การรู้จักจิตผิดๆ ทำให้การศึกษาพระพุทธศาสนาผิดตลอดแนว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 18 มีนาคม 2010.

  1. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    มาเร็วๆครับทุกท่านมาฟังลุงขันธ์ผู้มีสติสัมปัชชัญญะดีเลิศปัญญาล่ำเลิศตอบคำถามจะได้ทำให้ทุกคนกระจ่างในวันนี้ครับ
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ปากเหม็น พูดไม่รู้เรื่อง ตาบอด หูหนวก

    จะถกธรรมได้หรือ
     
  3. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    นี่แหละนะคนมีธรรมพอไม่เห็นธรรมแล้วจะกลายเป็นแบบนี้ทุกทีเลย ว่าคนโน้นว่าคนนี้แต่ไม่ยอมตอบคำถามเลย ผมจะแก้ว่าทำไมจึงเห็นว่าขันธ์ไม่ใช่เราเพราะเรารู้ว่ามันไม่เที่ยง แต่อย่างน้อยก็น่าจะตอบว่าทำไมมองเห็นจิตเป็นเรามาสิครับ จะได้กระจ่างกันไปเลยเพราะผมก็มองเห็นว่านั่นไม่ใช่เรานี่นา เอะหรือว่าคุณปฏิบัติได้เท่าที่พูดแล้วอุปโลกเอาว่านั่นใช่นี่ใช่อย่างนั้นสินะ ถึงได้มีอากัปกิริยาและความคิด ต่อคำถามแบบนั้น เพราะจริงๆไม่ตอบก็ไม่มีใครว่าเลย ก็เห็นว่า เป็นคนมีสติดีมากมีปัญญาดีมาก เที่ยวว่าคนโน้นว่าคนนี้เขา เอาคำสอนดีๆมาสอน แต่ไหงเลยถึงตอบคำถามมาแบบนี้ละ หาว่าคนอื่นพูดไม่รู้เรื่อง สุดท้ายที่รู้เรื่องก็มีแต่ตนและพวกของตนเท่านั้น โถ
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ไม่มีความจำเป็นจะต้อง ชี้แจงธรรม ให้กับคนตาบอด หูหนวก ปากเหม็น หัวเน่า ฟัง
     
  5. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    โถๆก็มัวแต่เอาทิฐิตนเองไปเผยแพร่อยู่นั้นยังไง อย่างกับแพร่เชื้อโรคไปทั่วสารทิศเสียอย่างนั้น จะยอมรับฟังความคิดเห็นใครได้ นี่แหละเขาเรียกว่า อธรรม ไม่ใช่ธรรม เพราะไม่อาศัยเหตุปัจจัย อาศัยเพียงตามพวกพ้อง ฟังตามกันมา และก็ทำกันไปแบบผิดๆ ตามแบบของความยึดมั่นถือมั่น คำสอนที่สอนคนอื่นไปนั้นตนเองก็ยังทำไม่ได้เลย ความเมตตาก็ไม่มี อุเบกขาก็ไม่มี สติสตังที่จะพิจารณาตอบคำถามก็ไม่มี มีแต่ลมปากและอกุศลจิตที่แผ่ซ่านออกไปอย่างไม่สิ้นสุด อย่างนี้คนที่ติดเชื้อก็ต้องมีอาการคล้ายๆกันหมดนะสิครับ
     
  6. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    อ่า ในส่วนของอุเบกขา หลบภัย ฝึกค่ะ
    อันนี้ไม่นึกเอา แต่เขามักมาให้เรารู้ค่ะ

    ถ้าเป็นพระอรหันต์แต่ยังไม่เข้านิพพาน คงต้องมีกริยาจิต แต่พอเข้านิพพาน
    แล้ว จิตคงไม่มีหรอก

    ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระโมคคลาไว้ ดูกร ท่านโมกคลา ท่านจะลาเข้านิพพานแล้ว เราจะไม่ได้พบกันแล้ว อีกต่อไป ท่านจงแสดงธรรมเป็นครั้งสุดท้ายเทิอด เดี่ยวๆ ว่างๆ หลบภัยไปหาพระสูตรมาให้ จะเห็นว่า บทนี้จะแสดงให้เห็นว่า
    ถ้าหากเข้านิพพานแล้ว จิตย่อมไม่มี เพราะจิตคือตัวรู้ หากรู้มี พระอรหันต์
    ที่เข้านิพพานต้องเจอกันดิ นะคะ
    ที่บอก ว่าสภาวะนิพพานตรงนั้น เพราะจิตหลบภัยยังฝึกไม่ถึง ก็จริงนะเลยไป
    มีตรรกะเรื่องสภาะตรงนั้น เหมือนอนุบาล แต่อยากรับใบกาศ เอิ๊กๆๆ^^
    เลยต้องพึ่งตรรกะเพื่อมีมานะไปให้ถึงตรงนั้นค่ะ

     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ใคร่ครวญแบบนั้น ดีแล้ว แต่ยังใคร่ครวญตามตรรกะ ว่า

    จิตไม่มี ในพระสูตรก็กล่าวไว้แล้วว่า จิตหลุดพ้นแล้วย่อมรู้ชัดว่าจิตหลุดพ้นแล้ว

    นิพพานเป็นธรรมธาตุ ก็ไม่ใช่อะไรหรอก ก็คือ จิตที่เป็นเนื้อเดียวไปกับมหาวิมุตติมหานิพพพาน ดัง น้ำหยดหนึ่ง พอลงสู่มหาสมุทรย่อมเป็นเนื้อเดียวกันไป

    สำหรับ พระอรหันต์ต้องไม่เจอกัน ตอบว่า ท่านเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
    ในโลกนี้เท่านั้นที่แยก

    และ ในความหมายที่ไม่แยก ก็ใช่ว่าจะแยกไม่ได้

    ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละ ว่า ให้เจริญภาวนาจนถึง จุดที่ไม่เคลื่อน แล้วจึงค่อยหาคำตอบเรื่องนี้
     
  8. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    มั่วได้เนียนครับ ก็ไหนละคำตอบ ตอบมาสิครับ เห็นตอบแบบเนียนๆทุกครั้งเลยชอบทำให้เป็นสีเทาๆอยู่เรื่อย อย่าไปเอ่ยเรื่องพระอรหันต์ตามตำราว่าอย่างไรนั่นก็คือตำรา คนอื่นพูดอย่างไรไว้นั่นก็คือคำพูดของคนอื่น เหตุและผลแห่งการภาวนานั้นอยู่ที่จิตใจเรา แต่นั่นสิคำถามนั้นยังตอบไม่ได้แต่ดันไปตอบคำถามความเป็นพระนิพพานนั้นได้เสียอย่างนั้น อย่าหลอกตนเองไปเลย เพราะหากข้ามไปตอบเรื่องนิพพานได้โดยไม่มีเหตุผลก็เท่ากับว่า หลอกทั้งตนเองหลอกทั้งผู้อื่น เป็นมุสาวาสเสียสิ้น อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว หรือที่ไม่กล้าตอบเพราะว่า กลัวจะเสียพวกพ้องกันละครับ เลยหาโอกาสด่าส่งเลย สภาวะนั้นๆมันเกินกว่าจะคาดเดา หากความเป็นจริงไม่ใช่พูดไปมันก็เป็นเพียงโวหาร
    เอานี่ไปอ่านดูนะครับ เผื่อจะใจเย็นแล้วตอบคำถามที่ถามไป อย่าให้ความยึดมั่นในตัวตนบดบังจนไม่รู้ว่าควรพิจารณาอะไรกันแน่ เพราะมัวแต่หลงยึดอยู่อย่างนั้นในโลกธรรมทั้งหลาย เพราะถ้าอธิบายมามันจะได้เห็นชัดว่า ที่ผ่านมามันไม่ใช่สุ่มเดา มันไม่ใช่คำที่ก๊อปมาพูด เพราะมีแต่คนที่ปฏิบัติจริงๆเท่านั้นตอบได้ และรู้ได้ว่า เรา คืออะไร

