กายวัชระ หรือกายทิพย์ขั้นเพชร และการบำเพ็ญอาวุธทิพย์ชั้นเพชร

ครับท่านเกรียติคุณ ธรรมนั้นมีมากมายหลายระดับให้เราเรียนรู้ ทั้งธรรมที่ทำให้พ้นจากทุกข์ เพราะพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ดีแล้ว ทุกข์เกิดที่เราก็ดับที่เรา เกิดที่ใจดับที่ใจ เกิดที่กายดับที่กายนี่คือจุดเริ่มต้นในการก้าวเดินต่อไปครับ เมื่อปัจจุบันเราปฏิบัติดีดำรงค์อยู่โดยไม่เบียดเบียนตัวเองผู้อื่นและทุกสรรพสิ่งนั่นหมายถึงอนาคตภายภาคหน้าย่อมเจริญขึ้น
เมื่อเข้าใจต้นเหตุความทุกข์นั้น ที่เหลือก็จะเป็นหน้าที่ที่เราควรจะทำหรือจะไม่ทำก็แล้วแต่เรา แต่ละคนทำได้ไม่เท่ากันทำในสิ่งที่เราทำได้ ตามความพอดีเพื่อให้ธรรมชาติดีขึ้นหลายๆสิ่งดีขึ้นครับผม

 

ธรรมะไม่มีสูงมีต่ำอะไรหรอก อุปทานทั้งนั้นแหละ

 

คนที่มีจิตใฝ่ต่ำ ไม่มีทางไปหลุมดำได้หรอกครับ

เขาก็จะดิ่งลงไปใต้โลกคือ "นรก" คนที่มีจิตจุติไปหลุมดำได้
ก็ต้อง "หลุดโลก" ให้ได้ก่อน หลุดโลกแล้วไม่ได้บรรลุธรรม
แต่หลงออกไปนอกโลก ยังมีโอกาสไปหลุมดำได้ นั่นคือ ต้อง
มี "ใจใฝ่สูง" เกินไป จึงหลุดโลกได้ครับ เช่น หลงตัวเองว่าตน
นั้นสูงส่ง เป็นชนชั้นสูงที่คนอื่นๆ จะต้องมากราบไหว้ เป็นต้น

จิตที่จะจุติออกไปนอกโลกได้นั้น มีน้อยครับ ส่วนมากหลงอยู่ในโลกนี้แหละ

 

คนที่มีโอกาสหลงไป "หลุมดำ" ได้


1 พวกหลง "สุญตา" ความว่าง แต่ไม่ได้บรรลุจริง
2 พวกจิตจักรวาล ในจักรวาล แล้วถูกดึงดูดเข้าไป
3 พวกหลุดโลก แล้วไม่มีใครนำทางหลงเข้าไปเอง

ส่วนคนที่ล่วงเกินเบื้องสูงเช่น ล่วงเกินพระพุทธเจ้า
ไม่มีใครได้ออกไปนอกโลกได้ ถ้าถูกกดข่มไว้โดย
อำนาจของพระพุทธเจ้าได้ จะยังอยู่ในโลก คือ ใน
นรกครับ แต่หากดื้อมากๆ จนแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยัง
เอาไม่อยู่แบบหลุดโลกเตลิดเปิดเปิงก็อาจไปได้ครับ

เท่าที่ผมพอเข้าใจ คนที่หลงเข้าไปเพราะแรงดึงดูด
มันสูง ก็พวกที่หลง "สุญตาและความว่าง" แต่ไม่ได้
รู้จริง ไม่ได้บรรลุจริง ซึ่งมีจำนวนไม่น้อย ในลัทธิที่มี
คำสอนแบบนี้ แล้วปฏิบัติไม่ได้จริง แต่หลงทางไปที่
อื่น โผล่อีกทีก็หลุมดำ คาดว่ามีจำนวนไม่น้อยเลยครับ
ส่วนเทพที่เกิดก่อนพุทธศาสนาจะมาถึง หลงไปทางใด
บ้าง อันนี้ ไม่ทราบ แต่ที่ได้อยู่บนสวรรค์ มีการรองรับ
ให้ พวกนี้จะไม่หลงไปสู่หลุมดำครับ (แค่ไม่บรรลุธรรม)

 

