ขอทราบวิธีบําเพ็ญปัญญบารมี เอาทางโลกและทางธรรมครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 29 เมษายน 2012.

  1. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    เห้ย ก็ออกตัวอยู่ว่า เขาเริ่มจั่วกันเรื่อง บารมีเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง

    อันนี้มันไม่ได้ปฏิเสธอยู่แล้ว

    แต่ คุณเองทะลึ่งไปเอาคำว่า นิพพานเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง เข้ามาปน

    จนวุ่นวายไปเอง จนเดือดดาลไปเอง คราวนี้ หาทางลงไม่ได้ เพราะ
    ชอบโพสตัวใหญ่ไง มันเลยคาใจ ติดใจไม่หลุดออกไปง่ายๆ

    นี่ๆ

    เรากล่าวว่า ให้เธอไปหาหัวข้อ มโนมยิทธิ1 และ มโนมยิทธิ2 ที่เทศนา
    โดยพระท่าน หาหรือยัง

    ถ้ายังไม่ได้หามาอ่าน ก็ลองดู เสริชในกูเกิ้ล คำว่า มโนมยิทธิ แล้ว
    ระบุ " site:sa-ngob.com " ลงไปด้วย เพื่อบังคับให้มันหาในไซท์
    ของพระท่าน จะได้เจอง่ายๆ

    อ่านแล้ว ก็ ขบ-- ปม ที่พระท่านขมวดไว้ให้ดีๆ แล้วมันจะเป็นประโยชน์
    ต่อการปฏิบัติ ไม่ใช่เป็นประโยชน์ต่อการหยิบจับยึดถือเอา
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ผลของ การสร้างบารมี คืออะไร

    บารมีเต็ม เป็นพระพุทธเจ้า บรรลุ นิพพาน


    เป็นพระพุทธเจ้าได้ ก็เพราะ การสร้าง บารมี

    ผลของ การ บรรลุ พระพุทธเจ้า คือ นิพพาน


    แล้ว แค่นี่ไม่รู้หรือ

    ว่า นิพพาน กับ บารมี เกี่ยวกันยังไง


    ใครหละ ที่งัดว่า จิตเที่ยง !!

    สงสัยลืมตัวเองไปอีกแล้วละสิ





    ถ้า คุณบอกว่า บารมีไม่เที่ยง ผลของ บารมีไม่เที่ยง คือ อะไร ?

    ศาสนาพุทธ สอน ถึง เหตุ มีเหตุ ถึงมีผล


    คุณ โพส บอกว่า บารมีไม่เที่ยง


    แล้วอะไรเป็น เหตุ ให้ บารมีไม่เที่ยง

    บารมีไม่เที่ยง เพราะ อะไร ครับ มันต้องมี ที่มาที่ไป




    ช่วยตอบด้วยนะครับ



    บารมีไม่เที่ยง เพราะเหตุใด ?

    ผลของ การที่บอกว่า บารมีไม่เที่ยง ผลของ บารมีไม่เที่ยง คืออะไร ?



    แล้ว ครูบาอาจารย์ ของคุณที่ สอน บารมีไม่เที่ยง คือใคร ครับ

    .


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2012
  3. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอาแบบนี้ คุณลองใช้ สามัญสำนึกตอบดูนะ

    รอตั้งนานว่า คุณจะเสวนาด้วย ทัศนะตัวเองเมื่อไหร่ เมื่อไหร่จะ
    วิ่งหาคำสอนครูบาอาจารย์มายัน ( ยันกับผมไม่ได้หรอก ผมรู้วิธี
    ทำให้หลุดจากมือ )

    ทีนี้ มาคุยกันโดยสามัญสำนึกดู

    ถามว่า :

    การที่คุณเกิดมาเป็น มนุษย์ และ ได้พบพระพุทธศาสนาเนี่ยะ เพราะ "บารมี" หรือเปล่า ?
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระโพธิสัตว์ เกิด นอก ศาสนาพุทธ เพราะ บารมี หรือป่าว ?

    พระโพธิสัตว์ เกิด เป็น สัตว์ ไม่ได้พบ พระพุทธศาสนา เนี้ยะ เพราะ บารมี หรือป่าว?
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    ขอเกิดในเขตพระพุทธศาสนา
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #998049; COLOR: #998049" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ถาม : เราอธิษฐานได้ไหมครับว่า "ถ้าเกิดมาชาติไหนถ้าหากว่าเรายังไม่เข้าพระนิพพาน ขอให้เกิดในเขตพระพุทธศาสนาอย่างเดียว ? "
    ตอบ : อธิษฐานได้ แต่ถ้ากำลังใจยังไม่มั่นคงในพุทธานุสติก็มีสิทธิ์ที่จะหลุดได้ ถ้ากำลังใจมั่นคงในพุทธานุสติจริง ๆ อย่างไรก็ไม่หลุดออกนอกเขตพระพุทธศาสนา