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center>คำสอนหลวงปู่มั่น
    « เมื่อ: 19 สิงหาคม, 2009, 09:56:44 pm »
    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" vAlign=bottom align=right height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>* ผู้สนใจศึกษาปฏิบัติธรรม คือผู้สนใจหาความรู้ความฉลาดเพื่อคุณงามความดีทั้งหลาย ที่โลกเขาปรารถนากันเพราะคนเราจะอยู่และไปโดยไม่มีเครื่องป้องกันตัวย่อมไม่ปลอดภัย ต่ออันตรายทั้งภายนอกภายใน เครื่องป้องกันตัวคือหลักธรรมมีสติปัญญาเป็นอาวุธสำคัญ จะเป็นเครื่องมั่นคงไม่สะทกสะท้านมีสติปัญญาแฝงอยู่กับตัวทุกอิริยาบท จะคิด-พูด-ทำอะไรไม่มีการยกเว้น มีสติปัญญาสอดแทรกอยู่ด้วยทั้งภายในและภายนอก มีความเข้มแข็งอดทน มีความเพียรที่จะประกอบคุณงามความดี คนอ่อนแอโง่เง่าเต่าตุ่นวุ่นวายอยู่กับอารมณ์เครื่องผูกพันด้วยความนอนใจ และเกียจคร้านในกิจการที่จะยกตัวให้พ้นภัย
    * การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม ไม่มีดีเลย จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง
    * ผู้เห็นคุณค่าของตัว จึงเห็นคุณค่าของผู้อื่น ว่ามีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่เบียดเบียนทำลายกัน ผู้มีศีลสัตย์เมื่อทำลายขันธ์ไปในสุคติในโลกสวรรค์ ไม่ตกต่ำเพราะอำนาจศีลคุ้มครองรักษาและสนับสนุน จึงควรอย่างยิ่งที่จะพากันรักษาให้บริบูรณ์ ธรรมก็สั่งสอนแล้วควรจดจำให้ดี ปฏิบัติให้มั่นคง จะเป็นผู้ทรงคุณสมบัติทุกอย่างแน่นอน
    * เมื่อเกิดมาอาภัพชาติ แล้วอย่าให้ใจอาภัพอีก ผู้เกิดมาชาตินี้อาภัพแล้ว อย่าให้ใจอาภัพ คิดแต่ผลิตโทษทำบาปอกุศลเผาผลาญตนให้ได้ทุกข์ เป็นบาปกรรมอีกเลย
    * คนชั่ว ทำชั่วได้ง่าย และติดใจไม่ยอมลดละแก้ไขให้ดี
    คนดี ทำดีได้ง่าย และติดใจกลายเป็นคนรักธรรมตลอดไป

    * เราต้องการของดี คนดี ก็จำต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นการฝึกไปไม่ได้ งานอะไรก็ต้องฝึกทั้งนั้น ฝึกงาน ฝึกคน ฝึกสัตว์ ฝึกตน ฝึกใจ นอกจากตายแล้วจึงหมดการฝึก คำว่า ดี จะเป็นสมบัติของผู้ฝึกดีแล้วแน่นอน
    * ศีล นั้นอยู่ที่ไหนมีตัวตนเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้รักษาแล้วก็รู้ว่า ผู้นั้นเป็นตัวศีล ศีลก็อยู่ที่ตนนี้ เจตนาเป็นตัวศีล เจตนาคือจิตใจ คนเราถ้าจิตใจไม่มีก็ไม่เรียกว่าคน มีแต่กายจะทำอะไรได้ ร่างกายกับจิตต้องอาศัยซึ่งกันและกัน เมื่อจิตไม่เป็นศีล กายก็ประพฤติไปต่างๆ มีโทษต่างๆ ผู้มีศีลแล้วไม่มีโทษ จะเป็นปกติแนบเนียนไม่หวั่นไหว ไม่มีเรื่องหลงหา หลงขอ คนที่หา คนที่ขอต้องเป็นทุกข์ ขอเท่าไหร่ยิ่งไม่มี ยิ่งอดอยากยากเข็ญ กายกับจิตเราได้มาแล้ว มีอยู่แล้ว ได้มาจากบิดามารดาพร้อมบริบูรณ์ จะทำให้เป็นศีลก็รีบทำ ศีลมีอยู่ที่เราแล้ว รักษาได้ไม่มีกาล ได้ผลไม่มีกาล
    ผู้มีศีลย่อมเป็นผู้องอาจกล้าหาญ ผู้มีศีลย่อมมีความสุข ผู้จักมั่งคั่งบริบูรณ์ไม่อด ไม่ยาก ไม่จน ก็เพราะรักษาศีลให้สมบูรณ์ จิตดวงเดียวเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา
    ผู้มีศีลแท้เป็นผู้หมดเวรหมดภัย

