ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    <TABLE class=tborder id=post957496 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 03-02-2008, 10:58 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1094 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>O.A.T<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_957496", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 02:13 AM
    วันที่สมัคร: Sep 2007
    ข้อความ: 126 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 10,698 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 1,789 ครั้ง ใน 129 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 194 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_957496 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สุดใจเขากะลา [​IMG]
    คุณอภิสิทธิ์ หรือคุณ O.A.T.

    เข้าร่วมงานในรุ่น 51
    ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นไป.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    [​IMG] รับทราบครับผม..
    และยินดี ถือเป็นเกียรติอย่างสูง ที่ได้รับความไว้วางใจจากระบบ(มนุษย์ต่างดาว) ให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานกับระบบ
    เป็นบุคคลที่ 2 ในรุ่นที่ 51 ครับ..[​IMG][​IMG]
    <!-- / message --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    รูปโฉมใหม่ของคุณ O.A.T. ที่จะมารับงานใหม่ร่วมกับคุณชยุต ต่อจากพี่สุดใจ และคุณ no.9 ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 นี้

    ค่ะ ก็เติบโตไปตามงานที่ต้องรับมอบหมาย ยินดีด้วยกับภารกิจใหม่ของคุณอภิสิทธิ์

    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ถูกต้องแล้วครับ
    เอ..แต่ว่ามันงานอะไรนะ จำไม่ได้แล้ว

    เร็วๆนี้แหละ..
     
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    "ความเงียบสงบ..ในความวุ่นวาย"...

    ผมก็เคยเป็น..
    มีครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว เข้าดิสโก้เทคกับเพื่อนๆ
    ปกติผมจะไม่ค่อยชอบเสียงดังมากๆเท่าไหร่
    เข้าไปทีไรต้องไปนั่งห่างๆลำโพงหน่อย หรือถ้าเลือกไม่ได้
    ก็จะเอากระดาษทิชชู่อุดหูไว้เสมอ..

    แต่มีอยู่วันหนึ่ง พอนั่งๆไประยะหนึ่ง รู้สึกว่าเห็นภาพผู้คน
    ที่กำลังเต้นรำ ดิ้น กันสนุกสนาน กินเหล้า ชนแก้วกันอยู่นั้น
    ก็เกิดคำถามประมาณว่า ทำไมเราต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย
    และคำถามว่าทำไม..ทำไม..อีก 2-3 ทำไม และภาพผู้คน
    ก็เหมือนแยกออกจากตัวผม เหมือนผมไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น
    ผมก็เลยหลับตาลง ความเงียบสงบก็บังเกิด แม้ว่าหูจะได้ยินเสียงเพลง
    ดังอึกทึกอยู่เหมือนเดิม..เอ่อ..ไม่รู้เพราะเมาหรือเปล่านะ
     
  4. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    มีเวลาอีกเล็กน้อย เกรงว่าจะไม่ทันทั้งหมดที่จะอธิบาย เพราะมีเวลาแค่เที่ยงวัน ก่อนเตรียมรับภารกิจใหม่วันนี้ 15.00 น. หากไม่ทันในส่วนใดบ้างนั้น ก็จะมาเล่าอีกครั้งในโอกาสต่อไปนะคะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ส่วนที่ยังเหลือก็คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ กับความรู้เท่าทันธรรมชาติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ก็จะขอเริ่มจากวิญญาณขันธ์ก่อนละกัน เพื่อจะได้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ที่รับฟังใหม่ โดยจะขอเรียงลำดับก่อนหลังตามการกระทบแล้วเกิดสภาวะตามจริง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้น ร่างกายที่ได้อธิบายผ่านไปแล้วนั้น ในร่างกายก็จะมีอายตนะภายในรวมอยู่ด้วย ก็คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ซึ่งจะต้องจับคู่กับอายนะภายนอก ก็คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ดังนั้นช่องทางที่เมื่อมีการกระทบแล้วทำให้เกิดภาวะทางจิตอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ก็ต้องผ่านช่องทางทั้ง 6 นี้เช่นกัน ก็คงต้องขอจับกันเป็นคู่ ๆ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อย่างเช่น ตาก็ต้องคู่กับรูป แต่ระหว่างตากับรูปนั้นมันเป็นคนละชิ้น ยังไม่รู้จักกัน ดังนั้นจึงต้องมีจักษุวิญญาณเป็นตัวเชื่อมระหว่าง ตากับรูป แล้วส่งเข้าไปที่ตัวสัญญา ก็คือความจำนั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เช่น ตามองเห็นดอกกุหลาบ ตา กับ ดอกกุหลาบเป็นคนละชิ้นกัน มันไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ แต่มีจักษุวิญญาณ คือการรับรู้ทางตามาเป็นตัวเชื่อมของ 2 ชิ้นเข้าด้วยกัน ถ้าเคยรู้จักดอกกุหลาบอยู่แล้ว เห็นปุ๊บก็รู้จักปั๊บทันทีเลย ไม่ต้องไปนั่งนึกใหม่ เพราะเคยบันทึกไว้แล้ว ดังนั้นถ้าตาบอด การรับรู้ทางตาก็ไม่มีเพราะอายตนะภายในคือตาไม่มีการต่อเชื่อม ดังนั้นการที่จะมีอุปาทานจากการเห็นรูปเอามาปรุงแต่งก็ไม่มี<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หูกับเสียงต่าง ๆ ก็เป็นคนละส่วนกัน แต่มีตัวโสตวิญญาณเป็นตัวเชื่อม แล้วก็เข้าใจได้ว่าเป็นเสียงของอะไร ตามที่ความจำได้เคยบันทึกไว้ ดังนั้น การที่จะเกิดสุขทุกข์ได้นั้น ก็เพราะการรับเข้าไป จำได้ว่าเสียงอะไร แล้วก็ไปปรุงแต่งความคิดเอาเอง เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แต่ถ้าเรารู้กลไกของธรรมชาติแล้ว เราจะเห็นความเป็นเช่นนั้นเองของขันธ์ห้า คือมันทำงานของมันอัตโนมัติ ตามเหตุ ตามปัจจัยที่สะสมไว้อย่างตรงไปตรงมา เหมือนเช่นเอาน้ำไปตั้งไว้กลางแดดจัด ๆ เมื่อน้ำถูกแดดนาน ๆ น้ำก็ย่อมร้อนเป็นเรื่องธรรมดา มันก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย แต่คนที่จะกินน้ำนั้นต่างหากที่จะสุขหรือทุกข์ และตัวของน้ำเองมันก็ไม่ทุกข์ มันไม่ได้สนเลยว่า ใครจะรู้สึกอย่างไร จะพอใจหรือไม่พอใจที่ต้องดื่มน้ำร้อน ๆ แก้วนั้น เพราะน้ำมันไม่ได้ทำตัวมันเอง มีสิ่งอื่นมากระทำ เพราะเมื่อมีน้ำ มีแดด ผลที่ออกมาก็คือ มีความร้อนแทรกอยู่ในน้ำแก้วนั้น

