การขโมยพลังจากผู้ที่ไม่หวังดี

เวลารุ้สึกเหมือนโดนดูด(ส่วนมากจะเป็นพลังที่ได้จากการปฏิบัติสมาธิหรือสมถะ) เวลาเราแผ่ให้แล้วเค้าเอาไปมากๆ เช่น แผ่เมตตา(ต้องแผ่ตามกำลังนะคะ แผ่มากเกินตัวจะไม่ไหวหมดแรง เหนื่อยง่าย)

ส่วนเวลาคนที่ไม่หวังดี สัมผัสเพื่อต้องเราพลังเรานั้น
ส่วนมากนอกจากจะดูดพลังเราไปแล้วบางส่วน
ยังแทรกสิ่งไม่ดีเข้ามาในจิตเราด้วยมันจะรุ้สึกแปลกๆ ยังไงก็ระมัดระวังกันหน่อยแล้วกันอย่าเชื่ออะไรง่ายๆนะคะ

 

เราชาวพุทธผู้เจริญสติแล้ว ควรระลึกไว้เสมอว่า การทำกุศลทุกครั้งก็ควรเกิดจากความศรัทธา เชื่อมั่นและเสียสละ เมื่อทำไปแล้วก็เกิดปิติสุข อิ่มเอิบ ในโลกแห่งชาวพุทธนั้นคงมีไม่กี่คนที่ทำบุญไปแล้วมานึกเสียดายตอนหลังว่าไม่น่าทำเลย การที่จิตวกกับมาคิดถึงเรื่องบุญที่ทำไปแล้วมาคิดเสียดายนั่นคือจิตยังไม่หลุดจากความเป็น"สัตว์นรก เปรต อสูรกายและเดียรฉาน" ยังยึดมั่นในตัวกู ของกู อยู่ร่ำไปซึ่งเป็นอันตรายต่อการพัฒนาจิตเป็นอย่างมาก จึงขอให้ท่านจงพัฒนาจิต ให้หลุดจากความเป็น สัตว์นรก เปรต อสูรกายและเดียรฉาน โดยเร็ว เมื่อใดที่ท่านให้และรู้สึกสบายใจ อิ่มเอิบ มีความสุขโดยไม่หวังการตอบแทน เมื่อนั้นคือ จิตท่านอยู่เหนือกว่า สัตว์นรก เปรต อสูรกายและเดียรฉานแล้ว จึงเรียนมาด้วยจิตคารวะ

 

เป็นความรู้ทางด้านพลังที่ดีมากครับ
บอกตรง ๆ ว่าไม่ค่อยจะรู้เรื่องเกี่ยวกับพลังเลย แต่สนใจมานานแล้ว
เท่าที่ผมวิเคราะห์ดูเรื่องการดูดพลังหรือให้พลังก็แล้วแต่จุดสำคัญมันมีอันเดียวคือ ต้องมีสติและสมาธิ จะได้ให้พลังคนอื่นได้และไม่ถูกคนอืน ๆ ดูดไป

ขอขอบคุณความรู้และความสามารถของทุกคนเลยครับ เยี่ยมจริง ๆ

 

พลังจากธรรมชาติมีอยู่มากมายไม่จำกัด
เนื่องจากเราอยู่ในสุริยจักรวาล พลังที่มหาศาลและอยู่ใกล้เราที่สุดคือ แสงอาทิตย์ เป็นหยาง เปรียบประดุจพ่อผู้เข้มแข็ง
เราอาศัยอยู่บนโลก ที่หมุนรอบดวงอาทืตย์และรอบตัวเองตลอดเวลาเหมือนไดนาโมยักษ์ จึงเปรียบประดุจ มารดาผู้ปราณี เป็นอิน
เรารับพลังจากแสงผ่านจักรกระหม่อม เพื่อกระตุ้นให้จักรอีก6 หมุน
เรารับพลังจากโลกผ่านดิน ต้นไม้ สายลม กระแสน้ำ ผ่านจักรที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และทั่งตัว
เมื่อใดที่สัมผัสถืงการหมุนของจักรทั้ง7และรู้สึกหลอมรวมไปกับธรรมชาติคือจักรน้อยใหญ่ในร่างกายหมุน ฟ้า มนุษย์ ดินย่อมประสาน
ปล่อยจิตให้หลอมรวมไปกับพลังธรรมชาติ เพื่อสำเหนียกถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
เมื่อใดที่เรารู้สึกถึงความไร้ความหมาย ไร้ความยิ่งใหญ่ของอัตตา
ความจริงจะปรากฎ
นี่คือกุญแจแห่งพลังที่เหมือนไร้จำกัด มีในไม่มี ไม่มีในมี