    * คุณธรรม ยังมีผู้เข้าถึงให้เป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่องเลื่องระบือ มีความฉลาด กว้างขวางในอุบายวิธี ไม่มีคับแค้นจนมุม
    * การปฏิบัติธรรม เป็นการทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทรงตรัสสอนเรื่องกาย วาจา จิต มิได้สอนเรื่องอื่น ทรงสอนให้ปฎิบัติฝึกหัดจิตใจ ให้เอาจิตพิจารณากาย เรียกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน หัดสติให้มากในการค้นคว้า เรียกว่า ธัมมวิจยะ พิจารณาให้พอทีเดียว เมื่อพิจารณาพอจนเป็นสติสัมโพชฌงค์ จิตจึงจะเป็นสมาธิรวมลงเอง การประกอบความพากเพียรทำจิตให้ยิ่ง เป็นการปฏิบัติตามคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน
    ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน
    ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
    ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น


    * วาสนา นั้นเป็นไปตามอัธยาศัย คนที่มีวาสนาในทางที่ดีมาแล้ว แต่คบคนพาล วาสนาก็อาจเป็นคนพาลได้ บางคนวาสนายังอ่อน เมื่อคบบัณฑิต วาสนาก็เลื่อนขึ้นเป็นบัณฑิต ฉะนั้น บุคคลควรพยายามคบแต่บัณฑิต เพื่อเลื่อนภูมิวาสนาของตนให้สูงขึ้น
    ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงแล้วตามมา ไม่ควรหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
    ผู้มีปัญญา ได้เห็นในธรรมซึ่งเป็นปัจจุบัน ควรเจริญความเห็นนั้นไว้เนืองๆ ควรรีบทำเสีย
    ผู้มีปัญญา ซึ่งมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีความเพียรแยกกิเลสให้หมดไป จะไม่เกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืน

    * จิต เป็นสมบัติสำคัญมากในตัวเราที่ควรได้รับการเหลียวแล ด้วยวิธีเก็บรักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิต อันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะก็คือภาวนา ฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร ตรวจดูจิตว่า มีอะไรบกพร่องและเสียไป จะได้ซ่อมสุขภาพจิต นั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือ ความคิดปรุงแต่งของจิตว่า คิดอะไรบ้าง มีสาระประโยชน์ไหม คิดแส่หาเรื่อง หาโทษ ขนทุกข์มาเผาตนอยู่นั้น พอรู้ผิด-ถูกของตัวบ้างไหม พิจารณาสังขารภายนอกว่า มีความเจริญขึ้นหรือเจริญลง สังขารมีอะไรใหม่หรือมีความเก่าแก่ชราหลุดไป พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอจะทำได้ ตายแล้วจะเสียการให้ท่องในใจอยู่เสมอว่า เรามีความแก่-เจ็บ-ตาย อยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน
    * ทาน-ศีล- ภาวนา ธรรมทั้ง 3 นี้ เป็นรากแก้วของความเป็นมนุษย์ และเป็นรากเหง้าของพระศาสนา ผู้เกิดมาเป็นมนุษย์ ต้องเป็นผู้เคยสั่งสมธรรมเหล่านี้มาอยู่ในนิสัย ของผู้จะมาสวมร่างเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ด้วยมนุษย์อย่างแท้จริง
    -------------------------------------------------------------------
    คนหิว อยู่เป็นปกติสุขไม่ได้
    จึงวิ่งหาโน่นหานี่
    เจออะไรก็คว้าติดมือมาโดยไม่สำนึกว่าผิดหรือถูก
    ครั้นแล้วสิ่งที่คว้ามาก็เผาตัวเองให้ร้อนยิ่งกว่าไฟ