    แต่คนที่จะดื่มน้ำนั้นต่างหาก ที่สุข หรือทุกข์ก็ได้ อยากจะดื่มน้ำให้ชื่นใจเสียหน่อย กลับร้อนเสียแล้ว โมโห หงุดหงิด และเกิดอารมณ์สุขทุกข์ได้ ก็เพราะไม่เห็นความเป็นธรรมดาของสิ่งที่เกิดนั่นเอง
    <O:p</O:p
    แต่ถ้ามีสติ มองเห็นความเป็นจริงของธรรมชาติ ความทุกข์ก็จะกินไม่ได้ ก็แค่ อ๋อ น้ำมันตากแดด มันก็ร้อนอย่างนั้นเอง รอหน่อยเดี๋ยวก็เย็น หรือไม่เป็นไรร้อนหน่อยก็กินได้ อารมณ์ขุ่นมัวก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะเห็นความเป็นจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น

    ฟังเหมือนเป็นเรื่องไม่น่าสำคัญ แต่สำคัญเชียวละ เพราะแค่เรารู้จักธรรมชาติตามที่มันเป็นอยู่จริง จะทำให้เราปล่อยวางได้มากขึ้น ซึ่งระบบมุ่งเน้นอธิบายให้เห็นมุมมองของธรรมชาติแบบง่าย ๆ ที่เรามองข้ามไปนั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2008
  5. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    พี่สุดใจพบเจอมามาก เมื่อก่อนพี่สุดใจเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง หงุดหงิดง่าย อะไรก็ไม่ค่อยจะถูกใจสักอย่าง ขนาดเปิดแอร์เย็น ๆ แต่เย็นไม่ทันใจก็หงุดหงิด ข้างบ้านเปิดเพลงเสียงดังก็หงุดหงิด ไปซื้อของคนขายหยิบให้ช้าก็หงุดหงิด จึงมีแต่เรื่องไม่พอใจ ไม่ถูกใจ ไม่ทันใจ ตลอดเวลา จึงเป็นคนที่ค่อนข้างจะใจร้อน ขี้โมโห และเป็นคนที่มีแต่ทุกข์เสียเป็นส่วนมาก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้นในช่วงฝึกแรก ๆ ก็เลยโดนเสียเยอะ กับการเอากิเลสของพี่สุดใจออกนี่ ถ้าเป็นคนสอนก็คงอ่อนใจเหมือนกัน แต่นี่ระบบไม่สนใช้อุปกรณ์สอนเลย ไปดับทุกข์เอาเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บางครั้งมีวาระให้เดินเท้าเปล่า ก็พยายามเดินกระย่องกระแย่ง กลัวเหยียบหิน กลัวเหยียบหนาม กลัวเท้าพอง
    <O:p</O:p
    ก็เลยเจอความทุกข์เต็ม ๆ เพราะจู่ ๆ ก็เดินลงจากเขาด้วยเท้าเปล่าคนเดียวตอนประมาณ บ่าย 3 โมง แดดกำลังร้อนจัดเชียวละ เท้าเปล่าด้วย ขืนตัวเองหยุด ก็ไม่ยอมหยุด พอลงมาถึงทางข้างล่าง ถนนเป็นหินลูกรัง บางช่วงเป็นทรายก็มีเพราะเขาเอามาถมถนน เราก็พยายามเดินข้างทางเพราะเป็นต้นหญ้า จะได้บรรเทาความร้อน ขาก็พาออกมาเดินกลางถนน เท้าเปล่ากับหินร้อน ๆ ก็ร้อนมาก ร้อนจนเท้าแทบพอง ความทุกข์จากความร้อนไม่เท่าไร แต่ความทุกข์จากความไม่พอใจ โมโห มีมากกว่าหลายเท่าในช่วงนั้น บังคับตัวเองก็ไม่ได้ ทำไมต้องทำกับเราอย่างนี้ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ระยะทาง 1 กิโล และเดินกลับอีก 1 กิโลโดยไม่ได้หยุดพักเลย กับเท้าเปล่ากลางแดดนั้น ไม่ใช่ง่ายเลยกับการทำจิตให้มีความสงบเย็นได้ และก็เหมือนเคย โดนไปหลายวัน จนเริ่มเห็นความเป็นจริงของธรรมชาติมากขึ้น วันต่อมาก็เริ่มสบายมากขึ้น พอเดินลงมาสัก 11 โมงเช้าก็คิดว่า เออดีแล้วแดดยังไม่ร้อนจัด พอเดินเย็นหน่อยก็เออดีแล้วแดดเบาหน่อย พอเดินเวลาเดิมก็คิดว่า เออ ก็แดดมันแรง มันก็ต้องร้อนเป็นธรรมดา ไม่ใส่รองเท้ามันก็ต้องร้อนเท้าเป็นเรื่องธรรมดา และเราเดินกลางแดดนี่นา มันก็ต้องร้อนอย่างนี้แหละ
    <O:p</O:p
    น่าแปลกที่เมื่อคิดอย่างนี้ เห็นความจริงอย่างนี้ ความทุรนทุรายที่อยากจะให้หายร้อน อยากจะให้ถึงไว ๆ อยากจะให้เลิกเดินกลับหายไป กลายเป็นมองเห็นความเป็นเช่นนั้นเองมากขึ้น ความสงบเกิดขึ้นในขณะที่เดินกลางแดดนั้น นี่ต่างหากที่สำคัญ
    <O:p</O:p
    ดังนั้น เมื่อจิตไปจดจ่ออยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มีสมาธิอยู่กับการคิดพิจารณาเห็นความเป็นจริงของธรรมชาติ การสนใจเรื่องอื่น ๆ ก็เลยเป็นรองไป จึงลืมสนใจความร้อนที่เท้าเปล่าเหยียบย่างนั้น ลืมความไกลของระยะทาง และลืมไปว่าเคยทุกข์กับสภาวะนี้มาก่อน ในวันนั้นจึงกลับถึงจุดหมายไวแทบไม่รู้ตัว พร้อมทั้งได้ปัญญา วิริยะ ขันติ และการปล่อยวางไปพร้อม ๆ กันเลย
    <O:p</O:p
    ในหลายวันถัดมา เดินร้อน ๆ เช่นเดิม แต่คราวนี้เดินไปร้องเพลงไปแบบสบายอารมณ์ ความทุกข์ที่หลอกกินมาหลายวัน ก็หลอกไม่ได้อีก เพราะความคิดมันเปลี่ยนไป มองเห็นความเป็นจริงของธรรมชาติมากขึ้น ว่ามันเป็นอย่างนั้นของมันอยู่แล้ว
    <O:p</O:p
    ดังนั้น หลายคนที่รู้จัก จะเห็นว่าพี่สุดใจทำไมอดทนเก่งจัง ไม่ค่อยบ่น ไม่ค่อยพัก ไม่ว่าจะร้อน จะหนาว ทุกสถานการณ์ไม่ค่อยเห็นอารมณ์เสีย ความจริงไม่รู้หรอกว่าเบื้องหลังนั้น หนักหนาสาหัสแค่ไหน
    <O:p</O:p
    ดังนั้น พี่สุดใจอาจจะเล่าเหมือนสอนเด็กเริ่มเรียน แต่อย่างที่บอก ระบบที่มาสอนนั้น สอนในคนที่มีพื้นฐานของธรรมะแตกต่างกัน จึงต้องสอนให้เข้าใจง่าย ๆ และยกตัวอย่างให้มองเห็นภาพเลยทีเดียว ถือเสียว่าค่อย ๆ ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อคนอื่นที่เพิ่งมาอ่าน และพื้นฐานน้อย ก็จะได้ค่อย ๆ คิดพิจารณาตามไป ก็จะได้พอทำความเข้าใจได้ด้วย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อยากให้ลองมองเห็นความเป็นเช่นนั้นเองของธรรมชาติให้ทะลุ เช่น ถ้าอากาศร้อน ก็ต้องหงุดหงิดเป็นธรรมดา ถ้าไม่ได้กินข้าวก็ต้องหิวเป็นธรรมดา ถ้าใครว่าก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา ถ้าเพลงเพราะเราก็ชอบเป็นธรรมดา หรือนั่งรถแล้วรถติดอารมณ์เบื่อหน่ายก็ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ แต่ไม่จำเป็นต้องไปทุกข์ หรือไปสุขกับมัน เพราะอารมณ์ที่จะขึ้นลงไปกับสถานการณ์รอบด้านนั้นมันเกิดขึ้นตามธรรมดาตามกลไกของขันธ์ห้าอยู่แล้ว เมื่อเข้าใจถูกต้อง ความเคลื่อนไหว การกระเพื่อมของจิตจะเริ่มน้อยลง ความสงบจะมีมากขึ้น ความทุกข์จะเกิดได้ยากขึ้น เพราะเห็นความเป็นอย่างนั้นเองของธรรมชาติได้มากขึ้นนั่นเอง<O:p</O:p

