วางเฉยครับ เงียบ สงบ มีเมตตา ไม่โกรธไม่ขุ่นเคืองใคร ถ้าในบ้านร้อน เราต้องเย็น ถ้าเราไปทะเลาะ กับพ่อก็เหมือนเพิ่มความร้อนเข้าไปในบ้าน...
ลองไปเสิร์ช วัฏฏังคุลีชาดก ในพระไตรปิฎกก็ไม่พบ เลยสงสัยว่าไปเอามาจากไหน สุดท้ายก็รู้ว่ามาจาก ปัญญาสชาดก...
จริงๆก็ไม่ต้องกินก็ได้นะครับ ถ้าจิตใจผ่องใส มีศีล มีสติตั้งมั่น ร่างกายก็พลอยผ่องใสผิวพรรณก็ผุดผ่องครับ
อุบาสกผู้ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ นอกจากพระรัตนตรัยไม่มีที่พึ่ง(สรณะ)อื่น ถ้าว่าถึงความเคารพ เช่น บิดามารดา พี่ชาย ครูอาจารย์...
เราก็นึกเสียว่าเป็นการเสียภาษีให้กับประเทศชาติ ถือว่าเป็นการทำทานอย่างหนึ่ง ก็ลองพิจารณาดูครับ
เราต้องเย็นครับ เย็นที่สุดเท่าที่จะเย็นได้ ทำใจให้สบาย เพียรละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส ต่อไปครับ
ไม่ต้องดูดีที่สุดนะครับ ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่เรื่องเสื่อมๆ ทำให้จิตใจเศร้าหมองครับ
ผ่านไปแล้วนะครับ ไม่ต้องคิดมาก คราวหน้าก็ไปใส่ตู้รับบริจาคที่วัด เช่นค่าน้ำ ค่าไฟ
ถ้าสมาทานอุโบสถศีลที่มีองค์ 8 ในวันพระ ก็ยังสามารถรักษาไว้ได้ไม่ให้แตกทำลาย ไม่ล่วงศีลที่ตนได้สมาทานไว้แล้ว ก็ไม่มีเรื่องต้องกังวลใจอะไรเลยครับ...
จิต เป็นธาตุรู้ เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ สติ คือ ความตามระลึก ความหวนระลึก สติ กิริยาที่ระลึก ความทรงจำ ความไม่เลื่อนลอย ความไม่ลืม...
พระไตรปิฎก สยามรัฐ มี ๔๕ เล่มครับ ถ้าในพระไตรปิฎก ส่วนที่เป็นพุทธพจน์ ข้อความที่ว่า "จักรวาลอันหนึ่ง โดยยาวและโดยกว้าง ประมาณ 1,203,450 โยชน์"...
ในพระไตรปิฎก สยามรัฐ ไม่น่ามีครับ
เราก็เพียงเข้าใจว่า เพราะมี กิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ เขาจึงได้ประพฤติทุจริตกรรม ทางกาย วาจา ใจ เบียดเบียนตนและผู้อื่น อย่างนี้ๆ...
ยกตัวอย่างคือ พูดปด ผู้รู้ว่าพูดปดเป็นบาป มีผลเป็นทุกข์โทมนัส อีกผู้หนึ่งไม่รู้ว่าการพูดปดเป็นบาป และให้ผลเป็นทุกข์โทมนัส...
ทำกรรมอย่างไรจักดีหรือชั่วก็ตาม ก็ย่อมได้รับผลกรรมของกรรมนั้น ก็เข้าใจตามเป็นจริงครับ
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา