ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. rung847

    rung847 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    819
    ค่าพลัง:
    +3,420
    วันนี้ครอบครัวข้าพเจ้าโอนทำบุญ 200 บาท
    โมทนาบุญกับทุกๆท่านทุกประการครับ
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ยังใช้ได้อยู่ครับผม ขอบคุณครับที่ได้ทำบุญผ่านกระทู้นี้มา

    ขออนุโมทนาในบุญและกุศลในครั้งนี้ด้วยความจริงใจครับ

    พันวฤทธิ์
    3/3/56
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    หลายคนได้ขอพระพิมพ์สมเด็จ สกุลเจ้าคุณกรมท่ามา พรุ่งนี้ผมจะไปหาซื้อกล่องเปล่าที่ท่าพระจันทร์เพื่อเตรียมบรรจุพระพิมพ์ฯ สำหรับกันไม่ให้เสียหายระหว่างการจัดส่งทางไปรษณีย์ (ส่งธรรมดา) โดยภายในสัปดาห์หน้าจะทยอยส่งไปให้ และจะบรรจุในซองบับเบิลอย่างดี โดยค่าจัดส่งในครั้งนี้ ผมออกให้โดยส่วนตัวและไม่ใช้เงินจากทุนนิธิฯ นี้ครับ รอรับของด้วยก็แล้วกัน แต่อย่าเพิ่งถามมา ส่งแล้วจะ pm.ไปบอกทุกคนครับ อดใจรอไว้นิดนึง ของดีครับของดี ผ่านการตรวจทางนามเรียบร้อยแล้วทุกองค์ สุดยอดมั่กๆ

    วันนี้ยังแวบไปนั่งสมาธิที่พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ที่พิพิธภัณฑ์ฯ มา สงบเงียบมาก มีผมนั่งคนเดียว ส่วนด้านหลังมีแต่ จนท.นั่งอ่านหนังสืออยู่ บรรยากาศย้อนยุคครับ เพระรอบข้างเหมือนมีคนมานั่งอยู่ด้วย ถาม จนท. ถึงประวัติของพระที่นั่งนี้ ได้ความว่า พระที่นั่งนี้ เป็นหอพระของวังหน้าฯ ทุกรัชกาล โดยเริ่มตั้งแต่ ร.1 และใช้เป็นที่สวดมนต์ไหว้พระในระหว่างวันและยามค่ำคืน สวดมนต์เสร็จนั่งสมาธิกันทั้งบ่าวและนาย มิน่าเล่า สงสัยมากันตรึม ใครว่างๆ ไปนั่งได้เลย ตรงหน้าเรา พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปองค์สำคัญของชาติไทยซะด้วย เรื่องเทพพรหมที่รักษาท่าน ไม่ต้องพูดถึง ส่งกระแสจิตให้ท่านได้มีส่วนในบุญที่เราทำด้วยก็แล้วกัน อย่างในภาพ ผมนั่งตรงพรมแดงๆ นั่นแหละ (วันนี้ไม่มีพรม) นั่งจ้องหน้าท่านไป ส่วนเจ้าของท่านยืนอยู่ข้างในภาพด้านขวามือนั่นล่ะ โดยข้างๆ ที่มีตู้กระจกนั่นก็คือ ดอกไม้ทำด้วยเงินและทองซึ่งเป็นเครื่องบรรณาการจากเมืองเชียงใหม่ครับ

    พันวฤทธิ์
    3/3/56


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2013
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สืบหาพระเครื่องดีสัปดาห์นี้ไม่มีเวลาจริงๆ ครับ เพราะวันพฤหัสที่จะถึงนี้เตรียมเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพฯ เป็นผู้กล่าวให้พระองค์ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ที่ขอเข้าเฝ้าซะด้วย เลยไม่ได้ออกตระเวณยุทธจักร แต่สัปดาห์หน้าไม่พลาดครับ สัปดาห์นี้ขออภัยจริง
     
  5. CHAN99

    CHAN99 CHAN

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +329
    ไปนั่งตอนกลางคืน บรรยากาศน่าจะเงียบกว่านี้นะครับพี่เสือ
     
  6. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    ภาพที่นำมาฝากสวยมากค่ะ ดูแล้วชอบเลย จะหาโอกาสไปบ้างค่ะ โมทนาบุญด้วยค่ะพี่เสือ
     
  7. คนแซ่อาว

    คนแซ่อาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +232
    วันนี้ ได้โอนเงินร่วมทำบุญสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ จากตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย สาขาสระแก้ว จำนวน ๒๐๐ บาท และขออุทิศบุญกุศลนี้ให้แก่ บิดา มารดา บรรพบุรุษ ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร และเทวดารักษาตัวข้าพเจ้าด้วย
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    "จดหมายจากในหลวงถึงสมเด็จพระเทพ"

    จดหมายถึงสมเด็จ พระเทพ รัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
    6 ตุลาคม 2547
    พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

    พระราชหัตถเลขาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีไปถึงสมเด็จ พระเทพ รัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

    สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นำเผยแพร่

    ลูกพ่อ
    ในพื้นแผ่นดินนี้
    ทุกสิ่งเป็นของคู่กันมาโดยตลอด มีความมืดและความสว่าง ความดีและความชั่ว
    ถ้าให้เลือกในสิ่งที่ตนชอบแล้ว
    ทุกคนปรารถนาความสว่างปรารถนาความดีด้วยกันทุกคน
    แต่ความปรารถนานั้นจักสำเร็จลงได้ จักต้องมีวิธีที่จักดำเนินให้ไปถึงความสว่าง หรือ ความดีนั้น

    ทางที่จักต้องไปให้ถึงความดีก็คือรักผู้อื่น
    เพราะความรักผู้อื่น สามารถแก้ปัญหาได้ทุกปัญหา
    ถ้าให้โลกมีแต่ความสุขและเกิดสันติภาพ
    ความรักผู้อื่นจักเกิดขึ้นได้

