กายทิพย์ก็เคลื่อนที่ออกจากกายเนื้อ คล่อยๆเคลื่อนออกไปทางหัวหรือกระหม่อม

ในห้อง 'การทดลองทางจิต' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 1 มีนาคม 2006.

  1. panup

    panup Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +57
    ตอบคุณ ฝาง

    เห็นถามมานานเป็นเดือน แต่ผมเพิ่งเปิดเจอ
    ขอตอบด้วยประสพการณ์
    ว่า
    เป็นเรื่องปกติของคนปฏิบัติธรรม และปฏิบัติสมาธิอย่างต่อเนื่อง
    เพียงเพื่อ
    ทำให้เข้าใจขึ้นและเรื่อย ๆ และความสงสัยลดลงไปตามลำดับ ว่า
    โลกแห่งนามธรรม หรือโลกที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยรูปกายหยาบนั้น มีอยู่
    เพื่อ
    จะได้ค่อย ๆ ปล่อยวางในสังขารขันธ์ เข้าถึงการเห็นธรรม
    หรือไม่ ก็
    เปลี่ยนจากความยึดมั่นถือมั่นในโลกธรรม เป็นไปยึดมั่นถือมั่นในโลกใหม่ซะเลย
    แล้วแต่ กรรม
    เพราะว่าโลกแห่งวิญญานนั้น ยิ่งใหญ่กว่าโลกที่เป็นกายเนื้อของเรามากมายนัก แถมยังควบคุมโลกของเราอีกด้วยซิ
    แต่ทว่า โลกแห่งวิญญานนั้นยังคงอยู่ภายใต้กฏแห่ง "ไตรลักษณ์" เหมือนกัน
    คือว่า ยังใง ๆ ก็ไม่เที่ยง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    แล้วก็ เป็นทุกข์ คือ มีเกิดขึ้น มีตั้งอยู่ แล้ว มีดับไป เป็นธรรมดา ๆๆๆๆๆๆๆๆ
    สุดท้าย ไม่สามารถควบคุมได้ ขึ้นอยู่กับพลังการปรุงแต่งของผู้ปรุงในขณะนั้น แล้วก็ปรุงกันต่อไปเรื่อย ๆ จนไม่สามารถหาจุดสิ้นสุดได้ เป็นความหลงระดับอนันตกาลทีเดียว

    เมื่อใดมีผู้มาชี้แนะ ผู้มีปัญญา มีบารมีถึง ก็จะหลุดพ้นตรงนี้ไป
    ความยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าของเราอยู่ตรงนี้

    เข้าใจเรื่องทุกข์ กับการหาทางพ้นไปจากทุกข์ เป็นเรื่องของศาสนาพุทธ นอกนั้นไม่ใช่

    แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีประโยชน์

    มีประโยชน์มากถึงมากที่สุด เพื่อทำให้สิ้นความลังเลสงสัย

    จึงจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงแรก ช่วงกลาง และช่วงท้าย ๆ ของการปฏิบัติธรรม
    เพียงแต่ว่าในช่วงท้ายที่สุดจริง ๆ จำต้องทิ้งของเหล่านี้
    เปรียบเหมือนคนสร้างแพ ต่อเรือ เพื่อข้ามแม่น้ำ เมื่อเขาพาเราถึงฝั่งแล้ว ก็ต้องทิ้ง เพราะไม่จำเป็นแล้ว จะแบกทำใมของหนัก

    แต่ว่าจะถึงฝั่งเมื่อใดนั้น ก็ต้องรู้ได้ด้วยตนเองอย่างเดียวเท่านั้น
     
  2. มรรคโกวิโท

    มรรคโกวิโท สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +8
    เคยมีประสบการ์ณคล้ายๆกันครับ แต่ไม่เหมือนครับ ที่ผมเคยมีประสบการ์ณมานะครับ เริ่มต้นผมเริ่มจากการเดินจงกรมก่อน แล้วก็มานั่งสมาธิต่อด้วยวิธีดูลมหายใจครับ ในตอนแรกที่ทำก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรก็แค่ดูลมหายใจไปเพลินๆอ่ะครับ แต่พอเรื่มดูไปซักพัก ก็ มีอาการแปลก คล้ายๆกับปลายนิ้วโป้งเท้าทั้งสองข้างชาครับ แต่จิงๆแล้วไม่ได้ชาแต่มันเป็นหัวนิ้วโป้งเท้าทั้งสองข้างหายไปครับ บวกกับอาการ หน่วงๆที่ระหว่างคิ้วเป็นเหมือนเกลียวนำ้อ่ะครับ ผมก็ไม่ได้สนใจมากครับเพราะคิดว่าคงจะคิดไปเองครับ(คือกำลังเพลินกับการดูลมเลยไม่สนใจกับอาการทางกายครับ) เลยดูลมต่อไป พอดูต่อไปได้ซักพัก ทีนี้อาการนั้นรุนแรงมากไปกว่าเดิมคือ การท่อนล่างหายไปครับเหลือความรู้สึกแต่กายท่อนบน บวกกับอาการหน่วงที่ระหว่างคิ้วรุนแรงมากขึ้นจากเกลียวที่หมุนเล็กๆกลายเป็นเกลียวน้ำที่ใหญ่เกือบเต็มหน้าผากครับ ตอนนั้นแปลกใจนิดๆแต่ไม่ตกใจนะครับ ก็เลยกลับไปจับที่ที่ความรู้สึกของลมเหมือนเดิมพอไปจับที่ลมเหมือนเดิมเท่านั้นแหล่ะ ที่นี้ เป็นเรื่องเลยครับ ไอ้เกลียวที่หมุนอยู่ระหว่างคิ้ว มันดูดความรู้สึกที่เหลือที่กายครึ่งตัวอ่ะครับวูบเดียวมันดูดไปรวมที่เกลียวหมดเลยครับแล้วเป็นแรงอะไรบางอย่างคล้ายพลังงานที่รุนแรงมากเหมือนจะระเบิดออกมาครับ แล้วทุกอย่างก็ดับไป ไม่มีกายครับ กายหายครับ แล้วกลายเป็น ดวงอะไรไม่รู้ครับ มันมีลักษณะคล้ายดวงจันทร์ มีสีขาวนวล มาไห้เห็นในความว่างนั้น ผมก็งงอ่ะครับว่าดวงจัทนร์มาให้่เห็นในความว่างได้ยังไงผมเลยไม่ได้ตื่นเต้นกับดวงกลมๆที่คล้ายกับดวงจันทร์นั้น แล้วอาการตอนนั้นมันก็ว่างอย่างที่สุดคือ 1 กายหายไป 2มีดวงกลมๆคล้ายดวงจันทร์นั้น 3 มีแต่ความรู้สึกลอยอยู่ว่างๆ เอ่อมันก็แปลกดีนะนี่คืออะไรกันนี่ ทีนี้เลยไม่รู้จะทำไงต่อก็เลยกลับไปจะจับที่ลมหายใจเหมือนเดิม แต่โอ้ว ลมหายใจมันหายไปแล้วครับ ไม่มีให้จับ เลยไม่รู้จะทำไงก็เลยไปจับอยู่กับความรู้ว่างนั้น โดยไม่ได้ไปสนใจไอ้ดวงกลมๆนั้น ที่นี้แหล่ะ ไอ้ดวงกลมๆนั้นมันพุ่งเข้ามาคลอบที่เรา