ครับท่านดอกไม้ พวกที่ลงหลุมดำเป็นพวกเกิดก่อนหรือเกิดพร้อมๆกับธรรมชาตินี่ละครับบางพวกอยู่นอกเขตก็มีครับ เข้ามาในธรรมชาติหรือแอบเข้ามาครับ เพราะในธรรมชาติมีหลายสิ่งมากมายที่ได้เรียนรู้ อยู่ด้านนอกไม่ได้แปลว่าประเสริฐกว่าพระพุทธเจ้านะครับ แค่มีพลังงานมากกว่า บางครั้งเข้ามาก็แบ่งภาคเรียนรู้เยอะมากที่ดีก็ดีไปที่ไม่ดีก็ลงหนักลงลึกมากๆ เพราะพวกนี้จะมีพลังมากกว่าปรกติทั่วไปครับ

 

ครับธรรมไม่ได้แบ่งระดับสูงต่ำ แต่แบ่งระดับตามการบำเพ็ญอยู่ครับ แต่ก็มีบ้างที่ไม่ต้องบำเพ็ญแล้วยกตัวอย่างผู้ให้กำเนิด ผู้สร้าง เป็นต้น เอเรื่องนี้ผมพอแค่นี้ดีกว่าครับ

 

งั้นคงต้องลงเนื้อหาพวก "จิตจักรวาล" แล้วละครับ

 

ระดับชั้นของจิต และ "ขอบเขตของพลังงานของผู้พิทักษ์"


ผู้พิทักษ์ในจักรวาลมีหลายระดับ ซึ่งจะสอดคล้องกับระดับของจิตที่กำลังพัฒนา
สมมุติว่า มนุษย์คนหนึ่ง พัฒนาจิตสูงไปถึงสวรรค์ ก็จะพบผู้พิทักษ์และพลังคุ้มกัน
ในระดับของสวรรค์ชั้นนั้นๆ หากเลยสวรรค์บนโลกหกชั้นแล้ว ก็อาจพบขอบเขตพลัง
ในระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่น พรหมโลก เป็นต้น

"จิตจักรวาล" เป็นผู้พิทักษ์ในกรณีนี้ได้ครับ หมายความว่า หากคุณจะพัฒนาจิต
ให้สูงขึ้นไป จน "ก้าวพ้นเลยขอบเขตของจักรวาลนี้" ให้ได้ คุณต้องเจอพวกเขา
ก่อน และต้องผ่านด่านพวกเขาก่อน ถ้าคุณไปไกลเกินกว่าพวกเขา จิตของคุณจะ
ออกจากขอบเขตพลังงานของจักรวาลนี้ (ไปสู่จักรวาลอื่น หรือหลงไปไหนไม่รู้ก็มี)

ทุกระดับชั้นของจักรวาล มีผู้พิทักษ์ในลักษณะที่ต่างกันออกไป ไว้ทดสอบจิตครับ

 

นี่เรียกว่าดูถูกกันนะเนี่ย

 

ผมไม่เข้าใจครับที่ดูถูกรบกวนอธิบายด้วยครับท่านดอกไม้ เพราะที่ผมเข้าใจมันก็มีหลายอย่างแล้วแต่จะตีความ แต่โดยหลักแล้วทุกข์ก็จะมีน้อยหรือไม่มีกันเลยเหมือนๆกันครับ
หรือผมอาจจะไม่เข้าใจอย่างที่ท่านดอกไม้เข้าใจครับ เอะงงคำพูดตัวเอง แต่รบกวนท่านดอกไม้ชีแนะด้วยครับ

 

ครับตอนนี้ผู้ที่ดูแลและสอนสั่งผมตอนนี้ทำหน้าที่ดูแลหลุมดำครับ

 

ก็อย่างในกรณีนี้ผมก็มองท่านดอกไม้เป็นผู้รู้มากกว่า กว้างกว่า การนอบน้อมต่อผู้ที่รู้มากกว่าย่อมได้รับความรู้มากขึ้น ผมมองลักษณะแบบนี้ว่าเหนือกว่านะครับ และผมติดตามท่านมาตั้งแต่ยังเป็นนกละครับ เมื่อก่อนฟังท่านกล่าวอะไรผมยัง งงๆ ตอนนี้เริ่มพอเข้าใจมั่งแล้ว

 

ไม่ใช่ว่าใครเป็นผู้รู้หรือไม่รู้นะครับ
แค่คุยกันรู้เรื่องเหมือนมนุษย์ปกติ


ก็โอเคละครับ

 

