ความรู้แห่งปัญญา+บทเรียนแห่งแสงสว่าง :=: บันทึกลับของนักเรียนโรงเรียนจิตวิญญาณโบราณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย MASTERCLASS, 27 เมษายน 2012.

  1. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    กระทู้นี้เงียบไปนาน
    กลับมาอีกที น่าสนใจเหมือนเดิม ติดตามอ่านมานาน
    ช่วงนี้เข้ามาอ่านทุกวัน ชอบมากค่ะ เข้าใจอะไรๆมากขึ้นกว่าก่อนมาก
    ทำเป็นหนังสือเมื่อไหร่ แจ้งให้ทราบด้วย จะอุดหนุนเป็นคนแรกเลย
    ตอนนี้กำลังอ่าน หนังสือ "สนทนากับพระเจ้า" แต่ยังไปไม่ถึงไหน

    พระพุทธเจ้าสอนเรื่อง ความว่างเปล่า เรื่ิองนิพพาน
    โรงเรียนโบราณ สอนเรื่องการสร้างจากความว่างเปล่า
    หาความรู้แบบนี้ที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว บอกได้ว่าสุดยอด
    เรื่องพลังจิต และจิตใต้สำนึก หนังสือ SECRET (เห็นด้วยว่าเป็นความรู้พื้นๆ)
    อ่านหนังสือ "ความลับของโรงเรียนโบราณ" มาหลายรอบ เนื้อหาลึกมาก
    บทความการถามตอบระหว่าง สมาชิก และ อวตารบอย ก็เยี่ยมมาก
    คนแอตแลนติส และอียิปต์โบราณ มีความลับที่น่าค้นหาและน่าติดตาม

    คุณผู้เขียนที่ชื่อว่า "อวตารบอย" มาไทยเมื่อไหร่ค่ะ
    อยากถาม อยากปรึกษาเรื่องการสร้างโลกชีวิตส่วนตัว
    ได้ข่าวว่า สมาชิก IMMORTAL THAILAND
    ได้สร้างและสำเร็จเป้าหมายกันหมดทุกๆคน
    สนใจและอยากเรียนรู้อย่างจริงจัง
    อยากเรียนรู้การสร้างสรรค์อย่างโรงเรียนโบราณด้วยคน

    ขอบคุณล่วงหน้า (ตอบมาเป็นการส่วนตัวก็ได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 พฤศจิกายน 2012
  2. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    We cannot find
    that name "Krittika Apple" in facebook,
    send us name again or
    you can add facebook by yourself at

    แอดแล้วแอดไม่ได้ ลองส่งมาใหม่ หรือแอดด้วตัวคุณเอง
    http://www.facebook.com/masterclass.3000
     
  3. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    เจ้าของกระทู้และเพื่อนๆคงเป็นตัวแทนที่ช่วยรักษาความรู้ในหมวดของท่านแทนคุณอวตารบอยสินะครับ

    ก็ดีมากๆเลยนะครับ ถึงคุณอวตารบอยจะมาโพสกระทู้แค่ระยะเวลาสั้นๆและจำเป็นต้องลบหลายๆข้อความ ผมsaveกระทู้ของคุณอวตารบอยหลายๆหน้าที่จำเป็นต้องลบโดยบังเอิญแต่ก็ยังคิดว่าความบังเอิญไม่มีในโลก และคิดว่าเค้าคงมีเหตุผลของเค้าอย่างดีที่สุดแล้วครับ

    ผมเป็นนักเรียนโนวา อนาลัย และแม้ว่าท่านอวตารบอยไม่อยู่แล้วแต่ยังไงก็ยังนึกถึงท่านอวตารบอยเสมอนะครับที่ช่วยจุดประกายอะไรหลายๆอย่างถึงจะไม่อยู่แล้ว
     
  4. vajeemun

    vajeemun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +34
    ขอบคุณตัวเองที่เปิดมาเจอกระทู้นี้..ขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้ได้อ่าน..สว่าง สว่างมาก..สาธุ
     
  5. MasterOfSuccess

    MasterOfSuccess Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +44
    เข้ามาอ่านแต่ละบทความ ทำให้สามารถตอบปัญหาที่เคยถามในใจตัวเองมานานแล้ว อวตารบอย บอกว่ามองจากภายในและใกล้ที่สุดและหยุดคิด ผมเอาแนวนี้ มาประยุกต์ใช้ เออมันได้ผลแฮะ เมื่อก่อนมีคำถามมากมายในหัว เดี่ยวนี้เริ่มหยุดคิด กลับเข้าหาภายใน คำตอบส่องแสงจากภายในนี้เอง
     
  6. dimension12

    dimension12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +107
    ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นแฟนพันธ์แท้ ของคุณอวตารบอย
    แอบ ก็อปปี้ แอบ save
    บทความต่างๆของคุณอวตารบอย เมื่อ 4 - 5 ปีที่แล้วเหมือนกัน
    ตอนนี้ก็ยังแอบก็อปปี้เอามาอ่านในเวลาว่างๆ 555+++
    ความรู้ของอวตารบอยลึก ง่ายๆ โดนใจผม
    อ่านแล้วง่ายต่อการเข้าใจ เข้าใจจักรวาลจากภายในใจเราเอง
    ทำให้ผมมีมุมมองอีกแบบหนึ่ง ลึกซึ้งขึ้นกว่าก่อนเหมือนกัน

    อ่านไปกี่ครั้ง บทความเก่า และใหม่ของ อวตารบอย
    จิตวิญญาณผมขนลุกซู่ทุกๆครั้ง
    เหมือนเป็นการปลุกจิตวิญญาณผมให้ตื่น
    เอาเพลงเก่าๆมาฝากเพื่อนๆที่มีความสนใจเหมือนๆกัน

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=5HMHgcNJMSI&feature=player_embedded]ขอบฟ้า ขอบฝั่ง ความหวัง และทะเลใจ - YouTube[/ame]
     
  7. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    28 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    :สมาชิก:
    เรื่องมีการบวงสรวง เทพต่างๆในศาสนาฮินดู เพื่อความสำเร็จต่างๆ
    คุณอวตารบอยมีความคิดเห็นเกียวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ???
    :อวตารบอย:
    นั้นเป็นการบูชาเทพเจ้า บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอกกันครับ
    ที่ผมพูดกันมาผมเน้นอะไรกันมากที่สุดครับ ผู้ฟังที่รักของผมทุกๆคน
    ภายใน!!! ใช่ไหม ???
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายใน!!! ใช่ไหม ???
    ใช่แล้วครับ!!!
    หากพวกเราตั้งใจฟังกัน
    ก็สามารถตอบคำถามตัวเราเองกันได้เลย

    ลองคิดกันดูสิครับ
    หากพวกเรารู้แจ้ง และขึ้นสวรรค์ไปเป็นเทพเจ้า
    แล้ววันหนึ่งมีคนมา ร่ำไห้ โหยหวน
    มาขอความช่วยเหลือ มาขอหวย
    พวกเราไม่รู้สึกรำคาญกันบ้างหรือครับ (หัวเราะดังลั่น)
    อยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าดีๆ มีความสุขแบบสุดๆ
    แต่มีพวกมนุษย์มาขัดจังหวะ มาร้องเรียน มาร้องขอให้ช่วยโน้น นี้ นั้น
    โอ้ยะ!!! ปวดหัวกันตายเลยนะครับ (หัวเราะ)
    แล้วเป็นมาอย่างนี้หลายยุคหลายสมัยแล้วนะ
    มนุษย์ก็น่าเห็นใจและเข้าใจท่านเทพเจ้าเหล่านี้กันบ้างนะครับ
    (หัวเราะดังลั่นอีกแล้ว)

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ พลังอำนาจอยู่ที่ไหนกันครับ ???
    ใช่แล้ว!!!
    อยู่ภายใน !!!