หรือคล้ายว่าเราจะพุ่งเข้าไปในตรงกลางของดวงจันทร์นั้นแล้วความว่าง กับดวงจันทร์นั้นก็หายไปกลายเป็นพลังงานที่รุนแรงที่ระหว่างคิ้วกลับมาตอนนั้นยังไม่มีกายเหมือนเดิมนะครับ แต่มีแค่ความรู้สึกที่ระหว่างคิ้วเท่านั้น แล้วความรู้สึกที่ระหว่างคิ้วนั้นมันก็เคลื่อนที่ครับ มันเป็นพลังงานที่ค่อนข้างจะรุนแรงมาก มันเคลื่อนจากหว่างคิ้วแล้วค่อยๆเลื่อนขึ้นไปที่กลางหัวด้านบน แล้วพุ่งขึ้นเป็นเกลียวยาวออกไปจากหัวของผมครับ โอ้วสุดยอดครับตอนนั้นตกใจมาก เราตายแล้วเหรอนี่น่ะเหรอวิญญาณของเรา กายนี้ไม่ใช่เรานี่หว่า ยังไม่อยากตายเลย นี่คือความคิดในตอนนั้น พอคิดว่ายังไม่อยากตายเลยกลับเข้าร่างเถอะ มันก็กลับลงมาเองตามที่เราคิดเลยครับ คือมันออกไปทางไหนมันก็กลับไปทางนั้นอ่ะครับ คือมันกลับเข้ามาที่ทางกลางหัวเหมือนเดิม แล้วมันก็มารวมเป็นลูกกลมๆ ขนาดประมานลูกเทนนิสอ่ะครับ อยู่ที่กลางหัวด้านบนอ่ะครับ แล้วลูกพลังงานกลมๆนั้น ก็ค่อยๆเคลื่อนย้าย มาที่ท้ายทอยครับ ตอนนี้นี่อะเมซซิ่งที่สุดครับ สุดยอดที่สุดครับ ตอนที่มันย้ายมาที่ท้ายทอยครับสุดยอดครับ สุดยอดที่สุด คือมันแตกออกจากกันครับไอ้ลูกพลังงานกลมๆที่เป็นเรานั้นอ่ะ จากลูกพลังงานที่ลูกเท่าลูกเทนนิส แตกออก กลายเป็นอณูพลังงานเล็กนั้บไม่ถ้วนครับ วิ่งไปทั่วในร่างกายของเราแล้วซึมหายเข้าไปในทุกอณูของร่างกาย ทำไห้เราสามารถรู้ถึงการไหลเวียนรู้ถึงทุกระบบภายในที่อยู่ในร่างกายเราเลยครับ แล้วความรู้สึกที่ร่างกายก็กลับมาครับ โอ้ว เรากลับมาเข้าร่างเราแล้ว ช่างอัศจรรย์อะไรเช่นนี้ พอกลับเข้าร่างแล้วผมก็รีบลุกทันที่ครับ ด้วยความตกใจ แต่ตอนที่ลุกอ่ะมันไม่ค่อยจะเข้าที่เท่าไหร่อ่ะครับ มันจะเหมือนกลับหลวมๆ อ่ะครับ เบาๆ ถื่อๆ โหวงๆ แล้วก็มีน้ำมูกไหลออกมาเป็นน้ำใสๆเลยอ่ะครับ แปลกดีมันจะไหลออกมาทำไมวะน้ำมูกเนี่ย ก็งงๆ พอลุกได้เลยไปกราบพระพุทธรูปอ่ะครับ ตัวสั่นน้ำตานองหน้าเลย แล้วก็อุทานในใจ โถ่ พระพุทธเจ้า เป็นแบบนี้นี่เอง สิ่งที่ท่านพยายามจะบอกเราทุกคนเป็นแบบนี้ นี้เองเราเข้าใจแล้ว แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเองแบบอาบหน้าไปหมด สุดยอดไหมครับ ใครมีประสบการณ์คล้ายๆแบบนี้โทรมาคุยกันก็ได้นะครับ 0838366667 คืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยละเอียดอ่ะครับ ขอบคุณครับ
     