    ที่กล่าวมาอย่างยาวนานนั้น ก็เพื่อให้มองเห็นในมุมมองกว้าง ๆ ของธรรมชาติ จะได้ไม่ไปทุกข์ไปกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา จะไปเที่ยวสักหน่อยฝนดันมาตกเสียได้ หงุดหงิดไม่พอใจ ก็เป็นทุกข์ที่สร้างขึ้นมาเอง ธรรมชาติเขาก็เป็นของเขาอย่างนั้น ไม่มีใครห้ามได้ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ทุกข์ได้เหมือนกัน <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดังนั้นสิ่งที่จะมุ่งเน้นให้มองเห็นก็คือ ความเป็นธรรมชาติของขันธ์ห้า
    <O:p</O:p
    สมมุติว่า เราไม่พอใจคนที่ทำงานคนหนึ่ง และเห็นเขากำลังยืนซุบซิบอยู่กับคนอื่น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อตามองเห็นรูป จักษุวิญญาณรับภาพนั้นเข้าไป ส่งไปที่สัญญาคือความจำ ที่เคยบันทึกไว้ว่า คน ๆ นี้เราไม่พอใจ สังขาร หรือความคิดก็จะปรุงแต่งตามพื้นฐานของการบันทึกไว้ต่อทันทีว่า เขาพูดอะไร นินทาเราหรือไง เพราะฐานในการจดจำที่บันทึกไว้ในลักษณะของความไม่ชอบ ไม่ถูกกัน ความคิดที่ปรุงแต่งให้ก็จะปรุงมาในโซนของความทุกข์เสียเป็นส่วนใหญ่ ร้อนรน หวาดระแวงว่าเขาจะนินทาเรา ซึ่งการปรุงแต่งความคิดด้านลบขึ้นมานั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา ตามเหตุตามปัจจัยนั่นเอง <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทีนี้ความคิดก็ส่งต่อไปที่เวทนา คืออารมณ์ ปกติก็กำลังทำงานเพลิน ๆ พอหันไปเห็น และความคิดปรุงแต่งในด้านไม่พอใจส่งเข้ามา อารมณ์ที่เคยสบาย ๆ กลายเป็นหงุดหงิด โมโห รุ่มร้อนขึ้นมาทันที ร้อนอกร้อนใจ อยากรู้ว่าเขาว่าเราหรือเปล่า ซึ่งความจริงคน ๆ นั้นอาจจะไม่ได้สนใจเรา ไม่ได้พูดถึงเราเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะฐานการบันทึกของเรามีไว้ในแง่ของความหวาดระแวง ความไม่พอใจ ไม่ชอบ ไม่ถูกใจ การปรุงแต่งมันก็ขึ้นมาตามเหตุปัจจัยที่บันทึกไว้นั่นเอง ซึ่งนี่แหละคือความทุกข์ที่สร้างขึ้นมาเองจากความคิดที่เข้ามาล่อหลอก <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ซึ่งความจริงแล้ว มันเป็นกลไกธรรมดาของขันธ์ห้า ที่คอยแต่จะปรุงแต่งไปตามเหตุปัจจัยที่ได้เคยถูกบันทึกไว้แล้วเท่านั้น ตัวความคิดเองมันไม่รู้หรอกว่า ที่คิดอย่างนี้จะทำให้ใครทุกข์หรือไม่ทุกข์ เพราะไอ้ตัวความคิดมันไม่ได้ทุกข์ไปด้วย มันมีหน้าที่แค่คิด มันจึงสักแต่ว่าคิดของมัน แต่คนที่จับความคิดนี่สิ กลับไปอุปาทานว่าเป็นตัวเราคิด แล้วไปรับเอาความคิดนั้นมาทุกข์เอง <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มันก็เป็นธรรมชาติ เหมือนกับลมที่พัดมาน่ะแหละ บางคนชอบว่าเย็นสบาย มีความสุข อีกคนก็ไม่ชอบเพราะกลัวผมปลิวเสียทรงแล้วจะไม่สวยก็มีความทุกข์ แล้วแต่ใครจะสร้างเหตุปัจจัยในมุมไหนเอาไว้ แต่บังเอิญว่ามันมารวมกลุ่มกันอยู่ในสิ่งที่คิดว่าเป็นตัวเรา ก็เลยมองไม่ออกว่ามันเป็นธรรมชาติยังไง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ซึ่งโดยความจริงแล้ว ความคิดมันก็เป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น แล้วแต่บันทึกเหตุปัจจัยอะไรเข้าไว้ มันก็ออกมาเป็นอย่างนั้นตรงไปตรงมา จนกว่าจะมีการบันทึกเหตุปัจจัยใหม่เข้าไป มันจึงจะปรุงใหม่ตามเหตุปัจจัยที่ทำการบันทึกใหม่แล้วนั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เหมือนคนที่เลี้ยงแมว รักแมว พอเข้าบ้านเห็นหน้าแมวปุ๊บ ก็รักปั๊บเลย เป็นอัตโนมัติ เพราะมันจำไว้ว่าแมวตัวนี้รัก ไม่ต้องมานั่งคิดปรุงแต่งว่ารักแมวอีกในทุก ๆ ครั้งที่เจอ จากนั้นก็ส่งความคิดนั้นไปที่เวทนา ก็เกิดอารมณ์สุข เพราะเจอสิ่งที่พอใจนั่นเอง<O:p</O:p
    </O:p
    ทีนี้ลองใหม่ ถ้าเราลองเปลี่ยนเหตุปัจจัยเข้าไป เพื่อให้สัญญาคือความจำมันบันทึกในมุมมองใหม่ คือเห็นว่า อ๋อ คนนี้ที่เขาคิดร้ายเรา เขาไม่พอใจเรา ก็เพราะความไม่รู้ เขาไม่ได้ศึกษาธรรมะ ที่เขามีความอิจฉาริษยาคนอื่น ๆ ไปเรื่อยนั้น ตัวเขาก็มีแต่ความทุกข์ความร้อนรนอยู่แล้ว เราจะไปโกรธเขาทำไม น่าจะสงสารเขามากกว่า
    <O:p</O:p
    นี่เป็นการเปลี่ยนความคิด ที่พุทธศาสนาก็สอนไว้ คือเมื่อคิดพยาบาท อย่าเลย คิดเมตตาดีกว่า หรือคิดริษยา อย่าเลยมีมุทิตาจิตดีกว่า ก็คือพลอยยินดีเมื่อเขาได้ดี นั่นคือการสอนให้เปลี่ยนความคิดนั่นเอง ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อที่จะไม่ให้ผู้คิดมีความทุกข์นั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ลืมไปเลยว่ากำลังพูดเรื่องวิญญาณขันธ์อยู่ แต่ก็เพราะมันเกี่ยวเนื่อง ส่งต่อกันไปหลายส่วนจึงต้องโยงกันไปมาเพื่อให้เข้าใจกลไกทั้งหมดนั่นเอง

