Him 6365 ให้บูชา พระดี พระแท้ พิธีใหญ่ ครับ รับประกันแท้ตลอดชีพ!!!

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย HMMAmulet296, 21 ธันวาคม 2017.

  1. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    upload_2021-8-17_21-26-18.png

    upload_2021-8-17_21-26-28.png
    เปิดแบ่งปัน พระหูยานหลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ ปี52 เนื้อนวะ หลังจาร ประสบการณ์ดีมาก ให้บูชา 259 บาท. ปิดรายการครับ

    ประวัติหลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ ลพบุรี

    สถานะเดิม
    เดิมชื่อ พิเชฐ นามสกุล วัฒนจันทร์ เกิดเมื่อ วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2504 ปีฉลู ที่ จังหวัดนครสวรรค์ บนเรือนแพ ตรงที่แม่น้ำ 4 สาย คือ ปิง วัง ยม น่าน ไหลมาบรรจบกัน เขาเรียกแพแควใหญ่ พื้นพเดิมพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นคน ตำบลโพธิ์เก้าต้น อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี มีพี่น้องทั้งหมด 12 คน ผู้หญิง 4 ผู้ชาย 8 ถึงแก่กรรมไป 2 โดยท่านเป็นคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด
    การศึกษาในวัยเด็ก
    อาตมาเริ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดป่าตะแบก อำเภอเมือง สมัยนั้นด้วยความยากจนก็ต้องทำงานเลี้ยงตัวเอง ต้องตื่นแต่เช้ามืด เพราะทางบ้านมีเชื้อจีนและประกอบอาชีพค้าขาย ขายพวกผัก กับข้าว ตื่นแต่เช้ามืดไปตลาด ช่วยทางบ้านก็เลยทำให้ไปโรงเรียนสาย พอจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 สมัยก่อนก็ตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วนให้ได้ เมื่อสอบเข้าได้ก็เรียนต่อชั้น ม.ศ.1 (สมัยนั้น) เรียนกระทั่งจบ ม.ศ.3 ตอนนั้นพ่อแม่ก็แก่มากแล้ว ทำงานไม่ไหว พี่น้องก็แยกย้ายกันไปทำมาหากิน แต่ครอบครัวของอาตมาอาศัยอยู่ที่แพ ซึ่งมักจะมีปัญหาก็คือเวลาน้ำขึ้นน้ำลง ต้องไปถอยแพเข้า-ออก ก็เลยคิดว่าจะขึ้นมาอยู่บนบก จึงอพยพจากจังหวัดนครสวรรค์ไปอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร และได้เข้าเรียนต่อในชั้น ม.ศ.4 พอเรียนจบก็เข้ามาหาที่เรียนต่อในกรุงเทพฯ เพียงคนเดียว เพราะมีคนเคยบอกว่าถ้าเรียนที่กรุงเทพฯ จะทำให้เรียนเก่ง แต่ความเป็นจริงแล้วต่างจังหวัดก็ไม่ได้น้อยหน้ากรุงเทพฯ หรอก เพียงแต่ขาดอุปกรณ์ ขาดหนังสือเรียน ขาดแหล่งค้นคว้าแหล่งเรียนรู้ที่ดี ความเชื่อมันอยู่ที่คน พอจะเข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ ก็มีปัญหาตามมาคือตัวเราก็เรียนไม่เก่ง เพราะมัวยุ่งกับงาน แต่ตอนที่เรียนอยู่กำแพงเพชร อาตมาก็โตมาท่ามกลางพี่น้องที่ชอบหนังสือพระ ในบ้านมีแต่หนังสือพระเครื่อง หนังสือโลกทิพย์ หนังสือโลกทิพย์นี่อ่านประจำ เพราะชอบอ่านประวัติครูบาอาจารย์ และชอบศึกษาตำราเกี่ยวกับคาถาอาคมและพวกยันต์ต่าง ๆ จึงทำให้ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก ๆ สมัยที่เรียนอยู่กำแพงเพชรไปเรียนสายเป็นประจำ ไปเรียนไม่ค่อยทันหรอก ต้องแอบไปหลบในห้องน้ำ สมัยก่อนฝ่ายปกครองดุ ไม้เรียวนี่ยาว แอบกัน 10 กว่าคนกับพวกเพื่อน ๆ ครูปกครองก็เรียกให้ออกมาหมดเลย อาตมาก็กลัวโดนตี ก็เลยไม่ยอมออกไป แต่ด้วยความเชื่อมั่นในคาถาอาคมของตัวเอง และพระเครื่องที่ห้อยอยู่เต็มคอ นอกจากนั้นในกระเป๋ายังม้ายันต์อีก จึงร่ายคาถาแล้วนึกถึงคุณครูบาอาจารย์ให้ช่วยบังตาครูด้วยเถอะ จากนั้นก็เดินเข้าห้องไป พวกเพื่อน ๆ โดนครูตีหมด ยกเว้นอาตมาคนเดียวที่รอดมาได้ทุกครั้ง ตอนนั้นจึงทำให้เชื่อมั่นในคาถาอาคมของตัวเองเป็นอย่างมาก
    ใฝ่ฝันอยากทำงานในสนามบิน
