ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    ตรัสรู้
    หลังจากที่พระองค์กลับมาเสวยพระกระยาหารทรงจากเขาดงคสิริที่ทำทุกรกิริยา สู่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
    นางสุชาดาได้นำอาหารไปบวงสรวงเทวดาได้พบพระองค์เข้าใจผิดคิดว่าเป็นเทวดา จึงนำข้าวมธุปายาสกถวายพระองค์ทรงเสวย และนำกถาดทองคำที่ใส่ข้าวมธุปายาสไปลอยน้ำที่แม่น้ำเนรัญชรา เพื่อเป็นการเสี่ยงทายว่า หากแม้นเราจะได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าแล้วขอให้ถาดทองนี้ลอยทวนกระแสน้ำ ผลปรากฎว่าถาดทองได้ลอยทวนกระแสน้ำไปเป็นระยะประมาณ 20 วาและจมลง พระองค์ทรงมั่นพระทัย ทรงเสด็จข้ามแม่น้ำเนรัญชรา เดินทางไปที่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ พบคนหาบหญ้าชื่อ โสตถิยะ ได้ถวายหญ้าปูลาดเป็นที่ประทับ ณ ใต้ต้นโพธิ์ ทรงประทับนั่งขัดสมาธิ ผินพระพักตร์ไปสู่ทิศบูรพา
    ตั้งจิตแน่แน่วว่าแตราบใดที่ยังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาน จักไม่ลุกขึ้นจากสมาธิบัลลังก์ พญาวัสสวดีมาร เข้าทำการขัดขวางการตรัสรู้ ของพระมหาบุรุษ แต่พ่ายแพ้ไป ด้วยอำนาจบารมี ครั้นพญามารพ่ายแพ้กลับไปแล้ว พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญเพียรต่อไป ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้น ทรงเริ่มบำเพ็ญสมาธิให้เกิดในพระทัย เรียกว่าการเข้าฌาน เพื่อเป็นบาทของวิปัสสนาญาณ จนเวลาผ่านไปจนถึงยามต้น ทรงบรรลุปุพเพนิวาสานุติญาณ คือ ทรงระลึกชาติในอดีต ทั้งของตนเองและผู้อื่นได้ ยามสอง ทรงบรรลุ จุตูปปาตญาณ คือ การรู้แจ้งการเกิดและดับของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ยามสาม ทรงบรรลุ อาสวักขญาณ คือ รู้วิธีกำจัดกิเลส(มาร) ด้วย อริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ) ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์จึงพบกับความสุขสว่างอย่างแท้จริง ซึ่งเรียกกันว่าทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลก ตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 ณ อุรุเวลาเสนานิคม แขวงเมืองพาราณสี ขณะมีพระชนม์ได้ 35 พรรษา

    [​IMG]

    ภาพสถูป บ้านนางสุชาดา ผู้ถวายข้าวมธุปายาส ข้าวมื้อแรกก่อนตรัสรู้ พระสงฆ์ในภาพคือพระวิทยากร ท่านชื่อว่า พระมหาอ้าย บวชตั้งแต่เป็นเณรจนปัจจุบันใกล้จบปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเดลีที่อินเดีย บรรยายให้ทางคณะทราบถึงพุทธประวัติและวิถีชีวิตชาวอินเดีย ตลอดการเดินทางครั้งนี้ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    บรรยากาศบริเวณบ้านนางสุชาดาในปัจจุบัน คงแตกต่างไปไม่มากกับสมัยพุทธกาล มีวิถีชีวิตแบบเก่าๆ โดยเอาขี้วัวผสมกับฟางทำให้แห้งติดไว้บริเวณผนังบ้านไว้เป็นเชื้อเพลิงใช้สอยในรูปแรก การแต่งตัว ก็อย่างที่เห็นในรูปที่สองครับ

    [​IMG]

    บริเวณแม่น้ำเนรัญชราในปัจจุบันมักแห้งแต่มีน้ำไหลใต้พื้นทราย ในสมัยพุทธกาลฝั่งบ้านนางสุชาดาคือท่าน้ำที่พระพุทธองค์ทรงลอยถาดทองคำ และทรงข้ามแม่น้ำไปบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าที่ต้นศรีมหาโพธิ์ในฝั่งตรงข้าม ที่เห็นไกลๆในรูปเป็นเจดีย์ที่ทรงตรัสรู้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0798.jpg
      DSCN0798.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.2 KB
      เปิดดู:
      940
    • DSCN0800.jpg
      DSCN0800.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.4 KB
      เปิดดู:
      1,102
    • DSCN0802.jpg
      DSCN0802.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77.3 KB
      เปิดดู:
      1,019
    • DSCN0805.jpg
      DSCN0805.jpg
      ขนาดไฟล์:
      92.9 KB
      เปิดดู:
      1,219
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มกราคม 2008
  2. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    หลักความเชื่อในพระพุทธศาสนา