    สรุปว่า จริง ๆ แล้ว ตัววิญญาณขันธ์มันก็มีงานของมันแค่พนักงานไปรษณีย์ ก็คือมีหน้าที่รับแล้วนำไปส่งแค่นั้น คือมองไปเห็นดอกไม้ รับมา แล้วส่งต่อไปให้ความจำ หรือสัญญา สังขาร วิญญาณ ปรุงแต่งต่อไปจะเป็นในแง่ว่าจะชอบดอกไม้ดอกนี้ หรือไม่ชอบดอกไม้ดอกนี้นั้น จะถูกใจหรือไม่ถูกใจ จะสุขหรือทุกข์ ก็เป็นเรื่องของส่วนอื่น ๆ แล้วไม่เกี่ยวกับวิญญาณขันธ์
    <O:p</O:p
    ดังนั้น ถ้าหลับตา ไม่เห็นอะไร จักษุวิญญาณขันธ์ก็หยุดงานตรงจุดนั้น แต่ถ้าตาไม่เห็น แต่ได้ยินเสียงแทน โสตวิญญาณก็ทำงานรับไปส่งให้ตัวสัญญาหรือความจำแทน หรือกายสัมผัสความเย็นก็รับไปส่งให้สัญญาแทน ก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ดังนั้นจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่แม้ตาเห็นรูปแล้ว ความทุกข์จะยังเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะตัววิญญาณไม่ได้เป็นตัวการทำให้เกิดทุกข์

    ดังนั้น เห็นจึงสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นสักแต่ว่าได้กลิ่น สัมผัสสักแต่ว่าสัมผัสเท่านั้นก็ได้ ถ้าไม่มีขันธ์อื่นมาร่วมปรุงแต่งด้วย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    (ตัวที่รับต่อก็คือสัญญา ก็จะอธิบายต่อไปค่ะ) <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2008
  6. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    กราบขอบคุณพี่สุดใจมากครับ ที่ช่วยสละเวลาเล่ารายละเอียดการฝึกเพิ่มเติม ทำให้รู้ว่ากลุ่มของพี่เป็นกลุ่มที่มีความเสียสละต่อเพื่อนมนุษยชาติกันจริงๆ ทุ่มเททั้งร่างกายจิตใจและไม่เสียดายเรื่องหน้าที่การงาน คนที่ผ่านขั้นตอนการฝึกมาได้ต้องนับว่าเป็นยอดมนุษย์ที่แท้จริง ขออนุโมทนาทุกๆท่านในกลุ่มเขากะลาด้วยครับ

