ขออนุญาตชี้แจง ความเคลื่อนไหวที่ไม่ดี

5 โมงเย็นได้เวลาธรรมะนั้นเอง

 

กรำ ขันธ์น้อยนะเอง
นึกว่า อ. ...
นี่ถ้ากินเผ็ดแล้วไม่ร้อนมี สองคำตอบให้เลือก
หนึ่ง ชาชิน
สอง ตัดประสาทรับรู้ ลิ้นไร้รู้สึก

 

สวัสดี คุณขวัญ
ตอนนี้เป็นขวัญหญิง หรือขวัญชายหนอ หุหุ

 

ไม่รู้เหมือนกันอ่า
แต่รู้ว่าเป็นขวัญเดิมๆ
สันดานเดิมๆ อะค่ะ
อิอิ

 

อิสรภาพ คือความมีอำนาจในตนเอง แม่ชี ศันสนีย์ เสถียรสุต

เมื่อเรามีเงินทอง มีชื่อเสียง เราก็คิดว่าเราเป็นคนที่มีอำนาจ

แต่อำนาจที่เราต้องอาศัยการยอมรับของคนอื่น

อาจจะไม่นำมาซึ่งความเป็นอิสระ คนที่พึ่งตัวเองได้

สามารถที่จะมีความสุข อย่างคนที่ทำได้ แล้วเห็นว่าสิ่งที่ทำนั้น

มันทำให้เราเกิดความอาจหาญในการที่จะใช้ชีวิตอย่างคนที่เป็นที่รัก

คนนั้นก็จะพบว่าอิสรภาพในการที่จะมีชีวิต อย่างไร้อำนาจ

จากสิ่งภายนอกจะเป็นสุขอย่างยิ่ง เราสามารถที่จะทบทวน

ถึงเรื่องอำนาจภายในจิตใจของเรา ที่เราเป็นอิสระ

ถ้าเราเป็นอิสระเพราะพึ่งตัวเองได้ เรามีอำนาจในตัวเอง

แต่ถ้าเรายังต้องใช้การยอมรับจากบุคคลอื่น และต้องเสแสร้งที่จะทำให้คนอื่นรักเรา

ถ้าสิ่งนั้น คุณกำลังตกเป็นเหยื่อของอำนาจของผู้อื่น อิสระจะไม่เกิดขึ้น ลองมีชีวิตอย่าง

คนที่กลับมาดูแลพลังงานภายในของคุณ แล้วมีความสุขที่จะใช้ชีวิต อย่างคนที่เป็น

อิสระจากการพึ่งพาผู้อื่น หรือมีความสุขที่ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของผู้อื่น เพราะพึ่งตัว

เองได้ ถ้าอย่างนั้นคุณจะพบอิสระภายในอย่างแท้จริง ต้องฝึกฝนกันทุกวัน ค่อยค่อยทำ

แล้วยิ่งทำก็ยิ่งได้

ธรรมสวัสดี

 

เคยฟังเทศ เรื่องสันดานเดิมมันเปลี่ยนมิได้
เวลามีเหตุ มันแสดงเองเลย

 

หุหุ เรารู้กันแค่สองคน

 

มีเรื่องเล่า หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้นานพอสมควรแล้ว
เราพบว่า ทุกสิ่งที่เราต้องการสร้างนั้น
มันสวยสู้สิ่งที่มันงามตามธรรมชาติ มิได้

 

แม่ชี ณัฐทิพย์



เจริญธรรมทุกท่าน...ช่วงนี้แม่ชีมีปัญหาทางธรรมมาถาม ให้สมองซีกซ้ายและซีกขวาทำงานกันหน่อยดีไหม? ใครตอบและวิเคราะห์ได้โดนใจ...แม่ชีมีตะกรุดและขวัญถุงติดกระเป๋าให้ รับรองเงินไม่ขาดกระเป๋าแน่นอน แต่ต้องตอบในกระทู้นะ ให้คนอื่นได้อ่านบ้าง จะได้เป็นธรรมวิทยาทานแก่ผู้อื่น ได้กุศลผลบุญนะ คำถามๆว่า "ทำไมพระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า เราไม่มีครูสอนให้ตรัสรู้?" ลองช่วยกันคิด วิเคราะห์และแยกแยะกันหน่อยดีไหม? สมองจะได้ไม่ฝ่อไง เอ้า...คิดดู สาธุ...

http://palungjit.org/showthread.php?t=49499

 

คุณขวัญนั่งสมาธิผ่อนคลายหน่อยนะ อย่าติดสุข
ถ้ามาถึงสุข ให้มีสติตื่นขึ้นมาเลย อย่าไหล หุหุ

 

ตอบ จงเที่ยวไปเหมือนนอแรด
คือ หาคนที่ดีกว่าเรา หรือ เสมอกว่าเรามิได้ ก็ลุยมันเดี่ยวๆนี่แหละ หุหุ