    หลักความเชื่อในพระพุทธศาสนา

    ปัญหา ได้ทราบว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญา สอนให้ใช้ปัญญาพิจารณาก่อนจึงเชื่อ
    แต่อยากทราบว่ามีหลักอะไรบ้างในพระพุทธศาสนาที่พุทธศาสนิกชนจะต้องเชื่อ ? และถ้าไม่เชื่อจะมีผลอย่างไร ?


    พุทธดำรัสตอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2008
  3. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ผลของศรัทธาในพระพุทธเจ้า

    ปัญหา ในศาสนาฝ่ายเทวนิยม ผู้ใดมีความเชื่อและความรักในพระผู้เป็นเจ้า ผู้นั้นย่อมมีหวังเข้าสู่สวรรค์ ในเรื่องนี้
    พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้อย่างไรบ้าง ?

    พุทธดำรัสตอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2008
  4. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ปิดประตูนรก

    ปัญหา ทำอย่างไร จึงจะเชื่อแน่ได้ว่า คนจะไม่ตกนรก และจะไม่เกิดในอบายภูมิอื่น ๆ อย่างเด็ดขาด ?

    พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนคฤหบดี เมื่อใดแล ภัยเวร ๕ ประการของอริยสาวกสงบแล้ว เมื่อนั้นอริยสาวกย่อมประกอบด้วย
    ธรรมอันเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่าง และญายธรรมอย่างประเสริฐ อริยสาวกเห็นดีแล้วแทงตลอดด้วยปัญญา
    อริยสาวกนั้นหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเอง ได้ว่าเราเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำหนดสัตว์เดียรัจฉานสิ้นแล้ว
    มีปิตติวิสัยสิ้นแล้ว มีอบาย ทุคติ วินิบาตสิ้นแล้ว เราเป็นโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงจะตรัสรู้ในภายหน้า
    “ภัยเวร ๕ ประการสงบแล้วเป็นไฉน ดูก่อนคฤหบดี บุคคลผู้ฆ่าสัตว์.... บุคคลผู้ลักทรัพย์.... บุคคลผู้ประพฤติผิดในกาม.....
    บุคคลผู้พูดเท็จ.... บุคคลผู้ตั้งอยู่ในความประมาท เพื่อดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย ย่อมประสบภัยเวรใดอันมีในชาตินี้บ้าง
    อันมีชาติหน้าบ้าง ย่อมเสวยทุกข์ทางใจคือโทมนัสบ้างเพราะปาณาติบาต.... เพราะอทินนาทาน.... เพราะกาเมสุมิจฉาจาร....
    เพราะมุสาวาท.... เพราะการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยเป็นเหตุ.... กาเมสุมิจฉาจาร.... มุสาวาท.... การดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย
    อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทสงบแล้วด้วยอาการอย่างนี้ ภัยเวร ๕ ประการนี้สงบแล้ว

    “อริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรม อันเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างเป็นไฉน ดูก่อนคฤหบดี อริยสาวกในธรรมวินัยนี้
    ย่อมประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า.... ในพระธรรม.... ในพระสงฆ์.... ย่อมประกอบด้วยศีล
    ที่พระอริยเจ้าปรารถนา ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อมเป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิไม่ครอบงำได้
    เป็นไปเพื่อสมาธิ อริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรมอันเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างนี้.....

    “ก็ญายธรรมอันประเสริฐ อันอริยสาวกเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญาเป็นไฉน ดูก่อนคฤหบดี อริยสาวกในธรรมวินัยนี้
    กระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ถึงปฏิจจสมุปบาทเป็นอย่างดีว่า เมื่อสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี
    สิ่งนี้จึงไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับด้วย ประการดังนี้ คือ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร ฯลฯ ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
    จึงมีด้วยประการฉะนี้ ก็เพราะอวิชชาดับ.... สังขารจึงดับ ฯลฯ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ย่อมีด้วยประการอย่างนี้

    “ดูก่อนคฤหบดี เมื่อใดแล ภัยเวร ๕ ประการนี้ของอริยสาวกสงบแล้วเมื่อนั้นอริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรมเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่าง
    และญายธรรมย่อมประเสริฐนี้... อริยสาวกนั้น หวังอยู่พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เราเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว....”