    พอเรียนจบแล้วก็เข้ามาหาที่เรียนในกรุงเทพฯเมื่อได้ที่เรียนก็ค่อย ๆ เรียนไป แต่ใจมันรักเครื่องบิน ไปยืนมองที่สนามบินดอนเมือง ยืนเกาะลูกกรงมองเครื่องบิน ชอบภาษาอังกฤษ อยากทำงานเป็นไกด์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวอะไรพวกนั้น ทุก ๆ วันต้องไปยืนมองเครื่องบินและใฝ่ฝันว่าจะต้องเข้าทำงานสนามบินให้ได้ ตอนนั้นเรียนชั้น ปวส. จบ แล้วก็ไปสมัครเรียนต่อด้านเทคนิคการบิน อยู่ 2 ปี จบมาก็ไปสมัครทำงานในสนามบิน ก็ได้ทำงานสมใจอยาก แต่เขาให้ไปเป็นผู้ช่วยช่าง เป็นลูกมือช่าง ซึ่งมันก็ไม่ตรงกับที่เราถนัด แต่ก็อยู่ไปเรื่อย ๆ เพราะเงินเดือนดี ตัวเองก็ยังครองโสดอยู่ ไม่มีพันธะใด ๆ ทางครอบครัว
    เกิดความเบื่อหน่ายต่อทางโลก
    ทีนี้ด้วยความที่เราชอบอ่านหนังสือธรรมะ อย่างที่เล่าให้ฟังว่าหนังสือโลกทิพย์นี่อ่านประจํา ชอบอ่านประวัติของพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทีนี้มี อยู่วันหนึ่งเปิดหนังสือโลกทิพย์ดู เจอรูปพระแบก กลดออกธุดงค์ ความรู้สึกมันหยุดชะงักแล้วเกิด ประกายความคิดว่า พระธุดงค์นี้ดีเนอะ ท่านแบกกลดไปไหนมาไหน ไม่ต้องมีบ้าน ค่ำไหนก็นอนนั่น ฝนตกฟ้าร้อง ก็ไม่ต้องมาตากมาเก็บเสื้อผ้าอิสระดี พอเห็นภาพพระธุดงค์แบกกลดในหนังสือโลกทิพย์ ก็เกิดความเบื่อหน่ายเอาดื้อๆ มองสิ่งที่ทําอยู่ในตอน นั้นว่าไม่ดีเสียแล้ว ก็กลับมาถามตัวเองว่า เรา ทํางานกินเงินเดือนไปทําไม ตัวคนเดียว พอทํางาน เดียวก็มีเมีย มีครอบครัว แล้วก็ต้องเก็บเงินไปซื้อ บ้าน แล้วก็ต้องมีลูกเลี้ยงลูก แล้วก็แก่ แก่แล้วก็ ตาย แค่นั้นหรือชีวิต พระท่านทําไมมีชีวิตอิสระล่ะ ไม่ต้องมีบ้าน ไม่ต้องมีภาระอะไร เที่ยวไปได้ทั่วทุกที่ เอาธรรมะไปเผยแพร่ไม่ดีกว่าเหรอ ก็คิดอย่าง นั้น เพราะมันเกิดความเบื่อหน่ายอย่างรุนแรงเลย เบื่ออย่างมาก จนงงตัวเอง ไม่เอาแล้ว อยากบวช มันถึงเวลาหรือไงก็ไม่รู้ ก็ลาออกจากงานสนามบิน ตอนนั้นสมัยเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว เงินเดือนก็ถือว่า เยอะนะได้ 8,000 บาท เขาหาว่าเราบ้า เงินเดือน ดีๆ และเข้ายาก กลับลาออก มีแต่คนเขาอยากเข้า พี่น้องเขาก็บอกว่าไปบวชตอนนี้แล้วใครเขาจะ ใส่บาตร เศรษฐกิจก็ไม่ดี อาตมาก็ไม่ฟัง ก็เลยบอกว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ขอบวชสักพรรษาหนึ่ง ก่อน หน้านั้นเคยลางานไปบวชตามประเพณีบ้างแล้ว แต่ บวชไม่นาน เพียง 15 วันเท่านั้น แต่ครั้งนี้มันอยาก บวชอย่างรุนแรง ก็ไปลาออกดื้อๆ เลย มีเงินที่เก็บ สะสมได้ประมาณ 7,000 บาท ก็ขึ้นไปที่จังหวัด นครสวรรค์บ้านเกิดเลย ไปขอบวชกับ เจ้าอาวาส วัดเขื่อนแดง (วัดศรีสุวรรณ) ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่นี่เคยเป็นแดนประหาร โดยมีประวัติปรากฏ อยู่ อาตมาเห็นว่าวัดนี้เงียบสงบดี จึงเข้าไปกราบ เรียนท่านเจ้าอาวาสว่าอยากจะบวช แต่มีเงินน้อย ทั้งตัวมีอยู่เพียง 7,000 บาท เท่านั้น และขอบูชา ผ้าไตรกับท่านขอร้องให้ท่านช่วยจัดให้ด้วยพร้อม ถวายปัจจัยสําหรับใส่ซองถวายพระ ซึ่งหลวงพ่อ เจ้าอาวาสท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เสร็จแล้วก็โกนหัว เข้าโบสถ์บวชแบบง่ายๆ เลย
    คิดอยากออกจาริกธุดงค์
    พอบวชเข้าไปพรรษาแรก อาตมายังเป็น พระใหม่อยู่ พอไปรู้ไปเห็นอะไรเกี่ยวกับพระเข้า ก็มานึกทบทวนว่า โอ้ มันไม่ใช่อย่างที่เราคิด พระมาจากร้อยพ่อพันแม่ ต่างอาชีพ ต่างการศึกษา ต่าง ความรู้มาอยู่รวมกันแล้วปัญหามันก็เกิดแต่ละวัน ไม่ได้ทําอะไรกัน พระบวชใหม่ก็ต้องมานั่งล้างชาม วันโกนวันพระนั่งล้างชามกองพะเนินบนศาลา พระรูปอื่นที่บวชก่อนเขาก็ไม่มาช่วย ตีระฆังทําวัตร แต่เช้ามืด เมื่อไปรู้ไปเห็นอะไรแล้ว ก็เกิดความเบื่อ หน่ายอีก ตอนนั้นอาตมาเป็นพระผู้น้อย บวชใหม่ ไปว่าอะไรเขาก็ไม่ได้ เราไม่มีอํานาจไปแก้คนอื่น เขาไม่ได้ ต้องแก้ที่ตัวเราเอง คิดว่าไม่มีใครทําถูกใจ ใครได้หมด และตัวเราก็ไม่สามารถทําให้ถูกใจคน ได้หมด สุดท้ายจึงตัดสินในว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เมื่อแก้คนอื่นไม่ได้ ก็แก้ที่ตัวเราละกัน เราเพียงมา อาศัยที่เขาอยู่ สิ่งแวดล้อมเป็นแบบนี้ เมื่อเราไม่ชอบ เราก็ต้องไปจากที่นี่ ก็คิดจะออกธุดงค์ก่อนออกธุดงค์ก็ศึกษาอ่านหนังสือรวดเลยทั้ง นักธรรมชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก อ่านหลักการธุดงค์ ทั้ง 13 ข้อ เพราะเรามีพื้นฐานอยู่บ้างแล้วในด้าน ธรรมะ ด้านคาถาอาคมเราก็พอมีอยู่ เพราะได้ ศึกษามาตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น, เมื่อคิดได้ดังนั้น ครั้นออกพรรษา ก็เข้าไปกราบลาท่านเจ้าอาวาสว่า ขอลาไปธุดงค์ ท่านก็งง เพราะเพิ่งบวชได้เพียง พรรษาเดียวเท่านั้น ยังเป็นพระใหม่อยู่
    หลังจากนั้น ก็เข้าไปในโบสถ์จุดธูปบอกกล่าว ต่อองค์พระประธาน ขอยึดไตรสรณะคมน์คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอาศัย และขอถวายชีวิตไปตายเอาดาบหน้า เมื่อกราบพระ ประธานเสร็จแล้วก็ออกธุดงค์แบกกลดเดินจาก จังหวัดนครสวรรค์ไปเรื่อย ตอนนั้นอาตมาใจร้อน ไปนิดหนึ่ง คือเดินเร็วไปหน่อย ใหม่ๆ วันหนึ่งได้ เดินตั้ง 25 กิโลเมตร โอ้โห เหนื่อย ด้วยความยังหนุ่มยังแน่น ใจร้อนเดินเร็วตั้ง 25 กิโลเมตรแรก ก็ดีอยู่หรอก แต่พอหลายวันเข้าไปมันก็เมื่อยล้า เพราะต้องเดินตากแดด จนผิวหนังไหม้เกรียม โดย ตั้งใจว่าจะไปจังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่เดินธุดงค์ ปวารณาจะไม่จับปัจจัยและฉันมื้อเดียว แต่อนุโลม ว่าถ้ารถจอดรับก็ขึ้น เขาส่งไปแค่ไหนก็ไปแค่นั้น
    เข้าใจในจุดประสงค์จริง ๆ ของ “การเดินธุดงค์”
    ทีนี้ถึงเวลาปักกลดมันเหนื่อย มันล้า บางที เดินนี้หลอนเลย คล้ายๆ เดินอยู่ในทะเลทราย คอแห้งผาก พอยามค่ำคืนเราปักกลด สวดมนต์ เจริญสมาธิดีแล้วก็จําวัตร มันก็เกิดความรู้สึกหดหู วังเวง เหงา นึกสงสารตัวเอง สมเพชตัวเองว่าเรา มีกรรมอะไร เหมือนถูกทอดทิ้งนะ มันเดียวดาย มองออกนอกกลดไปมีแต่ฟ้า มองข้างๆ มีแต่ป่า เหมือนนอนกลางดิน มันทําให้ทั้งเหนื่อยทั้งล้า เกิดความทุกข์ พอเกิดความทุกข์จิตมันก็คิดไปเห็นกุฏิที่วัด ว่าเรานอนอยู่วัดยังมีกุฏิ มีพัดลม มีหมอน เมื่อ แสนสบายแล้วเรามาลําบากทําไม
    คิดไปคิดมาอยู่อย่างนี้ ปรากฏว่ามันเกิด ความเข้าใจในธรรมะเกิดขึ้น โอ้ จุดประสงค์ของ การเดินธุดงค์จริงๆ พระพุทธเจ้าทรงต้องการให้ เห็นตัวทุกข์ ถ้าเรามัวอยู่แต่ในวัดเราก็จะเกิด ความเคยชินและติดอยู่ในความสุขสบายและอาจ จะดําเนินชีวิตด้วยความประมาท เมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็จะไม่รู้เลยว่าความทุกข์มันเป็นอย่างไร
    พอออกเดินธุดงค์ก็พบกับความทุกข์ยาก ลําบากต้องนอนบนพื้นดินกลางป่าเขาลําเนาไพร มันทําให้เกิดการเปรียบเทียบกับสถานที่ที่เราเคยอยู่ มาก่อนและเข้าใจในสัจธรรมว่าพระพุทธเจ้า ต้องการให้เราเห็นตัวทุกข์ เข้าใจในตัวทุกข์ อยู่ใน วัดมันสุขสบาย แต่อยู่ข้างนอกมันทุกข์ยากลําบาก ฉันอาหารคาว-หวานรวมกันในบาตรเพียงมื้อเดียว
    “คิดไปคิดมาอยู่อย่างนี้ ปรากฏว่ามันเกิดความเข้าใจในธรรมะเกิดขึ้น จุดประสงค์ของการเดินธุดงค์จริงๆ พระพุทธเจ้าทรงต้องการให้เห็นตัวทุกข์ ถ้าเรามัวอยู่แต่ในวัดเราก็จะเกิดความเคยชินและติดอยู่ในความสุขสบายและอาจจะดำเนินชีวิตด้วยความประมาท เพื่อเป็นเช่นนั้นเราก็จะไม่รู้เลยว่าความทุกข์มันเป็นอย่างไร”
