กระทู้ใหม่ครับ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Anantsit, 25 เมษายน 2024.

  1. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,164
    ค่าพลัง:
    +4,547
    กระทู้ใหม่ครับ ปีพ.ศ.2567

    รับประกันพระแท้เกินล้าน% ตามหลักสากลตลอดชีพครับ


    จัดส่งไปรษณีย์ไทย แบบ EMS ฟรีทุกรายการครับ


    โอนเงินได้ภายใน 2 วันนับจากวันที่จองครับ
    (ขอท่านที่พร้อมจอง/โอนจริงเท่านั้นครับ)

    สนใจรายการไหนติดต่อสอบถามได้ครับ


    ด้วยความยินดีขอบพระคุณครับ


    VIP.jpg
     
  2. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,164
    ค่าพลัง:
    +4,547
    รายการที่ 1

    P1.JPG
    P2.JPG

    A1.jpg

    เหรียญยันต์เกราะเพชร รุ่นแรก ศูนย์พุทธศรัทธา จังหวัดสระบุรี ปีพ.ศ.2526 (สายหลวงพ่อฤาษิลิงดำ วัดท่าซุง)

    #จัดสร้างโดยศูนย์พุทธศรัทธาท่าลาน จ.สระบุรี สร้างเป็นที่ระลึกเนื่องในงานทอดกฐินสามัคคี ณ วัดบึง (ลัฏฐิวัน) เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2526 และในงานทอดกฐินสามัคคี ณ วัดท่าซุง ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2526 ด้านหน้าเป็นยันต์เกราะเพชรล้อมรอบตราศูนย์ (พระพุทธเจ้าโปรดปัญจวัคคี ทั้ง 5 องค์) ด้านหลังเป็นยันต์พุทธนิมิตร์ ยันต์ครอบจักรวาฬ ป้องกันสารพัดภัยอันตราย มีลาภสักการะ เมตตามหานิยม ค้าขายดี ยันต์ตรีนิสิงเห ป้องกันภัยอันตรายจากภูติผีปีศาจ

    #เหรียญชุดนี้ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดท่าซุงในปีพ.ศ.2526 และนำไปให้พระสุปฏิปันโนแผ่เมตตา อีกหลายองค์ ซึ่งมีรายนามดังนี้
    1. หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    2. หลวงปู่บุดดา ถาวโร
    3. หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    4. หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
    5. หลวงปู่เส็ง วัดบางนา
    6. หลวงพ่อตาม วัดมะขามเรียง
    7. หลวงปู่ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง
    8. หลวงปู่นาค วัดหนองโป่ง
    9. หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดปิปผลิวนาราม
    10. หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
    11. หลวงพ่อคำพอง ติสโส
    12. หลวงพ่อบุญเย็นประกาสิต
    13. หลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง
    14. หลวงพ่อโชติ อาภัคโค วัดภูเขาแก้ว
    15. หลวงพ่อทวี วัดโรงช้าง
    16. หลวงพ่อเชื่อม วัดโตเขาทอง
    17. หลวงพ่อหมอ วัดโคกกระต่ายทอง
    18. หลวงพ่อวรรณา วัดดอนพุด
    19. พระอาจารย์วิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม
    20. ครูบาศรีนวล ธัมมวุฒโท

    #ยันต์รูปพระพุทธ ยันต์พระพุทธนิมิตร ที่พุทธคุณครอบจักรวาล ในจำนวนยันต์ที่นำมาเขียนนั้น ยันต์ที่ขึ้นชื่อที่สุดและถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดคือยันต์พระพุทธนิมิตร เป็นยันต์ที่เขียนเป็นรูปองค์พระทั้งองค์ แล้วลงด้วยคาถาพุทธคุณพระพุทธเจ้า ๕๖ และเรียกสูตรด้วย อิติปิโสรัตนมาลาเสกด้วยพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ รวมทั้งคาถาพระพุทธนิมิตร ยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ นะ โม พท ธา ยะ โดยตำแหน่งของแต่ละตัวคือนะ(หูขวาของพระพุทธรูป) โม (หูซ้ายของพระพุทธรูป) พุท (ตรงเศียร) ธา (หน้าผาก) ยะ (ปาก) คาถาบทนี้คือ คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์

    #ยันต์ตรีนิสิงเห ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ กันโรคระบาด กันภูตผีรบกวน ทำน้ำมนต์คลอดบุตรง่าย กันคุณไสยลมเพลมพัด บ้านหรือที่ใดร้ายอยู่ยาก ให้อธิษฐานฝังดินแก้ไขกลับร้ายเป็นดี


    = 2000 Baht
     
  3. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,164
    ค่าพลัง:
    +4,547
    รายการที่ 2

    P1.JPG P2.JPG P3.JPG

    พระปัจเจกพุทธเจ้า พิมพ์เล็ก เนื้อเงิน ปีพ.ศ.2550
    หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน จังหวัดกาญจนบุรี


    #พระปัจเจกพุทธเจ้า
    “พุทธะ” อันหมายถึง “ผู้รู้” นั้นมีอยู่ ๔ แบบด้วยกัน คือ
    ๑. สุตตพุทธะ คือ พระผู้เป็นพหูสูตร
    ๒. จตุสัจจพุทธะ คือ พระอรหันตขีณาสพ บางทีก็เรียกว่า อนุพุทธะ
    ๓. ปัจเจกพุทธะ คือ พระผู้สร้างบารมีมาอย่างน้อย ๒ อสงไขยกำไรแสนกัปจนบรรลุพระปัจเจกพุทธภูมิ
    ๔. สัมมาสัมพุทธะ คือ พระผู้สร้างบารมีมาอย่างน้อย ๔ อสงไขยกำไรแสนกัปจนบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เองโดยชอบ

    ในที่นี้จะกล่าวถึงแต่เฉพาะ ”พุทธ” แบบที่สาม คือ พระปัจเจกพุทธเจ้าเท่านั้น

    พระปัจเจกพุทธเจ้าจะปรากฏในช่วงที่โลกว่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้ว่าจะตรัสรู้คราวละเป็นพันเป็นหมื่นองค์ แต่พระองค์ก็ตรัสรู้เป็นการเฉพาะของตนเท่านั้น ไม่ได้สั่งสอนบุคคลทั่วไปให้บรรลุตาม

    นอกจากบุคคลที่เคยตั้งความปรารถนาในพระปัจเจกโพธิญาณมา เมื่อเข้าไปหาพระองค์ท่าน จึงจะได้รับการสั่งสอนให้บรรลุตามความปรารถนาของตน ที่เรียกพระองค์ว่า “ปัจเจกพุทธะ” แปลว่า “ผู้รู้เฉพาะตน” ก็ด้วยเหตุนี้เอง

    พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ทรงพระคุณอันยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ขาดพระสัพพัญญุตญาณ (พระญาณอันรู้รอบในทุกสรรพสิ่ง) เท่านั้น เมื่อบรรลุพระปัจเจกโพธิญาณแล้ว มักจะพำนักอยู่ ณ เงื้อมผานันทมูลกะแห่งยอดเขาคันธมาทน์

    เนื่องจากพระองค์ท่านปรารถนาการรู้เฉพาะตน คือต้องการตรัสรู้เช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่ได้ปรารถนาจะสั่งสอนผู้ใด พระองค์จึงมักจะเข้านิโรธสมาบัติ แล้วเสด็จไปโปรดผู้ที่วาระของบุญจะส่งผลในช่วงนั้น

    ครุกรรม (กรรมอันหนักยิ่ง) ในฝ่ายกุศลอย่างหนึ่ง ที่ทำแล้วปรากฏผลอย่างทันใจนั้น คือการได้ทำบุญกับพระผู้ออกจากนิโรธสมาบัติ ผลบุญนั้นจะส่งให้ร่ำรวยภายในวันนั้นเลย ดังนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าจึงกลายเป็นผู้บันดาลความร่ำรวยในสายตาของบุคคลทั่วไป

    หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ธุดงค์ลงไปทางปักษ์ใต้ เมื่อถึงนครศรีธรรมราช ไปได้คาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์มาจากครูผึ้ง นำมาสงเคราะห์ลูกศิษย์จนได้ผลเป็นที่เลื่องลือ ผู้ที่ทำพระคาถานี้ได้ผลชัดเจนที่สุด คือ นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ ตำบลท่าเตียน จังหวัดพระนคร

    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง ได้นำพระคาถานี้มาถ่ายทอดแก่บรรดาลูกศิษย์ ต่อมาพระพุทธเจ้าทรงประทานพระคาถาเพิ่มขึ้นอีกหลายบท จนพัฒนามาเป็นพระคาถาเงินล้าน ให้หลวงพ่อได้ใช้สร้างวัดท่าซุง จนใหญ่โตสวยงามอย่างที่เห็นในทุกวันนี้

    คณะศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อวัดท่าซุง จึงได้พึ่งพระพุทธบารมีมาโดยตลอด แต่ก็หาได้มีผู้หนึ่งผู้ใด คิดทำการตอบแทนอย่างเป็นรูปธรรมไม่ จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณแม่อ๋อย (คุณเฉิดศรี ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา) ได้ปรารภกับหลวงตาวัชรชัยสมัยยังไม่ได้บวชว่า

    “พวกเราลูกศิษย์สายหลวงพ่อ ตกเป็นหนี้พระคุณของพระปัจเจกพุทธเจ้า เจ้าของพระคาถาเงินล้าน อย่างชนิดไม่มีอะไรจะทดแทนได้ ถ้าเธอยังไม่ตาย ขอให้ได้สร้างรูปของพระองค์ท่าน ให้ปรากฏแก่ชาวโลกเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้ได้”

    หลวงตาวัชรชัยเก็บเอาคำปรารภของคุณแม่อ๋อยไว้นานหลายปี จนกระทั่งวันเข้าพรรษา ปี ๒๕๓๑ ท่านจึงได้เอ่ยเรื่องนี้กับพระพี่พระน้องในวัดท่าซุงหลายรูป ซึ่งทุกรูปก็มีความเห็นร่วมกันว่า ต้องสร้างรูปพระปัจเจกพุทธเจ้าเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้ได้

    ประกอบกับการเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้เหนื่อยยากตรากตรำในภาระ หน้าที่ต่าง ๆ ที่กระทำเพื่อพระพุทธศาสนา อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของท่าน จึงได้วางแผนงานกันใหญ่โต หากสำเร็จจะมีเงินถวายเป็นกองทุนภัตตาหารพระ ๒๔ ล้านบาท

    ***********************************************************************

    เมื่อแผนงานทุกอย่างลงตัว จึงได้ออกแบบพระปัจเจกพุทธเจ้า และนำเข้ากราบเรียนขออนุญาตสร้าง ซึ่งหลวงพ่อก็อนุญาต พร้อมทั้งเมตตาแนะนำแก้ไขแบบให้ถูกต้อง คณะดำเนินงานทุกรูปแทบตัวลอยด้วยความยินดี เห็นผลสำเร็จอยู่แค่เอื้อม

    แต่ว่าบุญมีแต่กรรมมักจะมาบังเสมอ คณะดำเนินงานจะว่าไปแล้วก็ยังเป็นพระที่มีอาวุโสพรรษาน้อย พอเริ่มงานได้ ๒ วันปรากฏว่า ทั้งเงินบริจาคและทองคำไหลมาเทมา ทำให้เกิดความริษยาขึ้นในหมู่ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในคณะทำงาน

    ด้วยเกรงว่าถ้างานนี้สำเร็จผู้อื่นจะได้หน้า ท่านที่ไม่รู้จักริเริ่มจึงเอาเท้าราน้ำด้วยการวิพากษ์วิจารณ์กันไปใหญ่โต หาว่าตั้งสำนักซ้อนสำนัก เรี่ยไรเอาเข้าพกเข้าห่อของตน ทำให้หลวงพ่อต้องตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการระงับโครงการทั้งหมด

    กลายเป็นว่าแทนที่จะช่วยแบ่งเบาภาระ พวกเรากลับเอาภาระไปเพิ่มให้หลวงพ่อ เพราะท่านรับเอาโครงการนี้ไปดำเนินการเอง จนสร้างเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งแบบพระพุทธ มีพระเกตุมาลาสองส่วนเป็นที่สังเกต และเป็นแบบพระสงฆ์หน้าตัก ๔ ศอก

    เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นคาใจของหลวงตาวัชรชัยมาโดยตลอด จนกระทั่งท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูภาวนาพิลาศ รองเจ้าคณะอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จึงมีโอกาสได้สร้างรูปเหมือนพระปัจเจกพุทธเจ้า

    โดยท่านสร้างเป็นรูปเหมือนขนาดหน้าตัก ๙ นิ้ว ด้วยทองคำ ๘ กิโลกรัม และสร้างรูปเหมือนลอยองค์และเหรียญพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วย แล้วนิมนต์คณะทำงานสมัยนั้นมา ร่วมพุทธาภิเษก มีหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เป็นองค์ประธาน

    งานพุทธาภิเษกมีขึ้นในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙ พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านเสด็จมาเอง และสั่งให้อาตมาสร้างรูปของท่านให้ญาติโยมได้บูชาด้วย โดยให้บูชาควบกับพระคาถาเงินล้าน เพื่อเสริมความคล่องตัวทางการเงินให้กับทุกคน

    อาตมาเองคิดว่า ในเมื่อจะสร้างพระรวยโดยตรง ก็ควรทำด้วยวัสดุมีค่าเท่าที่จะพึงหาได้ จึงสร้างรูปหล่อลอยองค์ ขนาดหน้าตัก ๑ เซนติเมตร ด้วยเงินและทองคำเท่านั้น

    โดยจ่ายค่าเม็ดเงินจำนวน ๕๐ กิโลกรัมไป ๗๖๒,๖๐๐ บาท
    ค่าทองคำแท่ง ๑๐๕ บาท เป็นเงิน ๑,๑๗๐,๗๕๐ บาท
    ค่าทองรูปพรรณ ๓ บาท เป็นเงิน ๓๔,๖๕๐ บาท
    ค่าหล่อรูปเหมือนเนื้อเงิน ๔,๘๘๔ องค์ เป็นเงิน ๙๗,๖๘๐ บาท
    ค่าหล่อรูปเหมือนเนื้อทองคำ ๒๔๖ องค์ ๔๙,๒๐๐ บาท
    รวมจ่ายทั้งสิ้น ๒,๑๑๔,๘๘๐ บาท

    โดยมีการบวงสรวง ๓ วาระด้วยกัน คือ
    ครั้งแรกเป็นการบวงสรวงขออนุญาตสร้างเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๙
    ครั้งที่ ๒ เป็นการบวงสรวงพุทธาภิเษกและทำการเป่ายันต์เกราะเพชร ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ โดยนำเม็ดเงินและทองคำเข้าพิธีพุทธาภิเษกด้วย
    ครั้งที่ ๓ เป็นการบวงสรวงพุทธาภิเษกและเป่ายันต์เกราะเพชร ในวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๐

    โดยมีเรื่องที่น่ากล่าวถึงเป็นอย่างมากคือ พิธีหล่อในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๐ ณ โรงหล่อช่างจ๋า ถนนพุทธมณฑล สาย ๔

    ***********************************************************************

    เมื่อช่างเริ่มทำการหลอมทองคำ อาตมาเองเหมือนถูกกดด้วยพลังงานบางอย่าง สมาธิดิ่งลึกแนบแน่นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม เสด็จมาโปรด แล้วทรงมอบหมายให้พระปัจเจกพุทธเจ้าควบคุมการหล่อรูปของพระองค์เอง

    ปกติในการหล่อพระ อาตมาจะภาวนาบท “นะโม เม สัพพะพุทธานัง อุปปันนานัง มเหสินังฯ” แต่ครั้งนี้เหมือนกับความจำเสื่อม ทั้งที่สวดตอนทำวัตรเย็นทุกวัน แต่นึกไม่ออกว่าจะภาวนาอย่างไร ? จึงกราบทูลถามพระปัจเจกพุทธเจ้า

    พระองค์ท่านตอบว่าบท “นะโม เม สัพพะพุทธานังฯ” เป็นบทสรรเสริญสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงไม่ควรใช้บทนี้ ตลอดระยะเวลาในการหล่อหลายชั่วโมง ท่านให้อาตมาภาวนาด้วยพระคาถาเงินล้านเพียงอย่างเดียว

    ต่อมาปรากฏพระสุปฏิปันโน พรหม เทวดา มาสงเคราะห์มากเป็นพิเศษ ดังนี้
    ๑. หลวงปู่ทวด วัดช้างให้
    ๒. หลวงปู่ โต วัดระฆัง
    ๓. หลวงปู่เนียม วัดน้อย
    ๔. หลวงปู่คล้าย วัดบางนมโค
    ๕. หลวงปู่ปั้น วัดพิกุล
    ๖. หลวงปู่จ้อย วัดบ้านแพน
    ๗. หลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก
    ๘. หลวงปู่สังข์ วัดน้ำเต้า
    ๙. หลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก
    ๑๐. หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค
    ๑๑. หลวงปู่เล็ก วัดบางนมโค
    ๑๒. สมเด็จพระสังฆราช(อยู่ ) วัดสระเกศ
    ๑๓. หลวงปู่สด วัดปากน้ำ
    ๑๔. หลวงปู่นวม วัดอนงคาราม
    ๑๕. หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
    ๑๖. หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    ๑๗. หลวงปู่มั่น วัดป่าสุทธาวาส
    ๑๘. หลวงปู่ครูบาศรีวิชัย วัดบ้านปาง
    ๑๙. หลวงปู่คล้าย วัดสวนขัน
    ๒๐. หลวงปู่คลิ้ง วัดถลุงทอง
    ๒๑. หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง
    ๒๒. หลวงปู่ชุ่ม วัดวังมุย
    ๒๓. หลวงปู่คำแสนใหญ่ วัดสวนดอก
    ๒๔. หลวงปู่คำแสนเล็ก วัดดอนมูล
    ๒๕. หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    ๒๖. หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข
    ๒๗. หลวงปู่มา วัดสามปลื้ม
    ๒๘. หลวงปู่ไชยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
    ๒๙. หลวงปู่ธรรมชัย วัดทุ่งหลวง
    ๓๐. หลวงปู่จ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์
    ๓๑. หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง
    ๓๒. หลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส

    โดยเฉพาะหลวงปู่มา วัดสามปลื้ม กับ หลวงปู่จ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ นั้น นับเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง เพราะไม่คุ้นเคยกับท่านมาก่อน ในส่วนของพรหม เทวดา นอกจากท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหม ท่านปู่พระอินทร์ และท้าวมหาราชทั้ง ๔ แล้ว

    ที่คาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่งก็คือ ท่านท้าวจตุคามและท่านท้าวรามเทพ อุตส่าห์มากับเขาด้วย มาถึงก็ถามว่า

    “ ตรงนี้ไม่เชิญพวกผมหรือครับ ? ”
    “ในเมื่อมาแล้วก็ช่วยสงเคราะห์ด้วยซิ..”

    เลยได้เฮฮากันใหญ่ เพราะนาทีนี้ท่านดังสุด ๆ จริง ๆ
    ต้องคลายสมาธิออกมาเพื่อดูงาน เข้าแล้วออก ออกแล้วเข้าอยู่สามวาระด้วยกัน งานจึงเสร็จเรียบร้อยลงด้วยดี รูปหล่อนี้ให้ใช้ควบคู่กับพระคาถาเงินล้าน ที่สำคัญคือถ้าสามารถใส่บาตรได้ทุกวันจะมีผลมาก ใส่เป็นอาหารก็ได้ ใส่เป็นปัจจัยใด ๆ ก็ได้

    เครดิตข้อมูล : พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐


    = Sold Out

    26/4/2567 EMS : ED 3360 6246 4 TH ขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2024
  4. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,164
    ค่าพลัง:
    +4,547
    รายการที่ 3

    P1.JPG
    P2.JPG
    P3.JPG
    P4.JPG

    L1.jpg
    L2.jpg

    พระชัยวัฒน์มหาลาภ เนื้อชนวนทองเหลือง ปีพ.ศ.2562
    ที่รฤกในการสร้างรูปเหมือนคุณย่าบุญเรือน โตงบุญเติม


    #"พระชัยวัฒน์มหาลาภ" ที่รฤกในการสร้างรูปเหมือนคุณย่าบุญเรือน โตงบุญเติม
    จากพี่เปิ้ล ที่สำนักปฏิบัติธรรม ถาวโร แบบมิได้นัดหมายซึ่งพระชัยฯ ชุดนี้ได้รับเมตตาอธิษฐานจิตจาก พ่อท่านผอม ถาวโร ในปี พ.ศ.๒๕๖๒ จัดสร้างขึ้นโดยคณะผู้ศรัทธานับถือ คุณแม่บุญเรือน และพ่อท่านผอม ครับ ซึ่งลักษณะขององค์พระ ผู้สร้างน่าจะมีเจตนาให้มีขนาดและลักษณะ ใกล้เคียงกับ พระชัยวัฒน์พุทโธน้อย ของคุณแม่บุญเรือน เป็นพื้นฐาน ด้านหลังประทับด้วยพระคาถาหัวใจพระสิวลี "นะ ชา ลี ติ" ด้วยพระคาถาหัวใจพระสิวลี "นะ ชา ลี ติ"

    #รายชื่อพระคณาจารย์ที่เมตตา อธิษฐานจิต พระชัยวัฒน์มหาลาภ ชุดนี้. . .
    ๑.พ่อท่านผอม ถาวโร
    ๒.หลวงพ่ออนันต์ วัดบางพลีน้อย
    ๓.ครูบากฤษดา สุเมโธ
    ๔.หลวงพ่อชำนาญ วัดชินวนาราม
    ๕.หลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว
    ๖.หลวงพ่อสมชาย วัดปริวาส
    ๗.พระอาจารย์ปุ่น วัดใหม่กระทุ่มล้ม
    ๘.เจ้าคุณอ่าง วัดสว่างอารมย์
    ๙.หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร
    ๑๐.หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์
    ๑๑.หลวงพ่อคำนวน วัดแก้วเจริญ
    ๑๒.หลวงพ่อใจ วัดพระยาญาติ
    ๑๓.สมเด็จพุฒฐาจารย์ วัดไตรมิตร

    เครดิตข้อมูล : FB กลุ่ม พ่อนท่านผอม


    = 2900 Baht
     
  5. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,164
    ค่าพลัง:
    +4,547
    รายการที่ 4

    P1.JPG
    P2.JPG

    เหรียญพระปัจเจกพุทธเจ้า (พญาเต่าเลือน) เนื้อแร่โครตเศรษฐี
    หลวงปู่บุญศรี อินทวัณโณ วัดใหม่ศรีสุทธาวาส จังหวัดนครสวรรค์


    #เหรียญพระปัจเจกพุทธเจ้าพญาเต่าเลือน หลวงปู่บุญศรี ท่านได้เมตตามอบ พระคาถาหัวใจพระปัจเจกพุทธเจ้า (พุทธะ มะอะอุ วิระทะโย) หัวใจพญาเต่าเลือน (นาสังสิโม) ซึ่งมีพุทธคุณเด่นดังนี้. ทางโชคลาภ เรียกทรัพย์ หากินคล่อง และนอกจากนั้นหลวงปู่ท่านยังเมตตาเขียนอักขระยันต์ครู ลงบนท้องและหลังของพญาเต่าเลือนให้อีกด้วย.

    #เหรียญพระปัจเจกพุทธเจ้าพญาเต่าเลือน หลวงปู่บุญศรี อินทวัณโณ ได้เมตตาอธิฐานจิตให้ 2 วาระ โดยครั้งแรกได้อธิฐานจิตวันที่ 5 ธันวาคม 2539 ครั้งที่สองได้อธิฐานจิตวันที่ 14 ธันวาคม 2539 (เสาร์ ๕)

    #เหรียญเนื้อแร่โครตเศรษฐี จำนวนสร้างเพียง 464 เหรียญเท่านั้น


    = 5000 Baht
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2024
  6. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,164
    ค่าพลัง:
    +4,547
    รายการที่ 5

    P1.JPG
    P2.JPG
    P3.JPG
    P4.jpg

    ล็อกเกตโลหะพิ้งโกลหลวงพ่อกัสสปมุนี (ชุดกรรมการ)
    หลวงพ่อกัสสปมุนี เถราจาริย์ วัดปิปผลิวนาราม จังหวัดระยอง


    #ด้านหลังมีจารเต็ม ข้างในบรรจุมวลสารล้วน (ข้อมูลคลิกที่ลิงค์)

    #ชุดกรรมการ จัดสร้างเพียง 79 องค์เท่านั้น

    #มีโค๊ดและหมายเลขกำกับ (เลข ๗๓)

    #วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2558 หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม จังหวัดจันทบุรี ได้เมตตาอธิฐานจิตเดี่ยวให้ก่อนวันพิธีพุทธาภิเษก และ หลวงปู่สุทัศน์ วัดกระโจมทอง จังหวัดนนทบุรี เป็นองค์อธิฐานในช่วงบ่าย

    #พิธีพุทธาภิเษกวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2558 ณ อุโบสถ วัดปิปผลิวนาราม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
    1.หลวงพ่อสิน ภัททาจาโร วัดละหารใหญ่ จังหวัดระยอง
    2.หลวงพ่อพิเชฐ สีลสุทโธ วัดโคกหม้อ จังหวัดลพบุรี
    3.หลวงพ่อวิโมกข์ เมธิโน วัดปิปผลิวนาราม จังหวัดระยอง
    4.ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดป่ายาง (สันพระเจ้าแดง) จังหวัดลำพูน


    <<<<< ข้อมูลเพิ่มเติม "คลิกที่นี่ครับ" >>>>>

    = 3500 Baht
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2024
  7. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,164
    ค่าพลัง:
    +4,547
    หนุ่ย (Line) - 26/4/67 EMS : ED 3360 6246 4 TH ขอบพระคุณครับ
     
  8. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,164
    ค่าพลัง:
    +4,547
    รายการที่ 6

    P1.JPG
    P2.JPG
    P3.JPG

    พระกริ่งจักรพรรดิ์ละโว้ เนื้อนวะโลหะเต็มสูตรเทดินไทย (รวมมวสารล้วนๆ)

