กระทู้บันทึกเหตุการณ์บางอย่าง

ตอนเข้าป่าออกป่าพระพิสิฏฐ์ต้องใช้ความสามารถในการขับรถโฟร์วีล ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น หากในรถไม่มีคนมีความสามารถขับโฟร์วีลได้ดี พระพิสิฏฐ์ขับได้ก็ควรให้เป็นผู้ขับ หลังจากนั้น พระพิสิฏฐ์ให้บอยขับรถไปเพื่อให้ไปพบหมอดูผู้หญิงคนหนึ่ง บอกว่าไปดูคนที่เขียนหนังสืออักษรแปลก ๆ ได้ ระหว่างทางต้องผ่านวัดถ้ำขุนศึก พระวนินทายบอกว่า จะไม่เห็นแท๊งน้ำสแตนเลสนะ เพราะเงินค่าแท๊งน้ำท่านใช้อย่างอื่นไปแล้ว ผมเตรียมใจที่จะไม่เห็นแท๊งตั้งแต่เมื่อพระวนินทายพูดเมื่อวานแล้ว เมื่อไปถึงได้พบหมอดูแม่เฒ่า หมอดูบอกว่า เขียนภาษาเขมร ซึ่งก็พอเห็นได้ว่า พระพิสิฏฐ์พยายามเฉไฉออกไปว่า ภาษาเขียนแปลก ๆ ซึ่งความสามารถของท่านนั้น การพูดตรง ๆ ว่าภาษาเขมรนั้น ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย แต่พยายามจะให้เข้าใจว่า พิเศษกว่า

 

ขากลับจากหมอดูแม่เฒ่าเข้าแวะถ้ำขุนศึก ไม่มีแท๊งน้ำสแตนเลสอย่าที่พระวนินทายเตือนให้ผมรู้ล่วงหน้า ผมรู้สึกเสียใจพอสมควร แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่แอบโทรบอกเจ้าภาพซึ่งท่านรับรู้เรื่องราวแล้ว

หลังจากกลับจากเนินมะปราง พิษณุโลกก็กลับมาสู่ที่พักคือบ้านโยมแม่ของพระวนินทาย พระวนินทายก็ชี้ให้ดูเช่นเดิมอีก ซึ่งผมก็แปลกใจว่า ทีมเดียวกันหรือเปล่า ทำไมต้องพยายามทำให้เกลียดชังกันด้วยการเล่าเรื่องเลวร้ายของพระหลอดให้ผมฟังตลอด ทั้ง ๆ ที่ผมเองกลับไม่เอาเรื่องที่พระหลอดเอาผมไปหมื่นบาทแล้วทำกับผมอย่างกับผมติดหนี้ท่าน ผมเองยังไม่เอาเรื่องอะไรพระหลอดเลยด้วยซ้ำ

ผมบอกพระวนินทายว่า พรุ่งนี้ผมอยากไปชมวัดชัยภูมิการาม ไปพบพระที่ทำฟันปลอมทั้งปากทั้ง 2 รูป และไปวัดย่านยาวเพื่อเยี่ยมพระหลอด พระวนินทายบอกว่า ไม่รู้ว่าจะมีโปรแกรมในวันพรุ่งนี้ยังไง พระพิสิฏฐ์อาจโทรเข้ามาเช้าตรู่ เราต้องแล้วแต่ท่าน