    ในส่วนของตัวผมเอง แม้ว่าจะรู้ตัวว่ายังปฏิบัีติได้ไม่ถึงไหน แต่ก็จะพยายามทำต่อไป และหวังว่าถ้าหากรอดจากภัยพิบัติก็คงได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ไม่มากก็น้อยครับ
     
  7. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    คู่แรกก็ผ่านไปแล้ว ก็คือ รูปขันธ์ที่เข้าคู่กับวิญญาณขันธ์ คู่นี้แม้ทำงานไปแล้ว ก็ยังไม่สามารถทำให้เราเกิดทุกข์ได้ เป็นแค่ช่องทางผ่านเท่านั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ก็ต่อมาคู่ที่ 2 ก็คือ สัญญา(ความจำ) จับคู่กับสังขาร(ความคิดที่ถูกปรุงแต่ง) คู่นี้ถือว่ามีผลเหมือนกันถ้ารู้ไม่เท่าทันกลไกของธรรมชาติ

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อมีการรับภาพแล้วส่งต่อมาที่สัญญา ความจำที่ถูกบันทึกไว้ก็จะทำงานอัตโนมัติทันที จำได้ทุกเรื่องที่ถูกบันทึกไว้ เดินไปทำงานถูก เดินไปขึ้นรถยนต์ถูกคัน เข้าบ้านถูกบ้าน เห็นลูกเดินมาก็จำได้ ทุกอย่างถูกบันทึกไว้แล้วครั้งแรก ครั้งที่ 2 ก็ขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ จนกว่าสัญญานั้นจะมีการบันทึกเปลี่ยนแปลง และทำซ้ำ ๆ จนเข้าใจว่า เป็นการบันทึกใหม่
    <O:p</O:p
    อย่างเช่นเป็นคนชอบกินทุเรียนมาก พอเห็นทีไรก็ชอบทุกที ซื้อทุกที มีความสุขทุกครั้งที่กิน มีอยู่วันหนึ่งเกิดบังเอิญกินทุเรียนแล้วไปเที่ยวกับแฟน เขาบอกว่าเหม็นจังทุเรียน แล้วพาลเลิกคบไปเลย ก็มีความฝังใจว่าไม่ชอบแล้วทุเรียน
    <O:p</O:p
    เมื่อไปเจอทุเรียน ครั้งแรกความจำที่เคยชอบก็จะพุ่งขึ้นมาก่อนว่าชอบ แต่พอความจำอีกอันซ้อนเข้ามาและมีน้ำหนักกว่า ก็จะมีผลทำให้เปลี่ยนใจ ไม่อยากกินแล้ว และถ้าทำซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง สัญญาก็จะบันทึกใหม่ ถ้าเห็นอีกความอยากกินทุเรียนก็จะไม่ขึ้นอีกแล้วนี่คือการเปลี่ยนสัญญาใหม่ และขันธ์ก็บันทึกใหม่ จึงไม่แสดงผลการอยากกินออกมาอีก<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ดังนั้น จะเห็นว่ามันมีกลไกการทำงานของมันเองแบบอัตโนมัติ คนเราที่จะทุกข์ก็เพราะชอบคิดว่า เราไม่อยากคิดอกุศล เราไม่อยากคิดร้าย เราไม่อยากคิดโกรธคนนี้เลย แต่เจอทีไรความโกรธก็ออกหน้าไปก่อนทุกที ต้องพยายามบังคับใจ ใช้สมาธิข่มให้หายโกรธ ให้หายคิดร้ายเขา ซึ่งก็เป็นความทุกข์อีกรูปแบบหนึ่งของคนที่อยากจะคิดดี พูดดี ทำดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จึงต้องมาเรียนรู้กลไกการทำงานของขันธ์ห้าให้แจ่มแจ้งก่อน จะได้ไม่หลงทุกข์ไปกับมัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ในช่วงที่ฝึก พี่สุดใจเป็นคนที่ถูกฝึกเดี่ยวมากที่สุด เพราะเป็นคนใจร้อน อารมณ์ร้าย และถ้าโกรธใครนี่ไม่ต้องมาให้เห็นเลย โกรธกันเป็นปี ๆ ทุกสิ่งที่ใครไม่มี พี่สุดใจมีมาหมดแล้ว เจอมาหมดแล้ว และทุกข์สุด ๆ มาเรียบร้อยแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ดังนั้นการเรียนเรื่องนี้ก็สุดยอดอีกเหมือนกัน แต่ก็ใช้อุปกรณ์ช่วยสร้างสถานการณ์เสมือนจริง