    #หลวงพ่อพิเชฐ สีลสุทโธ วัดโคกหม้อ จังหวัดลพบุรี

    #ใต้ฐานอุดมวลสาร มีรอยจารชัดเจนหลายจุด

    #จำนวนสร้าง 56 องค์


    #พระกริ่งจักรพรรดิ์ละโว้ ๑๐๐ ปี วัดโคกหม้อ

    เมื่อกล่าวถึงพระกริ่งจักรพรรดิ์ละโว้ ที่ได้จัดสร้างขึ้นในงานไหว้ครูประจำปี ๒๕๕๙ ของวัดโคกหม้อ และเเป็นการฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปีวัดโคกหม้อ ถือเป็นอิทธิวัตถุมงคลวัดโคกหม้อที่จัดสร้างขึ้นได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดอย่างที่เคยมีมาตามดำริการจัดสร้างของพระครูศีลสังวรวิสุทธิ์ หลวงพ่อพิเชฐ สีลสุทโธ ทั้งด้านชนวนมวลสารวัตถุธาตุศักดิ์สิทธิ์ แผ่นจารอักขระยันต์จากเกจิอาจารย์ทั่วสารทิศ ได้รับเมตตาจิตผ่านการอฐิษฐานปลุกเสกเดี่ยวจากพระเกจิ จำนวน ๖ ท่าน คือ
    ๑.หลวงปู่ดี ธัมมธีโร วัดส้มเกลี้ยง จ.ตาก
    ๒.หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดป่าอรัญวิเวก จ.เฃียงใหม่
    ๓.ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน
    ๔.หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ วัดป่าอาจารย์ตื้อ จ.เชียงใหม่
    ๕.หลวงปู่ครูบาครอง ขัตติโย วัดท่ามะเกว๋น จ.ลำปาง
    ๖.หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
    ๗.หลวงปู่สนั่น จิณณธัมโม วัดป่าคลองกุ้ง จ.จันทบุรี

    และผ่านการบวงสรวงอันเชิญสิ่งศักดิ์ทวยเทพเทวา ณ ปลัมพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ วัดโคกหม้อเมื่อวันไหว้ครูอาทิตย์ที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยมีพระเกจิอาจารอฐิษฐานจิตปลุกเสก จำนวน ๕ ท่าน คือ
    ๑.หลวงพ่อพิเชฐ สีลสุทโธ วัดโคกหม้อ จ.ลพบุรี
    ๒.หลวงพ่อนงค์ สุธีโร วัดสว่างวงษ์ ตาคลี จ.นครสวรรค์
    ๓.หลวงพ่อแฉล้ม ฉันทวัณโณ วัดระโดงทอง จ.พระนครศรีอยุธยา
    ๔.หลวงพ่อบัวลอย ญาณรักขิโนโต วัดวัดน้อยอินทร์บุรี
    จ.สิงห์บุรี
    ๕.หลวงพ่อเฉลิม เขมทัสสี วัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา

    ที่สำคัญพระกริ่งจักรพรรดิ์ละโว้ซึ่งได้จัดสร้างด้วนกรรมวิธีการเททองหล่อหลอมชนวนมวลสาร บรรจุมวลสารศักดิ์สิทธิ์เส้น(พระเจ้า) เกศาของพระเกจิคณาจารย์ จำนวน ๑๑๑ ท่าน ใต้องค์พระกริ่ง รวมทั้งหลวงพ่อพิเชฐ สีลสุทโธ ท่านได้จารแผ่นอักขระยันต์ ๑๐๘ ตามสูตรการสร้างพระกริ่งวัดสุทัศน์ อฐิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวตามฤกษ์ยามอันเป็นมงคลเสาร์๕ ภายในโบสถ์หน้าพระพุทธมงคลเทพนิมิตร พระประธานในอุโบสถวัดโคกหม้อก่อนวันพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๙ และเมื่อได้ทำการจัดสร้างพระกริ่งจักรพรรดิ์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยทางคณะผู้จัดสร้างที่ได้รับมอบหมายจากวัดโคกหม้อ (คณะคุณสิรภพ สายพานิช) ได้ทำการส่งมอบพระกริ่งจักรพรรดิ์ละโว้ให้กับทางวัดโคกหม้อครบถ้วนตามจำนวนการจัดสร้างให้กับวัดโคกหม้อและทำการทำลายบล็อคพระกริ่งที่จัดสร้างทุกชิ้นที่จัดสร้าง ซึ่งถือเป็นการครบถ้วนกระบวนการในการจัดสร้างพระเครื่องตามมาตรฐานสากล จึงเชื่อมั่นได้เลยว่าผู้ที่ได้ครอบครองและบูชาพระกริ่งจักรพรรดิ์ละโว้ ท่านได้สักการะบูชาซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นมงคลด้วยฤกษ์งาม ชนวนเด่น มวลสารดี มีมาตรฐานการจัดสร้างบูชา พุทธคุณครูบาอาจารย์ เปี่ยมล้นด้วยบารมีของหลวงพ่อพิเชฐ สีลสุทโธ (เทพเจ้าองค์บุ๋นแห่งลุ่มแม่น้ำลพบุรี)

    พระยันต์ 108 พระยันต์นะปถมัง 14 ตามตำรับการสร้างพระกริ่งแต่ครั้งโบราณ..(จารโดยหลวงพ่อพิเชฐ ทุกแผ่น)
    ผมว่าถ้าในสายศิษย์ของหลวงพ่อพิเชฐ คงไม่มีชนวนอะไรจะสำคัญ วิเศษ และได้ใจเท่าชนวนชุดนี้อีกแล้วครับ
    ด้วยความเมตตาของพระเดชพระคุณหลงพ่อ ท่านตั้งใจลงจารพระยันต์ดังกล่าวด้วยองค์ท่านเองทุกแผ่น และได้มอบก้อนแร่เจ้าน้ำเงิน และชนวนอื่นๆอีกหลายอย่าง เพื่อมาหลอมหล่อพระกริ่งจักรพรรดิ์ละโว้โดยเฉพาะ
    - รับมอบมาเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2559
    - วันที่ 31 มกราคม 2559 ได้นำแผ่นยันต์เข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ อาศรมมหาสิทธิโชค จ.ชลบุรี โดยหลวงปู่ฮก วัดมาบลำบิด หลวงพ่อสิริ วัดตาล
    - วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 เข้าแผ่นยันต์เข้าพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธโธคลัง คุณแม่บุญเรือน ณ วัดอาวุธวิกสิตาราม กรุงเทพฯ
    #รายนามพระเกจิอาจารย์ดังนี้..
    1.พระเทพปัญญามุนี เจ้าอาวาส วัดอาวุธวิกสิตาราม
    2.พ่อท่าน ผอม ถาวโร วัดไทรขาม นครศรีธรรมราช
    3.หลวงพ่อ สิริ สิริวัฒโน วัดตาล นนทบุรี
    4.หลวงพ่อสำราญ สันตมโน วัดสง่างาม พระนครศรีอยุธยา
    5.ครูบา กฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง ลำพูน

    เกศาพระอริยเจ้า 111 องค์ ที่ได้นำมาบรรจุในพระกริ่งจักรพรรดิ์ละโว้ทั้ง 3 เนื้อ มีรายนามดังนี้ครับ..
    1. ท่านพ่อลี วัดอโศการาม
    2. หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง
    3. ครูบาเจ้าศรีวิชัย
    4. ครูบาเจ้าเกษม เขมโก
    5. ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า
    6. ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
    7. หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง
    8. หลวงปู่สิม พุทธจาโร
    9. ครูบาอินตา อินทปัญโญ วัดห้วยไซใต้
    10. สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรฯ
    11. หลวงปู่ภัททันตะ อาสภะมหาเถระ
    12. หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    13. ครูบาครอง วัดท่ามะเกว๋น
    14. หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    15. ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง
    16. หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง
    17. หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท
    18. หลวงปู่จาม วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร
    19. หลวงปู่อ่อนสา วัดประชาชุมพลพัฒนาราม
    20. หลวงปู่ศรี มหาวีโร
    21. หลวงปู่สอ พันธุโล
    22. หลวงปู่ท่อน วัดศรีอภัยวัน
    23. หลวงปู่หลอด ปโมทิโต
    24. หลวงปู่คำบ่อ วัดใหม่บ้านตาล
    25. หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่
    26. หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
    27. หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุนนาค
    28. หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    29. ญาท่าสวน ฉันทโร วัดนาอุดม
    30. หลวงปู่ลี วัดภูผาแดง
    31. หลวงปู่เปี่ยม วัดโพธิ์เรียง
    32. หลวงปู่เกลี้ยง วัดศรีธาตุ(โนนแกด)
    33. หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่
    34. หลวงปู่นะ วัดหนองบัว
    35. หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม
    36. พ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน
    37. หลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ วัดเกาะแก้วธุดงคสถาน
    38. หลวงปู่ทา วัดถ้ำซับมืด
    39. หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก
    40. หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว
    41. หลวงปู่อิง โชติโญ วัดโคกทม
    42. หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน
    43. หลวงปู่เหมือน วัดบ้านคลองทรายใต้
    44. หลวงปู่กอง วัดสระมณฑล
    45. หลวงปู่พวง วัดสหกรณ์รังสรรค์
    46. หลวงปู่เพียร วัดป่าหนองกอง
    47. หลวงปู่บุญมี วัดสระประสานสุข
    48. หลวงปู่บุญฤทธิ์ สำนักสวนทิพย์
    49. หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก
    50. หลวงปู่ขาว อนาลโย
    51. หลวงพ่อทองดำ วัดท่าทอง
    52. หลวงปู่จันทา ถาวโร
    53. ครูบาจันทร์แก้ว วัดศรีสว่าง
    54. ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน
    55. หลวงปู่ทอง วัดเกาะ
    56. หลวงปู่มหาเจิม วัดสระมงคล
    57. หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัญ
    58. หลวงปู่มหาปลอด วัดโพธินิมิตร
    59. พระอาจารย์ตั๋น วัดป่าบุญญาวาส
    60. หลวงปู่ดี ธัมมะธีโร
    61. หลวงปู่สนั่น วัดธารเกษม
    62. หลวงปู่อุ่นหล้า วัดป่าแก้วชุมพล
    63. หลวงปู่บุญกู้ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน
    64. หลวงปู่สว่าง โอภาโส
    65. หลวงปู่ชื้น วัดญานเสน
    66. หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม วัดพิชัยพัฒนาราม
    67. หลวงปู่วิชัย วัดไผ่ล้อม(พระอารามหลวง) จ.จันทบุรี
    68. อาจารย์สมเดช สิริจันโท วัดสิริจันโทธรรมานุสรณ์
    69. หลวงปู่เชย อมโร อาศรมเขาเจ้าหลาว
    70. หลวงปู่บุญตา วัดอินทรีวนาราม จ.ชัยภูมิ
    71. หลวงปู่เกล้า วัดดอยเทพนิมิตร (ถ้ำเกีย)
    72. หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมพู
    73. หลวงปู่ลมัย ฐิตมโน สวนป่าสมุนไพร จ.เพชรบูรณ์
    74. อาจารย์ประเวทย์ วัดป่าคลองมะลิ
    75. หลวงปู่บุญจันทร์ วัดศรีมังคลาราม
    76. หลวงปู่สำราญ วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    77. หลวงปู่เฟื่อง วัดธรรมสถิต
    78. หลวงปู่สมควร วัดถือน้ำ
    79. หลวงปู่ปราโมท วัดป่านิโครธาราม
    80. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    81. หลวงปู่บุญจิตต์ วัดลานบุญ
    82. หลวงปู่เชื่อม วัดเขาทอง
    83. หลวงปู่พวง วัดน้ำพุสามัคคี
    84. หลวงพ่อสิริ วัดตาล
    85. หลวงปู่มหาคำแดง วัดคัมภีราวาส
    86. หลวงปู่สุภา วัคอนสวรรค์ (วัดสีลสุภาราม)
    87. หลวงพ่อุตตมะ วัดวังวิเวการาม
    88. หลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม
    89. หลวงปู่ทุย วัดป่าดานวิเวก
    90. หลวงปู่สวัสดิ์ วัดศาลาปูน
    91. หลวงปู่คำพอง ติสโส
    92. หลวงปู่เรือง สำนักปฏิบัติธรรมเขาสามยอด
    93. หลวงปู่เคน วัดป่าบ้านหนองหว้า
    94. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    95. หลวงพ่อไพฑูรย์ วัดโพธินิมิตร
    96. หลวงปู่หลุย วัดถ้าผาบิ้ง
    97. หลวงปู่ฟัก วัดเขาวงพระจันทร์
    98. หลวงปู่มู จ.เชียงใหม่
    99. หลวงปู่อ่อง เขาวงกต
    100. หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ
    101. หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง
    102. หลวงปู่เวิน วัดน้ำวิ่ง
    103. หลวงปู่นาม วัดน้อยชมพู
    104. หลวงปู่นิยม วัดแจ้งนอก
    105. หลวงปู่เยี่ยม วัดประดู่ทรงธรรม
    106. หลวงพ่อขันตี วัดป่าม่วงไข่
    107. หลวงปู่อุดม วัดป่าเวฬุวัน
    108. หลวงปู่ผาด วัดไร่
    109. หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด
    110. หลวงปู่เสงี่ยม วัดสุวรรณเจดีย์
    111.หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า


    หลายท่านสอบถามมาด้วยความสนใจ ถึงชื่อของเนื้อของพระกริ่งจักรพรรดิ์ละโว้ ว่า #เนื้อโสฬสโลหะ และ #เนื้อชินสัตตะโลหะ คืออะไร..?? ประกอบด้วยอะไรบ้าง..?? เพราะในวงการยังไม่เคยได้ยินชื่อโลหะสูตรนี้เลย..

