คั่นข่าว:"บุกยิงการ์ตูนนิสต์ในฝรั่งเศส" เผย VDO ยิงรึ ???? หน้า 6

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย thai123, 9 มีนาคม 2014.

  1. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    --------หัวข้อที่4- บันทึกประวัติศาสตร์: สงครามกับ UFO ครั้งแรกของโลก” (26/2/1947)----


    เมื่อพูดถึง นา ซี (ขออนุญาติพิมพ์เว้นวรรค ) กับ จานบิน (UFOs, unidentified flying objects) หนังสารคดีคลาสสิกที่ทุกคนเอ่ยถึงคือ Third Reich-Operation UFO (ออกเผยแพร่สู่สาธาณะในปี 2006 ตอนนั้นเป็นภาษารัสเซียล้วน) หนังสารคดีชิ้นนี้พิเศษกว่าอื่นๆ ตรงที่ 1) เป็นข้อมูลของหน่วยข่าวกรองกลางโซเวียตรัสเซียเก่าที่ขึ้นตรงต่อท่านผู้นำโจเซฟ สตาลิน ได้จากสปายที่ฝังตัวในสหรัฐ (โซเวียตรัสเซียล่มสสายในปีคศ 1991 เอกสารลับของเค จี บี จึงกลายเป็นเอกสารไม่ลับ) 2) มีนายทหารระดับสูง และนักวิทยาสาสตร์ชั้นหัวกะทิของรัสเซียร่วมออกความเห็น หลายปีต่อมา Irian Du Toit ได้ช่วยแปลจากเสียงพากย์รัสเซีย มาเป็นอังกฤษ กลุ่มคนจานบิน ทำเป็น subtitle ให้ .....เครดิตพวกเขาหน่อย

    หนังสารคดีเกี่ยวกับความลับที่เล่าลือในอดีต คือ นา ซี มีฐานลับในแอนตาร์กติก.. และคศ. 1947 สหรัฐนำกองเรือและกำลัง 4000 นาย (ภายใต้ปฎิบัติการไฮ จัมพ์ นำโดยพลเรือเอกริชาร์ด อี. เบิร์ด ไปจัดการฐานทัพนา ซี ที่นั่น จานบินหลายลำโผล่ขึ้นจากพื้นน้ำ และโจมตีกองกำลังสหรัฐ เรือและเครื่องบินหลายลำถูกทำลาย รวมทั้งทหารเรือตายไปหลายคน จากปฎิบัติการ ที่วางแผนล่วงหน้าจะนาน 8 เดือน แค่ 8 สัปดาห์ก็กลับบ้านแล้ว ..ตรงนี้สอดคล้องกับข่าวที่ออกช่วงแรกในชิลี แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นทางการสหรัฐปกปิดเป็นความลับสุดยอด และให้ฮอลลีวู๊ดผลิตสารคดีปฎิบัติการไฮ จัมพ์ออกอากาศด้วย แต่เนื้อหาUFO กับความพ่ายแพ้ ละเว้นไว้ ไม่กล่าวถึง ใครสนใจดูยูทูปเรื่อง “ The Secret Land”.......( ขอขยายความเพิ่มเติมว่าปฎิบัติการไฮ จัมพ์นั้น ทางการสหรัฐออกข่าวแค่ว่าเป็นการสำรวจแอนตาร์กติก และการฝึกทหาร .....อย่างไรก็ตาม แม้ใน ขณะนั้น นักข่าวต่างไม่เชื่อ เพราะดูจากกองกำลังที่เข้าร่วมปฎิบัติการแปลกกว่าการสำรวจและการฝึกที่เคยทำ และท่าทีพลเรือเอกเบิร์ด เองที่ไม่เต็มใจให้ข่าว)

    ปฎิบัติการไฮ จัมพ์ ออกเดินทางจากท่า นอร์โฟล์ค รัฐเวอร์จิเนีย วันที่ 2 ธันวาคม คศ 1946. ประกอบด้วยเรือทำลายน้ำแข็ง( ice-breaker ) ชื่อนอร์ธวิน, เรือยิงไพน์ไอแลนด์, เรือทำลาย บราวน์เซ็น, เรือบรรทุกเครื่องบิน ฟิลิปปินส์ ซี, เรือดำน้ำ เซนเนท, เรือสนับสนุน ยันคี และ เมอร์ริค ,รถถัง แคนนิสเตท และ คาปาแคน, เรือทำลาย เฮนเดอร์ซัน, เรือธงเมาท์โอลิมปัส สุดท้ายคือ floatplane ship(ไม่รู้จะแปลไง) ชื่อ เคอร์ริทัก และทีมสุนัขลากเลื่อนสามทีม


    ปฎิบัติการไฮ จัมพ์ นักประวัติศาสตร์บางคนให้ความสำคัญ เพราะ ถือเป็น การรบครั้งสุดท้ายจริงๆของสงครามโลกครั้งที่สอง (แม้ว่าพันธมิตรจะประกาศชัยชนะเมื่อ 1945 คือ 2 ปีก่อนหน้านั้น ) .....และ เป็นสงครามกับ UFO ครั้งแรก ในประวัติศาสตร์โลก !!!! ....เท่าที่บันทึกไว้

    ฐานลับของนา ซี ที่แอนตาร์กติกา รู้จักกันในรหัส (codename) “ฐาน 211” นา
    ซี สนใจแอนตาร์กติกามานานก่อนสงครามฯ เชื่อกันว่านา ซี ย้ายไปสร้างเมืองใหม่ที่นั้น เรียกว่า Neu Schwabeland ตัวเลขทางการ พบว่า นายทหาร, นักวิทยาศาสตร์, และ ชนชั้นนำของพรรคนา ซี คือคนที่มีคุณภาพ นับตัวไม่เจอกว่า 250,000 ชีวิต รวมทั้งเรือดำน้ำเทคโนโลยี่ล้ำหน้าเพิ่งสร้างใหม่ เช่น ยู-โบท หายไปอย่างน้อย 7 ลำ
    ( รวมทั้งหน่วยกองกำลังหญิง ที่เลือกเฉพาะสาวรุ่น สูง ผมบลอนด์ ตาสีฟ้า ผ่านหลักสูตรฝึกการใช้ชีวิตในสภาพอากาศหนาวเหน็บราว 25,000 คน .......ตรงนี้เป็นข้อมูลลิงค์อื่นแต่หาลิงค์ยังไม่เจอ ...คาดว่าตรวจร่างกายผ่านแล้วว่าไม่เป็นหมันชัวร์ ๆ555.)

    มาฟังคำพูดของท่านนายพล Donitz ปี 1943 พูดกับวงใน( เป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือเยอรมันตั้งแต่ 31 มกราคม คศ.1943 และเป็นผู้นำเยอรมันหลังฮิต เล่อร์ตายนาน 20 วันก่อนถูกพันธมิตรจับตัว 23 พค 1945 ) “ กองกำลังเรือดำน้ำของเยอรมันภาคภูมิใจที่ได้สร้างค่าย ซึ่ง(ศัตรู)ไม่มีทางเข้าถึงได้, ในอีกฟากหนึ่งของโลก , a Shangri-La (สวรรค์บนดินที่ห่างไกลผู้คน)” ท่านหมายถึงแอนตาร์กติกา? นา ซี นั้นมีความเชี่ยวชาญในการสร้างอุโมงค์ใต้ดิน เช่นที่นอร์เวย์ เชื่อกันว่ามีที่อะเมซอนด้วย


    รายงานหน่วยข่าวกรองกลางโซเวียตรัสเซียครั้งนั้น อ้างคำให้การของทหารเรือสองนายที่ร่วมปฎิบัติการไฮ จัมพ์ คือ:
    1) John Szehwach พลวิทยุของเรือชื่อบราว์นซัน เขาให้การว่า จานบินหลายลำ (UFOs) โผล่ขึ้นมาจากใต้มหาสมุทร วันที่ 17 มกราคม 1947 ช่วงเวลาเจ็ดโมงเช้า (0700s) “ ผมและเพื่อนร่วมลำเรือกำลังอยู่ที่ pilothouse (ห้องขับเรือ ล้อมรอบด้วยกระจก) ผมมีเวลาสังเกตุหลายนาที เห็นเป็นวัตถุแสงสว่าง โผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วจริงๆ จากพื้นน้ำทำมุม 45 องศา เราไม่สามารถระบุว่าวัตถุแสงสว่างนั้นคืออะไรได้ (i.d.) เพราะเรดาร์เราจำกัดแค่ 250 ไมล์ ในเส้นตรง”...............หลายวันต่อมาตามโซเวียดรัสเซียรายงาน ....จานบินหลายลำบินเข้ามาใกล้เรือรบเล็ก( naval flotilla) ซึ่งพยายามยิงใส่จานบิน จานบินพวกนั้นตอบโต้กลับ...เอาถึงขั้นตาย

    2) คำให้การของนายร้อย จอนห์ เซเยอร์ซัน นักบิน “ มันยิงขึ้นมาแนวตรง(vertically) จากในน้ำด้วยความเร็วยิ่งยวด รู้สึกเหมือนปิศาจตามล่า , มันบินระหว่างเสาเรือ (masts) ด้วยความเร็วสูงทำเอาเสาอากาศวิทยุแกว่งควงไปควงมาจากแรงดันอากาศของมัน” ...................... “เครืองบิน ( Martin flying boat) ที่เพิ่งทะยานขึ้น จากเรือ เคอร์ริทัก ถูกรังสีอะไรไม่รู้ ยิงมาจากเจ้าวัตถุนี้ เครืองบินตกทันทีทันใดใกล้เรือของเรา” (ในคำให้การของทหารทั้งสองนาย เขาใช้คำว่า the thing , the objects, the lights ไม่เคยใช้คำว่า UFO นะ แต่ดูรูปเอาจะเห็นเป็น UFO ตามคำนิยามของมัน) ................... “ ไกลไป 10 ไมล์ เรือตอร์ปิโดชื่อแมดดอกซ์ไฟลุกไหม้ และเริ่มจม..... จากที่ผมได้เห็นการโจมตี จากวัตถุนั้นที่บินโผล่ขึ้นมาจากพื้นน้ำ ต่อหน้าต่อตาผม ผมขอบอกว่า มันน่าสะพึงกลัวยิ่ง”

    อย่างไรก็ดี ในเอกสารทางการสหรัฐ ไม่มีบันทึกว่าเรือตอร์ปิโดแมดดอกซ์ ร่วมในปฎิบัติการไฮ จัมพ์ ....(บางคนเลยหาว่าข้อมูลโซเวียตรัสเซียไม่น่าเชื่อถือ ) .........แฟรงค์ โจเซฟ ให้คำอธิบายเหตุว่า ในเอกสารของโซเวียตรัสเซียมีเรือชื่อแมดดอกซ์รวมปฎิบัติการ แต่เอกสารทางการสหรัฐไม่มี แถมยังรายงานว่าเรือแมดดอกซ์จม 5 ปีก่อนหน้านี้ จาก ระ เบิดใต้น้ำของเยอรมัน แฟรงค์ว่าเรือแมดดอกซ์มีถึงสามลำคือ DD- 168, 622 และ 731 ประจำการในช่วงเดียวกัน และ กองทัพเรือสหรัฐมีชื่ออื้อฉาวมาก คือ ชอบสลับชื่อเรื่อและชอบเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการอับอาย

    จากข้างต้นนี้ สอดรับกับคำพูดของพลเรือเอกเบิร์ดที่ให้กับนักข่าวในช่วงต้น - ศัตรูใหม่ สามารถบินจากขั้วโลกหนึ่งไปยังอีกขั้วโลกได้ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ และกองกำลัง UFO ทำให้ทหารเรือสหรัฐสูญเสียชีวิตอย่างมาก ทัพเรือสหรัฐไม่สามารถต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้เลย - ปี.คศ.1947 หนังสือพิมพ์ใหญ่ของชิลี El Mercurio โดยนักข่าวที่เข้าสังเกตุการณ์กับปฎิบัติการไฮ จัมพ์ ไปกับเรือเมาท์ โอลิมปุส เขียนคอลัมม์อ้างคำกล่าวของพลเรือเบิร์ดว่า สหรัฐต้องรีบหามาตราการ เพื่อต่อกรกับการโจมตีจากสิ่งบินที่มาจากขั้วโลก ...“ผมไม่ต้องการให้ตื่นตระหนก แต่มันคือความจริงที่ขื่นขม สงครามใหม่ สหรัฐจะถูกโจมตีจากวัตถุบินได้ จากขั้วโลกใต้ หรือจากทั้งสองขั้วโลกเลย”

    เอกสารลับโซเวียตรัสเซีย กล่าวว่ากำลังของโซเวียดคือ Task’68s ไม่ได้ถูกทำลายโดย UFO แค่โดนบังคับให้กลับออกไป (ปฎิบัติการ ไฮ จัมพ์ มีประเทศอื่นร่วมแจมด้วยแต่ไม่ใช่กำลังหลัก)

    ( คัดย่อจาก Antarctica - the Ice Reich -ขอบคุณ ไมเคิล สเตลลา)

    มารู้จักประวัติ พลเรือเอกเบิร์ด เขาเป็นผู้ชำนาญสำรวจขั้วโลกทั้งเหนือและใต้ เดินทางบรรยายไปทั่วโลก รวมทั้งในเยอรมัน เขาเคยให้คำแนะนำกองทัพสหรัฐว่าควรสร้างฐานทัพที่ขั้วโลกเหนือ ท่านพูดเรื่องนี้หลายหน รวมทั้งด้วยในงานสัมนาของ International News Service โดยท่านใช้คำว่า “จากประสพการณ์ส่วนตัวที่ผมได้รับรู้มา” ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าท่านรู้อะไรมาแค่ไหน เพราะเมื่อปฎิบัติการไฮ จัมพ์ กลับเข้าฝั่งสหรัฐ ทุกอย่างถูกประทับตราเป็นความลับ พลเรือเอกเบิร์ด นั้นเข้านอนโรงพยาบาลห้ามใครเยี่ยม จนกระทั่งมีนาคม 1955 ท่านจึงถูกเรียกใช้อีกครั้งให้นำทีม โอเปอร์เรชั่นดีฟฟรีส (deepfreeze) เพื่อสำรวจแอนตาร์กติค พลเรือเอกเบิร์ดเสียชีวิตปี 1957 บ้างว่าถูกฆาตกรรม

    เมื่อครั้งนำทีมปฎิบัติการไฮ จัมพ์ เครื่องบินจะมีติดกล้อง spy cameras พร้อมมีเครื่อง magnetometer ใช้ดู ความกลวงหรือช่องว่างใต้น้ำแข็ง การบินครั้งล่าสุดนั้นมี เครื่องบิน 6 ลำ แยกกันบินสำรวจ แต่ลำของพลเรือเอก เบิร์ดกลับช้ากว่าลำอื่นๆ 3 ชั่วโมง ในรายงานของทางการ บอกว่าเป็นเพราะ เครื่องยนต์เสียและจำต้องทิ้งทุกอย่างออกนอกเครื่อง .....หากคุณเชื่อ ข่าวลือวงใน ข่าวว่า 3 ชั่วโมงที่ล่าช้าเพราะ พลเรือเอกเบิร์ดพบปะกับตัวแทนนา ซี

    อันนี้ก็น่าสนใจอีก เจ้านายของพลเรือเบิร์ด คือท่านนายพล เจมส์ ฟอเรสตัล อดีตผู้บัญชาการกองทัพเรือในปี 1947 และต่อมาได้เป็น รมต กลาโหม ....หลังเกษียณแล้ว ท่านนายพล เจมส์ ฟอเรสตัล เริ่มออกมาพูดถึงปฎิบัติการไฮ จัมพ์และเรื่องอื่นๆ (ยังไม่เคยพบว่าท่านพูดอะไร) ท่านต้องไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้า โดยเขาไม่อนุญาติให้ใครเข้าพบแม้กระทั่งภรรยาของท่าน ซึ่งแปลกมาก ไม่นานก็พบท่านผูกคอตายด้วยผ้าปูที่นอน โยนตัวออกมานอกหน้าต่าง ทางการรายงานว่าเป็นการฆ่าตัวตาย !!!

    (คัดมาจาก http://www.bibliotecapleyades.net/antarctica/antartica11.htm )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2014
  2. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2014
  3. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
     
  4. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    ติดตามอ่านอยู่ได้ความรู้ดี ทำต่อไปนะ แต่ขอถามหน่อย
    ทำไมเขาต้องทำลายตึกเวิรด์เทรดของเขาเองล่ะ?
     
  5. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    รัฐบาลสหรัฐต้องการเดินหน้าเป็นรัฐตำรวจ (police state )หรือรัฐเผด็จการ ที่รัฐมีสิทธ์เข้าไปควบคุม สปาย ในทุกอนุของสังคม กฎหมายเช่นนี้ไม่มีทางผ่านในอเมริกา แต่เพราะ 9/11 เกิดขึ้น ประชาชนและรัฐสภาจึงพร้อมใจกันยอมสูญเสียเสรีภาพ....เพื่อแลกกับความปลอดภัยจากเหตุก่อการร้าย ....หลักฐานออกมาชัดว่ารัฐบาลร่างกฎหมายนี้ก่อนหน้าเหตุการณ์ 9/11 (กฎหมายชื่ออะไรขอไม่ค้นนะ)

    นั่นคือความเห็นที่อ่านมานิ ไม่มีความเห็นของเรา เพราะเราไม่ใช่แค่อยู่ปลายแถว ไม่แม้แต่จะอยู่ในแถว ที่จะมีโอกาสรู้ความจริง 5555 ...............เดือนก่อนเห็นข่าวเชิงวิจัย ใจความว่า " รัฐบาลอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง รู้ทั้งรู้ว่าญี่ปุ่น...."ต้องการ"(เน้น).....ยอมจำนน จึงไม่มีความจำเป็นเลยที่จะทิ้ง ระ เบิด นิว เคลียร์ (จากมุมมองทางทหาร ทางนักประวัติศาสตร์ หรือจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่มีส่วนรวมพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์) ใน นางาซากิ และ ฮิโรชิมา.....แต่ที่ตัดสินใจ ทิ้ง ระ เบิด ไม่ใช่เพื่อให้ญี่ปุ่นยอมแพ้ แต่...ต้องการแสดงศักยภาพทางเทคโนโลยี่ให้รัสเซียดู .....เป็นช่วงเริ่มต้น ก่อนพัฒนาไปสู่สงครามเย็นold war ที่เด่นชัด (รายงานจาก Global Research Website).....ผ่านมา 60 ปี?? ความจริงจึงเปิดเผยสู่สาธารณะชน

    โพสต์จากนี้ไป........ ตั้งใจจะแปลเรื่องเหลือเชื่อมากๆๆๆๆๆๆๆๆ .....เดิมคิดว่าต้อง "ร่อน" ตะแกรงให้ก่อน.... แต่...เพราะทุกคน"ควร"มีเสรีภาพในการรับรู้ ก็ขอให้ใช้วิจารณญานกันเอง.... อ่านอย่างเปิดโลกกว้าง ไม่ใช่แล้วตกใจกลัว ....เราไม่ประสงค์จะสร้างพลังงานลบให้โลกมากไปกว่านี้ ....วันก่อนอ่านพบว่า ..มนุษย์ต่างดาวบ้างพันธุ์บริโภคฮอร์โมน อะดีนาลิน (สารที่มนุษย์หลั่งตอนเครียด กลัว) .....ทำให้มนุษย์ต่างดาวรู้สึก high (สุขเหมือนใช้ยาเสพติด) .....

    เราเชื่อว่าพลังงานลบดึงดูดพลังงานลบ และพลังงานบวกดึงดูดพลังงานบวก...........ขอทุกท่านเจริญในธรรมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2014
  6. pum_anatta

    pum_anatta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +805
    น่าสนใจมากๆ จะตามอ่านค่ะ

    ^_^
     
  7. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    หามาฝากแม่นายมลนะ....
    กฎหมาย US Patriot ACT"ผมสงสัยเหลือเกิน กฎหมายฉบับนี้มันใหญ่มาก ใครกันจะมีความสามารถเขียนเสร็จภายใน 20 วันหลังเหตุ 9/11 คำตอบคือเขียนเอาไว้ 20 ปีแล้ว ....เก็บไว้ในลิ้นชัก..... รอจังหวะที่จะนำมาใช้

    (The Patriot Act was planned before 9/11. Indeed, former Counter Terrorism Czar Richard Clarke told Stanford law professor Lawrence Lessig:
    After 9/11 the government drew up the Patriot Act within 20 days and it was passed

    The Patriot Act is huge and I remember someone asking a Justice Department official how did they write such a large statute so quickly, and of course the answer was that it has been sitting in the drawers of the Justice Department for the last 20 years waiting for the event where they would pull it out.