    ปัจจเวรภยสูตรที่ ๑ นิ. สํ. (๑๕๑-๑๕๕)
    ตบ. ๑๖ : ๘๒-๘๓ ตท. ๑๖ : ๗๕-๗๗
    ตอ. K.S. II : ๔๗-๔๘


    ที่มา <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="51%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2008
  5. nalada

    nalada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +127
    [​IMG]
    โมทนาบุญและยินดีกับทุกๆท่านที่ได้รับพระชุดแรกที่ทางทุนนิธิแจกฟรีครับ

    จากที่เคยประกาศว่าจะแจกพระฟรี หมดเขตการแจกสิ้นเดือนมกราคม มาถึงวันนี้ก็ครบกำหนดพอดี และจะทำการส่งพระที่ยังคงค้างไว้ ให้ได้รับไปบูชากันอดใจรอนิดนึงครับ

    แต่วันนี้จะมาเฉลยว่าทำไมว่าบุคคลที่ได้รับชุดนี้ไปบูชา มีบุญ มีบารมี มีโชค

    -ประการแรก พระนี้แจกฟรีเป็นพุทธบูชา และพุทธานุสติ จึงได้บุญเต็มเปรี่ยม ไม่มีการซื้อขายพระให้เกิดกิเลสอยากได้ในใจ

    -ประการสอง พระชุดนี้เป็นพระที่พี่พันวฤทธิ์นำเข้าพิธีเสกเพิ่มที่บ้านอาจารย์ประถม ทั้งสามหนหรือเกือบทุกพิธี

    -ประการที่สาม พระชุดนี้พี่ใหญ่ตั้งใจเชิญบารมีพระพุทธเจ้าองค์ปฐมแห่งภัทรกัปป์นี้และครูบาอาจารย์ที่สำคัญเช่นหลวงปู่โลกอุดร ลงมาอธิฐานจิตเสกจนเต็มแล้วเต็มอีก จนไม่สามารถเสกเพิ่มได้ อีกเน้นเมตตามหานิยมที่ทำได้ยาก (เป็นคำพูดของพี่ใหญ่เองที่อนุญาตให้บอกได้เพื่อเป็นกำลังใจกับผู้ร่วมทำบุญกับทุนนิธิฯ) ดังคำหลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแกกล่าวว่า เมตตาเสกยากสุด

    -ประการที่สี่ ถ้าใครสามารถเช็คอิทธิคุณภายในองค์พระได้ จะทราบว่าพระชุดนี้ดีมาก (จนหลายคนที่ได้รับพระจากผม ไปเช็คแล้วpmกลับมาขอเพิ่มอีกและเลี่ยมแขวนขึ้นคอกันเลย) ทางคณะได้นำพระชุดนี้ไปให้อาจารย์ปู่เช็ค ผลเป็นอย่างไร ไม่อยากออกอากาศเดี๋ยวหาว่าโฆษณาเกินจริง ใครต้องการทราบpmมาถามได้

    สำหรับท่านใดที่พลาดโอกาสทอง ไม่ต้องน้อยใจครับ ทางคณะทุนนิธิมีโครงการแจกอีก เป็นพระชุดวิเศษเช่นกัน ไว้รอเวลาอันเหมาะสมครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
    ยินดีกับทุกท่านที่ได้รับทั้งมหากุศลช่วยสงฆ์อาพาธและได้รับพระทรงความศักดิ์สิทธิ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 มกราคม 2008
  6. teerins

