คำสอนที่เตือนจิตใจ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 1 กรกฎาคม 2012.

  1. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    คำพุทธะ-คำสาวก

    เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับ คุณนิวรณ์

    หนึ่งคำ ของ พุทธะ

    ย่อม มีอานุภาพยิ่งใหญ่กว่า

    หมื่นคำ แสนคำ ของ สาวกอรหันต์
     
  2. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413

    แต่หากเป็น สาวกอรหันต์ จริง จะไม่กล่าวขัดกับ พุทธองค์ครับ เพียงแต่เราจะเข้าถึง ในสิ่งที่ท่านพูดแค่ไหนเท่านั้น เอง

    ผมเลยพยายามบอกว่า ให้เห็น อนัตตา นั้นเป็นกุญแจ ที่จะทำให้เข้าใจในสิ่งที่พระอริยะเจ้าทั้งท่าน พยายามสื่อ

    มันไม่ผิดเลย ที่ว่า จิตดวงเดียว หรือ จิตตั้งมั่น หรือ อรหันต์ไม่มีจิต ครับ

    แต่จงรู้ไว้ว่า จิตไม่ใช่เรา อย่าเหลือใดๆที่เรียกว่าเรา อีกเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2012
  3. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    พระพุทธเจ้า และพระอหรันตสาวก ผู้หลุดพ้น ห่างไกลจากกิเลส ย่อมมีความรู้แจ้งในสภาวะธรรมแห่งความดับไปของกิเลส ที่ถูกต้องตรงเหมือนกันครับ และไม่มีผู้ใดกล่าวผิดสัจธรรมครับ ซึ่งต่างก็รู้และเข้าใจที่ตรงกัน แต่ต่างกันแค่เพียง

    พระอรหันตสาวกนั้นรู้จริงแต่อาจจะไม่กว้างหรือลึกมากนักแต่

    แต่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ทั้งลึกและกว้างมากมายนักไม่สามารถหาคำมาเปรียบได้

    แต่สุดท้ายขึ้นชื่อว่าผู้หลุดพ้น ห่างไกลกิเลส ก็ย่อมรู้ในธรรมอันเป็นสิ่งเดียวกันครับ
    อย่าไปสงสัยหรือกังวลอะไรมากไปกว่านี้ครับ อยู่ที่ท่านว่าจะเลือกแบบไหนครับ อนุโมทนาด้วยทั้งหมดครับ

    ขอเจริญธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2012
  4. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    องค์พุทธะ ตำหนิ อัครสาวก

    พระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ ถูกตำนิ โดย องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
    เนื้อหาบางส่วนของ

    อรรถกถา ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
    สังคีติสูตร
    .
    .
    .
    ถามว่า พระขีณาสพอื่นๆ มีกายสมาจารเป็นต้น ไม่บริสุทธิ์กระนั้นหรือ
    ตอบว่า ไม่ใช่ไม่บริสุทธิ์ เพียงแต่ว่าบริสุทธิ์ไม่เท่ากับพระตถาคต.
    พระขีณาสพที่ฟังมาน้อย ย่อมไม่ต้องอาบัติที่เป็นโลกวัชชะ ก็จริงอยู่แต่เพราะไม่ฉลาดในพุทธบัญญัติ ก็ย่อมจะต้องอาบัติในกายทวาร ประเภททำวิหาร ทำกุฏิ (คลาดเคลื่อนไปจากพุทธบัญญัติ)อยู่ร่วมเรือน นอนร่วมกัน (กับอนุปสัมบันเป็นต้น).

    ย่อมต้องอาบัติในวจีทวารประเภทชักสื่อ กล่าวธรรมโดยบท พูดเกินกว่า ๕-๖ คำ บอกอาบัติที่เป็นจริง (เป็นต้น).
    ย่อมต้องอาบัติเพราะรับเงินรับทองในทางมโนทวารด้วยอำนาจยินดีเงินทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตน.


    แม้พระขีณาสพขนาดพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรก็ยังเกิดมโนทุจริตขึ้นได้ ด้วยอำนาจที่นึกตำหนิในมโนทวาร.เมื่อศากยะปาตุเมยยกะขอขมาพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อประโยชน์แก่พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะในคราวที่ทรงประณาม.พระเถระทั้งสองนั้นพร้อมกับภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป ในเรื่องปาตุมะ
    พระเถระอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า เธอคิดอย่างไร สารีบุตร เมื่อภิกษุสงฆ์ถูกเราประณามแล้ว ดังนี้ก็ให้เกิดความคิดขึ้นว่า เราถูกพระศาสดาประณาม เพราะไม่ฉลาดเรื่องบริษัทตั้งแต่บัดนี้ไป เราจะไม่สอนคนอื่นละ.

    จึงได้กราบทูลว่า ข้าผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้ามีความคิดอย่างนี้ว่าภิกษุสงฆ์อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประณามแล้ว บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าจักทรงขวนขวายน้อย ประกอบทิฐธรรมสุขวิหารธรรมอยู่.แม้เราทั้งสองก็จักขวนขวายน้อย ประกอบทิฐธรรมสุขวิหารอยู่.​

    ลำดับนั้น พระศาสดา เมื่อจะทรงยกข้อตำหนิเพราะมโนทุจริตนั้นของพระเถระ
    จึงตรัสว่า เธอจงรอก่อนสารีบุตร.