    (4:30 into this video) จาก Ron Paul: “The PATRIOT Act Was Written Many, Many Years Before 9/11. [And The Attacks Simply Provided] Opportunity for Some People To Do What They Wanted To Do”Ron Washington's Blog
     
  8. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,670
    ไม่ทราบว่าพอมีบทความ ที่เกี่ยวกับเรื่องเวลา ที่แสดงถึงการเกิดเวลา และที่เกียวกับความสัมพันธ์เกี่ยวกับเวลา บ้างใหม ครับ ที่ไม่ใช่เรื่องของการกระดิกของเข็มนาฬิกา นะครับ

    ไม่ทราบว่าพอเห็นผ่านๆตาบ้างมั๊ยครับ

    ขอบคุณครับ
     
  9. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    หัวข้อที่5: เรื่ิองเล่า:,มนุษย์ต่างดาว เครื่องเดินทางข้ามเวลา ฐานฯบนดาวอังคาร จากการค้นคว้าของพวก Ufologists


    รูป S t a r g a t e s จากหนังซีรี่ย์....ของจริงยังหาภาพไม่เจอ 5555

    [​IMG][/url][/IMG]

    ใครที่สนใจเรื่อง “เดินทางข้ามมิติเวลา” “ฐานบนดาวอังคาร” ควรได้มีโอกาสอ่านบทสัมภาษณ์หรือหนังสือของ whistleblowers 4 คน (คนที่ออกมาเปิดโปงความจริง ) เนื่องจากแวดวงนักจานบินวิทยา(ufologist) ดูจะให้ความเชื่อถือกันคนทั้งสี่นี้กันมาก แต่ละคนต่างกาลต่างวาระ ไม่เคยรู้จักกัน คือ:

    M i c h e a l R a l f e
    R o b e r t D e a n
    A n d r e w B a s i a g o
    A r t h u r N e u m a n n

    ข้างล่างนี้เลือกบทสัมภาษณ์ A r t h u r N e u m a n n ในช่วงปี 2006 มาแปลก่อน คุณ A r t h u r N e u m a n n ขณะให้สัมภาษณ์ครั้งนั้นเขายังไม่เปิดเผยชื่อจริง จนกระทั่งปีถัดๆมาที่ให้สัมภาษณ์เพิ่ม บทสัมภาษณ์นี้เก่าแต่เนื้อหาน่าอ่าน และเป็นพื้นฐานสำหรับตามอ่านเรื่องอื่นๆ นามแฝงที่ A r t h u r ใช้ตอนนั้นคือ H e n r y D e a c o n
    (ที่มาAn Interview with 'Henry Deacon' a Livermore Physicist) แนบลิงค์ไว้ให้ เพราะในหน้าเพจมีลิงค์แตกแขนงออกไปอีกเยอะ เผื่อใครสนใจอ่านเพิ่มเติม)

    เริ่มบทสัมภาษณ์

    เล่าเรื่องตัวคุณที่สามารถเปิดเผยได้ให้พวกเราฟังหน่อย ?

    ผมตอนนี้ทำงานกับองค์กรอักษรย่อ3 ตัว ( เราเล่นเกมส์ทายคำกับเขา จนในที่สุดเรารู้ว่าเขาทำงานให้องค์กรอะไร).... ผมเสี่ยงนะที่คุยกับพวกคุณ ผมจะไม่บอกรายละเอียดอะไรที่ยังเป็นความลับ (classified) หรือกระทบความมั่นคงของประเทศ ผมผ่านการทำงานมา หลายโปรเจค หลายองค์กร หลายสิบปี
    องค์กรพวกนี้เข้ามาหาผมเอง ตั้งแต่ผมเรียนอยู่เกรด8 (ม.2 ) ( ขยายความ.....องค์กรลับจะเข้าหา และคัดเด็กที่มีความสามารถพิเศษเหนือคนปรกติ ( paranormal) เข้าโครงการ .... เช่นเด็กที่มีสัมผัสที่หก มีพลังจิตเคลื่อนย้ายวัตถุได้ อะไรเทือกนั้น ........ คุณ A r t h u r ก็มาจากเด็กที่มีความสามารถพิเศษพวกนั้น )........ ผมมีความทรงจำว่ามาจากดาวอีกดวง แต่มันสับสนปนเปกับความทรงจำวัยเยาว์ของผมที่มีกับโลกใบนี้ มันแปลกๆ อธิบายยากว่าความรู้สึกอย่างไร ตัวผมหยั่งรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อน ที่ก้าวล้ำหน้า หยั่งรู้กลไก หรือระบบที่ซับซ้อนได้เอง โดยไม่ต้องมีใครมาอธิบายให้ฟัง หรือต้องเข้ารับการอบรมใดๆ มันหยั่งรู้มาเอง(intuitively) ผมไม่ได้โอ้อวด ผมรู้ขึ้นมาเฉยๆ

    บอกเราเป็นนัยได้ไม๊เกี่ยวกับองค์กรที่คุณทำงานด้วย?

    ไม่ ยิ่งสื่อสาธารณะอย่างนี้ เสี่ยงไป

    ข้อมูลอะไรที่คุณอยากบอกให้โลกรู้?

    มากเหลือเกิน ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี
    เอาเป็นว่าผมรู้ว่าเหตุการณ์ 9/11 จะเกิดล่วงหน้า 2 ปี ไม่ใช่รู้ละเอียดเจาะจง แต่เป็นการพูดถึงกัน ในเชิงว่าเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนี้ จะพลิก “เกมส์” ได้....................
    ผมรู้ว่ามีแผนที่สหรัฐกับจีนร่วมมือกัน กำหนดไว้ว่าจะให้เกิดปลายปี 2008

    คุณหมายถึง จีนกับสหรัฐ ร่วมมือกันสร้างสถาณการ์ณสงคราม ?

    เ พ น ต า ก อ น วางแผนแต่ปีคศ. 1998 คุณต้องเข้าใจซิว่า จีน และ สหรัฐ ร่วมมือกันหลายอย่าง สงครามส่วนใหญ่ที่เห็น ก็เกิดอย่างนี้คือเตรียมการให้เกิด ( set up) สงครามนะเป็นการ set up ให้เกิด ...เป็นอย่างนี้มานานพอควรแล้ว........
    คุณอยากฟังอะไรที่น่ารังเกียจไม๊หละ ผมฟังมาว่าหน่วยงานที่ทำงานกับจ ร ว ด m i s s i l e s ที่เอาไปทดสอบในแปซิฟิค และตะวันออกไกล m i s s i l e s บรรจุไปในตู้คอนเทนเนอร์ปิดผนึกอย่างดี เวลาส่งกลับ เราคาดหวังว่าควรจะเป็นตู้คอนเทนเนอร์เปล่าที่ปิดผนึก แต่บางครั้งมันไม่ใช่นะ เปิดมาเป็นถุงบรรจุผง สีขาว

    โ ค เ ค น ?

    คิดเอาเอง เอาเป็นว่าผมพูดว่าน้ำตาลทรายนะ พูดในเชิงทฤษฎี มันเป็นการขนย้ายที่สมบรูณ์แบบ ปลอดภัยที่สุด ผ่านศุลกากรทุกประเทศ ทุกท่าอย่างสบาย

    คุณเป็นนักฟิสิกส์?

    ใช่ แต่ผมก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ อีก ที่ L i v e r m o r e (ชื่อเมืองหนึ่งในแคลิฟฟอเนี่ย) เป็นสถานที่น่าอยู่ น่าทำงาน ทุกคนเป็นมืออาชีพ พวกเราไม่เล่นเกมส์

    คุณเล่าเรื่องฟิสิกส์ในวงการอุตสาหกรรมทางทหารให้เราฟังหน่อย ?

    ล้ำหน้าวงการฟิสิกส์กระแสหลัก ล้ำหน้าความรู้ที่ปรากฎในวารสารวิชาการหลายๆๆ สิบปี
    หลายเรื่องเกินจินตนาการของคนทั่วไป แม้แต่เกินจินตนาการของนักฟิสิกส์เองด้วย

    ยกตัวอย่างหน่อย ?

    (คุณเฮนรี่เงียบไปนานมาก)
    มีโปรเจคหนึ่งชื่อ S h i v a N o v a ที่ L i v e r m o r e เป็นการใช้ รัง สี เล เซอร์ ขนาดใหญ่มาก กำลังวัตต์ก็หลายเทราวัตต์( 1,000,000,000 กิโลวัตต์ ) สร้างบนสปริงขนาดใหญ่ (เฮนรี่กางแขนให้เราดู) แต่จุดโฟกัสของมันจุดเล็กนิดเดียว มันสร้างปฎิกริยาฟิวชั่น เลียนแบบสภาวะเหมือนกับการทดสอบ อา วุธ นิ ว เ ค ลี ย ร์ พูดง่ายๆ คือแทนที่คุณต้องทดสอบ อ า วุ ธ นิ ว เ ค ลี ย ร์ ในที่โล่งแจ้ง ห่างไกลผู้คน อย่างที่ทำๆกัน เราทดสอบให้ห้องแลบ พลังงานมหาศาลมาก ( ขยายความ : เหมือนบอกเป็นนัยว่าคือ อา วุธ ที่ใช้ทำลายตึกเวิร์ลเทรดฯ)
    แต่ปัญหาคือ พลังงานมากมายมหาศาลอย่างนั้นทำให้โครงสร้างของกาลอวกาศ ( fabric of space time) ฉีกขาด อันนี้เขารู้ เขาสังเกตุมาตั้งแต่ครั้งเหตุการณ์ ป ร ม า ณู ที่เมือง ฮิ โร ชิ มา และ นางา ซา กิ คุณดูจากภาพยนต์สารคดีซิ ดูตรงรูปทรงกลมของมวลพลังงานที่ขยายตัวออก ปัญหาคือเมื่อคุณทำให้กาลอวกาศ space time ฉีกขาด ไม่ว่าจะฉีกขาดขนาดใหญ่หรือเล็ก .....มี “บางสิ่ง”( things) เข้ามา สิ่งที่คุณไม่ต้องการ

    “บางสิ่งเข้ามา” ( Things get in)?

    “บางสิ่งเข้ามา” บางสิ่ง ที่เรารู้ๆ กันในแวดวงอินเตอร์เน็ต สิ่งมีชีวิตไง (beings) และผลตามมา และอะไรประหลาดๆ .... ผมบอกคุณตรงนี้เลย เนี่ยหละที่สร้างปัญหาใหญ่มาก

    ปัญหาอะไร?

    (เงียบไปพัก)
    ปัญหาเรื่องการปรากฎตัวของ “พวกเขา” และผลที่ตามมา ปัญหาอื่นก็มี เวลาคุณทำให้ กาลอวกาศ space time ฉีกขาด คุณได้สร้างปัญหาวุ่นวายกับตัวเวลา (time) ไม่ว่าคุณตั้งใจหรือไม่ก็ตาม .....มีความพยายามแก้ปัญหาที่ได้เกิด แต่ผลก็คือกลับสร้างปัญหาเกิด “บ่วงเวลา” (time loops) มนุษย์ต่างดาว (ขอย่อว่า ETs ) บางพวกพยายามเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี่ แต่ET บางพวกไม่ช่วย
    เมื่อพูดถึงการ “ทำนายอนาคต” เราต้องใช้คำว่า “โอกาส” หรือ “ความน่าจะเป็น” ของอนาคตเท่านั้น ....เรื่องมันซับซ้อนและลับสุดๆ พูดง่ายๆ พวกเขาสร้างขยะกองมโหฬารที่ต้องสะสาง เหมือนเปิดกล่อง Pandora’s Box ......... จุดเริ่มต้นมาจาก M a n h a t t an P r o j e c t (ขยายความ...คือโครงการวิจัยพัฒนา ร ะ เ บิ ด นิ ว เ ค ล ี ย ร์ ในช่วง สงครามโลกครั้งที่สอง ) ..... เราก็ยังไม่พบวิธีจะจัดการกับผลที่ตามมาของมัน

    ปัญหาเกี่ยวกับไทม์ไลน์ timelines ฟังแล้วคล้ายที่คุณ D a n B u r i s c h พูดไว้ คุณกรุณาออกความเห็นหน่อย?