  3. KWANPAT

    KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ก็ได้อ่านของทุกท่านก็มีประสบการณ์แตกต่างกันไป
    พัฒน์เองก็ไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่าอทิสมานกายออกจาก
    กายเนื้อหรือไม่หรือที่เขาเรียกว่าถอดกายทิพย์

    ส่วนตัวก็เน้นไหว้พระสวดมนต์เป็นหลักประมาณ 3 ปี
    แต่ฝึกสมาธิก็ด้วยตนเองประมาณ 1 ปี แต่ไม่ได้เน้นมากขึ้น
    อยู่กับอารมณ์ของจิตช่วงไหนเบาสบายก็ปฏิบัติ พัฒน์จะเน้นนอนสมาธิ
    เป็นหลักจิตรู้ไม่ได้หลับกำหนดลมหายใจ องค์คำบริกรรมภาวนา
    สภาพนิมิตแต่ละสีเห็นผ่านมาแล้ว จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง
    นอนสมาธิจนมีสภาพจิตนิ่ง ตอนแรกเหมือนมีอาการเบาสบาย
    เหมือนตัวลอยแต่จิตรู้ จนกระทั่งเหมือนมีความรู้สึก
    ใครกำลังดึงเราผมของเรา กระตุกบริเวณกระหม่อน
    ในจิตเราคิดว่าเป็นอะไรกันหนอ อย่าทำอย่างนั้นได้ไหม
    ก็กระตุกอยู่อย่างนั้น เหมือนจะให้เราออกมาจากจุดนั้น

    ครั้งแรกเราก็กลัว จนเรารู้สึกสู้แรงนั้นไม่ไหว
    จะให้ไปไหนอยากไปก็ไป เมื่อเราปล่อยวางในจิต
    ละทิ้งความกลัวแล้ว ก็มีความรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึง
    ออกจากการกระหม่อนของศีรษะนั้น

    อาการตอนนั่งรู้สึกเบาหวิวซู่เหมือนโดนเครื่องดูดฝุ่น
    ขนาดใหญ่ดึงเราออกมาผ่านออกจากกลางกระหม่อน
    ในจิตรู้แต่ก็งงๆ สักพักก็เห็นตัวเองยืนอยู่สถานที่ที่ไม่รู้จัก
    เป็นบ้านทรงไทยสักไม้ ขนาดใหญ่แต่ตอนนั้น

    หันไปมองไม่เห็นใคร ก็เกิดความรู้สึกกลัวมาก
    เพราะยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครเลย นี่มันที่ไหนกันหนอ
    แต่ด้วยเป็นครั้งแรก เกิดความกลัวอยู่ จึงอธิฐานจิต

    ให้องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยนำพาลูกกับด้วยเถิด
    สักพักก็เหมือนตัวเองกลับมาที่กายเนื้ออย่างรวดเร็ว
    หัวใจกับมาเต้นแรงหลังจากกลับเข้าสู่ร่างกายเนื้อ

    ;aa17
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2012
  4. KWANPAT

    KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,733
    ค่าพลัง:
    +2,394
    หลังจากนั้นก็เกิดความกลัว แต่ก็ได้ปฏิบัติธรรม
    กับท่านอาจารย์ทองทิพย โอภาสโส
    แล้วนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ท่านฟัง
    ว่าคือ สิ่งใดท่านก็ว่า คือ เราถอยกายทิพย์
    ให้หมั่นฝึกบ่อยๆ กายทิพย์เราออกจากกลาง
    กระหม่อนของศีรษะ เราบอกท่านว่าเรากลัว
    แต่ท่านว่าอย่ากลัว ถ้ากลัวก็ปฏิบัติไม่ถึง
    จึงถามท่านว่า ถ้าอย่างนั้นจะไปไหน
    ก็ให้เขาพาไปหรือ ท่านว่าก็ไม่ใช่
    ต้องมีสติตลอดเวลาขณะที่ไป
    เพื่อจะได้ไม่เป็นอันตราย เวลาอทิสมานกายออก
    จากร่างเรา ดังนั้นควรนึกถึงสิ่งศักดิสิทธิ์
    พระพุทธเจ้าตลอดเวลา และขอให้ท่านเป็นครูเรา
    พาเราไปในที่ดี พบกับแสงสว่างของชีวิต
    หรือไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลังจากข้าพเจ้าได้ฟังเช่นนั้น

