Rajithida ได้ส่งการบ้านที่อ่านใหม่ 3 หัวข้อมาให้แล้วนะคะ

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย Rajithida, 12 สิงหาคม 2009.

แท็ก: แก้ไข
  1. Rajithida

    Rajithida Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +48
    คุณผ่อนคลายและคุณกบคะ..

    ลองฟังดูนะคะ ว่าที่อ่าน 3 หัวข้อนี้ ใช้ได้หรือเปล่า?
    ถ้าใช้ได้ ดิฉันจะได้ส่งเนื้อหาในเล่มที่ 7 ที่ได้อ่านไปบ้างแล้ว
    ทยอยส่งไปให้ฟังอีกครั้งค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ
    รจิธิดา
    ;aa47


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.667636/[/MUSIC]


    <CENTER>ตติยวรรคที่ ๓
    </CENTER><CENTER>ปุคคลสูตรที่ ๑</CENTER> [๓๙๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้-
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในพระเชตวัน อารามของท่าน
    อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ฯ
    ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
    ประทับ ครั้นแล้วทรงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วได้ประทับนั่ง ณ ที่ควร
    ส่วนข้างหนึ่ง ฯ
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท้าวเธอผู้ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า
    ดูกรมหาบพิตร บุคคล ๔ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก บุคคล ๔ จำพวกเป็นไฉน
    บุคคล ๔ จำพวกคือ บุคคลผู้มืดแล้วมืดต่อไปจำพวก ๑ บุคคลผู้มืดแล้วกลับ
    สว่างต่อไปจำพวก ๑ บุคคลผู้สว่างแล้วกลับมืดต่อไปจำพวก ๑ บุคคลผู้สว่างแล้ว
    คงสว่างต่อไปจำพวก ๑ ฯ
    [๓๙๔] ดูกรมหาบพิตร ก็อย่างไร บุคคลชื่อว่ามืดแล้วคงมืดต่อไป
    ดูกรมหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาภายหลังในตระกูลอันต่ำ คือใน
    ตระกูลจัณฑาล ในตระกูลช่างจักสาน ในตระกูลพราน ในตระกูลช่างรถ หรือ
    ในตระกูลคนเทหยากเยื่อ ซึ่งขัดสน มีข้าวน้ำโภชนาหารน้อย มีอาชีพฝืดเคือง
    เป็นตระกูลที่หาอาหารและผ้านุ่งห่มได้โดยยาก และเขาเป็นคนที่มีผิวพรรณทราม
    ไม่น่าดูไม่น่าชม เป็นคนเล็กแคระ มีอาพาธมาก เป็นคนเสียจักษุ เป็นง่อย
    เป็นคนกระจอกหรือเป็นเปลี้ย <SUP>๑-</SUP> มักหาข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ยวดยาน ดอกไม้
    ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย เครื่องประทีปไม่ใคร่ได้ เขาซ้ำ
    ประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นเขาประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว
    <SMALL>@๑. คนกระจอก คือเดินขาเขยก ฯ คนเปลี้ย คือเป็นอัมพาต ตายแถบหนึ่ง</SMALL>
    ครั้นตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ดูกรมหาบพิตร บุรุษพึงไป
    จากความมืดทึบสู่ความมืดทึบ หรือพึงไปจากความมืดมัวสู่ความมืดมัว หรือพึง
    ไปจากโลหิตอันมีมลทินสู่โลหิตอันมีมลทิน ฉันใด ดูกรมหาบพิตร ตถาคตกล่าว
    ว่าบุคคลนี้ มีอุปไมยฉันนั้น ดูกรมหาบพิตร อย่างนี้แล บุคคลชื่อว่าเป็นผู้มืดแล้ว
    คงมืดต่อไป ฯ
    [๓๙๕] ดูกรมหาบพิตร ก็อย่างไร บุคคลชื่อว่าเป็นผู้มืดแล้วกลับสว่าง
    ต่อไป ดูกรมหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนเกิดมาภายหลังในตระกูล
    อันต่ำทราม คือในตระกูลจัณฑาล ในตระกูลช่างจักสาน ในตระกูลพราน ใน
    ตระกูลช่างรถ หรือในตระกูลคนเทหยากเยื่อ ขัดสน มีข้าวน้ำโภชนาหารน้อย
    มีอาชีพฝืดเคือง เป็นตระกูลที่หาอาหารและผ้านุ่งห่มได้โดยยาก และเขาเป็นคน
    มีผิวพรรณทราม ไม่น่าดูไม่น่าชม เป็นคนเล็กแคระ เป็นคนมีอาพาธมาก เป็น
    คนเสียจักษุ เป็นคนง่อย เป็นคนกระจอก หรือเป็นคนเปลี้ย มักหาข้าว น้ำ
    ผ้า ยวดยาน ดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และเครื่อง
    ประทีปไม่ใคร่ได้ แม้กระนั้น เขาก็ประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นเขา
    ประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว ครั้นตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
    ดูกรมหาบพิตร บุรุษพึงขึ้นจากแผ่นดินสู่บัลลังก์ หรือพึงขึ้นจากบัลลังก์สู่หลังม้า
    หรือพึงขึ้นจากหลังม้าสู่คอช้าง หรือพึงขึ้นจากคอช้างสู่ปราสาท แม้ฉันใด ดูกร
    มหาบพิตร ตถาคตย่อมกล่าวว่า บุคคลนี้มีอุปไมยฉันนั้น ดูกรมหาบพิตร อย่างนี้
    แล บุคคลชื่อว่าเป็นผู้มืดแล้วกลับสว่างต่อไป ฯ
    [๓๙๖] ดูกรมหาบพิตร ก็อย่างไร บุคคลชื่อว่าเป็นผู้สว่างแล้วกลับมืด
    ต่อไป ดูกรมหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เกิดมาภายหลังในตระกูลสูง
    คือในตระกูลขัตติยมหาศาล ในตระกูลพราหมณมหาศาล หรือในตระกูลคฤหบดี
    มหาศาล มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมาก มีทองและเงินล้นเหลือ มีของ