 

มีเพื่อนคนนึงครับ เค้าบอกว่าไปเปลี่ยนดวงของเราเป็นของเค้า ผมก้ไม่เชื่อว่าเป็นไปได้อย่างไร ปกติผมจะชอบซื้อหวยและถูกบ่อยมาก แต่หลังจากที่เพื่อนคนนี้บอก ผมไม่เคยถูกหวยเลย แต่เพื่อนคนนี้ถูกทุกครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่หวยออก เพื่อนคนนี้มักจะมาที่บ้านผม และเข้ามาด้านหลัง แตะบ่าผมทุกครั้งแล้วเค้าก็กลับไป ผมคิดว่าถูกขโมยพลังไปแล้วครับ มีวิธีป้องกันหรือแก้ไขอย่างไรพอจะแนะนำได้มั้ยครับ คิดว่าเค้าคงเล่นของด้วยครับ ผมจะป้องกันอย่างไร ช่วยแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ
ขอเล่านิดนึงครับ เพื่อนคนนี้มีทั้งบ้านและรถ แต่ผมไม่มีอะไรเลย เค้ายังทำกับผมได้นะครับ

 

ก็ให้เขาไปบางทีเขาจำเป็นต้องใช้จริงๆ คิดเสียว่าช่วยเติมพลังด้านบวกในตัวเขาด้วยคะ ..
เจอแบบไม่ต้องแตะตัว แค่เขาอยู่ใกล้ๆก็ดูดได้คะ ...

 

ผมยังเคยโดนดูดเลยเป็นเเม่ชีด้วยเห็นชุดขาวไม่น่าทำกันเลย

 

ผมอยากทราบว่าจะเอาพลังคืนมาได้อย่างไรบางคับ
ผมอ่านแล้วที่พี่ๆเขียนเอาไว้ว่านั่งสมาธิเดี่ยวก็หายแต่ผมไม่ได้โดนดูด
แต่โดนเปลี่ยนพลังคือโดนเอาด้านดีๆไปแต่ได้ด้านเสียมาแทนนะคับ
อยากจะให้พี่แนะนำให้หน่อยคับว่าจะแก้อย่างไรได้บ้าง

 

นั้นหน่ะสิครับ ท่านผู้ตั้งกระทู้ เสียไปแล้วด้วยครับ

 

ทานกับจาคะ เป็นการสละออกไป ตามกำลังใจของตน สิ่งที่ตรงกันข้ามล้วนขัดกับหลักของพุทธศาสนา หาหลอดมาหนึ่งอัน แล้วก็ซื้อไวตามิ้ลหรือนม หรือน้ำอัดลม น้ำผลไม้ อะไรก็ได้มา แล้วก็ดูด ล้วนได้พลังทั้งนั้น ส่วนความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง

 

น้อมเคารพ อ.ตาที่สาม ที่ถ่ายทอดความรู้แก่ข้าน้อย

เรื่องการดูดพลังนี้ มีเรื่องที่เกี่ยวเนื่องและไม่เกี่ยวเนี่องกันเลยสองประการ
หนึ่งคือเรื่องของพลัง และอีกหนึ่งคือเรื่องของบุญ