    teerins เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,796
    โมทนาบุญด้วยครับ พระสองหน้าผงยาวาสนา ได้รับจากพี่
    ผมนำไปเลี่ยม แสตนเลส เปิดด้านหน้าออก บูชาขึ้นคอครับ
    ปกติพระวังหน้าผมก็มีอยู่พอสมควรเหมือนกัน แต่สัมผัสพลัง
    อิทธิคุณแล้ว สูงกว่าองค์ที่ผมมีอยู่ นอกจากพระวังหน้า อีก
    2 องค์ผมบูชาพระหลวงปู่ดู่ และหลวงพ่อฤาษีขึ้นคอครับ
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ขอสวัสดีสมาชิกทุกท่านในเวบพลังจิตนะคะ หนูเป็นลูกสาวของคุณพันวฤทธิ์ค่ะ ตอนนี้คุณพ่อยังอยู่ที่โรงพยาบาลนะคะแต่ว่าได้ติดตามข่าวสารทางเวบอยู่เสมอค่ะ ในฐานะของลูกต้องขอบอกว่าดีใจมากค่ะที่คุณพ่อได้ทำให้หลายๆคนในเวบนี้ได้รับความอิ่มอกอิ่มใจ อิ่มบุญไปตามๆกัน ขอขอบคุณแทนคุณพ่อด้วยนะคะที่หลายๆท่านยังคงสนับสนุนทุนนิธิตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ และในฐานะวัยรุ่นคนหนึ่งต้องขอบอกว่าประทับใจมากค่ะที่ยังคงมีคนมากมายพร้อมจะทำบุญ(ออนไลน์)เพื่อดำรงสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป เห็นแล้วรู้สึกดีจริงๆค่ะ ^^
    ต้องขอขอบพระคุณสำหรับทุกความห่วงใยที่มีให้คุณพ่อด้วยนะคะ ตอนนี้ก็แข็งแรงขึ้นมากแล้วค่ะ อีกไม่นานคงจะได้กลับมาปรากฎตัวอีกครั้งค่ะ
     
  8. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    สัตตมหาสถาน

    หลังจากที่พระเจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงตรัสรู้แจ้งเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วท่านยังทรงไม่ได้เสด็จไปจากบริเวณศรีมหาโพธิ์ ทรงทบทวนความรู้ในการตรัสรู้และเสวยวิมุติสุขอยู่ถึง49วัน จึงเกิดเป็นสถานที่มงคล7แห่งดังนี้

    ศรีมหาโพธิ์
    อยู่บริเวณทิศตะวันตกของพระมหาเจดีย์ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธทุกนิกาย ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์มีพระแท่น วัชรอาสน์ เป็นที่ประทับนั่งตรัสรู้ พระองค์ทรงเสวยวิมุตติสุขที่นี้เป็นสัปดาห์แรก ทรงใคร่ครวญปฏิจจสมุปปบาท ทั้งปฏิโลมและอนุโลม ทั้งสายเกิดและสายดับทรงอุทานว่า เราท่องเที่ยวมานาน 4 อสงไขย กำไรอีกแสนกัปป์ ณ บัลลังก์แห่งนี้ เป็นวิชัยบัลลังก์ เป็นมงคลบัลลังก์ เราจะนั่งอยู่เหนือบัลลังก์นี้ตลอด ตราบใดดำริของเรายังไม่บริบูรณ์ จักไม่ลุกขึ้น และทรงเข้าสมาบัติ ประทับนั่งตลอด 7 วัน



    <CENTER>[​IMG]</CENTER>มหาเจดีย์พุทธคยา หรือ เจดีย์มหาโพธิ์ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกของต้นศรีมหาโพธิ์ สันนิษฐานว่าสร้างมาแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช และต่อเติมจนใหญ่โตจากแรงศัทธาของพระราชาที่เป็นชาวพุทธมาหลายสมัย (เจดีย์มหาโพธิ์นี้กว่าจะได้กลับมาเป็นของชาวพุทธ มีประวัติการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นเจ้าของอย่างหน้าสนใจ ไว้วันหน้าจบเรื่องพุทธประวัติแล้วจะมาเล่าให้ท่านที่สนใจได้ทราบกันต่อไป)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 พฤศจิกายน 2008
  9. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    มาชมภาพบริเวณ เจดีย์มหาโพธิ์พุทธคยา ตอนเวลาค่ำคืน เป็นภาพที่หาถ่ายได้ยาก ทางคณะได้ไปค้างคืนบริเวณใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ ทั้งนั่ง ทั้งเดิน ภาวนาเกือบทั้งคืน เพราะได้ขออนุญาตทางคณะกรรมการที่ดูแลสถานที่ได้สำเร็จ ให้พักในบริเวณเจดีย์ได้ นับเป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของข้าพเจ้าที่ต้องจดจำไปตลอดชีวิตนี้
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  10. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    [​IMG]