    จึงลดความกลัวได้บ้าง ก็เลยอธิฐานจิตว่าถ้าไปไหน
    ก็ขอให้ไปที่ทีดีแล้วขอให้องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    นำข้าพเจ้ากับมาทุกครั้ง อย่าหลงทาง จนกว่าจะปฏิบัติ
    จนเข้าสู่แดนนิพพาน หลังจากนั้นก็มีปรากฏเกิดขึ้นอีกครั้ง

    อทิสมานกายครั้งนี้ ออกจากร่างกายเนื้อได้ง่ายขึ้น
    และเร็วขึ้นไม่เหมือนครั้งแรก แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าพบ
    เห็นคือ เห็นแต่ท้องฟ้าเวลากลางคืน เป็นบริเวณกลาง
    มองไปเต็มไปด้วยดวงดาวเต็มท้องฟ้า ในจิตข้าพเจ้า
    ก็งุนงง ที่ไหนกันเนี่ย ทำไมมีแต่ท้องฟ้า มองลงเบื้องต่ำ
    ไม่มีบ้านคน เสมือนข้าพเจ้าอยู่แต่ที่มีแต่ท้องฟ้า
    ซึ่งมีดวงดาวสุกสกาวเต็มเป็นหมด คราวนี้มองตัวเอง
    แปลกกว่าครั้งแรก ไม่มีร่างกายของข้าพเจ้า
    เสมือนเหมือนมีแต่จิตเท่านั้น ที่ลอยขึ้นไปดูบนท้องฟ้านั้น

    ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าสิ่งนี้ เรียกว่า อทิสมานกาย หรือกายทิพย์
    ออกจากร่างหรือไม่ แต่พออธิฐานกับร่างกายเนื้อ
    เหมือนวิ่งผ่านอย่างรวดเร็วกับมาที่ร่าง
    แล้วก็จะหัวใจเต้นแรงเสมือนจริงมาก
    มันไม่เหมือนความฝันเลยความรู้สึก
    ช่างแตกต่างกันทุกครั้งที่ได้ออกไป


    catt12
     
  5. ไอยร์วภา

    ไอยร์วภา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    การถอดกายทิพย์แล้ว เราถอดกายทิพย์ไม่ใช่เป็นเรื่องเหลือเชื่อหรือโอเว่อแต่อย่างใด แต่ฐานจิตคนมีหลายระดับ การถอดจิตหรือถอดกายทิพย์หลายครั้งที่ดิฉันได้พูดคุยกับเจ้าที่ หรือโอปาติกะ และเทวดา และนึกระลึกอธิฐานไปในที่ที่อยากไปหรืออยากรู้ว่ามีจริงหรือเปล่า ดิฉันก็ไปได้จริง ๆ แต่ในเขตหวงห้ามเค้าก็ไม่ให้เข้า ดิฉันไปอย่างมีสติครบถ้วน แต่ปัญหาดิฉันมีอยู่ที่ว่าทุกครั้งที่ดิฉันถอดกายทิพย์ออกมาจะมองไม่ เห็นกายเนื้อของตัวเองเลยทุกครั้ง แต่กลับมองเห็นกายเนื้อของคนที่อยู่ข้าง ๆ ได้ครบ(คนที่อยู่ในบ้านหรือในสถานที่ปฏิบัติธรรม) แต่ไม่เห็นร่างกายเนื้อของตัวเองเลย ดิฉันเคยตั้งใจว่าถ้าถอดกายทิพย์ได้อีกจะไม่ไปเที่ยวไหนแล้วจะนั่งพิจารณาสังขารตัวเอง แต่เมื่อถอดออกมาแล้วก็มองหากายเนื้อไม่เจออีก ก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไร บางทีก็ต้องกำหนดจิตให้กลับเข้ากายเนื้อดีกว่าเพราะบางทีก็เบื่อการเที่ยวแล้ว ดิฉันก็เลยอยากทราบความเห็นของผู้รู้ว่ากรณีแบบดิฉันมันเป็นเพราะอะไร หรือขอความช่วยเหลือถามผู้ที่รู้ดีในเรื่องนี้ให้ด้วยนะคะ จนปัญญาแล้วจริง ๆ ตอบมาทาง mail นะคะ preechawun@hotmail.com ขอบคุณมากค่ะ
     