เรามาคุยเรื่องพลังก่อน
พลัง ก็คือพลัง ไม่มีอะไรลี้ลับพิศดาร มีพลังจักรวาล พลังยูเรนัส โยเร เรกิ ลมปราณ ฯลฯ
ทั้งหมดนี่คือพลัง
ผู้ที่จะมีพลังได้ ย่อมล้วนต้องผ่านการฝึกฝน ฝึกปรือ อย่างตั้งอกตั้งใจ เพื่อสะสมให้มากขึ้น เพื่อเป็นต้นทุนในตัว
เวลาจะใช้พลังรักษาโรค
บ้างก็ใช้พลังที่สะสมออกมารักษา บ้างก็ใช้ต้นทุนพลังที่มี ชักนำพลังที่อยู่รอบตัว ผ่านตนเอง เข้าสู่ผู้ป่วยเพื่อการรักษา

พลังดังกล่าว เมื่อสะสมในตัว จากการฝึกหัดด้วยความยากลำบาก มันจะเข้าไปรวมกับออร่าใกาย ทำให้ออร่ามีความเข้มข้นสูงขึ้น
ยิ่งทำบุญมาก ออร่าก็จะยิ่งสว่างไสว
เดินไปที่ใหน ก็สว่างโพลไปทั่ว น่าสนใจดีออก

ทีนี้ พวกที่อยากมีพลัง ให้สว่างไสวบ้าง แต่ขึ้เกียจฝึก ก็หาทางหยิบยืมจากผู้อื่นมาใช้(ยืมแบบไม่คืนนะ)
ตอนสมัย อ.ตาที่สามยังอยู่ เราเรียกพวกที่ฝึกวิชานี้ว่า ฝึกวิชามหาเวทย์ดูดดาว
ที่ตั้งชื่อนี้ก็เพราะว่า ก็ตอนนั้น หนังกำลังภายในกำลังดัง วิชานี้เป็นวิชาที่ตัวเอกของเรื่องได้มา และทำให้มีฝีมือสูงส่ง

พวกนี้ มาถึงก็เอามือแตะร่างกายเรา และดูดไปดื้อๆ
พวกที่ฝึกได้สูง ไม่ต้องแตะเนื้องต้องตัวแล้ว เพียงใช้สายตามอง แล้วดูดไปซึ่งๆหน้าเลย

ในยุคนั้น เราพบพวกนี้หลายคน มาแอบดึงพลังงานจากพวกเราไป
ตอนเรก ไม่รู้ตัว ก็เอ...วันนีไม่ได้ถ่ายพลังรักษาโรคให้ใคร แต่ทำไมเพีลยจัง
เราก็ช่วยกันถ่ายพลังให้พอรักษาตัว แล้วต่างคนต่างช๊าตพลังสะสมใหม่

ตอนหลังพวกเรารู้ตัวแล้ว พอรู้สึกได้ถึงการดูดพลัง
เราก็อาศัยความชำนาญ ยื้อพลังกัน เหมือนเล่นชักขะเย่อ โดยใช้สายของพลังเป็นประดุจเส้นเชือก
และใช้ความเก๋า(จากการที่ทดลองเล่นกันดู) ดึงพลังไว้ให้ดึงออกไปยาก
แต่พอพวกเผลอ เราก็ปล่อยพลังออกไปจำนวนมากแบบไม่รั้งไว้
อีตานี้ พวกที่ดึงพลังจากเราก็เลยเหมือนโดนผลักให้เซถอยไปโดยอัตโนมัติ
แล้วเราก็ดึงพลังกลังกลับโดยฉับพลัน ในปริมาณมหาศาล
คราวนี้อีก็เซมาข้างหน้า แล้วเราก็ตัดกระแสพลังทันทีให้ขาดจากกัน เหมือนเชือดขาด
เราผู้ตัดเชือก รูตัวอยู่แล้ว จึงไม่สะเทือน แต่เขาจะเซมาข้างหน้าแล้วก็ล้มครืนไปด้านหลังอย่างหมดท่า
พลังที่ดึงมา ก็เลยมาอยู่กับเราทั้งหมด
อ้าวตูข้าเองเลยเป็นเจ้าของ วิชามหาเวทย์ดูดดาวเองโดยอัตโนมัติ
โห้......... ตูก็เป็นโว้ย ดูดได้ง่ายๆด้วย