    ไม่จับปัจจัย ไม่มีสมบัติพัสถานอะไรทั้งสิ้น ทําให้ได้รับประสบการณ์ หลายอย่าง มีโยมบางคนมาขอหวยบ้าง เราก็พยายามบ่ายเบี่ยงและ บอกเขาไปว่าไม่มีหรอกหวย เขาบอกมี พระธุดงค์มาทีไรก็ให้ถูกทุกที ก็จะเจอแบบนี้ จึงออก ธุดงค์ไปเรื่อย บางที่เขาก็บอกว่าท่านตรงนี้ปักกลดไม่ได้หรอก ผีดุ ไม่มี ใครอยู่ได้หรอก นิมนต์ท่านไปทางอื่นเถอะ อาตมาก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกโยม อยู่ได้ ทีนี้เวลาปักกลดก็ต้อง ใช้วิธีแผ่เมตตาเอา ไม่ไปสวดมนต์หรือคาถาอะไรขับไล่เขา เพราะถือว่า เราไม่ได้มาเบียดเบียนใคร เมื่อเจริญจิตแผ่เมตตาให้เขาดู ก็สงบดีไม่มี เหตุการณ์เลวร้ายอะไรเกิดขึ้น พอธุดงค์ผ่านไปถึงเขื่อนภูมิพล ซึ่งเคย ได้ยินคนเขาพูดกันว่าเขื่อนภูมิพลเป็นเกาะ คิดอยากจะไปหาที่เงียบๆ เพื่อนั่งสมาธิ จึงนั่งเรือเข้าไป เรือเขาก็พาไปปล่อยเกาะ ไกลเหมือนกันนะ มีบ้านคนอยู่เพียง 8 หลัง ยุงตัวเบ้อเร่อ ถ้าโดนมันกัด ก็เป็นไข้มาลาเรียเลย อีกอย่างถิ่นนั้นมันเข้าไปลึกและมีอาถรรพ์ ขึ้นอยู่ต้อง เป็นไข้มาลาเรียเพราะยุงตัวใหญ่มาก จึงมานั่งทบทวนว่ามันคงตึงเกิน ไป ต้องผ่อน จึงจําใจถอยออกตั้งต้นใหม่
    ทีนี้พระที่ท่านจะมาส่งท่านมีเรือหางยาว ใช้เครื่องยนต์ลําเล็กๆ ต้องออกมากันตั้งแต่เช้ามืด เพราะถ้า 6 โมงฟ้าสางแล้วมันจะมีลม ภูเขา ลมมันแรง เรือมีสิทธิ์จะพลิกคว่ำได้และอาจจะอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากเขื่อนมันกว้างและไม่มีสิ่งอื่นให้ยึดเกาะ นอกจากเกาะพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เท่านั้น นั่งเรือไปก็ภาวนาไปด้วย เอาไตร สรณคมน์เป็นที่พึ่ง “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉา มิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ” (ภาวนาไปตลอดทางเพื่อให้จิตนิ่งและไม่ เกิดความกลัว ตอนนั้นนั่งเรือเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงฝั่ง จะเป็นด้วยเดชะ บุญหรืออะไรก็ไม่รู้ที่ทําให้รอดพ้นจากพายุช่องลมนั้นมาได้อย่าง ปลอดภัย
    พอกลับขึ้นฝั่งก็ไปอยู่ที่ถ้ำตับเตา จังหวัด เชียงใหม่ เพราะเคยอ่านเจอในหนังสือโลกทิพย์ถึง กิตติศัพท์ของท่านพระอาจารย์บุญช่วย ทําให้เกิด ความศรัทธาเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของท่าน จึงเดิน ธุดงค์ไปที่ถ้ำตับเตาแล้วพักปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่นซึ่งมี ความเงียบสงบ แต่หนาวจนเสียดกระดูกก็ได้ฝึกจิต อยู่ตามลําพังรูปเดียว ฉันมื้อเดียว ฝึกอย่างหนักจน จิตเริ่มแก่กล้าขึ้นตามลําดับ
    อาตมาพักอยู่ที่ถ้ำตับเตาได้ประมาณ 2-3 เดือน จึงออกธุดงค์ไปอยู่ที่เขามอ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นเนินเขาเตี้ยๆ ยังไม่เจริญ พอไปถึงก็ไปขอพัก กับเจ้าอาวาสซึ่งขณะนั้นท่านกําลังป่วยอยู่พอดี
    พอได้เข้าพักปฏิบัติธรรมอยู่ที่เขามอ ก็ปรากฏ จิตสัมผัสว่าที่ตรงนี้ดีมาก เทพเทวาเป็นสัมมาทิกริน ดีมาก ถ้าพูดตามหลักฮวงจุ้ยเป็นท้องมังกร ถูกจริต - มาก รับรองว่าถ้าอยู่แล้วมั่นใจว่าเจริญแน่นอน เพราะสัมผัสได้หลายอย่าง ต่อมาก็ได้ช่วยเจ้าอาวาส ท่านช่วยหาเงินค่าน้ำค่าไฟให้กับทางวัด โดยการ แกะพิมพ์พระแล้วเอามานั่งกดด้วยมือตัวเอง พอ เสร็จแล้วก็นํามาปลุกเสกเพื่อเอาไว้ให้ญาติโยมบูชา
    ช่วยให้คนพ้นทุกข์ เพราะเจ้าที่คอยช่วยเหลือ
    ในวันนี้ก็มีศาลเก่าๆ แล้วก็มีเทพจีนที่เขาเรียก ว่าฮกลกซิ่วแกะด้วยไม้ แต่แตกแล้วนะ เขาคงเอามา ทิ้งไว้ที่วัด และมีใครก็ไม่รู้มาทําศาลหลังเล็กๆ ไว้ให้ เราก็ไปยืนเพ่งจิตมองดู ก็สื่อกัน คล้ายสัมผัสได้ว่า ท่านอยากได้ศาลสีแดง เราก็คิดเองว่าได้ อยากได้ สีแดงเดี่ยวจะทําให้ ก็เลยวานโยมไปซื้อสีแดงมา เมื่อได้สีแดงมาแล้วก็จัดการล้างศาลและองค์ท่าน ลงแฟ้บ ขัดอย่างดีแล้วปล่อยให้แห้ง จากนั้นก็ทาสีแดงให้
    เชื่อไหม...?
