนีหว่า) ตกน้ำกูก็ไม่ไหลเพราะตัวกูหนัก จะกลืนกินแผ่นดินเขา 555.....ปากหมาจริงเฟ้ย ตู นี่
     
  6. pratanporn

    pratanporn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +9
    คุณเห็นว่า รธน.ใหม่ ควรบรรจุ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ หรือไม่

    สำหรับกระทู้นี้ขอออกความเห็นว่า แต่ก่อนประเทศไทยตั้งแต่ครั้งใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรก ก็ไม่เคยจะบรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ซึ่งใครๆ ก็รู้ดีว่าเมืองไทย เป็นเมืองพุทธ คนไทยทุกคนมีจิตใจดี การที่เราจะบรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติหรือไม่นั้น ในฐานะที่เป็นคนไทยคนนึง ที่ไม่ได้อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ และเป็นคนที่นับถือพุทธ คิดว่า การที่คนจะดีหรือไม่ดีนั้นไม่ได้อยู่ที่ศาสนา แต่อยู่ที่จิตใต้สำนึกและสามัญสำนึก บางคนนับถือพุทธก็จริงแต่ฆ่ากันอย่างผักปลาตามหน้าหนังสือพิมพ์รวมแล้วในแต่ละวันฆ่าผู้บริสุทธิ์ตายมากกว่าภาคใต้ซะอีก ส่วนคนภาคใต้เค้าอาจจะนับถือศาสนาอื่น ซึ่งเป็นไปตามสังคมและสภาพแวดล้อมแต่เค้าก็เป็นคนไทยแล้วเค้าต้องกลายเป็นพวกนอกด้วยรีดรึเปล่าแล้วจะมีการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ด้วยรึเปล่า อย่าให้ศาสนาพุทธต้องเป็นอย่างนั้นเลย เพราะศาสนาทุกศาสนาล้วนสอนให้คนเป็นคนดี คือแก่นแท้ของศาสนา และประเทศไทยก็จะน่าอยู่สำหรับผู้มาอาศัยในพื้นแผ่นดินไทยทุกคน
    " พึงระลึกไว้ว่าบางอย่างที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่ได้แปลว่า ถูกต้องตามศีลธรรม "
    อับราฮัม ลินคอล์น
    รัฐบุรุษแห่งสหรัฐอเมริกา
    (1809-1865)

     
  7. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,514
    ค่าพลัง:
    +27,181
    ถ้ารักจะเนรคุณก็ถือศีลไว้แล้วกัน
    ได้พอมีทางช่วยมั่ง
     
  8. คริสต์

    คริสต์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +21
    ไม่ควรอย่างยิ่งเลยครับ เป็นการรังแกศาสนาอื่น(รวมทั้งศาสนาคริสต์ของผมด้วย) ทำให้เกิดการแตกแยก
    (b-no)

    ขนาดฟินด์แลนด์เป็นโปแตสแตนท์ 99% หรืออิตาลีที่มีวาติกันอยู่ใกล้ๆ เขายังไม่เอาไปใส่ในรัฐธรรมนูญเลย
    และไม่มีประเทศใดในโลกที่ประกาศว่ามีศาสนาประจำชาติ เขาให้ความเท่าเทียมกันครับ

    -----
    "คนชอบรังแกศาสนาอื่น" เซ็นต์ชื่อ "ไม่เห็นด้วย" ข้างล่างข้อความนี้ได้เลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2007
  9. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 3.75pt; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; PADDING-TOP: 3.75pt" colSpan=2>
    สัมภาษณ์พิเศษ ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน เรื่องร่างรัฐธรรมนูญ 2550 <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 7.5pt" height=10><TD style="PADDING-RIGHT: 3.75pt; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; PADDING-TOP: 3.75pt; HEIGHT: 7.5pt" colSpan=2 height=10>
    <o:p> </o:p>
    </TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 3.75pt; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; PADDING-TOP: 3.75pt" vAlign=top>[​IMG]ยิ่งใกล้ถึงวันลงประชามติ 19 ส.ค. ความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับออกเสียงประชามติ โดยเฉพาะจากฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายไม่เห็นด้วยต่างฝ่ายต่างงัดข้อมูลมารณ รงค์กันทุกรูปแบบ แต่ในสภาวการณ์เช่นนี้เชื่อว่าหลายคนยังไม่ได้ตัดสินใจ หรืออีกจำนวนไม่น้อยยังตัดสินใจไม่ได้ว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร

    ทีมข่าวหน้า 1 ขอเป็นสื่อกลางถ่ายทอดความคิดของนักการเมืองระดับ “ปรมา จารย์” 2 คน เพื่อให้ผู้อ่านได้รับรู้เหตุและผล ที่มาที่ไปของร่างรัฐธรรมนูญ ตลอดจนหลักการของระบอบประชาธิปไตยสากลที่แท้จริงเป็นอย่างไร มุมมองที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยกจะช่วยให้การกาบัตรเต็มไปด้วยคะแนนที่มีคุณภาพ เพราะเป็นการตัดสินจากวิจารณญาณของผู้กาบัตร ไม่ใช่เกิดจากการชักจูงหรือโน้มน้าวด้วยอามิสสินจ้าง

    คนแรกเป็นเจ้าของวลี “ทิ้งการเมืองแต่ไม่ทิ้งบ้านเมือง” ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา 5 สมัย ในวัย 74 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการเมืองมานานถึง 30 ปี มีประสบการณ์ยกร่างรัฐธรรมนูญมาแล้วหลายฉบับ ถึงช่วงหนึ่งได้อำลาการเมืองแต่ยังคงให้ความเห็นต่อปัญหาบ้านเมืองตามสโลแกนประจำตัวอยู่เสมอ ๆ

    ส่วนอีกคนเป็นหัวหน้าทีมยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด และเคยร่วมยกร่างรัฐธรรมนูญปี 40 ซึ่งว่ากันว่าเป็น รธน.ฉบับประชาชนมาแล้ว

    ในแง่ประสบการณ์และความเก๋าทางการเมืองถือว่าความเห็นของคนทั้งคู่ย่อมมีน้ำหนักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนเป็นสำคัญ



    ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา 5 สมัย

    *** รัฐธรรมนูญที่ดีจะมีจุดกำเนิดมาจากการปฏิวัติรัฐประหารได้หรือไม่

    การเมืองไทยมีการปฏิรูป ปฏิวัติ หลายคณะ ผมคิดในทางดีว่าทุกคณะล้วนมีเจตนาที่ดี ต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง นอกหลักนิติธรรมโดยอาศัยจินตนาการว่าบ้านเมืองจะได้รัฐบาลที่ดี ผู้แทนไม่ซื้อสิทธิ ประชา ชนไม่ขายเสียง แต่กี่ครั้งกี่หนที่บ้านเมืองเราก็กลับไปสู่วงจรเดิม ๆ ผู้ที่มายกร่างรัฐธรรมนูญผมไม่สงสัยในเจตนาดี แต่คนที่ไม่เคยคลุกคลีกับการเมืองที่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ลึกล้ำ แต่คนที่ใสซื่อไม่เคยสัมผัสกับการเมือง เหมือนคนนั่งอยู่บนริมฝั่งมองดูปลาในน้ำ แล้วเห็นว่าในน้ำมีเชื้อโรค ปลากัดกัน จึงนั่งวางกติกาให้ปลาอยู่เย็นเป็นสุขทั้ง ๆ ที่ไม่เคยสัมผัสกับปลา ไม่เคยลงไปอยู่ในน้ำจึงไม่ควรไปคิดแทนประชา ชนว่าระบบอย่างโน้นดีอย่างนี้ดี ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง ฉะนั้นหลักนิติธรรมสากลจึงกำหนดว่า รัฐธรรมนูญที่ดีต้องมีต้นกำเนิดจากประชาชนเท่านั้น ส่วนรัฐธรรมนูญที่กำเนิดโดยคณะปฏิวัติจะเรียกรัฐธรรมนูญหรือธรรมนูญการปกครองหรืออย่างอื่นก็ได้ก็ต้องถือเป็นกฎหมายสูงสุด แต่เป็นกฎหมายนอกหลักนิติธรรมของประ เทศและหลักนิติธรรมสากล

    *** หมายความว่ากระบวนการประชาธิปไตยต้องเกิดจากการเรียนรู้ของประชาชน

    พัฒนาการของระบอบประชาธิป ไตยไม่มีทางด่วน ไม่มีทางลัด ถ้าในท้ายที่สุดประชาชนไม่ยอมรับคณะบุคคลที่เข้ามาคิดแทนประชาชน คนเหล่านั้นจะกลายเป็นทรราช การปฏิวัติรัฐประหารหมดสมัยแล้ว เพราะประชาคมโลกเขาไม่ยอมรับ ในอดีตเขาอาจไม่สนใจ แต่ปัจจุบันแนวทางที่ไม่ยอมรับนี้แรงมาก ประชา คมโลกรังเกียจ ไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย

    *** บางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับออกเสียงประชามติไม่เป็นประชาธิปไตย

    พิจารณาแล้วเห็นว่าร่างนี้ไม่ได้มีแนวทางให้ประชาธิปไตยในเมืองไทยมีความมั่นคงและต่อเนื่อง ในขณะที่รัฐธรรมนูญปี 40 ได้วางระบบให้การเมืองโดยเฉพาะรัฐบาลมีเสถียรภาพ มีความเข้มแข็ง รัฐสภามีความต่อเนื่อง ยกตัวอย่างการเลือกตั้ง ส.ส. จากปี 40 เป็นแบบแบ่งเขตยึดหลักวันแมนวันโหวต ผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศมี 1 เสียงเท่ากัน เลือกผู้แทนในเขตได้ 1 คนเท่ากัน และมีระบบปาร์ตี้ลิสต์เลือกพรรคการเมืองได้ 1 พรรคเท่าเทียมกัน แต่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่กลับถอยหลังเข้าคลองกลับไปใช้เขตใหญ่ 3 คน นอกจากทำให้ประชาชนมีสิทธิไม่เท่าเทียมกัน และการซื้อเสียงจะมากขึ้น เพราะเขตกว้างมากขึ้น ระบบเดิมคนดี ๆ ในเขตเดียวมีโอกาสได้รับเลือกเป็นผู้แทน แต่พอขยายเขตพื้นที่ คนดีก็สู้คนใช้เงินซื้อเสียงไม่ได้ แม้ผู้สมัคร 3 คนก็ยังมีการยิงลูกโดดเพื่อเอาตัวรอด ระบบอย่างนี้จะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร หรือระบบปาร์ตี้ลิสต์ก็หาว่ามีแต่นายทุนเข้ามาหาประโยชน์ แต่ไม่มองว่าเราได้คนดี ๆ ที่ไม่กล้าไปเดินหาเสียงหรือยืนบนรถหาเสียงเข้ามาทำงานมากมาย ถ้าจะกล่าวหากันแล้วจะหาคนที่ไหนมาลงเลือกตั้ง หรือจะให้พระมาลงเลือกตั้ง สรุปว่าระบบเลือกตั้งแบบนี้ทำให้ประชาธิปไตยอ่อนแอ เป็นการเชื้อเชิญให้มีการยึด อำนาจไม่มีที่สิ้นสุด โดยอ้างเหตุผลเรื่องการทุจริต การแตกแยกของบรรดาพรรคการเมืองซึ่งเป็นข้ออ้างที่ยกมาทุกสมัย หรืออย่าง ส.ว. มีการเลือกตั้ง 76 คนรวมกับแต่งตั้งอีก 74 คน อยากถามว่าคนที่ร่างให้มีการแต่งตั้งคิดอะไรไว้ในใจหรือไม่ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา การเลือกตั้ง ส.ว. จังหวัดละ 1 คนไปลอกแบบจากระบบมลรัฐของอเมริกามาใช้ โดยไม่คำนึงถึงหลักวันแมนวันโหวต ระบบนี้คนระนองเลือก ส.ว. ได้ 1 คน เท่ากับกรุงเทพฯ ทั้ง ๆ ที่คนกรุงเทพฯ เคยความจริงน่าจะเลือกได้ 18 คน และผู้ที่เสียภาษีอากรบำรุงรัฐมากกว่า 50% มาจากคนกรุงเทพฯ

    *** ฝ่ายผู้ร่างมองว่ารัฐธรรมนูญปี 40 ส่งผลให้รัฐบาลเข้มแข็งเกินไปจนทำอะไรไปในทางที่ไม่ชอบ

    คนที่พูดเช่นนี้แสดงว่าไม่รู้จักระบอบประชาธิปไตย ไม่มีความอดทนรอ ไม่รู้แพ้รู้ชนะ เมื่อไม่มีทางสู้ก็อ้างว่ารัฐบาลที่แล้วอยู่นานเกินไป จึงไปจับมือร่วมมือกับพรรคพวก องค์กรข้างนอกให้มีการใช้มาตรา 7 แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และในที่สุดทหารเข้ามาล้มประชาธิปไตย ควรดูการเมืองต่างประเทศ เช่น ในฝรั่งเศส อังกฤษ หรือเมริกาที่ผู้นำอยู่ในตำแหน่งยาวนาน ทำไมนักการเมืองประเทศเหล่านั้นไม่ชวนกันทำปฏิวัติหรือเรียกร้องให้ใช้มาตรา 7