    พ่อขอบอกลูกดังนี้...
    1. ขอให้ลูกมองผู้อื่นว่า เป็นเพื่อนเกิด เพื่อนแก่ เพื่อนเจ็บ เพื่อนตายด้วยกัน ทั้งหมด ทั้งสิ้น ไม่ว่าอดีต...ปัจจุบัน...อนาคต
    2. มองโลกในแง่ดี และจะให้ดียิ่งขึ้น ควรมองโลกจากความเป็นจริง อันจักเป็นทางแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง และเหมาะสม
    3. มีความสันโดษ คือ
    - มีความพอใจเป็นพื้นฐานของจิตใจ พอใจตามมีตามได้ คือได้อย่างไร ก็เอาอย่างนั้น ไม่ยึดติด ขอให้คิดว่ามีก็ดี ไม่มีก็ได้
    พอใจตามกำลัง คือมีน้อยก็พอใจตามที่ได้น้อย
    - ไม่เป็นอึ่งอ่างพองลมจะเกิดความเดือดร้อนในภายหลัง
    - พอใจตามสมควร คือทำงานให้มีความพอใจเหมาะสมแก่งาน
    - ให้ดำรงชีพให้เหมาะสมแก่ฐานะของตน
    4. มีความมั่นคงแห่งจิต
    คือให้มองเห็นโทษของความเกียจคร้าน และมองเห็นคุณประโยชน์ของความเพียร และเมื่อเกิดสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาให้ภาวนาว่า...มีลาภ มียศ
    สุขทุกข์ปรากฏ สรรเสริญนินทา เสื่อมลาภ เสื่อมยศ เป็นกฎธรรมดา อย่ามัวโศกานึกว่า ' ชั่งมัน '

    พ่อ
    6/10/2547


    สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ ทรงมีพระราชปรารภทิ้งท้าย

    ฉันหวังว่า คำสอนพ่อที่ฉันได้ประมวลมานี้ จะเกิดประโยชน์แก่ท่านผู้อ่าน ที่ได้พบเห็น และลูกอันเป็นที่รักของพ่อทุกคน

    ฉันรัก พ่อฉันจัง
    สิรินธร
     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    บุคคลผู้ไม่มีสมาธิจิต ไม่ทำจิตให้สงบแล้ว อะไรกระทบกระทั่งมัน มันก็ไม่รู้สึกตัว
    ท่านว่าจิตมากระทบเข้ามีแต่ว่าเจ็บอย่างเดียวเท่านั้น แทนที่จะวินิจวิฉัยว่ามันเจ็บเพราะอะไรๆ
    มันถึงเจ็บอย่างนี้ มันคิดไม่ได้เลย เมื่อมันเจ็บหนักๆเข้า มีแต่ร้องครวญครางไป
    ดิ้นรนกระสับกระส่ายไปเนั้นเอง อันนี้ท่านจึงเรียกว่า คนเราอันดวงจิตนี้มันตกไปตามกระแสของกิเลสตัณหา

    เหมือนกับบุคคลที่เดินทางโดยเรือกระแสของกิเลสตัณหา
    เหมือนกับบุคคลที่เดินทางโดยเรือเดินมหาสมุทรลงสู่ทะเล
    คลื่นซัดไปท้องมหาสมุทรทะเลนั้นนะ
    สุดแล้วแต่คลื่นมันจะซัดไปไหนก็ตามมัน


    http://www.prommapanyo.com/smf/index.php?PHPSESSID=orah0ounqbqfqqqr2fm1tmaks7&topic=2759.0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2013
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    ให้เชื่อว่าบุญบาปมีจริง (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)



    ความเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นทุกข์
    ผู้ที่เห็นทุกข์เท่านั้นจึงขวนขวายหาทางพ้นทุกข์
    เมื่อเห็นทุกข์แล้ว..จงเร่งความเพียรภาวนาเรื่อยไป
    เพื่อให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง

    ให้เชื่อเรื่องบุญ บาป ว่าเป็นของมีจริง
    โดยมากคนมักไม่ค่อยเชื่อศาสนา
    ศาสนาก็คือคำสอน สอนให้ละชั่ว ทำความดี
    เพื่อให้ขจัดทุกข์ ให้ประสบความสุข

    ถ้าผลบุญบาปไม่มีจริงแล้ว
    จะมีคนร่ำรวย มียศถาบรรดาศักดิ์
    และมีคนทุกข์ยากกระจอกงอกง่อยขี้ทูดกุดถังได้อย่างไร
    ของมันเห็นๆกันอยู่ แต่ไม่รู้จักพิจารณาก็ย่อมไม่เข้าใจ

    ตาสำหรับเห็นรูป ใจเป็นผู้รู้ว่ารูปดี-รูปชั่ว
    รู้ไม่ดี-รูปชั่ว แท้ที่จริงรูปทั้งหลายเขาไม่ไ้ด้ว่า รูปเขาดี เขาไม่ไ้ดว่าเขาชั่ว
    "เรา" เป็นผู้ไปว่าเอา สมมติเอา

    พระสติ หมายถึง ลมเข้า
    พระวินัย หมายถึง ลมออก
    พระปรมัตถ์ หมายถึง ผู้รู้ลมเข้าลมออ
    ก​
     
  11. nathaphat

    nathaphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +750
    วันนี้ผมและครอบครัว อัครานนท์ ร่วมทำบุญกับทุนนิธิฯ 500 บาท และขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • slip090356.jpg
      slip090356.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.9 KB
      เปิดดู:
      42
  12. คนแซ่อาว

    คนแซ่อาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +232
    วานนี้ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๖ เวลาประมาณ ๑๖.๒๐ น. ได้โอนเงินร่วมบุญสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ จากตู้ ATM ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสระแก้ว จำนวน ๒๐๐ บาท โดยตั้งใจว่าจะร่วมทำบุญทุกวันพระครับ
     
  13. hmoomoo

    hmoomoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2011
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +3,686
    ขอบคุณสำหรับพระสมเด็จครับ ได้รับวันพระพอดีและมีกรอบพอดีสำหรับพระพิมพ์คะแนน

    บังเอิญมาก กรอบเล็กขนาดนั้น อาราธนาเรียบร้อยครับ ขอบคุณอีกครั้งในความกรุณาครับ
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เก็บไว้ให้ดีน๊ะครับ หมดรุ่นนี้คงไม่มีอีกแล้ว พระพิมพ์สกุลนี้ ผู้อธิษฐานจิตหลักคือท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ (โต) โดยขออัญเชิญพระเมตตาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภัทรกัปป์ นี้เป็นที่สุด รองลงมาคือครูอาจารย์ท่านองค์หลักๆ ก็คือท่านหลวงปู่ใหญ่ ส่วนรุ่นลูกศิษย์ท่านในสมัยนั้นก็น่าจะหลายองค์อยู่ เรื่องอิทธิคุณไม่ต้องกล่าวถึง แขวนเดี่ยวได้สบายมาก...ผมเองก็ใช้อยู่เช่นกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2013
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ทำบุญให้ทานไปเพื่ออะไร

    ในสังคมเราชาวพุทธมีหลายคนอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องการทำบุญให้ทานในพระพุทธศาสนา บางคนไม่เข้าใจว่าทำบุญเพื่ออะไร ? ทำไปทำไม ? ทำบุญนั้นคืออะไร ?