    หากเป็นเช่นนั้น
    ทำไมเหล่าเทพเหล่านี้ไม่สอนให้มนุษย์รู้จักช่วยตัวเองกันไม่ดีกว่าหรือ ???
    พวกเราเคยได้ยินไหมคำว่า
    " การสอนและช่วยเหลือให้มนุษย์ตกปลา
    รู้จักวิธีหาปลาด้วยตัวเอง ดีกว่าการช่วยโดยการให้ปลาอย่างเดียว"
    เคยได้ยินกันนะครับ
    นั้นแหละคือคำตอบ
    ผมก็ไม่รู้ว่าคำถามนี้คืออะไร หรือมีความต้องการถามเพื่ออะไร
    เอาคำนั้นเป็นคำตอบก็แล้วกัน ง่ายๆดี (หัวเราะและปรบมือ)

    ทั้งหมดเป็นความรู้ ความคิดและความเชื่อ และ การดำเนินชีวิต
    ของมนุษย์กลุ่มหนึ่งบนโลกของพวกเรา
    หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 พฤศจิกายน 2012
  8. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    29 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    :สมาชิก:
    อยากรู้เรื่องผี ศาสนาพุทธพูดเรื่อง กรรม นรก สวรรค์
    :อวตารบอย:
    หากถามเรื่องศาสนาพุทธ
    ผมตอบไม่ได้ครับ ไม่เคยศึกษามา
    ผมศึกษาเรื่องจิต จักรวาล พระเจ้า
    มาทาง ทิเบตโบราณ และยุคโบราณ

    หากถามผมในมุมมองของผี ผมสามารถตอบได้ดังต่อไปนี้
    อย่าเรียกว่า "ผี" กันเลยนะครับ
    คำนี้ น่ากลัว และไม่น่ารักเท่าไหร่เลย (หัวเราะ)

    ผมขอเรียกว่า "จิตวิญญาณ" ดีกว่าไหม ???
    มีชื่อเรียกต่างๆกัน ผมขอเรียกว่า "จิตวิญญาณ" ให้เข้าใจกันที่นี้ดีกว่านะครับ

    ร่างกายมนุษย์ จริงๆแล้วไม่สามารถดำรง
    และมีชีวิตอยู่ได้หากไม่มีจิตวิญญาณภายในทำให้มีชีวิต
    หรือเรียกว่าพลังชีวิต ที่ทำให้หายใจ
    และทำให้พวกเราทุกคนสามารถมีชีวิตฟังผมพูดได้ในตอนนี้

    เคยเห็นแพทย์ใช้เครื่องมือวัดการสั่นสะเทือน
    ของผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินไหมครับ หรือจากในหนังทีวี
    พอเครื่องนั้น มีกราฟขึ้นๆลงๆ แสดงว่าผู้ป่วยคนนั้นยังไม่ตาย
    พอเครื่องนั้น มีเสียงดังปี้บๆ และเป็นเส้นตรง
    แสดงว่าผู้ป่วยคนนั้นตายแล้ว
    แสดงว่าไม่มีพลังงานอยู่ในร่างกายแล้ว
    พลังงานนั้นที่มองไม่เห็นกัน ออกจากร่างกายแล้ว
    ร่างกายก็หยุดทำงานเพราะร่างกายด้วยตัวมันเองทำงานไม่ได้
    ต้องอาศัยพลังงานแห่งชีวิตให้ทำงาน

    นั้นแหละพลังงานแห่งชีวิต
    เป็นพลังงาน ที่เรียกว่า "จิตวิญญาณ"
    ทำไมตาเนื้อของพวกเราไม่สามารถเห็นได้
    ตาเนื้อมีความสามารถจำกัด
    สามารถรับรู้ความหนาแน่นระดับเดียวกันเท่านั้น
    ส่วนพลังจิตวิญญาณมีพลังงานสูง และ ความหนาแน่นน้อยกว่ามากๆๆๆ
    ตาเนื้อของพวกเราก็ไม่สามารถเห็นได้

    ทีนี้อย่ากลัวกันเลยนะครับสำหรับ กับคำว่า "เจ้าผีน้อย"
    เพราะนั้นคือพวกเรากันนั้นเอง (หัวเราะกันใหญ่)
    และนี้คือ ความลับกันที่ไม่ใช่ความลับ
    จำกันไว้กันให้ขึ้นใจกันเลยครับ
    "ไม่มีใครตายกันเลยจริงๆในจักรวาลและโลกใบนี้"
    ร่างกายตายไป แต่ดวงจิตวิญญาณ
    ยังคงอยู่ ตลอดกาล และ ตลอดไป

    สิ่งที่ผมมาแชร์ความรู้ เพื่อ
    มาปลุกจิตวิญญาณของพวกเราทุกๆคน ในขณะที่ยังมีร่างกายเนื้อนี้อยู่


    {หมายเหตุ ทั้งหมดเป็นความรู้ ความคิดและความเชื่อ และ การดำเนินชีวิต
    ของมนุษย์กลุ่มหนึ่งบนโลกของพวกเรา
    หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย}


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 พฤศจิกายน 2012
  9. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    30 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก
    ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่า
    ผมต้องรักและเข้าใจตัวผมก่อนที่ผมสามารถรักคนอื่นๆได้
    อวตารบอย
    ใช่แล้วครับ รักและเข้าใจตัวเองก่อน
    "ความรักตัวเราเองก่อน คือ บ่อเกิดแห่งการรักพระเจ้า"
    "ความเข้าใจในตัวเราเองก่อน คือบ่อเกิด การเข้าใจจักรวาลมหึมาที่อยู่ภายนอก"
    "การเห็นแก่ตัว คือบ่อเกิดแห่งการรู้แจ้ง"

    ลองสังเกตุดูสิครับว่า
    ตอนที่พวกเราไม่มีความสุข มีแต่ความเศร้าหดหู่จากภายใน
    สิ่งที่พวกเรามองเห็นภายนอก พวกเราก็ไม่มีความสุข
    โลกภายนอกจะสวยสดใสงดงามเพียงใด
    พวกเราก็มองไม่เห็นสิ่งนั้น
    ใครๆจะให้และหวังดีและพูดดีแก่พวกเราแค่ไหน
    พวกเราก็มองไม่เห็นไม่สามารถรับรู้ได้
    พวกเราอยู่ในกระแสแห่งความทุกข์ใจ
    มองอะไรภายนอกก็ไม่ดีไปหมด
    เห็นเจ้าสุนัขน่ารักน้อยๆเดินผ่านมา
    พวกเรายังอยากแตะมันเลย (หัวเราะลั่น)
    ผมก็เคยเป็นมาแล้วเช่นกัน (หัวเราะและปรบมือ)

    พอตอนที่พวกเราถูกล็อตเตอรี่ หรือ ตกหลุมรักกับผู้หญิง
    พวกเราดีใจกันแบบสุดๆ มีความสุขสุดๆ มีความรัก
    โลกนี้ช่างเป็นสีชมพูเสียเหลือเกิน !!!
    มองเห็นอะไรๆภายนอก ก็สวยงามและรักไปหมดเลย
    ใช่ไหมครับ ??? (หัวเราะดังลั่น)
    ขนาดมีคนพูดไม่เข้าหูหรือทำสิ่งไม่ดีต่อเรา พวกเราก็ไม่ใส่ใจมากนัก
    พวกเราอยู่ในกระแสแห่งความสุข และความรัก
    เรื่องปรกติธรรมดาก็เห็นเป็นสิ่งสวยงามสดใสไปหมดเลย
    โลกช่างงดงามไปหมดเลยในสภาวะเช่นนี้ รักไปหมด (หัวเราะ)

    ผมได้บอกไปแล้ว
    โลกที่พวกเราอยู่เป็นโลกแห่งมายา ใช่ไหมครับ ??
    ทีนี้จำคำตอบที่ผมได้เคยให้ไปแล้วไหมครับว่าอะไร ???
    อ่า...ใช่แล้วครับ !!!
    พวกเราทุกๆคนเห็นตัวพวกเรากันเองจากโลกภายนอก
    พวกเราทุกๆคนรับรู้โลกภายนอก
    ในสภาวะแห่งอารมณ์ที่พวกเราเป็นอยู่ ภายในใจของพวกเรากันเอง