    <O:p</O:p
    อุปกรณ์ประกอบการฝึกก็ไม่ต้องไปหาไกล เอาแถวใกล้ ๆ น่ะแหละ ปกติมีหลานอยู่ที่บ้านสันคู เราก็รักหลานตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน แต่จู่ ๆ พอเริ่มเรียนเรื่องนี้ ก็ถูกใส่ภาวะไม่ชอบ ไม่ถูกใจ เข้ามาในความคิดของเรา ความจำที่เคยรักถูกเปลี่ยนใหม่ให้ไม่ชอบ ดังนั้น พอเห็นหน้าหลานปุ๊บ เกลียดปั๊บเลย ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากคุย คอยแต่จะดุท่าเดียว ตอนแรก ๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ก็พยายามข่มใจไม่ให้ไปดุว่า ไม่ให้ไปเกลียด ก็ต้องยื้อกับความคิด ความจำที่มีแต่รุมเร้าให้เกลียดอย่างเดียว<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แต่พอมีการอธิบายจากระบบ ว่าความจำที่เคยบันทึกไว้อย่างไร การกระทบกันครั้งแรก ความรู้สึกอย่างนั้นก็ต้องโชว์ออกมาเป็นธรรมดา เมื่อความจำมันบันทึกไว้ว่าไม่ชอบหลานคนนี้ เมื่อเจอทุกที ก็จะโชว์อาการไม่ชอบออกมาเลย <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แต่เมื่อมันโชว์ออกมาว่าไม่ชอบ เกลียด หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ดูมันให้เห็น ไม่ต้องไปดับมัน เพราะยิ่งดับยิ่งเหนื่อย มันไม่หยุดคิดได้ดังใจเราหรอก เหมือนเรากังวลเรื่องอะไรสักอย่าง อยากจะหยุดคิด แต่มันไม่หยุดคิดอย่างที่เราต้องการ เพราะเราบังคับบัญชาความคิดไม่ได้นั่นเอง
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ( ปล. ระบบเอาความจำที่ไม่ชอบออกไปแล้ว หลังผ่านการฝึกบทนี้ ) <O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2008
  8. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    พี่สุดใจ ในระยะแรก ๆ ก็เหมือนคนอื่น ๆ น่ะแหละ ไม่อยากเกลียด ไม่อยากโกรธ ไม่อยากริษยาใคร แต่พอเห็นหน้าปุ๊บโกรธปั๊บ เกลียดปั๊บ หรืออิจฉาทันทีเลย ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้มาทำอะไรเราเลย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ตอนนั้นก็ทุกข์มาก และพยายามที่จะสะกดอารมณ์โกรธเหล่านั้นทุกวิถีทาง แม้กระทั่งถ้าคิดโกรธใคร จะรีบเดินไปไหว้เขาเลย เพื่อยืนยันเจตนาว่าเราไม่ได้คิดร้ายกับเขา มันคิดของมันเอง ไม่เกี่ยวกับเรา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แต่พอเริ่มเรียนรู้กลไกของขันธ์ห้ามากเข้า ก็เลยสบายมากขึ้น เห็นหน้าปุ๊บก็โกรธปั๊บตามสไตล์ความจำเดิมแบบออโต้เลย แต่เรามองเห็นความคิดและความโกรธนั้นเสียแล้ว ก็เลยยืนดูเฉย ๆ มันก็โกรธก็คิดอาฆาตอยู่ในหัวไปเรื่อย ก็เรื่องของมัน มันเป็นกลไกของมันเอง ไม่มีใครเป็นคนทำ ไม่มีใครเจตนา มันเป็นเหตุปัจจัยที่ถูกบันทึกเข้าไปแค่นั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สิ่งที่น่าแปลกก็คือ พอยิ่งเข้าใจ กลับไม่ต้องทำอะไรเลย มีสติรู้ตัวดูให้เห็นความคิด หรือความทุกข์นั้นให้ได้ ไม่ต้องไปข่ม ไม่ต้องไปดับ ไม่ต้องไปบังคับให้หาย แค่ดูมันเฉย ๆ หรือสอนมันบ้างก็ได้ เป็นการตอกย้ำว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน ถ้ามันอยากทุกข์ มันอยากร้อนรน ก็เรื่องของมัน มันทำตัวมันเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ธาตุรู้ หรือจิตที่มีสติปัญญารู้เท่าทันธรรมชาติจึงต้องถอยออกมาเป็นแค่ผู้ดูเท่านั้น จึงจะมองเห็นขันธ์ห้า ที่เล่นบทบาทไปตามสไตล์เดิม ๆ ของมัน ยิ่งมองเห็นความคิด มองเห็นความรู้สึกของขันธ์ห้าในขณะนั้น ก็จะยิ่งขำที่เห็นมันฟาดหัวฟาดหาง จะหาทางดึงเราเข้าไปทุกข์<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ดังนั้น สิ่งที่พี่สุดใจพบเจอ ผ่านมาแล้วนั้น ต้องใช้เวลาอย่างมากในการที่จะค่อย ๆ มอง ค่อย ๆ ทำความเข้าใจ ซึ่งมิใช่ทำวันเดียวแล้วจะได้เรียกว่าต้องใช้ความเพียรอย่างยิ่งยวดทีเดียว ถ้าใครจะลองทำดูบ้างก็ได้ ทันบ้าง ไม่ทันบ้างอย่าไปท้อ แต่ถ้าทำได้ เห็นความคิดได้ จัดการกับมันได้ จะเห็นความเบาสบายแน่นอน <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ดังนั้นใครที่ชอบมีความคิดอกุศลเข้ามาหลอกล่อ ความโกรธ ความวิตกกังวล หรือเรื่องอื่น ๆที่เป็นข่ายทุกข์นั้นเข้ามาอยู่เรื่อย อย่าได้ตกใจ ให้รีบเรียนเลย และต้องรู้ว่า พอกระทบสิ่งนั้นครั้งแรก มันก็จะคิดร้ายแบบเดิมก่อนน่ะแหละถูกแล้ว เพราะมันจำไว้อย่างนั้น แต่พอเราต้องมีสติรู้เท่าทันว่า นั่นแน่คิดร้ายเขาอีกแล้ว ก็ดูมันไป เพราะมันอยากจะคิดก็ให้มันคิดไป อย่าไปโกรธตัวเองว่าทำไมเรายังคิดร้ายเขาอยู่ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ก็ในเมื่อสิ่งนี้เราบังคับบัญชามันไม่ได้ อยากให้มันหยุดคิดแล้วมันไม่หยุดคิด จะไปรับผิดชอบว่าเป็นตัวเราผู้คิดได้อย่างไร ถ้าเป็นตัวเราจริง ความคิดเราจริง เราก็ต้องหยุดคิดได้สิ แต่ในเมื่อมันไม่ได้เป็นตัวใครของใคร มันก็ทำงานไปตามกลไกของมัน กลไกของธรรมชาติ แล้วเราจะไปรับเอามาทุกข์นั้นสมควรหรือ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ดังนั้น เมื่อเราเห็นความคิดนั้นแล้ว เห็นความโกรธนั้นแล้ว เราจะไม่กลัวมัน มันอยากคิดร้ายก็สักแต่ว่าคิดไป ส่วนเรื่องที่จะเดินไปทะเลาะกับเขาตามความคิดที่กำลังล่อหลอกอยู่นั้น เราก็เลือกได้ เพราะมีสติสัมปชัญญะตัดสินใจเองได้ ว่าควรหรือไม่ที่จะไปทะเลาะกับเขา หรือจะกลับเข้าบ้านนอนดี นี่เป็นสิ่งที่เราเลือกได้ถ้าเรารู้เท่าทันความคิดนั้น <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พี่สุดใจเหนื่อยกับความคิด สู้กับความคิด ทุกข์กับความคิดมาหลายรูปแบบแล้ว เมื่อมารู้กลไกของขันธ์ห้าตามความเป็นจริงเช่นนี้ ก็เลยปล่อยวางความคิดนั้นลง ดูมันเฉย ๆ และฝึกสติมากขึ้นเพื่อกระโดดจับมันให้ทันตอนมันขึ้นมา แล้วค่อยว่ากันว่ามันคิดอะไรบ้าง แล้วก็ตัดสินใจไปตามสมควร ปัจจุบัน ก็เลยค่อนข้างจะสงบ และเบาสบาย ในท่ามกลางความวุ่นวายของสังคมรอบข้าง เพราะไม่ไปบังคับบัญชาความคิด ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ ไม่ไปห้ามมัน อยากคิดอะไรก็เชิญ เมื่อเราไม่สนใจมันก็กลายเป็นความฟุ้งซ่าน อยู่ไม่นานมันก็ดับไป ก็เป็นเรื่องปกติที่มันต้อง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ใครที่มีความทุกข์คล้ายกันนี้ จะนำอุบายนี้ไปใช้บ้างก็ได้นะคะ อาจได้พบกับความว่าง ด้วยการปล่อยวางขันธ์ห้าก็เป็นได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ก็ผ่านไปอีก 1 คู่ สำหรับ สัญญาความจำกับสังขารความคิดที่คอยแต่จะปรุงแต่งยุยงส่งเสริมให้เกิดทุกข์ แต่ถ้าพิจารณาและรู้เท่าทัน ตัดตรงความคิดนั้นเลย ก็จะไม่ทำให้เราทุกข์ได้
    <O:p</O:p