    ถาม : อย่างนี้ถ้าหลุดออกไปก็มีโอกาสซวยสูง..?
    ตอบ : ไม่แน่เหมือนกัน อย่างพระเยซู ท่านไปเกิดที่โน่นก็จริง แต่ท่านสามารถที่จะบรรยายธรรม สอนธรรมจนกระทั่งกลายเป็นศาสนาคริสต์ขึ้นมาได้

    แบบเดียวกับที่เราอ่านในพระไตรปิฎก ตามชาดกต่าง ๆ ที่พระพุทธเจ้าไปเสวยชาติ ถึงเวลาท่านก็ต้องบรรยายธรรมะ ถือว่าอยู่ในส่วนที่ท่านบำเพ็ญบารมีมา ท่านรู้แค่ไหนท่านก็ว่าไปแค่นั้น

    ถ้าหากว่าลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงไปยืนยันว่า พระพุทธเจ้าบอกว่า "พระเยซูเป็นพระโพธิสัตว์ จะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า" มีหวังถูกทางศาสนาคริสต์กัดตายเลย..! หาว่าเอาศาสดาของเขามาเล่นซะแล้ว เพราะว่าตอนนี้เขากำลังพยายามที่จะประชาสัมพันธ์ว่า พระพุทธเจ้า คือประกาศกของพระคริสต์ ที่ส่งมาประกาศศาสนาทางตะวันออก เพื่อเอาไว้รองรับศาสนาคริสต์ในโอกาสข้างหน้า

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระพุทธเจ้า ตรัส ไว้แล้ว เรื่องการได้ พบ พระพุทธศาสนา


    ผมไม่กล้า ไป ปรามาส พระพุทธเจ้า หรอกครับ


    ผู้ไม่มีโชคได้พบพระพุทธศาสนา

    ปัญหา มีคนประเภทไหนบ้าง ที่ไม่มีโชคได้พบพระพุทธศาสนา ได้ประพฤติพรหมจรรย์ และได้ลิ้มรสความสุขอันเกิดจากการปฏิบัติธรรม ?

    พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้.... เป็นผู้จำแนกธรรม.... และธรรมอันพระผู้มีพระภาคย่อมทรงแสดง นำความสงบมาให้.... แต่บุคคลผู้นี้เขาถึงนรกเสีย...
    “อีกประการหนึ่ง ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้.... เป็นผู้จำแนกธรรมและธรรมอันพระผู้มีพระภาคย่อมแสดง นำความสงบมาให้ .... แต่บุคคลผู้นี้เข้าถึงกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานเสีย....

    “อีกประการหนึ่ง ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้.... เป็นผู้จำแนกธรรมและธรรมอันพระผู้มีพระภาคย่อมแสดง นำความสงบมาให้ .... แต่บุคคลผู้นี้เข้าถึงปิตติวิสัยเสีย....

    “อีกประการหนึ่ง ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้.... เป็นผู้จำแนกธรรมและธรรมอันพระผู้มีพระภาคย่อมแสดง นำความสงบมาให้ .... แต่บุคคลผู้นี้เข้าถึงเทพนิกายผู้มีอายุยืนชั้นใดชั้นหนึ่งเสีย....

    “อีกประการหนึ่ง ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้.... เป็นผู้จำแนกธรรม..... นำความสงบมาให้ .... แต่บุคคลนี้กลับมาเกิดในปัจจันตชนบท และอยู่ในพวกมิลักขะไม่รู้ดีรู้ชอบ.... อันเป็นสถานที่ไม่มีภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไปมา....

    “อีกประการหนึ่ง ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้.... แต่บุคคลนี้กลับมาเกิดในมัชฌิมชนบท แต่เขาเป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นวิปริตว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล การบวงสรวงไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มีโลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์ทั้งหลายที่ผุดเกิดขึ้น (โอปปาติก) ไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กระทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้และโลกหน้าด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสั่งสอนประชุมชนให้รู้ตาม ไม่มีในโลก

    “อีกประการหนึ่ง ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้.... บุคคลนี้กลับมาเกิดในมัชฌิมชนบท แต่เขามีปัญญาทราม บ้าใบ้ ไม่สามารถรู้อรรถแห่งสุภาษิต และทุภาษิต

    “อีกประการหนึ่ง ตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้.... เป็นผู้จำแนกธรรม.... แต่พระตถาคตมิได้แสดง ถึงบุคคลผู้นี้จะเกิดในมัชฌมิชนบท และมีปัญญาไม่บ้าใบ้ ทั้งสามารถจะรู้อรรถแห่งสุภาษิตและทุภาษิต....”

    อักขณสูตร อ. อํ. (๑๑๙)
    ตบ. ๒๓ : ๒๒๙-๒๓๐ ตท. ๒๓ : ๒๐๑-๒๐๒
    G.S. IV : ๑๕๒-๑๕๓


    258
     
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    อ้าว นี่ผมถามไปแบบภาษาคนนะ ขอให้คุณ เซเบลอ เนี่ยะ

    ตอบด้วยสามัญสำนึกของตัวเอง ไม่ต้องไป เอาคำของคนอื่น
    มาแปะ ไม่ต้อง อิงอาศัยบารมีคนอื่น ไม่ต้อง พึ่งพิงหลักนิเทศน์ศิลป
    ตบแต่งตัวหนังสือของคนอื่นเพื่อให้ดูเหมือน เป็นบารมีของตน

    คุณ!!