    เช่นเดียวกันไม่ว่าพวกเราจะอ่านหนังสือ
    เรื่องจิตวิญญาณ มนุษย์ต่างดาว หรือ นอกโลกมากเพียงใด
    พวกเราก็ไม่สามารถเข้าใจอย่าง 100 เปอร์เซ็นต์
    พวกเราเข้าใจจากมุมมองและสภาวะอารมณ์
    จากภายในตัวของพวกเรากันเอง
    นี้แหละการอ่านอย่างเดียวจากภายนอก
    ก็ไม่สามารถทำให้ตรัสรู้ หรือ รู้แจ้งได้
    เพียงแต่ รู้แจ้งในระดับสติปัญญาระดับหนึ่งเท่านั้น

    สังคมโลกมนุษย์พยายามให้ทุกๆคนรัก
    และให้เห็นแก่ส่วนรวมก่อน ก่อนคิดถึงตนเอง
    สิ่งนี้เป็นการสอนแตกต่างจากโรงเรียนโบราณครับ
    สังคมโลกมนุษย์ต้องการให้ทุกคนเห็นว่า
    สิ่งนี้เป็นสิ่งดีและประเสริฐ
    พวกเราเห็นกันแล้วว่ามีกี่ยุคกี่สมัย
    มนุษย์โลกก็ยังคงมีปัญหาเดิมๆและแก้กันไม่ตกสักที

    เมื่อพวกเราไม่มีความสุขและไม่มีความรักจากภายในแท้ๆ
    เมื่อพวกเราให้ความสุขและความรักแก่สิ่งภายนอก
    พวกเราก็หวังลึกๆว่าพวกเราจะได้กลับมา
    เมื่อพวกเรารักผู้หญิง หรือ คนอื่นภายนอก
    พวกเราก็หวังว่าจะได้ความรักนั้นกลับมา
    หากความรักไม่ได้กลับมาพวกเราก็มีปัญหา
    มีการอกหักกัน เลิกรากัน
    แต่พวกเราต้องการความรัก
    พวกเราก็พยายามทำทุกๆสิ่ง
    เพื่อให้คนอื่นภายนอกรักพวกเรา ยอมรับพวกเรา
    นี้เรียกว่าเป็นความรัก หรือ ความสุข ไม่จริงแท้ และไม่ถาวร

    พวกเราเห็นแล้วมีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นในสังคมกันทุกๆวัน
    และชีวิตส่วนตัวของพวกเรากันเอง
    "หากเธอให้ความรักแก่ฉัน ฉันจะให้ความรักแก่เธอ"
    "หากฉันให้ความรักแก่เธอ เธอต้องให้ความรักแก่ฉันด้วยนะ"
    นี้คือการเล่นเกมส์แห่งการตามล่าความรักและความสุขจากภายนอก


    มาดูความรักและความสุขจากภายใน
    ที่สอนกันในโรงเรียนโบราณกันครับ
    เมื่อแต่ละคนมีความเห็นแก่ตัว
    มีความรักและความสุขแท้จริงจากภายใน
    ความรู้สึกนั้นจะส่งแผ่ขยายไปสู่ภายนอกโดยธรรมชาติ
    เพราะทุกๆอย่างที่พวกเราเห็น คือตัวพวกเราเอง
    พวกเรารับรู้โลกภายนอกจากสภาวะอารมณ์ ของพวกเราเอง
    หากว่า สิ่งภายนอกไม่ตอบรับรักพวกเรา หรือ สิ่งภายนอกเปลี่ยนไป
    พวกเราก็ยังคงรัก และ มีความสุข
    เพราะความรักและความสุขมีอยู่เต็มหัวใจอยู่แล้ว
    ไม่พึ่งพาจากภายนอก
    ข้างนอกจะเป็นเช่นไร
    ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกแท้จริงจากภายในได้
    พูดง่ายๆ คือไม่มีผลกระทบ ปัญหาก็ไม่ตามมา
    สังคมผู้รู้แจ้งเขาก็ทำเแบบนี้แหละครับ

    เข้าใจกันแล้วยังครับ ???
    ตรัสรู้กันขึ้นบ้างไหมครับ ??? (หัวเราะดังลั่น)

    สรุปง่ายๆ
    ยิ่งพวกเราเห็นแก่ตัวและรักตัวพวกเราเองมากเพียงไหนก็ตาม
    พวกเราก็สามารถรักโลกภายนอกเท่านั้น
    ยิ่งพวกเราเห็นแก่ตัว และรักตัวพวกเราเองน้อยเท่าใดก็ตาม
    พวกเราก็ไม่สามารถรักโลกภายนอกเท่านั้น

    ผมสรุปคำคมได้สวยไปเลย ว่าไหมครับ ??? (หัวเราะดังลั่น)

    ทีนี้
    การเข้าใจเรื่องจักรวาลต่างๆที่อยู่ภายนอก
    ก็ต้องเข้าใจจากตัวเราเองก่อน
    นักวิทยาศาตร์และคนทั่วๆไปพยายามเข้าใจ
    จากภายนอกสู่ภายใน
    จากสิ่งที่ใหญ่สุดสู่สิ่งที่เล็กสุด

    แต่พระผู้ตรัสรู้และรู้แจ้งกันแล้ว
    จะเข้าใจโลก พระเจ้า จักรวาล
    จากภายในสู่ภายนอก
    จากสิ่งที่เล็กสุดสู่สิ่งที่ใหญ่สุด
    จากตัวเราเอง ชีวิตส่วนตัวของเราเอง สู่ ความรู้โลก จักรวาลภายนอก

    รู้แจ้งกันกว่าเดิมไหมครับผม ??? (ครับผม)
    สว่างจ้ากันขึ้นมาใหม่ครับ (ครับผม)
    ไม่ต้องสงสัยกันเลยว่าที่เขาเรียกว่า
    "ความไม่รู้" คือ "ความมืด"
    พอพวกเรา "รู้" มันก็ "ไม่มืด" มันสว่างออกมาเลย
    (หัวเราะและปรบมือ)

    แล้วพวกเราคือใครกันล่ะ ???
    ก็คือจิตวิญญาณ
    แล้วจิตวิญญาณ หน้าตามันเป็นอย่างไรกัน ???
    เป็นแสงสว่าง ธรรมชาติของพวกเราเป็นแสงสว่าง
    แสงสว่างไม่สามารถไม่เป็นแสงสว่าง
    แต่บางครั้งก็มีเงาความมืดมาปกคลุม
    ถึงแม้มีความมืดมาปกคลุมเท่าไหน
    พวกเราก็ยังเป็นแสงสว่างอยู่นั้นแหละ

    สว่างไสวไหมครับ...ผู้ฟังที่รักทุกๆคน ???


    หมายเหตุ ทั้งหมดเป็นความรู้ ความคิดและความเชื่อ และ การดำเนินชีวิต
    ของมนุษย์กลุ่มหนึ่งบนโลกของพวกเรา
    หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย


    [​IMG]
     
  10. MasterOfSuccess

    MasterOfSuccess Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +44
    จิตวิญญาณ คือแสงสว่าง
    แสงสว่าง คือ ตัวเรา
    แสงสว่าง คือการรู้แจ้งตนเองนั้นเอง
    ผมจับใจความ ถูกไหมครับ
     
  11. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    31 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก
    จากที่ผมได้อ่าน หนังสือเรื่อง "ความลับของโรงเรียนโบราณ แสดงว่า
    ความคิดไม่ได้อยู่ที่สมองสิครับ
    ความคิดก็ไม่ตายตามร่างกายมนุษย์
    อวตารบอย
    อ่า ใช่เลยครับ
    ถูกต้องมาก
    เข้าใจได้ตรงจุดเลย

    พระเจ้าไม่ได้สร้างสมองให้สร้างความคิด
    แต่สร้างสมองมนุษย์เป็นเครื่องมือในการเป็นตัวรับพลังงานแห่งความคิด
    สมองเป็นเครื่องมือหรือเป็นคอมพิวเตอร์แบบเนื้อหนัง
    ความคิดไม่ได้มาจากสมอง