    ใช้น่าปลื้มใจล้นเหลือ มีทรัพย์คือข้าวเปลือกล้นเหลือ และเขาเป็นคนมีรูปงาม
    น่าดูน่าชม ประกอบด้วยความงามแห่งผิวเป็นเยี่ยม มักหาข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน
    ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และเครื่องประทีปได้สะดวก
    แต่เขากลับประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นเขาประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา
    ใจแล้ว ครั้นตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ดูกรมหาบพิตร
    บุรุษลงจากปราสาทสู่คอช้าง หรือลงจากคอช้างสู่หลังม้า หรือลงจากหลังม้าสู่
    บัลลังก์ หรือลงจากบัลลังก์สู่พื้นดิน หรือจากพื้นดินเข้าไปสู่ที่มืด แม้ฉันใด
    ดูกรมหาบพิตร ตถาคตกล่าวว่า บุคคลนี้มีอุปไมยฉันนั้น ดูกรมหาบพิตร อย่างนี้แล
    บุคคลชื่อว่าเป็นผู้สว่างแล้วกลับมืดต่อไป ฯ
    [๓๙๗] ดูกรมหาบพิตร ก็อย่างไร บุคคลชื่อว่าเป็นผู้สว่างแล้วคงสว่าง
    ต่อไป ดูกรมหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนเกิดมาภายหลังในตระกูล
    สูง คือในตระกูลขัตติยมหาศาล ในตระกูลพราหมณมหาศาล หรือในตระกูล
    คฤหบดีมหาศาล อันมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมาก มีทองและเงินล้น
    เหลือ มีของใช้น่าปลื้มใจล้นเหลือ มีทรัพย์คือข้าวเปลือกล้นเหลือ และเขาเป็น
    คนมีรูปสวย น่าดูน่าชม ประกอบด้วยความงามแห่งผิวเป็นเยี่ยม มักหาข้าว น้ำ
    ผ้า ยวดยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัยและเครื่อง
    ประทีปได้สะดวก เขาย่อมประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นเขาประพฤติ
    สุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว ครั้นตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดูกร
    มหาบพิตร บุรุษพึงก้าวไปด้วยดีจากบัลลังก์สู่บัลลังก์ หรือพึงก้าวไปด้วยดีจากหลัง
    ม้าสู่หลังม้า หรือพึงก้าวไปด้วยดีจากคอช้างสู่คอช้าง หรือพึงก้าวไปด้วยดีจาก
    ปราสาทสู่ปราสาท แม้ฉันใด ดูกรมหาบพิตร ตถาคตย่อมกล่าวว่า บุคคลนี้มี
    อุปไมยฉันนั้น ดูกรมหาบพิตร อย่างนี้แล บุคคลชื่อว่าเป็นผู้สว่างแล้วคงสว่างต่อไป
    ดูกรมหาบพิตร บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ดังนี้ ฯ
    [๓๙๘] พระผู้มีพระภาคผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้
    จบลงแล้ว จึงได้ตรัสพระคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
    ดูกรมหาบพิตร บุรุษเข็ญใจไม่มีศรัทธา เป็นคนตระหนี่
    เหนียวแน่น มีความดำริชั่ว เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่มีความเอื้อเฟื้อ
    ย่อมด่า ย่อมบริภาษสมณะหรือพราหมณ์หรือวณิพกอื่นๆ
    เขาเป็นคนไม่มีประโยชน์ เป็นคนมักขึ้งเคียด ย่อมห้ามคน
    ที่กำลังจะให้โภชนาหารแก่คนที่ขอ ดูกรมหาบพิตรผู้เป็นใหญ่
    ยิ่งของประชาราษฎร์ คนเช่นนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงนรก
    อันร้ายแรง นี่ชื่อว่าผู้มืดแล้วคงมืดต่อไป ฯ
    ดูกรมหาบพิตร บุรุษ (บางคน) เป็นคนเข็ญใจ (แต่) เป็น
    คนมีศรัทธา ไม่มีความตระหนี่ เขามีความดำริประเสริฐ มีใจ
    ไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมให้ทาน ย่อมลุกรับสมณะหรือพราหมณ์ หรือ
    วณิพกอื่นๆ ย่อมสำเหนียกในจรรยาอันเรียบร้อย ไม่ห้าม
    คนที่กำลังจะให้โภชนาหารแก่คนที่ขอ ดูกรมหาบพิตรผู้เป็น
    ใหญ่ยิ่งของประชาราษฎร์ คนเช่นนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึง
    ไตรทิพสถาน นี่ชื่อว่าผู้มืดแล้วกลับสว่างต่อไป ฯ
    ดูกรมหาบพิตร บุรุษ (บางคน) ถึงหากจะมั่งมี (แต่) ไม่มี
    ศรัทธา เป็นคนมีความตระหนี่เหนียวแน่น มีความดำริชั่ว
    เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่มีความเอื้อเฟื้อ ย่อมด่าย่อมบริภาษสมณะหรือ
    พราหมณ์ หรือวณิพกอื่นๆ เขาเป็นคนไม่มีประโยชน์ เป็น
    คนมักขึ้งเคียด ย่อมห้ามคนที่กำลังจะให้โภชนาหารแก่คนที่ขอ
    ดูกรมหาบพิตรผู้เป็นใหญ่ยิ่งของประชาราษฎร์ คนเช่นนั้น
    เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงนรกอันร้ายแรง นี่ชื่อว่า ผู้สว่างแล้ว
    กลับมืดต่อไป ฯ
    ดูกรมหาบพิตร บุรุษ (บางคน) ถึงหากจะมั่งมี ก็เป็นคนมี-
    *ศรัทธา ไม่มีความตระหนี่ เขามีความดำริประเสริฐ มีใจไม่
    ฟุ้งซ่าน ย่อมให้ทาน ย่อมลุกรับสมณะหรือพราหมณ์หรือแม้
    วณิพกอื่นๆ ย่อมสำเหนียกในจรรยาอันเรียบร้อย ไม่ห้าม
    คนที่กำลังจะให้โภชนาหารแก่ผู้ที่ขอ ดูกรมหาบพิตรผู้เป็น
    ใหญ่ยิ่งของประชาราษฎร์ คนเช่นนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึง
    ไตรทิพสถาน นี่ชื่อว่าผู้สว่างแล้วคงสว่างต่อไป ดังนี้ ฯ