    ต้องตอบด้วย บารมีของตัวเอง พูดมาอย่างซื่อๆว่า

    การที่คุณมาเกิดเป็นมนุษย์เนี่ยะ เพราะ บารมี หรือเปล่า ตอบง่ายๆ ไม่ยากหรอก
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    การที่คุณเกิดมาเป็น มนุษย์ และ ได้พบพระพุทธศาสนาเนี่ยะ เพราะ "บารมี" หรือเปล่า ?

    พระพุทธเจ้า ก็ตอบไว้ แล้ว เพราะอะไร ถึงได้พบ หรือ ไม่ได้พบ พระพุทธศาสนา


    สามัญสำนึก ของตัวเอง คือ เชื่อ พุทธพจน์ ของพระพุทธเจ้า เชื่อ พระอรหันต์ เชื่อ พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ครับ

    การที่มาเกิดเป็น มนุษย์ ก็เพราะ เกิด ตาม กฏแห่งกรรม

    กรรม ไงครับ


    จะถามอะไรอีกละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2012
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอ้า ถามว่าเป็น บารมี หรือเปล่า เลี่ยงไปตอบ กฏแห่งกรรมแทน

    กฏแห่งกรรมก็ได้ ถามต่อว่า อีก100ปีข้างหน้า อีกสองร้อยปีข้าง
    หน้า หรือ จะอีกกี่ร้อยปีข้างหน้า

    คุณ!! ยังรักษาบารมี หรือ ทำให้กฏแห่งกรรม ที่ส่งผลให้คุณ เป็นมนุษย์
    เนี่ยะ คงอยู่ได้หรือเปล่า

    ถ้าทำให้คงอยู่ได้ ผมก็จะยอมรับว่า บารมีเที่ยง หรือ กฏในการเป็นมนุษย์
    ของคุณในชาตินี้มีสภาพเที่ยงขึ้นมา
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    สวรรค์ชั้นที่ ๔ ตุสิตา ที่สถิตย์แห่งพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย

    ถ้า บารมีไม่เที่ยง ทำไม พระโพธิสัตว์ รอตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้า ครับ


    พระโพธิสัตว์ ที่ รอ ตรัสรู้ เป็น พระพุทธเจ้า องค์ ต่อๆ ไป ใน อนาคต ทำไม ถึงไม่หายไปไหน ครับ

    ตอบได้ไหม

    ถ้า บารมีไม่เที่ยง แล้วทำไม มีพระโพธิสัตว์ ที่รอตรัสรู้ เป็น พระพุทธเจ้า อยู่ได้ละ ถ้ามันไม่เที่ยง จะว่ายังไงครับ


    ตอบได้ไหม




    ถ้า คุณบอกว่า บารมีไม่เที่ยง ผลของ บารมีไม่เที่ยง คือ อะไร ?

    ศาสนาพุทธ สอน ถึง เหตุ มีเหตุ ถึงมีผล


    คุณ โพส บอกว่า บารมีไม่เที่ยง


    แล้วอะไรเป็น เหตุ ให้ บารมีไม่เที่ยง

    บารมีไม่เที่ยง เพราะ อะไร ครับ มันต้องมี ที่มาที่ไป




    ช่วยตอบด้วยนะครับ



    บารมีไม่เที่ยง เพราะเหตุใด ?

    ผลของ การที่บอกว่า บารมีไม่เที่ยง ผลของ บารมีไม่เที่ยง คืออะไร ?

    คุณตอบ ให้ได้ ก่อนเถอะ

    ใคร สอน สั่งมาจากไหน บารมีไม่เที่ยง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2012
  11. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ก็ถามคุณไปแล้วไงว่า คุณรักษามันไว้ได้หรือเปล่า

    คุณกำหนดมันได้ไหมว่า คุณจะเป็นมนุษย์เท่านั้นเท่านี้ปี ควบคุมมันได้

    ของที่รักษาไม่ได้ อีกทั้ง ควบคุมไม่ได้ เขาเรียกว่า เสื่อม หรือ เที่ยง !!? หละ
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    คงมีแต่ คุณเองละ ใน 3 โลก นี่ ที่ บอกว่า บารมี ไม่เที่ยง

    ศาสนาพุทธ เกิดมา 2600 กว่าปี มีใครที่ไหน บอก บารมีไม่เที่ยงบ้าง

    มี ครูบา อาจารย์ ที่ไหน สอน บารมีไม่เที่ยง บ้างครับ

    มี ตำราที่ไหน บันทึกสอนไว้ว่า บารมีไม่เที่ยง

    ช่วยหามาให้ ดูหน่อยครับ
     
  13. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    คุณคราบ วันนี้ คุณยังต้องอาศัยถามหาเอาจากผู้อื่น

