ขอเพียงคนที่มีศีล5ครบ ปฏิบัติธรรม มาเป็นอาจารย์ผมที

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เด็กแวนซ์, 16 มีนาคม 2012.

  1. boatsa2538

    boatsa2538 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +90
    :cool:ไม่ได้เป็นศิษย์ ท่านครับ แต่จะลองอ่านผลงานท่านดู สาธุครับ .
     
  2. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    นั้นไง ว่าแล้วเชียว ขอบคุณครับ
     
  3. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ยินดีครับ มีอะไรให้บอกนะครับ
     
  4. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    คุณขำมะ คุยกับคุณ crossis ค่ะ

    ส่วนหลวงพ่อสนอง คุณขำมะ หมายถึงหลวงพ่อสนอง(ศิษย์หลวงปู่สังวาลย์) ท่านเจ้าอาวาสวัดสังฆทานค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2012
  5. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    แสดงว่าคุณขัมมาเข้าใจผิดไปเอง ขอบคุณครับ
     
  6. boatsa2538

    boatsa2538 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +90
    ต่อไปต้องบอก ว่าคุยกับใคร หมายถึงใคร แล้วละ ทำคนเขาสับสน เศษกรรม นะนี่ ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วย :'(
     
  7. somkun62

    somkun62 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +766

    คิดจะสวนกระแสของโลก มันไม่ง่ายเลยครับ ต้องตั้งใจทำจริงๆ แรกๆก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ค่อยๆปรับกันไป ต้องเข้าใจเพราะเราจมปรักกับสิ่งเหล่านี้มานาน เราไม่ได้มีเกราะป้องกันตัวเหมือนคนบางคนที่กินเหล้ากินเบียร์ไม่ได้ กินทีไร แพ้ ตุ่มขึ้น หรือหน้าบวม ฯลฯ เรายิ่งกิันยิ่งอร่อย หวานคอ โดยเฉพาะเบียร์สดใครมันเป็นคนคิดว่ะ พิมพ์ไปก็เปรี๊ยวปากไป อิอิ อีกอย่างหนังโป้ เป็นอัปสรรคมาก เมื่อก่อนเราไม่สนใจปฏิบัติธรรม ดูทุกวัน แต่พอเราเริ่มหันหน้ามาทางธรรมสิ่งเหล่านี้เหมือนเป็นผีคอยตามหลอกหลอนเราตลอดเวลา ก็ต้องพยายามต่อสู้กับมัน แพ้บ้างชนะบ้างก็ค่อยๆปรับกันไป ตราบใดที่เรายังเล่นคอมฯต่อเน็ตก็ยากที่จะเอาชนะมันได้ง่ายๆ
    คนเราต้องกล้าที่จะใฝ่ดีครับ เราแย่มาพอแล้ว คำว่าแย่หมายถึงเรื่องศีลห้าครับ ต้องพยายามรักษาให้ได้มากที่สุด จากนั้นก็มองหากรรมฐานที่เราชอบหรือถูกจริตกับเรา ในเวบนี้ส่วนใหญ่น่าจะฝึกมโนฯกันนะครับ พอดีผมไปเจอบทความเรื่องนี้พอดี ขออนุญาตนำมาฝากนะครับ


    9 มีนาคม 2555
    (ขออนุญาตอาจารย์ฮั้วโต๋ นำบทความสำหรับผู้ที่เกาะพระได้แล้ว
    ลงมาแชร์ให้กับทุกๆท่านได้อ่านกัน
    เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ปฎิบัติ
    และเพื่อเป็นธรรมาทาน)


    วิธีปฏิบัติทำจิตเกาะพระในเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกมาก่อนเลย​



    การ ดูภาพพระไม่ต้องเพ่งค่ะ แค่ดูเฉย ๆ เหมือนดูภาพถ่ายทั่วไป ดูบ่อย ๆ ดูทุกวัน จะวันละกี่เวลาก็ได้ ขณะมองดูภาพให้มองดูรายละเอียดขององค์พระนิดหนึ่งว่ามีอะไรสะดุดตาเราบ้าง เช่น พระพักตร์ เศียร ไหล่ คอ แขน มือ นิ้ว ตา ปาก จมูก อก ท้อง หน้าตัก ขา เท้า เครื่องประดับ แท่นที่ประทับ และอื่น ๆ ดูแล้วก็ไม่ต้องจำ

    เมื่อมองดูภาพแล้วถ้ารู้สึกว่ามีใจรักจุดใดของพระเป็นพิเศษ หรือมีใจรักชอบพระองค์ใดเป็นพิเศษ ก็ให้ระลึกถึง ณ จุดนั้นบ่อย ๆ