    (สั่นหัว) ผมไม่เคยได้ยินเรื่องของเขา

    โอเค งั้น เราจะส่งลิงค์นั้นให้คุณทีหลัง ที่คุณพูดมาก็เหมือนที่ Mr X ให้ข้อมูลในเวป Camelot คุณเคยอ่านไม๊?

    ไม่ เขาว่าไง

    Mr X คือคนเก็บและดูแลเอกสารสำคัญ ( archivist) ในช่วงปี 80s ช่วงหกเดือนที่ Mr X ดูแลเอกสาร รูปถ่าย หนังภาพยนต์ รวมทั้งสิ่งของต่างๆ ที่ถือเป็นความลับ เขาได้เรียนรู้ว่าที่มนุษย์ต่างดาว สนใจพวกเรา (มนุษย์) ก็เพราะเราทดสอบ อ า วุ ธ นิ ว เ ค ลี ย ร์ และเพราะพวกมนุษย์ตั้งใจจะใช้มัน?

    ถูกต้อง เว้นแต่ มนุษย์ต่างดาวแค่หนึ่งหรือสองกลุ่มเท่านั้น ที่ใส่ใจหรือกังวล เรื่อง อ า วุ ธ นิ ว เ ค ลี ย ร์ ไม่ใช่ ETs ทุกกลุ่มจะใส่ใจ

    โอเค คุณเล่าปัญหาไทม์ไลน์ timeline หน่อย ?

    เป็นปัญหาแก้ไม่ตก........มีความเสี่ยงสูงในการแก้ ทุกครั้งที่คุณแก้ กลายเป็นว่าคุณสร้างปัญหาเพิ่ม ..... ยิ่งแก้ยิ่งแย่

    มนุษย์ต่างดาว ( ETs ) ทั้งหมด หรือบางส่วน ใช้วิธีเดินทางข้ามเวลา ? คุณ D a n B u r i s c h ว่าไว้อย่างนั้น ?

    เขาพูดไว้ได้ถูกต้อง

    คุณคุ้นเคยกับ M o n t a u k Project ไม๊?

    โปรเจคนี้สร้างปัญหาใหญ่ พูดรวมๆ คือ สร้างบ่วงเวลา 40 ปี ( 40 – year loop) พวกเขาทำให้กาลเวลาแยก ( a time split) เราก็ยังไม่สามารถซ่อมแซมแก้ไขมันได้ ปัจจุบันนี้ เราเข้าใจแล้วว่ามันสัมพันธ์กับ P r o j e c t R a i n b o w และ S t a r g a t e s แต่ที่เขียนกันในอินเตอร์เน็ต เรื่อง M o n t a u k เชื่อถือไม่ได้ รูปที่เอามาลง ก็ไร้สาระทั้งนั้น

    คุณอธิบายเพิ่มเรื่อง”ประตูเวลา” ( time portals) หน่อย ?

    ประตูเวลา ( the portals) จะอยู่ในตำแหน่งที่แน่นอน คือมันไม่เคลื่อนไปที่อื่น คล้ายกับว่ามันยึดติด(anchored) ไว้กับโลกตรงตำแหน่งนั้น ผมก็ไม่รู้ มันยึดอยู่กับที่ด้วยอะไร .................มีประตูเวลาอันหนึ่ง เปิดตรงสู่ดาวอังคาร เป็นการเชื่อมตรงที่ถาวร ไม่ว่าโลกหรือดาวอังคารจะหมุนรอบอย่างไร มันก็เชื่อมโลกและดาวอังคารตลอด และมนุษย์ มีฐาน (base ) ที่นั้น ฐานบนดาวอังคารมีตั้งแต่ช่วงต้นยุค 60 แล้ว ..... ที่ดาวอังคารเราฐานของมนุษย์มีหลายฐานด้วยกัน

    หมายความว่าเราสำรวจดาวอังคารเรียบร้อยแล้ว?

    ใช่ สำรวจมานานมากแล้ว คุณเคยดู A l t e r n a t i v e T h r e e ไม๊ อันนั้นมีความจริงผสมนะ แต่วิดิโอเรื่อง “ T h e M a r L a n d i n g VDO” นะ ไม่จริงเรื่องโจ๊ก...โกหกเหลวไหล

    ในฐานะนักฟิสิกส์ที่คุณทำงานเกี่ยวข้องกับโปรเจคต่างๆ คุณรู้อะไรบ้าง?

    นึกขึ้นได้ ผมเองเพิ่งรู้ว่าพวกคุณก่อตั้งเวบไซต์ the s e r p o เราไม่ได้เรียกชื่ออย่างนั้น และที่พวกคุณว่าการเดินทางใช้เวลาถึงเก้าเดือน ไม่ใช่เลย พวกเขาไม่ได้เดินทางอย่างที่เวปthe s e r p o อ้าง

    คุณหมายถึงการเดินทางเป็นอย่างทันทีทันใดเลย?

    (เงียบไปพัก)
    มันก็อาจเป็นได้อย่างที่เวบไซต์ s e r p o พูด แต่นั้นอาจเป็นอีกโปรแกรมการเดินทาง ตัวผมไม่รู้.......... แต่เมื่อเดินทางสำหรับระยะทางไกลมาก วิธีที่ดีที่สุดที่ส่วนใหญ่ใช้คือผ่าน “ประตูเวลา” (portals) วิธีอื่นไม่มีประสิทธิภาพ

    คุณหมายถึงใช้ S t a r g a t e s ?

    จะเรียกอย่างในหนัง ก็ได้มั้ง ผมคาดคะเนว่า s t a r g a t e s ไม่ใช่เทคโนโลยี่ของ Z e t a R e t i c u l i ผมดูๆแล้วน่าจะเป็นเทคโนโลยี่ของ A l p h a C e n t a u r i

    คุณมีเหตุผลอะไรที่สนับสนุนอย่างนั้น ?

    Z e t a 1 และ 2 ห่างจากกันมากเหลือเกิน A l p h a C e n t a u r i
    และ P r o x i m a C e n t a u r i นั้นอยู่ใกล้กัน , A l p h a C e n t a u r I มีระบบสุริยะที่คล้ายกับโลกของเรา แต่ระบบสุริยะของเขาอายุมากกว่า ดวงดาวที่นั้นมีวงโคจรที่เสถียรภาพ มีดาว 3 ดวงมีสิ่งมีชีวิตอาศัย คือ #2, 3 และ 4 ไม่ใช่ซิ # 2, 3 , 5

    ว้าว......ทึ่งมาก คุณรู้ข้อมูลนี้เพราะงานของคุณหรือ?

    ใช่ ง่ายที่จะเดินทางไปที่นั้น ไกลจากโลกเราไม่ถึง5 ปีแสง นั้นหมายถึงเหมือนอยู่ข้างบ้านคุณ.........................มนุษย์ต่างดาวบนนั้นคล้ายมนุษย์อย่างเราๆมาก human –like ไม่ใช่พวก G r a y s ในจักรวาล ETs ส่วนมากจะรูปร่างอย่างมนุษย์เราเนี่ย

    คุณเคยได้ยิน โปรเจค l o o k i n g G l a s s ?

    คุ้นหูอยู่

    คุณ Dan B u r i s c h บอกเราว่าเอาไว้ใช้ส่องดูอนาคต คุณเกี่ยวข้องกับโปรเจคนี้ไม๊?

    เทคโนโลยี่นี้ไม่ใช่เทคโนโลยี่ที่มนุษย์โลกสร้างนะ เป็นเทคโนโลยี่ที่มอบมาให้มนุษย์เรา ผมไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย

    ได้ยินมาว่าที่ Los A la mos มี s t a r g a t e s ที่มนุษย์เราสร้างขึ้นมาเอง บอกเราหน่อยซิ?

    (มองหน้าพวกเรา และยิ้มไม่ตอบ)

    บอกอะไรเราได้บ้างเรื่อง Los A la mos?
    ผมจะส่งเวปไซต์ Los A la mos ให้คุณ ค้นไปที่ g r a v i t y s h i e l d i n g ดูเอง ก่อนที่เขาจะถอดออกจากเวป มันยากที่จะอธิบาย

    คุณบอกอะไรเราได้อีกเรื่องมนุษย์ต่างดาว?

    ไปดูหนังเรื่อง Wavelength ( ลิงค์หนัง [ame=http://www.youtube.com/watch?v=KP8jrXY00-Y]Wavelength 1983 - YouTube[/ame] ) สร้างจากเรื่องจริงทั้งสิ้น ดูแล้วยัง ครับ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดใน H u n t e r L i g g e t t เป็นเรื่องร้อนนะ

    ยังไม่เคยดู มันอยู่ที่ไหนหละเมืองนี้?

    ทิศใต้ 90 ไมล์จากตะวันออกเฉียงใต้ของ M o n t e r y รัฐแคลิฟฟอเนี่ย ตอนนั้นผมประจำอยู่ที่ค่าย F o r t O r d ผมทำงานที่นั้นตั้งแต่ต้นยุค 70s ตอนนั้นผมยังเป็นทหารอยู่ ผมตอนนั้นทำงานให้ C o m b a t D e v e l o p m e n t C o m m a n d E x p e r i m e n t a t i o n C o m m a n d
    ที่นั้นเราทดลองสิ่งประดิษฐ์แปลกๆ เราใช้ชีวิตในทุ่งกว้าง เราใส่แว่นตาป้องกันแสงเล เซอร์ กันโดยส่วนมาก และเราต้องตรวจสายตาประจำว่าเรติน่าของเราไหม้ไม๊ วัวในทุ่งเราก็ทำแว่นกัน แสง เล เซอร์ ให้พวกมันใส่ วันหนึ่งขณะที่เรากำลังทดสอบ จานบินบินมาเหนือพวกเรา เรายิงมันตก

    คุณยิงมันตก?