    ไม่สามารถตอบ ด้วยบารมีของตัวเองได้ ยืนยันด้วยตัวเองได้ ต้องอิงแอบ

    แอบอาศัยบารมีของผู้อื่น ทั้งจาก ผู้แสดงที่เป็นระดับครู และ จากผู้ที่ที่ยัง
    ไม่รู้เหนือรู้ใต้แบบผม

    คุณ ทำไมไม่ ตอบ ฉะฉาน ด้วยตัวเองหละ

    ศรัทธาต่อมุนษย์เนี่ยะ ควรจะมี อย่างน้อย ก็ควรจะมีต่อตัวคุณเอง

    ว่าคุณเองก็ตอบได้ในเรื่องแบบนี้

    *************

    ถ้ายัง ถามหาเอาจากผู้อื่น ไม่ ยอมตอบด้วตัวเอง ก็นะ เอาเป็นว่า


    เรื่อง บารมี ถือว่า เป็นโมฆะ ว่างเปล่าไป ไม่มีประโยชน์ต่อการเสวนา
    กับคนที่ไม่เชื่อมั่น และ ไม่รู้จักประโยชน์ ใน "บารมี" ของตน
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    แล้วมีปัญหาตรงไหนละครับ

    ถ้าสิ่งที่ผม ตอบไป ตามหลักความจริง ของ พระที่รู้จริง


    คำตอบ จาก ผู้รู้จริง ความจริง ผิดตรงไหนครับ


    คุณควร ตอบคำถามผม ให้ได้บ้างนะครับ


    ถามไปหลายรอบ ทำไม หาคำตอบ ออกมาไม่ได้


    หรือ บารมี ไม่ถึง ก็ไปยก คำของ ครูบาอาจารย์ ของท่าน

    มา ตอบ ให้ ผมหายสงสัย ก็ได้นะครับ

    ลองไปยก คำอาจารย์ของคุณมาสิ เรื่อง บารมีเต็ม แล้ว หาย บารมีไม่เที่ยง





    เรื่องบารมี ก็ตอบ ไป แล้ว ยก ไป แล้ว จะยกมาให้ดูอีกรอบ นะ


    บารมีเต็ม ไม่มี บารมีเต็ม แล้ว หาย ไม่เที่ยง

    มีแต่ บารมีเต็ม




    "บารมี" แปลว่ากำลังใจเต็ม


    [​IMG]


    คัดลอกข้อความบางส่วน มาจากหนังสือบารมี ๑๐ โดยพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    เมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัทเริ่มปฏิบัติ อาตมาก็คิดในใจว่าร่างกายไม่ดีแบบนี้เราจะทนมันอยู่ทำไม ไปเสียจากร่างกายดีกว่า ปล่อยให้มันนั่งอยู่ตรงนี้ พอสัญญาณบอกเวลาปรากฏเราจึงจะกลับมา ฉะนั้นจึงได้ไปเสียจากกาย ไปไหว้พระ จะไปแบบไหนอันนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาไม่บอก บอกไม่ได้ ไปอย่างไร ไปโดยวิธีไหน อยากจะรู้ก็ปฏิบัติกันเอาเอง แต่ความจริงมันก็ไม่ใช่ของดีของเด่นอะไรนัก การไปได้มาได้ถ้าใจเหลิงเกินไปก็ยังลงนรกได้ ไม่ใช่ของพิเศษ เมื่อออกไปแล้วก็พบองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์

    นี่ขวางกับชาวบ้านเขาแล้ว เขาบอกว่าพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว จะพบกันได้ยังไง นั่นมันเรื่องของเขาบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย นี่มันเรื่องของอาตมา อาตมาพบกันได้ก็แล้วกัน เมื่อพบแล้วก็เข้าไปนมัสการองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว พอเงยหน้าขึ้นมาพระองค์ก็ทรงตรัสถามว่า "สัมพเกษี วันนี้เธอสอนบารมี ๑๐ ทัศใช่ไหม ...?"

    ก็กราบทูลพระองค์ว่า "ใช่พระพุทธเจ้าข้า" พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามว่า "สัมพเกษี บารมีแปลว่าอะไร...?"

    ตอนนี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายขอได้โปรดทราบว่า ถ้าอาตมาสอนถูกพระองค์จะไม่ทรงตรัสแบบนั้น อาตมารู้ทันรู้เท่าเข้าใจทันทีว่า การสอนวันนี้ผิดพุทธพจน์บทพระบาลี

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทการสอนนี้ไม่ใช่ว่ามันจะถูกเสมอไป มันก็ผิดได้เหมือนกัน เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรมีพระพุทธฎีกาตรัสถามแบบนั้นอาตมาก็ทราบ จึงได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า "ข้าพระพุทธเจ้าไม่แน่ใจนักพระพุทธเจ้าข้า แต่ที่เรียนกันมา ครูสอนว่าบารมีแปลว่าเต็ม"

    พระองค์จึงทรงตรัสถามว่า "อะไรมันเต็ม และมันเต็มแบบไหน สมมุติว่าเธอจะปฏิบัติในทานบารมี ทำยังไงทานบารมีมันถึงจะเต็ม ถ้าหากว่าจะนำของมาให้เต็มโลก เธอจะไปขนมาจากไหน ถ้าเราจะไม่นำของมาให้ ทำยังไงทานบารมีมันจึงจะเต็ม...?"