    การระลึกถึงภาพพระ เมื่อใจนึกถึงภาพใดแล้วก็ให้ทำใจจดจ่อหรือจดจ้องอยู่ ณ จุดนั้นจนกว่าจิตจะผ่อนคลายหรือรู้สึกสบายขึ้น อาการที่ใจผ่อนคลายหรือรู้สึกสบายนั้นเป็นอาการจิตเข้าฌาน หรือจิตทรงสมาธิอย่างต่ำ ๆ มาถึงตรงนี้ถ้าจิตไม่อยากจับภาพพระก็ไม่ต้องไปบังคับจิต ปล่อยไปตามสบาย

    การทรงฌานต่ำ ๆ ในเบื้องต้นนี้จะทรงอยู่ได้นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับความนิ่งของจิตผู้ฝึกฝน แต่ส่วนใหญ่เมื่อเริ่มฝึกใหม่ ๆ ก็เหมือนกันทุกคนคือจิตไม่นิ่ง ในเมื่อมันไม่นิ่งเราก็จะทำให้มันนิ่งด้วยการระลึกถึงภาพพระ หรือจุดใดจุดหนึ่งของพระอยู่บ่อย ๆ แม้จะเป็นการนิ่งในระยะสั้น ๆ ก็ถือได้ว่าจิตเข้าฌานหรือจิตเป็นสมาธิแล้ว และถ้าทำให้จิตเข้าฌานยิ่งบ่อยก็ยิ่งดี มิมีอะไรเสียหาย

    ถ้าคนที่ไม่เคยทำจิตเกาะพระ ใหม่ ๆ จะทำไม่ได้เพราะไม่รู้จะเกาะอย่างไร เกาะตอนไหน เอาอย่างนี้ เรามาเริ่มต้นด้วยการฝึกทำจิตเกาะพระเป็นเวลาก่อนก็แล้วกัน ตั้งเวลาไว้ให้อย่างนี้

    1. ก่อนนอนเมื่อล้มตัวลงนอนหลับตา แต่ความรู้สึกยังไม่หลับ ให้เอาสติไปมองหาพระที่เราถูกใจ หรือติดตาติดใจ หรือรักชอบเป็นพิเศษ เห็นภาพไหนชัด หรือเห็นส่วนไหนของท่านชัดที่สุดก็ให้มองตรงจุดนั้น เอาสติไปจดจ้องหรือจดจ่ออยู่กับองค์พระหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของพระ (สติก็คือจิตตัวหนึ่ง) จนกว่าจิตจะเกิดอาการคลายจิตแล้วมีความรู้สึกเบาสบายตามมา เหมือนตอนเราเข้าฌาน ตัวจะเบา ๆ ชา ๆ ว่าง หวิว ใช่ไหม ความรู้สึกคล้ายกัน เพียงแต่เราเปลี่ยนวิธีเข้าฌานจากภาวนาพุท – โธ มาเป็นดูภาพพระเข้าฌานแทน ให้มองดูภาพพระหรือจุดใดจุดหนึ่งของพระจนกว่าจะหลับไป

    2. ตื่นนอนแต่ยังไม่ลืมตา ก็ให้นำสติไปมองหาภาพพระก่อน ทำเหมือนเมื่อคืนก่อนหลับทุกอย่าง เมื่อจิตสบายหรือจิตทรงฌานจึงค่อยลุกไปทำธุระส่วนตัว

    3. ก่อนทานอาหารเช้าให้ระลึกถึงภาพพระที่จำได้แล้วแผ่เมตตาให้อาหารที่เราทาน แม้ว่าจะทานกาแฟเพียงถ้วยเดียวก็ให้แผ่เมตตาก่อน แผ่เมตตาให้ใครก็แผ่เมตตาให้คนปลูกกาแฟและต้นกาแฟ การแผ่เมตตาให้อาหารก็ทำเช่นเดียวกัน ใครที่เกี่ยวข้องเราระลึกแผ่เมตตาให้หมดทุกคนหรือสัตว์ทุกตัว

    การระลึกแผ่เมตตาก็เช่น ขอให้คนปลูกข้าว คนสีข้าว คนหุงข้าว คนทำอาหารในมื้อนี้จงมีแต่ความสุขความเจริญ และขอให้อาหารในจานนี้ อาหารทั้งหมดบนโต๊ะนี้จงมีความบริบูรณ์พูนสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป เราขออุทิศบุญกุศลของเราให้หมดด้วยกัน อย่างนี้เป็นต้น หรือท่านจะระลึกแผ่เมตตาว่าอย่างไรก็ย่อมทำได้ มิมีอะไรผิด เพียงแต่ขอให้จิตในขณะแผ่เมตตานั้นเป็นกุศล คือไม่คิดร้ายกับใครก็เป็นพอ