    บางคนก็ทำบุญโดยสักแต่เหมาเอาเพื่ออยากได้บุญ, เห็นเขาทำก็ทำเหมือนเขาเพราะเขาบอกว่าทำแล้วได้บุญ ถึงเทศกาลงานทำบุญใหญ่ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หรือวันขึ้นปีใหม่ เป็นต้น หลายคนกลัวไม่ได้ใส่บาตรพระหรือใส่บาตรไม่ทันพระเดิน ก็ชุลมุนเบียดเสียดแย่งกันเข้าไปใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้งกับพระภิกษุสงฆ์กันวุ่นวาย เพราะกลัวตนไม่ได้บุญ, บางคนก็สักแต่ว่าทำบุญโดยไม่รู้ว่าเอาบุญไปทำอะไร, บางคนทำบุญเพื่อปรารถนาทางโลก อธิษฐานในภพหน้าชาติหน้าชาติต่อๆ ไป เช่น ขอให้รวยๆ ขอให้สวย เป็นต้น ซึ่งเป็นการเพิ่มกิเลสไปโดยไม่เข้าใจ

    บางคนมีอุปทานในบุญ เพื่อได้ไปสวรรค์ มีวิมานสวยๆ, บางคนทำบุญเอาหน้าทำบุญอวดคนก็มี อุปมาเหมือนปิดทองเฉพาะหน้าพระอย่างเดียว และบางคนไม่เข้าใจเรื่องการทำบุญ ทำบุญโดยผิดศีล เมื่อมีงานบุญใหญ่ เช่น ทำบุญผ้าป่า ทำบุญบ้าน ทำบุญงานศพ เป็นต้น เป็นอันต้องได้ล้มวัวล้มควายมาเลี้ยงกันในงานบุญ (มักพบในต่างจังหวัด)

    ถ้าทำบุญโดยไม่เข้าใจอย่างนี้แล้วจะเป็นการเพิ่ม กิเลส ตัณหา อุปาทาน มีอวิชชา (ความโง่, ความหลง) ครอบงำได้ ทำให้วนเวียนอยู่ในวัฏฏะอย่างไม่สิ้นสุด

    บางคนก็มีอคติกับการทำบุญสุนทานอยู่ในใจ และไม่ชอบการทำบุญเพราะมองว่าเป็นความเชื่อ ขาดปัญญาและงมงาย เมื่อเห็นคนศรัทธาในการทำบุญมากๆ บริจาคเงินมากๆ ก็ว่าคนหลงบุญเบาปัญญา เหมือนคนโง่งมงายเอาเงินไปทำบุญกันทำไม เงินทองนั้นหามายาก....กว่าจะเก็บจะออมได้ และยิ่งเห็นพวกคนจนๆแต่ศรัทธาสูง แล้วยังจะเจียดเงินที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว อุตส่าห์ไปหาซื้ออาหารมาใส่บาตรพระภิกษุอีก (เห็นแล้วก็สมเพชพวกคนจนๆ เหล่านี้จริงๆ ไม่คิดถึงตนเองที่มัวงมงายขาดปัญญา มีแต่ศรัทธาอย่างเดียว เป็นต้น)

    บางคนก็มองว่าการทำทานนั้นไม่ใช่เรื่องที่สำคัญของพระพุทธศาสนานักจึงไม่ให้ความสำคัญ แต่จริงๆ แล้วพระพุทธองค์ท่านสอนให้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา (ปัญญา) ไปควบคู่กัน โดยไม่ให้ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป เพราะถ้าทำแต่ทานไม่มีศีลก็จะมีโอกาสทำชั่วมาก ตกนรกภูมิเวียนวนชดใช้กรรมในวัฏสงสาร และไม่เจริญภาวนาสู่ปัญญาก็ไม่มีปัญญาหาทางเข้าสู่นิพพาน พ้นทุกข์ไม่ได้

    เมื่อมีแต่ศีลหรือเจริญภาวนาอย่างเดียวในชาตินี้ (และยังไม่สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้ในชาตินี้) ถ้าไม่ทำทานก็เกิดมาอดอยากมีชีวิตลำบากโอกาสผิดศีลในชาติต่อไปย่อมมีมากกว่าคนที่มีฐานะดี ทำให้อาจทำกรรมชั่วได้ง่ายเพราะความจน และไม่มีเวลามาสนใจในการภาวนาเพราะลำพังความจนก็ทุกข์ทรมานหิวโหยอยู่แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมานั่งภาวนาเพราะต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ ซึ่งต่างกับคนมีฐานะดี ยิ่งเป็นเศรษฐีแม้ไม่ต้องทำงานก็มีทรัพย์จุนเจือกินใช้ไม่หมดในชาตินี้ มีเวลาสามารถมาเจริญภาวนาสู่ปัญญาได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องเงินทอง เป็นต้น

    ดังนั้นผู้พิมพ์จึงได้รวบรวมข้อมูลในเรื่องทานนี้จากหนังสือทาน,จากนิยามคำสอนของหลวงปู่มั่น,และคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ มารวบรวมเรียบเรียงให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจในเรื่องทานมากยิ่งขึ้น

    ทาน : การให้, สิ่งที่ให้, ให้ของที่ควรให้แก่คนที่ควรให้ เพื่อประโยชน์แก่เขา, สละให้ปันสิ่งของของตน เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น

    ทานแบ่งเป็น ๒ หมวด ดังนี้

    ทานหมวดที่ ๑ ได้แก่

    - อามิสทาน คือให้สิ่งของ เป็นเครื่องบริหารกาย
    - ธรรมทาน คือให้ธรรมะ เป็นเครื่องบริหารใจ

    ทานหมวดที่ ๒ ได้แก่

    - สังฆทาน ให้แก่สงฆ์ หรือให้เพื่อส่วนรวม
    - ปาฏิบุคลิกทาน ให้เจาะจงแก่บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งโดยเฉพาะ

    พุทธศาสนิกชนถ้าไม่บำเพ็ญทานเลย ภิกษุทั้งหลายย่อมอยู่ไม่ได้ เมื่อภิกษุไม่มีเสียแล้ว พระพุทธศาสนาจะตั้งอยู่อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ได้อย่างไร ขอแต่ว่าผู้บำเพ็ญทานอยู่เป็นประจำแล้ว อย่าได้ย่ำเท้าอยู่กับที่ ขอให้รักษาศีลและเจริญภาวนาร่วมด้วย มิฉะนั้นท่านก็ไม่อาจที่จะรับอานิสงส์แห่งพระพุทธศาสนาได้ครบวงจร