    *** องค์กรตรวจสอบตามกติกาใหม่จะปราบนักการเมืองทุจริตได้หรือไม่

    เมืองไทยเมื่อไม่กี่ปีนี้มีคนพูดคำว่า “ทุจริตเชิงนโยบาย” ผมอยู่ในการเมืองมาหลายสิบปีไม่เคยได้ยินคำนี้ ในทางการเมืองพรรคที่เป็นรัฐบาลก็ต้องเอานโยบายที่หาเสียงมาปฏิบัติตามสัญญากับประชาชนไว้ตอนหาเสียง หากจะมีการทุจริตก็ต้องลงโทษไปที่ตัวบุคคลซึ่งมีกฎหมาย ป.ป.ช. มีกฎหมายอาญาอยู่แล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นในฐานะนักกฎหมายเราต้องสันนิษฐานว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสินว่ามีความผิด แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถือว่านักการเมืองไทยเป็นพลเมืองชั้น 2 ถูกจำกัดสิทธิหลายอย่าง เช่น สิทธิในการประกอบอาชีพ ถ้าห้ามกันมากก็ลงไปใต้ดินกันหมด คนทั่วไปเวลาทำผิดถูกดำเนินคดี 3 ศาลแต่ละศาลก็เห็นต่างกันได้ แต่นักการเมืองให้ขึ้นศาลเดียวแล้วจบเลย ได้แก่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง เรื่องนี้ได้ยินว่าสหประชาชาติกำลังสอบถามกระทรวงต่างประเทศของเราว่ามีกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมทำนองนี้จริงหรือไม่

    *** ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้อำนาจแก่ตุลาการภิวัตน์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเฉพาะการเลือกองค์กรอิสระ

    ประชาธิปไตยมีทางวิ่ง 3 เลน คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ แต่ละเลนมีศาสตร์และศิลป์แตกต่างกัน นิติบัญญัติ บริหาร เกี่ยวโยงกันและเชื่อมโยงกับประชาชน มีการควบคุมตรวจสอบโดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายบริหารมีสิทธิยุบสภา และในที่สุดผู้ที่ตัดสินขั้นสุดท้ายคือประชาชน และฝ่ายตุลาการอยู่ในเลนที่บริสุทธิ์ เขาเรียนกฎหมายมาเพื่อผดุงความยุติธรรมและเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ไม่ได้เรียนมาเพื่อมาเป็นนักการเมืองหรือเข้ามามีส่วนดำเนินการทางการเมือง เมื่อตุลาการผู้เป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ลงมามั่วกับการเมืองไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด การเมืองเป็นเรื่องสกปรก ขาดคุณธรรม ถ้าหากมีอะไรเสียหาย ตุลาการก็จะเสื่อมเสียไปด้วย ใครจะประกันได้ว่าคนที่ตุลาการเลือกจะบริสุทธิ์เสมอไป ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่แล้ว และถ้าต่อไปเราพึ่งศาลไม่ได้แล้วหันไปพึ่งอย่างอื่น อะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง

    *** มาตรา 309 ที่พูดถึงการนิรโทษกรรม

    แค่มาตรานี้มาตราเดียวก็ทำให้ร่างรัฐธรรม นูญนี้เสียทั้งฉบับ ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไรที่มีการนิรโทษกรรมการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้ง ๆ ที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2549 ได้นิรโทษกรรม คมช. เอาไว้แล้ว ในอดีตทุกครั้งที่มีการปฏิวัติ จะมีการออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมโดยให้ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นผู้ตรากฎหมาย ถ้าเราทำผิดแล้วเขียนกฎหมายยกโทษให้ตัวเองมัน ขัดหลักสากล แล้วถ้าคนที่มาเป็นรัฐบาลทีหลังไม่เห็นด้วย หากจะเอาผิดกันย้อนหลังก็สามารถทำได้ตามกฎหมาย เพราะคดีมีอายุความถึง 20 ปี

    *** หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติรัฐบาลและ คมช. ควรนำรัฐธรรมนูญฉบับใดมาปรับใช้

    ควรนำรัฐธรรมนูญปี 40 มาปรับแก้และเพิ่มเติมบางประเด็นเพื่อจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดและให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนขึ้นเพื่อปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการถาวร เนื่องจากยอมรับกันว่ารัฐธรรมนูญปี 40 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเพียงฉบับเดียวโดยแท้ การเมืองต้อง แก้ด้วยการเมือง การแก้ปัญหาบ้านเมืองเหมือนการเล่นหมากรุก ไม่ใช่แค่รู้ว่าเรือ ขุน โคน เดินกันอย่างไรเท่านั้น แต่ต้องดูภาพรวมทั้งกระดาน ต้องวางหมากให้สัมพันธ์กัน การเมืองจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ระบอบประชาธิปไตยเราใช้ระบบตัวแทน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของประชาชน ถ้าได้เสียงข้างมากก็เป็นรัฐบาล ถ้าบริหารงานได้ดีก็ต้องสนับสนุน การจะกำหนดเรื่องอะไรนักการเมืองต้องไปถามประชาชน จะเขียนกฎหมายให้ประชาชนใช้หัวเดินต่างเท้าได้ แต่ถ้ามวลชนไม่ปฏิบัติตาม ความวุ่นวายก็จะเกิดขึ้นในบ้านเมือง

    [​IMG]

    ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมา ธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

    *** ถึงตอนนี้มั่นใจในร่างรัฐธรรมนูญแค่ไหน

    “ถึงวันนี้ผมมั่นใจว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะผ่านการเห็นชอบจากประชาชน เพราะประชาชนเข้าใจเนื้อหาสาระมากขึ้น ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเขาเองก็ต้องการให้มีการเลือกตั้งเช่นกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีการตั้งพรรคนอมินีขึ้นมาเพื่อระดมคนเตรียมพร้อม แต่ที่เขาพยายามต่อต้านไม่ว่าจะเป็นการปลุกระดมหรือแจกเงิน ผมมองว่าความต้องการที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ว่าประชาชนจะไปลงประชามติหรือไม่ แต่ความจริงเป็นแผนของนักเลือกตั้งที่ต้องการ “ตกเขียว” ประชาชนไว้ก่อน พูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นการ “วางมัดจำ” ประชาชนไว้ก่อนเพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ พอถึงเวลาจริง ๆ ก็จะจ่ายส่วนที่เหลือ เพียงแต่มีข้อแม้ว่าต้องเลือกเขา ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการของนักการเมืองรุ่นเก่าที่ต้องการทำทุกทางเพื่อเข้ามาสู่สภา สาเหตุ ที่ทำให้มั่นใจต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็คือ สาระสำคัญที่อยู่ในร่างนี้ กรรมาธิการยกร่างฯได้ยกร่างในขณะที่บ้านเมืองอยู่ในสภาวะวิกฤติ เพื่อนำพาประเทศชาติไปสู่ภาวะปกติ นำไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และในฐานะที่ผมเคยเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 40 ด้วย จึงบอกได้ว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 50 ได้มีสิ่งสำคัญเพิ่มเติมเข้ามา คือ เป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต่างจากรัฐธรรมนูญปี 40 โดยเฉพาะเรื่องการผูกขาดอำนาจรัฐ ขจัดอำนาจที่ไม่เป็นธรรม หรือการทำการเมืองอย่างไม่มีคุณธรรมจริยธรรม ขาดความโปร่งใส ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มากที่ต้องบรรจุเพิ่มเติมเข้าไป