    ความคิดเป็นพลังงานและ
    ไม่สามารถทำลายให้สูญหายได้
    และความคิดตัวนี้แหละเป็นตัวสร้าง
    โลกชีวิตส่วนตัวของพวกเรา
    และโลกภายนอกและจักรวาล

    พระพุทธเจ้าและผู้ตรัสรู้แล้วท่านอื่นๆ ก็พูดคล้ายๆกันว่า
    "พวกเราเป็นในสิ่งที่พวกเราคิด"
    "ทุกๆอย่างมาจากใจ"
    "สำเร็จได้ด้วยใจ มีใจเป็นพระประธาน"

    พระเยซูก็ได้บอกกับพวกเราว่า
    "หากพวกเราคิดและเชื่อสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น"

    คำสอนโบราณก็บอกกันว่า
    "ความคิดมีตัวตน"
    "จิตวิญญาณจดจ่อสิ่งใด ก็จะมีชีวิตเป็นอยู่อย่างเดียวกับสิ่งที่จดจ่อ"

    ความเข้าใจเดียวกัน
    แต่สามารถพูดและอธิบายกันได้หลายรูปแบบเลยนะครับ (หัวเราะ)

    {หมายเหตุ: ทั้งหมดเป็นความรู้ ความคิดและความเชื่อ และ การดำเนินชีวิต
    ของมนุษย์กลุ่มหนึ่งบนโลกของพวกเรา
    หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย}


    [​IMG]
     
  12. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    32 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก
    การจินตนาการนี้คืออะไรครับ ???
    อวตารบอย
    การจินตนาการคือ
    สมองของพวกเราจับความคิดที่อยู่ในกระแสน้ำแห่งความคิด
    เป็นกระบวนการที่รวดเร็วมาก
    จนพวกเราไม่ตระหนักรู้ว่าความคิดมาได้อย่างไร
    หรือว่าพวกเรากำลังคิดอะไรกันอยู่
    พวกเราคิดกันจนเป็นธรรมชาติไปแล้ว

    แล้วความคิดนั้นพวกเราคิดในรูปแบบเป็นภาพ
    อาจมีรูป แสง สี เสียง
    นี้แหละเรียกว่า "การจินตนาการ"
    แล้วพวกเราใส่พลังงานแห่งอารมณ์ และความเชื่อเข้าไป
    ทำให้จินตนาการนั้นสั่นสะเทือนเกิดขึ้น
    พลังงานแห่งความคิดในรูปแบบจินตนาการเริ่มเคลื่อนไหว
    จินตนาการเริ่มกลายมาเป็น คำพูด
    จากคำพูดก็กลายมาเป็นการกระทำ
    และจากการกระทำนั้นก็กลายมาเป็นรูปเป็นร่างในวัตถุ

    ความคิดแห่งจินตนาการ
    เปลี่ยนรูปแบบมาเรื่อยๆจนเป็นวัตถุ
    และร่างกายมนุษย์สามารถ
    ได้เห็น ได้ยิน ได้ดมกลิ่น ได้ลิ้มรส ได้สัมผัส
    สิ่งที่ได้จินตนาการเอาไว้แต่แรกเริ่ม

    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้บอกพวกเราแล้วว่า
    "การจินตนาการ มีความสำคัญมากกว่าความรู้"
    Imagination is more important than knowledge

    ผมอยากเพิ่มเข้าไปอีกว่า
    จินตนาการเป็นตัวสร้างชีวิตส่วนตัว โลก และจักรวาล
    จักรวาลจริงๆแล้ว สร้างมาจากความคิด และจินตนาการ

    พวกเราจริงๆแล้วอยู่ในโลกความฝันแห่งการจินตนาการกันครับ
    (หัวเราะและปรบมือ)

    {หมายเหตุ: ทั้งหมดเป็นความรู้ ความคิดและความเชื่อ และ การดำเนินชีวิต
    ของมนุษย์กลุ่มหนึ่งบนโลกของพวกเรา
    หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย}


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 พฤศจิกายน 2012
  13. vajeemun

    vajeemun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +34
    เข้า link facebook..แล้วไม่มีช่องรับแอดเลยค่ะ..งง ไม่รู้จะไปแอดตรงใหน..รบกวนด้วยนะค่ะ https://www.facebook.com/Elle.neo?ref=tn_tnmn
     
  14. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    33 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    เรื่องหมอดู ที่ทำนายชีวิตได้แม่นยำ
    และเรื่องดวงดาวมีอิทธิพลต่อโชคชะตาของมนุษย์ ล่ะครับ ???
    คุณอวตารบอย และ โรงเรียนโบราณ
    มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อย่างไรบ้างครับ???
    อวตารบอย:
    ไม่มีความคิดเห็นครับ !!!
    ผมมัวยุ่งอยู่กับพระเจ้าในตัวจนเพลิน
    เลยลืมทุกๆอย่างที่อยู่ภายนอกหมดเลยครับ (หัวเราะดังลั่น)

    จริงๆแล้ว
    หมอดูที่เก่งๆทุกๆคน ทายกันแม่นและถูกกันเกือบหมดแหละครับ
    พวกเราเป็นหนึ่งเดียวไงครับ
    หากหมอดูสามารถอ่านใจ หรือ เป็นหนึ่งเดียวกับพวกเราได้
    หมอดูคนนั้นก็สามารถทายแม่นยำมากๆ

    หากพวกเราเชื่อสิ่งที่หมอดูทำนาย สิ่งนั้นก็เป็นจริงสำหรับพวกเรา
    หากพวกเราไม่เชื่อสิ่งที่หมอดูทำนาย สิ่งนั้นก็ไม่เกิดขึ้นจริงกับพวกเรา

    แล้วใครเป็นหมอดูตัวจริงๆกันล่ะเนี้ยะ ???
    ใช่แล้วครับ !!!
    ทำไมพวกเราไม่เป็นหมอดูของชีวิต ของพวกเรากันเองล่ะครับ ???
    (หัวเราะดังลั่นอีกแล้ว)

    ส่วนเรื่องดวงดาว
    พวกเราก็หลงลืมว่าพวกเราที่เคยเป็นจิตวิญญาณ
    ช่วยกันสร้างดวงดาวในตอนแรก
    อืม !!!
    ผู้สร้างดวงดาว
    จะสร้างให้สิ่งที่ถูกสร้างมากำหนดชีวิตผู้สร้างได้ไงกันครับ ???
    งั้นผู้สร้างต้องบ้า หรือ เพี้ยน แน่ๆเลย (หัวเราะแบบสุดๆๆๆ)
    อืม !!!
    "ผู้สร้าง"ยอมให้"สิ่งที่ถูกสร้าง"มาบงการชีวิตตัวเองหรือ ???
    ลองคิดดูให้ดีๆ !!!
    "ผู้สร้าง"ลืมตัวไป และ คิดว่า
    "สิ่งที่ถูกสร้าง"เป็นผู้สร้างเสียเอง (หัวเราะฮามากๆ)

    พวกเราลืมตัวพวกเราเอง
    พวกเราลืมจักรวาล
    เมื่อพวกเราลืม
    พวกเราก็คิดว่าดวงดาวต่างๆเป็นตัวนำโชคร้าย หรือโชคดี
    พวกเราชอบโทษสิ่งภายนอก
    เป็นการแก้ตัวและไม่ยอมรับความผิดชอบสิ่งที่พวกเราสร้างกันเอง

    ผู้ตรัสรู้ทุกๆท่านก็มาเตือน มาสอน มาบอก
    พวกเรากันไม่รู้กี่หลายยุคหลายสมัยกันแล้ว
    บางคนก็รักและเคารพ "พระพุทธเจ้า"
    บางคนก็รักและศรัทธา "พระเยซู"
    หากพวกเรารัก และ เคารพ พระผู้ตรัสรู้ที่พวกเราศรัทธากันจริงๆ
    ทำไมพวกเราไม่นำคำสอนมาใส่ใจกันบ้างครับ
    พวกเราทุกๆคนที่นั่งฟังผมพูดตอนนี้
    ควรตระหนักรู้กันได้แล้วว่า
    "ทุกๆอย่างมาจากใจ"
    ไม่ได้มาจาก "หมอดู" หรือ "ดวงดาว" หรือ "จานบินยูเอฟโอ" (หัวเราะดังลั่น)