    พอทําตรงนั้นเสร็จปุ๊บ ท่านแสดงท่านช่วยเรา อย่างปาฏิหาริย์ ท่านไปตามคนมาจากไหนก็ไม่รู้ ให้ มาหา คนที่มีทุกข์นะ มาจากจังหวัดราชบุรี จังหวัดนครปฐม มีอยู่คนหนึ่งทํากิจการโรงงานรองเท้าอยู่ กรุงเทพฯ แต่กิจการไม่ค่อยดี จึงทําให้เขามีความทุกข์ใจ เลยเข้ามาหาเจ้าอาวาสแล้วกราบเรียนท่าน ว่าเป็นทุกข์ กิจการกําลังจะย่ำแย่ จะล่มจมหมดแล้ว ไปสะเดาะเคราะห์หลายที่ก็ไม่ดีขึ้น ไปบวชเพิ่งสึก ออกมา แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น
    ท่านเจ้าอาวาสก็ชี้มาที่อาตมาบอกว่าไปหา อาจารย์รูปนั้นให้ท่านช่วย
    เขาก็มาหาแล้วบอกว่า “ผมกลุ้มใจเหลือเกิน รับมรดกตกทอดจากตระกูลที่ทําธุรกิจเกี่ยวกับ รองเท้า แต่ไม่มีออเดอร์เข้ามาเลย จะเลิกก็เสียดาย เพราะทํามาตั้งแต่บรรพบุรุษ สงสารลูกน้องอีก หลายชีวิตต้องมาตกงานไม่มีกินไม่มีใช้ คิดไม่ตก ใครเขาว่าครูบาอาจารย์รูปไหนดี, ก็ไปให้ขอให้ท่าน ช่วยสะเดาะเคราะห์ก็ไม่ดีขึ้น ไปบวชก็ไม่ดีขึ้น แต่มี อะไรมาดลใจก็ไม่รู้ถึงอยากจะมาที่นี่”
    อาตมาก็เลยบอกเขาไปว่า “ถ้าอย่างนั้น ก็ต้อง ลองดู”
    เมื่ออาตมาพูดเช่นนั้น เขาก็ไปหยิบรองเท้ามาคู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “หลวงพ่อช่วยเสกรองเท้าให้ผม หน่อย มันจะได้ขายดี”
    เราก็ตกใจ “เอ้า....โยมจะให้เสกยังไงล่ะรองเท้า”
    เขาบอกว่ามันเป็นแบบเป็นบล็อกพิมพ์รองเท้า ไอ้เราก็อึ้ง จะเสกยังไงวะรองเท้า เคยนั่งเสกแต่พระ เสกวัตถุมงคล จะมาให้เสกรองเท้า แต่ไม่อยากทําให้ เขาเสียกําลังใจ เพราะเห็นความมุ่งมั่นของเขา จึง คิดว่า เสกก็เสก แต่ไม่กล้าใช้สายสิญจน์ เพราะเห็น ว่าเป็นหุ่นรองเท้า ก็เลยเอาเชือกบล็อกแก้วพัน รองเท้าแล้วเสกอธิษฐานจิตให้เขาไป ครั้นเสกเสร็จ แล้วเขาก็นิมนต์ให้ไปเจิมรถปิกอัพคันใหม่ป้ายแดง พอเจิมเสร็จแฟนเขาก็บอกว่าหลวงพ่ออีก 2 วันรถ จะโดนยึดแล้ว
    อาตมาก็บอกเขาว่า 2 วันโน่นถึงจะถูกยึด เวลายังพอมี ไม่แน่หรอกอาจจะไม่ถูกยึดก็ได้ ยังมี เวลาหายใจอยู่ ก็ต้องลองดูก่อน ก็เจิมให้เขา กําหนด จิตอธิษฐานว่าขอให้เขาไม่ถูกยึดรถและขอให้มีเงิน ผ่อนค่างวดรถ พอเจิมและทําอะไรเสร็จเรียบร้อย แล้ว เขาก็พากันกราบลากลับไป
    ผ่านไปประมาณอาทิตย์กว่าๆ เขาโทรกลับมา หาถามเจ้าอาวาสว่าอาจารย์องค์นั้นยังอยู่ไหม ท่าน ก็บอกว่ายังอยู่ เขาจึงบอกว่าอย่าเพิ่งไปไหนนะครับ เดียวผมจะเอาของมาถวายท่าน ตอนนี้ผมไม่ว่างเลย ยอดออเดอร์รองเท้าสั่งเข้ามาเป็นพันคู่ จนทําไม่ทัน เลย รถก็ไม่ถูกยึด
    เขาพากันดีใจ ซื้อของมาถวายเต็มไปหมดและ เล่าให้ฟังว่า หลังจากกลับไปแล้ว ปรากฏว่ามีใบสั่ง ทํารองเท้าเข้าเป็นพันคู่เลย
    อาตมาจึงบอกเขาว่า “ดีแล้วล่ะโยม ดีใจด้วย ที่โยมประสบความสําเร็จ”
    เท่านั้นแหละ ข่าวก็กระจายออกไป คนนั้นก็ มาหา คนนี้ก็มาหา อาตมาเองยังนึกขําอยู่
    มีอยู่คนหนึ่งแกประกอบอาชีพขายเนื้อหมู เอา เนื้อหมูกิโลหนึ่งมาให้เสก
    อาตมาจึงพูดกับเขาว่า “อ้าว..จะเสกยังไงล่ะ โยมเนื้อหมู”