    สูตรเนื้อโสฬสโลหะ และชินสัตตะโลหะนี้ เป็นสูตรที่ผสมขึ้นมาเป็นสูตรใหม่ครั้งแรกจริงๆครับ ซึ่งส่วนใหญ่เราจะเคยทราบ เคยได้ยินกันมาว่าสูตรโลหะที่ใช้สร้างพระมักจะมีเนื้อสัมฤทธิ์ เนื้อนวโลหะ ฯลฯ เสียส่วนใหญ่..!!! ในการนี้ผมจะขออธิบายในเนื้อโสฬสโลหะก่อน เป็นอันดับแรกนะครับ..

    คำว่า โสฬส(อ่านว่า โส-ลด) แปลว่า สิบหก(16) เพราะฉะนั้นโสฬสโลหะ ก็หมายถึงโลหะ 16 ชนิดนั่นเอง ซึ่งจะเป็นการผสมสูตรออกมาให้ได้เอกลักษณ์เฉพาะตัวของสำนักนี้เป็นครั้งแรกในการจัดสร้างพระกริ่งเลยก็ว่าได้..
    อีกประการหนึ่งโสฬส ยังมีความหมายปรากฏในคำว่า โสฬสพรหม หมายถึง พรหมโลกซึ่งเป็นพรหมภูมิ ประเภทรูปพรหมม จำนวนทั้งหมด 16 ชั้น อันเป็นที่สถิตอยู่ของทิพยวิมาน และดวงจิตของพระผู้ทรงฌานสมาบัติ ตลอดอริยเจ้าทั้งหลายตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป จนถึงพระอนาคามิผล ตามลำดับ... คำว่า โสฬส จึงจัดเป็นมหามงคลสูงสุด อันหาอื่นใดเสมอเหมือนได้ยาก

    #สูตรเนื้อโสฬส ของพระกริ่งจักรพรรดิ์ละโว้ประกอบด้วย..
    1.ทองคำ
    2.เงิน
    3.ทองแดง
    4.สังกะสี
    5.ปรอท (ปรอทขาว + ปรอทดำ)
    6.บริสุทธิ์
    7.เหล็กละลายตัว (+ เหล็กน้ำพี้)
    8.จ้าวน้ำเงิน
    9.ชิน (ชินกรุเก่า + ชินเงิน + ชินตะกั่ว)
    10.นิเกิ้ล
    11.พลวง
    12.ตะกั่ว (ได้มาจากแผ่นยันต์ ชนวนวัตถุมงคลต่างๆ)
    13.ดีบุก
    14.บรอนซ์
    15.ชินสังขวานร
    16.เหล็กเปียก
    โลหะทั้งหมดนี้ได้นำมาหลอมหล่อกันอย่างครบถ้วน..

    -----------------------------------------------

    คำว่า ชิน (อ่านว่า ชิน) หมายถึง โลหะชนิดหนึ่ง
    สัตตะ แปลว่า เจ็ด(7)
    ชินสัตตะโลหะ ก็หมายถึงโลหะชิน 7 ชนิดนั่นเอง ซึ่งจะเป็นการผสมสูตรออกมาให้ได้เอกลักษณ์เฉพาะตัวของสำนักนี้เป็นครั้งแรกในการจัดสร้างพระกริ่งเลยก็ว่าได้..
    อีกประการหนึ่ง ชิน นั้นยังมีความหมายในด้านหนึ่งอีกว่า.. ชิน หรือ ชินะ แปลว่า ชัยชนะ , พระพุทธเจ้า ฯลฯ
    คำว่า ชินสัตตะโลหะ จึงจัดเป็นมหามงคลสูงสุด อันหาอื่นใดเสมอเหมือนได้ยาก

    #สูตรเนื้อชินสัตตะโลหะ ของพระกริ่งจักรพรรดิ์ละโว้ประกอบด้วย..
    1.ทองคำ
    2.เงิน
    3.ดีบุก
    4.ชินเงิน (+ ชินตะกั่ว)
    5.ปรอท
    6.พลวง (+ จ้าวน้ำเงิน)
    7.เหล็กเปียก
    โลหะทั้งหมดนี้ได้นำมาหลอมหล่อกันอย่างครบถ้วน..

    ทั้งหมดทั้งมวล รวมอยู่ในพระกริ่งจักรพรรดิ์ละโว้ อันเป็นอุดมมงคลนามที่ประเสริฐสูงสุด มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สุด ดีครบทั้งภายในและนอกครับ.. สาธุ


    <<<<< ข้อมูลเพิ่มเติม "คลิกที่นี่ครับ" >>>>>

    = 5500 Baht
     
  9. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,164
    ค่าพลัง:
    +4,547
    รายการที่ 7

    P1.jpg
    P2.jpg

    พระสมเด็จแหวกม่าน เปิดโลก หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม จังหวัดขอนแก่น

    #พระสมเด็จโสภณวิสุทธิ์ (แหวกม่าน เปิดโลก) กดพิมพ์นำฤกษ์ฝังตะกรุด 3 กษัตริย์ คือตะกรุดพระเจ้า ๕ พระองค์ ตะกรุดหัวใจพระสิวลี ด้านโชคลาภ ตะกรุด เมตตามหานิยม ด้านหลังฝังโกเมน บรรจุเส้นเกศา ครับเนื้อก้นครก ผสมผงวิเศษ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน อย่างละครึ่ง จำนวนการสร้างเพียงหลักสิบต้น ๆ เท่านั้น แจกเฉพาะกรรมการใกล้ชิดเท่านั้นครับ รุ่นนี้หลวงปู่ตั้งใจอธิฐานจิตมาก หลายๆอย่างทั้งให้ฤกษ์ ทั้งนำลูกแก้วคู่บารมีท่านมาเข้าพิธีด้วย นับเป็นสุดยอดของดีของท่านอีกอย่างหนึ่งทีเดียว

    #มวลสารพิเศษ ที่ประกอบเป็นองค์พระ
    ๑. ผงพระสมเด็จหลวงปู่หิน วัดระฆัง อันประกอบไปด้วย ผงวิเศษทั้ง ๕ ประการ ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
    ๒. ผงพระสมเด็จกรุดักคะนน สร้างจากผงวิเศษของสมเด็จโต หลวงปู่อยู่เอาใส่เรือพายมาวัดปากคลองมะขามเฒ่า ถวายให้หลวงปู่ศุข ปลุกเสกเป็นกรณีพิเศษ
    ๓. ผงวิเศษหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ปี ๒๔๙๒
    ๔. ผงอิทธิเจ ที่หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก ลบถม
    ๕. ผงธูปแขกจากประเทศอินเดีย หลวงปู่ปลุกเสกตั้งแต่ราว ๆ เดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน กล่องธูปทั้งหมดตั้งอยู่ในห้องนอนหลวงปู่ ท่านเมตตามอบให้ถึง ๑ กระสอบปุ๋ย
    ๖. คำหมากของหลวงปู่
    ๗. เส้นเกศาของหลวงปู่ ปลงในวันมาฆะบูชา เก็บไว้หลายปีแล้ว
    ๘. ผงวิเศษและน้ำสรงลังพระที่คุณแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม ยกไปถวายท่านเจ้าพระมหารัชมังคลาจารย์ และท่านเจ้าคุณได้กราบถวายให้หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ปลุกเสกเป็นกรณีพิเศษ
    ๙. ผงพระรูปเหมือนหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
    ๑๐. ผงพระรูปเหมือนรุ่นงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร เป็นประธานจุดเทียนชัย ณ ปริมณฑล วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ และนั่งปรกให้เป็นกรณีพิเศษ
    ๑๑. ผงพระและแป้งเสกของหลวงปู่บุดดา ถาวโร เป็นจำนวนมาก
    ๑๒. ผงสิริมงคลไตรมาส ๔๙ หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก
    ๑๓. ผงสิริมงคลไตรมาส ๕๐ หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก
    ๑๔. ผงว่าน ๓๐๐ ชนิดวัดมุจลิทร์ทวาปีวิหาร จ.ปัตตานี หลวงปู่เมตตาเสกให้ ๒ ไตรมาส
    ๑๕. ผงว่าน ๑๐๘ ปลุกเสกโดยหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก
    ๑๖. ผงว่าน ๑๒๑ ชนิดจากชายป่าลึกติดกับชายแดนพม่า
    ๑๗. ผงว่านดอกทอง ตัวผู้ ตัวเมีย
    ๑๘. ผงลอดเบ้าพระมงคลมหาลาภ (พระรุ่นที่ดีที่สุดของหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก) ในการจัดสร้างพระมงคลมหาลาภเนื้อพิเศษมวลสารล้วน ทางผู้จัดสร้างได้เก็บรวบรวมเนื้อพระที่ล้นออกมาจากเบ้าพิมพ์ไว้ทั้งหมด และได้นำมาบดจนละเอียด แล้วนำถวายให้หลวงปู่ปลุกเสกให้พร้อมกับพระมงคลมหาลาภ จวบจนพระมงคลมหาลาภเสกแจกไปจนจวนจะหมดผงชนิดนี้ก็ยังได้รับการปลุกเสกอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
    ๑๘. ผงพระสมเด็จแหวกม่านพิมพ์พิเศษหลวงปู่บุญเพ็งปลุกเสกเป็นพิเศษ ตั้งแต่สมัยอยู่ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน
    ๑๙. ผงพระคำหมากรุ่นแรก หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก
    ๒๐. ผงพระมุตโตทัย หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก
    ๒๑. ผงพระคำหมากรุ่นเสาร์ ๕ มหาพุทธาคม จำนวนครึ่งกระสอบปุ๋ย
    ๒๒. ผงพระปิดตาหลังพญานาคาธิบดี พิมพ์พิเศษ เนื้อคำหมาก ผสมผงว่านเทพทาโร นำเข้าพิธีที่วัดพระศรีมหาธาตุ นครศรีธรรมราช แล้วนำถวายให้หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก แผ่เมตตาจิต อีก ๖ เดือนเต็ม รวมไตรมาส ๕๐
    ๒๓. ผงพระรูปเหมือนทรงระฆัง ปลุกเสก ไตรมาส ๔๙ (ผสมผงพระสมเด็จวัดระฆัง) กับผงอิทธิเจที่หลวงปู่ลบถม
    ๒๔. ผงพระรูปเหมือนเนื้อผงยาวาสนามหาจินดามณี ผสมคำหมาก เป็นจำนวนมาก
    ๒๕. เทียนชัย เทียนมหามงคล เทียนนวหรคุณ เทียนวิปัสสี ที่บังเกิดปาฏิหาริย์ไม่ลดไม่ดับตลอดพิธีในคราวพุทธาภิเษกพระปราบโจรรุ่นเสาร์ ๕
    ๒๖. นวดมหานิยม ของหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก
    ๒๗. ขี้เหล็กไหล ของเก่าของหลวงปู่
    ๒๘. ผงไม้นางพญางิ้วดำ พระอาจารย์โชติ วัดภูเขาแก้ว ถวายหลวงปู่ หลวงปู่เมตตาเสกจนลืม รวมระยะเวลาเสกเกือบยี่สิบปี
    ๒๙. ผงมหาจักรพรรดิ
    ๓๐. ผงพญาไก่แก้ว
    ๓๑. ผงไม้กระไดลิงบดของหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก
    ๓๒. ผงพลอยโกเมนบด
    ๓๓. ผงแร่เหล็ก
    ๓๔. ผงนิลกาฬ
    ๓๕. ผงพระบรมธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้า
    ๓๖. ผงพระสมเด็จที่หลวงปู่ไปนั่งปรกพุทธาภิเษก ณ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน
    ๓๗. ผงพระสมเด็จ ที่หลวงปู่ไปเป็นประธานจุดเทียนชัย และนั่งปรกเป็นกรณีพิเศษ ณ. วัดทรงเมตตาวนาราม จ.ชลบุรี
    ๓๘. ผงว่าน ๑๐๘ นำเข้าพุทธาภิเษกพิธีพระกริ่ง มหาราช ๘๐ พรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร หลวงปู่นั่งปรก
    ๓๙. ผงดินจากสังเวชนียสถานประเทศอินเดีย
    ๔๐. ผงไม้แก่นจันทร์หอม ที่หลวงปู่มอบให้
    ๔๑. ผงว่านอีเฒ่าหนังเหนียว ของหลวงปู่
    ๔๒. ข้าวก้นบาตรของหลวงปู่ ที่เหลือจากการสร้างล๊อคเก็ต รุ่นมหาจินดามณี
    ๔๓. ผงที่เหลือจากการสร้างล๊อคเก็ตรุ่นมหาเมตตาบารมีอุดมทรัพย์ประสิทธิโชค
    ๔๔. ผงที่เหลือจากการสร้างล๊อคเก็ตรุ่นมหาจินดามณี
    ๔๕. ผงเบ้าพระพุทธชินราชวัดป่ากู่ทองธรรมวิเวก พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) อธิษฐานจิตเททอง หลวงปู่บุญเพ็ง เมตตาเสกต่ออีก ๙ ปีเศษ
    ๔๖. ผงพระพุทธชินราช วัดป่ากู่ทอง
    ๔๗. ผงลูกแก้วสารพัดนึก
    ๔๘. ผงทรายแก้ว
    ๔๙. ผงแร่ทรายเงิน แร่ทรายทองคำ
    ๕๐. ผงไม้กาฝากคูณ กาฝากมะยม กาฝาก ๑๐๘
    ๕๑. ผงพระพุทธคุณ ๑๐๘ นำเข้าพิธีบวงสรวงงานวันเกิดดร.พรรษา พฤฒยางกูล หลวงปู่บุญเพ็งเป็นประธานจุดธูปเทียน และเทียนขันน้ำมนต์
    ๕๒. ผงพระสมเด็จพระพุทธโสภณวิสุทธิคุณ รุ่นฉลองสมณศักดิ์ สร้างจากผงว่าน ๑๐๘ เข้าพิธีพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ มหาราช ๘๐ ปี ในการนี้ได้มีเหตุบังเอิญเกิดขึ้นหลายประการสมควรนำมาเล่าในที่นี้คือ หลวงปู่เคยปรารภให้ทำเหรียญรุ่นเสาร์ ๕ ท่านเปรย ๆ ให้ทำหลังค้อม ๆ ให้เหมือนหลวงพ่อทวด ท่านว่า ต่อไปเราก็หลวงพ่อทวด องค์หนึ่ง ครั้นในการจัดสร้างพระสมเด็จ อยู่ ๆ ท่านผู้พิพากษาจังหวัดปัตตานีก็ได้ส่งผงดินกากยายักษ์พร้อมกับแร่ธาตุที่ใช้สร้างพระหลวงพ่อทวดมาให้ นับเป็นความบังเอิญที่ลงตัวจริง ๆ
    ๕๓. ดินกากยายักษ์ จากอำเภอลำพญา
    ๕๔. ผงวิเศษ ของวัดศาลาดิน จ. อ่างทอง
    ๕๕. ผงอิทธิเจ วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี
    ๕๖. ผงอิทธิเจ เก่า ของวัดปริวาสราชสงคราม
    ๕๗. ผงจตุคามรามเทพ รุ่นเงินไม่ขาดสาย เนื้อคำหมาก หลวงปู่ปลุกเศกเป็นกรณีพิเศษ
    ๕๘. ผงทรายเสก
    ๕๙. ชินบัญชร
    ๖๐. ผงนะ ๑๐๘ ปถมัง ๑๔ หลวงปู่เมตตาเสกให้
    ๖๑. ผงทองคำพระกริ่งปวเรศ ปี ๒๕๓๐ วัดบวร
    ๖๒. ผงพระรัตนจักรชัยสิทธิ์
    ๖๓. ผงพระกริ่งไตรสรณคมณ์
    ๖๔. ผงพระรอดเหล็กไหล
    ๖๕. ผงว่านหลวงปู่ผาง จิตตคุตโต
    ๖๖. ผงพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
    ๖๗. น้ำสรงหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก
    ๖๘. ผงรังต่อ
    ๖๙.ผงกะลาตาเดียว
    ๗๐. ผงไม้ตะเคียนทอง
    ๗๑.ผงไม้เทพทาโร
    ๗๒. ผงลบถมทางด้านเมตตามหานิยม
    ๗๓. ผงกรุวัดพิกุล
    ๗๔. น้ำมันจันทน์แท้อย่างดี
    ๗๕. ผงกระเบื้อง โมเสส รัก วัดพระศรีรัตนศาสดาราม คราวบูรณะ
    ๗๖. ผงเถ้าธูปบูชาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง ทั่วประเทศ
    ๗๗. ผงต่าง ๆ ที่นำถวายพระเดชพระคุณหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก ปลุกเสกให้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๑ จนถึง ปัจจุบัน
    ๗๘. ผงลูกอม หัวนะโม
    ๗๙. ผงพระธาตุพระอรหันต์ สมัยพุทธกาล
    ๘๐. ผงพระพุทธคุณ ผงศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่ไม่อาจกล่าวในที่นี้ได้ด้วยเหตุผลต่าง ๆ อีกหลายร้อยชนิด