    พวกเราชอบเล่นเกมส์
    ให้สิ่งภายนอกมาควบคุมโชคชะตาชีวิตของพวกเรากันเอง
    ตื่นกันได้แล้วครับ !!!
    ใครไม่ตื่น จับลงนรกกันเสียให้หมด (หัวเราะชอบใจกันใหญ่ และ ปรบมือ)

    {หมายเหตุ: ทั้งหมดเป็นความรู้ ความคิดและความเชื่อ และ การดำเนินชีวิต
    ของมนุษย์กลุ่มหนึ่งบนโลกของพวกเรา
    หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย}


    [​IMG]
     
  15. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    34 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    สมาชิก:
    การเรียนการสอนในโรงเรียนโบราณ และ
    กลุ่มจิตวิญญาณแสงสว่าง ต่างๆก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยสิครับ???
    อวตารบอย:
    อ่า!!! ใช่เลยครับ !!!
    ถูกต้องแล้วครับ !!!
    เยส!!! เยส!!! เยส!!! (หัวเราะ)

    การเดินทางแห่งจิตวิญญาณ
    มีการเล่นเกมส์ต่างๆมากมายกันไปครับ
    ไม่มีอะไรถูกหรือผิดครับ
    ทุกๆอย่างถูกหมดเลย (หัวเราะ)

    ธรรมชาติจักรวาลที่พวกเราเล่นกันอยู่ใจดีมากๆครับ (หัวเราะ)
    อนุญาติให้ทุกๆอย่างดำเนินไป และ
    ยอมรับทุกๆเกมส์ที่พวกเราเล่นกัน เลือกการเล่นกัน
    นั้นแหละครับที่พวกเราเคยได้ยินว่า...
    "เป็นความรักอันไร้เงื่อนไข"

    แต่บางคนก็ยังไม่เข้าใจ
    ยังตีความหมายแบบมนุษย์ๆ เข้าใจแบบภายนอก
    "หากพระเจ้า หรือจักรวาล มีความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    งั้นพระเจ้า หรือ จักรวาลต้องมาช่วยเหลือพวกเราสิ
    ต้องมาให้ความรักแก่พวกเราสิ
    ต้องมาแบ่งปันแก่พวกเราสิ"
    การตีความหมายและเข้าใจเลยเพี้ยนไปกันใหญ่ (หัวเราะ)

    เมื่อพวกเราหลงลืมแห่งความจิตวิญญาณในตัวเอง
    พวกเราคิดว่าพวกเราเป็นมนุษย์
    เลยมีมุมมองแบบมนุษย์ๆ
    พวกเราคิดและเข้าใจว่า
    จักรวาลที่พวกเราอยู่ระบบระเบียบคงเป็นแบบหรือคล้ายๆมนุษย์
    พวกเราเห็นว่ามีกฎเกนณ์กติกาบนโลกมนุษย์
    พวกเราเลยคิดว่าในโลกแห่งจิตวิญญาณหรือ จักรวาล
    ก็คงเป็นอย่างนั้นเช่นกัน

    เหมือนหนังสือเรื่องเดอะซีเคล็ด
    ที่ออกมาขายกันไม่รู้กี่รุ่นกันแล้ว
    นี้คือการเข้าใจระดับหนึ่งของมนุษย์
    เป็นงานเขียนให้เข้าใจจักรวาลจากภายนอก
    ซึ่งเป็นความเข้าใจยังอยู่ระดับต่ำและจำกัดมาก
    "ขอแล้ว...ขออีก
    เชื่อแล้ว...เชื่ออีก
    ขอบคุณกันแล้ว...ขอบคุณกันอีก
    ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จกันสักที
    ยังไม่ได้สิ่งที่ขอ สิ่งที่เชื่อ สิ่งที่ขอบคุณกันสักที"
    (หัวเราะดังมากและปรบมือกันยาวนานมาก)

    ผมพูดได้จี้จุดประเด็นที่พวกเราสงสัยกันมานาน
    ใช่ไหมครับ ???
    ที่ได้หัวเราะปรบมือกันใหญ่เลย (เฮกันดังลั่นกันเลย)

    เห็นไหม !!!
    นักเรียนโบราณคนนี้เก่งไหม (ชี้มาที่ตัวผู้พูดเอง)
    จับประเด็นพวกเรากันถูก
    เก่งครับ !!! (หัวเราะกันยาวนานอีกแล้ว)
    หากไม่เก่ง
    ผมต้องทำให้
    โรงเรียนโบราณที่ตั้งกันมากว่า 30,000 ปีเสียชื่อแน่ๆ
    (หัวเราะกันดังลั่นยาวนานอีกแล้ว)

    รู้ไหมครับ ???
    การหัวเราะทำให้จิตวิญญาณพวกเราตื่นตัวกัน !!
    การหัวเราะเป็นยาอายุวัฒนะแก่ร่างกายมนุษย์
    และเป็นยาวิเศษ
    ปลุกจิตวิญญาณให้ตื่นกันเชียวล่ะครับ !!!

    การหัวเราะทำให้พวกเรามีความสุข !!!
    และการมีความสุขทำให้พวกเราหัวเราะ !!!
    คนมีความทุกข์ใจ ไม่มีความสุข หัวเราะกันไม่ได้หรอกครับ !!!

    อย่ามัวแต่ยิ้มหรืออมยิ้ม
    ให้เสียงหัวเราะออกกันมาเลยครับ
    ให้เสียงหัวเราะดังลั่นออกมา
    จากใจแล้วแผ่ขยายสู่
    โลก
    นอกโลก
    และจักรวาลอันไร้ขอบเขตและขีดจำกัดกันเลยครับ !!!

    เอาครับ!!!
    หัวเราะกันยาวนานนนนนนนนนนนน
    ที่นานที่สุดที่พวกเราหัวเราะกันได้
    หัวเราะกันอย่างมีความสุขกันให้พอสัก ห้านาที

    แล้วผมจะกลับมายังประเด็นเดิมอีกครั้ง

    {หัวเราะอย่างยาวนาน อย่างมีความสุขกันทุกๆคน}
    {ยังมีต่อภาคสอง คำตอบนี้ คุณอวตารบอย ตอบได้ยาวมาก}


    [​IMG]
     
  16. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    34 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)


    ต่อภาคสอง
    :อวตารบอย:
    บางครั้ง
    พวกเราเห็นว่าใครทำผิดในโลกมนุษย์
    ก็พากันทำโทษแล้วจับเข้าขังคุก
    พวกเราเลยคิดกันว่า
    หลังจากที่พวกเราตายไปแล้ว
    ในโลกแห่งจิตวิญญาณหรือในจักรวาล
    ต้องมีพระเจ้าหรือใครสักคนคงมาจับพวกเราแล้วทำโทษ
    เหมือนๆกันกับโลกมนุษย์ที่ทำกัน
    พวกเราเลยจินตนาการ วาดภาพ
    เรื่องสวรรค์และนรกกันใหญ่เลย (หัวเราะฮาดังลั่น)

    บางครั้ง
    พวกเรางอน โกรธ และ หงุดหงิด กับจักรวาล กับพระเจ้า
    แต่พวกเราก็ไม่เคยรู้จักจักรวาล หรือเคยเห็นหน้าตาพระเจ้าจริงๆกันสักที
    ยังมีหน้ามาต่อว่าพระเจ้าได้อีก (หัวเราะกันดังลั่น)

    พวกเราแอบบ่น แอบน้อยใจ
    อยู่ลึกๆในหัวใจของพวกเรากันเอง (หัวเราะ)
    "ทำไม ทำไม ทำไม
    พระเจ้าหรือจักรวาล
    ไม่ช่วยเหลือให้พวกเราประสบความสำเร็จในชีวิตเลยนะ"
    ชีวิตทั้งชีวิตมีแต่ดวงซวย
    "ผัวก็ทิ้ง
    เป็นหญิงหม้ายมีลูกติดแถมเป็นพิการ
    ยังมีหนี้สินอีรุงตุงนัง
    บริษัทก็ไม่โปรโมทให้เป็นผู้จัดการใหญ่
    วันดีคืนดียังให้ลาออกอีก
    คนอื่นๆก็ไม่ยอมรับ ไม่ยอมให้โอกาส ไม่ให้งานเลยขาดรายได้"
    พวกเราโทษทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง รอบตัว
    พวกเราไม่เคยผิดแต่คนอื่น สิ่งอื่น ภายนอก
    พระเจ้า และจักรวาลผิดหมด
    ยกเว้นตัวเอง (หัวเราะและปรบมือกันดังลั่น)