    เขาก็ย้อนเราอีกว่า “ทําไมที่รองเท้า หลวงพ่อ เสกได้ล่ะ เจ้านั้นหลวงพ่อยังช่วยเขาได้เลย”
    พอเขาพูดอย่างนั้น อาตมาก็คิดในใจว่า เดียว เขาจะหาว่าเราลําเอียงว่าเห็นเขาจนหรือไง ถึง รังเกียจและไม่ยอมช่วย จึงตัดสินใจว่าเสกก็เสก เดียวจะหาว่าเราเลือกคนรวยคนจน พอเสกเสร็จก็ มานั่งคิดอีกว่าเราเสกแล้วขลังเฉพาะหมูชิ้นนี้ใช่ไหม เนื้อหมูมันอยู่ได้ไม่นานก็ต้องเน่า จึงบอกกับเขาไป ว่า “โยมถ้าเสกชิ้นนี้มันก็ขลังเฉพาะชิ้นนี้ ขึ้นอื่นไม่ ได้ขลังด้วยนะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน โยมเอาเนื้อหมู ชิ้นนี้ถวายเข้าโรงครัวของวัดไปเลย เพื่อให้แม่ครัว เขาเอาไปทําอาหารถวายพระ”
    เขาก็เลยพูดขึ้นว่า “เออ..จริงๆ แหละหลวงพ่อ”
    อาตมาจึงบอกเขาว่า “เอาอย่างนี้นะ โยมลอง เอาวัตถุมงคลของอาตมาไปใช้ดู”
    เขาก็บอกว่า “ดีเหมือนกันหลวงพ่อ
    อีกเจ้าก็เสกใบสั่งน้ำพริก ก็ปรากฏว่าขายดีอีก จึงทําให้เกิดเสียงล้ําลือไปแบบปากต่อปาก
    มีโยมคนหนึ่งท่าทางคล้ายคนเมานิดๆ บอกว่า “ผมขายต้นไม้อยู่ที่สวนจตุจักร กรุงเทพฯ จากเมื่อ ก่อนที่เคยขายได้ แต่ตอนนี้ขายไม่ได้เลยทําให้ราย ได้ตกต่ำจนเป็นหนี้เป็นสิน ผมได้ยินกิตติศัพท์ของ หลวงพ่อ จึงมาที่นี่ ถ้าหลวงพ่อแน่จริง หลวงพ่อ ต้องช่วยผมได้”
    อาตมาเลยบอกว่า “แกนน้อมานี่มาอาบ น้ำมนต์ไล่ความเมาเสียก่อน”
    อาตมาจึงอาบน้ำมนต์ให้เขาแล้วทําพิธีบังสุกุลเป็น บังสุกุลตายให้ เสร็จแล้วก็ให้ปลัดขลิกไปอัน หนึ่งแล้วบอกให้เขาเอาไปจิ้มต้นไม้ที่จะขายและ อธิษฐานขอให้ขายดิบขายดี
    อาทิตย์ต่อมา เขาก็กลับมาอีก ถือของมาเต็มเลย พอมาถึงก็บอกว่า “โอ้โห...หลวงพ่อ กลับไปผม ขายต้นไม้ได้วันละ 7,000 บาท ดีใจมากๆ เลย”
    ทีนี้ อาตมาก็รู้สึกเอะใจว่าทําไมมันขลังขนาด นี้ เราคงไม่เก่งถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง ทุกรายช่วยเขา ได้สําเร็จหมด เจ้าที่เจ้าทางท่านคงมีส่วนช่วยเรา เป็นแน่ เพราะท่านรู้เราช่วยคนด้วยความบริสุทธิ์ใจ จริงๆ ไม่ได้หวังสิ่งใดๆ ตอบแทน ก็เกิดความผูกพัน และอยากอยู่ที่นั่น แต่อยู่ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ที่ของเรา ต้องกลับมาที่จังหวัดลพบุรีแล้วไปเยี่ยมโยมแม่ซึ่ง ชราภาพมากแล้วที่จังหวัดกําแพงเพชร โดยพักอยู่ที่ วัดแห่งหนึ่งแถวนอกเมือง เพราะเงียบสงบดีและอยู่ ใกล้โยมแม่อีกด้วย
    มีสิ่งดลใจให้มาอยู่วัดโคกหม้อ
    วันหนึ่งเกิดร้อนรุ่มใจอยากมาเข้าปริวาสกรรม และรู้ว่าที่วัดน้ำตกวังก้านเหลือง อําเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เขาจัดพิธีเข้าปริวาสกรรมขึ้น จึง เข้าไปกราบลาท่านเจ้าอาวาสบอกว่าจะขอไปเข้า ปริวาสกรรมที่จังหวัดลพบุรี สัก 10 กว่าวัน แล้ว จะกลับมา
    ท่านเจ้าอาวาสก็บอกว่า “จะไปทําไม ก็ปฏิบัติ อยู่ทุกวัน ไม่ได้ต้องอาบัติอะไรมิใช่หรือ”
    อาตมาจึงกราบเรียนท่านว่า “ไม่รู้ผมอยากไป เพราะมันร้อนรุ่มและหงุดหงิดอย่างไรก็ไม่รู้ มัน อยากจะไปจังหวัดลพบุรีให้ได้”