    การทำบุญนั้นทำเพื่อบูชาคุณท่าน เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น เพื่อกำจัดความตระหนี่ถี่เหนียว หรือความเห็นแก่ตัว เมื่อทำบุญอย่าหวังเพื่อขอให้เกิดมารวย ขอมีวิมานในสวรรค์สวยๆ มีบริวารมากมาย เป็นต้น เพราะเป็นการเพิ่มกิเลสตัณหา อุปาทาน เป็นเหมือนการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน ทำให้ผลแห่งทานนั้นไม่บริสุทธิ์ และมีอานิสงส์อ่อน ไม่ขัดเกลากิเลส เพิ่มตัณหา เป็นไปเพื่อวัฏฏะ ไม่พ้นทุกข์

    เมื่อเราทำบุญทำทานไว้แล้ว ตราบใดที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร เราต้องได้รับอานิสงส์แห่งบุญนั้นอยู่แล้ว ดังเช่นพระพุทธพจน์กล่าวไว้ในอันนสูตร ๑๕/๔๒ ว่า “ชนเหล่าใดมีใจผ่องใสแล้ว ให้อาหารนั้นด้วยศรัทธา อาหารนั้นย่อมพะนอเขาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เพราะเหตุนั้น บุคคลพึงนำความตระหนี่ให้ปราศจากไป พึงข่มความตระหนี่ซึ่งเป็นตัวมลทินเสียแล้วจงให้ทาน เพราะบุญทั้งหลายเป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า” ถึงแม้จะไม่ปรารถนา ผลแห่งทานนั้นก็มีอานิสงส์ให้อยู่แล้ว ถ้าจะปรารถนาก็ควรที่จะปรารถนาสิ่งที่สูงสุด คือปรารถนาพระนิพพาน แต่ไม่ใช่ปรารถนาอย่างเดียวต้องทำเหตุร่วมด้วยจึงจะสมบูรณ์

    พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ว่าเมื่อเราได้ทำบุญให้ทาน ย่อมมีอานิสงส์อยู่ในตัวแล้ว ดังเช่นที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงทักขิณาวิภังคสูตร ได้แสดงธรรมเรื่องทานนี้แก่พระอานนท์ เพื่อจำแนกอานิสงส์ในลักษณะแห่งการให้ทานเฉพาะบุคคล และการให้ทานแก่พระสงฆ์ทั่วไป (สังฆทาน) ดังจะยกตัวอย่าง ลักษณะดังนี้

    ดูก่อนอานนท์ทักษิณาเป็นปาฏิบุคลิกทานมี ๑๔ ประการ (ยกตัวอย่างมาเพียงบางประการ ให้พอเข้าใจ)

    “- บุคคลให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน พึงหวังผลทักษิณาได้เป็นร้อยเท่า

    - ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล พึงหวังผลทักษิณาได้พันเท่า

    - ให้ทานผู้มีศีล พึงหวังผลทักษิณาได้แสนเท่า

    - ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม พึงหวังผลทักษิณาได้แสนโกฏิเท่า

    - ให้ทานในผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง พึงหวังผลทักษิณาจนนับไม่ได้ จนประมาณไม่ได้ จะป่วยกล่าวไปใยในพระโสดาบัน ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำพระสกทาคามิผล ในพระสกทาคามี ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง ในพระอนาคามี ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหันตผลให้แจ้ง ในสาวกของตถาคตผู้เป็นอรหันต์ ในพระปัจเจกสัมพุทธ และในตถาคตอรหันต์สัมมาสัมพุทธ”

    “ดูก่อนอานนท์ ก็ในอนาคตกาล จักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภู มีผ้ากาสาวะพันคอ เป็นคนทุศีล มีธรรมลามก คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น”

    “ดูก่อนอานนท์ ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้น เราก็กล่าวว่ามีผลนับไม่ได้ประมาณไม่ได้ แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิบุคลิกทานว่ามีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไรๆ เลยฯ”

    คือในสมัยปัจจุบัน เราอาจพบเจอพระที่ไม่อยู่ในศีลในธรรม ที่เป็นข่าวให้เราๆ ได้ทราบกันและที่ยังไม่เป็นข่าวให้ทราบ แต่พระผู้มีพระภาคท่านแสดงธรรมให้รู้ว่าถึงแม้เราจะทำบุญกับพระประเภทนี้ก็จริง แต่ให้เราอุทิศในการทำบุญนั้นให้เป็นสังฆทานคือทำเพื่อสงฆ์ ก็จะมีอานิสงส์หาประมาณมิได้เช่นกัน



    ตถาคตกล่าวว่า “สังฆทานนั้นมีอานิสงส์มากกว่าการให้ทานเฉพาะบุคคล (ปาฏิบุคลิกทาน)” และพระพุทธองค์ทรงสรรเสริญธรรมทานและสังฆทานว่าเป็นทานอันเลิศ

    ทานเป็นชื่อการให้ และสิ่งที่ให้ คนที่ให้ทานท่านเรียกว่า “ทานบดี” (ทานนะบอดี) เจ้าของทาน คือเป็นเจ้าของแห่งทานนั้นตลอดไป ใครจะมาแย่งชิงเอาไปไม่ได้

    การทำบุญเป็นการฝังขุมทรัพย์ไว้ ย่อมเป็นของเราตลอดไปไม่มีใครจะมาแย่งเอาไปได้ ถ้าพอมีโอกาสและไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น ขอให้รีบทำไว้อย่ารอไว้เมื่อนั้นเมื่อนี้ เพราะชีวิตไม่มีอะไรที่แน่นอน ไม่มีหลักประกัน

    เพราะการทำบุญนั้นเปรียบเหมือนเราเตรียมเสบียงไว้ ในขณะที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนี้ เรายังไม่สามารถหนีออกจากกองทุกข์หนีออกจากวัฏสงสารได้สำเร็จคือเข้าสู่พระนิพพานยังไม่ได้ในชาตินี้ (ยกเว้นนอกจากผู้ที่ประพฤติปฏิบัติจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำบุญเพื่อภพชาติต่อไป เพราะได้จบได้สิ้นภพชาติแล้วในชาตินี้) แต่เมื่อเรายังไม่สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้ เรายังต้องวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่อีกไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติตามวิบากกรรมของแต่ละคน เพราะยังขจัดกิเลสให้สิ้นซากยังมิได้ กว่าจะเข้าสู่พระนิพพานได้ เราจึงจำเป็นต้องใช้บุญกุศลที่ทำไว้เป็นฐานเสบียงเป็นที่พึ่งที่อาศัย เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในภพภูมิต่อไปที่ต้องไปเกิดใหม่