    #หลวงปู่เมตตาพุทธาภิเษกวันมหาอุดมมงคลฤกษ์ 15 กุมภาพันธ์ 2551 พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านจัดให้มีพิธีมหาพุทธาภิเศกวัตถุมงคลสมเด็จโสภณวิสุทธ์ (แหวกม่าน เปิดโลก) เป็นกรณีพิเศษ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาในวัตถุมงคลรุ่นใดของหลวงปู่มาก่อน ท่านให้ฤกษ์เอาไว้ระหว่างเวลา 4 ทุ่ม ถึง เที่ยงคืน ให้นิมนต์พระทั้งวัดมาสวดเจริญพระพุทธมนต์ พระเดชพระคุณหลวงปู่จะได้นั่งบริกรรมภาวนาแผ่เมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยวเป็นกรณีพิเศษไปจนเสร็จพิธี ในการนี้ท่านได้กรุณาจัดมณฑลพิธีด้วยองค์เอง มีการโยงด้ายสายสิญจน์ และได้เชิญวัตถุมงคลที่ได้เคยสร้างมาในรุ่นก่อน ๆ มาเข้าพิธีในคราวนี้ทั้งหมด แต่ไหนแต่ไรมาวัตถุมงคลรุ่นก่อน ๆ ส่วนใหญ่ท่านจะอธิษฐานจิตตามอัธยาศัย โดยที่ไม่ใช้ด้ายสายสิญจน์ แต่ในคราวนี้ท่านได้กรุณาควบคุมเองทุกประการ คงเพื่อหวังที่จะให้พระสมเด็จโสภณวิสุทธิ์นี้ไปอำนวยศุภผลให้ท่านที่ได้รับนี้ตามสมควร


    = 3500 Baht
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2024 at 11:05
  10. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,164
    ค่าพลัง:
    +4,547
    รายการที่ 8

    P1.jpg
    P2.jpg

    A4.jpg
    A5.jpg
    A1.jpg
    A2.jpg
    A3.jpg

    รูปภาพพระมหาอุปคุตเถระ, พ่อท่านลี ธัมมธโร, หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี

    #ขนาดของรูปภาพ 4x6 นิ้ว

    #อธิษฐานจิตโดย หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี วัดเทพธารทอง จังหวัดจันทบุรี

    #พิเศษ มีจารเต็มทั้งด้านหน้าและหลัง โดย ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดป่ายาง (สันพระเจ้าแดง) จังหวัดลำพูน

    เครดิตข้อมูล : FB กลุ่ม หลวงปู่พิศดู


    = 5000 Baht
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2024 at 11:07
  11. Anantsit

    Anantsit เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    4,164
    ค่าพลัง:
    +4,547
    รายการที่ 9

    P1.jpg
    P2.jpg
    P3.jpg

    พระนาคปรกอธิษฐาน เนื้อเกษรผสมผงปฐวีธาตุ
    หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จังหวัดนครพนม

    #พระนาคปรกอธิษฐานสร้างขึ้นเมื่อปี42
    ช่วงนั้นหากใครไปกราบหลวงปู่คำพัน มักจะถามหาปฐวีธาตุของหลวงปู่
    ซึ่งหลวงปู่ได้ให้รับรองเองว่า “กันนิวเคลียร์ได้”
    ผมได้เข้าไปกราบหลวงปู่พร้อมหินกรวดแม่น้ำโขงถุงใหญ่ (4กิโลฯ)
    เพื่อขอเมตตาหลวงปู่อธิษฐานให้เป็นปฐวีธาตุ หลังจากหลวงปู่อธิษฐานเสร็จ ได้ขอปฐวีธาตุกลับมา1กำมือ
    พร้อมเรียนถามหลวงปู่ว่า “ถ้านำปฐวีธาตุไปบดเป็นผงแล้วทำพระยังจะกันนิวเคลียร์ได้อยู่รึเปล่าครับ”
    หลวงปู่ก็ตอบว่า “ได้ แต่ต้องเอามาให้หลวงปู่อธิษฐานซ้ำ”
    หลังจากสนทนากับหลวงปู่ซักพักจึงลาหลวงปู่กลับ
    ตอนกราบลา หลวงปู่ได้ดันถุงใส่ปฐวีธาตุกลับมาพร้อมพูดว่า “จะเอาไปสร้างพระไม่ใช่เหรอ”
    ผมจึง คิดว่าหลวงปู่คงต้องการให้สร้างพระมาถวายจึงได้นำปฐวีธาตุถุงใหญ่กลับมาทำพระ
    ซึ่งตอนนั้นผมเป็นเพียงนักศึกษามหาลัยปี 1
    และแทบไม่มีความรู้เรื่องการสร้าพระเลย
    หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ในวงการสร้างพระคือ
    คุณอำพล เจน ที่เป็นธุระในการเขียนยันต์ข้างหลังองค์พระซึ่งเป็นพุทธคาถาในพุทธทำนาย
    คุณเนาว์ นรญาณที่เป็นธุระในการทำแม่พิมพ์พระฯ
    และคุณรณธรรม ธาราพันธุ์ ที่ให้คำปรึกษาพร้อมวลสารในการสร้างพระ ฯลฯ
    หลังจากสถาปนาเป็นองค์พระแล้วซึ่งแบ่งเป็นเนื้อโรงงาน 5,000 องค์
    เนื้อเกสรซึ่งกดมือกันเองอีกหลายพันองค์ (จำจำนวนที่แน่นอนไม่ได้ซึ่งน่าจะราว5000องค์)
    ได้ไปถวายหลวงปู่เพื่ออธิษฐานหลังวันเข้าพรรษาปี42 หนึ่งวัน
    เมื่อไปถวายหลวงปู่ได้สั่งให้เก็บไว้ก่อนท่านยังไม่อธิษฐานเดี๋ยวนั้น
    และพระได้อยู่กับท่านจนออกพรรษาได้ราว5วันจึงได้ไปถวายพระนาคปรกเนื้อเกสรอีกราว5,000 องค์ที่กดกันเองในพรรษา
    (พระที่กดในพรรษาจะบรรจุทรายคำไว้ที่ด้านหลังองค์พระทุกองค์)
    โดยหลวงปู่ได้เก็บพระที่ถวายไว้ในช่วงเข้าพรรษาทั้งหมด(พระชุดแรก)ไว้ที่หัวนอนท่านตลอดพรรษา
    และระหว่างสนทนาได้เล่าถวายให้ท่านฟังถึงการทำพระที่กดมือกันเองออกมาไม่สวย
    ท่านก็เมตตาให้กำลังใจว่า “ไม่เป็นไรอย่างพระสมเด็จวัดระฆังก็กดมือเหมือนกัน”
    และทราบว่าพระชุดนี้หลวงปู่มิได้จำหน่ายจ่ายแจก จนผ่านไปหลายปีจึงได้ยินว่าคุณเง็กได้รับแจกมา

    #พระปรกอธิษฐาน เป็นนามที่คุณเง็ก บางลำภู
    ได้เรียกพระนาคปรกหลังใบโพธิ์ของหลวงปู่คำพัน วัดธาตุมหาชัย
    เมื่อไปถามคุณเง็ก ถึงที่มาของชื่อจึงทราบว่า
    มีคราวหนึ่งเพื่อนคุณเง็กซึ่งรู้จักกับหลวงปู่คำพันเป็นอย่างดี
    ได้ฝากปัจจัยไปถวายหลวงปู่ เมื่อคราวที่คุณเง็กได้ไปกราบหลวงปู่ที่วัด
    พร้อมกำชับให้กราบเรียนหลวงปู่ด้วยว่า เขาขอพระหลวงปู่เป็นที่ระลึกด้วย
    หลังจากคุณเง็กได้กราบเรียนหลวงปู่แล้ว
    หลวงปู่จึงหยิบพระนาคปรกหลังใบโพธิ์ขึ้นมาแจกทุกคนคนละ1องค์และได้ฝากไปให้เพื่อนคุณเง็กด้วย
    โดยหลวงปู่ได้กล่าวว่า “อยากได้อะไรให้อธิษฐานเอา”
    ตั้งแต่นั้นมาที่พันทิพย์งามวงศ์วานก็เรียกพระรุ่นนี้ว่า พระปรกอธิษฐาน
    ซึ่งคุณเง็กเล่าว่าปรกติเวลาหลวงปู่แจกพระให้คุณเง็ก
    ท่านจะแจกเป็นกำแต่กับพระรุ่นนี้ท่านให้แค่คนละ1องค์เท่านั้น
    เป็นประกอบกับคำกล่าวของหลวงปู่คำพันที่ว่า
    อยากได้อะไรให้อธิษฐานเอา
    จึงเป็นเหตุให้คุณเง็กซึ่งเป็นเซียนใหญ่พระหลวงปู่คำพัน
    ได้เริ่มกว้านเก็บพระปรกอธิษฐานตั้งแต่นั้นเป็นตนมา
    คุณเง็กเล่าต่อว่าพระหลวงปู่คำพันที่คุณเง็ก มีประสบการณ์มี2อย่าง
    คือพระพุทธปฐวีธาตุและพระปรกอธิษฐาน