    เมื่ออาตมาพูดเช่นนั้น ท่านเจ้าอาวาสก็เงียบ ไม่พูดอะไรต่ออาตมาจึงกราบลาท่านแล้วแบกกลด ออกมาเลย โดยลูกศิษย์คนหนึ่งที่เป็นทหาร เขาขับ รถมาส่งในตัวเมืองลพบุรี ก็จําได้ว่าตอนเล็กๆ เคย มาที่วัดโคกหม้อ เพราะบ้านแม่และปู่ย่าตายายอยู่ที่ นี่ จึงเข้าไปถามคนขับรถสองแถวว่าไปวัดโคกหม้อ ไปยังไง เขาก็บอกทางให้
    พอมาถึงวัดก็คิดว่าจะเข้าไปกราบเจ้าอาวาส เพื่อขอพักสัก 1 คืน รุ่งขึ้นจะไปเข้าปริวาสกรรมที่ วัดน้ำตกวังก้านเหลือง แต่กลับพบว่าเป็นวัดร้าง ไม่มีพระอาศัยอยู่แม้แต่รูปเดียว เงียบมาก บริเวณ วัดรกรุงรังด้วยต้นไม้ใบหญ้าและมีข้าวของวางระ เกะระกะเต็มไปหมด ทําให้เกิดความหดหูใจยังไง ชอบกล เมื่อสอบถามคนแถวนั้นดูก็ทราบว่าพอสิ้นบุญเจ้าอาวาสองค์เก่าแล้ว ทางคณะสงฆ์ส่งใครมา อยู่ ก็ไม่ดีขึ้น ไม่มีใครอยู่ได้ ชาวบ้านก็แตกแยก ไม่ เข้าวัดเข้าวา อาตมาก็คิดว่าปล่อยเขาเรื่องของเขา เดี่ยวรุ่งขึ้นเราก็ไปแล้ว เราขอพักอาศัยแค่คืนเดียว เท่านั้น แต่คืนนั้นปรากฎนอนไม่ได้ทั้งคืน เพราะ ปวดหัวมากจนทนไม่ไหว เหมือนหัวจะระเบิดเลย นั่งกรรมฐานก็แล้ว ทําอะไรก็แล้ว ก็เลยไปบอกน้า ให้ซื้อยามาให้ ฉันยาเข้าไปแล้วอาการปวดก็ไม่ดีขึ้น น้าจึงพาไปหาหมอในเมือง หมอตรวจดูอาการแล้ว ก็บอกว่าไม่เป็นไร อาตมาก็สงสัยว่าไม่เป็นไรแล้ว ทําไมปวดหัวขนาดนี้
    พอกลับมาถึงวัด ก็คิดว่าจะไม่ไปเข้าปริวาส กรรมแล้ว กลับวัดที่จังหวัดกําแพงเพชรดีกว่า ไม่เอาแล้ว ไปไม่ไหว มันปวดหัวมาก แต่พอคิดว่าจะ ไม่ไปปริวาส อาการปวดหัวมันหายเป็นปลิดทิ้ง แต่ ก่อนจะกลับก็ออกไปบิณฑบาต ญาติโยมก็สงสัยและ งงว่าพระธุดงค์ที่ไหนมา ตอนขาไปยังไม่มีใครมาใส่ บาตรนะ พอขากลับเขาจึงมาใส่กันเต็มเลยและพา กันสอบถาม ครั้นรู้ว่าเราเป็นลูกหลานบ้านนี้ เขาก็ พากันให้ความสนใจ เพราะว่าเขาขาดที่พึ่ง วัดไม่มี พระเลย แตกแยกกันไปหมด ทีนี้ผู้เฒ่าผู้แก่เขาก็ อยากได้พระ เพราะตั้งความหวังเอาไว้ว่าจะมีพระลูกหลานบ้านนี้มาโปรดแต่เขาก็ยังไม่พูดอะไร อาตมาจึง กลับไปอยู่กําแพงเพชรตามเดิม
    ปรากฏว่าหลังจากที่อาตมากลับมาอยู่ที่จังหวัด กําแพงเพชรได้เพียง 2 วัน ก็มีญาติโยมจากบ้าน โคกหม้อประมาณ 10 กว่าคน เหมารถไปหาแล้ว ก็แจ้งให้ทราบว่าเป็นกรรมการวัดโคกหม้อ เห็นว่า ท่านก็เป็นลูกหลานคนบ้านนี้ จึงอยากจะกราบ นิมนต์ให้ไปจําพรรษาอยู่ที่วัดโคกหม้อ
    อาตมาเลยบอกเขาไปว่า “ไม่เอาหรอกโยม อยากเป็นอิสระ ไม่อยากมีพันธะ ไม่อยากอยู่กับที่ ชอบธุดงค์ไปเรื่อยๆ มากกว่า”
    แต่พวกเขาก็ไม่ยอมพยายามอ้อนวอนอยู่อย่าง นั้น และมีคําพูดคําหนึ่งที่ทําให้เราถึงกับอึ้งว่า “วัด นี้ยายของท่านสร้างหอระฆังนะ นามสกุลวัฒนจันทร์ แม่ท่านก็เป็นคนที่นี่นะ ท่านไม่คิดจะทํา อะไรให้แผ่นดินแม่บ้างเหรอ”
    พอเขาพูดว่า “แผ่นดินแม่ไม่ทําอะไรให้แม่” มันทําให้อาตมาอึ้ง ชาไปทั้งตัวเลย จนพูดอะไรไม่ ได้อีก เพราะคําว่า “แม่” มันสูงส่งมากๆ
    อาตมาเลยเห็นด้วยกับเขาว่า แม่เราก็คนที่นี่ ปู่ย่าตายายบรรพบุรุษเราก็คนที่นี่ เราเองก็เป็นลูก หลานบ้านนี้ เมื่อเขาเดือดร้อนมา ทําไมเราถึงไม่ ช่วยเหลือ จึงยอมรับคํานิมนต์ของเขาและเข้าไป ลาเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสก็เสียดายนะ แต่ก็พูดอะไร ไม่ออกเหมือนกัน