    สิ่งที่เพิ่มเข้ามา 2 เรื่องคือ หมวดว่าด้วยคุณธรรมและจริยธรรมของนักการเมือง เพื่อควบคุมการประพฤติปฏิบัติต่าง ๆ ของนักการเมืองที่เข้าสู่อำนาจจะต้องมีบทควบคุมและลงโทษและการถอดถอนที่ชัดเจน นอกจากนี้ในเรื่องที่เกี่ยวกับการเงินการคลัง ได้มีการเพิ่มมาตรการเข้าไป จะเห็นได้ว่า 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามเพิ่มโครงการต่าง ๆ และจัดหางบประมาณเข้ามาใช้โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของสภา ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีการควบคุม รวมทั้งประ เด็นเรื่องแนวนโยบายแห่งรัฐ ก็เขียนไว้ชัดเจนว่า จะต้องปฏิบัติภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างไร โดยรัฐบาลที่เข้ามาใหม่จะต้องดำเนินการตามนโยบายนี้

    *** หากร่างไม่ผ่านคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    ในฐานะที่ผมเป็นกรรมาธิการยกร่างฯก็แปลกใจที่รัฐธรรมนูญปี 50 ถูกต่อต้านตั้งแต่ยังไม่ยกร่างฯ แถมยังมีการเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้ แต่ต้องเข้าใจว่ารัฐธรรมนูญปี 40 มีช่องว่างหลายอย่างทำให้นักการเมืองเข้ามาผูกขาดอำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรมและไม่มีจริยธรรม หากมีการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญปี 50 จะเป็นการเปิดโอกาสให้ คมช.ไปหยิบเอารัฐธรรมนูญฉบับใดมาใช้ก็ได้ ซึ่งนั่นก็รวมถึงฉบับใหม่นี้ด้วย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นฉบับที่ดีที่สุดในการให้เสรีภาพประชาชน

    ถึงเวลานี้หลายคนอาจกังวลว่าในวันลงประชามติอาจจะเกิดความวุ่นวาย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้เพราะกลุ่มอำนาจเก่ายังมีเงินประกอบกับสภาพการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ทางแก้ก็คือต้องสกัดการใช้เงินของกลุ่มอำนาจเก่าทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียว การอายัดทรัพย์ของ พ.ต.ท. ทักษิณไม่ได้หมายความว่าจะสามารถหยุดเส้นทางการเงินที่ส่งมาเลี้ยงกลุ่มที่สร้างความวุ่นวายได้ ถ้าต้องการหยุดกลุ่มเหล่านี้ คตส.ต้องตามตรวจสอบและจัดการอายัดทรัพย์กับบรรดาแกนนำกลุ่มอำนาจเก่าทั้งหมด เพราะคนเหล่านั้นก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการแสวงหาผลประโยชน์เช่นกัน

    *** ยืนยันได้หรือไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ร่างขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจให้กับคณะทหารหรือต้องการทำลายกลุ่มอำนาจเก่าโดยเฉพาะ

    หลายคนอาจมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นการสืบทอดอำนาจของคณะทหารที่ยึดอำนาจเข้ามาหรือเปล่า ผมยืนยันได้เลยว่า ไม่มีเรื่องของการสืบทอดอำนาจอย่างเด็ดขาด เพราะถ้ามีการสืบทอดอำนาจเราก็ต้องเขียนเปิดช่องให้นายกฯไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง แต่นี่เราเขียนปิดช่องหมดคนที่จะมาเป็นนายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น

    ฝ่ายกลุ่มอำนาจเก่าอาจมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นมีเนื้อหาต้องการทำลายล้างกลุ่มอำนาจเก่า ผมบอกได้เลยว่า รัฐธรรม นูญปี 50 สร้างขึ้นมาเพื่อทำลายนักการเมืองเลวโดยเฉพาะ เราต้องการให้คนดีเข้ามาบริหารบ้านเมืองและสกัดคนเลวไม่ให้เข้ามา ใครที่เป็นคนเลวจะไม่ได้เข้ามา อย่างไรก็ตามผมคงพูดไม่ได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นฉบับสุดท้าย เพราะประชาธิปไตยเรายังไม่ตกผลึก ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจ

    *** เป็นไปได้หรือไม่ที่จะร่างรัฐธรรมนูญฉบับป้องกันการปฏิวัติ 100%

    สำหรับการป้องกันการปฏิวัติ รัฐธรรมนูญคงป้องกันไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นเพียงตัวหนังสือ ถ้าต้องการจะป้องกันการปฏิวัติต้องทำให้ประชาชนมีความเข้มแข็ง เมื่อประชา ชนมีความเข้มแข้งเข้าใจการเมืองการปฏิวัติก็ทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ประชาชนเรายังแบ่งฝ่ายยังไม่รวมเป็นเนื้อเดียวกันจึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าจะไม่มีการปฏิวัติเกิดขึ้นอีก

    สุดท้ายอยากฝากถึงประชาชนว่า วันที่ 19 ส.ค.จะเป็นวันประวัติศาสตร์ทางการเมือง จะเห็นด้วยหรือไม่ขอให้ออกมาใช้สิทธิในการลงประชามติและขอให้ดูเนื้อหาสาระของร่างเป็นหลักในการตัดสินใจ ขอร้องว่าความถูกใจกับความถูกต้องต้องแยกแยะให้ออก หากต้องการให้สังคมมีหลักยึดและระบอบประชาธิปไตยเดินไปในทางที่ถูกที่ควรเราต้องยึดถือความถูกต้องแม้จะไม่ชอบใจก็ตาม ทั้งนี้เพราะเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง.

    จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม 2550 <o:p></o:p>

    </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 3.75pt; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; PADDING-TOP: 3.75pt"><o:p> </o:p>
    </TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 3.75pt; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; PADDING-TOP: 3.75pt" vAlign=top><o:p> </o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 3.75pt 3.75pt 3.75pt 3.75pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 3.75pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 3.75pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent" colSpan=2>
    ควรบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญให้ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติหรือไม่
    โดย ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 7.5pt; mso-yfti-irow: 1"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 3.75pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 3.75pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 7.5pt; BACKGROUND-COLOR: transparent" colSpan=2>
    <o:p> </o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 2; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 3.75pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 3.75pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top><?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:preferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><v:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></v:path><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=_x0000_s1026 style="MARGIN-TOP: -72.75pt; Z-INDEX: 1; MARGIN-LEFT: -11.25pt; WIDTH: 225pt; POSITION: absolute; HEIGHT: 150pt; mso-wrap-distance-left: 0; mso-wrap-distance-top: 0; mso-wrap-distance-right: 0; mso-wrap-distance-bottom: 0; mso-position-horizontal: absolute; mso-position-horizontal-relative: text; mso-position-vertical: absolute; mso-position-vertical-relative: line" alt="" o:allowoverlap="f" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\SUPHAN~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\02\clip_image001.jpg" o:title="buddha001"></v:imagedata><?xml:namespace prefix = w ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:word" /><w:wrap type="square"></w:wrap></v:shape>ปัญหานี้ถ้าไม่ได้มีการหยิบยกมาเป็นประเด็นในการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าชาวไทยส่วนใหญ่ของประเทศประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์เป็น “ชาวพุทธ” ความเป็น “พุทธ” เป็นวัฒนธรรม และเป็นวิถีชิวิตของชาวไทย ซึ่งซึมลึกอยู่ในจิตใจและการประพฤติปฏิบัติ

    ความเป็นชาวไทย จึงเป็นคนที่มีมารยาทดีงาม อ่อนโยน นอบน้อมถ่อมตนใจบุญสุนทาน มีเมตตา มีความกตัญญู รู้คุณผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะ “คุณของแผ่นดิน”

    เพราะฉะนั้นการยกเหตุผลต่าง ๆ มาถกเถียงกันในประเด็นนี้ถ้าไม่เข้าใจตรงกันจะหาข้อยุติยาก

    โดยสรุปการจะบัญญัติให้ “ศาสนาพุทธ” เป็นศาสนาประจำชาติ โดยจะบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือไม่ก็ได้ แต่เมื่อมาถึงจุดที่อาจจะเกิดแตกหักทางความเชื่อ และความคิดจนเป็นปัญหาใหญ่โตของบ้านเมือง จึงขอแสดงความคิดเห็นไว้ในที่นี้ ดังนี้

    1 ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับได้รับรองสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลไว้อย่างชัดเจน ประชาชนชาวไทยไม่ว่าเหล่ากำเนิด เพศ หรือ ศาสนาใด ย่อมอยู่ในความคุ้มครองของรัฐธรรมนูญโดยเสมอกัน
    2 บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนานิกายของศาสนา หรือลัทธินิยมในทางศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติตามศาสนาธรรม ศาสนาบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อของตน เมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่พลเมือง และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

    หลักการดังกล่าวข้างต้นใช้ได้กับชาวไทยทุกคน ยกเว้นไม่นำมาใช้เฉพาะองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญตั้งแต่พุทธศักราช 2475 เป็นต้นมาบัญญัติให้ “พระมหากษัตริย์ต้องทรงเป็นพุทธมามกะ”

    เหตุผลสำคัญที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้พระมหากษัตริย์ต้องทรงนับถือศาสนาพุทธก็เพราะเหตุที่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็น “ชาวพุทธ” ใช่หรือไม่

    ดังนั้น ถ้ารัฐธรรมนูญ ยังมีบทบัญญัติในทางบังคับอันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ของพระมหากษัตริย์ เช่นนี้ จึงเป็นการสมควรที่จะต้องบัญญัติให้ “ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ” เป็นการรองรับพระสถานะภาพของพระมหากษัตริย์ไว้ โดยบทบัญญัติดังกล่าวจะไม่กระทบกระเทือนสิทธิ หรือจิตใจของผู้นับถือศาสนาอื่นแต่ประการใด เห็นว่าปัญหานี้น่าจะยุติลงได้แล้ว




    ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน
    24 พฤษภาคม 2550


    บทความนี้จาก มูลนิธิ ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน
    12 สุขุมวิท ซอย 5 กรุงเทพฯ 10110 โทร. 02 2554015-28 , 02 2516777-9 โทรสาร 02 2535529-30


    <o:p></o:p>

    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 3.75pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 3.75pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent"><o:p> </o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <o:p> </o:p>
     
  11. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 3.75pt 3.75pt 3.75pt 3.75pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 3.75pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 3.75pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent" colSpan=2>
    ควรบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญให้ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติหรือไม่
    โดย ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="HEIGHT: 7.5pt; mso-yfti-irow: 1"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 3.75pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 3.75pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 7.5pt; BACKGROUND-COLOR: transparent" colSpan=2>
    <o:p> </o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 2; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 3.75pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 3.75pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top><?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:preferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><v:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></v:path><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=_x0000_s1026 style="MARGIN-TOP: -72.75pt; Z-INDEX: 1; MARGIN-LEFT: -11.25pt; WIDTH: 225pt; POSITION: absolute; HEIGHT: 150pt; mso-wrap-distance-left: 0; mso-wrap-distance-top: 0; mso-wrap-distance-right: 0; mso-wrap-distance-bottom: 0; mso-position-horizontal: absolute; mso-position-horizontal-relative: text; mso-position-vertical: absolute; mso-position-vertical-relative: line" alt="" o:allowoverlap="f" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\SUPHAN~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\02\clip_image001.jpg" o:title="buddha001"></v:imagedata><?xml:namespace prefix = w ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:word" /><w:wrap type="square"></w:wrap></v:shape>ปัญหานี้ถ้าไม่ได้มีการหยิบยกมาเป็นประเด็นในการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าชาวไทยส่วนใหญ่ของประเทศประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์เป็น “ชาวพุทธ” ความเป็น “พุทธ” เป็นวัฒนธรรม และเป็นวิถีชิวิตของชาวไทย ซึ่งซึมลึกอยู่ในจิตใจและการประพฤติปฏิบัติ

    ความเป็นชาวไทย จึงเป็นคนที่มีมารยาทดีงาม อ่อนโยน นอบน้อมถ่อมตนใจบุญสุนทาน มีเมตตา มีความกตัญญู รู้คุณผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะ “คุณของแผ่นดิน”

    เพราะฉะนั้นการยกเหตุผลต่าง ๆ มาถกเถียงกันในประเด็นนี้ถ้าไม่เข้าใจตรงกันจะหาข้อยุติยาก

    โดยสรุปการจะบัญญัติให้ “ศาสนาพุทธ” เป็นศาสนาประจำชาติ โดยจะบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือไม่ก็ได้ แต่เมื่อมาถึงจุดที่อาจจะเกิดแตกหักทางความเชื่อ และความคิดจนเป็นปัญหาใหญ่โตของบ้านเมือง จึงขอแสดงความคิดเห็นไว้ในที่นี้ ดังนี้