    <CENTER>อัยยิกาสูตรที่ ๒
    </CENTER> [๓๙๙] สาวัตถีนิทาน ฯ
    ครั้งนั้นแลเป็นเวลากลางวัน พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มี-
    *พระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้ว ประทับอยู่ ณ ที่ควร
    ส่วนข้างหนึ่ง ฯ
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท้าวเธอผู้ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า
    เชิญเถิดมหาบพิตร พระองค์เสด็จมาจากไหนหนอแต่วัน ฯ
    พระเจ้าปเสนทิโกศลกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า พระอัยยิกาของหม่อม-
    *ฉัน ผู้ทรงชรา เป็นผู้เฒ่า เป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาลผ่านวัย มีพระชนม์พรรษา ๑๒๐
    พรรษา ได้เสด็จทิวงคตเสียแล้ว ท่านเป็นที่รัก เป็นที่พอใจของหม่อมฉันมาก
    พระพุทธเจ้าข้า หากหม่อมฉันจะพึงได้สมหวังว่า ขอพระอัยยิกาเจ้าของเราอย่าได้
    เสด็จทิวงคตเลย ดังนี้ แม้ด้วยใช้ช้างแก้วแลกไซร้ หม่อมฉันพึงให้แม้ซึ่งช้างแก้ว
    เพื่อให้ได้สมหวัง ดังนี้ พระพุทธเจ้าข้า หากหม่อมฉันพึงได้สมหวังว่า ขอพระ-
    *อัยยิกาเจ้าของเราอย่าได้เสด็จทิวงคตเลย แม้ด้วยใช้ม้าแก้วแลกไซร้ หม่อมฉัน
    พึงให้แม้ซึ่งม้าแก้วเพื่อให้ได้สมหวัง พระพุทธเจ้าข้า หากหม่อมฉันพึงได้สมหวัง
    ว่า ขอพระอัยยิกาเจ้าของเราอย่าได้เสด็จทิวงคตเลย ดังนี้ แม้ด้วยใช้บ้านส่วย
    แลกไซร้ หม่อมฉันพึงให้แม้ซึ่งบ้านส่วยเพื่อให้ได้สมหวัง พระพุทธเจ้าข้า หาก
    หม่อมฉันพึงได้สมหวังว่า ขอพระอัยยิกาเจ้าของเราอย่าได้เสด็จทิวงคตเลย ดังนี้
    แม้ด้วยใช้ชนบทแลกไซร้ หม่อมฉันพึงให้แม้ซึ่งชนบทเพื่อให้ได้สมหวัง พระ-
    *พุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสคำนี้ไว้ว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีมรณะ
    เป็นธรรมดา มีมรณะเป็นที่สุด ไม่ล่วงพ้นมรณะไปได้เลย ดังนี้นั้น เป็นคำตรัส
    ที่ชอบ เป็นของอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว ฯ
    [๔๐๐] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ข้อนั้นเป็นอย่างนั้น มหาบพิตร ข้อนั้น
    เป็นอย่างนั้น มหาบพิตร สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความตายเป็นธรรมดา มีความ
    ตายเป็นที่สุด ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้เลย ดูกรมหาบพิตร ภาชนะดิน ชนิด
    ใดชนิดหนึ่ง ทั้งที่ดิบทั้งที่สุก ภาชนะดินเหล่านั้นทั้งหมด มีความแตกเป็นธรรมดา
    มีความแตกเป็นที่สุด ไม่ล่วงพ้นความแตกไปได้เลย แม้ฉันใด ดูกรมหาบพิตร
    สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความตายเป็นธรรมดา มีความตายเป็นที่สุด ไม่ล่วงพ้น
    ความตายไปได้เลย ฉันนั้นเหมือนกันแล ฯ
    [๔๐๑] พระผู้มีพระภาคผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้
    จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
    สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงต้องตาย เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด
    สัตว์ทั้งหลายจักไปตามกรรม เข้าถึงผลแห่งบุญและบาป คือ
    ผู้มีกรรมเป็นบาป จักไปสู่นรก ส่วนผู้มีกรรมเป็นบุญ จักไป
    สู่สุคติ ฯ
    เพราะฉะนั้น พึงทำกรรมงามอันจะนำไปสู่สัมปรายภพ สั่งสม
    ไว้ บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก ฯ