 

^-^

ซึ้งครับ ^-^

 

"ทำไมพระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า เราไม่มีครูสอนให้ตรัสรู้?"
---------------
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ผู้อืนทำได้เพียงชี้แนะ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0 hspace="10"><TBODY><TR><TD colSpan=2 height=19>หลักการศรัทธาหรือหลักการอีหม่านในศาสนาอิสลามมี ๖ ประการ คือ

๑. การศรัทธาว่าอัลลอฮ์ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียว

๒. การศรัทธาต่อบรรดามะลาอิกะห์ หมายความว่า มุสลิมจะต้องศรัทธาว่า อัลลอฮ์ทรงมีบ่าวประเภทหนึ่ง เรียกว่า มะลาอิกะห์ พวกเขาถูกบังเกิดจากรัศมี ไม่มีผู้ใดรู้ถึงจำนวนที่แท้จริงของพวกเขานอกจากอัลลอฮ์ พวกเขาไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่หลับ ไม่นอน ไม่มีบุตร และจะปฏิบัติทุกสิ่งตามที่อัลลอฮ์ได้ทรงบัญชาใช้ ​

​

</TD></TR><TR><TD width="24%" height=19></TD><TD width="76%">๓. การศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์ ที่ถูกล่าวไว้ในกรุอาน อาทิ เตาร๊อต อินญิ้ล

(ไบเบิ้ล) และกุรอาน เป็นต้น) โดยมุสลิมทุกคนจะต้องศรัทธาว่า อัลลอฮ์เป็นผู้ประทานคัมภีร์เหล่านั้นมายังศาสนทูตของพระองค์เพื่อนำไปสั่งสอนแก่ประชาชาติของตน และอัลกุรอานเป็นคัมภีร์เล่มสุดท้ายที่พระองค์ทรงประทานแก่ท่านศาสดามุฮัมมัดเพื่อเป็นทางนำแก่มวลมนุษยชาติ​

๔. การศรัทธาต่อบรรดานบีและร่อซู้ล มุสลิมจะต้องเชื่อมั่นว่า อัลลอฮ์ได้ส่ง

</TD></TR><TR><TD colSpan=2 height=19>ร่อซู้ล (ศาสนทูต) มาเพื่อประกาศเผยแพร่ศาสนาของพระองค์ บรรดาร่อซู้ลทั้งหลายจะทำหน้าที่ตามที่ได้รับบัญชามาโดยครบถ้วน ด้วยการเผยแพร่ศาสนาของพระองค์โดยมิได้ปิดบังแม้แต่น้อย บรรดานบี และร่อซู้ลมีจำนวนเท่าใดนั้นไม่มีผู้ใดรู้นอกจากอัลลอฮ์ แต่ที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอานมีทั้งหมด ๒๕ ท่าน </TD></TR><TR><TD colSpan=2 height=19></TD></TR><TR><TD colSpan=2 height=19>

คุณลักษณะสำคัญของบรรดานบี (ศาสดา) และร่อซู้ล (ศาสนทูต) มี ๔ ประการ ดังนี้ ​

</TD></TR><TR><TD height=19></TD><TD height=19>

๑. มีสัจจะ
๒. มีความซื่อสัตย์
๓. ทำการประกาศเผยแพร่
๔. มีไหวพริบปฏิภาณ
๕. การศรัทธาต่อวันกิยามะห์ มุสลิมจะต้องศรัทธาว่า มนุษย์จะต้องฟื้นคืนชีพใหม่หลังจากที่เขาตายไปแล้ว เพื่ออัลลอฮ์จะทรงสอบสวน และพิพากษาการงานที่มนุษย์ปฏิบัติในโลกดุนยานี้ พระองค์จะทรงสอบสวน และตัดสินด้วยความยุติธรรม ผู้ใดประกอบความดี เขาก็จะได้รับการตอบแทนโดยได้ใช้ชีวิตอย่างผาสุกในสวรรค์ และผู้ใดที่กระทำความชั่ว เขาก็จะถูกลงโทษในนรก
๖. การศรัทธาต่อกอฎออ์และกอฎัร มุสลิมจะต้องเชื่อมั่นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ในความรอบรู้ และเป็นไปตามพระประสงค์ของอัลลอฮ์ ถ้าหากว่าพระองค์ไม่ทรงประทรง เหตุการณ์นั้นก็จะไม่เกิดขึ้น แม้ว่ามนุษย์จะพยายามให้มันเกิดขึ้น ​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
เที่ยวนอก กะละมังมั้ง

 

ระวัง หลุดกะละมังนะ
นู๋เปงห่วงงงงง

 

กราบขออภัย

"ทำไมพระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า เราไม่มีครูสอนให้ตรัสรู้?"