    จะยกตัวอย่างเหตุผู้ที่ไม่เคยทำบุญทำทานมาแต่ก่อน แล้วมาการเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้ เมื่อต้องมาเกิดในครอบครัวที่ยากจนหาเช้ากินค่ำย่ำแย่ ไม่พอกินไม่พอใช้ หิวโหย ขัดสนไม่มีเงินไม่มีของใช้ดีๆ อย่างที่คนอื่นเขามี เมื่อเห็นคนอื่นมีกินมีใช้ดีๆ ก็อยากได้อย่างเขาบ้างตามกิเลสตัณหาของตน

    เมื่ออยากได้มากเข้าๆๆ ก็เกิดความโลภ ความโลภสามารถทำให้คนทำชั่วหรือผิดศีลได้ เช่น ลักขโมย, ฉกชิงวิ่งราว (ผิดศีลข้อ ๒) บางคนก็ฆ่าเจ้าของทรัพย์ ปิดปาก หรือเจ้าของทรัพย์ขัดขืนก็ทำร้ายและฆ่าเจ้าของทรัพย์ด้วยโทสะ(ผิดศีลข้อ ๑) การทำผิดครั้งนี้ทำด้วยโลภะและโทสะทำให้ผิดศีลทั้งสองข้อ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวได้ก็อาจพูดปฏิเสธโกหกว่าตนไม่ได้ทำ (ผิดศีลข้อ ๔) อีกข้อ เป็นการสร้างกรรมชั่วผิดศีลธรรมเพราะเกิดมาจน เป็นต้น

    เราไม่สามารถตัดกิเลสความโลภนี้ได้ขาด ถ้าเราไม่ได้เดินทางสู่วิปัสสนา เราจึงมีความโลภมากโลภน้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่ว่าแต่ละบุคคลได้เก็บบรรจุกันมาหรือระงับสะสางออกไปเท่าใดนั่นเอง แต่ศีลนั้นเป็นด่านแรกที่จะช่วยยับยั้งการก่อกรรมชั่วได้ถ้าคนนั้นตั้งใจที่จะรักษาศีลจริงเช่นกัน และศีลนั้นช่วยไม่ให้ก่อกรรมทำเข็ญทำให้ไม่มีวิบากกรรมชั่วไม่มีเจ้ากรรมนายเวรตามรังคราญ

    หรือบางคนยากจนก็จริงแต่ไม่ใช่คนที่เป็นทาสของความโลภมาก ไม่คิดทำกรรมชั่วที่ร้ายแรง แต่เกิดมาจนไม่ค่อยมีเงิน เมื่อปากท้องหิวโหยจำเป็นต้องหาอะไรใส่ปากใส่ท้อง หนทางที่ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อกับข้าว จะทำอย่างไร ?...ก็ต้องตกปลามาทำอาหารกิน เลี้ยงไก่ไว้ก็เชือดคอไก่กินเอง เป็นต้น (มักพบในต่างจังหวัดมาก) นี่เป็นเหตุที่จำเป็นต้องฆ่าสัตว์ (ผิดศีลข้อ ๑) เพื่อมาดำรงชีวิตให้อยู่รอดไปวันๆ ถ้าคนมีเงินมีฐานะก็ไม่ต้องฆ่าสัตว์กินเองไปซื้อหาอาหารที่ปรุงสำเร็จแล้วมาเลี้ยงชีวิตโดย ไม่ต้องผิดศีลธรรม (ยกเว้นพวกที่ตั้งใจทำโดยไม่รู้ไม่เข้าใจเรื่องศีลไม่เชื่อเรื่องบาปกรรม ถึงจะมีฐานะดีก็จริง แต่รักสนุกชอบใช้เวลาว่างไปตกกุ้งตกปลา เป็นต้น)

    เป็นอันว่าการเกิดมาเป็นคนจนนี้สามารถทำกรรมชั่วผิดศีลธรรมได้ง่ายกว่าคนมีฐานะดี เมื่อตายลงไปสู่อบาย ก็ยังหาโอกาสเข้าสู่พระนิพพานได้โดยยาก เพียงแค่เกิดมาจน แต่ใช่ว่าคนรวยจะไม่มีโอกาสทำกรรมชั่ว คนรวยที่ไม่มีศีลมีธรรมประจำใจย่อมผิดศีลทำบาปได้เหมือนกัน แต่เราจะกล่าวถึงเฉพาะคนที่เกิดมาจนและมีความจำเป็นของความจนที่บีบคั้นให้ต้องทำบาปเพื่อปากท้อง เป็นต้น

    อีกหนึ่งตัวอย่าง เช่นบางคนก็มีวิบากกรรมต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดียรฉาน เช่นเป็นสุนัข แต่ถ้าเคยทำบุญสุนทานไว้ก็เกิดเป็นสุนัขพันธ์ดีเป็นที่ชื่นชมของผู้เลี้ยง มีอาหารการกินอยู่ดี มีเสื้อผ้าสุนัขสวยๆ ใส่ เจ้าของดูแลเอาใจใส่ มีกินมีที่อยู่ในบ้านคนรวยดีกว่าคนจนๆ หลายๆ คนเสียอีกที่หาเช้าไม่พอค่ำ และต่างกับคนที่ไม่เคยทำบุญสุนทานมา ถ้ามีวิบากกรรมต้องเกิดเป็นสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ หากินอดๆ อยากๆ ไม่มีที่อยู่ประเภทสุนัขจรจัด เป็นต้น เนื่องจากบุพกรรมของสัตว์นั้นมีมาต่างกัน

    นี่คือตัวอย่างว่าทำไมเราจึงจำเป็นต้องทำบุญให้ทาน และการให้บุญให้ทานบ่อยๆ โดยใจที่บริสุทธิ์ไม่หวังผลตอบแทนในทางเป็นไปเพื่อวัฏฏะ จะช่วยลดคลายความตระหนี่ถี่เหนียว ความละโมบโลภมากได้ไม่มากก็น้อยตามปัญญาของแต่ละบุคคล ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องบำเพ็ญทานเพราะเหตุดังนี้

    พุทธวจนะในสุมนสูตร ๒๒/๓๒ แสดงไว้ว่า “ควรให้ทาน ควรทำบุญ เพราะบุญเป็นอุปการะ แม้แก่เทวดา มนุษย์ และบรรพชิต”

    การทำบุญไว้กับมือของตนเองนี่แหละดีที่สุด แน่นอนที่สุด การมัวประมาทรอไว้ให้ญาติทำให้เมื่อตายไปแล้ว โอกาสที่จะได้รับนั้นยาก เพราะอาจไปเกิดในภูมิที่รับไม่ได้ (เช่น นรกภูมิ, สัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น) หรือพอจะรับได้แต่เขาไม่ทำบุญอุทิศไปให้ก็อดอีก จงอย่าประมาททำบุญด้วยตนเองดีกว่ารอผู้อื่นทำให้เมื่อตายแล้ว มีน้อยทำน้อย มีมากทำมาก ทำตามกำลังทรัพย์ ตามกำลังศรัทธา โดยไม่ให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน

    ทานสูตร ๒๒/๓๔๖ มีว่า “ทายกต้อนรับปฏิคาหกด้วยตนเอง ถวายทานด้วยมือตนเอง ยัญนั้นย่อมมีผลมากเพราะตน (ผู้ให้ทาน) และเพราะผู้อื่น (ผู้รับทาน) ทายกผู้มีปัญญามีศรัทธา เป็นบัณฑิตมีใจพ้นจากความตระหนี่ ครั้นบำเพ็ญทานอย่างนี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลกที่เป็นสุข ไม่มีความเบียดเบียน”

    หลักการทำกรรมในพระพุทธศาสนา ไม่ว่าฝ่ายดีหรือฝ่ายชั่ว ท่านเน้นที่เจตนาเป็นใหญ่ ถ้าเจตนาแรง กรรมที่ทำลงไปย่อมมีผลมาก ถ้ามีเจตนาอ่อน กรรมที่ทำลงไปย่อมมีผลน้อย นอกจากจะเน้นที่เจตนาแล้ว ในการทำความดีต่างๆ ยังต้องรักษาจิต ให้มีศรัทธาคือความเชื่อและปสาทะคือความเลื่อมใส ในขณะที่ทำ กำลังทำ และหลังจากทำแล้วด้วยจึงจะได้อานิสงส์แรง ยิ่งมีปิติซาบซ่ามีความอิ่มเอิบใจปลื้มใจด้วย ก็ยิ่งเสริมให้บุญจริยานั้นๆ มีอานิสงส์แรงยิ่งขึ้น

    ดังนั้นในการประกอบการกุศลต่างๆ ในแต่ละครั้ง มีเงื่อนไขที่ทำให้อานิสงส์มากดังนี้ ได้แก่ วัตถุต้องบริสุทธิ์, ผู้ให้มีศีลบริสุทธิ์, ผู้รับมีศีลบริสุทธิ์, ต้องประคองจิตให้เป็นกุศลตลอดเวลาคือก่อนให้ทาน ขณะกำลังให้ทาน หลังจากให้แล้วไม่เสียดาย พยามรักษาจิตให้ศรัทธา กับ ปสาทะ (เลื่อมใส) เดินคู่กันไป จงกำจัดความลังเลสงสัยออกให้หมดเมื่อทำทาน

    แต่ต้องมีปัญญาร่วมด้วย คือในการประกอบการบุญกุศลทุกประเภท ก่อนทำควรพิจารณาก่อนว่า สิ่งที่ทำนั้นมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ถูกต้องตามแนวคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่
    มิฉะนั้นอาจจะเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงปรารถนาติดตามมา เช่น

    ก. ส่งเสริมโจรปล้นศาสนาให้มีกำลังมากยิ่งขึ้น
    ข. ให้กำลังแก่คนชั่ว ได้มีโอกาสก่อกวนสังคมมากขึ้น
    ค. จะเกิด “วิปฏิสารใจ” ว่าไม่ควรทำเลย


    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้แสดงธรรมถึงเรื่องทานไว้ว่า
    “ทานคือเครื่องแสดงน้ำใจของมนุษย์ผู้มีจิตใจสูง ผู้มีเมตตาจิตต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ผู้อาภัพ ด้วยการให้ทานเสียสละแบ่งปันมากน้อยตามกำลังของวัตถุเครื่องสงเคราะห์ที่มีอยู่ จะเป็นวัตถุทาน ธรรมทาน หรือวิทยาทานแขนงต่างๆ ก็ตาม ที่ให้เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นโดยมิหวังค่าตอบแทนใดๆ นอกจากกุศลคือความดีที่เกิดจากทานนั้น ซึ่งจะเป็นสิ่งตอบแทนให้เจ้าของทานได้รับอยู่โดยดีเท่านั้น ตลอดอภัยทานที่ควรให้แก่กัน ในเวลาอีกฝ่ายผิดพลาดหรือล่วงเกิน

    คนมีทานหรือคนที่เด่นในการให้ทานย่อมเป็นผู้สง่าผ่าเผยและเด่นในปวงชน ผู้เช่นนี้มนุษย์และสัตว์ตลอดเทวดาก็เคารพรัก จะตกทิศใดแดนใดย่อมไม่อดอยากขาดแคลนหากมีสิ่งหรือผู้อุปถัมภ์จนได้ไม่อับจนทนทุกข์ แม้ในแดนมนุษย์เรานี้ก็พอเห็นได้อย่างเต็มตารู้ได้อย่างเต็มใจว่า ผู้มีทานเป็นเครื่องประดับตัวย่อมเป็นคนไม่ล้าสมัยในสังคม และบุคคลทุกชั้นไม่มีใครรังเกียจ

    อำนาจทาน ทำให้ผู้มีใจบริจาคเกิดความเคยชินต่อนิสัยจนกลายเป็นผู้มีฤทธิ์ บันดาลไม่ให้อดอยากในภพที่เกิด กำเนิดที่อยู่นั้นๆ ฉะนั้นทานและคนที่มีใจเป็นนักให้ทานเสียสละ จึงเป็นผู้ค้ำจุนโลกให้เฟื่องฟูตลอดไป โลกที่มีการสงเคราะห์กันอยู่ ยังจัดเป็นโลกที่มีความหมายตลอดไป ทานจึงเป็นสาระสำคัญสำหรับตัวและโลกทั่วๆ ไป ผู้มีทานย่อมเป็นผู้อบอุ่นและหนุนโลกให้ชุ่มเย็น ไม่เป็นบุคคลและโลกที่แห้งแล้งแข่งกับทุกข์ตลอดไป”



    ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้แสดงธรรมเรื่องทานไว้ว่า
    “การให้ทานกับการรบพุ่งสงครามเสมอกันอย่างไร ? การให้ทานคือการรบกันกับกิเลส รบกันกับความยึดมั่นถือมั่น การให้ทานที่แท้จริงนั้นไม่ใช่แลกเอาสวรรค์ ไม่ใช่แลกเอาความสวยความรวย การให้ทานที่แท้จริงนั้นเป็นการรบพุ่งกับกิเลส รบกับความเห็นแก่ตัว รบกับความยึดมั่นว่าตัวกู–ของกู รบให้กิเลสเหล่านั้นพ่ายไป นั่นแหละเรียกว่าการให้ทาน