    (ส่ายหน้า อย่างความรู้สึกผิด) พวกเราไม่น่าทำอย่างนั้นเลย ไม่ใช่ผมที่เป็นคนยิง แต่พวกเราตรงนั้นมีอาวุธสุดเจ๋งหลากหลายชนิด ผมว่าพวกเราบางคนตื่นตะหนกเกินไป จึงยิงจานบินตก พวกเราควบคุมตัวมนุษย์ต่างดาว(ETs , มากกว่าหนึ่งตน) ผมเห็นพวกมนุษย์ต่างดาวพวกนั้นแป๊บเดียว ก่อนพวกเขาถูกพาตัวไป ลักษณะคล้ายมนุษย์( h u m a n o i d ) ขนาดตัวเท่าเด็กเล็กๆ ไม่มีผมบนหัว ตาของพวกรูปทรงคล้ายอัลมอนด์เล็กๆ .......เหตุการณ์ครั้งนั้นคนรู้กันน้อย ผมยังไม่เคยอ่านเจอใครพูดถึงในอินเตอร์เน็ต
    คนที่อยู่ในเหตุการณ์ส่วนใหญ่ไปรบในเวียดนาม ตายไปเยอะ... ผมน่าจะเป็นคนเดียวที่ยังมีชีวิต หนังเรื่อง wavelength นี้ ตอนดูผมกะจะดูเอาสนุกๆ แต่พอดูผมต้องอ้าปากค้าง รายละเอียดในหนัง คนเขียนต้องเป็นคนอยู่ในเหตุการณ์หรือรู้จักใครที่อยู่ในเหตุการณ์ รู้แม้กระทั่งพวกเราเก็บมันไว้ที่ฐานร้าง N i k e B a s e ตอนใต้ของแคลิฟอเนีย....................................................................................
    ผมมีรูปถ่ายมนุษย์ต่างดาว ผมให้สาวคนหนึ่งดู เธอเป็นนักจุลินทรีย์วิทยาที่ปราดเปรื่องมาก ทำงานให้องค์กรหนึ่ง แต่เธอกลัวสุดขีด ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกลัวอะไรถึงเพียงนั้น เธอไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับ ETs ขนาดนักวิทยาศาสตร์ยังไม่พร้อมรับข้อมูล คนธรรมดาหละจะยอมรับความจริงได้หรือ

    คูณยังมีรูปถ่ายนั้นอยู่ไม๊?

    ไม่รู้ซิ ถ้าเจอจะส่งมาให้

    บรรยายภาพหน่อยซิ?

    เป็นภาพมนุษย์ต่างดาวตัวเล็ก ผิวคล้ำไปทางดำและหนังย่น เขาเป็นตนเดียวที่รอดจากเหตุการณ์ แต่ก็ตายหลังจากนั้นอีกไม่นาน เขามีสูทที่ซ่อมตัวมันเองได้ เป็นใยผ้าหรืออะไรสักอย่าง ที่มันซ่อมตัวเองได้ เขามีวัตถุคล้ายอุปกรณ์รีโมทคอนโทรลมาด้วย พวกเรายึดเอามาจากเขา

    เขาในภาพถ่ายที่ว่าหมายถึง ETs ที่รอดจากจานบินตกหรือ?

    ไมใช่รูปมนุษย์ต่างดาวจากจานบินที่ตก

    อ้า...งั้นคุณหมายถึง ETs ที่เดินทางข้ามเวลามาใช่ไม๊?

    คุณนี้รู้ทุกอย่างเลย, ใช่ไม๊.......................ผมอยากบอกว่ามันซับซ้อน เกินกว่าที่คนคนหนึ่งจะรู้ข้อมูลทั้งหมด ส่วนมากองค์กรต่างๆก็ไม่รู้เรื่องขององค์กรอื่น เพราะทำงานเป็นส่วนๆ( compartmentalized) ไม่มีใครพูดคุยเรื่องอย่างนี้ ดังนั้นบางโปรเจคจึงทำงานอย่างเดียวกันกับอีกโปรเจค ....ต่างฝ่ายก็ไม่รู้กันและกัน เงินไม่รู้กี่พันล้านเหรียญที่เสียไป ผมในฐานะนักวิทยาศาสตร์ บางทีนักวิทยาศาสตร์อย่างพวกผมก็เหมือนถูกมัดมือไขว้หลัง คือเราไม่สามารถเล่ารายละเอียดให้คนอื่นรู้ได้อย่างอิสระเสรี โปรเจค “ลับ” มีเป็นร้อยๆโปรเจค ที่พูดถึงนี้คือโปรเจคใหญ่ๆนะ....มีเป็นร้อยๆ โปรเจคที่เป็นความลับ............................
    รู้ไม๊... ...ETs นะมีหลายกลุ่มมาก ยังไม่รวม“มนุษย์” อย่างเราๆ ที่ติดใน time loops ด้วย(ขยายความ: บางคนเข้าใจผิด เหมาเอาว่าคือมนุษย์ต่างดาว แต่ความจริงคือมนุษย์โลกนั่นเอง แต่มาจากคนละช่วง เวลา เพราะติดในบ่วงเวลา) ...... time loops แล้ว times loops เล่า (time loops upon time loops) ล่อกันเละเทะ คุณต้องมีไอคิว 190 ถึงจะเข้าใจ

    เราสัมภาษณ์ Dan B u r I s c h คุณรู้จักเขาไม๊?

    ไม่คุ้นเลย

    เราสัมภาษณ์เขาเดือนที่แล้ว ภาพคุณ Dan อยู่ข้าง ๆ John L e a r ในหน้าเวปของเรา

    ผมอ่านสัมภาษณ์ John L e a r ตอนพูดถึงภาพดวงจันทร์และที่นาซ่าแต่งภาพ( airbrushed) นาซ่าทำอย่างนั้นตลอด ............น้อยคนรู้ว่าภาพจากเรดาร์ ที่ใช้รายงานสภาพอากาศ ก็ถูกแต่งด้วย ภาพจากเรดาร์บางอย่างเขาไม่อนุญาตให้หลุดออกมา ผมหมายถึงแต่งด้วยมือนะ ที่สกรีนโดยเครื่องคอมฯ นะปรกติ ภาพเรดาร์ไม่บันทึกภาพสิ่งเคลื่อนไหวเร็วๆ เช่นเคลื่อนด้วยความเร็วหลายพันไมล์ต่อชั่วโมง

    หมายถึงจานบิน UFO?

    ใช่ จานบินส่วนมากตามองไม่เห็น แต่เรดาร์เห็น จริงๆ ถ้าใช้ ultraviolet สามารถห็นได้นะ คนไม่ค่อยรู้กัน

    บอกเราเรื่องบ่วงเวลา ( time loops) อีกหน่อย?

    (เงียบไปนาน)
    เรื่อง time loops..... มันมีเวลาคู่ขนานมากมายนะ ( a large number of parallel timelines)
    สมมติคุณเดินทางย้อนเวลาไปฆ่าปู่ตัวเอง เราคิดกันว่านั่นนะเกิด grandfather paradox อย่างที่เห็นในหนัง แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ........ ไม่ได้เกิด grandfather paradox อย่างในหนัง!! ......เมื่อคุณเดินทางย้อนเวลาและเปลี่ยนเหตุการณ์ในอดีต คุณสร้าง timeline อันใหม่ขึ้นเลย เป็นอีกทางแยก ไม่ใช่ทางเดิมอีกต่อไป ใน timeline ใหม่นั้นคุณจะไม่ได้เกิด คุณไม่มีตัวตนเพราะปู่คุณถูกฆ่าไปแล้ว ............ แต่ timelines ปัจจุบันคุณก็ยังคงอยู่นะและดำเนินชีวิตคุณต่อไป นั่นคือไม่มี paradox เข้าใจนะ ง่ายๆ ..... timelines เกิดแตกแขนงได้มากมายเหมือนต้นไม้ ไม่ได้ขัดแย้งหลักการอันใด .....เหมือนกันอนาคตคือความเป็นไปได้ ไม่ใช่สิ่งแน่นอน.....อันนี้สำคัญมากต้องเข้าใจมัน
    ผมบอกคุณได้เท่านี้

    คุยเรื่องเมฆพิษ c h e m t r a i l s หน่อย?

    คนคิดค้นคือ Edward T e l l e r หลักการคือพ่นอนุภาคขนาดไมครอนของอลูมิเนียมในชั้นบรรยากาศเพื่อเพิ่ม “อัตราการสะท้อนแสงกลับ”( albedo ) ของโลกเรา (ขยายความ:คือกั้นแสงแดดให้ทะลุชั้นบรรยากาศได้น้อยลง แสงแดดจะตกสู่พื้นโลกน้อยลง ความร้อนก็น้อยลง ) ดาวดวงอื่นเคยทำแต่ใช้อนุภาคของทองคำแท้ตอนที่ดาวนั้นมีปัญหา ผมเดาว่าพวกเขามีทองคำเยอะ เราไม่มีเลยใช้อลูมิเนียมแทน..........................................
    สภาวะโลกร้อน สาเหตุส่วนน้อยเองที่เกิดมาจากสภาวะเรือนกระจก .....สภาวะโลกร้อนสาเหตุใหญ่ /สาเหตุหลัก คือระบบสุริยะมีปฎิกิริยาเพิ่มขึ้น( increase in solar activity).

    ทำไมสาธาณชนไม่รู้เรื่องนี้ คนทั่วไปน่าจะรู้ได้ เพราะไม่เห็นจะเกี่ยวกับความมั่นคง?

    พูดแบบนักวิทยาศาสตร์...... มันเหมือนเล่นพนันนะ คือนักวิทยศาสตร์ก็ไม่ได้รู้จริงอะไร...วิธีนี้อาจได้ผลหรือไม่ได้ผลเลย ...แต่ที่แน่มันมีผลกระทบแง่ลบกับสุขภาพ กับสภาพภูมิอากาศ เรื่องทดลองเมฆพิษ c h e m t r a i l s นั้นกระทบโลกทั้งใบ แต่การตัดสินใจพ่นเมฆพิษ คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นตัดสินใจทำ ไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาจากสังคม หรือหน่วยงานรัฐ พวกที่ทำจึงพยายามปกปิดเป็นความลับ

    มันจะได้ผลไม๊?

    ไม่รู้ครับ

    รู้ว่าใช้เป็นสงครามสภาพอากาศด้วย ?

    ใช่เลย กองทัพอากาศวางแผนเป็นเจ้าของสภาพอากาศ หมายถึงควบคุมสภาพภูมิอากาศได้คงอีกสองปีข้างหน้า

    คุณมีอะไรบอกเราอีก?

    ไปลองอ่าน The Report from I r o n M o u n t a I n ( ลิงค์นีReport From Iron Mountain)
    เนื้อหาในนั้นส่วนใหญ่ถูกต้องนะ ผมทำงานกับกลุ่ม “ _____” พวกเขาเรียกพวกเราเข้าไป ยื่นเอกสารให้พวกเราอ่าน เป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึง สรุปง่ายๆคือ มีหมาป่าและแกะ และ พวกเราต้องทำหน้าที่หมาป่า!!! ไม่มีทางเลี่ยง พวกเรารู้สึกว่ามันผิด แต่ไม่มีทางเลือก .....มุมมองสถาณการณ์ของพวกเขาคือประชากรล้นโลก ซึ่งคุณก็เห็นว่ามันคือความจริง พวกเขาว่าจำเป็นต้อง “ลด” ประชากร พวกเขามีแผนสำหรับ “ลด”ประชากร ตัวผมว่ามันน่าจะมีทางอื่นแก้ปัญหาประชากรล้นโลกไม่ใช่อย่างที่พวกเขาวางแผนไว้ ....โครงการลดประชากร เพื่อประโยชน์แก่คนในโลก มีพื้นฐานความตั้งใจที่ดี ปธน. เคนนาดี้ เป็นคนให้ร่าง R A N D คอปอเรชั่นเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ร็อค กี้ เฟล เลอร์ เป็นหนึ่งในนั้น

    โดยการ “ ฆ่ า ”ประชาชน ?