    คนที่หลงจึงต้องแสวงหา
    ถ้าไม่หลงก็ไม่ต้องหา
    จะหาไปให้ลำบากทำไม
    อะไรๆ ก็มีอยู่กับตัวเองอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว
    จะตื่นเงา ตะครุบเงาไปทำไม
    เพราะรู้แล้วว่า เงาไม่ใช่ตัวจริง

    ตัวจริง คือ สัจจะทั้งสี่ที่มีอยู่ในกายในใจอย่างสมบูรณ์แล้ว
    -------------------------------------------------------------------
    อานิสงส์ของศีล 5 เมื่อรักษาได้
    1. ทำให้อายุยืน ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน
    2. ทรัพย์สมบัติที่อยู่ในความปกครอง มีความปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายมาราวี เบียดเบียนทำลาย
    3. ระหว่าง ลูก หลาน สามี ภริยา อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ไม่มีผู้คอยล่วงล้ำ กล่ำกราย ต่างครองกันอยู่ด้วยความผาสุข
    4. พูดะไรมีผู้เคารพเชื่อถือ คำพูดมีเสน่ห์เป็นที่จับใจไพเราะ ด้วยสัตย์ ด้วยศีล
    5. เป็นผู้มีสติปัญญาดีและเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้าหลงหลัง จับโน่นชนนี่ เหมือนคนบ้าคนบอหาสติไม่ได้ ผู้มีศีล เป็นผู้ปลูกและส่งเสริมสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก ให้มีแต่ความอบอุ่นใจ ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย ผู้ไม่มีศีลเป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ ให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

    -------------------------------------------------------------------
    เราเกิดมาเป็นมนุษย์มีความสูงศักดิ์มากอย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ
    มนุษย์เราจะต่ำลงกว่าสัตว์ และจะเลวกว่าสัตว์อีกมากมาย อย่าพากันทำ ให้พากันละบาป บำเพ็ญบุญ ทำแต่คุณความดี

    อย่าให้เสียชีวิตเปล่าที่มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์

    -------------------------------------------------------------------
    กรรม จำแนกสัตว์ให้ทราม และประณีตต่างกัน ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล คือ ลืมตนจนกลายเป็นผู้มืดบอดอย่างช่วยไม่ได้ แม้เขาจะเกิดและได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อ-แม่มาเป็นอย่างดีเหมือนโลกทั้งหลายก็ตาม เขาก็มองไม่เห็นคุณของพ่อ-แม่ ว่าได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูตนมาอย่างไรบ้าง แต่เขาจะมองเห็นเฉพาะร่างกายเขา ที่เป็นคนหนึ่งกำลังรกโลกอยู่โดยเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น
     
  9. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    แล้วในขณะหนึ่งๆจิตมาจากไหน มันมีมานานแล้ว มันลอยอยู่โดดๆ ของมันอย่างนั้นหรือ เมื่อมันลอยอยู่โดดของมันอยู่อย่างนั้นแล้ว มันตะโกนบอกหรือไงว่า ที่ลอยอยู่โดดๆนั่น นั่นแหละคือเรา ไม่ใช่เราหรือ ที่ไปจับเอาถือเอาว่านั่นของเรา ไปทึกทักเอาเอง ไหนตอบหน่อยสิครับว่า จิต มันบอกเราอย่างนั้นหรือว่า เราเป็นคนไปบอกจิตว่า เธอน่ะคือฉัน และฉันก็คือเธอ ไหนท่านนักปฏิบัติช่วยตอบหน่อยสิครับ ไหนลองตอบให้ฟังตามที่ลุงขันธ์เห็นหน่อยครับว่า จิตลุงขันธ์บอกลุงขันธ์หรือว่า ลุงขันธ์ไปบอกจิตว่านั่นเป็นเรา<!-- google_ad_section_end --> และอยากฟังความเห็นจากนักปฏิบัติในสมัยนี้ในยุคนี้ด้วยครับ
     