    ดังนั้นท่านจึงกล่าวว่า การให้ทานกับการรบนี้เสมอกัน หรือเป็นสิ่งเดียวกันอย่างนี้ก็ได้ หรือถ้าจะพูดให้ยืดเยื้อออกไป ก็จะพูดได้เหมือนกันว่า การให้ทานนั้นก็มีข้าศึก ต้องมีการตระเตรียม ต้องมีการฝึกฝน ต้องมีการสะสมอาวุธ สะสมเครื่องปัจจัยในการรบพุ่งแล้วจึงจะไปรบกัน

    การให้ทานนี้ก็เหมือนกันต้องมีการตระเตรียมที่ถูกต้องจึงจะเป็นการให้ทานที่ดี เมื่อให้ไปได้เท่าไหร่มันก็ชนะเท่านั้น เหมือนการรบที่ชนะเท่าไหร่มันก็ชนะเท่านั้น ถ้าให้ไม่ดีคือรบไม่ดี มันก็พ่ายแพ้ คือถอยหลังไปเห็นแก่ตัว เป็นการลงทุนชนิดหนึ่งไปคือทำบุญหวังผลนั่นเอง

    จงระวังให้ดี จงทำบุญให้ได้รับประโยชน์ ให้เป็นประโยชน์ คือให้เป็นประโยชน์อันแท้จริง เป็นบุญที่แท้จริง (ตัดความตระหนี่, ความโลภลงได้และไม่หวังผลทางโลกียะ) อย่าได้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนาเลย”

    [​IMG]
     
  16. rsonthaya

    rsonthaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +123
    ร่วมทำบุญครับ โอนให้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สืบหาพระเครื่องดีวันนี้ คิดตริตรองอยู่นานถึงสองสัปดาห์ว่าจะเขียนเรื่องของท่านดีหรือไม่ แต่เมื่อวันก่อนได้ไปเยี่ยมท่าน เห็นทางวัดกำลังก่อสร้างกำแพงวัดอยู่ เลยตัดสินใจที่จะลงเรื่องของท่าน เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนในกระทู้ได้รู้จักท่าน และไปทำบุญกับท่านถึงที่วัด

    ก่อนอื่นต้องแจ้งให้ทราบก่อนว่า ผมเองนั้นทำงานอยู่ที่ระยองมานาน สืบหาพระท้องถิ่นที่พอจะกราบไหว้ได้สนิทใจ ก็สุดแสนจะลำบาก แต่ด้วยภารกิจบางอย่าง จึงทำให้ผมได้พบเจอกับท่านโดยบังเอิญ และเมื่อได้พบเจอท่านแล้ว ก็นับได้ว่าเป็นบุญวาสนาที่ได้พบเจอท่าน ครูอาจารย์ผมถึงกับเอ่ยปากว่า นับว่าเป็นบุญของเอ็ง ในเมื่อเกริ่นมานาน ก็ต้องขอบอกว่า ก่อนที่ผมจะทำภารกิจข้างต้น ผมจะต้องเสาะแสวงหา ครูอาจารย์ที่มีจิตตานุภาพเพื่อช่วยให้การอธิษฐานจิตนั้นเสร็จสมบูรณ์ โดยในขั้นแรกจะต้องหารูปท่านทางเน็ต แล้วนำรูปท่านที่หาได้นำให้ฌาณลาภีบุคคลหรือครูอาจารย์ตรวจเพื่อความแน่ใจ สุดท้ายก็บุกไปหา เพื่อดูวัตรปฏิบัติของท่าน และนำของที่ท่านทำไว้ หรือที่ท่านใ้ห้ มาตรวจสอบอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ สำหรับท่านองค์นี้ผ่านทั้งสองด่าน คือทั้งฌาณลาภีบุคคลและครูอาจารย์ที่มีความเห็นตรงกันว่า "สุดยอด" เมื่อไปถึงวัด ผมมองเห็นสีผี้งทีท่านเสกไว้ จึงยกขึ้นมาถือไว้ในมือ เสร็จแล้วก็ต่อสายปลายทางพร้อมกับสอบถามกัน ดังนี้

    -พี่ ที่ถืออยู่ในมือผมนี้ เป็นงัย หลวงปู่เสกเอง
    -เฮ้ย อะไรว๊ะ มีนกบินขึ้นมาเลยว่ะ ใช้ได้เว้ย
    -555 สีผึุ้งตลับครับ มีสาริกาไม้แกะ ตระกรุด ปลาตะเพียนเงิน-ทอง แล้วก็นางกวัก
    -เท่าไรว๊ะ
    -ร้อยเดียวเอง
    -เฮ้ย เอามาให้กูด้วย แล้วมีอะไรอีกมั๊ย
    -หลายอย่างเลย มีธงพัดโบก มีเหรียญ มีพระปิดตาฯ
    -เฮ้ยเอามาเยอะๆ

    ผลก็คือในวันนั้น สีผึ้ง 16 ตลับ ธงพัดโบก 5 ผืน เหรียญที่มีรูปท่าน พระปิดตา นาคปรกองค์จ้อย ผมหมดไปเกือบ 3 พัน

    ก่อนกลับ เห็นท่านนั่งบี้ขวดน้ำเล่นอยู่ ในขวดมีน้ำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง (ท่านเพิ่งฉันเพลเสร็จ) หลวงปู่ ผมขอขวดน้ำได้มั๊ย ท่านยื่นมาให้ สัมผัสแรกที่จับขวด วู้ว แรงขนาดจริงๆ

    หลังจากวันนั้น ได้กลับมาพบครูอาจารย์พร้อมกับนำของที่ทำบุญมาจากวัดมานั่งตรวจกันเริ่มตั้งแต่ ธงพัดโบกของท่าน พอกางออกมาดู อาจารย์ผมบอกเฮ้ย ตัวเลขขึ้นเลยว่ะ งวดที่แล้วเลยถูกสองตัวล่างไป (สงสัยให้มีโชคแล้วกลับไปบูชาวัตถุมงคลกับท่านใหม่ ซึ่งก็จริงซะด้วย) ตามมาด้วยตลับสีผี้ง - เมตตาสุดยอดว่ะ ต่อด้วยพระปิดตา - โอ้ว ท่านร้ายว่ะ ลบผงเองซะด้วย -มาถึงเหรียญรูปเหมือนท่าน - ฮ่ะฮ่า ท่านหัวเราะเลยว่ะ - มาถึงนาคปรก - เฮ้ยเยี่ยม คุ้มครองดีว่ะ (แม่ชีบอกว่า ท่านได้ผงจากวัดสรนารถมานานแล้วมาผสม (ผงพระมงคลมหาลาภ 2499) ส่วนด้านกำลังวิปัสสนานั้น ได้รับทราบจากครูอาจารย์ว่า ท่านลาพุทธภูมิและเลยอนาคามีแล้ว โดยในปัจจุบันท่านทรงฌาณตลอดแค่พลิกนิดนึงก็ตัดตรงได้เลย