    1 ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับได้รับรองสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลไว้อย่างชัดเจน ประชาชนชาวไทยไม่ว่าเหล่ากำเนิด เพศ หรือ ศาสนาใด ย่อมอยู่ในความคุ้มครองของรัฐธรรมนูญโดยเสมอกัน
    2 บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนานิกายของศาสนา หรือลัทธินิยมในทางศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติตามศาสนาธรรม ศาสนาบัญญัติ หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อของตน เมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่พลเมือง และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

    หลักการดังกล่าวข้างต้นใช้ได้กับชาวไทยทุกคน ยกเว้นไม่นำมาใช้เฉพาะองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญตั้งแต่พุทธศักราช 2475 เป็นต้นมาบัญญัติให้ “พระมหากษัตริย์ต้องทรงเป็นพุทธมามกะ”

    เหตุผลสำคัญที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้พระมหากษัตริย์ต้องทรงนับถือศาสนาพุทธก็เพราะเหตุที่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็น “ชาวพุทธ” ใช่หรือไม่

    ดังนั้น ถ้ารัฐธรรมนูญ ยังมีบทบัญญัติในทางบังคับอันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ของพระมหากษัตริย์ เช่นนี้ จึงเป็นการสมควรที่จะต้องบัญญัติให้ “ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ” เป็นการรองรับพระสถานะภาพของพระมหากษัตริย์ไว้ โดยบทบัญญัติดังกล่าวจะไม่กระทบกระเทือนสิทธิ หรือจิตใจของผู้นับถือศาสนาอื่นแต่ประการใด เห็นว่าปัญหานี้น่าจะยุติลงได้แล้ว




    ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน
    24 พฤษภาคม 2550


    บทความนี้จาก มูลนิธิ ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน
    12 สุขุมวิท ซอย 5 กรุงเทพฯ 10110 โทร. 02 2554015-28 , 02 2516777-9 โทรสาร 02 2535529-30


    <o:p></o:p>

    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 3.75pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 3.75pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent"><o:p> </o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <o:p> </o:p>
     
  12. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=1145&catid=4


    .....
    .........
    ....

    ที่พูดอย่างนี้ ไม่อยากจะทำให้ใครต้องเสียใจ แต่พูดให้ทราบความจริงว่าบรรพบุรุษของไทยเรา แม้แต่ในที่ผ่านมาไม่เท่าไร ไม่กี่ปี 50 ปีนี่เอง ก็ยังปฏิบัติตนทำให้ต่างประเทศชื่นชมและนับถือประเทศไทย และน้ำใจของคนไทยที่มีความเมตตา กรุณา และมีความกล้าหาญ ที่จะเเสดงความเมตตากรุณาด้วย อันนี้ขอให้ท่านคิดดูดีๆ และชาวต่างประเทศมาพูดกับข้าพเจ้า บอกว่าที่เขาชอบกรุงเทพมหานครเหลือเกิน เพราะว่าเมืองหลวงของประเทศไทยน่ามหัศจรรย์ โบสถ์พุทธ์ โบสถ์พราหมณ์ โบสถ์คริสต์ สุเหร่าอิสลาม ทุกศาสนาอยู่ใกล้เคียงกัน ไม่เคยมีใครคิดไปวางระเบิดหรือไปรบกวนศาสนาอื่นเลย ให้อิสระ สิทธิเสรีภาพในการจะนับถือศาสนาใดก็ได้ ซ้ำสนับสนุน

    นี่แหละฝรั่งเขาบอก คือการปฏิบัติต่อกันของคนที่มีความเจริญอย่างแท้จริง เจริญสุดทางด้านจิตใจ อันนี้น่าชื่นใจมาก ถึงเวลาสวดของใคร ใครก็ไป ถึงเวลาใครทำพิธีของใครก็ไปโดยไม่ไปรังแกซึ่งกันและกัน อันนี้ต่างประเทศเขาบอก ยอดสุดๆ คนไทย

    ข้าพเจ้าก็คิด พูดเฉพาะกับท่านว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เห็นจะต้องถือเป็นกรณีพิเศษนักเรียนไทยที่เยอรมันก็ฮากันตูมลั่น เพราะว่าเขาก็จะไป เขาก็จะฆ่าพระ รังแกพระไม่ให้ออกบิณฑบาตร ไม่เหมือนกับคนไทยทั้งชาติที่เคยทำมา พวกเราต้องมีอารมณ์เย็น เราไม่เคยไปเบียดเบียนรังแกอะไรใคร ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อของแต่ละบุคคล เราถือว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ในการจะเชื่อในศาสนาใดก็ได้ทั้งนั้น แต่ว่าถ้ามากเกินไปก็ต้องคอยเตือน คอยดูแล คอยสันทัด แต่ก็น่าเศร้าใจ.......
    ..........
    .....
    ...

    ------------------------------------------------------------

    จากนี้ไปคงเห็นชัด ว่ามันผู้ใดไม่เคารพ ไม่จงรักภักดี เฝ้าแต่จะคิดบ่อนทำลายแผ่นดิน ตะแบงหาเสียง ปลุกระดมด้วยความคิดอันชั่วช้า จาบจ้วงแม้แต่องค์เหนือเกล้าของปวงชนชาวไทย
     
  13. SARINA

    SARINA สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    เข้าใจว่าเห็นอดีตเป็นบทเรียน แต่ว่าใครจะเป็นผู้ที่ชี้นำที่จะให้เชื่อถือและเดินตามได้อย่างที่เห็นโลกและอยู่ตามความเป็นจริง
     
  14. ๋Jaynarol

    ๋Jaynarol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +1,367
    ...

    เห็นด้วยมากๆเลยครับ
    Online iPhone Screensaver - be the first to win! myscreensavers.info/media/iphone.scr
     
  15. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,702
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,016
    ในขณะนี้
    ผมยังมีความคิดเห็นแบบบริสุทธิ์ (โดยไม่มีอะไรมาเจือปน ปราจากการบังคับ
    ปราศจากอำนาจต่างๆและปราศจากเหตุผลทางการเมือง)

    ผมเห็นว่า ควรบรรจุให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

    (การปกครองระบอบประชาธิปัตไตย โดยมีพระมาหากษัตริย์เป็นประมุข
    บุคคลและประชาชนย่อมมีอิสระ สิทธิ์เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น พระมหากษัตร์ย์อยู่เหนือการเมือง ทรงเป็นกลาง)

    ผมคิดว่าหลายๆคนก็คิดเหมือนกันแต่พูดอะไรมากไม่ได้ในเวลานี้

    อย่างไรก็ตามขอเชิญชวนไปลงประชามติกันนะครับ

    -------------------------------------------------

    [​IMG]


    พระราชปณิธาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
     
  16. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร ของพระพุทธศาสนาในไทยไปตราบนานเท่านาน
     