  10. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    การถาม ต้องถามด้วยความเมตตาจิต ไม่ได้ถามเพราะไปคิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้
    คุยกันดีดี ธรรมมะดีดี ย่อมเกิด และมีความรู้ของอีกฝ่ายที่เราไม่รู้ ศึกษาเขา
    ก็เหมือนศึกษาเราไปในตัว ระวังจิต ระวังใจตน ประคองสติเอาไว้
    ไม่ให้ไหลไปมามากมาย ระงับด้วยสติ และปัญญา นี้คือ ยอดมนุษย์อุลตร้าแมน
    เอิ๊กๆ
     
  11. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ก็ถ้าเขาแสดงออกถึงความรู้อันมากมายออกมาแล้ว จะบอกว่าเขาไม่รู้นั้นมันจะทำได้หรือ หากเขาแสดงความเมตตามาตั้งแต่แรกแล้วนั้น จะมองเห็นว่าเป็นการถามเพื่อข่มเพื่ออวดได้หรือ ผมก็ถามตามปกติเพราะว่า นี่ก็คือส่วนหนึ่งของธรรมเท่านั้น หากแต่ว่าแต่ละคนจะคิดให้กิเลสครอบงำตนเองแล้วก็จะเห็นไปต่างๆนานา ดังเช่นว่า เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เป็นต้น ก็ความเป็นจริงมันเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นแหละ จะหลงเป็นยอดมนุษย์หรือเป็นอะไรก็สุดแล้วแต่ หากใครเห็นว่าคำถามนั้นถามเพื่อต้องการ จะบอกว่าอีกฝ่ายหนึ่งหรือกลัวว่าตอบแล้วจะผิดก็ไม่ต้องตอบ เพราะความจริงการตอบหรือไม่ตอบก็เพียงทำให้รู้และไม่รู้เท่านั้น และความรู้นั้นที่มีนั้น มันเป็นจริงหรือไม่เท่านั้น ก็จะไม่หลงไม่ยึดไปว่านั่นถูกแล้วนั่นใช่แล้วไง ไม่ได้ถามเพราะว่าตนเองรู้ด้วยซ้ำแต่ถามเพราะว่าตนเองเห็นเช่นนั้น แต่มีเหตุผลมากกว่าจะบอกว่าเพราะใครบอกมาเพราะตำราว่าไว้ อย่างนั้นแล้วเราทุกคนก็ไม่ต้องปฏิบัติหรอก อ่านตำราฟังพระเทศน์ก็สำเร็จอรหันต์ได้ แบบนี้มันจริงหรือ ก็พิจารณาเอา จะเห็นเป็นกิเลสก็ได้นะเพราะอะไรก็พิจารณาเอา เราไม่ได้ตำหนิใครนะครับ เพียงเชิญให้ตอบคำถามเท่านั้น เพื่ออะไรนั้นก็เพื่อว่าหากปฏิบัติมานั้นมันผิดทั้งหมดแล้ว ปฏิบัติไปก็ไม่ได้อะไรยังไงละครับ และหากว่ายับยั้งชั่งใจได้ ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรเพราะมันเป็นแต่ละจิตแต่ละใจ พระพุทธศาสนามีพระสัทธรรมอันเดียวกันครับ
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ตลกน่า คุณ kengkenny

    ความรู้ทางด้าน ธรรมะ คุณยังเป็น ศูนย์ คุณจะมาบอกว่า คนนั้นคนนี้ พูดถูกพูดผิด
     
  13. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    เห็นอารมณ์ที่ไม่พอใจไหม เห็นทันป่ะ พอตามองปรับ แฮ่ ทิฐิจ๊ะเอ๋ เยย เอิ๊กๆๆ


    พอแระ เดี่ยวหลบภัย.ไปสวดมนต์ดีกว่า เอิ๊ก..ต้องสวดกรณียเมตาสูตร
    สัก 3 เที่ยวแล้วกานวันเนี้ย ..อ่า
     