    #หากจะกล่าวถึงการเล่นแร่แปรธาตุแล้ว หลายท่านคงจะทราบว่ามีอยู่หลายอย่าง และหลายแบบตามแต่ครูบาอาจารย์แต่ละท่าน จะมีวิธีและวิชาอันแก่กล้าที่สามารถเสกหรือทำของต่างๆ ให้มีความขลัง

    ด้วยบทพระเวทย์ วิทยาคม อันแก่กล้า หรือด้วย จิต กฤตยา หรือบุญฤทธิ์ อะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้สิ่งของนั้นๆ ศักดิ์สิทธิ์ สามารถคุ้มครอง ให้คุณแก่ผู้ที่ศรัทธานับถือ นำไปติดตัวไว้ใช้แล้วบังเกิดสิ่งอัศจรรย์ เหนือธรรมชาติ ที่วิทยาศาสตร์อันทันสมัยในปัจจุบัน ไม่สามารถอธิบายเป็นเหตุผลออกมาได้

    ผู้ที่มีความนับถือ ศรัทธาต่อองค์ครูบาอาจารย์ ผู้เป็นเจ้าของแห่งธาตุวิเศษ สิ่งเหล่านี้ ทางพุทธศาสนาเรียกว่า "ปัจจัตตัง" คือ สิ่งเฉพาะตน

    "ปฐวีธาตุ พระเพชรแห่งแม่น้ำโขง" ปฐวีธาตุของ เจ้าคุณสุนทรธรรมากร หรือ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนมนี้ มีความเป็นมา ครั้งตั้งแต่ท่านยังเป็นเพียงพระภิกษุธรรมดาของชาวบ้านตำบลมหาชัย จ.นครพนม
    แต่ด้วยความที่ท่านเป็นพระที่มีดีอยู่ในองค์ท่าน จากการปฏิบัติธรรม ฝึกจิต ตามแนวทางกรรมฐาน พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล บูรพาจารย์ใหญ่ของสำนักกรรมฐานในยุคนั้น และวิชาสายพระเวทย์ของ ปะขาวครุฑ ซึ่งเป็นสายวิชาของ สมเด็จลุน แห่งนครจำปาสัก ผู้โด่งดังสองคาบฝั่งโขง

    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ ในช่วงแรกนั้น ทหารและตำรวจในพื้นที่ ต่างทราบถึงกิตติคุณท่านดีว่า เป็นพระดี มีวิชา จากปากคำของชาวบ้าน ปากต่อปาก ทำให้ทหารและตำรวจเข้าหาท่าน และจุดมุ่งหมายที่สำคัญคือ ขอของดี แต่ท่านปฏิเสธไป พร้อมกับบอกว่า ท่านเป็นเพียงพระธรรมดารูปหนึ่ง ไม่มีอะไรจะให้ได้ นอกจากพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เมื่อได้ฟังดังนั้น ทั้งกลุ่มทหารและตำรวจ จึงลาท่านกลับไป แต่ด้วยกิตติคุณและบารมีธรรมของท่าน ทำให้ทั้งตำรวจ ทหาร และข้าราชการหลายกลุ่มยังเดินทางมาพบท่าน และก็เช่นเคย คือ ขอของดีจากท่าน เพื่อเป็นสิริมงคล และคุ้มครอง เพราะในสมัยนั้น (ก่อนปี พ.ศ.๒๕๐๐) บ้านเมืองยังคงเต็มไปด้วย โจร ผู้ร้าย สัตว์ป่านานาชนิด และฝ่ายที่มีอุดมการณ์ที่แตกต่างจากรัฐบาลไทย ซึ่งทำให้การทำงานของข้าราชการฝ่ายต่างๆ มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตสูง เมื่อความศรัทธาที่มีต่อท่านมากขึ้น จึงเป็นที่มาของ ปฐวีธาตุพระเพชร แห่งแม่น้ำโขง

    ศรัทธาของผู้ที่มาพบท่าน และต้องการขอของดีไว้คุ้มครองตัว เมื่อมีมากขึ้น ท่านจึงเอ่ยปากจะทำของดีให้ โดยให้ชาวบ้านและเหล่าทหารที่มาพบ ไปช่วยกันนำ หิน ที่อยู่ในแม่น้ำโขงขึ้นมา ซึ่งมีอยู่หลากหลายวรรณะ สีสันแตกต่างกันออกไป หลายลักษณะ สุดแต่ผู้ใดจะเก็บมาได้แบบไหน เมื่อได้จำนวนมากพอสมควรแล้ว ท่านจึงให้นำออกมากองรวมกันแล้ว เสกตามสายวิชาที่ท่านได้เรียนมา
    หลวงปู่คำพันธ์ ได้แจก หินเสก ให้ลูกศิษย์ ชาวบ้าน ทหาร ตำรวจ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะเห็นว่าเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา แต่เมื่อเกิดประสบการณ์ จากเรื่องประสบอุบัติเหตุ ที่ผู้ประสบเหตุการณ์นั้นรอดมาได้ราวปาฏิหาริย์สารพัดเรื่องราว ทำให้ปฐวีธาตุ และชื่อเสียงของหลวงปู่คำพันธ์ ยิ่งขจรขจายกว้างขวางยิ่งขึ้น

    จากการบอกกล่าวของผู้รู้ทางด้านวัตถุมงคลของ หลวงปู่คำพันธ์ ให้ข้อมูลว่า การเสก ทำของ หรือการเล่นแร่แปรธาตุ จากหินแม่น้ำธรรมดาๆ นั้น ให้เป็นของมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว หลวงปู่จะเสกด้วยจิตอันแก่กล้า และพระเวทที่ใช้เสกปฐวีธาตุนั้น คือ มนต์คาถาชินบัญชร เฉกเช่นเดียวกันกับ ปฐวีธาตุ ของ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต แห่งวัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพฯ

    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ ท่านบอกกล่าวกับศิษย์ว่า หลวงปู่ตั้งให้ไว้เป็นองค์พระ เป็นของวิเศษ ที่จะคุ้มครองคุ้มภัยกับผู้ที่มีไว้บูชา ให้หมั่นอาราธนาและสวดพระคาถาชินบัญชรอยู่เป็นนิตย์ ผู้ที่ปฏิบัติดี จะสามารถสื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์ปฐวีธาตุได้ง่าย
    ทั้งนี้หลวงปู่คำพันธ์ท่านได้ให้ชื่อปฐวีธาตุของท่านว่า "พระเพชร" เพราะเสกหนุนธาตุต่างๆ ให้เป็นองค์พระ และธาตุปฐวี คือ ธาตุหินนี้แกร่ง ท่านจึงเรียกว่า "พระเพชร" อันเป็นที่มาแห่งปฐวีธาตุเพชรธาตุแห่งแม่น้ำโขง

    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ และ ปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต มีความเหมือนกันหลายอย่าง คือ หลวงปู่คำพันธ์เสกและตั้งเป็นองค์พระ ท่านเรียก "พระเพชร" ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ท่านก็เสกและตั้งเป็นองค์พระเช่นเดียวกัน ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ เรียกปฐวีธาตุของท่านว่า "พระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุ"

    ความสำคัญที่คล้ายคลึงกันของปฐวีธาตุทั้งสององค์ท่านอีกอย่างหนึ่งนั้นคือ พุทธมนต์ และพระคาถา ที่ใช้ในการอธิษฐานจิตลงสู่ปฐวีธาตุของทั้งสองท่าน ใช้"พระคาถาชินบัญชร" เป็นตัวบทกำกับในการตั้งเป็นองค์พระลงสู่ปฐวีธาตุของทั้งสองท่าน
    ส่วนความศักดิ์สิทธิ์และพุทธคุณของปฐวีธาตุ หลวงปู่คำพันธ์แห่งวัดธาตุมหาชัย ท่านกล่าวกับลูกศิษย์ว่า คุ้มครอง คุ้มภัย กันฟ้า กันไฟ ปฐวีธาตุแห่งแม่น้ำโขงนี้เป็นธาตุที่เย็น อานุภาพแห่งองค์พระเพชร สามารถป้องกันภัยที่เกิดจากรังสีของความร้อนที่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันได้
    ในขณะที่ปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรรัตน์นั้น เมื่อท่านได้อธิษฐานจิตเสร็จ ท่านได้มอบให้ลูกศิษย์ไว้ แล้วท่านได้กล่าวกับศิษย์ว่า พระแม่ธรณีนี้วิเศษนักหนา ท่านได้อธิษฐานให้เป็นของวิเศษ ให้เป็นพระแม่ธรณี เพราะพระแม่ธรณีมีคุณอันอเนกอนันต์ เปรียบดังคุณแห่งมารดา ที่รักลูกจนหาที่สุดมิได้
    ท่านกล่าวกับศิษย์ว่า รักษาไว้ให้ดี กันฟ้า กันไฟ ได้นะ กันรังสีของนิวเคลียร์ได้ด้วย ซึ่งปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรรัตน์มีจำนวนน้อยมาก เพราะท่านทำไว้ก่อนท่านจะมรณภาพเพียงไม่นาน คือ ช่วงวาระสุดท้ายของสังขารท่าน
    ฉะนั้น กรณีที่มีหลายคนมีหินแล้วบอกว่าเป็นปฐวีธาตุของเจ้าคุณนรรัตน์ ขอให้ท่านใช้สติ และปัญญาแห่งชาวพุทธ พิจารณาที่มาที่ไปอย่างถ่องแท้ด้วย
    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์นั้น ยังพอที่จะหาได้จากผู้รู้จริง แต่ควรจะเป็นการมอบให้กัน โดยไม่มีราคาค่างวด เหตุเพราะเป็นหินนั่นเอง ลักษณะและการพิจารณา ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่า เสกหรือไม่เสก แท้หรือไม่แท้ แตกต่างจากพระเครื่องอย่างสิ้นเชิง
    ให้ท่านคิดดูว่า พระเครื่องที่ดูแล้วสามารถบอกได้ว่าชนิดไหน สำนักใดผู้เชี่ยวชาญหลายท่านยังโดนของเก๊ เลียนแบบ

    ส่วนหินแม่น้ำนั้น สามารถหยิบหาที่ไหนมาก็ได้ แล้วบอกว่า เป็นปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ นำมาตั้งราคาค่างวดซื้อขายกัน โดยมิได้ทำบุญเช่าหามาจากวัด นับว่าเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีศรัทธา แต่ไม่ใช้ปัญญาในการพิจารณาแบบชาวพุทธแท้จริง ท่านอาจจะแขวนกรวดงาน หรือหินตู้ปลาที่ไหนก็ได้ นับว่าเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง
    สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณคณะศิษย์ธาตุมหาชัย ที่เอื้อเฟื้อภาพ และข้อมูล ซึ่งเป็นผู้จัดทำหนังสือ "สัมผัสแห่งอริยะ" ซึ่งถือเป็นหนังสือที่รวบรวมทุกเรื่องราวของ หลวงปู่คำพันธ์ ได้อย่างสมบูรณ์เล่มหนึ่ง


    แต่เพราะ"พระเพชร"หรือ"ปฐวีธาตุ"นั้น หากจะว่ากันโดยกายภาพภายนอกแล้ว ก็คือ"ก้อนกรวด"เราดีๆนี่เอง
    ไม่อาจ"ตอกโค้ด"หรือ"รันนิ่งนัมเบอร์"แยกของเสกกับไม่เสกได้
    ต้องได้มาจาก"แหล่งที่เชื่อถือได้"เพียงสถานเดียวเท่านั้น จึงจะวางใจได้ว่า ไม่ได้เอากรวดตู้ปลา หรือกรวดก่อสร้างเปล่าๆมาห้อยให้หนักคอ หนักใจแท้ทีเดียว

    ด้วยเหตุนี้ จึงคณะศิษย์ของหลวงปู่คำพันธ์ จึงได้นำปฐวีธาตุมาสร้างเป็นองค์"พระเครื่องพระบูชา"เป็นหลายรุ่นหลายแบบด้วยกัน เพื่อตัดปัญหาดังกล่าวให้สิ้นไปโดยปริยาย อันเป็นการกระทำที่ชาญฉลาด น่าอนุโมทนาสาธุการด้วยเป็นอย่างยิ่ง
    หนึ่งใน"พระผงพระเพชร"ของหลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัยที่หลวงปู่ท่านสั่งให้สร้างไว้ด้วยองค์เอง ซึ่ง"พุทธวงศ์"รู้เห็น,ช่วยเหลือในการจัดหาแม่พิมพ์มาตั้งแต่ต้น ที่ใคร่จะขอบันทึกไว้เป็นหลักฐานสืบไปก็คือ"พระนาคปรกอธิษฐาน" ที่หลวงปู่คำพันธ์"รัก"และ"แจกยาก"ที่สุดชุดหนึ่งเลยนั่นเทียว..!!?!