    ศิลปอันวิจิตรงดงามโดยการสลักหินทรายเป็นลวดลายต่างๆเพื่อบูชาพระพุทธองค์
    [​IMG]
    บริเวณทางเดินรอบพระเจดีย์จะปูด้วยหินอ่อนเกือบทั้งหมด

    [​IMG]

    ในภาพคือบริเวณโค่นต้นศรีมหาโพธิ์ ได้ทำรั้วล้อมไว้ภายในมีพระแท่น วัชรอาสน์ ที่ตรัสรู้ของพระพุทธองค์ ปัจจุบันปิดไม่ให้เข้าไปเพื่อรักษาต้นศรีมหาโพธิ์ให้อยู่ยืนยาวนาน ห้ามจุดธูปเทียนบริเวณนี้เด็ดขาด ทางคณะได้ห่มผ้าสีทองถวายพระพุทธองค์และศรีมหาโพธิ์ ปิดทองบริเวณรั้ว ทำวัตรเย็น และนั่งภาวนากันบริเวณนี้ครับ
     
  11. นายเหมียวๆ

    นายเหมียวๆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +61
    เรียนคุณโสระ
    ไม่ทราบว่าพระนาคปรกหลวงปู่แหวนยังพอเหลืออยู่ไหมครับอยากจะขอจองสัก 3 องค์ถ้ายังมีเหลือรบกวนแจ้งทางพีเอ็มเพื่อช่วยเหลือค่าส่งพระน่ะครับ
    ส่วนการโอนเงินเข้ามูลนิธินั้นจะแจ้งให้ทราบอีกที
    ขอบคุณครับ
     
  12. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    บุคคลประเสริฐ ๒ ประเภท
    บุคคล ๒ ประเภทนี้นับว่าเป็นบุคคล ที่เริ่มหาได้ยากยิ่งขึ้นทุกทีในสังคมปัจจุบัน หากมีบุคคล ๒ ประเภทนี้อยู่ ในสังคมนี้จำนวนมากๆ สังคมคงมีแต่ความรัก ความเอื้ออาทร สามัคคี และมีสันติสุข ในขณะเดียวกัน หากไม่มีคน ๒ ประเภทนี้อยู่ในสังคม หรือมีอยู่น้อยมาก สังคมคงมีแต่การแก่งแย่งแข็งขัน เห็นแก่ตัว ไร้ความสงบสุข และแตกแยก บุคคลประเสริฐ ๒ ประเภทนี้คือ
    ผู้ให้การอุปการะต่อบุคคลอื่นก่อน
    บุคคลประเภทเป็นผู้ให้ ด้วยความเต็มใจ ซึ่งมาอันดับตนๆ คือ พ่อแม่ ครูอาจารย์ พระราชา ซึ่งไม่จำเป็นว่าการเป็นผู้ให้ จะต้องเป็นคนที่สูงกว่า ด้วยอายุ หรือ ฐานะ ผู้ให้ในระดับเดียวกันอย่าง เพื่อน สามีภรรยา หรือ ผู้ให้ที่อายุ หรือ ฐานะน้อยกว่า อย่าง ลูกน้อง ลูกหลาน ลูกศิษย์ และการให้การไม่ได้หมายถึง ทรัพย์สินเพียงอย่างเดียว การให้นั้น รวมทั้งการอาสาช่วยเหลือ ในสิ่งที่เขาต้องการ การสนับสนุนส่งเสริม การปกป้องคุ้มครอง ตามแต่กำลังที่มี ผู้ให้มักเป็นผู้ที่มีความสุขจากการให้ มีความภาคภูมิใจ มีความอิ่มใจ แต่ที่สำคัญ ต้องให้ด้วยความจริงใจ ด้วยความปรารถนาดี ซึ่งในสังคมนี้หาได้ยากยิ่งขึ้นจริงๆ
    ผู้รู้คุณของคนอื่นที่มีต่อตน แล้วตอบแทน
    หรือที่เรียกว่าคนที่มีความกตัญญู กตเวทิตา บุคคลที่ระลึกถึงบุญคุญของคนอื่นที่มีต่อตนอยู่เสมอ และตอบแทนบุญคุณ ทุกครั้งที่มีโอกาส และมีกำลังเพียงพอ การระลึกถึงคุณ มาดาบิดา พระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ พระมหากษัตริย์ และผู้มีบุญคุณอื่นๆอีก จะคอยย้ำเตือนว่าเรามีความสุข มีชีวิต มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้ได้เพราะ ผู้มีคุณทั้งหลาย จะทำให้มีความรู้สึกดีดี มีความรู้สึกอยากตอบแทนบุญคุญที่มีต่อตน การตอบแทนมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การอาสาช่วยเหลือ การให้ความอ่อนน้อมถ่อมตน การช่วยสนันสนุนด้วยกำลังทรัพย์ กำลังความคิด หรือแรงกาย ตามแต่กำลังที่มี รวมไปถึง การบูชา ศรัทธา ต่อผู้มีคุณทั้งหลาย หากโลกนี้ มีแต่ผู้ให้แต่ไม่มีผู้ตอบแทน โลกนี้ก็จะเต็มไปด้วย พวกทำบุญไม่ขึ้น สุดท้ายผู้ให้การลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ
    การเป็นผู้รู้คุณคน เป็นคุณสมบัติของผู้ประเสริฐ ซึ่งคอยรักษาเอาไว้ เพราะจะนำพาชีวิตไปสู่ หนทางที่ถูกที่ควร มีหลัก มีแนวทางการดำเนินชีวิตที่ดี เป็นที่เอ็นดูรักใคร่ แก่บุคคลที่รู้จัก