    4. ก่อนทานอาหารกลางวันก็ทำเช่นเดียวกัน

    5. ก่อนทานอาหารเย็นก็ทำเช่นเดียวกัน

    6. ก่อนจะสวดมนตร์ไหว้พระก็ทำเช่นเดียวกัน(ถ้ามี)

    7. ก่อนจะนั่งสมาธิประจำวันก็ทำเช่นเดียวกัน(ถ้ามี)

    เริ่มต้นลองทำเป็นเวลาอย่างนี้ก่อนค่ะ เพียงเท่านี้ท่านก็จะสามารถระลึกถึงพระได้วันละหลายเวลา เมื่อทำแล้วได้ผลเป็นประการใดช่วยบอกเล่าให้ทราบด้วยค่ะ จะได้แนะนำกันต่อไป

    การทำจิตเกาะพระเป็นการทำกรรมฐาน-พุทธานุสสติ แต่แทนที่เราจะนั่งภาวนาเฉย ๆ เหมือนเราฟังวิทยุ คือหลับตาฟังก็ยังได้ยินแต่มันไม่เห็นภาพนะ เราก็มาฝึกระลึกดูภาพด้วย คล้ายกับเราขยับฐานะขึ้นมาหน่อย คือ มีโทรทัศน์ดูกับเขาด้วย จึงได้ยินทั้งเสียงและได้ชมทั้งภาพ ที่กล่าวมาเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างสักเล็กน้อย

    การทำจิตดูภาพพระในช่วงแรกจะเป็นการนึกหรือระลึกถึง เหมือนเรานึกถึงภาพวิวที่เราเคยเห็นแล้วประทับใจ หรือรูปดารา รูปนักร้อง รูปคนที่เรารัก หรือรูปสิ่งของที่เรารักและชอบเป็นพิเศษ เราเพียงใช้อุบายนี้มาช่วยให้จิตจดจำและระลึกถึงภาพพระบ่อย ๆ

    เมื่อจิตชินกับภาพพระ ต่อไปจิตจะนึกหรือระลึกถึงพระได้เอง ภาษาสมมุติท่านว่าอัตโนมัติ หรือเป็นไปโดยมิต้องกำหนด คือเมื่อเวลาใดที่จิตมันว่าง หมายถึงว่างโดยตัวจิต มิใช่รอให้ขันธ์ห้า(ร่างกาย)ว่างการว่างงานนั้นไม่ใช่นะ เมื่อจิตว่างหรือคิดถึงพระ จิตก็จะวิ่งเข้าไปหาภาพพระเหมือนมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน

    ขออธิบายสักเล็กน้อยเกี่ยวกับอาการจิตทรงฌานหรือจิตเป็นสมาธิ ให้สังเกตว่าถ้าจิตทรงฌานอย่างน้อยปฐมฌานจิตจะมองหาภาพพระได้ง่ายและเร็ว ขึ้น แต่ถ้าหลุดจากฌานจะมีอาการว่าจิตส่งสายออกไปในกระแสโลกมาก จิตจะรู้สึกอึดอัด หงุดหงิด และรำคาญ ก็ให้รู้ว่าหลุดฌานหรือฌานเสื่อมแล้ว ก็ให้เริ่มต้นจับภาพพระขึ้นมาใหม่ มองดูภาพพระไปจนกว่าจิตจะเบาสบาย ถ้าจิตเข้าฌานแล้วให้สังเกตที่ลมหายใจ ลมหายใจจะเบา ละเอียด เย็น

    ให้ฝึกทำตามที่แนะนำไปก่อน ถ้ามีเวลาว่างช่วยรายงานผลให้ทราบด้วย ส่งฉบับเดียวถึงพี่เพ็ญกับพี่ภูพร้อมกันก็ได้ค่ะ พี่ภูจะได้เห็นความก้าวหน้าในการฝึกปฏิบัติด้วย ท่านจะได้ช่วยแนะนำเพิ่มเติมได้

    ขอให้ท่านจงมีจิตตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ขอให้ท่านจงเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ

    เพ็ญ


    สำหรับตัวผมฝึกกรรมฐานแนวหลวงตาเยื้อนครับ ยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลอยู่เลยครับ แต่ก็ขออนุญาตนำคำสอนหลวงตามาฝากครับ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=YFUztvh6bPs]การปฏิบัติธรรมของอาตมา บรรยาย พระอาจารย์เยื้อน ขันติพโล - YouTube[/ame]

    ในฐานะเพื่อนสมาชิกผมก็แนะนำคุณในเบื้องต้นได้เท่านี้แหละครับ ผิดถูกประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ เห็นคนใฝ่ดีแล้วนิ่งเฉยไม่ได้ เพราะผมก็แย่มาก่อน อิอิ
     