    แบบนี้มันก็อยู่ด้วยกันทั้งนั้นแหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าคนอย่างอาตมา ถ้าหากว่าท่านที่เป็นนักปราชญ์ดีกว่าอาตมาก็ไม่เป็นไร ท่านไปได้ เพราะท่านมีความเข้าใจ ท่านมีความฉลาด อาตมาบอกแล้วนี่ว่าอาตมามีความรู้ไม่เท่าหางอึ่ง คือยาวไม่เท่าหางอึ่งหรือไม่แค่หางอึ่งเพราะความโง่มันมาก

    เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคทรงตรัสแบบนั้นก็ทูลถามพระองค์ว่า "ข้าพระพุทธเจ้าไม่เข้าใจในบารมีพระพุทธเจ้าข้า"

    พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า "สัมพเกษี เธอเข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ว่าเธอดีแต่เฉพาะบริโภคเองเท่านั้น แต่การที่จะแบ่งปันให้บุคคลอื่นน่ะ เธอไม่มีความฉลาด การที่เธอตั้งกำลังใจในด้านบารมี ๑๐ ทัศ เป็น ๓๐ ทัศ ด้วยกัน ๓ ชั้น เธอทำได้ แต่ว่าวันนี้เธอสอนบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เธอทำไม่ถูก เธอจงมีความเข้าใจเสียใหม่ว่า คำว่าบารมีนี้มันแปลว่าเต็ม แต่อะไรมันเต็มตถาคตจะบอกให้ว่า บารมีนี่ควรจะแปลว่ากำลังใจเต็ม "

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท จำไว้ให้ดีว่า คำว่าบารมีก็คือกำลังใจ ทำกำลังใจให้เต็ม ตอนนี้ซิชักจะฉลาดขึ้นมาทันที มานึกในใจว่าเรานี่มันแสนจะโง่เสียมาก

    กำลังใจเต็มตอนไหนบรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านก็ทรงให้ทวนเรื่องบารมี ๑๐ ทัศ ว่ามีอะไรบ้าง อาตมาก็ถวายคำตอบแก่พระองค์ว่า

    ๑. ทานบารมี
    ๒. ศีลบารมี
    ๓. เนกขัมมบารมี
    ๔. ปัญญาบารมี
    ๕. วิริยบารมี
    ๖. ขันติบารมี
    ๗. สัจจบารมี
    ๘. อธิษฐานบารมี
    ๙. เมตตาบารมี
    ๑๐. อุเบกขาบารมี

    องค์สมเด็จพระชินสีห์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า สัมพเกษี ถูกแล้ว บารมีทั้งหมดนี้ให้ใช้กำลังใจ สร้างกำลังใจให้มันทรงอยู่ในใจทั้งหมด ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ไม่มีอะไรบกพร่อง คือ

    . จิตของเราพร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ
    . จิตพร้อมในการทรงศีล นี่ซิบรรดาพุทธบริษัท พร้อมในการทรงศีลเป็นปกติ ไม่ใช่ปล่อยให้ศีลมันหล่นไป
    . จิตพร้อมในการทรงเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะก็แปลว่าการถือบวช บวชผมยาว บวชผมสั้น บวชโกนหัว ไม่โกนหัว ได้ทั้งนั้น
    . จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหารอุปาทานให้พินาศไป
    ๕. วิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ
    . ขันติ มีทั้งอดทั้งทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์
    . สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลาว่าเราจะจริงทุกอย่าง ไม่มีอะไรในคำว่าไม่จริงสำหรับใจเรา ในด้านของการทำความดี
    . อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ
    . เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดีไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น
    ๑๐. อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ ในเมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว อย่างที่เธอเป็นวันนี้ อุเบกขาบารมีตัวนี้ พระองค์ทรงตรัสว่า ตรงกับภาษาไทยที่ใช้กันเป็นปกติว่า ช่างมัน ขันติบารมีนี่ก็เหมือนกันใช้คำว่าช่างมัน ตรงตัวดี

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า วันนี้ยังไม่สอนอะไรบรรดาท่านพุทธบริษัท เรามาคุยกันในคำว่า บารมีทั้งหลาย ได้ทราบชัดว่า บารมีที่องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ให้เราสร้างให้มันเต็มนั้น ก็คือสร้างกำลังใจปลูกฝังกำลังใจ ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์สมบูรณ์ ไม่ ใช่ว่าเราจะมานั่งคิด เราจะมานอนคิด เราจะมาทรงจิตว่า เอ๊...บารมีของเรามันไม่มีนี่ ชาติก่อนบารมีของเรามันไม่พอ บารมีของเรายังไม่เต็ม เราจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ยังไงได้

    ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มีความเข้าใจตามนี้ พอยังจะรู้รึยังว่าเราสามารถจะสร้างบารมีได้ด้วยอาศัยกำลังใจ ความดีของบรรดาท่านพุทธบริษัทมี กำลังใจอย่างเดียวเท่านั้นที่เราจะทำให้มันดีหรือไม่ดี อันนี้ก็ตรงกับพระบาลีที่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในเรื่อง พระจักขุบาล ว่า

    มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฎฐา มโนมยา
    ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จด้วยใจ นี่ความจริงเรื่องนี้ก็เรียนกันมาแล้วบรรดาท่านพุทธบริษัท แต่เวลาปฏิบัติจริง ๆ มันทำไมถึงลืมก็ไม่ทราบ

    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย หวังว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านคงจะเข้าใจคำว่า บารมี แล้วอย่าลืม บารมีแปลว่าเต็ม แต่ส่วนที่เราจะทำให้เต็มนั้นก็คือกำลังใจ ให้กำลังใจมันพร้อม พร้อมที่จะทรงความดีในด้านบารมีไว้ ถ้ากำลังใจของเราพร้อมทรงบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ครบถ้วนเพียงใด บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ความเป็นพระอริยเจ้าเป็นของง่าย

    ที่นำบารมีทั้ง ๑๐ ประการมากล่าวในตอนนี้ก็เพราะว่า ในตอนต้นพูดเรื่องพระโสดาบันเข้าไว้ เห็นว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายอาจจะคิดว่า แหม...มันยากเกินไป ถ้ากำลังใจในการสร้างตนเป็นพระโสดาบันมันยังครบถ้วนไม่ได้ ก็หันมาจัดการกับบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ให้มันครบถ้วนบริบูรณ์

    ทาน การให้ เป็นการตัดความโลภ
    ศีล เราก็ตัดความโกรธ
    เนกขัมมะ ตัดอารมณ์ของกามคุณ
    ปัญญา ตัดความโง่
    วิริยะ ตัดความขี้เกียจ
    ขันติ ตัดความไม่รู้จักการอดทน
    สัจจะ ตัดความไม่จริงใจ มีอารมณ์ใจกลับกลอก
    อธิษฐาน ทรงกำลังไว้ให้สมบูรณ์บริบูรณ์
    เมตตา สร้างความเยือกเย็นของใจ
    อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้ในเรื่องของกายเราไม่ปรารภ

    เท่านี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทสมบูรณ์เพียงใด คำว่า พระโสดาบัน นั้นบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะรู้สึกว่าง่ายเกินไปสำหรับบรรดาท่านพุทธบริษัท

    ทำไมจึงว่าอย่างนั้น ก็เพราะว่าคนที่มีบารมีเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ มีกำลังใจเต็มทุกอย่างใน ๑๐ ประการนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เรียกว่าพระโสดาบัน แล้วท่านเรียกว่าอะไร ท่านเรียกว่า พระขีณาสพ แปลว่า ผู้มีอาสวะอันสิ้นไปแล้ว หรือเรียกว่า พระอรหัตผล เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาอันดับสูงสุดเข้าถึงซึ่ง พระนิพพาน ได้

    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สวัสดี

    ที่มาhttp://www.luangporruesi.com/326.html


    .

    สร้าง บารมี เพื่อเป็น พระพุทธเจ้า บารมีเต็ม ถึงจะเป็น พระพุทธเจ้า

    บารมีเต็ม บารมีเที่ยง แค่นี่ก็ รู้คำตอบแล้วครับ


    ถ้า บารมีไม่เที่ยง จะเป็นพระพุทธเจ้า ได้อย่างไร


    เรื่องแบบนี้ ใครๆก็รู้

    เว้นเสียแต่ว่า พวกติดกรรมหนัก ปรามาส นั้นเอง

    ความหายนะของการปรามาส

    ท่านกล่าวไว้ว่า บุคคลที่เป็นพระโสดาบันแล้ว ถ้าปรากฏว่า มีผู้อื่นผู้ใดประมาทพลาดพลั้ง หรือคะนองปาก กล่าวตำหนิติเตียน หรือนินทาว่าร้าย ด่าบริภาษ
    แม้จะเป็นพระอริยะบุคคลที่เป็นคฤหัสถ์

    ท่านกล่าวว่า ห้ามมรรค ผล นิพพาน แม้บุคคลผู้นั้นจะพากเพียรปฏิบัติธรรม อย่างไรก็มิอาจสามารถ บรรลุมรรคผลได้
    การติเตียน ด่าบริภาษพระอริยเจ้า จึงมีโทษมาก

    เกิดความหายนะอย่างร้ายแรงที่สุด10อย่างคือ

    1.บุคคลผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ
    2.เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ฌาณ สมาธิ จะเสื่อมทันที