    ขอขอบคุณ =>[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2008
  13. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    การ ลด ละ เลิก การทำบาป เป็นพื้นฐานขั้นต้นในการทำชีวิตให้สงบสุข ร่มเย็น ได้มีการกล่าวถึง อยู่หลายบท หลายตอน โดยเชื่อกันว่าการทำบาปเป็นสาเหตุหลักแห่งการเกิดปัญหาชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการ ดื่มสุรา ผิดลูกเมียคนอื่น ทำร้ายร่างกาย และจิตใจ เป็นต้น การทำบาปเหล่านี้ล้วนนำพาชีวิต ไปพบเจอกับปัญหา ความทุกข์ การละเว้นบาปได้ ย่อมทำให้ชีวิตสงบร่มเย็น ปราศจากปัญหาชีวิต
    คำสอนที่กล่าวถึงการละเว้นการทำบาป นั้นสำหรับชาวบ้านทั่วไปอย่างเราๆท่านๆ ที่น่าสนใจพึ่งกระทำกันได้นั้นมีดังนี้
    การรักษาศีล โดยศีลมีการแบ่งเป็นระดับๆ เช่น ศีลห้า ศีลพื้นฐานของชาวพุทธที่ใช้ชีวิตในกิจวัตรประจำวันทั่วไป ศีลแปด สำหรับผู้ต้องการทำจิตใจให้สงบฝึกตน ให้พ้นจาก กิเลสตัณหา มากขึ้น ชาวพุทธนิยมถือศีลแปดกันในวันพระ ที่วัด จึงเรียกศีลแปดว่า อุโบสถศีล นอกจากจากยังมีศีลที่มากขึ้น เพื่อการรักษาตนให้พ้นจากกิเลสตัณหา ได้มากขึ้น เช่น ศีลสิบ ของสามเณร ศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ดข้อ ของพระภิกษุสงฆ์...
    ทางแห่งกุศล หรือ กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ มีลักษณะคล้ายศีลห้า แต่จำแนกแยกแยะแบ่งเป็น การกระทำที่ควรงดเว้นสามประการ คำพูดที่ควรงดเว้นสี่ประการ และความคิดที่ควรงดเว้นสามประการ...
    หิริโอตัปปะ หรือ ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ถือเป็นธรรมะที่สำคัญต่อความสงบสุขในสังคม วึ่งหากคนในสังคมปราศจาก ความละอาย และความเกรงกลัวต่อบาปแล้ว ความวุ่นวายย่อมบังเกิดไม่จบไม่สิ้น...
    <TABLE class=fontpolyboon cellSpacing=2 cellPadding=3 width="95%" align=center bgColor=#cc9900 border=0><TBODY><TR><TD>การรักษาศีล
     
  14. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    <TABLE borderColor=#009900 width="100%" align=center bgColor=#ffff99 border=2>
    <TBODY><TR>
    <TD>[​IMG]

    วิหารมายาเทวี ที่ประสูติพระเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารในปัจจุบัน...