เหนือมนุษย์ ได้แต่อ่าน เกินจะเข้าใจ 555

 

ครับผมทุกอย่างเพื่อความเป็นมนุษย์ปรกติธรรมดาขออนญาติเล่าให้ฟังนิดหน่อยนะครับ เพราะอดีตผมเคยทำไม่ดีมามากมาย และตอนที่ผมต้องชำระนั้นผมจึงได้รับรู้พอสมควรต้องรับสิ่งต่างๆมากมายผ่านกายหยาบนี้ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่หายเพราะยังชำระไม่เสร็จสิ้นยังไม่สามารถรวมธาตุที่แยกออกไปได้ พร้อมกันนั้นก็ได้รับรู้ว่ามีผู้ประเสริฐทั้งหลายมากมายคอยช่วยเหลือดูแลเราอยู่ความนอบน้อมต่อท่านเหล่านั้นทำให้ผมมีความสุขและได้รับการสั่งสอนมากมายเพื่อให้ผมกลับเป็นมนุษย์ปรกติธรรมดาครับ
ผมจึงได้มองตัวเองในสมัยก่อนนั้นมีค่าน้อยกว่าขยะอีกรอวันถูกทำลาย ตอนนี้ดีขึ้นแล้วผมสามารถรีไซเคิลได้ ขอโทษนะครับอาจจะเพ้อไปหน่อย

 

อย่าเป็นแบบนั้นเลยครับเป็นมนุษย์ปรกติธรรมดามีความสุขสุดๆแล้ว แค่เปิดใจสัมผัสธรรมชาติก็ฟินสุดๆแล้ว

 

ถ้าจะเพ้อก็เพ้อมันตรงนี้แหละ
ไปเพ้อที่อื่นจะโดนจับเข้าศรีธัญญาเอา

 

จิตจักรวาลที่จรจากร่างไปสู่จักรวาล


เกิดได้ครับ เวลาเราปฏิบัติยิ่งยวดแล้วต่อสายธรรมไม่ทัน
เราจะไม่มีสายธรรม จิตวิญญาณของเราหากนิพพานโดยรอบ
ไปแล้ว เหลือแต่ "จิตประภัสสร" จะจรจุติจากร่างภายใน 7 วันได้


เมื่อจุติไปแล้วจะไม่มีภพภูมิใดรองรับได้ จิตจะอยู่ในจักรวาลในฐานะ
จิตจักรวาล เมื่อร่างสังขารบนโลกไม่มีจิตแล้ว อาจมี "องค์คุณ" หรือจิต
วิญญาณอื่นๆ เข้ามาจุติในร่างได้แบบ "โอปปาติกะ" ทำให้สังขารนั้นยังไม่
ตาย (แต่ถ้าไม่มีจิตวิญญาณมาจุติในร่าง ร่างก็จะตาย) ร่างนั้น จะยังเชื่อมโยง
กับจิตจักรวาล ซึ่งเป็นจิตดวงเดิม ดวงก่อนได้ ทำให้รับรู้ถึงจักรวาล, หลุมดำได้


ดูลักษณะแล้ว อาจเข้าข่ายนี้นะครับ

 

ปรกติก็ไม่คุยเรื่องนี้เลยครับบังเอิญมาอ่านกระทู้ท่านดอกไม้แล้วมันน่าสนใจเลยเผลอปล่อยยาวออกมาครับ แต่ความผิดบางเรื่องนี่เหลือรับเลยนะครับ แค่ได้ยินร่างกายก็สั่นอ้วกแตก จิตใจนี่เหมือนมันจะสลายออกไปเลยครับ เป็นคนดีได้เพราะความไม่ดีที่กระทำจริงๆ

 

อ่าครับผมพอเข้าใจละกายนี้มีอยู่เพื่อทำหน้าที่ ที่ยังค้างคาอยู่ให้เสร็จหรือทำประโยชน์อย่างอื่นได้ บางครั้งก็สามารถคุยกับอีกตัวตนของเราที่ทำหน้าที่อยู่ได้ บางครั้งก็คุยกับองค์ที่คอยดูแลเราอยู่ได้ครับ
ขอบคุณมากครับท่านดอกไม้ ได้ความรู้แถมท่านได้ส่องให้เห็นอะไรในตัวผมเพิ่มมาอีก