    3.สัทธรรมของบุคคลผู้นั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว
    4.เป็นผู้หลงคิดว่าตนเป็นผู้บรรลุสัทธรรม

    5.ไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์
    6.ถ้าเป็นภิกษุต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างนึง

    7.ย่อมถูกโรคเบียดเบียนอย่างหนัก
    8.ถึงความเป็นบ้ามีจิตฟุ้งซ่าน

    9.หลงตามกาละ คือตายอย่างขาดสติ
    10.เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

    อ้างอิงจากหนังสือ "พระประวัติ สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน"

    ความหายนะของการปรามาสพระรัตนตรัย
    <!-- google_ad_section_end -->


    คุยยังไง ก็ไม่มีทางที่จะรู้เรื่อง ธรรม ไปได้

    ตัวเอง ก่อกรรม เอง ใครก็ช่วยไม่ได้

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2012
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เดี๋ยวๆ คนที่ควรจะทวงถามว่า "คุณควรตอบคำถามด้วยตัวเองบ้างนะ" เนี่ยะ
    มันน่าจะเป็นผมทวงเอาจากคุณนะ

    เพราะ จะผิดจะถูก ดีชั่วอย่างไร ผมก็พยายามอย่างที่สุดที่จะตอบด้วยตัวเอง ยืน
    หยัดด้วยคำพูดของตัวเอง

    ไอ้เรื่อง บารมี ไม่ถึงเนี่ยะ ผมก็กำลังกล่าวกับคุณอยู่ไง ว่า มันไม่ใช่เรื่องเต็มตื้น
    จนกระทั่งตุ่มมันมีระดับที่เที่ยงที่จะเต็ม

    บารมีในทัศนะผมเนี่ยะ มันไม่เที่ยง มันแปรปรวน ควบคุมไม่ได้ สั่งให้เป็นอย่างใจ
    เหมือนคนเป็นเจ้าของไม่ได้

    บารมี จึงเป็นเรื่องมีอย่าง "พอเพียง" "เพียงพอ" หรือ "สมควรแก่ธรรม" เท่านั้น

    ไม่เคยได้ยินเหรอ "ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ก็จะถึงธรรม" มีเยอะแยะไป พระ
    องค์ไหนๆ ก็กล่าว
     
  16. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    พระพุทธเจ้าที่ผ่านมาแต่ละพระองค์และจะอุบัติขึ้นอีกในอนาคตกาลนั้น
    เมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ พระองค์ไม่เคยย่อท้อต่อการบำเพ็ญเพียรสั่งสมบารมี
    ทรงพิจารณาอยู่ตลอดเวลา
    ที่จะสร้างพระบารมีให็เต็มเปี่ยมเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า

    พระพุทธเจ้าโคดมเืมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์
    เพื่อที่จะสร้างบารมีเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า
    โดยการถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า
    ต้องเดินข้ามหลุมไฟพระองค์ก็ทรงทำ
    เพื่อที่จะถวายทานต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า
    โดยไม่ทรงห่วงอันตรายของพระองค์

    หรือแม้แต่พญามารผู้จะเที่ยงเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลก็ตาม
    เมื่อครั้งเป็นโพธิอำมาตย์ เพื่อจะถวายทานต่อพระพุทธเจ้า
    ก็ยังยอมสละแม้กระทั่งชีัวิตตน
    เพื่อบำเพ็ญบารมีให้ถึงซึ่งความเป็นพระพุทธเจ้า

    เคยมีหรือไม่ว่าพระโพธิสัตว์ผู้เที่ยงต่อความเป็นพระพุทธเจ้า
    บำเพ็ญเพียรสร้างบารมีเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า
    เคยปรารภว่า บารมีนี้ไม่เที่ยงนะ
    เมื่อไม่เที่ยง ก็มีสภาพเป็นอนิจจัง
    เมื่อเป็นอนิจจัง ก็ไม่คงสภาพเดิมอยู่ได้ ซึ่งก็เป็นทุกขัง
    เมื่อสิ่งใดเป็นทุกขัง ก็ไม่ควรยึดถือว่าเป็นตนเป็นของตน
    เพราะสิ่งนี้เป็นอนัตตา

    เคยมีมั้ยว่าพระโพธิสัตว์ผู้เที่ยงต่อความเป็นพระพุทธเจ้า
    เคยปรารภต่อการสร้างบารมีเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าเช่นนี้บ้าง

    มีแต่ว่าเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า จะให้สละแม้อวัยวะหรือชีวิต
    ของพระองค์เองก็ทรงยอม

    เคยมีมั้ยพระโพธิสัตว์พระองค์ใด
    พิจารณาว่าบารมีนี้เป็นไตรลักษณ์
    เคยมีเหรอ...................