    <CENTER>โลกสูตรที่ ๓
    </CENTER> [๔๐๒] สาวัตถีนิทาน ฯ
    พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้ทูลพระผู้มี-
    *พระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า ธรรมเท่าไรหนอแลเมื่อเกิดขึ้นแก่โลก ย่อมเกิดขึ้น
    เพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ เพื่อความอยู่ไม่สำราญ ฯ
    [๔๐๓] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมหาบพิตร ธรรม ๓ อย่างแล
    เมื่อเกิดขึ้นแก่โลก ย่อมเกิดขึ้นเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ เพื่อความ
    อยู่ไม่สำราญ ธรรม ๓ อย่างเป็นไฉน ฯ
    ๑. ดูกรมหาบพิตร ธรรมคือความโลภแล เมื่อเกิดขึ้นแก่โลกย่อมเกิด
    ขึ้นเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ เพื่อความอยู่ไม่สำราญ ฯ
    ๒. ดูกรมหาบพิตร ธรรมคือโทสะความประทุษร้ายแล เมื่อเกิดขึ้น
    แก่โลก ย่อมเกิดขึ้นเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ เพื่อความอยู่ไม่
    สำราญ ฯ
    ๓. ดูกรมหาบพิตร ธรรมคือโมหะความหลงแล เมื่อเกิดขึ้นแก่โลก
    ย่อมเกิดขึ้นเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ เพื่อความอยู่ไม่สำราญ ฯ
    ดูกรมหาบพิตร ธรรม ๓ อย่างนี้แล เมื่อเกิดขึ้นแก่โลก ย่อมเกิดขึ้น
    เพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ เพื่อความอยู่ไม่สำราญ ฯ
    [๔๐๔] พระผู้มีพระภาคผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้
    จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
    โลภะ โทสะ และโมหะ อันบังเกิดแก่ตนย่อมเบียดเบียน
    บุรุษ ผู้มีใจเป็นบาป ดุจผลของตนเบียดเบียนไม้เต่ารั้ง
    ฉะนั้น ฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 สิงหาคม 2009
  2. Kob