    (ยังมีต่อ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2014
  10. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    (ต่อ)


    โดยการ “ ฆ่ า ”ประชาชน ?

    ใช่ เขาสร้างไวรัส ขึ้นมา และเขามีวิธีแพร่เชื้อ มากหลายวิธี ตรวจจับยาก และเป็นเชื้อที่ไม่มีทางรักษา วงการแพทย์ทั่วไปจะไม่รู้เรื่องนี้

    คุณหละรู้สึกอย่างไร โดยส่วนตัวคุณ?

    หลายความรู้สึก ผสมผสานกัน.....(เงียบไปพัก) ผมก็เป็นนุษย์โลกมีเลือดเนื้อความรู้สึก ผมรู้สึกแย่มาก แต่ด้วยมุมมองอย่างนักวิทยศาสตร์ที่ถูกฝึกมา ทำให้ต้องมองภาพกว้าง ผมจึงเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงมีวิธีคิดอย่างนี้ มันไม่ผิดกฎหมายด้วย คุณรู้ไม๊ หากจะทดลองชีวภาพหรือเคมีกับพลเมืองสหรัฐ แค่ให้พ่อเมืองอนุมัติ หรือสำนักงานผู้แทนฯ คุณไปค้นดูซิ คนไม่รู้ว่ากฎหมายนี้มีอยู่

    คุณเล่าเรื่องเหลือเชื่อมากมายให้เราฟัง ก่อนจบมีอะไรสำคัญอยากพูดอีก?

    ปัญหาประชากรล้นโลกมันเชื่อมโยงสร้างปัญหาอื่นๆมากมาย คนในโลกส่วนใหญ่ ชีวิตเขาก็ยุ่งกับเรื่องตัวเองมากมายพออยู่แล้ว เพิ่มปัญหานี้เข้าไปให้พวกเขารับรู้ พวกเขาจะรับได้หรือ ผมถึงเข้าใจว่าทำไมทหารจึงเอื้อมมือมาแก้ปัญหาซะเอง คุณว่าถ้าทหารบอกปัญหานี้(ประชากรล้นโลก) และแผนการที่พวกเขาวางไว้เพื่อ “ลด”ประชากร คุณว่าจะทำให้สถาณการณ์ดีขึ้นไม๊ .... พลเมืองโลกจะรับความจริงได้ไม๊...................................
    ผมอยากให้คนอื่นๆมีโอกาสรับรู้ ไม่งั้นผมคงไม่มาคุยกับคุณ แต่ทุกเช้าที่ผมตื่นขึ้นมา ผมถามคำถามนี้ตลอด “คนทั่วไปยอมรับกับความจริงนี้ได้ไม๊” ........ ลึกๆผมอยากให้คนทั่วไปรู้ความลับสำคัญๆที่ พวกเขาปกปิด.....................................หืม.............. คุณไม่รู้หรอกมีอีกหลายเรื่องที่ผมไม่บอกคุณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2014
  11. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ความรู้ไม่มีสิ้นสุดจริงๆ
     
  12. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,670
    ปรากฏการณ์เวลา ..

    โดย การค้นพบของพระพุทธศาสนา ;

    ๑. สัมพัทธภาพ ระหว่างเวลาภายใน(เวลาภายในจิต) กับ เวลาภายนอก(ลำดับเหตุการณ์การเคลื่อนโคจรของดวงดาว) รายละเอียดทางทฤษฎีอยู่ใน กัณฑ์ที่ ๙

    (นวมกัณฑ์)ไตรภูมิพระร่วง รายละเอียดทางภาคคำนวณอยู่ในคัมภีร์สุริยยาตร์ = วิชาโหราศาสตร์ไทย เป็นภาคคำนวณพื้นฐานของพระพุทธศาสนา

    ผลงาน ;

    ปฏิทินเวลาทั้งแบบ จันทรคติ และแบบสุริยคติ ที่ใช้กันในปัจจุบัน

    ประวัติศาสตร์ที่มา ;

    เกิดจากการแลกเปลี่ยนภูมิปัญญาระหว่างพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทที่ใช้ภาษาสันสกฤต(นิกายสรรวาสติกวาท) กับ คณิตศาสตร์&โหราศาสตร์ในศาสนาไสยของบาบิโลเนียนโบราณ ที่แคว้นซอกเดียน ในกลางพุทธศตวรรษที่ ๘

    (ก่อนหน้า..พระพุทธศาสนา ไม่ได้อธิบายด้วยภาษาคณิตศาสตร์)

    ๒.ปรากฏการณ์เวลาภายใน ขนาดปรมาณูของจิต เรียกว่า..

    "ปรากฏการณ์ ภวจักร ของปฏิจจสมุปปาท"

    นอกจากอรรถาธิบายไว้เฉพาะในพจนานุกรม ไม่ปรากฏมีผู้รู้หรือนักการศึกษาใดๆทั้งสิ้น มาแตะต้องพาดพิงถึงเมื่อแสดงภูมิปัญญาในเรื่อง..ปฏิจจสมุปปาท

    (โครงสร้างเพื่อการเรียนรู้นั้นอยู่ในปรัมปราของวิชาหมอนวดแผนโบราณ..ที่รู้กันมาอย่างผิวเผินว่าการนวด, การจับเส้น...ฯลฯ แต่ข้อเท็จจริงเป็นรายละเอียดของจิตสรีระที่อาศัยกันและกันสร้าง..ลำดับเหตุการณ์คือ เวลา แห่งจิต ขึ้น)



    ๓.สัมพัทธภาพ ระหว่าง เวลาภายใน(เวลาภายในจิต) กับเวลาภายนอก(ลำดับเหตุการณ์ อุบัติ-จุติ และเคลื่อนโคจรของดวงดาว) ค่ามโหฬาร คือ..

    เหตุการณ์ที่พระพุทธศาสนาเรียกว่า "เตวิชชา" ซึ่งเป็นกิจทางปัญญาสูงสุดที่ประกอบด้วย ;

    ๓.๑ การพิสูจน์หยั่งรู้อดีตค่ามโหฬาร เรียกว่า บุพเพนิวาสานุสสติญาณ

    ๓.๒ การพิสูจน์หยั่งรู้ อนาคตค่ามโหฬาร เรียกว่า จุตูปปาตญาณ

    ๓.๓ การพิสูจน์หยั่งรู้ประสิทธิภาพสูงสุดของ "ตัวรู้" ณ ฟัลคั่มแห่งดุลยภาพ ระหว่างอดีตและอนาคต เรียกว่า อาสวักขยญาณ

    เมื่อขยายผลของปรากฏการณ์เวลาจากร่องรอยที่ปรากฏอยู่ใน "ภวจักร แห่งปฏิจจสมุปปาท"...

    ที่นี่..และ เดี่ยวนี้...

    ขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ต้องกล่าวตามเป็นจริง..ว่า

    ไม่เคยปรากฏมีร่องรอยพระอรหันต์

    และทักขิไณยบุคคล

    ตามที่มีการแอบอ้างและอวดสรรพคุณกัน...ครับ !!!


    Cr ปราชญ์ขยะ

    เอาแนว ไทยๆมาลงไว้ให้อ่านกันครับ
     
  13. bird2531

    bird2531 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2012
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +298
    สุดยอดมากเลยครับอ่านจนเพลิน ช่วยแปลแล้วลงให้อ่านอีกนะครับ เจ้าของกระทู้สุดยอดครับ
     
  14. KasroK

    KasroK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +98
    เป็นไปได้ไหมที่ไม่ใช่เครื่องบินแต่เป็นขีปณาวุธที่ติดตั้งเครื่อง Hologram ทำส่วนปีกและหางขึ้นมาหลอกลวงว่าเป็นเครื่องบิน อย่างข้อความนี้
    (รอยโหว่ที่ตึกกว้างแค่ 16 ฟุต แคบมากทั้งๆ ที่โบอื้ง757s ลำนี้ ช่วงปลายปีกจากข้างหนึ่งไปอีกข้างกว้างถึง 125 ฟุต)เพราะส่วนปีกมันไม่มีนั่นเองและมีคนบอกว่าเครื่องบินไม่มีหน้าต่างด้วยมันคงไม่ใช่เครื่องบิน ผิดถูกหรือไม่ผมไม่ทราบผมแค่แสดงความคิดเห็น
     
  15. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258

    ขอบคุณค่ะ ยังติดตามอ่านอยู่
     
  16. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    เอ้...หายไปนาน...เหงา
     
  17. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    เรื่องมนุษย์โลกถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวเนี่ยมีการพูด การเขียนกันกว้างขวาง ข้อมูลมากมาก หลากหลาย เป็นการยากที่จะรู้เองได้ว่าอันไหนจริงอันไหนหลอก........ ... เรื่องที่แปลเราพยายามเน้นจากแหล่งข้อมูล ที่ผ่านการตรวจสอบความน่าเชื่อถือมาแล้ว เพราะก็เกรงจะกลายเป็นคนปล่อย “ข่าวลือ” เหมือนกัน ....กระนั้นก็ตาม “ฟังหูไว้หู” เพราะเรื่องจะเหมือนนิยาย Sci-Fi ( คือเว่อร์ ) จุดประสงค์ไม่ได้ต้องการสร้างสถานการณ์ให้คนตื่นกลัว ......แค่อยากให้ตระหนักว่ามีอะไรหลายอย่างที่ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่รู้ ...เลยพากันประมาท.......... อ่านดีๆ เป็นธรรมเตือนใจทั้งน้าน ......สอดคล้องกับจุดประสงค์ของเวปพลังจิตนะ...... อิอิ


    หัวข้อ: มนุษย์ต่างดาวและการลักพาตัว (ETs & A b d u c t i o n)

    (หมายถึงมนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์ G r a y s เท่านั้น ......ขยายความ)
    (เรียบเรียงจาก DISCLOSE THIS! )


    [​IMG][/url][/IMG]


    นายแพทย์ทางจิตประสาท ศจ. J o h n E. M a c k แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด อันลือชื่อ ความเชี่ยวชาญของท่านคือ ช่วยคนป่วยที่มีปัญหาความจำถูกเก็บกดไว้ (repressed memories) เช่นผู้ใหญ่ที่ตอนเด็กถูกทำลายทางร่างกายหรือจิตใจ ศจ. จอห์นจะใช้วิธีรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆนั้นขึ้นมา ส่วนมากจะผ่านการสะกดจิต คนไข้จะได้เข้าใจปัญหาและเผชิญปัญหาได้ถูกต้อง