และก็จริง ๆ เช้าตรู่วันที่ 4 ธ.ค. 2553 พระพิสิฏฐ์โทรเข้ามาที่พระวนินทายบอกว่า จะไปขอนแก่น เช้าไปทานข้าวบ้านคนในเมืองพิษณุโลกก่อน พอเช้าพระวนินทายขับรถพาผมเข้าเมืองพิษณุโลก พระพิสิฏฐ์ให้บอยขับรถเข้าไปพบที่บ้านที่จะเลี้ยงพระ หลังฉันเสร็จ เราจัดรถเป็น 2 คัน คันหนึ่งเป็นรถเก๋งของสาวน้อยหน้าใสวัย 20 ต้น ๆ มีคนนั่งในรถเป็นหญิงล้วน แต่หญิงอีก 2-3 คนที่นั่งหลังล้วนมีอายุ พระพิสิฏฐ์นั่งหน้า ในตอนนั้นเองผมคิดว่า ทำไมพระพิสิฏฐ์ไม่มานั่งอีกคันซึ่งแทบจะผู้ชายล้วน หรือทำไมพระวนินทายไม่จัดส่งคนผู้ชายไปนั่งรถคันนั้นสักคนเพื่อให้ถูกต้องตามหลักพระวินัย ผมได้ถามพระวนินทายขณะนั้นเลย พระวนินทายบอกไม่ต้อง ไม่เป็นไรหรอก ผมก็เริ่มเอะใจขึ้นบ้างแล้ว ว่า เราจะเดินทางไปขอนแก่น เป็นการเดินทางไกล การที่พระเป็นผู้ชายคนเดียวในรถเก๋งกับหญิงสาวหน้าตาดีอายุ 20 ต้นนี้ น่าจะเป็นการดูไม่ดีและผิดพระธรรมวินัยด้วย แต่ก็ไม่มีใครสนใจแม้ผมจะถามเตือนแล้วก็ตาม

เมื่อไปถึงขอนแก่นเพื่อพบคนทรงเจ้าดารารัศมี ตอนนั้นพระพิสิฏฐ์ให้ไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวก่อนที่หนึ่ง ในระหว่างนั้นมีคนที่เดินทางไปด้วย เป็นคุณครูผู้หญิงคนหนึ่งในพิษณุโลกสามารถพูดภาษาแปลก ๆ กับร่างทรงได้ ทำให้ดูมีความน่าเชื่อถืออะไรมากขึ้น หลังจากนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้านคนทรง ก็เริ่มแสดงกัน คนทรงพูดหลายสิ่งหลายอย่างที่จะยืนยันว่า พระพิสิฏฐ์เป็น ร. 5 และพระวนินทายเป็นเสด็จพี่ กลับชาติมาเกิด ส่วนผมเป็นพระเจ้าบุเรงนองกลับชาติมาเกิด ตอนออกจากบ้านคนทรงได้ไม่กี่ก้าว พระพิสิฏฐ์บอกผมว่า ฉันคือบุเรงนองกลับชาติมาเกิด บุเรงนองคือฉัน แล้วฉันนี่คือพระนเรศวรมหาราช เป็นพระเจ้าตากสิน เป็น ร. 5 เป็นอะไรต่อมิอะไรและเป็นพระศรีอริยเมตตรัยตัวจริง ไม่ใช่ไปรับญาณใครมา ผมรู้ได้ทันทีแต่ยังไม่อยากขัดคอใคร พระเจ้าบุเรงนองกับพระนเรศวรจะเป็นคนเดียวกันได้ยังไง ในเมื่อพระเจ้าบุเรงนองจับตัวพระนเรศวรไปเลี้ยงไว้พม่า แล้วจะคนเดียวกันได้ยังไง

 

เช้าวันที่ 5 ธ.ค. 2553 พระพิสิฏฐ์ วัดถ้ำขุนศึกพระวนินทายผมและคนขับรถบอย บอยขับรถไปลำปางเพื่อพบใครคนหนึ่งเป็นผู้หญิงที่สามารถพูดภาษาแปลก ๆ ได้ เมื่อถึงลำปางก็พบผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นได้พูดภาษาแปลก ๆ ฝ่ายเดียวต่อหน้าพระพิสิฏฐ์ ในขณะนั้นผู้หญิงคนนั้นถือพระขรรค์เล่มหนึ่งที่พระพิสิฏฐ์นำไปขายให้เล่มละ 30,000.- บาทหรือกว่านั้นผมไม่ทราบ เพราะพระวนินทายบอกผมว่า ขายเล่มละ 30,000.- บาทอัพ แต่ผมไม่เห็นการจ่ายเงินหรือการพูดคุยราคา เอาไป 3 เล่มให้เลือก 1 เล่ม แต่ความจริงมี 4 เล่ม ผู้หญิงคนนั้นเลือกได้แล้ว ยกพระขรรค์ขึ้นจึงพูดภาษาแปลก ๆ ขณะนั้นโดยเป็นการพูดฝ่ายเดียว