    ทีนี้พอพิจารณาว่าบารมีนี้ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ไม่ใช่ของตนแล้ว
    จะไม่อิดหนาระอาใจต่อการสร้างบารมีหรอกหรือ
    แล้วความเป็นพระพุทธเจ้าจะได้มาจากไหน
    หรือแม้แต่ความเป็นสาวกภูมิก็ตามเถอะ เป็นโมฆะ ทั้งนั้น

    น่าสมเพชต่อผู้ประกาศตนเป็นพุทธภูมิ
    แต่อับเฉาจนปัญญา ที่แม้แต่จะสร้างบารมี
    ปล่อยให้กิเลสในใจตนหลอกตน ให้ประกาศความโง่ของตนแทน
    น่าสมเพชสิ้นดี.................
     
  17. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    พูดถึงพยามาร มารก็มา... เอ้ย มะช่าย!!

    โจโฉ สิเนาะ

    พูดถึง พยามาร พ่อพะโล้ไปอยู่ไหนมา ถามจริงๆ ไม่เคยได้ยินที่
    เขาโจทย์ขานกันหรือว่า พยามารที่จะตรัสรู้ ที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า ท้าวมาลัย
    อะไรนั่น มีคนเขาโจทย์ขานกันทั่วว่า ลาพุทธภูมิไปแล้ว

    นั่นขนาด นิยตโพธิสัตว์ ได้รับการพยากรณ์แล้ว ยังมี บุคคลระบุว่า

    ท่านลาไปแล้ว รอไม่ไหว !?

    ไม่เชื่อ ถาม เซเบลอ ได้เลย จะได้ ตัดสินกันเสียทีว่า

    ตกลง!!!

    อะไรอยู่ในมือ ในหัวกันบ้าง !?

    <TABLE id=post5758131 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>24-02-2012, 03:03 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#54 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Saber<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5758131", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Jun 2010
    ข้อความ: 1,127
    พลังการให้คะแนน: 150 [​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5758131 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ถาม : แล้วอย่างนี้คนสร้างเขารู้ประวัติความเป็นมาหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วบรรดาที่เขาเขียน ๆ ขึ้นมาก็มักจะป็นผู้ที่ได้อภิญญาได้อะไร แต่ว่าต่อมาหลัง ๆ มันมีเฝือเยอะ ถ้าอธิบายพระไตรปิฎกลงมาเป็นอรรถกถานี่โอเคล่ะ เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณไม่ใช่ส่วนใหญ่ล่ะทุกองค์ แต่อรรถกถามาฎีกา ฎีกามาเป็นอนุฎีกา อนุฎีกามาเป็นเกจิอาจารย์นี่ไม่ไหวแล้ว ชักจะเลอะ ก็เลยกลายเป็นว่าเพิ่มอะไรขึ้นมาเยอะเกินไป มันเฝือ ทีนี้ถัดจากอสุรินทราหูก็เป็นโสณพราหมณ์ จะเป็นสมเด็จพระพุทธรังสีมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็เป็นสุภมานพเป็นสมเด็จพระพุทธเทวเทพสัมมาสัมพุทธเจ้า โตไทยพราหมณ์เป็นสมเด็จพระนรสีหสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ช้างนาฬาคิรี ที่เทวทัตปล่อยไปจะเหยียบพระพุทธเจ้าน่ะ จะเป็นสมเด็จพระพุทธติสสสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วช้างปาลิโลยกะ ที่อุปฐากพระพุทธเจ้าตอนที่อยู่ป่าเลไลย์น่ะ ตอนหนีภิกษุโกสัมพีที่ทะเลาะกัน นั่นจะเป็นองค์สุดท้าย จะเป็นสมเด็จพระพุทธสุมังคลสัมมาสัมพุทธเจ้า
    อันนี้ก็เกินโควต้า เพราะต้องการ ๖ มาตั้ง ๑๐ จะต้องมีอย่างน้อย ๆ อีก ๔ องค์ที่จะลา เรารู้แน่ ๆ คือท้าวมาลัย ท้าวมาราธิราช ลาแล้ว ที่เหลือท่านไม่ได้พยากรณ์มิบังอาจบอก ลาก็คือลา ไปแทรกคิวเขาไม่ได้เดี๋ยวโดนดีเขี้ยวมันยาวจัด (หัวเราะ)<!-- google_ad_section_end -->


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    หาก เซเบลอ งง เชิญ kick link นี้


    นิยตโพธิสัตว์ ได้รับพยากรณ์แล้ว มี คนระบุว่า ท่านลาได้ เนี่ยะ ตกลง บารมีเที่ยง
    หรือ ไม่เที่ยง ไหนใครหน้าไหนลอง อมสากให้ดูหน่อยสิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2012
  18. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    นิตย แปลว่าเที่ยง

    แสดงว่าที่ยกมา
    คนพูดไม่รู้จริงครับ
     
  19. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    โพธิสัตว์ ลา พุทธภูมิ ว่าแต่ นิยตโพธิสัตว์ องค์ไหนละ ที่บอกว่าได้รับ พยากรณ์


    แล้วมีปัญญา คิดได้แค่ โพธิสัตว์ ลา พุทธภูมิ ลาพุทธภูมิ เพราะ บารมีไม่เที่ยง หรอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...