    Kob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    6,161
    ค่าพลัง:
    +19,894
    เป็นไฟล์ mp3 56 kbps 24KHz Stereo ไม่เป็นไปตามที่กำหนดค่ะ

    ทำให้เป็น mp3 40 kbps ดังนี้

    1. เมื่อกดปุ่ม Record แล้วขึ้นหน้าต่างนี้
    ให้เลือก Sample Rate เป็น 44100
    Channels เลือก Stereo กด OK

    [​IMG]

    2. บันทึกเสียงไป เร็วช้าขึ้นกับเราค่ะ

    3. เลือก save as
    ตั้งชือ ไฟล์ แล้วเลือก Save as type คือ mp3 เลือก Save

    [​IMG]

    4. จะขึ้นหน้าต่างนี้มา
    ให้เลือก 40 kbps กด OK

    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. Kob

    Kob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    6,161
    ค่าพลัง:
    +19,894
    บริเวณหมายเลข 1. และ 3. ในภาพประกอบไม่ต้องอ่านค่ะ
    บริเวณหมายเลข 2. อ่านทั้งหมดยกเว้นเชิงอรรถ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. Kob

    Kob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    6,161
    ค่าพลัง:
    +19,894
    ตั้งชื่อไฟล์ผิดค่ะ จะตั้งชื่อไฟล์ไว้ให้แล้วในกระทู้ค่ะ
    ทดลองอ่าน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ (รวมเสียงสมาชิก)

    15- 132 ๑. ปุคคลสูตร
    15- 133 ๒. อัยยิกาสูตร
    15- 134 ๓. โลกสูตร



    เสียงอ่านดังชัดเจนค่ะ แต่มีเสียงลมเป่าไมค์ ลองยกไมค์ให้อยู่เหนือริมฝีปาก หรือใช้ทิชชูมาพันที่หัวไมค์ ลองดูนะคะ
     
  5. Rajithida

    Rajithida Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +48
    คุณกบคะ...

    เรื่องที่ต้องการให้แก้ไขในเรื่องต่างๆ เช่น

    บริเวณหมายเลข 1. และ 3. ในภาพประกอบไม่ต้องอ่านค่ะ
    บริเวณหมายเลข 2. อ่านทั้งหมดยกเว้นเชิงอรรถ


    *เชิงอรรถที่บอกว่าไม่ต้องอ่าน คือ หัวข้อเรื่องใช่ไหมคะ? เช่น
    - ตติยวรรคที่ ๓
    ปุคคลสูตรที่ ๑

    - อัยยิกาสูตรที่ ๒
    -โลกสูตรที่ ๓

    ต้องการให้ Save ไฟล์ให้เล็กลง

    และเรื่องแก้หัวข้อชื่อไฟล์

    ถ้าแก้ไขตามที่บอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถทำแล้วส่งไปให้ใหม่ได้เลยหรือเปล่าคะ?
    เพราะจะได้ส่งไปให้ก่อนได้เลย ไม่ต้องอัดเสียงใหม่