หลังจากนั้น พระพิสิฏฐ์ให้พาไปลำพูนเพื่อพบผู้หญิงอีกคนหนึ่ง บอกว่า 2 คนนี้เมื่อพบกันจะพูดภาษาแปลก ๆ ได้โดยไม่ต้องเข้าทรง แต่เมื่อพบกันไม่เห็นทั้ง 2 คุยภาษาแปลก ๆ อะไรกัน มีการพาไปดูสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นที่ฝังคนระดับเชื้อพระวงศ์ทั้งที่ลำพูนและเชียงใหม่ โดยเมื่อไปถึงมีการพยายามทำให้เข้าใจว่า นี่คือสถานที่ฝังศพในอดีตชาติของพระพิสิฏฐ์ ก็คือมีความพยายามชวนเชื่อว่า เคยเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดินไทยมาก่อนหลายพระองค์

 

วันที่ 6 ธ.ค. 2553 พระวนินทายพาผมไปแวะวัดชัยภูมิการามเพื่อพระวนินทายจะไปหยิบของบางอย่างแล้วจะรีบไป ผมไม่ได้พบใครเลยที่วัดชัยภูมิการาม เพราะจริง ๆ แล้วผมต้องการพบพระ 2 รูปที่พระวนินทายรับเงินพระอาพาธไปเฉพาะ 2 รายนี้ 9,000.- บาทเพื่อให้ทำฟันปลอมทั้งปาก กับรับเงินทำเลนส์ค่าตัดเลนส์สายตาอีกประมาณ 3 พันกว่าบาท บอกว่าเป็นของเจ้าอาวาสวัดชัยภูมิการาม ส่วนกรอบแว่นนั้น ผมถวายกรอบแว่นไททาเนี่ยมราคาหมื่นบาทเศษไปก่อนหน้านั้นแล้ว จะมาดูว่าตัดเลนส์และทำฟันเป็นอย่างไร เพราะพระวนินทายไม่ได้ส่งรูปฟันปลอมชุดใหม่ให้ดูทั้ง 2 และเลนส์ก็เช่นกัน ผมจึงต้องการมาดูด้วยตนเองด้วย แต่ไม่พบใครทั้งสิ้น พระวนินทายบอกไม่มีใครอยู่สักคนนอกจากชาวบ้านคนนึงกวาดลานข้าวอยู่

จากนั้นไปวัดย่านยาว พระวนินทายเล่าและชี้ให้ดูกุฏิของพระหลอดซึ่งอยู่หลังรั้วกำแพงวัด ห่างจากรูปปั้นองคุลีมารไม่มากนัก และยังเล่าอะไรให้ฟัง ชี้กุฏิพระคู่อริของพระหลอด ชี้บ้านคนที่เป็นศัตรูกับพระหลอด ชี้คนที่เป็นศัตรูกับพระหลอดทั้ง ๆ ที่อยู่วัดเดียวกันและอยู่หน้าวัดเท่านั้นเอง

ยังเล่าให้ผมฟังอีกว่า มีเจ้าของกิจการโรงสีหรืออะไรสักอย่างที่มาถมดินทำถนนให้วัดชัยภูมิการามฟรี แต่ไม่ทราบว่า ค่ารถฟรี ค่าดินและค่าน้ำมันฟรีหรือเปล่า ผมจำไม่ได้แล้ว และเล่าให้ฟังว่า วัดงานกฐินที่รวบรวมเงินจากกระทู้ซื้อที่ดินตัดถนนวัดชัยภูมิการามนั้น มีคนในเวปคนนึง หอบเงินสดมาจากคนของเขาถวายทำถนนด้วยอีก 150,000.- บาท