  6. ไอยร์วภา

    ไอยร์วภา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    หรือตอบทางกระทู้นี้เพื่อเป็นความรู้ให้คนอื่นด้วยก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
     
  7. pramote-007

    pramote-007 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +1
    ปกติเคยสงสัยมานานแล้วว่า ใกล้ ๆ รุ่งเช้า นาน ๆ ครั้งจะฝันว่าไปสถานที่แห่งหนึ่ง แต่ว่าเห็นเป็นเพียงบางฉาก บางช่วงเท่านั้น ไม่เป็นเรื่องราว พอตื่นขึ้นมาแล้ว ใช้เวลาสักพักใหญ่ ๆ ก็รู้สึกว่าได้ไปสถานที่แห่งนั้น จริง ๆ เหมือนในฝันทุกประการ ........พอได้อ่านกระทู้นี้แล้วต้องขอบคุณจริง ๆ กับความกระจ่างที่คุณมหาหิน และท่านอื่น ๆ ร่วมให้ความรู้ ทำให้มีกำลังใจแน่วแน่ว่าถ้าขยัน หมั่นเพียร (แบบอิทธิบาท4) แล้วคงมีโอกาสถึงแ่ก่นแท้แห่งธรรมกับเขาบ้าง ขอรับ....ขอบคุณอีกครั้ง
     
  8. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ประสบการณ์ที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง
    ตอนผมบวชอยู่เวลานั่งสมาธิชอบมองเห็นตนเองนั่งอยู่เสมอๆ ผมเลยถามพระอาจาร์ยพระอาจาร์ยตอบว่าเป็นการถอดจิตออกจากกาย พระอาจาร์ยบอกว่าให้ระวังเพราะถ้าไม่แก่กล้าจริงจะกลับเข้าร่างเดิมไม่ได้นะครับ เมื่อถอดจิตออกจากกายแล้วโลกที่มองเห็นจะเปลี่ยนไปเป็นแค่สองสีคือสีเทาและเวลาจะเชื่องช้าเป็นอันมาก นี่แหละครับประสบการณ์ของผม ส่วนวิธีแก้ไข พระอาจาร์ยบอกว่า.....ไม่ขอตอบดีกว่าครับ(แบบว่ากลัวล่วงเกินผู้อื่นนะครับ)
     
  9. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    การแก้ไขนะครับ

    การที่จิตจะถอดออกจากร่างกายได้นั้นจะต้องครบ องค์ประกอบคือโสตวิญญาน มโนวิญญานและกายวิญญานนั้นถูกปิด ส่วนใหญ่โสตวิญญานจะถูกปิดก่อน ตามมาด้วยกายวิญญานและมโนวิญญานเป็นลำดับสุดท้าย การแก้ไข เมื่อกายวิญญานนั้นถูกปิดให้ใช้มโนวิญญานอย่าให้สมาธิปิดได้ โดยการตั้งใจเป็นฐานกำลังบอกกับตัวเองว่าไม่อยากถอดจิตออกจากกาย แต่ต้องตั้งให้ทันก่อนที่มโนวิญญานจะปิดถึงจะแก้ไขได้ หมายความว่าเมื่อรู้สึกตัวเองไม่มีกายแล้วต้องรีบตั้งฐานกำลังใจเพื่อควบคุมจิตครับ
     
  10. กรวุฒิ

    กรวุฒิ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +17
    จะสะสมบารมีต่อไปครับ เพราะฝึกมาพอสมควรแล้ว แต่ไม่ไปไหนเลยครับ
     