    แต่ก่อนที่จะเล่าล้วงลูกลึกไปถึงปฐมเหตุแห่งการจัดสร้างอันมีที่มาที่ไปค่อนข้างจะผิดแผกจากปกติภาพทั่วไป ก็ใคร่ขอพูดถึงเรื่องของพระนาม"พระนาคปรกอธิษฐาน"ชุดนี้ก่อนสักเล็กน้อย
    แต่แรกสร้าง ก็ไม่ตั้งชื่อวิจิตรพิศดารอะไร นอกจากจะเรียกหาตามรูปลักษณ์อย่างเรียบง่ายที่สุดแต่เพียงว่า "พระนาคปรกใบโพธิ์" เท่านั้น
    จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณ"เง็ก บางลำพู" เซียนพระสายเจ้าคุณนรรัตน์ฯและหลวงปู่คำพันธ์รุ่นแรกๆ ซึ่งนับถือหลวงปู่คำพันธ์เป็นชีวิตจิตใจอย่างยิ่ง ได้เดินทางจากกรุงเทพมหานครไปกราบหลวงปู่ถึงวัดธาตมหาชัย อันเป็นกิจวัตรที่คุณเง็กได้กระทำมาโดยตลอด แทบไม่มีการว่างเว้นเลยแม้สักเดือนเดียว
    ในฐานที่เป็นศิษย์เก่าแก่ที่เคารพนับถือกันมานาน หลวงปู่คำพันธ์มักจะหยิบพระเครื่องรางให้คุณเง็ก บางลำพูทีละ"เป็นกำเป็นหอบ"เป็นของฝากจากนครพนมไปแจกจ่ายคนที่กรุงเทพอยู่เสมอๆ
    แต่มาคราวนี้ การกลับไม่เหมือนเดิมอย่างน่าประหลาดใจ
    เพราะหลวงปู่คำพันธ์ หยิบ"พระนาคปรกใบโพธิ์"ให้คุณเง็กเพียง"องค์เดียว"เท่านั้น..!!!!
    ไม่มีองค์ที่สองที่สามที่สี่ หรือองค์ที่สิบยี่สิบเหมือนอย่างเคยอีกแล้ว..!?!?
    ยิ่งไปกว่านี้ หลวงปู่คำพันธ์ยังสั่งกำชับอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนอีกด้วยว่า
    "ปรารถนาอยากได้อะไร ลองอธิษฐานดูได้น๊ะ..!!??"

    ด้วยเหตุแห่งคำสั่งของหลวงปู่คำพันธ์ดังกล่าวข้างต้น "พระนาคปรกใบโพธิ์" จึงมีอันได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อที่ไพเราะและแฝงไว้ด้วยความนัยที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งในพระนาม"พระนาคปรกอธิษฐาน"ด้วยประการฉะนี้ฯ

    สำหรับปฐมเหตุแห่งการอุบัติแห่ง"พระนาคปรกอธิษฐาน"รุ่นนี้ เกิดจาก"บอล" เด็กหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นปี 1 (ประมาณปี 2541)ซึ่งสนใจศรัทธาพระสายกรรมฐานเป็นพิเศษได้ให้เพื่อนไปหา"กรวดแม่น้ำโขง"ถุงใหญ่ น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัมให้ถวายให้หลวงปู่คำพันธ์เสกเพื่อเอาไว้"กันนิวเคลียร์"ตามกระแสนิยมในยุคนั้นที่สถานการณ์บ้านเมืองและโลกค่อนข้างที่จะร้ายแรง เสี่ยงที่จะเกิดสงครามใหญ่มิใช่น้อย โดยเมื่อเสกเสร็จ "บอล"ก็กราบเรียนถามหลวงปู่คำพันธ์ทีเดียวว่า
    "หลวงปู่ครับ ถ้าเอาปฐวีธาตุนี้ไปบดสร้างเป็นองค์พระแล้ว จะกันนิวเคลียร์ได้เหมือนกันหรือเปล่าครับ..???"
    หลวงปู่คำพันธ์ตอบทันทีว่า
    "ได้..!!!!"
    แต่...
    "ต้องเอามาให้หลวงปู่ปลุกเสกอีกทีหนึ่งน๊ะ..!!!!"

    และภายหลังจากที่ได้สนทนาธรรมกับท่านจนพอสมควรแก่กาลเวลาอย่างยิ่งแล้ว ก่อนที่จะลาหลวงปู่คำพันธ์กลับ "บอล"ก็ล้วงเอาปฐวีธาตุออกจากถุงมากำมือหนึ่งด้วยหมายใจจะนำไปแจกจ่ายเพื่อนสนิทมิตรสหายเป็นการส่วนตัว พร้อมกราบเรียนท่านว่า
    "ปฐวีธาตุส่วนที่เหลือ ผมขอถวายหลวงปู่นะขอรับ..."
    ในทันใด สิ่งที่ไม่คาดคิดก็พลันเกิดขึ้นเมื่อหลวงปู่คำพันธ์ผลักถุงปฐวีธาตุทั้งหมดนั้นออกมา พร้อมกับออกปากทีเดียวว่า
    "เอ้า..เอาไป จะเอาไปสร้างพระมิใช่หรือ..??!!??"
    และนี้เอง ก็คือปฐมเหตุแห่งการสถาปนา"พระนาคปรกอธิษฐาน" ซึ่งตามรูปแบบภายนอกทั่วไปแล้ว ไม่น่าจะมีความสลักสำคัญอันใด ด้วยเป็นเพียง "พระเครื่องเด็กสร้าง" เท่านั้น...
    แต่ไปๆมาๆ "พระนาคปรกอธิษฐาน"กลับกลายมาเป็นอีกหนึ่งในพระเครื่องดีที่หลวงปู่คำพันธ์"รัก"และ"โปรดปรานสงวนรักษา"มากที่สุดชุดหนึ่งในกาลต่อมาอย่างเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง
    เพราะหากไม่นับ"ศิษย์ต้น"ที่ตามปกติ หลวงปู่จะเทย่ามแจกพระให้ทีละเป็นกำเป็นหอบเป็นปกติอย่าง"เง็ก บางลำพู" แต่ท่านกลับให้เพียงองค์เดียวอย่างน่าฉงนอย่างที่กล่าวไว้แต่เบื้องต้นแล้ว ที่สุด แม้แต่"นายทหารชั้นผู้ใหญ่" บรรดาศักดิ์สูงท่านหนึ่งไปกราบท่าน แทนที่จะให้พระเหรียญพระกริ่งพระบูชาราคาสูงๆมาแจกให้สมกับศักดิ์ศรีทหารใหญ่อย่างที่น่าจะเป็น
    แต่คราวนั้น หลวงปู่คำพันธ์กลับเลือกหยิบ"พระนาคปรกอธิษฐาน"นี้ให้ทหารไทยใจหาญเพียง"โดดๆ"องค์เดียว..!!!???
    ไม่มีองค์ที่สองที่สามที่สี่นอกเหนือจากนี้เป็นอันเด็ดขาด
    และแม้แต่"ศิษย์ใกล้ชิด"คนอื่นๆ หลวงปู่ท่านก็มิได้แจกพร่ำเพรื่อแต่อย่างใดทั้งสิ้น
    แต่ท่านจะเลือกให้เฉพาะผู้ที่"นับถือกันจริง"แต่เพียง"สถานเดียว"และเพียง"องค์เดียว"เท่านั้น
    "สงวนรักษา"อย่างยิ่งถึงขนาดนี้จริงๆ......

    และภายหลังจากที่ได้รับคำประกาศิตจากหลวงปู่คำพันธ์มาเช่นนั้น "บอล"จึงได้นำเรื่องนี้มาปรึกษาในการสร้างกับ"พุทธวงศ์" ซึ่งเคยได้กราบไหว้ใกล้ชิดท่านมาบ้าง ทำให้รู้ถึงความเป็น"พระดีพระเก่ง"อย่างครบเครื่องแห่งท่าน จึงยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มใจพร้อมกับได้จินตนาการดำริเสนอไอเดียไปว่า
    "อันหลวงปู่คำพันธ์นี้ ทราบมาว่าท่านมีความเกี่ยวข้องกับพญานาคอย่างยิ่ง (บางท่านว่า ท่านเคยเป็นพญานาคผู้มีศักดิ์ใหญ่และมีฤทธิ์มากมาแต่ชาติปางก่อน) แม้ปฐวีธาตุในสายของท่าน ก็เกี่ยวข้องกับพญานาคอยู่ด้วย จึงเห็นควรที่จะสร้างเป็นพิมพ์นาคปรก เห็นถ้าจะเหมาะจะควรที่สุดเป็นแน่..."

    และยังทราบความเพิ่มเติมมาอีกด้วยว่า พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต(ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร ยังได้เคยกล่าวพยากรณ์เรื่องราวบางประการไว้กับผู้ใกล้ชิดเมื่อครั้งกระนั้น แต่มีเนื้อความที่มาสอดคล้องเกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่คำพันธ์อย่างพอดีน่าอัศจรรย์ยิ่งอีกด้วยว่า
    "พระรูปเหมือนใบโพธิ์อันโด่งดังของท่านนั้น ต่อไปจะมีพระเกจิคณาจารย์สร้างตามแบบอย่างกันมากมาย แต่จะไม่มีชื่อเสียงเทียบเท่า ยกเว้นจะมีพระทางภาคอีสานองค์หนึ่ง และพระองค์นั้นจะต้องเสกปฐวีธาตุได้ด้วยฯ"
    ด้วยเหตุดังกล่าวแม้นี้ พระนาคปรกที่จะทำ ก็ควรที่จะสร้างเป็นพิมพ์"ใบโพธิ์"ด้วย จึงจะสอดคล้องต้องกับคำพยากรณ์ของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯเมื่อครั้งกระนั้นไม่ผิดคำอย่างแท้ทีเดียว......

    อาจเป็นเพราะได้กระทำการอันคล้อยตามกับ"มติสวรรค์" ตามสุภาษิตจีนบทหนึ่งที่ว่า "คล้อยฟ้าดินรุ่ง ขืนฟ้าดินดับ"เช่นนี้ ผลลัพท์จึงออกมา"เกินควรเกินค่า"กับความที่เป็น"พระเด็กสร้าง" จนที่สุด ได้กลายเป็นของดีที่พระอริยสงฆ์ระดับหลวงปู่คำพันธ์"เมตตาโปรดปราน"และสงวนเก็บรักษาหวงแหนใส่ใจเป็นกรณีพิเศษตราบจนมรณภาพ ละม้ายแม้นกับกรณีของ"เหรียญเมตตาหลวงปู่สิม" ที่ก่อน" นิพพาน"ไม่เท่าไร หลวงปู่สิมก็ยังปรารภถึงด้วยความพึงใจอยู่ แทบไม่มีข้อแตกต่างกันเลยแม้เพียงนิดเดียว....

    อนึ่ง ยิ่งหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่ยังได้เคยกล่าวชมเชยหลวงปู่คำพันธ์กับคุณสุธันย์ สุนทรเสวี นักสร้างพระมือดีแห่งสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสงครามมาแต่ครั้งกระโน้นอีกด้วยว่า "หลวงปู่คำพันธ์ที่นครพนมนั้น เก่งเรื่องธาตุน๊ะ"ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นการันตีรับรองความ"เก่งแท้แน่จริง" แห่งหลวงปู่คำพันธ์ให้เป็นที่แจ้งประจักษ์อย่างสิ้นสงสัย
    เพราะรู้อยู่แก่ใจดีว่า ย่อมเป็นการที่ยากยิ่งนักที่หลวงปู่สิมจักกล่าวยกย่องสรรเสริญหรือชมเชยผู้ใดหรือพระไหนได้ง่ายๆ หากไม่"สุดยอด"อย่างแท้จริง จริงๆ
    แต่หากลองได้"ออกปาก"รับรองแม้เพียงคำครึ่งคำ ประโยคครึ่งประโยคแล้วไซร้ ก็ไม่มีใดต้องสงสัยตลอดชั่วกัปกัลป์เลยนั่นเทียว....
    ซึ่งก็ทำให้"พุทธวงศ์"พลอยได้ซึมซาบและติดอุปนิสัย"เอาแต่ของดีจริงถึงดีที่สุดเพียงสถานเดียว"ของหลวงปู่สิมมาอย่างสนิทจนแก้ไม่ออก ลบไม่หายตราบเท่าถึงวินาทีนี้ด้วยเช่นกัน


    แต่แม้กระนั้น ก็ไม่เคยนึกเคยฝันมาก่อนเลยว่า ในกาลต่อมา จะได้มีวาสนามีส่วนในการสร้าง"พระนาคปรกอธิษฐาน" ในรูปแบบและเนื้อหาที่"ลงตัว"ด้วยเหตุทุกสถาน อันเป็นการสืบสานคำพยากรณ์"เจ้าคุณนรรัตน์" ผนวกกับคำการันตีจาก"หลวงปู่สิม" กับรุ่นน้องร่วมอุดมการณ์ถวายหลวงปู่คำพันธ์อย่างถึงที่สุดเห็นปานนี้ได้....
    "นึกไม่ถึง"มาก่อนเลยจริงๆ............