แต่.....โอ้พระเจ้าชวยกล้วยแขกทอด
ไอ้พวกที่ใช้วิชานี้นะ มันพวกมารดีๆนี่เอง ในพลังของมัน แฝงพิษร้ายอยู่
เหมือนหนังกำลังภายในเลย มันฝึกพลังกะพิษร้าย(อสูรกยนาค)
พลังที่เราดููดมานะ พิษทั้งนั้น

ตูเลยต้องนอนสำลอกพิษอยู่หลายวัน กว่าจะหาย
เป็นที่หัวเราะครื้นเครงของก้วนชมรมตคนตาทิพย์ อยู่นาน

 

ส่วนเรื่องของบุญ คงไม่ต้องอธิบายนะ
วิธีทำบุญ ก็สั้นๆง่ายๆ กับ ทาน สีล ภาวนา
ทำแล้วก็อธิฐานให้ตนเอง ให้ผู้อื่น

เพียงเท่านี้ บุญก็หล่อเลี้ยงตัวเองให้ ออร่าสว่างไสวแล้ว
แต่พลังมันจะไปเพิ่มปริมาณความเข้มข้นของออร่า

ความจริงแล้วเหมือกับว่า พลังและบุญไม่เกี่ยวเนื่องกันเลย
แต่ว่ามันมาออกผลที่ออร่าเหมือนกัน

ดังนั้น เราก็อาจ อธิษฐานจิต ขอรวมบุญ และพลังให้เป็นเนื้อเดียวกัน

พอบุญและพลังชีวิต(ก็ออร่านั่นแหละ) เป็นหนึ่งเดียวกันแล้วนะ
ใครมาดูดพลังชีวิตของเรา ก็เท่ากับดูดบุญเราไปด้วย
เหมือนกับพวกมาเอาพลังชีวิตเราและบุญเราไปหมดสิ้นเลย

แต่ พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า

สัพเพ สัตตา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีกรรมเป็นของของตน, มีกรรมเป็นผู้ให้ผล,

กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ กัมมะปะฏิสะระณา มีกรรมเป็นแดนเกิด, มีกรรมเป็นผู้ติดตาม,มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศ้ย

ยัง กัมมัง กะรัสสันติ, กัลฺยาณัง วา ปาปะกัง วา, จักทำกรรมอันใดไว้, เป็นบุญหรือเป็นบาป,

ตัสสะ ทายาทา ภาวิสสันติ จักต้องเป็นผู้ได้รับผลกรรมนั้นๆ สืบไป


จากสิ่งที่พระองค์กล่าวไว้นี้ มันเป็นสัจจะของโลก ที่เราอ้างได้

ด้วยสัจจะนี้ บุญและกรรมใดใดที่เราได้กระทำไว้แล้ว เราย่อมเป็นผู้รับผลแห่งบุญกรรมนั้น ไม่อาจโอนถ่ายย้าย ให้ผู้ใดได้

ด้วยสัจจะนี้ บุญอันที่ข้าฯได้ทำไว้ดีแล้ว และได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังชีวิตของข้าแล้ว
ขอบุญนั้นและพลังชีวิต จงกลับมาหล่องเลี้ยงกายธาตุจิตวิญญานของตัวข้า โดยพลัย
แล้วสูดลมหายใจลึก นึกถึงบุญและพลังชีวิตของตนเอง(ของแถมไม่เอา) หลั่งไหลเข้าในร่างจนเต็ม


ผู้ที่ดูดพลังเราไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ใหน ก็ไม่อาจขัดต่อสัจจะแห่งโลกนี้ได้

 

ถ้าถูกดูดพลังแล้วทำให้อยากนอน ผมก็คงจะโดนดูดตลอดเลยครับ เพราะผมง่วงนอนตลอดเวลาเลย