  11. mild_seabreeze

    mild_seabreeze สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +23
    คือดิฉันนอนอยู่ค่ะเเล้วเหมือนกายออกจากกายเหมือนกันเลยเเต่ด้วยความตกใจว่าทำไมร่างจึงเเยกออกเป็นสองส่วนจึงดึงจิตกลับรู้สึกว่ากายที่จะออกไปกลับเคลื่อนเข้ามาที่เดิม เป็นเพราะอะไรค่ะถึงเป็นอย่างนั้น เเต่ตอนดิฉันเด็กๆก็นอนสมาธิอยู่ก็ตัวหายไปเลยหรือดิฉันคิดไปเองค่ะ
     
  12. wisdom kimlee

    wisdom kimlee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +10
    แต่ที่แน่ๆ ระวังพวกโรคจิตถอดจิต ถอดกาย เล่นอวิชชา เล่นมนต์ดำ เล่นอำนาจพลังจิตลึกลับ ทำลายคนปกติ คุมกาย จริต ความคิดอ่าน สติ ปัญญาคนอื่นที่ไม่รุู้ตัวไปทั่ว ไปเที่ยวสะกดจิต สร้างฝัน เขาทั้งกลางวันกลางคืน ทำให้ไม่ได้ดำรงชีวิตปกติ ยามหลับนอน มันก็มาสร้างฝัน ยิงคลื่นอะไรไม่รู้ หูผมได้ยินเสียงคลื่น ยามกลางคืน และมีดวงจิตเคลื่อนอยู่ในกาย ในสมองเต็ม พวกนี้ไม่รู้ว่าตายไปลงนรกขุมไหนครับ...ใครรู้ช่วยตอบหน่อย
     
  13. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    หลายท่านในที่นี้ ยังกลัวกับการถอดจิต ถอดกายทิพย์
    คนที่ถอดจิตยังไปได้ไม่ไกลมาก เพราะกลัวเส้นสายใยวิญญานจะขาด แล้วคิดว่าตัวจะตาย ตัวจะกลับคืนร่างไม่ได้ เพราะความกลัว
    จำพวกนี้ เป็นกำแพงปิดกั้น การปฏิบัติธรรมขั้นสูงขึ้นไปอีก
    จงลอย จงลอย ลอยออกไป ลอยออกไป เมื่อเส้นใยวิญญานขาด
    กายทิพย์จะเป็นอิสระ ทั้งไปจากร่างและกลับเข้าร่าง ท่านจะตระหนักรู้มากขึ้นทำลายกำแพงของความกลัวลงได้
     
  14. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
       
     กราบขออนุญาติอาจารย์ใหญ่ที่เผยแพร่เรื่องของกายทิพย์ เพื่อเป็นวิทยาทานครับ

    ตามประสบการที่ปฏิบัติ กายทิพย์ของเรานั้น จะมีทั้งหมด ๕  กาย ด้วยกัน
    กายทิพย์แรกนั้นเป็นกายแก้วใสประกายพรึกโปร่งมีแสงประกายพรึกใสอยู่รอบตัว
     ส่วนอีก ๔ กายเป็นกายแก้วใสสีทองโปร่งมีแสงประกายทองใสอยู่รอบตัว
     เวลาเราเข้าฌาน ๔ ผู้ที่มีตาทิพย์จะเห็นเป็นกายซ้อนเรียงกันทั้ง ๕ กาย แต่ช่วงที่เวลาที่เราเคลื่อนกายทิพย์ออกจากกายหยาบ เขาจะดูตามกายทิพย์เราไม่ทัน
    ส่วนเวลาปรกติที่ไม่เข้าฌานนั้นจะเห็นแต่ประกายสีทองกายเดียวเท่านั้น ส่วนการที่กายทิพย์เคลื่อนออกนั้น   ของเรานั้นจะเคลื่อนออกทางด้านขวามือของเราเฉียงไปทางด้านหลังประมาณ ๑๕  องศาครับ


       เจริญในธรรมมาด้วยเมตตาจิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...