    ในหน้าที่การงาน ทำให้ ศจ. จอห์น เจอะเจอคนป่วยเป็นหลายร้อยราย รวมทั้งคนป่วยเหยื่อ มนุษย์ต่างดาวลักพาตัว! ( a b d u c t e e s) ช่วงยุคสมัย ศจ. จอห์นรักษาคนป่วยเหล่านั้น คนป่วยพวกนี้ยังไม่เคยรับรู้เรื่องมนุษย์ต่างดาว (ETs) เพราะทีวี หรือภาพยนต์แนวมนุษย์ต่างดาวอย่างไม่มี... อย่าง ซีรีย์ The X - F i l e s ก็เพิ่งออกอากาศปี 1994

    หลังจากศึกษาผู้ป่วยโดนลักพาตัวมามากกว่า 200+ ราย ศจ.จอห์น เขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่งชื่อ A b d u c t i o n (การลักพาตัว) ท่านเขียนบรรยายสรุปดังนี้ :
    “ ผมมาถึงทางสองแพร่ง ทางที่หนึ่งคือ ยังยึดความเชื่อเดิมของผมและวินิจฉัยคนป่วยเหล่านี้ว่าพวกเขาจินตนาการหรือฝันไปเอง หรือเป็นพวกจิตหลอนไปเลย หรืออีกทางเลือกง คือตัวผมต้องเปลี่ยนความเชื่อเดิมของตน และยอมรับว่า ETs มีจริง ผมไม่สามารถเลือกทางแรกได้เพราะข้อมูลจากคนป่วยซึ่งต่างก็ไม่รู้จักกันเลย บรรยายออกมาสอดคล้อง เหมือนกัน ในรายละเอียดการถูกลักพาตัว ......ใช้ตรรกะ....ผมเชื่อสนิทใจว่าคนป่วยเหล่านั้น โดยลักพาตัวโดยมนุษย์ต่างดาว”

    โดยการรื้อฟื้นความจำเก่าๆ ศจ. Mack กล่าวว่าสิ่งที่เหมือนกันในคนป่วยของท่านคือ:
    1 ถูกตรวจร่างกาย หรือผ่าตัด โดย ETs หรือโดยลูกครึ่งมนุษย์ต่างดาว- มนุษย์โลก , เรียกพวกนี้ว่า h y b r i d s)
    2 ได้รับความเตือนเรื่องโลกกำลังเจอภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อม มนุษย์อยู่ในสภาวะเสี่ยงที่จะอยู่รอดหรือไม๊
    3 เหยื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับมนุษย์ต่างดาว
    4 เหยื่อมีความตะหนักรู้เพิ่มขึ้น( consciousness) ( ตรงนี้น่าจะหมายถึง telephathy คือเหยื่อสามารถรับ/ส่ง คำพูด ความคิด( คำพูดในสมอง)กับมนุษย์ต่างดาวได้.......แต่ทั้งนี้จะเป็นได้เฉพาะเมื่อยืนอยู่ใกล้กันมากเท่านั้น)


    ทำไม ETs จึงตรวจร่ายกายและผ่าตัดมนุษย์ ?


    ศจ. D a v i d J a c o b s แห่งมหาวิทยาลัย T e m p l e ตามศึกษาเรื่องมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวมานานกว่า 35 ปี (เขียนหนังสือออกมาหลายเล่ม เช่น The U F O Controversy In America and S e c r e t life) ท่านบอกว่าไม่น่าจะด้วยเพราะอยากรู้ หรือเพื่อศึกษาสรีระวิทยาของมนุษย์ เพราะการลักพาตัวทำต่อเนื่องเป็นหลายสิบปี บางคนตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเป็นย่ายาย ..............จุดประสงค์ของการลักพาตัวท่านเชื่อว่าเพื่อสร้างสายพันธุ์ลูกครึ่ง ... กึ่งมนุษย์โลกและมนุษย์ต่างดาว........ เพื่อแทนที่มนุษย์โลก !!!

    “ผมขอโทษคนอ่านด้วย ที่ผมสรุปความเห็นซึ่งสะเทือนความรู้สึกผู้คนเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่เคยอ่าน ไม่เคยศึกษาเรื่องลับพวกนี้มาก่อน”

    “ เมื่อผมเริ่มศึกษาใหม่ๆ คือแต่ปีคศ 1965 ผมรู้สึกตื่นเต้น ชื่นชอบ พิศวงกับมัน แต่ตอนนี้ผ่านมากว่า 35 ปี ผ่านการเรียนรู้มากมาย...... ผมรู้สึกแย่ เศร้า ไม่สบายใจ กังวลกับอนาคตของโลก ..... ผมไม่ต้องการเป็นคนที่บอกข่าวร้ายกับผู้คน......และผมไม่เคยคาดคิดว่าเรื่องมันจะออกมาในรูปนี้ ข้อสรุปนี้ ”

    (เราจะแปลงานศึกษาของ ศจ. J a co b s วันหลัง เพราะให้รายละเอียดที่น่าสนใจมาก ใครสนใจกูเกิลไฟล์ pdf ชื่อ the t h r e a t ได้ )


    มนุษย์ต่างดาวที่รัก !


    แม้เหยื่อจะโดนลักพาตัว แปลกที่เหยื่อส่วนมากบรรยายว่าพวกตน “โชคดี” ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว พวกเขาชอบเรียกตนเองว่า c o n t a c t e e (คนที่ติดต่อมนุษย์ต่างดาว) มากกว่าจะให้เรียกว่า a b d u c t e e (คนโดนลักพาตัว)

    การลักพาตัวโดยอีที (ต่อไปขอย่อมนุษย์ต่างดาวว่าอีที, ETs) มักเกิดแต่เยาว์วัย พ่อแม่เด็กคิดว่าเด็กจินตนาการไปเอง เหยื่อลักพาตัวที่เป็นเด็ก หลายคนมีอาการเลือดออกทางจมูกโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือ คราบเลือดแห้งเกรอะที่รูหู หรือหูอักเสบ

    โดยเฉพาะที่รูหู ....จากการสะกดจิตย้อนความจำในอดีต(ทำเมื่อเหยื่อโตแล้ว) เหยื่อจะอธิบายทำนองคล้ายๆกันว่า ถูกเข็มแท่งเข็มยาวๆ สอดเข้าไป .....ช่วงแรกๆ นักวิจัยคาดเดาเอาว่าคงคล้ายๆ ติด GPS เพื่อไว้ตามดูว่าเหยื่ออยู่ไหน แต่การที่เหยื่อทุกรายร่วมมือกับอีที อย่างดี แถมบางคนรู้สึกพิเศษที่โดนลักพาตัว ทั้งที่อีที กระทำหลายอย่างกับพวกเขา ซึ่งคนทั่วๆไปไม่น่าจะแฮปปี้ (ทำอะไรไม่น่าแฮปปี้ จะมีรายละเอียดตอนที่แปลงานของ ศจ. J a c o b หลังจากนี้ ) .... ทำให้นักวิจัยเกิดข้อสงสัยว่า อีที ใช้เทคโนโลยี่ข้างล่างนี้ หรือเทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้ามากกว่านี้กับเหยื่อ


    ต่อมความสุข !


    ช่วงต้นๆยุค 1950s นักประสาทวิทยา ทดลองกระตุ้นตำแหน่งต่างๆในสมองมนุษย์ พวกเขาค้นพบว่าตำแหน่งใดบ้างในสมองมนุษย์ที่กระตุ้นแล้วเจ็บปวด ดำแหน่งใดกระตุ้นแล้วมีความสุข ตำแหน่งใดกระตุ้นแล้วความจำเก่าๆจะฉายย้อนกลับมา(replay)

    John C. L i l l y ปี 1953 ทดลองกับมนุษย์และปลาโลมา การทดลองของเขาประสพความสำเร็จมาก จนพวก C I A และ N S A ต้องมาขอให้ศจ. L i l l y ไปบรรยายให้ฟังว่ากระตุ้น ตรงไหน?อย่างไร ?........ ท่านปฎิเสธ ...... ท่านกล่าวว่า:
    “ ใครก็ตามที่มีเครื่องมือชนิดนี้ จะสามารถกระตุ้นสมองคนได้อย่างลับ ๆคือทำเสร็จจะไม่ทิ้งร่องรอยให้สังเกตุจากภายนอกได้เลย ผมเกรงว่าหากเครื่องมือพวกนี้ตกอยู่ในมือองค์กรลับ พวกเขาจะใช้มันควบคุม เปลี่ยนความเชื่อ ความคิดของมนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว ไร้หลักฐานให้จับผิดได้” ( เหอะ......ป่านนี้องค์การลับต่างคงได้ไปครอบครองและพัฒนาต่อยอดไปไหนๆ แล้ว.....เราว่า.... จริงม๊ะ )

    ช่วงคศ. 1950s เช่นกัน J o s e D e l g a t o ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ เขาเรียกมันว่า “ S t i m o c e i v e r” มีขั้วไฟฟ้าอันจิ๋ว (electrode) สำหรับรับส่งคลื่นความถี่ FM การทดลองที่ทำให้ D e l g a t o โด่งดังคือ เขาต่อ “ลวด” ( wired )เข้ากับวัวกระทิง แล้วตัวเขาก็เดินลงสนามสู้วัวกระทิงปราศจากเครื่องคุ้มกัน เมื่อเปิดประตู วัววิ่งเข้าใส่ D e l g a t o แต่ก่อนที่วัวจะชนเขา วัวกลับหยุด เพราะเขากดปุ่มสวิทซ์ที่อยู่ในมือ D e l g a t o กล่าวว่า“ ด้วยคลื่นวิทยุ ผมสามารถกระตุ้นตำแหน่งต่างๆที่ amygdale, hippocampus ในสมองมนุษย์ ผมทำการทดลองในคน 4 คน ผมสามารถทำให้พวกเขารู้สึกสุข, และสุขสุดๆเหมือนคนติดยา, ผ่อนคลาย, เห็นแสงสี, หรือให้พวกเขามีสมาธิตั้งมั่นกับความคิดมากยิ่งขึ้น”

    การสอดอุปกรณ์โดยตรงในช่องตา และจมูก.....ในอดีตเป็นวิธีเข้าไป “ ทำลาย”สมองส่วนหน้า ที่โรงพยาบาลบ้าใช้ เรียก lobotomies.....ปัจจุบันเราพบข้อเสียมากเพราะสมองส่วนหน้าหลังลูกตาเป็นสมองส่วนที่ทำงาน เมื่อมนุษย์ตั้งใจมุ่งมั่นอะไรสักอย่าง เมื่อวางแผนการณ์ เมื่อทำงานสร้างสรรค์... เมื่อกระทบกระเทือนมนุษย์จะมีพฤติกรรม to act stimulus-bound คือตอบสนองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแบบ react คือไม่ “ คิด” ในเชิงจินตนาการ ในเชิงวางแผน หรือคำนึงถึงผลกระทบในอนาคต หรือสนใจกฎเกณฑ์ของสังคม ....อันเป็นคุณสมบัติเด้นของมนุษย์ที่ต่างจากสัตว์