  14. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ก็ไหนละคนที่ไม่เป็นศูนย์ก็อธิบายมาให้หายสงสัยหน่อยสิครับ ว่าอะไรที่ผมถามและคำตอบมันอยู่ที่ไหน หากคิดว่าผมเป็นศูนย์จริง ก็เพราะคุณรู้จักพระนิพพานไม่ใช่หรือ อย่างนั้นก็ควรตอบคำถามได้สิเพราะความรู้ระดับศูนย์ถามนี่ระดับล้านต้องตอบได้อยู่แล้ว ไม่ใช่เฉไฉไปด่า ผมไปเรื่อยๆ ผมจะความรุ้ระดับไหนเพียงไหนมันไม่ได้สำคัญเลย คุณเอาอะไรมาสอน ผมก็บอกแล้วว่าทำไมถึงเห็นต่างในความเป็นเรา แต่คุณก็ไม่ตอบคำถามกลับคิดว่าผมนั้นถามเพื่อการเอาชนะเสียอย่างนั้น ถ้าคุณไม่คิดว่าผมอยากรู้ความหมายของเราในที่นี้ ผมจะถามหรือ ไม่ใช่ต้องการตำราหรือสิ่งใดต้องการความจริงต่างหาก จึงถามไป
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 3128243" vAlign=top><TD class=alt1>แล้วในขณะหนึ่งๆจิตมาจากไหน มันมีมานานแล้ว มันลอยอยู่โดดๆ ของมันอย่างนั้นหรือ เมื่อมันลอยอยู่โดดของมันอยู่อย่างนั้นแล้ว มันตะโกนบอกหรือไงว่า ที่ลอยอยู่โดดๆนั่น นั่นแหละคือเรา ไม่ใช่เราหรือ ที่ไปจับเอาถือเอาว่านั่นของเรา ไปทึกทักเอาเอง ไหนตอบหน่อยสิครับว่า จิต มันบอกเราอย่างนั้นหรือว่า เราเป็นคนไปบอกจิตว่า เธอน่ะคือฉัน และฉันก็คือเธอ ไหนท่านนักปฏิบัติช่วยตอบหน่อยสิครับ ไหนลองตอบให้ฟังตามที่ลุงขันธ์เห็นหน่อยครับว่า จิตลุงขันธ์บอกลุงขันธ์หรือว่า ลุงขันธ์ไปบอกจิตว่านั่นเป็นเรา<!-- google_ad_section_end --> และอยากฟังความเห็นจากนักปฏิบัติในสมัยนี้ในยุคนี้ด้วยครับ </TD></TR><TR><TD class=thead colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE>
    มันมีเท่านี้ละครับ เพราะหากตอบมาผมก็จะหยุดเมื่อผมทราบว่านั่นเป็นธรรมแท้ๆและแน่นอน ไม่ใช่สีขาวหรือสีดำหรือแม้แต่สีเทา ไม่ได้ประเมินอะไรทั้งสิ้นเพราะก็เพียงอยากรู้ว่า โลกมันหมุนไปและมันเริ่มจากศูนย์ นั้นเป็นเรื่องจริง
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ตลกจริงๆ คุณ kengkenny