หลังจากนั้น พาผมไปวัดถ้ำพระ วังทอง พิษณุโลกเพื่อไปปลีกวิเวกโดยไปแวะที่วัดบึงช้างก่อน ไปรับพระมุกดา เจ้าอาวาสวัดบึงช้างเพื่อไปปักกลดอยู่คู่กับผม เมื่อไปถึงวัดถ้ำพระแนะนำผมกับพระมุกดาให้รู้จักพระ ท. พระ น. และพระ พ. แล้ว บอกวัตถุประสงค์ที่ผมมาปลีกวิเวก และให้รู้จักบุคคลกับสถานที่ไว้ก่อน เมื่อกลับไปแล้วจะได้บอกบุญตั้งกระทู้เพื่อหาเงินสร้างสิ่งก่อสร้างให้วัดถ้ำพระต่อไป พระวนินทายกลับไป พระ ท. ให้ผมนอนที่กุฏิของท่านหรือกุฏิพระลูกวัด ผมขอท่านปักกลด

 

ผมเดินจงกรมแทบทั้งคืน พระมุกดาบอกว่า ผมเดินจงกรมคืนแรกรอบละเกือบครึ่งชั่วโมง ทั้งคืนเดิน 4 รอบ ส่วนคืนที่ 2 และ 3 ลดน้อยลง<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- attachments -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>

 

หลังจากอยู่วัดถ้ำพระได้ 3 วันหรือ 4 วัน ผมรับรู้ว่า พระที่วัดถ้ำพระนั้นไม่ถูกจริตกับผม คือ พระ น. พูดแต่เรื่องในอดีตเด็กสาววัย 14 บ้าง 20 บ้าง 20 เศษบ้าง 28 บ้าง มาขอท่านทำสามีในขณะนั้นที่ท่านบวชแล้ว และเรื่องลามกอีกหลายเรื่อง รวมทั้งต้องการให้ผมกินยาของท่าน บอกว่ากินแล้วอวัยวะเพศจะแข็งตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงตี 5 แข็งชนิดกดหัวไม่ลง

ส่วนพระ ท. วันสุดท้ายกินข้าวเสร็จก็ทิ้งจานข้าว นอนคว่ำบนเตียง เปิดวิทยุดังลั่นเสียงเพลงกระหึ่มตั้งแต่ 08.30 น. ถึงเกือบ 10.00 น. และเรื่องอื่น ๆ อีกมาก

พระ พ. ก็พูดถึงอดีตว่า เคยยิงคนตายและอะไรต่อมิอะไร

ส่วนชาวบ้านทั้งด้านหน้าและด้านบนเขาก็มาฟ้องผมเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของพระทั้งวัดนี้ ยกเว้นสามเณร ( หลวงพ่อเณร ) แต่ผมก็ไม่เชื่อใครในเรื่องการฟ้อง ผมเชื่อเฉพาะเรื่องที่ผมเห็นมากับตา ได้ยินมากับหู ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงกรุงเทพ ผมโทรบอกพระวนินทายว่า ผมจะไม่เขียนบอกบุญให้วัดถ้ำพระ เนื่องจากผมไม่ศรัทธา พระวนินทายพยายามพูดหลอกล่อว่า อย่าไปเชื่อชาวบ้าน อย่าไปเชื่อคำเล่าลือ ผมก็บอกว่า ผมเห็นกับตาได้ยินกับหู ไม่ต้องเชื่อใคร พระวนินทายก็ไปขอให้พระมุกดาโทรมาหาผมอีก ขอให้ผมอย่าเชื่อชาวบ้าน ผมก็บอกอีกว่า ผมเชื่อตาตัวเองและหูตัวเอง สิ่งที่ชาวบ้านพูดนั้น ผมยังไม่เห็น แต่ที่เห็นและได้ยินคือสิ่งที่ผมรับไม่ได้ แม้กระทั่งคาถาที่พระ น. ให้ผมก็มีแต่คำลามกจกเปรต แต่พระวนินทายก็ยังพยายามอีก ผมจึงคิดว่า หากพระวนินทายคบกับพระแบบนี้ แล้วบอกว่าพระแบบนี้เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โดยพระวนินทายเลือกเชื่อว่า พระที่นี่ดี ผมคงถอนตัว<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->

 