    คนทั่วไปคิดว่าสมองเป็นของเรา คือเรามีอำนาจควบคุมสมอง วิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่า แค่กระแสไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ก็สามารถเปลี่ยนความคิดและหรืออารมณ์ของมนุษย์ได้........หรือนี่คือเทคโนโลยี่ที่ มนุษย์ต่างดาว เอามาใช้กับเหยื่อตั้งแต่เหยื่อยังเด็ก?? เพราะงานวิจัยพบเหยื่อวัยเยาว์มีเลือดออกทางจมูก และ หู หลายคน

    [​IMG][/url][/IMG]
     
  18. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    แบบแผนทั่วไปเมื่อลักพาตัวและขบวนการสร้างลูกครึ่งมนุษย์ต่างดาว


    มิเชลเมื่ออายุ 4 ขวบจำได้ว่าเห็น “face” (เป็นคำที่เธอเรียกมนุษย์ต่างดาวตนนั้นที่รับผิดชอบเธอ, เรียก handler, เพราะหน้าตาของเขาน่ากลัว) พ่อแม่มิเชลคิดว่าเธอจินตนาการไปเอง “เฟส หรือ face” มีตาใหญ่มาก

    พอมิเชลอายุ 8 ขวบ เธอมักชวนเพื่อนมาเล่น “หมอกะคนไข้” ที่บ้าน โดยใช้ช้อนส้อม เครื่องครัวแสร้งเป็นเครื่องมือแพทย์ มิเชลให้เพื่อนเธอถอดเสื้อผ้า และเธอเป็นคนตรวจ พ่อแม่มิเชลขณะนั้นมั่นใจว่ามิเชล ถูกคนแถบบ้านลวนลามทางเพศ

    ช่วงม .ปลาย มิเชลหายตัวไปบ่อยครั้ง หลายๆ ชั่วโมง เพื่อนๆ บอกว่ามิเชลต้องการเดินกลับบ้านคนเดียว และ ชอบเดินไปทางเปลี่ยวๆ เมื่อกลับบ้านมิเชลดูสับสน พ่อแม่พาไปตรวจเพราะนึกว่ามิเชลติดยา แต่ไม่พบว่าเธอใช้ยาเสพติด พบแต่รอยช้ำตามแขนเธอ

    ปีท้ายสุดของม. ปลาย เพื่อนของมิเชลลาออก ไปคลอดลูก มิเชลไปเยี่ยมที่บ้าน นาทีแรกที่มิเชลเห็นเด็กทารกลูกเพื่อน เธอคลุ้มคลั่งจน คุณแม่มิเชลถูกตามมารับตัวกลับ มิเชลรู้สึกอย่างแรงกล้าว่า เธอเองก็เคยมีลูก !

    มิเชลเล่าว่าก่อนหน้านั้น ประจำเดือนเธอขาด แต่หลายเดือนต่อมาเธอเห็นเลือดออกจากช่องคลอดเธอ หลังจากนั้นมาประจำเดือนก็มาปรกติ ....เธอไม่มีแฟน จึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะท้อง

    เพราะมิเชลเชื่อมั่นเหลือเกินว่าเธอมีลูกแล้ว พ่อแม่จึงพาเธอไปหาจิตแพทย์ นำมาสู่การสะกดจิตย้อนความจำในอดีต นี่คือคำบรรยายตอนสะกดจิตของเธอ

    “ พวกตัวเล็ก ฉันเรียกตัวหนึ่งว่า เฟส(face)...... ( face คือมนุษย์ต่างดาวตนหนึ่ง ที่มีหน้าที่รับผิดชอบมิเชล คือปรากฎตัวทุกครั้งที่มีการลักพาตัว, เราเรียกว่า handler เหยื่อทุกรายจะมี handler ประจำตัวเสมอ....ขยายความ) เพราะหน้าของเขาทำให้ฉันกลัวมาก ตาเขาโต ตัวผอมๆ เขาเป็นคนคุยกับฉัน.....ฉันหมายถึงเขาส่งความคิดมายังฉัน....ว่าฉันไม่มีอะไรต้องกลัว ฉันเป็นคนพิเศษ ขณะที่พวกตัวเล็กอื่นๆทำอะไรกับฉัน “เฟส”จะอยู่ข้างฉัน บอกฉันว่าไม่มีใครทำอันตรายฉัน ....พวกเขาวางตัวฉันบนเตียงหรือโต๊ะ อะไรสักอย่าง แล้วเอาอุปกรณ์มาแตะฉัน คล้ายๆ ฉันอยู่ในห้องผ่าตัด ฉันจำไม่ได้ว่าเจ็บอะไร ฉันจำได้แต่ว่ากลัว”

    “บางครั้งฉันตื่นขึ้นมาในห้องอะไรสักอย่าง ฉันเห็นหน้าเฟส ฉันก็รู้หละว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็คือเหมือนๆ อย่างที่เคยทำ ฉันว่าฉันผ่านการลักพาตัวมามากหลายครั้ง”

    เมื่อถูกถามเรื่องทารก ภายใต้การสะกดจิต มิเชลบรรยายว่า :
    “ ครั้งหนึ่ง เฟส พาฉันไปสถานที่ใหม่ อันนี้เป็นห้องใหญ่มาก มีเตียงหนึ่งเตียง มีเก้าอี้เยอะ คล้าย ๆห้องรอเรียก อะไรสักอย่าง สักพัก พวกตัวเล็กเข้ามาในห้อง เธอหน้าเหมือนมนุษย์มาก ต่างกันตรงลูกตา ( พวกนี้คือ hybrids คือลูกผสม อีที กับมนุษย์โลก ลูกผสมมีหลายรุ่น ตั้งแต่ที่เหมือนมนุษย์โลกน้อยจนถึงเหมือนมนุษย์โลกมาก....ขยายความ) เธออุ้มทารกหญิงมาให้ดู ฉันถามเธอว่าขออุ้มได้ไม๊ เธอมองหน้าเฟส เหมือนถามเขา คำตอบคือไม่ เธอจึงอุ้มเข้ามาชิดฉัน เด็กทารกจับนิ้วฉัน เด็กทารกดูป่วยหรือไม่ปรกติ ฉันรู้ได้ว่านี่คือลูกสาวของฉัน เธออุ้มจากไป ฉันร้องไห้อย่างมาก เฟสบอกว่าฉันจะมีโอกาสเห็นทารกคนนี้อีก ฉันสับสนไปหมด เฟสบอกแล้ววันหนึ่งฉันจะเข้าใจ”

    [​IMG][/url][/IMG]

    [​IMG][/url][/IMG]

    ( ภาพประกอบสร้างจากคอมฯ ไม่น่าจะเป็นของจริง...รวมทั้งอีก 2 รูปก่อนหน้านี้ด้วย)

    “ครั้งหนึ่งเฟส ให้ฉันจองหน้าเขา ใบหน้าที่น่ากลัว ฉันมองลึกลงในดวงตาเขา มันคล้ายดูทีวีนะ เห็นภาพมากมาย ฉันเห็นภาพโลกถูกไฟไหม้ คนล้มตายดาษดื่น ....ฉันไม่เข้าใจทำไมเฟสให้ฉันเห็นสิ่งที่เลวร้ายเช่นนั้น”

    มิเชลอายุ 30 กว่าปีขณะที่ผมเขียนบทความนี้ เธอแต่งงานมีลูก ลูกสาวคนเล็ก 7 ขวบ ลูกๆ ไม่รู้เรื่องมนุษษย์ต่างดาวของแม่ แต่ลูกสาวคนเล็กมีพฤติกรรมแปลกๆ ทำให้เชื่อได้ว่าลูกสาวคนเล็กของมิเชลก็เป็นเหยื่อโดนลักพาตัวเช่นกัน งานศึกษาของผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ พบว่า อีที มักจะลักพาตัวคนในตระกูลเดียวกัน เหมือนกับว่า อีที สนใจ ยีน (gene) บางยีนเป็นพิเศษ

    มิเชลถึงทางตัน เธอไม่รู้จะคุยกับลูกสาวเธออย่างไร ตัวมิเชลเองตอนนี้ก็ยังคงเป็นเหยื่อโดนลักพาตัวอยู่ เธอเองพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในอีกห้อง หรือนอกบ้าน โดยเธอไม่รู้ว่าเดินไปอยู่ตรงนั้นเมื่อไร..........
     
  19. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    มนุษย์ต่างดาวมีหลายหลากพันธุ์ บ้างอ้างว่าทางการสหรัฐระบุไว้ 57 พันธุ์
    ........... เราเลือกเรื่องของพวก G r a y s มาแปลก่อน เพราะดูจะเป็นพวกที่ถูกกล่าวถึงกันมากที่สุด....ในบทความ เอกสาร หนังสือ จากอเมริกา ทำไม???????????????

    เพราะว่า........................

    ............เชื่อกันมาก...อ้างกันมาก ....มีบทความเยอะมากที่งัดเอาหลักฐานต่างๆ มาสนับสนุนความเชื่อ... คือ สหรัฐ โดย ปธน E i z e n h o w e r เมื่อปี 1954 ได้เซ็นสัญญา กับพวก g r a y s สาระสำคัญคือ มนุษย์ต่างดาว ถ่ายทอดเทคโนโลยี่ให้ แลกเปลี่ยนกับที่สหรัฐช่วยเหลือสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก และยอมให้มีการลักพาตัวสัตว์ และ มนุษย์ จำนวนตามที่กำหนด (สัตว์นี้เอาไปแล้วตาย แต่มนุษย์ เนี่ยต้องกลับมาคืนเป็นๆ .....อันนี้หมายถึงตามสัญญาว่าไว้ ....แต่ก็เขียนกันเหลือเกินว่าคนสูญหายในสหรัฐแต่ละปีมีมากจนน่าใจหาย (ปัจจุบันจำนวนสูญหายทั้งสัตว์และคนลดแล้ว..... เพราะตอนนี้นักวิทยาศาตร์สามารถสังเคราะห์อาหารของมนุษย์ต่างดาวได้ !?!?............ก็เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจ......ให้อ่านเพื่อหลับฝันดี...

    ..........มนุษย์ต่างดาวก็มีทั้งพันธุ์ใจดี ใจร้าย หรือพวกแสร้งดีแต่เป้าหมายร้าย ก็เหมือนพวกมนุษย์ และ สัตว์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2014
  20. โลกสมมุติ

    โลกสมมุติ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +64


    จริงๆเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนเชื่อมต่อกัน เพียงแต่มันเป็นภาพใหญ่
    เท่านั้นเอง เลยทำให้เรารู้สึกว่ามันไกลตัว แต่เชื่อเถอะค่ะว่าไม่ว่าจะเป้น
    ตึกเวอร์เทรดถล่ม คลื่นความถี่ต่ำหรือ Harrp ต่างก็มีเหตุผล
    เบื้องหลังเหมือนกันๆของผู้ที่ครอบครองและทดลองทำกันอยู่
     

แชร์หน้านี้

Loading...