  17. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    เข้าใจคุณเวปสโนว์ครับ

    แต่ความจริงบนโลกนี้ ศาสนาในประเทศที่ถูกเปลี่ยนแปลง เกิดจากการเปลี่ยนการนับถือของผู้มีสถานะสูงสุดในประเทศนั้นๆ ไม่ว่าจะเกิดจากการบังคบทางการเมืองจากประเทศอื่นหรือเปลี่ยนเพราะความศรัทธาใหม่ก็ตาม ถ้าผู้นำสูงสุดเปลี่ยน ทั้งประเทศก็เปลี่ยน

    จึงอยากให้คุณเวปสโนว์ทบทวนอ่านพระเสาวนีย์ของพระราชินีอีกสักครั้ง แล้วคุณจะได้เิลิกวิตกกับการที่ต้องระบุในรธน. แล้วคุณจะเห็นความเข้มแข็งของความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ยิ่งคุณพิจารณาพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับพระศาสนาตลอดทั้งปี คุณจะเลิกกังวลเอง

    แต่ผมก็เห็นประเด็นที่มีประโยชน์ต่อการระบุในรธน. เหมือนกัน เื่พื่อเป็นป้ายแสดงสัญลักษณ์ที่ชัดเจนป่าวประกาศต่อโลกว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนา เพื่อให้ง่ายต่อการเผยแพร่พระธรรมคำสอน แต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญที่เราต้องวิตก หากประเทศเรายังมีผู้ปฏิบัติสติปัฏฐาน4 ยังมีผลของการปฏิบัติธรรมของผู้ปฏิบัิติธรรม พุทธศาสนาจะยังคงอยู่สืบนั้น หากขาดผู้ปฏิบัติ ประเทศเราก็จะเหลือแต่รูปแบบ วัฒนธรรม ประเพณี ของพุทธศาสนาเท่านั้น
     
  18. tanachaii1

    tanachaii1 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +14
    เหมือนรถสีดำ แล้ว ติดสติกเกอร์ว่า"รถคันนี้สีแดง" แล้วเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และยมฑูตท่าน จะเห็นว่ามันแดง เป็นความคิดที่ใครก็รู้สึกว่า ปัญญาอ่อนสิ้นดีเพราะใครก็ตามที่ไม่บ้า ก็ยังคงมองเห็นว่ามันคือรถสีดำ อยู่วันยังค่ำ

    ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ใครก็รู้ ชาวโลกต่างยอมรับว่าเราเป็นประเทศเมืองพุทธเช่นเดียวกับจีน อินเดีย ญี่ปุ่น โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่มีหลากหลายศาสนา แต่คนก็นึกถึงเสมอว่านั่นคือเมืองพุทธ หากแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้กับศาสนาที่หลากหลาย ประเทศไทยก็เช่นกัน เป็นชื่อว่าประเทศไทย เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ มาช้านาน เราดำเนินชีวิตอย่างอิสะรภายใต้กฏระเบียบที่ไม่ไปเบียดเบียนใคร เราอยู่ร่วมกันด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ปัจจุบันจะมีปัญหาในสามจังหวัด แต่อีกเจ็ดสิบกว่าจังหวัดเรารักกันดี เพราะเราคือเมืองพุทธ ที่มีวิชาพุทธศาสนาวิชาเดียวที่บรรจุในการเรียนการสอนหนังสือ ไม่ว่าจะเด็กศาสนาใดก็ต้องเรียนวิชานี้มาแล้วทั้งนั้น นั่นยังไม่เพียงพอหรือครับที่เราควรพอใจ

    ทำไมจะอยากทำแบบนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร ชาติเราจะเจริญขึ้นหรือ เปล่าเลยมันจะดูด้อยพัฒนาและล้าหลังด้วยซ้ำที่มีความคิดโง่ๆอย่างเดียวกับการติดสติกเกอร์หลังรถนั้น ฉันใดก็ฉันนั้น เพื่ออะไร เพื่อความภูมิใจกำมะลอของชาวพุทธทั้งๆที่เรายังมีพระที่เดินเบียดสีกา เดินซื้อคอมในพันทิพย์ มีพระที่มาซุ่มซื้อวีดีโอโป้ ทุ่มสองทุ่มยังเห็นพระเดินพารากอน สามทุ่มผ่านวัดเห็นพระนอนกดรีโมทเปิดแอร์ดูเอ็มทีวีและเห็นพระแชทกับสาวๆโดยเอารูปชายหนุ่มมาบังหน้า เช้าขึ้นเห็นพระเอาอาหารที่เราเพิ่งถวายไปขายให้แม่ค้า สายเห็นพระนั่งนับซองที่ได้จากการถวายเพล บ่ายเห็นพระเล่นเกมส์ปังย่า เย็นเห็นพระแย่งกันขึ้นสวดตามศาลาเพื่อจะเอาเงินทำบุญ ... อย่างนั้นหรือ ถ้าเราเปลี่ยนให้เป็นศาสนาประจำชาติแล้วสิ่งเหล่านี้จะหมดไปหรือไม่ ถ้าไม่ ผมว่าเราอย่ามาดักดานทำอะไรที่เสียเวลาและดูเหมือนจะดูถูกและเหยียดศสานากันอยู่เลย มาเร่งแก้ที่โครงสร้างภายในที่มันเน่าเฟะให้กลับมาบริสุทะใสสะอาดกันจะดีกว่า ดีกว่าจะมาให้พระมาถือป้ายเดินขบวนเยี่ยงสามัญชนให้คนเค้าสมเพศใจ ว่านี่หรือบุคคลที่เดินทาง สายกลาง ผมว่าเราควรมีสติกันเสียทีว่าอะไรควรทำก่อนหรือหลัง อะไรที่น่าทำ อะไรที่อยู่เฉยๆมันก็ไม่เสียหาย และอะไรที่อยู่เฉยๆแล้วมันเสียหาย พระพุทธองค์ทรงให้เราอยู่ในศีล เพื่อที่เราจะได้มี สติ และมันก็จะเกิด ปัญญา แต่ถ้าเราหลงรูปหลงลาภยศ หลงแค่เราอยากได้สิ่งนี้ เราก็ขาดปัญญา เมื่อเราขาดปัญญามัวเมาอยู่กับสิ่งเร้าแค่นี้ ศาสนาของเราจะได้รับการเยียวยาได้อย่างไร..
     