    หรือว่าคุณกบต้องการให้อ่านใหม่ทั้งหมดเลยคะ
    เพราะว่ามีจุดเสียเรื่องลมที่ออกมากไป

    จะได้แก้ไขให้ถูกจุดค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ
     
  6. Kob

    Kob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    6,161
    ค่าพลัง:
    +19,894
    เป็นคนกระจอกหรือเป็นเปลี้ย <SUP>๑-</SUP> มักหาข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ยวดยาน ดอกไม้
    ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย เครื่องประทีปไม่ใคร่ได้ เขาซ้ำ
    ประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นเขาประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว
    <SMALL>@๑. คนกระจอก คือเดินขาเขยก ฯ คนเปลี้ย คือเป็นอัมพาต ตายแถบหนึ่ง</SMALL>

    ตรงนี้ค่ะที่เรียกว่าเชิงอรรถ @๑. คนกระจอก คือเดินขาเขยก ฯ คนเปลี้ย คือเป็นอัมพาต ตายแถบหนึ่ง

    ไฟล์การบ้านนี้จะนำไปอัพในพระไตรปิฎกเล่มที่ 15 ค่ะ
    อยากให้แก้ปัญหาเรื่องลมเป่าไมค์ค่ะ
     
  7. Rajithida

    Rajithida Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +48
    ขอบคุณมากค่ะคุณกบ...
    แล้วจะรีบแก้ไขให้นะคะ ...
     
  8. Rajithida

    Rajithida Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +48
    ต้องขอโทษคุณกบด้วยนะคะ ที่ส่งการบ้านมาให้ช้า
    เพราะไปเข้าใจผิดเรื่องหัวข้อที่ต้องการให้อ่านค่ะ..
     
  9. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,775
    ค่าพลัง:
    +12,934
    เรื่องลมเป่าไมค์ นี่ หากใช้ไมค์แบบครอบหู วิธีแก้ที่ผมประสบมาคือ เราปรับก้านไมค์ให้หัวไมค์อยู่ใต้ริมฝีปากลงมา อย่าให้ตรงปากครับ จะได้เลี่ยงทางลมที่พุ่งมาจากปากเวลาอ่านได้ทำให้ไม่มีเสียงกระทบไมค์น่ะครับ

    หากเป็นไมค์ตั้งโต๊ะก็ลองจัดไมค์หลบลมที่ออกมาเวลาอ่านดูในมุมต่างๆนะครับ

    ขออนุโมทนาครับ
     
  10. Rajithida

    Rajithida Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +48
    คุณผ่อนคลายคะ..

    ไมค์ของดิฉันเป็นแบบตั้งโต๊ะค่ะ เท่าที่อ่านแล้วฟังดูเอง ก็คิดอยู่เหมือนกันว่า น่าจะมีปัญหาเรื่องลม แต่อ่านกี่ครั้งมันก็จะต้องมีเล็ดลอดเข้าไปบ้างทุกที พยามแก้ไขปัญหาอยู่ค่ะ

    แต่ยังไงก็ตาม จะพยายามทำให้ดูเรียบร้อยที่สุด แล้วจะรีบส่งไปให้นะคะ

    พอดีวันนี้ไปพบลูกค้าข้างนอก เลยกลับมาบ้านค่ำแล้ว และกำลังเคลียร์เรื่องงานที่ทำประจำอยู่ ช่วงนี้จะยุ่งๆ นิดนึง เพราะต้องปิดต้นฉบับหนังสือค่ะ

    แต่รับรองได้ว่าไม่ลืมงานที่ต้องทำการบ้านส่งให้แน่นอนค่ะ
    ไม่ต้องกลัวว่าจะหายหน้าไปไหนนะคะ..

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ดีๆ ค่ะ..
     
  11. Rajithida

    Rajithida Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +48
    คุณผ่อนคลายและคุณกบคะ....

    โน๊ตบุ๊คของดิฉันใช้อินเตอร์เน็ตได้แล้ว
    ก็เลยเขียนข้อความมาเยี่ยมค่ะ

    และอยากจะแจ้งความคืบหน้าเรื่องซ่อมงานเสียงให้ทราบว่า
    คาดว่าเร็วๆ นี้ น่าจะส่งไปให้ได้แล้วค่ะ

    พอดีช่วงนี้ยุ่งๆ เรื่องงานประจำอยู่ ก็เลยส่งไปให้ช้าหน่อยนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...