เพราะไม่มีผู้ใดกล่าวถึง สภาวะนิพพาน ที่พระพุทธองค์ประจักษ์ชัดอยู่
มาก่อน ไม่มีแม้แต่ มนุษย์ ยักษ์ คนธรรพ์ เทวดา พรหม ฯ รู้เรื่องนี้นิพพาน
เลย พระองค์จึงเป็นผู้เดียวที่รู้ชัดใน นิพพาน แล้ว ชี้ให้ดูได้

อันนี้ไม่ได้เกี่ยวเลยว่า พระองค์ชี้ว่าทุกคนเข้าถึงนิพพานได้โดย
ไม่มีพระพุทธ องค์เป็นผู้ชี้

การประกาศว่า เป็นผู้ตรัสรู้ พุทธประสงค์เพื่อ ประกาศตน ไม่ใช่
เพื่อเป็นคำสอน อย่าไปเอาคำประกาศตนของพระพุทธองค์มาประกาศตนเอง

อย่าน้อมพุทธวัจนะ ผิดวัตถุประสงค์ของพยัญชนะ

 

พระพุทธศาสนาไม่ได้บังคับให้ใครถือศีล

ลักษณะคำสอนในพระพุทธศาสนา เป็นเหมือนกับหยาดฝนที่ตกลงมาจากฟากฟ้า คนที่ดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้หากต้องการรองฝนไว้ใช้ดื่มกิน ก็เอาภาชนะมารองน้ำฝน ก็สามารถเอาน้ำฝนไปใช้ดื่มกินได้ ผิดกับคนที่คว่ำภาชนะไว้ ต่อให้ฝนตกลงมาร้อยๆปี ก็ไม่มีฝนสักหยดที่เขารองไว้ใช้ได้

ดังนั้นพระพุทธศาสนาจึงไม่บังคับเข้มงวดกวดขันกับประชาชน นอกจากผู้ปฏิภาณตนบวชเข้ามาในพระศาสนา จึงมีกฏเกณฑ์ที่บังคับเอาจริงเอาจัง เหมือนทางโลกที่ใครทำผิดกฏหมายก็ต้องถูกลงโทษอย่างเลี่ยงไม่ได้
สำหรับประชาชนแล้ว ก็มีแต่การชี้แจงอานิสงน์และให้เกิดความสำนึกในศีล ใครมีกุศลเจตนาก็สมาทานศีล รักษาไว้ ไม่ฆ่ากัน ไม่ทำร้ายกัน ไม่ลักของกัน ไม่เป็นชู้กับเมียชาวบ้าน ไม่ชิงสุกก่อนห่าม ไม่พูดจากโกหกพกลมกัน ไม่ดื่มสุราและสิ่งเสพติดที่จะทำให้คุมสติไม่อยู่ เพียงแค่นี้สังคมก็สงบสุขแล้ว

ดังนั้นศีลของพระพุทธศาสนาจึงไม่ใช่เป็นการบังคับ แต่เป็นการรักษาคำพูดของคนๆหนึ่ง เมื่อเขาบอกว่าเขาจะไม่ทำอย่างนี้ตลอดเวลาเท่านี้ๆ ถ้าเขาทำได้ก็เป็นเรื่องที่ดี คนที่อยู่รอบข้างเขาจนกระทั่งถึงตัวเขาเองก็เป็นสุข ส่วนคนที่ไม่รักษา เราก็ไม่บังคับให้เขามาถือศีลปฏิบัติ จะทำหรือไม่ทำมันก็เรื่องของเขา ถ้าเขาผิดศีลแน่นอนว่าจะต้องถูกสังคมลงโทษ เพราะศีลจริงๆแล้วก็คือหลักของการอยู่ร่วมกันในสังคมนั่นเอง พูดง่ายๆก็คือหลักแห่งสันติภาพ
พระพุทธศาสนานับถือและยกย่องอิสรภาพแห่งบุคคล ไม่เคยกดขี่ข่มเหง เพราะถือว่าเราเป็นสัตว์ร่วมอาศัยโลกใบนี้ด้วยกัน มีชีวิต หายใจอยู่ในโลกใบเดียวกัน เขาจะปรารถนาดีต่อเราหรือไม่ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเราปรารถนาดีต่อเขา และเราจะไม่ทำร้ายเขาหรือทำให้เขาเป็นทุกข์ด้วยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่แปลกที่สุดในโลก คือชี้แจงให้เข้าใจก่อนแล้วค่อยรับเป็นศาสนิก ไม่กระหายอยากได้สาสนิกเพิ่ม
..........................................................................................................

ปฏิภาณ เลิศรัศมี.


Attached image(s)


http://xchange.teenee.com/index.php?showtopic=43531
<!-- THE POST -->

 

เข้าพรรษาปีนี้ เมื่อไหร่ มีใครฮู้บ้างครับ