ที่จริงแล้วตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพ ผมก็ถอนตัวอยู่แล้ว เพียงแต่จะเลิกคบพระวนินทายไปด้วยเลย กะจะไม่รับสายท่าน แต่ผมคิดถึงพระหลอดว่า การไม่รับสายนี่เป็นมารยาทที่ไม่ดี ผมจะทำอย่างนั้นไม่ได้ จึงยังรับสายท่านอยู่

ผมปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อนบางท่านในเวป เพื่อนบอกว่า ให้เงียบไปดีกว่า ใครจะทำยังไงก็ช่างเขา ใครทำใครได้ ทำยังไงได้อย่างนั้น แต่ผมเห็นว่า ผมควรมีส่วนรับผิดชอบที่ถูกพระวนินทายหลอกใช้เป็นเครื่องมือหาเงินให้หลายกระทู้และได้เงินไปแล้วมากมาย มีความจำเป็นที่ผมจะต้องเตือน แต่ยังหาวิธีและเวลาไม่ได้ ในที่สุดกระทู้ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อพระศรีอริยเมตตรัยโย ปางอัญเชิญจุตติ หล่อด้วยเงินแท้นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29/12/53 ผมก็ยังชั่งใจว่า จะปล่อยไปตามเวรตามกรรม แต่เมื่อคิดในแง่บวกอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เราควรเตือนให้ท่านทั้งหมด ทั้งขบวนการ หยุดการกระทำ เพื่อจะได้ไม่ลงลึกและนานไปกว่านี้ จะคิดในแง่ตัวเองรู้แล้วปล่อยให้เขาหลอกคนอื่นต่อไป ผมก็ทำไม่ได้ ในที่สุดจึงเป็นที่มาของการเตือนด้วยภาพแรก ๆ คือภาพองคุลีมารลงในกระทู้ และเป็นที่มาของการเขียนเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบมาถึงขณะนี้ครับ<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->

 

ยังมีอีกหลาย ๆ เรื่อง แต่ผมคงยังจำรายละเอียดไม่ได้ เท่าที่จำได้ขณะนี้ก็ประมาณอย่างนี้

ผมคงให้อภัยต่อพระหลอดพระวนินทายพระพิสิฏฐ์ได้ไม่ยากเย็นเลย ขอให้เพียงหยุดการกระทำที่ไม่ดีเสียแต่ตอนนี้ ความดีเริ่มได้ใหม่เสมอ ผมเชื่อว่าทุกท่านคงให้อภัย<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->

 

ผมมีความเห้นเป็นการส่วนตัวนะครับ
เราต้องช่วยกันดูแล กันพระไม่ดีออกจากระบบ
มิฉะนั้น ศัทธาของญาติโยมต้องสั่นคลอน เป้นแน่แท้
เมื่อศัทธาของญาติโยมสั่นคลอน ใครเล่าจักทำนุบำรุงพระ
พุทธศาสนา บำรุงพระเณร ???
พระพุทธศาสนาดำรง คงอยู่ได้ เพราะ พุทธบริษัททั้ง 4 ร่วมกับดูแลรักษาไว้
ถ้าเป้นข้อเท็จจริงท่านจขก ทำถูกแล้วครับ ยิ่งท่านจขกท เป้นผู้บอกบุญ
แก่ญาติโยมท่านอื่น สมควรแล้วที่จะต้องประกาศให้ผู้นิยมทำกุศลทราบไว้
เป้นการแสดงความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง คนอื่นๆๆจะได้ไม่ตกเป้นเหยี่อ กับพระนอกรีตเหล่านี้อีก ทีมงานเวป ควรหมั่นตรวจสอบด้วยครับ เป้นหน้าที่ท่านโดยตรง
ถ้าเราเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ จะเป้นช่องทางหากินของพวกนี้ได้นะครับ

 

ผมขออนุญาตนำความคิดเห็นส่วนตัวของทั้งสองท่านไปโพสต์ไว้ในกระทู้ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อพระศรีอริยเมตตรัยโย-ปางอัญเชิญจุตติ-หล่อด้วยเงินแท้ เพื่อให้ทั้งสองกระทู้มีข้อความตรงกันด้วยนะครับ เพราะหากวันหนึ่งกระทู้นั้นถูกลบจะได้เหลือกระทู้ที่ผมเป็นเจ้าของกระทู้ไว้เพื่อเป็นหลักฐานต่อไปครับ

 

<TABLE class=tborder id=post4273859 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 09:13 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #70 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->vichai6001<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4273859", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: May 2010
ข้อความ: 14
Groans: 0
Groaned at 1 Time in 1 Post
ได้ให้อนุโมทนา: 14
ได้รับอนุโมทนา 52 ครั้ง ใน 16 โพส
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_4273859 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->ปาราชิก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


<TABLE class=toccolours id=WSerie_Buddhism style="BORDER-RIGHT: #060 1px solid; BORDER-TOP: #060 1px solid; FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 1em 1em; BORDER-LEFT: #060 1px solid; BORDER-BOTTOM: #060 1px solid; TEXT-ALIGN: center" cellSpacing=0 cellPadding=1 width=170><TBODY><TR><TD style="FONT-SIZE: 100%" colSpan=2><SMALL>ส่วนหนึ่งของ</SMALL>
ศาสนาพุทธ

สถานีย่อย
<HR>
ประวัติศาสนาพุทธ
</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 95%; COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #8a9e49" colSpan=2>ศาสดา</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>พระโคตมพุทธเจ้า
(พระพุทธเจ้า)
</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 95%; COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #8a9e49" colSpan=2>จุดมุ่งหมาย</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>นิพพาน</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 95%; COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #8a9e49" colSpan=2>ไตรรัตน์</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>พระพุทธ · พระธรรม · พระสงฆ์
</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 95%; COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #8a9e49" colSpan=2>ความเชื่อและการปฏิบัติ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>ศีล (ศีลห้า) · ธรรม (เบญจธรรม)
สมถะ · วิปัสสนา
บทสวดมนต์และพระคาถา</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 95%; COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #8a9e49" colSpan=2>คัมภีร์และหนังสือ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>พระไตรปิฎก
พระวินัยปิฎก · พระสุตตันตปิฎก · พระอภิธรรมปิฎก</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 95%; COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #8a9e49" colSpan=2>หลักธรรมที่น่าสนใจ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>ไตรลักษณ์
อริยสัจ ๔ · มรรค ๘ · อิทัปปัจจยตา</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 95%; COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #8a9e49" colSpan=2>นิกาย</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>เถรวาท · อาจริยวาท (มหายาน) · วัชรยาน · เซน</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 95%; COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #8a9e49" colSpan=2>สังคมศาสนาพุทธ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%">ปฏิทิน · บุคคล · วันสำคัญ · ศาสนสถาน · วัตถุมงคล</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 95%; COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #8a9e49" colSpan=2>การจาริกแสวงบุญ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%">พุทธสังเวชนียสถาน ·
การแสวงบุญในพุทธภูมิ</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 95%; COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #8a9e49" colSpan=2>ดูเพิ่มเติม</TD></TR><TR><TD style="FONT-SIZE: 90%" colSpan=2>อภิธานศัพท์ศาสนาพุทธ
หมวดหมู่ศาสนาพุทธ</TD></TR></TBODY></TABLE>ปาราชิก คือประเภทของโทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทประเภท ครุกาบัติที่เรียกว่า อาบัติปาราชิก
พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกสี่ข้อใดข้อหนึ่ง แม้จะไม่กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เมื่อความผิดสำเร็จ
ปาราชิก มี 4 ข้อ อยู่ใน ศีล 227 ได้แก่

1. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์)
2. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย)
3. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) หรือแสวงหาศาสตราอันจะนำไปสู่ความตายแก่ร่างกายมนุษย์
4. กล่าวอวดอุตตริมนุสสธัมม์ อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)

<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ผมมีความคิดเห็นเดียวกับคุณglassbuddha2009 และlowprofileครับ เนื่องจากยุคนี้ต้องการคนดีมีศีลธรรมแบบเป็นแบบอย่างกับชาวพุทธทั้งหลาย มากกว่าอยู่นิ่งแล้วถอยห่างเพราะว่าทุกวันนี้ ศาสนาเริ่มเสื่อม เราควรจะมาปกป้องไม่ให้เสื่อมมากกว่านี้ ครับ อนุโมทนาด้วยครับ

 

เป็นกำลังใจให้ท่านจขกท ครับเรื่องอย่างนี้ต้องมีการทำให้กระจ่างชัดไม่อย่างนั้นพวกมารในคราบผ้าเหลืองก็จะได้ใจ สู้ๆครับ

 

.............................................................