    นี้คือตัวอย่าง
    ที่ผมได้หยิบยกประเด็นที่เกิดขึ้นจริงๆ
    ในชีวิตประจำวันรอบๆตัวพวกเรากันเอง
    ทีนี้ก็มีมนุษย์พยายามเปิดอกเปิดใจเรียนรู้เรื่อง
    จิตวิญญาณ จักรวาล และพระเจ้าจากภายนอกกัน
    มีการตั้งกลุ่มต่างๆกันไป
    เช่น กลุ่มแสงสว่าง LIGHTWORKER
    กลุ่มนิวเอจ NEW AGE
    กลุ่มจิตวิญญาณ SPIRITUALITY
    และ ชื่ออื่นๆอีกมากมาย ทั้งในไทยและต่างประเทศ

    แต่ละกลุ่มก็มีความคิดและความเชื่อแตกต่างกันไป
    ในเรื่องจิตวิญญาณ จักรวาล และพระเจ้า
    มีการเชื่อเรื่องโชคชะตา
    ดูดวงจากลายมือ
    จากโหราศาตร์ ดวงดาว ถ้วยแก้ว ต่างๆนานา
    มีการติดต่อสื่อสารกับผู้ที่ตายแล้ว
    บางคนก็ฟื้นมาจากความตาย
    กลับมาเล่าให้ฟัง ตื่นเต้นดีใจเป็นการใหญ่
    ได้ไปเจอแสงสว่างกัน
    มาเขียนหนังสือขายดิบขายดี
    แต่หารู้ไม่ว่า ยังมีระดับมากกว่านั้น (หัวเราะ
    พวกเรายังจำได้ไหม
    ที่ผมเคยสอนเรื่องปิระมิด มี7ฐาน 7ระดับ
    ระดับแสงสว่างยังไม่ใช่ระดับสูงสุด

    บางกลุ่ม
    ก็มีการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวจากดาวอื่นๆมากมาย
    มีความรู้ ความคิด ความเชื่อ
    บางอันก็คล้ายๆกัน บางอันก็แตกต่างกัน
    เอ้า เฮโลสะระพาเฮโล รับความรู้ต่างๆมากันอีกแล้ว (หัวเราะ)

    กลุ่มจิตวิญญาณที่เรียกว่าแสงสว่าง
    ในอเมริกา และ ออสเตรเลีย เป็นสองประเทศที่ผมคุ้นเคย
    แต่ที่ผมเห็นในต่างประเทศมีกันเยอะครับ
    และมีกันมานานแล้วด้วย
    ผมเคยร่วมกลุ่มจิตวิญญาณมาก่อนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
    กลุ่มแรกคือกลุ่มแอชต้า ASHTAR COMMAND
    เป็นมนุษย์ต่างดาววางแผนอพยพผู้คนในปี 2012
    แต่แผนเก่าก้ไม่สำเร็จ เลิกรากันไป
    เลยเปลี่ยนแผนใหม่ (หัวเราะฮาดังลั่น)

    กลุ่มนี้ผมได้เข้ากลุ่มและเห็นด้วยตาฟังด้วยหู
    เป็นการสื่อสารจิตวิญญาณ
    จากมนุษย์ต่างดาวและเทพชื่อต่างๆ
    ผมเริ่มเบื่อหน่าย หลังจากเข้ากลุ่มได้หลายปี
    จิตวิญญาณของผมไม่ค่อยได้พัฒนาขึ้นเท่าไหร่
    มีเพียงตื่นเต้นที่ได้รู้จักมนุษย์ต่างดาว
    ตอนนั้นเมื่อ 20 ปีที่แล้วนะครับ
    ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตที
    เกมส์วิ่งไล่ล่า ความรู้ทางจิตวิญญาณแบบนี้ผมเลยหยุด
    ไม่เห็นได้เรื่องเท่าไหร่
    นอกจากตื่นเต้นที่ได้จับมือกับมนุษย์ต่างดาวเท่านั้น (หัวเราะดังลั่นอีกแล้ว)

    ยิ่งหลังจากปี 2000
    มีการติดต่อสื่อสารทางจิตกันเยอะมากมาย
    มาจากดาวดวงโน้นมั่ง ดาวดวงนี้มั้ง
    ติดต่อสื่อสารกันใหญ่เลย
    เมื่อก่อนไม่รู้ไปหลบอยู่กันที่ไหน (หัวเราะดังลั่นอีกแล้ว)

    ขอให้พวกเราที่นั่งกันที่นี้จำกันเอาไว้ให้ดี
    ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว
    รู้แจ้งเหมือนกันหมดทุกๆดาวครับ

    หลังจากปี 2012
    จะมีมนุษย์ต่างดาวมาเดินแพล่นพล่าน และ
    มาจอดจานบินกันเกลื่อน ในโลกมนุษย์

    แต่ขอให้จำไว้ว่า ไม่ไช่มนุษย์ต่างดาว
    ทุกๆคนรู้แจ้งระดับเดียวกัน
    อย่าไปคิดว่าพวกมนุษย์ต่างดาว
    สามารถมีจานบินมาลงบนโลกมนุษย์ได้
    คงมีความรู้แจ้งมากๆเลย
    เรื่องนั้นจริงครับ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

    หลังจากปี 2012 เป็นต้นไป
    พวกเราไม่ต้องตกใจกันนะครับ
    ที่อาจจะเห็นป้ายเขียนบอกว่า

    "ห้ามจอดกีดขวาง
    สถานที่นี้เป็นที่จอด 'จานบินส่วนบุคคล' "
    (หัวเราะ ฮากันดังลั่น)


    ยังมีต่อภาคสาม



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤศจิกายน 2012
  17. Pichart

    Pichart สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +21
    เข้ามาอ่าน มาติดตาม แอบยิ้ม แอบหัวเราะไปด้วย
    ได้ทั้งความรู้และความบันเทิงไปในตัว
    แสงสว่างแห่งความสุขใจกันเลยทีเดียว
     
  18. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    34 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)


    [COLOR="Blue"[COLOR="Red"]]ต่อภาคสาม[/COLOR]
    :อวตารบอย:
    พวกกลุ่มแสงสว่าง
    บางกลุ่มก็มีการสื่อสารทางจิตกับ มหาเทพน้อยใหญ๋ของจักรวาล
    เช่น มหาเทพไมเคิ้ล
    มหาเทพราเฟล
    มหาเทพกาเบรียล
    มหาเทพเมตตราตรอน

    มหาเทพเหล่านี้คือผู้รับใช้พระเจ้า
    หรือเป็นผู้นำความรู้ของพระเจ้ากระจายไปทั่วจักรวาล
    มหาเทพเหล่านี้
    จริงๆแล้วมีอยู่ในศาสนาคริสต์นะครับ
    ซึ่งเกี่ยวพันกับพระเยซู
    มีการสอนกันว่า
    หากต้องการความรู้ หรือ การคุ้มครองให้เรียกเหล่าเทพนี้
    จริงๆแล้วเหล่าเทพนี้ ไม่ได้มีการวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณ
    ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับใช้พระเจ้า
    แต่ไม่สามารถวิวัฒนาการเป็นพระเจ้าเหมือนมนุษย์
    และไม่เคยหลงลืม
    จึงทำให้มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ ตลอดกาล

    หากพวกเราได้อ่าน
    ข้อความจาก มหาเทพเหล่านี้
    บางครั้งเป็นการยากที่จะสามารถเข้าใจได้
    เพราะบริสุทธิ์มากๆ
    และการใช้ภาษาเป็นแบบจักรวาล ไม่ใช่แบบมนุษย์
    และ มหาเทพเหล่านี้ไม่เคยเกิดเป็นมนุษย์
    ซึ่งยากในการเข้าใจ