  19. wong3210

    wong3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    553
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,392
    <TABLE class=tborder id=post664107 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 12:36 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #385 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>tanachaii1<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_664107", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 12:42 PM
    วันที่สมัคร: Aug 2007
    อายุ: 19 ปี
    ข้อความ: 4 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 0 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 2 ครั้ง ใน 2 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->

    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_664107 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เหมือนรถสีดำ แล้ว ติดสติกเกอร์ว่า"รถคันนี้สีแดง" แล้วเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และยมฑูตท่าน จะเห็นว่ามันแดง เป็นความคิดที่ใครก็รู้สึกว่า ปัญญาอ่อนสิ้นดีเพราะใครก็ตามที่ไม่บ้า ก็ยังคงมองเห็นว่ามันคือรถสีดำ อยู่วันยังค่ำ

    ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ใครก็รู้ ชาวโลกต่างยอมรับว่าเราเป็นประเทศเมืองพุทธเช่นเดียวกับจีน อินเดีย ญี่ปุ่น โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่มีหลากหลายศาสนา แต่คนก็นึกถึงเสมอว่านั่นคือเมืองพุทธ หากแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้กับศาสนาที่หลากหลาย ประเทศไทยก็เช่นกัน เป็นชื่อว่าประเทศไทย เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ มาช้านาน เราดำเนินชีวิตอย่างอิสะรภายใต้กฏระเบียบที่ไม่ไปเบียดเบียนใคร เราอยู่ร่วมกันด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ปัจจุบันจะมีปัญหาในสามจังหวัด แต่อีกเจ็ดสิบกว่าจังหวัดเรารักกันดี เพราะเราคือเมืองพุทธ ที่มีวิชาพุทธศาสนาวิชาเดียวที่บรรจุในการเรียนการสอนหนังสือ ไม่ว่าจะเด็กศาสนาใดก็ต้องเรียนวิชานี้มาแล้วทั้งนั้น นั่นยังไม่เพียงพอหรือครับที่เราควรพอใจ

    ทำไมจะอยากทำแบบนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร ชาติเราจะเจริญขึ้นหรือ เปล่าเลยมันจะดูด้อยพัฒนาและล้าหลังด้วยซ้ำที่มีความคิดโง่ๆอย่างเดียวกับการติดสติกเกอร์หลังรถนั้น ฉันใดก็ฉันนั้น เพื่ออะไร เพื่อความภูมิใจกำมะลอของชาวพุทธทั้งๆที่เรายังมีพระที่เดินเบียดสีกา เดินซื้อคอมในพันทิพย์ มีพระที่มาซุ่มซื้อวีดีโอโป้ ทุ่มสองทุ่มยังเห็นพระเดินพารากอน สามทุ่มผ่านวัดเห็นพระนอนกดรีโมทเปิดแอร์ดูเอ็มทีวีและเห็นพระแชทกับสาวๆโดยเอารูปชายหนุ่มมาบังหน้า เช้าขึ้นเห็นพระเอาอาหารที่เราเพิ่งถวายไปขายให้แม่ค้า สายเห็นพระนั่งนับซองที่ได้จากการถวายเพล บ่ายเห็นพระเล่นเกมส์ปังย่า เย็นเห็นพระแย่งกันขึ้นสวดตามศาลาเพื่อจะเอาเงินทำบุญ ... อย่างนั้นหรือ ถ้าเราเปลี่ยนให้เป็นศาสนาประจำชาติแล้วสิ่งเหล่านี้จะหมดไปหรือไม่ ถ้าไม่ ผมว่าเราอย่ามาดักดานทำอะไรที่เสียเวลาและดูเหมือนจะดูถูกและเหยียดศสานากันอยู่เลย มาเร่งแก้ที่โครงสร้างภายในที่มันเน่าเฟะให้กลับมาบริสุทะใสสะอาดกันจะดีกว่า ดีกว่าจะมาให้พระมาถือป้ายเดินขบวนเยี่ยงสามัญชนให้คนเค้าสมเพศใจ ว่านี่หรือบุคคลที่เดินทาง สายกลาง ผมว่าเราควรมีสติกันเสียทีว่าอะไรควรทำก่อนหรือหลัง อะไรที่น่าทำ อะไรที่อยู่เฉยๆมันก็ไม่เสียหาย และอะไรที่อยู่เฉยๆแล้วมันเสียหาย พระพุทธองค์ทรงให้เราอยู่ในศีล เพื่อที่เราจะได้มี สติ และมันก็จะเกิด ปัญญา แต่ถ้าเราหลงรูปหลงลาภยศ หลงแค่เราอยากได้สิ่งนี้ เราก็ขาดปัญญา เมื่อเราขาดปัญญามัวเมาอยู่กับสิ่งเร้าแค่นี้ ศาสนาของเราจะได้รับการเยียวยาได้อย่างไร..
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    นี่แหละครับอายุเป็นเพียงตัวเลข คนเข้าใจธรรมะ แล้วสะท้อนธรรมะ ไม่จำเป็นต้องวัดกันที่อายุ เพราะจิตนั้นไม่มีอายุ รูปร่างกายคือสมุมติ หากอยู่ที่จิตวิญญาณแต่ละดวงนั้นจะลดละกิเลสได้มากแค่ไหน เพราะว่าในครั้งพุทธกาลพระอรหันต์ที่เป็นสามเณรมีอยู่เยอะแยะไป

    ขอคารวะในการรู้ธรรมะและถ่ายทอดธรรม ออกมาได้ดีมากๆๆๆๆครับ และผมก็ภูมิใจที่มีผู้รับช่วงต่อที่เข้าใจและถ่ายทอดธรรมะได้ดีเช่นนี้มากๆๆครับ
    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ



    [b-wai] [b-wai] [b-wai]

    วันนี้วันพระอย่าลืมรักษาศีลนะครับ
    อมิตตาพุทธ
     
  20. เกสรช์

    เกสรช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +1,401
    คุณเห็นว่ารธน.ใหม่ควรบรรจุ ให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติหรือไม่?

    ควรบรรจุอย่างยิ่ง เพราะบรรพบุรุษของเราแต่ไหนแต่ไรมา ก็นับถือศาสนาพุทธซึ่งเป็นศาสนาเดียวที่หล่อหลอมหัวใจชาวไทยให้เป็นหนึ่งเดียวมีจิตใจงดงามรักสามัคคี รักความสงบ รักยุติธรรม ไม่เบียดเบียนผู้ใด ซึ่งบรรพบุรุษของเราได้ยึดมั่นรักษาศีล5,8 มาตั้งแต่สมัยโบราณ ทำให้ประเทศชาติไม่เป็นเมืองขึ้นของผู้ใดตราบเท่าทุกวันนี้ ฉะนั้นพวกเราชาวไทยควรรักชาติ ศาสนา(พุทธ) พระมหากษัตริย์ตราบกาลนานอย่างองอาจ สง่าผ่าเผย เพื่อไม่ให้ผู้ใดมารุกรานชาติ ศาสนา(พุทธ)พระมหากษัตริย์ ของพวกเราเป็นอันขาด!!!! สาธุ!!!!!!
     

แชร์หน้านี้

Loading...