 

อ่านจบแล้ว ไม่ทราบจะพูดอย่างไรดี
ทราบแต่ว่าตัวเราต้องทำในสิ่งที่คิดแล้วว่าดีต่อไป
ส่วนคนอื่น เราไปบังคับใครไม่ได้เลย...

 

ขอขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ ที่เสียสละอย่างยิ่งใหญ่ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ด้วยความที่อยากรู้เรื่อง จึงตั้งใจอ่านจนจบ ผมก็ดีใจด้วยนะที่ท่านหลุดกรรม ตรงนั้นมาได้ ถ้าท่านชอบปฎิบัติธรรม(เพราะผมสังเกตุว่าท่านชอบ มีกรด เดินจงกรม)ท่านไปปฎิบัติที่วัดกับอาจาร์ย จรัญ จ.สิงห์บุรี ซิครับ ทุกอย่างฟรีหมด แล้วแต่เราจะร่วมทำบุญกับทางวัดเขาเท่าไหร่ก็ได้ ตามสัทธาหรือไม่มีตังมีแต่ใจและกายก็ได้ พระที่ดีๆไม่เคยบังคับญาติโยมให้ทำบุญเท่าโน้น เท่านี้หลอกครับ ดีกว่าท่านเอาเงินไปให้พระแบบที่ท่านเล่าอีก แถมยังพลาดไปร่วมก่อกรรมกับพระแบบนั้นโดยตัวเองกว่าจะรู้ตัวก็เกือบแย่ แต่ไม่เป็นไรนะครับ ที่ผ่านมาแล้วให้มันแล้วไป แต่ที่ทุกท่านไม่นิ่งดูดายออกมาปกป้องพระศาสนาเท่าที่ทำได้ ผมเห็นด้วยครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ ช่วยๆกันนะครับ แต่ที่ใครพลาดทำบุญกับพระไม่มีไปแล้วก็ถือซะว่า เราทำทานไปนะครับ ไงก็เอาเงินกับคืนมาไม่ได้ ต้องปลงอยู่ดี ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ครับ เด่วเงินที่เสียไปจะไม่ได้อะไรกลับมาเพราะใจของเราทุกข์ในเรื่องเสียรู้ เสียดายเงินที่ทำไป ถือว่าทำทานให้เขาไป จิตใจจะได้สบายนะครับ สวัสดีครับ....

 

ตัวผมเองก็เคยเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กันครับแต่ไม่หนักเท่าท่านเจ้าของกระทู้ ก็เข้าใจความรู้สึกดีครับ

 

เคยเห็นเมื่อตอนเป็นเด็กวัดครับ

สารพัดรูปแบบครับ พระที่สอนระดับ ม.ดังๆก็มีครับ สอนกันอีท่าไหนไม่รู้ ออกจาดวัดเที่ยงคืน กลับตอนตีสี่ เกี่ยวกับเรื่องเงินทำบุญอีกอย่างครับ มีมากเลยแบ่งเปอร์เซ็นกันเลย แต่ทำอะไรไม่ได้ อิทธิพลมาก พวกมาก เลยต้องปล่อยเลยตามเลย ครับ สักวันเวรกรรมตามทันเองครับ วัดเขาถ้ำพระ คือ อยู่ที่จาก ตัว อ. เนินมะปราง ไปเส้นทาง บ้านเขาดิน ลัดไปทะลุบ้านวังดินเหนียวหรือปล่าวครับ วัดจะมี 2 วัด เขาเรียกว่าวัดคนรวย และวัดคนจนครับ จะสุดทางลาดยางพอดีเป๊ะเลยใหมครับ หรือเลยบ้านวังขอนประมาณ 1 กิโลเมตรครับ