    ซึ่งโดยความจริงแล้ว ความทุกข์ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ นักเพราะมันมีหลายขั้นตอนที่สามารถสกัดมันได้แต่ละจุด แต่เพราะคนในปัจจุบันนี้ พอคิดด้านทุกข์ขึ้นมาแล้ว ก็ทุกข์เลย จึงดูเหมือนว่าความทุกข์เกิดได้ง่ายเหลือเกิน

    ดังนั้น จึงเหลือคู่สุดท้าย คือเวทนาความรู้สึกสุขทุกข์ กับธาตุรู้หรือจิตที่มิสติปัญญาที่ต่อเชื่อมเข้าด้วยกันนั้น จะเกิดความทุกข์ได้จริงหรือ?<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    วันนี้คงต้องยุติเพียงเท่านี้ก่อน ไว้มีโอกาสได้เข้ามาอีกครั้ง จะมาเล่าขันธ์ห้าต่อในส่วนที่เหลือค่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ ที่ติดตามอย่างต่อเนื่องตลอดมา ขอบคุณค่ะ<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2008
  9. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    <TABLE class=tborder id=post960179 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] 05-02-2008, 09:08 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1104 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>สุดใจเขากะลา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_960179", true); </SCRIPT>



    สมาชิก ยอดนิยม



    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 10:34 AM


    วันที่สมัคร: Aug 2007​


    อายุ: 49 ปี​


    ข้อความ: 376 <!-- Start Post Thank You Hack -->​


    ได้ให้อนุโมทนา 5,737 ครั้ง ​


    ได้รับอนุโมทนา 8,132 ครั้ง ใน 386 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->​


    พลังการให้คะแนน: 851 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]









    </TD><TD class=alt1 id=td_post_960179 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ สมาชิก และท่านที่สนใจข้อมูลทุก ๆ ท่าน



    พี่สุดใจ คุณno.9 และสมาชิกในแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต ได้รับข้อมูลจากระบบ ว่าจะมีการรับมอบภารกิจในการเผยแพร่ข่าวสารในรูปแบบใหม่ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 15.00 นาฬิกา



    ดังนั้น ในวันที่ 4 - 6 ช่วงนี้เลยพอมีเวลาว่าง จึงขอมาร่วมสนทนาด้วย ก่อนที่จะเริ่มงานใหม่ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 นี้






    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    ระบบให้รับภารกิจในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 15.00 นาฬิกา

    ก็เพราะเป็นวันครบรอบ 10 ปี ของการ "เปิดกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว" บนเขากะลา

    ดังนั้นในวันนี้ เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2541 เวลา 15.00 นาฬิกา นั้น ได้มีการเปิด "กองบัญชาการของมนุษย์ต่างดาว" ขึ้น ณ เขากะลาแห่งนี้ อย่างเป็นทางการ

    มนุษย์ต่างดาว แจ้งให้ทราบว่า "กองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว" ที่ใช้เป็นฐานในการติดต่อกับมนุษย์โลกนั้น ได้ตั้งอยู่ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการและเปิดเผย ครบ 10 ปีในวันนี้นั่นเอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2008
  10. apirakk

    apirakk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +60
    ได้อ่านเรื่องขันธ์ห้า ของพี่สุดใจแล้ว ..รู้สึกเข้าใจชีวิตขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว ....รออ่านเรื่องขันธ์ห้าคู่สุดท้าย .อยู่นะครับ
     
  11. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    ขออวยพรให้ภารกิจใหม่ที่พี่สุดใจและคุณ no.9 จะได้รับ จงประสบผลสำเร็จตามความตั้งใจ อย่าได้มีอุปสรรคใดๆมาแผ้วพาลเทอญ
     
  12. rescuelp

    rescuelp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +420
    ภาระกิจ ใหม่ 15.00 น. คืออะไร มาบอกเล่าให้ฟังด้วยนะพี่
     
  13. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    สวัสดีครับพี่สุดใจ
    แวะมาฉลองครบรอบ 10ปี
    และฉลองครบรอบ 1ปีด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2008
  14. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ขอแสดงความยินดีในวาระครบรอบ 10ปี....ครับ
     
  15. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    เท่าที่รู้กลุ่มเขากะลาจะติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวเป็นระบบ One way communication แล้วไม่ทราบว่าเป็นการติดต่อกับระบบยังไง ใช้เรื่องที่รู้เข้ามาในสมองแล้วปฏิบัติตามเลยอย่างเดียวรึเปล่าครับ เหมือนกับจะใช้คําว่าติดต่อกับเบื้องบนหรือสิ่งต่างมิติอะไรหรือเปล่า เพราะบางทีก็รู้สึกเหมือนรับรู้สึกสัมผัสพิเศษได้จากสิ่งที่มีอํานาจ เช่นเวลาที่ผมเข้าโบสถ์เป็นต้น(โบสถ์ของโปรแตสแตนท์น่ะครับ) สิ่งที่เข้ามาจะอธิบายยังไง คล้ายๆกับระบบต่างๆที่พูดกันอยู่นี่รึเปล่า ยกตัวอย่างเช่น การอธิบายเรื่องต่างๆในการตัดสินใจว่าควรหรือไม่ ทางไหนคือสิ่งที่ดีกว่า เหมือนกับการพูดคุยเข้ามาในจิตแล้วสามารถบอกสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่เกี่ยวพันกับชีวิตเรารึเปล่า เพราะบางทีก็ไม่แน่ใจเหมือนบ้าๆหลอนๆไปคนเดียว ....เอ่อ ถามทุกท่านที่เคยปฏิบัติธรรมที่เขากะลามานะครับ
     