    และต่อไปนี้ คือ"ลำดับผลการดำเนินงาน"แห่ง "พระนาคปรกอธิษฐาน" ของ"บอล" ที่ได้ทำรายงานมานำเสนอ จึงขอนำมาโพสต์ไว้เป็นจดหมายเหตุหลักฐานสืบไปเมื่อหน้าต่อไปเลยทีเดียว...
    "....ต่อไปนี้ เป็นการโม้ส่วนตัว สำหรับพระ Perfect ชุดนี้ ซึ่งมีองค์ประกอบที่ทำให้พระชุดนี้ Perfect ก็คือ
    1.เป็นรุ่นที่หลวงปู่คำพันธ์เมตตาสั่งให้ทำเอง
    2.เป็นรุ่นที่ใช้ปฐวีธาตุผสมมากสุดๆ (ปฐวีธาตุเกือบ 4 กิโลกรัม(4,000 กรัม)ต่อพระขนาดปลายนิ้วก้อยเพียง 5,000 องค์)
    3.เป็นรุ่นที่รวมพลังกันนิวเคลียร์ไว้ถึง 3 ประการ คือ
    3.1 , ปฐวีธาตุ หลวงปู่คำพันธ์
    3.2 , พระหลวงปู่ทวด พิธีเปิดโลกชำรุดถึง 20 องค์(บดใส่เฉพาะพระนาคปรกอธิษฐานเนื้อดำ)
    3.3 , ด้านหลังประจุยันต์พุทธคาถาจากพุทธทำนายของหลวงปู่คำพันธ์เอง
    4. เป็นรุ่นที่ใช้เนื้อพิเศษมากๆ โดยเฉพาะชุดเนื้อดำ ได้ผสมพระสมเด็จหลวงปู่นาค วัดระฆัง(มีผงเก่าของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต เจ้าตำรับชินบัญชรคาถาแห่งกรุงรัตนโกสินทร์) อยู่เป็นอันมาก
    5.เจตนาการสร้างบริสุทธิ์ เพื่อแจกเท่านั้น ทั้งยังได้แยกบล็อคออกจากกันมิให้ทำซ้ำได้อีก โดยบล็อคด้านหลังได้นำถวายให้หลวงปู่คำพันธ์ท่านเก็บรักษาไว้ด้วย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
    6.องค์เสกเป็นผู้ทรงทั้งวิชาและวิมุติ แถมยังเก่งเรื่องธาตุเป็นพิเศษ การทำให้พลังจากผงปฐวีธาตุที่บดสร้างกระจายไปทั่วและโดดเด่นออกมาได้ จึงไม่น่าจะใช่เรื่องยาก ยิ่งท่านมีเวลาเสกนานถึง 3 เดือน จึงไม่ต้องบรรยาย
    7.เป็นรุ่นที่หลวงปู่ท่านเมตตาสั่งเองให้เก็บไว้กับท่าน 1 ไตรมาสก่อน
    8.สำหรับเนื้อที่กดกันเอง(สีดำ) ใช้น้ำมนต์หลวงตามหาบัวเพียวๆในการนวดเนื้อ
    9. ฯลฯ

    สำหรับ Ball จึงถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงสุดๆที่ทำมา สำหรับ Ball เองไม่ได้รู้จักหลวงปู่คำพันธ์เป็นการส่วนตัว แม้ปัจจุบัน(พ.ศ. 2542) ท่านก็ยังจำหน้า Ball ไม่ได้เลย นับเป็นโชคอย่างยิ่งที่หลวงปู่คำพันธ์ท่านเมตตาให้ได้ทำบุญใหญ่เช่นนี้
    และต้องขอขอบพระคุณพี่เนาว์ที่เมตตาเป็นธุระในการดำเนินงานหลายอย่าง รวมถึงร่วมบุญในครั้งนี้ด้วย ขออนุโมทนาครับ......."

    หมายเหตุ , มีผู้ฝึกสมาธิท่านหนึ่ง ซึ่งคุ้นเคยกันมานานได้ลองตรวจพุทธคุณของพระนาคปรกอธิษฐานรุ่นนี้ดู ปรากฏผลเป็นที่น่าสนใจมาก จึงเห็นควรนำมาเสนอเพื่อเป็นเครื่องเจริญศรัทธาแก่ผู้ที่มีวาสนาได้ไว้สักการะบูชาสืบไป.....
    "พระนาคปรกอธิษฐานนี้ สัมผัสครั้งแรก จะรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความร้อนฝ่ายอิทธิฤทธิ์แผ่ซ่านออกมาก่อนเลย แต่พอยิ่งเข้าสมาธิลึกเข้าๆ ก็จะปรากฏกระแสเย็นปรากฏขึ้นมาแทน จึงอาจที่จะกล่าวได้ว่า พระองค์นี้ ถึงพร้อมด้วยอิทธิฤทธิ์และบุญญฤทธิ์ครบถ้วน...!!!!"
    "และในนิมิต ยังพบด้วยว่า ในพระนาคปรกอธิษฐานองค์นี้ จะได้มีพญานาคเพียงตัวเดียวหรือจำพวกเดียวก็หามิได้ แต่มีพญานาคหลายจำพวกด้วยกันเข้ามาอยู่รวมกันเต็มไปหมด เท่าที่เห็นก็มีพญานาคสีทอง,สีเขียว,สีนิล,สีน้ำเงิน เลื้อยเข้ามาพันไปหมดทั้งตัว พลังนี้ซ่านขึ้นหัวไปเลย...!!!"

    "นอกจากนี้ ยังเห็นกระแสพลังใสสว่างอย่างไม่มีประมาณ 2 สายวิ่งเข้ามาเชื่อมถึงกัน ก่อนจะม้วนตัวเวียนขวาเป็นทักษิณาวัตร แล้วเปลี่ยนสภาพเป็นดวงใสสว่าง และพลังแห่งพุทธะก็ได้แสดงออกมาในรูปของพระพุทธรูปแก้วใสผุดขึ้นมาจากดวงใสนั้นอีกทีหนึ่ง...

    ได้ทราบมาว่า "ปฐวีธาตุ"ปกติเพียงหนึ่ง จะมี"พญานาค"ประจำอยู่แบบ"1 By 1" ก็ยังมีอิทธานุภาพใหญ่ยิ่งดังกล่าวข้างต้นเห็นปานนี้
    ก็แล้ว"พระนาคปรกอธิษฐาน" ซึ่งตรวจพบว่า ไม่ใช่เพียงหนึ่ง แต่มีพญานาคอยู่ถึง 4 ตระกูลใหญ่ จำนวนนับไม่ได้ปรากฏอยู่ภายในดังกล่าวข้างต้น จะทรงกฤษฏาภินิหารสักเพียงไหน คงไม่จำต้องอธิบาย
    นี้จึงเป็นการเฉลยความลับสวรรค์ที่หลายๆคนหลายๆท่านข้องใจสงสัยกันมานานว่า ทำไมหลวงปู่คำพันธ์จึง"สงวนรักษา"ในพระนาคปรกอธิษฐานที่ภาพลักษณ์ภายนอกเป็นเพียงพระ"เด็กสร้าง"ชุดนี้อย่างผิดปกติธรรมดา ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยนำมาแจกเป็นของขวัญในงานรับปริญญาเป็นกำๆยังกับของโหลของสนามนับเป็นร้อยๆ ทำเอา"นายพล"ท่านหนึ่ง เมื่อได้มาเห็นเข้าถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด เพราะขนาดตัวท่านเองเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ หลวงปู่คำพันธ์ยังให้มาแค่"องค์เดียว"เท่านั้นเห็นเพียงนี้ได้.....

    "พญานาค" เป็นราชาแห่งงู จัดเป็นสัตว์ในวรรณคดีด้วย และไม่สามารถบรรลุธรรมได้ แต่ก็จัดอยู่ฝ่ายสุคติภูมิ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา แบ่งออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ
    1.ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง
    2.ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว
    3.ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง
    4.ตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ

    พญานาคเกิดได้ทั้ง 4 แบบ คือ แบบโอปปาติกะเกิดแล้วโตทันที แบบสังเสทชะ เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม แบบชลาพุชะเกิดจากครรภ์ แบบอัณฑชะเกิดจากฟองไข่ พญานาคชั้นสูงเกิดแบบโอปปาติกะ เป็นชนชั้นปกครอง ที่อยู่ของพญานาคมีตั้งแต่ในแม่น้ำ หนอง คลอง บึงต่างๆ ในอากาศ จนไปถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พวกพญานาคอยู่ ในการปกครองของท้าววิรูปักษ์ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศตะวันตก
    เหตุที่มาเกิดเป็นพญานาคเพราะทำบุญเจือด้วยราคะ

    หมายเหตุ 2, พระนาคปรกอธิษฐานที่ทำการตรวจพุทธคุณในครั้งนี้ เป็น"เนื้อธรรมดาสีนวล"เท่านั้น
    หมายเหตุ 3 ,แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ในความแม่นยำในการตรวจพลังในคราวนี้ ก็อยู่ตรงที่พระองค์ที่ว่านี้ ได้มีการตรวจพบแต่เบื้องแรกว่า มี"พลังงานพิเศษ"บางอย่าง มีลักษณะเป็นดวงสว่างแทรกอยู่ด้วยอย่างน่าประหลาดใจ
    เป็นพลังอะไรที่"ไม่เหมือน"กับพลังของหลวงปู่คำพันธ์ แต่ใสสว่างใกล้เคียงกันอย่างน่าอัศจรรย์
    เมื่อได้ฟัง "พุทธวงศ์"ก็ได้แต่อมยิ้มแก้มแทบปริ ก่อนที่จะเฉลย"ความลับ"ประการหนึ่งให้ฟังทันทีว่า ก่อนที่จะนำพระนาคปรกอธิษฐานองค์นี้มาตรวจเพียงหนึ่งวัน "พุทธวงศ์"ได้ตั้งใจที่จะนำไปถวาย"พระ"องค์หนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากเรื่องการ"ดูจิต" (ขอสงวนนามไว้ในฐานที่เข้าใจ) ซึ่งเคยทราบว่า ท่านเคยไปกราบและเรียนกรรมฐานจากหลวงปู่คำพันธ์มาแต่ก่อนเป็นอนุสรณ์
    ขณะที่ได้พบกับพระสายดูจิตองค์นั้นนั่นเอง โดยในมือพนมไหว้นั้นมี "พระนาคปรกอธิษฐาน"อยู่ภายใน พระสายดูจิตองค์นั้นเมื่อเดินผ่านมา ก็เอื้อมมือมาจับมับเข้าที่ข้อมือของ"พุทธวงศ์"ทันที เป็นนัยให้ตามท่านเข้าไปสอบถามเรื่องธรรมะเป็นการเฉพาะอย่างไม่นึกฝันมาก่อน
    นี้จึงเป็นเหตุให้ตัดสินใจไม่ถวายพระนาคปรกอธิษฐานองค์"ในมือ"นี้เสียดื้อๆอย่างนั้นนั่นแหละ
    เพราะถือว่าเป็นกรณีพิเศษว่า ลำพังคนทั่วไปจะมีโอกาสได้คุยกับ"หลวงพ่อดูจิต"องค์นี้เพียงคำครึ่งคำก็แสนยาก
    แต่นี้ท่านคว้าข้อมือไปคุยเป็นการส่วนตัวแบบนี้ ก็นับเป็นวาสนาอย่างสุดๆไปถึงเพียงไหน คงไม่ต้องอธิบาย
    พูดอย่างติดตลกได้ก็คือ วันนั้นทั้งวัน แทบไม่อยากจะอาบน้ำล้างไม้ล้างมือเลยทีเดียว!?!?

    ประมาณว่า กลัว

    "ละอองมือ"แห่งท่านจะหายไปจากตัวนั่นแล

    แต่จุดหลักใหญ่ใจความที่จะหมายจะเล่าในที่นี้ ก็คือว่า ชั่วเสี้ยววินาทีที่"หลวงพ่อดูจิต"จับข้อมือของ"พุทธวงศ์"เพียงแว่บเดียว กระแสพลังแห่ง"ปราณ"และ"ธาตุรู้"อันเข้มแข็งแห่งท่านยังสามารถไหลแทรกเข้าไปปรากฏใน"พระนาคปรกอธิษฐาน"จนมีการตรวจพบเป็น"พลังงานพิเศษ"ทั้งๆที่มิได้มีการบอกกล่าวมาก่อนได้อย่างไม่ผิดพลาด เห็นปานนี้
    ก็แล้ว "พญานาค"ถึง "4 ตระกูลใหญ่" จำนวนนับไม่ได้ ซึ่งเป็น"พลังงานหลัก"ของพระนาคปรกอธิษฐานที่หลวงปู่คำพันธ์ได้บรรจงเสกประจุนานถึงไตรมาส 3 เดือนที่ปรากฏในสมาธิ จะผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปได้ไฉน ก็ขอท่านทั้งหลายได้โปรดใช้วิจารณญาณวินิจฉัยกันเอาเองเทอญฯ

    เครดิตข้อมูล : "เนาว์สถิตย์"


    = 2700 Baht
     

แชร์หน้านี้

Loading...