    </TD>
    <TD>[​IMG]

    เสาหินสมัยพระเจ้าอโศกสูง26ฟุต6นิ้ว โดย8ฟุต6นิ้วฝังอยู่ในดิน...

    </TD>
    <TD>[​IMG]

    รูปนี้แสดงสระโบกขรณีซึ่งห่างจากเสาอโศก จุดที่ประสูติไม่ไกลกันนัก...


    </TD>​



    </TR>
    <TR>
    <TD>[​IMG]

    ภาพเวียงวังที่เคยรุ่งเรืองสวยงามในอดีตของกรุงกบิลพัสดุ์...


    </TD>
    <TD>[​IMG]

    วัดไทยในต่างแดน....

    </TD>
    <TD>[​IMG]

    วัดนานาชาติที่ลุมพินี ประเทศเนปาล ภาพที่ชมนี้คือ วัดของประเทศจีน...


    </TD>​



    </TR>
    <TR>
    <TD>[​IMG]

    ประตูเมืองกบิลพัสดุ์ด้านที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกทรงผนวช...

    </TD>
    <TD>[​IMG]

    รูปสมณโคดม ขณะทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ตั้งอยู่ภายในถ้ำที่เป็นโพรงตื้นๆมีขนาดเพียง กว้าง 3 เมตร ยาว 4 เมตร


    </TD>
    <TD>[​IMG]

    ภาพสถูป บ้านนางสุชาดา ผู้ถวายข้าวมธุปายาส ข้าวมื้อแรกก่อนตรัสรู้ ...

    </TD>​



    </TR>
    <TR>
    <TD>[​IMG]

    มหาเจดีย์พุทธคยา หรือ เจดีย์มหาโพธิ์ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกของต้นศรีมหาโพธิ์ ...

    </TD>
    <TD>[​IMG]

    ภาพบริเวณ เจดีย์มหาโพธิ์พุทธคยา ตอนเวลาค่ำคืน...


    </TD>
    <TD>[​IMG]

    บริเวณโคนต้นศรีมหาโพธิ์ ภายในมีพระแท่น วัชรอาสน์ ที่ตรัสรู้ของพระพุทธองค์...


    </TD>​



    </TR>





    </TABLE>
     
  15. MEA

    MEA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +660
    วันนี้มาร่วมทำบุญครับ โดยโอนเงินร่วมทำบุญ 300 บาท ผ่าน ATM ไทยพาณิชย์ เวลา 07.04 น. ขอโมทนาบุญด้วยครับ ขอให้พี่พันวฤทธิ์หายเร็วๆครับ
     
  16. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    กราบขอบพระคุณและโมทนาบุญกับทุกท่านด้วย
    นะครับ ที่ได้เสียสละบริจาคเงินให้ทางทุนนิธิฯ สาธุ สาธุ สาธุ ทางทุนนิธิฯก็จะพยายามนำเงินที่ท่านได้บริจาคนี้ไปสร้างกุศลตามเจตนารมณ์ร่วมกันต่อๆไปครับ

    ต้องขอแก้ไขวันที่ที่จะไปทำยบุญกันสักเล็กน้อยคือเลื่อนจากวันที่
    10 ก.พ. 2551 เป็นวันที่ 17 ก.พ. 2551 แทนนะครับก็ขอแจ้งให้ทราบตามนี้ ส่วนรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ ท่านใดที่มีเวลาว่างก็ขอกราบเรียนเชิญไปร่วมงานบุญกันนะครับ





     
  17. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    ทำดีไม่ได้ดี(ในปัจจุบัน) เพราะกรรมเก่าที่ไม่ดีกำลังส่งผล

    ทำดีไม่ได้ดี(ในปัจจุบัน) เพราะกรรมเก่าที่ไม่ดี(ที่เคยทำมาในอดีต)กำลังส่งผล

    [​IMG]

    "....ที่ชอบพูดกันพร่ำเพรื่อในยุคนี้สมัยนี้ว่า ทำดีไม่ได้ดี ทำไม่ดีกลับได้ดีนั้น แม้จะให้ถูกต้องควรต้องขยายความให้ยาวออกไปด้วย เช่นว่า ทำดีไม่ได้ดี เพราะกรรมเก่าที่ไม่ดีกำลังส่งผล
    ทำไม่ดีกลับได้ดีเพราะกรรมเก่าที่ดีกำลังส่งผล