  8. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    รักษาใจเราครับถ้ารักษาใจเราได้ศิลอะไรก็ไม่สำคัญเพราะใจเราเป็นใหญ่ใจเป็นประธานมันยากที่จะเลิกโดยทีเดียวแต่เราทำได้ง่ายๆคือเริ่มจากใจเราคิดในสิ่งที่ดีทำในสิ่งที่ดีพูดในสิ่งที่ดีไมเบียดเบียนใครไม่กล่าวร้ายผู้อื่น ส่วน สวรรค์หรือนรกนั้น มันคือผลของการกระทำของเราไม่ต้องคิดว่าจะไปสวรรค์หรือว่าจะต้องตกนรก ที่ผ่านมาทำชั่วไม่เป็นไรอดีตไปแล้วเอาองค์คุลีมารเป็นตัวอย่างฆ่าคนมามากมายสุดท้ายเป็นพระอรหันต์เพราะท่านรักษาใจของท่านเราก็รักษาใจของเราครับท่านทำให้เป็นตัวอย่างละแม้แต่พระเทวทัตแค่ระรึกได้ว่าทำผิดขออะโหสิกรรมท่านยังจะได้เป็นถึงปัจเจกพุทธเจ้าหลังจากพ้นอเวจีบาปของคุณคงไม่ได้เสี้ยวของท่านเพราะงั้นไม่ต้องคิดมากเรื่องนรกสวรรค์หมั่นทำดีรักษาใจเราครับ
     
  9. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ นั้นละ ของดี อย่าเถี่ยงพ่อแม่ สุดยอดแล้ววิชา

    กราบ พ่อแม่ ทุกๆ วัน ก็จะดีเอง เอา กาย วาจา ใจ ให้ได้ ก่อน
     
  10. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ตั้งอยู่และเจริญให้มากคับ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุติญานทรรศนะ และ งดเว้นจากบาปทั้งปวง
     
  11. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218

    คนที่เห็นว่า ตนเองกิเลสหนา ไม่ใช่คนไร้ปัญญา


    หากรู้ตัว ของตัว ย่อมไม่ยาก

    ชีวิตหาก เจริญได้ ใช้สมอง

    ใช้สติ ใช้ปัญญา ตามครรลอง

    ความสมปอง จะเกิดได้ เพราะใจเรา


    ครูอาจารย์ มีมากมาย และหลายหลาก

    ต้องลำบาก เสาะหา พาใจเหงา

    สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง อย่าหูเบา

    แต่ต้องเฝ้า เพียรเสาะหา ครูอาจารย์



    จงแสวงหาต่อไป สู้ๆ สู้ต่อไป ทาเคชิ


    อย่ารอให้ครูอาจารย์มาหาเรา แต่เราต้องออกไปแสวงหา


    อย่ารอให้บุญกุศล ความรู้ และ ธรรมะ มาหาเรา แต่ต้องลงมือทำ


    อนึ่ง ไม่มีใครอยากชี้แนะคนที่ดื้อรั้น เอาแต่ใจตัว


    คนชั่วกลับตัวเป็นคนดี คนดีกลับตัวเป็นคนชั่ว กลับไปกลับมา


    ซึ้งกับคำว่า ทุกข์ เมื่อไหร่ จะเห็นธรรมเอง


    เมื่อนั้น ย่อมไม่กลับไปกลับมา
     
  12. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ใช่คับ คนที่เห็นตนเองนั้นยังพอเป็นบันฑิตได้บ้าง แต่คนที่ไม่เห็นตนเองนั่นแหละพาล
    ส่วนเห็นตนแล้วแก้ไขนั้นย่อมดีคับ แต่เห็นแล้วยังไม่ละสิ่งไม่ดี นั้นจะเป็นการสะสม มานะ ทิฐิ ให้แก่ตน
     
  13. jintanakarn

    jintanakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +236
    อยากปฏิบัติธรรมแต่ยังหาผู้แนะนำยังไม่ได้ นับว่ามีความตั้งใจที่ดี ขออนุโมทนาด้วย ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่าเรียนวิชาทำความชั่วจบหรือยัง ถ้าจบแล้วก็นับว่ามีคุณสมบัติที่จะเรียนวิชาทำความดี ตำราที่ผมมีอยู่ตอนนี้มี2เล่ม เล่มแรกคือวิชาทำความชั่ว เล่มที่สองคือวิชาทำความดี วิชาแรกนั้นเราเรียนจบแล้วก็ไม่ต้องไปเรียนอีก เอาเป็นว่าเราเริ่มเรียนวิชาที่สองเลย คือเรียนวิชาทำความดีให้ก้าวหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างคือการเรียนรู้อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับไปได้ ขอให้ตั้งใจเรียนวิชาทำความดีให้ได้จนกว่าตัวเราเองเกิดความมั่นใจในการทำความดี ขอรับรองว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต สิ่งที่จะให้ท่านได้มีเท่านี้ ขออนุโมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...