    จริงๆแล้วมนุษย์
    มีการวิวัฒนาการสูงกว่าเหล่าเทพนี้
    เพียงแต่มนุษย์ยังหลงลืมตนเองเพราะมนุษย์มีจิตทางเลือกอิสระ
    แต่เหล่ามหาเทพไม่มีทางเลือกจิตอิสระ

    พวกกลุ่มแสงสว่างบางกลุ่ม
    ก็มีการสื่อสารกับ
    คุรุแห่งจิตวิญญาณที่ได้เคยเกิดเป็นมนุษย์และได้รู้แจ้งแล้ว
    เช่น พระศรีอาริย์
    เซนต์เจอร์แมน
    พระแม่กวนอิม
    พระเยซู
    พระแม่มาเรีย
    และ ยังมีอีกหลายคน รวมทั้งพระพุทธเจ้าด้วย
    แต่พระพุทธเจ้าจะส่งกระแสจิตมาน้อย
    เพราะท่านมีหน้าที่เป็นหัวหน้าโรงเรียนในโลกจิตวิญญาณ

    หากพวกเราได้อ่านข้อความจากคุรุจิตวิญญาณเหล่านี้
    พวกเราสามารถเข้าใจได้ง่ายกว่า
    พวกมนุษย์ต่างดาว หรือ พวกมหาเทพ
    เพราะ ท่านคุรุแห่งจิตวิญญาณเหล่านี้
    เคยเกิดเป็นมนุษย์และรู้จักใช้ภาษา
    เพื่อให้มนุษย์เข้าใจได้ง่ายและตรง
    แต่พวกมนุษย์ต่างดาว หรือ มหาเทพ
    ไม่เคยเกิดเป็นมนุษย์เลยไม่รู้รสชาติหรือ
    ประสบการณ์การเป็นมนุษย์

    หากจิตวิญญาณใดไม่เคยเกิดเป็นมนุษย์มาก่อน
    จะไม่รู้รสชาติว่าการเป็นมนุษย์เป็นอย่างไร
    ไม่รู้ว่าความสุข ความทุกข์ยาก ของการเป็นมนุษย์เป็นอย่างไร
    และไม่รู้ว่การหลงลืมตนเป็นอย่างไร

    การเป็นมนุษย์ก็เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งของจิตวิญญาณ
    และพวกเราทุกๆคน
    ก็กำลังประสบการณ์นี้กันอยู่ในชาตินี้และตอนนี้กันไงครับ
    เป็นไงกันบ้างครับรสชาติการเกิดเป็นมนุษย์ (หัวเราะดังลั่น)


    มีต่อภาคสี่
    [/COLOR]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤศจิกายน 2012
  19. I AM ONENESS

    I AM ONENESS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +589
    34 ถาม-ตอบ
    ข้างล่างนี้เป็นการถามตอบระหว่างสมาชิกกับพี่อวตารบอย (เป็นการส่วนตัว)
    (ที่ได้อัดเทปบันทึกไว้เมื่อหลายปีที่แล้วตอนพี่เขามาประเทศไทย)

    ภาคสี่
    :อวตารบอย:
    พวกกลุ่มแสงสว่างในต่างประเทศ
    กำลังติดต่อด้วยกระเเสจิตกับพวกมนุษย์ต่างดาวและมหาเทพต่างๆ
    ในการยกระดับโลกมนุษย์เข้าสู่โลกมิติที่ 5
    โลกที่พวกเราอยู่นี้เรียกกันว่าโลกมิติที่ 3
    พวกเราสามารถเห็นวัตถุต่างๆในมิติที่3
    นั้นคือความกว้าง ยาว สูง เป็นสามมิติ

    มึคำถาม
    ทำไมโลกมิติที่ 3 ที่พวกเรากำลังอยู่นี้ เปลี่ยนไปเป็นมิติที่ 5 ???
    โลกมิติที่ 3 อยู่ต่อไม่ได้อีกแล้วครับ
    ดำเนินต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
    เพราะพวกเรามนุษย์
    ได้มีการทำลายโลกมิติที่ 3 มามากมาย และยาวนาน ครับ
    โลกมิติที่ 3 ต้องถูกทำลาย
    แต่พระเจ้าผู้ดูแลโลกและรักษาโลก
    โดยภายใต้การนำของพระพุทธเจ้า และพระศรีอาริย์
    ได้เสนอและร้องเรียนแก่สภาระดับกาแลคซ๊ว่า
    อย่าทำลายโลกมิติที่ 3 นี้เลย
    งั้นก็มีทางเดียวคือต้องเปลี่ยนโลกนี้เป็นมิติที่5
    เป็นโลกแห่งความรักอย่างไร้เงื่อนไข
    โลกนี้จึงจะอยู่ได้ต่อไป
    ในโลกจิตวิญญาณ
    จึงได้มีการวางแผนและเตรียมการ
    กันมายาวนานหลายปี
    เพื่อเปลี่ยนโลกมิติที่ 3 สู่ มิติ 5

    โลกมนุษย์เป็นโรงเรียนให้จิตวิญญาณของพวกเราทุกคน
    มาเล่น มาเรียนรู้ มาหาประสบการณ์ชีวิตการเป็นมนุษย์
    แต่ปัญหาคือพวกเราหลงลืมตัวพวกเราเองกันมากไป (หัวเราะ)
    พวกเราหลงจนออกมาไม่ได้
    พวกเรายึดติดกับวัตถุมากกว่าจิตวิญญาณ

    พวกเราที่เป็นจิตวิญญาณมาเล่นกันเพลิน
    และหลงติดกับโลกมายาใบนี้ และ
    ทำลายทรัพยากรของโรงเรียนโลกมนุษย์ใบนี้มากมาย
    การเปลี่ยนชั้นเรียนจากโลกมิติที่ 3 สู่มิติที่ 5
    ไม่ใช่เป็นเพราะพวกเราสอบผ่าน
    แต่เป็นเพราะพวกเราสอบตกกันหมด
    และ สอบตกกันมาหลายล้านๆๆๆปี
    โรงเรียนแห่งโลกมิติที่ 3 อยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
    จักรวาลเลยต้องเลื่อนชั้นให้เป็นโลกมิติที่ 5 ( หัวเราะดังลั่น)

    ทีนี้เข้าใจกันหรือยังว่า
    ทำไมมีพวกแสงสว่าง
    มีการสื่อสารต่างๆมากมายเกี่ยวกับโลกมิติที่ 5

    และผมเองที่เป็นคนจุดประกายเรื่องโลกมิติที่ 5
    และผมหยุดไป และคุณชยุตเอาไปขยายต่อ
    หลังจากที่ผมและกลุ่มคุณชยุตมีปัญหาขัดแย้ง
    มีความต้องการไม่จูนกัน (หัวเราะ)
    เพราะเรื่องโลกมนุษยใต้ดิน
    ที่ผมเอามาจากหนังสือที่โรงเรียนโบราณแนะนำมา
    ตอนจบของเรื่องนั้น
    ผมเองเป็นคนเขียน ต้อนรับสู่โลกมิติที่ 5

    นั้นคือความตั้งใจเดิมของผม
    แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก่อน ผมเลยหยุด

    หลังจากที่คุณชยุตและกลุ่มนักแปล
    ไม่ร่วมกับผม ผมก็เลยเลือกทางเดินอื่น
    ส่วนคุณชยุตก็เอาเรื่องโลกมิติที่ 5
    และ หาความรู้ที่อื่นๆมาแปลกันมากมายในเวปพลังจิต ( หัวเราะ)

    ผมเคยอ่านตอนที่พวกคุณชยุตแปลกันใหม่ๆ
    แปลกันเก่งจริงๆ ( หัวเราะ)
    และผมก็ไม่มีเวลามาอ่านมากนัก
    แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อ่านแล้ว มากเกินไป
    ผมเอาเวลานั้นมาโฟกัสกับพวกเรา
    กลุ่ม IMMORTAL THAILAND ที่นั่งกันที่นี้ไงครับ