    คุณ นี่งอแง เป็นเด็กๆ สามขวบไปได้

    ประการแรก คือ ผมไม่ใช่จำเลยที่ผมจะต้องมาตอบใคร

    ประการที่สอง คือ สิ่งที่คุณถามมา มันเหมือนคนพูดไม่รู้เรื่อง

    ประการที่สาม คือ คุณด่า และ กล่าวหาเรื่อยเปื่อย

    ขอโทษนะ คุณไปถามใครแบบนี้ก็ได้ แล้วคุณจะรู้ว่าร้องเท้า บาจา นั้นทนทานเพียงใด

    อย่าเอาสัทธรรมมาอ้าง เพราะคุณยังไม่รู้จัก สัทธรรม
     
  16. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ตอบไม่ได้ก็ว่าคนอื่นเขา หาว่าคนอื่นเขาด่าว่าตนเองอีก โถ ถ้ากลัวว่าการตอบจะส่งผลให้เป็นอะไรอยู่แล้ว อย่าตอบคำถามโดยไม่มีคำตอบเลย เพราะไม่ว่าจะประการใดๆ มันก็เป็นความคิดของตนเองผู้เดียวครับ การกล่าวหาก็ไม่เกิด การด่าก็ไม่เกิดขึ้น ดังนั้นคุณจะบอกว่าเผยแพร่ธรรมนั้น ธรรมที่พาให้คนยึดมั่นถือมั่นแบบนั้น แล้วมันไปเกี่ยวกับรองเท้าบาจาได้ยังไง เท่าที่อ่านก็มีแต่คุณด่าอยู่คนเดียว คุณก็ยังจะบอกว่าผมด่าคุณอีก
    ไม่ว่าจะหูหนวก ปากเหม็น หัวเน่า อีกหลายๆอย่าง มันคงเป็นคำด่าที่ผมด่าตัวเองสินะครับ ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่าจะตอบหรือไม่ตอบก้ไม่เป็นไร เพราะยังไงผมก็เป็นศูนย์อยู่แล้ว ไม่เสียหายอะไรจะเริ่มต้นใหม่ที่ไหนและเมื่อไหร่ แต่ต้องระวังนะเพราะเกินศูนย์ไปไกลแล้วเวลาจะกลับมา จะหาทางกลับไม่เจอครับ
     
  17. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมจะรอฟังคำตอบจากท่านผู้รู้จริงๆก็แล้วกันครับ เพราะเชื่อว่าในบอร์ดนี้มีท่านผู้รู้อยู่จริงๆไม่มากก็ก็น้อยที่ไม่แสดงตนออกมาให้ใครทราบ อย่างแน่นอนครับ

    แล้วในขณะหนึ่งๆจิตมาจากไหน มันมีมานานแล้ว มันลอยอยู่โดดๆ ของมันอย่างนั้นหรือ เมื่อมันลอยอยู่โดดของมันอยู่อย่างนั้นแล้ว มันตะโกนบอกหรือไงว่า ที่ลอยอยู่โดดๆนั่น นั่นแหละคือเรา ไม่ใช่เราหรือ ที่ไปจับเอาถือเอาว่านั่นของเรา หรือว่าไปทึกทักเอาเอง ไหนตอบหน่อยสิครับว่า จิต มันบอกเราอย่างนั้นหรือว่า เราเป็นคนไปบอกจิตว่า เธอน่ะคือฉัน และฉันก็คือเธอ ไหนท่านนักปฏิบัติช่วยตอบหน่อยสิครับ

    หากอ่านคำถามแล้วไม่เข้าใจก็อธิบายมาตามความเข้าใจเถอะครับนึกเสียว่าสอนผู้ไม่รู้ผู้เป็นศูนย์แล้วกันครับ แต่อย่าถือสาคำที่ใช้นะครับอาจจะดูน่าขบขันหรือดูน่าหมั่นใส้ก็ขออย่าได้ถือสานะครับ
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คุณรู้่ได้อย่างไรว่า มันลอยอยู่โดดๆ
    กระโดดไปถึง เริ่มต้น จิต ขนาดพระศาสดายังไม่ทำนายเลย

    จิตส่งออกนอกเกินไป จะวิปลาสเอา ให้หยุด แล้วให้ไปเจริญสติ อยู่กับกาย
     
  19. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ครับ ไม่รู้ครับ จึงถาม เวลาลุงพิจารณาลงไปที่จิตแล้ว ลุงเห็นว่าจิตมันเป็นยังไงครับ ถ้าอย่างนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องทำนายครับ ลุงอธิบายมาสิครับ ว่ามีโอกาสเห็นไหมว่ามัน ตั้งอยู่ของมันโดดๆ อยู่อย่างนั้น ตามความเห็นของลุงครับ เพราะผมจะได้ศึกษาธรรมได้อย่างถูกต้องไงครับ
    เอาตั้งแต่แรกเลยครับ ว่าจิตมาจากไหนขณะลุงพิจารณาครับ
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ไปทำสมาธิกับ สติ ให้เป็นก่อน
    นั่นแหละ คือ เรื่องที่คุณจะต้องศึกษา

    สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จะไปพูดเรื่องจิต มันก็กลายเป็น นึกเอาด้นเดาเอา
     

แชร์หน้านี้

Loading...