  16. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551

    ครบรอบ 10 ปีของการ "เปิดกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว" ที่เขากะลา

    มีข้อมูลเร่งด่วนจากระบบเข้ามาในวันนี้ แจ้งว่า ระบบรับผู้เข้าทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาวเพิ่มเติมในวันนี้อีก 2 ท่าน โดยเข้าร่วมทำงานในรุ่นที่ 51 คือ

    คุณปาฏิหารย์ รุ่นที่ 51 ลำดับที่ 3

    คุณ ufo no.356 รุ่นที่ 51 ลำดับที่ 4

    ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นไป


    [​IMG]


    คุณปาฏิหารย์ ขวาสุด

    คุณ ufo no.356 คนที่ 2 จากขวา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2008
  17. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    พี่สุดใจยินดีด้วยกับคุณปาฏิหารย์ และคุณ ufo no.356 ด้วยค่ะ ที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน

    คุณปาฏิหารย์ ซึ่งในช่วงนี้ได้เริ่มรับข้อมูลที่ระบบถ่ายทอดมาให้โดยตรงแล้ว ดังนั้นงานที่ต้องดำเนินการใด ๆ ตามที่ระบบส่งข้อมูลมานั้น ก็กระทำได้เลย และพยายามที่จะแยกข้อมูลจากความคิดไปเรื่อย ๆ นะคะ เพราะงานของคุณ เป็นการทำงานตามระบบที่ส่งข้อมูลมาโดยตรงค่ะ

    คุณ ufo no.356 ตอนนี้อยู่ที่อิตาลี และยานอวกาศมาปรากฏให้เห็นอยู่เสมอนั้น งานของคุณก็เกี่ยวเนื่องกับต่างประเทศ ดำเนินการได้เลยตามข้อมูลของระบบที่ได้ส่งไปยังคุณโดยตรงค่ะ

    และเป็นวันครบรอบ 1 ปีที่ทั้งสองท่านได้ขึ้นไปเขากะลา เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550 ด้วย

    พี่สุดใจขอแสดงความยินดี และขออนุโมทนาด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2008
  18. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    สวัสดีครับพี่สุดใจ
    ยินดีครับ (สำหรับภาษาทางโลก เพราะเป็นเรื่องธรรมดาปกติของขันธ์5 เอง)

    ส่วนข้อมูลระบบที่มาจากความคิดนั้นเป็นข้อมูลใหม่ใหม่...คงต้องแยกข้อมูลจากความคิดที่ปรุงแต่งออกมา ให้ชัดเจนขึ้นครับ

    ขอบคุณสำหรับคำสนทนา และคำชี้แนะนำต่างต่างทั้งก่อนหน้าและจนกระทั่งวันนี้

    ...

    เป็นภาพยนต์+สารคดี+แฟนตาฃี จริงจริง
     
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    มีเรื่องหนึ่งที่ผมยังไม่ได้บอกพี่สุดใจ
    เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกหรือเปล่า ?
    เพราะ style การทำงานกับระบบนี่ พี่สุดใจเคยเล่าให้ฟังว่า
    ต้องคุ้นเคยกับความไม่แน่นอนด้วย ถึงเวลาแล้วจึงจะเรียกว่าแน่นอนได้

    คือเรื่องที่ผมจะไปอยู่ที่เวียดนามหนะครับ เคยเล่าให้พี่ฟังแล้ว
    เรื่องที่มีผู้นัดสัมภาษณ์ให้ไปทีหนึ่งแล้ว แต่อยู่ๆก็มายกเลิกเฉยๆซะงั้นแหละ
    ก็กลายเป็นว่าต้องได้ไปเรียนวิชาพลังยูเรอัสแทน เพราะเดิมทีนัดมาวันเดียวกัน

    และรอบที่ 2 นี้ก็สัมภาษณ์แล้ว ผ่านแล้ว ตกลงว่าจะต้องไปต้นเดือนหน้านี้แล้ว

    แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจ 100% ซะทีเดียว เพราะระบบอาจจะเล่นอะไรอีกก็ได้

    นี่เผลอๆอาจจะให้ผมลาออกจากงานเก่า เพื่อเตรียมตัวไปทำงานที่ใหม่
    แล้วสุดท้ายก็อาจจะสร้างเหตุปัจจัยให้ผมไม่ได้ไป เพราะเหตุอะไรบางอย่างก็ได้นะเนี่ย!!
    แล้วผมก็จะกลายเป็นว่าต้องลาออกฟรี ต้องตกงาน แล้วต้องมาปลงอะไรแบบนั้น
    ซึ่งถ้าระบบจะฝึกให้ปล่อยวางจริงๆ ก็ไม่แปลกที่ระบบจะใช้สถานการณ์อะไรก็ได้มาสอนเรา

    ถึงบอกว่ายังไม่ไว้ใจไงหละครับ พอถึงเวลาแล้ว ได้ไป ค่อยกล้าพูดว่าได้ไปดีกว่านะ

    ลืมบอกไปว่า..

    "เพราะเจอมานักต่อนักแล้ว ว่า..ยิ่งกลัวอะไรอยู่
    ก็จะเจอสิ่งนั้นแบบเต็มๆทุกที
    มิหนำซ้ำ..ถ้าคำนวณไว้ว่าจะเจอแค้ 5
    ระบบมักแถมมาให้เป็น 10 บ่อยครั้งไป"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2008
  20. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    [​IMG] ขอแสดงความยินดีกับคุณปาฏิหาริย์ และคุณ ufo no.356 ด้วยนะครับ ที่ได้รับการแจ้งรับเข้าทำงานเป็นคนระบบอย่างเป็นทางการ ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าเลยครับผม







    [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...