    ความคิดอย่างนี้ไม่ควรที่เธอจะให้เกิดขึ้นอีกเลย สารีบุตร.
    แม้เพียงความคิดว่า เราจะไม่ว่ากล่าวสั่งสอนคนอื่น อย่างนี้ก็ชื่อว่าเป็นมโนทุจริตของพระเถระแต่พระผู้มีเจ้าไม่มีพระดำริเช่นนั้น และการที่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้วจะไม่พึงมีทุจริตนั้น ไม่ใช่ของน่าอัศจรรย์.แม้แต่ดำรงอยู่ในภูมิแห่งพระโพธิสัตว์ ทรงความเพียรอยู่ ๖ ปี พระองค์ก็มิได้มีทุจริต.แม้เมื่อเหล่าเทวดาเกิดความสงสัยขึ้นอย่างนี้ว่า หนังท้องติดกระดูกสันหลัง (อย่างนี้) พระสมณโคดมถึงแก่การดับสูญ (เสียละกระมัง)

    เมื่อถูกมารใจบาปกล่าวอยู่ว่า สิทธัตถะ ท่านจะต้องมาลำบากลำบนทำไม
    ท่านสามารถที่จะเสวยโภคสมบัติไปด้วย สร้างบุญกุศลไปด้วยได้ ดังนี้.
    แม้เพียงความคิดว่า "เราจัก (กลับไป) เสวยโภคสมบัติ" ก็ไม่เกิด.

    ครั้นแล้ว มารก็ติดตามพระผู้มีพระภาคเจ้าในเวลาที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ถึง ๖ ปีในเวลาที่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว อีก ๑ ปีก็มิได้เห็นโทษผิดอันหนึ่งอันใด จึงกล่าวความข้อนี้ไว้ แล้วหลบไปว่า :-

    เราติดตามพระผู้มีพระภาคเจ้าไปทุกย่างก้าว
    ตลอดเวลา ๗ ปี ก็มิได้เห็นข้อบกพร่องใดๆ
    ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระสติไพบูลย์นั้นเลย.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2021
  5. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    พระพุทธองค์ ว่ากล่าวตักเตือนพระสาวก ก็ไม่ใช่ด้วยโทสะจริต หรือมโนทุจริต ก็หาใช่เช่นนั้น แต่อย่างที่รู้พระพุทธองค์ ก็มิเคยมีมโนทุจริตใดๆ พระสติสัมปชัญญะของพระองค์มิเคยด่างพร้อย ดุจพระอาทิตย์มิเคยอับแสงปานนั้น

    หรือหากไปดูในบทสวดพระคาถา พระธารณปริตร นั้นได้กล่าวถึงพระพุทธองค์ไว้ชัดเจนว่า เหล่าบรรดาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ทรงมิเคย มีกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต เป็นเช่นนั้นจริงๆครับ กระผมสวดพระคาถานี้และศรัทธา เพราะเชื่อว่า ในการสำเร็จในอริยะมรรค8ย่อมเป็นเช่นนี้จริงๆด้วยเช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2012
  6. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413

    [​IMG][​IMG][​IMG] ขอบคุณท่านมาก ที่นำมาให้เข้าใจ ผมมองความสมบุรณ์ของ คำว่า อรหันต์มากไป เหมือนการมองเห็นแค่ฝ่ามือ ไม่เห็นหลังมือ จึงเห็นแต่ความไม่มีอาสวะ แต่ไม่มองความรู้ความเข้าใจ ในการแสดงธรรม ที่ส่งผลให้ผู้ฟัง ที่ยังไม่เข้าถึงธรรม ติดในทิฏฐิ ที่ไม่เป็นกลาง ได้

    ครับ
     
  7. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ

    บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ
    อิติปิ โส ภะคะวา (เพราะเหตุอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น)
    อะระหัง (เป็นผู้ไกลจากกิเลส)
    สัมมาสัมพุทโธ (เป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง)
    วิชชาจะระณะสัมปันโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ)
    สุคะโต (เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี)
    โลกะวิทู (เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง)
    อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ (เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า)
    สัตถาเทวะมนุสสานัง (เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย)
    พุทโธ (เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม)
    ภะคะวาติ. (เป็นผู้มีความเจริญจำแกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้)
    _______________________________________

    คำของพุทธะ ให้กำเนิด พระอรหันต์ นับ ล้านๆองค์ ทั้งบนโลกมนุษย์ เทวโลก พรมโลก
    แต่คำสาวกนั้น ยังไม่แน่ว่าจะ สร้างพระอรหันต์ได้ กี่องค์ เผลอๆบอกกล่าวผิดจากคำพุทธะ ผู้เรียนธรรมจับฉวยผิดเป็นมิจฉาวิมุติก็มี

    ดังนั้นผู้สนใจธรรม เมื่อเรียนคำจากพระสาวกอรหัตน์แล้ว จึงควรนำมาตรวจสอบกับ คำพุทธะว่าตรงกันหรือไม่

    นี่คือคุณค่าของพระไตรปิฎก โดยเฉพาะในส่วนของพุทธพจน์ ที่ปรากฏตราบเท่าทุกวันนี้
    และ ผมมีความคิดเห็นส่วนตัวว่า ไม่มีใครคนไหนกล้าที่จะแก้ไขหรือลบพุทธพจน์ให้ผิดไปจากความหมายเดิม
    เพราะถ้าใครอาจหาญที่จะทำให้ผิดจากความหมายเดิมละก็ ท่านลองนึกดูเถิด บาปจะหนักขนาดไหน!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...