    สรุปก็คือผมขอแนะนำให้ไปกราบกันครับ ไม่ต้องไปไกลถึงอุดร สกลนคร รึว่าเชียงใหม่ แค่เมืองแกลง นี่ละ ท่านใจดีมากๆ ไม่มีลูกศิษย์กันมีแต่แม่ชีและลุงแก่ๆ พร้อมกับหลานชาย ที่คอยบริการแขกที่มาเช่าวัตถุมงคล และถวายสังฆทานกับท่านซึ่งมีน้อยมาก อาจจะด้วยที่ว่านึกว่าท่านเป็นพระบ้าน วันๆ ได้แต่นั่งยิ้ม นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ประเภทใกล้เกลือกินด่างจริงๆ (นี่ละที่ทำให้ผมคิดหนักว่าจะลงเรื่องนี้ดีมั๊ย เพราะไม่้ต้องการให้คนไปกวนท่านมาก โดยเฉพาะพวกนักค้าพาณิชย์ทั้งหลาย ถ้าหากจะไปก็ให้ไปช่วงเพลครับ รอท่านฉัีนเสร็จก็จะได้รับแขกเลย บ่ายท่านจะได้พักผ่อน (ปัจจุบันท่านอายุ 89 แล้ว และบวชมาแล้วถึง 66 พรรษา)

    สำหรับท่านนั้น เมตตาสูงมาก ใครขอให้เป่าหัว เสกของเพิ่ม พรมน้ำมนต์ ทำให้ทุกอย่าง แม้กระทั่งลงยันต์ที่กระเป๋าเงิน ครูอาจารย์ที่ผมพาไปด้วยได้ไปนั่งคุยกับท่านเพื่อขอชมบารมีท่าน ไปนั่งดูท่านเสกของให้พวกที่ไปด้วยกัน ถึงกับบอกว่า เฮ้ย ท่านเก่งว่ะ เก่งจริงๆ วิธีการเสกของของท่านจากการที่ดูด้วยจิต ท่านจะตั้งธาตุก่อนทุกครั้ง แล้วค่อยเสก ไม่ใช่เป่าพรวดๆ อย่างที่คนเข้าใจ หรือที่เห็นกัน ดูถูกท่านไม่ได้เลย จิตท่านละเอียดมาก กราบได้สนิทใจว่ะ

    เอาล่ะ นาทีนี้ ผมไม่อยากลงชื่อท่าน แต่ถ้าท่านอยากไปกราบท่าน pm.มา ผมจะบอกชื่อท่านและวัดให้ หยุดยาวเดือนหน้าไปกราบท่านให้ได้ครับ เนื้อนาบุญที่เป็นอริยสงฆ์อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นับว่าหายากที่สุด ขอให้มีบุญกันทุกคนก็แล้วกัน ถามมาครับ ยินดีตอบให้ทุกคน ไปช่วยท่านสร้างกำแพงวัดกัน (ในวัดท่านเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมากราบท่านตลอด แถมมีตราประจำพระองค์ติดอยู่ที่โบสถ์เป็นหลักฐานซะด้วย)

    พันวฤทธิ์
    16/3/56
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2013
  18. SilentSoar

    SilentSoar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    481
    ค่าพลัง:
    +2,384
    แจ้งโอนเงินทำบุญครับ ^_^ 200 บาท

    โอนเงินต่างธนาคาร - สถานะการทำรายการ
    สถานะการทำรายการ ธนาคารได้ทำรายการของท่านเรียบร้อยแล้ว
    หมายเลขอ้างอิง KBKR130318351681060
    รายละเอียดการทำรายการ
    วิธีโอนเงิน ออนไลน์ (ตลอด 24 ชั่วโมง)

    ธนาคารเจ้าของบัญชี ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
    เพื่อเข้าบัญชี 348-1-23245-9 ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร
    ชื่อเจ้าของบัญชีในฐานข้อมูล PRATOM F.
    จำนวนเงิน (บาท) 200.00
    ค่าธรรมเนียม (บาท) 25.00
    วันที่โอนเงิน 18/03/2013 [01:48:29]
    บันทึกช่วยจำ ร่วมทำบุญและร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ รวมถึงร่วมทำบุญทุกอย่าง รวมร่วมบุญจำนวน 200 บาท




    แจ้งโอนเงินทำบุญครับ ^_^ 200 บาท

    ร่วมทำบุญและร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ
    รวมถึงร่วมทำบุญทุกอย่าง
    รวมร่วมบุญจำนวน 200 บาท

    และขอร่วมทำบุญเป็นสังฆทาน และเพื่อชำระหนี้สงฆ์ นับตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบันชาติ
    ขออนุโมทนาบุญ ทั้งหลายทั้งปวงให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่มีตั้งแต่ต้น บิดามารดาของข้าพเจ้าทั้งชาตินี้และทุกๆชาติ
    พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
    พระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ พระยายมราช เจ้าการบัญชี ลุงพุฒิ
    พระศรีอารียเมตไตรย และสมเด็จองค์ปฐมอันเป็นที่สุด

    ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุขสมหวังในเรื่องความรักทุกประการ นับตั้งแต่บัดนี้ตลอดเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    ขอให้ข้าพเจ้ามีดวงตาเห็นธรรม และเป็นคนดีนับตั้งแต่บัดนี้ตลอดเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    ขอให้ ความไม่มี ความไม่รู้ และความไม่ได้ จงอย่าได้บังเกิดกับข้าพเจ้านับตั้งแต่บัดนี้ตลอดเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วย เถิด สาธุ สาธุ สาธุ ...

    ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมทำบุญทุกท่านด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ...
    อนุโมทนาบุญครับ,
    SilentSoar
     
  19. tidjerd

    tidjerd ตั้งใจฟังธรรม ตั้งใจฟังธรรม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +69
    วันนี้ได้รับแล้วครับพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่และพิมพ์แป้งกระแจะองค์เล็กจิ๋วขอบคุณมากครับ
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ขออนุโมทนาบุญที่ได้ทำแล้ว สำเร็จแล้วด้วยดีครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินบริจาค ผมจะนำไปบริจาคเพื่อการรักษาสงฆ์อาพาธตามโรงพยาบาลต่างๆ อย่างดีที่สุดโดยจะไม่ให้ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใดครับขอรับรอง

    พันวฤทธิ์
    ๒๑/๓/๕๖
     

แชร์หน้านี้

Loading...