    ผมมาโฟกัสเรื่องการเข้าหาพระเจ้า
    และเอาพลังอำนาจภายในมาเล่นกับวัตถุทางเวปไซต์
    แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะมีน้อยคนที่ยินดีเข้าร่วมกับผม
    มีแต่พวกเราที่นั่งฟังกันอยู่เท่านั้น (หัวเราะ)

    มีน้อยคนที่เชื่อและ
    ให้ความสำคัญกับงานเขียนของผม
    และมีน้อยคนสามารถเข้าใจความรู้ได้
    มีคนเข้าใจเรื่อง หนังสือ "ความลับของโรงเรียนโบราณ"
    เพียงคนเดียว นั้นคือ ผมเอง (หัวเราะดังลั่น)
    สำหรับคนอื่นๆยังเข้าไม่ถึง (หัวเราะดังลั่นอีกแล้ว)

    โลกมิติที่ 5
    เป็นโลกแห่งความรักอย่างไร้เงื่อนไข
    มีความลับนิดเดียวว่า
    พวกเราทุกๆคนต้องรักทุกๆสิ่ง
    รวมทั้งตัวเราเอง ไม่ว่าดีหรือเลว
    ไม่ว่าความคิดของพวกเราจะเป็นบวกหรือลบ
    รักๆๆๆๆๆๆๆมันให้หมดเลย (หัวเราะดังลั่น)
    แล้วพวกเราสามารถเข้าสู่โลกมิติที่ 5 กันได้

    แต่ยังมีความลับที่พวกกลุ่มคุณชยุตยังไม่รู้นั้นคือ
    ตอนที่ร่างกายของพระพุทธเจ้าอยู่ในโลกมิติที่ 3
    แต่ใจของท่านอยู่ในโลกมิติที่ 7
    ทำให้ท่านมีความสุขแบบสุดๆ
    และร่างกายพระเยซู ก็เช่นกัน อยู่ในโลกมิติ 3
    แต่ใจของท่านอยู่ในโลกมิติที่ 7
    ทำให้พระเยซูสามารถสร้างปาฎิหาริย์ต่างๆ
    ที่พวกเราเคยได้ยินกันมา
    เช่น เดินบนน้ำ รักษาคนตาบอด ปลุกคนตายให้ฟื้น
    เสกสิ่งต่างๆให้ปรากฎ และอื่นๆอีกมากมาย

    พวกเราจำกันได้ไหมที่ผมสอนเรื่องปิระมิดที่มีเจ็ดฐาน

    ระดับ ที่1เรียกกันว่า โลกมิติที่เจ็ด ตระหนักรู้พระเจ้าฉันเอง
    ระดับ ที่2เรียกกันว่า โลกมิติที่หก ตระหนักรู้ว่าทุกสรรพสิ่งเป็นสิ่งเดียว
    ระดับ ที่3เรียกกันว่า โลกมิติที่ห้า ตระหนักรู้ เกี่ยวกับความรักอย่างไร้เงื่อนไข
    ระดับ ที่4เรียกกันว่า โลกมิติที่สี่ ตระหนักรู้ เกี่ยวกับความสุขสงบ
    ระดับ ที่5เรียกกันว่า โลกจิตวิญญาณ
    ระดับ ที่6เรียกกันว่า โลกจิตวิญญาณ
    ระดับ ที่7เรียกกันว่า โลกมิติที่สาม โลกที่พวกเราอาศัยอยู่ตอนนี้

    เห็นไหมครับว่าโลกมิติต่างๆไม่ใช่ข้อจำกัด
    อย่าไปติดที่มิติ
    เพราะถึงแม้ร่างกายของพวกเราอยู่มิติที่ 3 หรือ มิติ 5
    แต่ใจของพวกเราอยู่มิติไหนๆก็ได้

    นักเรียนโบราณไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับโลกมิติที่ 5
    เหมือนที่พวกแสงสว่างทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    กำลังโฟกัสและสนใจให้ความสำคัญกันหนักตอนนี้

    พวกเรานักเรียนโบราณสนใจแต่การเข้าถึงพระเจ้าภายในเท่านั้น
    เพราะโลกมิติที่ 5 ไม่ใช่จุดหมายสูงสุด ยังมีมิติที่ 6และ7 ที่สูงกว่ามิติที่ 5

    พวกเรานักเรียนโบราณสามารถออกจากมิติที่3 หรือ 5
    ไปยังมิติที่ 6 หรือ 7 หรือ มิติอื่นๆ
    โดยไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัด ของมิติที่ 3 หรือ 5 ที่เป็นกันอยู่

    นักเรียนโบราณสามารถไปกินอาหารเช้าที่ดาวอังคาร
    และมากินอาหารเที่ยงที่ดาวศุกร์
    และมาทานอาหารเย็นที่ดวงอาทิตย์
    ดวงอาทิตย์จริงๆแล้วไม่ร้อนที่พวกเราเคยเข้าใจกันนะครับ
    แล้วสามารถกลับมาเดินเล่นที่ ดวงจันทร์ และ
    กลับมานอนหลับปุ๋ยที่โลกมนุษย์
    ไม่ใช่การพาจิตไปนะครับ แต่พาไปทั้งตัวนี้แหละ (หัวเราะ)

    นี้คือคำตอบของผมว่าทำไม
    โรงเรียนโบราณจึงแตกต่างจากกลุ่มแสงสว่าง
    เป็นการเดินทางจิตวิญญาณเหมือนกันแต่เป้าหมายต่างกัน
    เป้าหมายของกลุ่ีมแสงสว่างเพื่อสู่โลกมิติที่ 5
    พลังงานในมิติที่5 คือโลกแห่งความรักแห่งไร้เงื่อนไข ครับ

    เป้าหมายของโรงเรียนโบราณคือมิติที่ 7 และออกจากมิติ
    เป็นอิสระจากทุกๆมิติครับ
    นั้นคือการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า

    นักรียนโบราณบางคนก็หลงรักดาวอื่น จักรวาลอื่น
    สามารถพาตัวร่างกายนี้แหละครับ
    ไปแล้วก็ไม่กลับมายังโลกมนุษย์เลยก็มี
    เห็นไหม ???
    ความเป็นไปได้มีมากมายในจักรวาล
    แต่พวกเราต้องเข้าใจตัวพวกเองกันก่อน
    และตระหนักรู้ให้ได้ว่าพลังอำนาจและความรู้อยู่ภายในตัวเรา
    "พระเจ้า หรือ พุทธะ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์" อยู่ในตัวพวกเราเองครับ

    เมื่อพวกเราตระหนักรู้และเข้าใจ
    พวกเราทุกๆคนสามารถใช้พลังอำนาจ และความรู้ของพระเจ้าภายใน
    ในการไปท่องเที่ยวจักรวาลต่างๆ ตามใจปราถนาที่ต้องการ

    ตื่นกันได้แล้วนะครับทุกๆคน !!!
    จักรวาลกำลังรอพวกเราอยู่ !!!
    แล้วจิตวิญญาณของพวกเราทุกๆคน
    สามารถบินไปอย่างอิสระทุกหนแห่งในจักรวาล
    อย่างไร้เงื่อนไข ไร้ข้อจำกัด
    ตลอดกาลและตลอดไป
    ตราบนานเท่านาน ชั่วนิจนิรันดร อย่างหาที่สุดไม่ได้
    โอมมมมมมมม
    (หัวเราะและปรบมือกันอย่างมีความสุข)

    {หมายเหตุ: ทั้งหมดเป็นความรู้ ความคิดและความเชื่อ และ การดำเนินชีวิต
    ของมนุษย์กลุ่มหนึ่งบนโลกของพวกเรา
    หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย
    }


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 พฤศจิกายน 2012
  20. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ทำไมหลงลืมตนกันนานจังครับ? ไอ้ตัวตนจริงๆ มันหลบอยู่ที่ไหนน้าาาา? จับได้เมื่อไรน่าดูชม 555++++
     

แชร์หน้านี้

Loading...