    แม้กล่าวขยายให้สมบูรณ์ดังนี้ ก็จะได้ความเข้าใจในเรื่องผลของกรรม ชัดเจนต้องขึ้น คือกรรมนั้นแม้ทำแล้ววันหนึ่งต้องให้ผล จนสามารถทำให้กรรมปัจจุบันต้องส่งผลช้าไปได้ คือกรรมดีในปัจจุบันไม่อาจส่งผลดีได้ทันที เมื่อมีผลของกรรมไม่ดีที่แรงกว่า หรือกรรมไม่ดีในปัจจุบัน ไม่อาจส่งผลไม่ดีได้ทันที เมื่อมีผลของกรรมดีในอนาคตแรงกว่า

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปริณายก
    ที่มา
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=278
     
  18. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    สัตตมหาสถานอันดับที่2 อนิมิสเจดีย์
    หลังจากพระพุทธองค์ทรงออกจากสมาบัติในวันที่8นับจากทรงตรัสรู้ ทรงแสดงยมกปาฏิหารย์เพื่อระงับความปริวิตกของเทวดา ที่ว่าพระพุทธองค์ทรงอาลัยในโพธิบัลลังก์ ทรงบันดาลท่อไฟและน้ำพวยพุ่งออกจากส่วนของพระวรกายไปทั้งคู่ ทรงประทับยืนทางทิศเหนือทอดพระเนตรดูบัลลังก์และต้นโพธิ์ ด้วยพระเนตรที่ไม่กระพริบอยู่ตลอด 7 วัน สถานนี้จึงชื่อ อนิมิสเจดีย์

    [​IMG]

    ด้วยความรีบร้อนของข้าพเจ้าจึงถ่ายรูปอนิมิสเจดีย์ได้ไม่ครบ โดยในภาพสังเกตุบริเวณด้านขวาสุดของภาพจะมีเนินดินและมีพระชาวธิเบตใส่จีวรสีแดงนั่งอยู่กลุ่มหนึ่งข้างเจดีย์ที่เห็นเพียงนิด คือ อนิมิสเจดีย์ ครับ อยู่ทางทิศเหนือของ มหาโพธิ์เจดีย์
     
  19. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    สัตตมหาสถานอันดับที่3 รัตนจงกรมเจดีย์
    พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุข ในสัปดาห์ที่3 อยู่ระหว่างต้นศรีมหาโพธ์กับอนิมิสเจดีย์ พระบรมศาสดาทรงนิรมิตที่สำหรับจงกรม ระหว่างโพธิบัลลังก์ กับที่ยืนเพ่งอนิมิสเจดีย์ เสด็จจงกรมทางทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก ตลอด 7 วัน สถานที่นี้จึงชื่อว่า รัตนจงกรมเจดีย์

    [​IMG]

    ในภาพเป็นหินทรายสลักเป็นรูปดอกบัวบานรับแสงอาทิตย์ จำนวน 19 ดอก ที่นี้คือ รัตนจงกรมเจดีย์
     
  20. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ธรรมคุ้มครองโลก

    ปัญหา ธรรม ๒ ประการ คือ หิริและโอตตัปปะช่วยผู้ครองโลกอย่างไร ?

    พุทธดำรัสตอบ “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมฝ่ายขาว ๒อย่าง นี้ย่อมคุ้มครองโลก คือ หิริ ๑ โอตตัปปะ ๑ เข้าธรรมฝ่ายขาว ๒ อย่างนี้ไม่พึงคุ้มครองโลก การนับถือกันว่ามารดา น้า ป้า ภรรยาของอาจารย์ ภรรยาของครูไม่พึงปรากฏในโลกนี้ โลกจักถึงความสำส่อนเหมือนพวกแพะ แกะ ไก่ หมู สุนัขบ้าน และสุนัขจิ้งจอก.... แต่เพราะธรรมฝ่ายขาว ๒ อย่างนี้ยังคุ้มครองโลกอยู่ ฉะนั้นการนับถือกันว่า มารดา น้า ป้า ภรรยาของอาจารย์ ภรรยาของครู จึงมีปรากฏอยู่ในโลก....”
    ป. ทุก. อํ. (๒๕๕)
    ตบ. ๒๐ : ๖๕-๖๖ ตท. ๒๐ : ๕๙-๖๐
    ตอ. G.S. ๑ : ๔๖


    ขอขอบคุณ =>[​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...