    พอมาถึงวัดโคกหม้อก็เป็นเวลาเย็นแล้ว พวกกรรมการวัดที่ไปนิมนต์มา พอส่งอาตมาที่วัดโคก หม้อเสร็จแล้ว ก็พากันกลับบ้านหมด เหลืออาตมา เพียงรูปเดียวที่ยืนมองโบสถ์หลังเล็กๆ ซึ่งอยู่ในสภาพพังเอียงกะเท่เร่ มีนกพิราบมาอาศัยอยู่เต็มไปหมด บริเวณวัดและกุฏิสงฆ์ก็ทั้งรกทั้งโทรมจนดูไม่ได้ ทําให้เกิดความหดหูใจจนน้ำตาไหลออกมาโดย ไม่รู้ตัว
    อธิษฐานบารมี ต่อพระประธานในอุโบสถ
    จากนั้น อาตมาจึงเข้าไปกราบอธิษฐานต่อพระ ประธานในโบสถ์ว่า
    “หลวงพ่อครับ ในเมื่อวัดนี้ไม่มีใครมาช่วย ดูแลรักษาและพัฒนาให้เจริญ ผมอาสาจะช่วย ฟื้นฟูเอง แต่หลวงพ่อต้องช่วยแผ่บารมีช่วยผม ด้วยนะ ผมจะกู้วัดนี้ให้กลับคืนมาอยู่ในสภาพที่ สมบูรณ์ดีกว่าเดิม”
    จากนั้นก็เข้าไปพักที่กุฏิที่รกรุงรังด้วยหยากไย่ ต้องมาเก็บกวาดและทําความสะอาดเพียงคนเดียว
    ทําความดี เพื่อเอาชนะคําดูถูกของคน ตอนที่อาตมามาอยู่ที่วัดโคกหม้อใหม่ๆ ก็มีโยม บางคนที่ไม่เคยเข้าวัดแอบมาเมียงมองด้วยสายตา แปลกๆ บางทีก็พูดให้ได้ยินว่า “จะอยู่ได้สักกี่น้ำ เห็นมากี่รูปก็หนีไปหมด” มันช้ำใจเหมือนกันนะ เราเหนื่อยแสนเหนื่อย เขาไม่มาเหลียวแลแถมมาพูด เหน็บแนมอีก แต่อาตมาก็ไม่ได้สนใจ พอบิณฑบาต และฉันเช้าเสร็จ ก็คิดว่าต้องถางหญ้าก่อน เพราะ กันมันรกจัด จากนั้นก็บอกผู้เฒ่าผู้แก่ให้ช่วยหาคน มาต่อไฟให้ และซ่อมรถตัดหญ้าให้
    ตอนนั้นอาตมาทํางานอย่างหนัก ตัวดําปี๋เลย ข้าวก็ไม่ค่อยได้ฉัน จนเป็นโรคกระเพาะ น้อยใจก็ น้อยใจ แต่ก็สู้ท่ามกลางความดูถูกของคนบางคนที่คอยถากถางอยู่ตลอดว่า “หนุ่มแน่นอย่างนี้ จะไป ได้สักกี่น้ำ” แต่ก็คิดได้ว่าคนในหมู่บ้านนี้ คงไม่เลว ไปเสียทั้งหมดหรอก มันต้องมีคนดีบ้างแหละ
    ต้องเอาความดีชนะใจคนให้ได้
    ใหม่ๆ เขาไม่รู้จักเรา เราต้องพิสูจน์ แต่การ พิสูจน์ต้องใช้กาลเวลา
    พระพุทธรูปจะสวยจะงามได้ถูกขัดสีฉวีวรรณ เอาตะไบมาขัดมาเคาะมาทุบมาแต่งจึงจะสวยออก มาได้ กระท้อนยิ่งทุบยิ่งหวาน
    ของทุกอย่างต้องถูกเสียดสีกระทบกระทั่งมัน ถึงจะฝันฝ่า ก็ใช้ความอดทนมาตลอด อุปสรรคมัน เยอะ ก็ทํามาจนทุกอย่างเริ่มดีและเข้าที่เข้าทางมาก ขึ้นกว่าเดิม กุฏิวิหารและบริเวณวัดสะอาดสะอ้าน ญาติโยมก็เริ่มทยอยกันเข้าวัด เพราะเห็นว่าเราทําแบบเอาจริงเอาจัง
    ขอบารมีหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เพื่อช่วยให้สร้างโบสถ์สําเร็จ
    ทีนี้ญาติโยมคนเฒ่าคนแก่เขาก็บอกว่าท่าน อยากจะได้อุโบสถหลังใหม่ เพราะอายุก็มากแล้ว เดี๋ยวจะตายก่อน อยากจะเห็นอุโบสถ อาตมาก็คิดมั่นใจว่าโบสถ์นี่งานใหญ่นะ ผู้เฒ่า ผู้แก่อายุ 80-90 ปี เขาก็พากันอ้อนวอน เมื่อทุก คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากได้อุโบสถหลังใหม่ ก็เลยบอกเขาว่า ถ้าญาติโยมอยากได้ก็จะทําให้ แต่ อย่าทิ้งกันนะ ต้องช่วยกัน มีอะไรต้องช่วยกัน ถ้า โยมไม่เอาอาตมาก็ไม่เอานะ เพราะวัดนี้เป็นของส่วน รวม อาตมามีหน้าที่มาช่วยดูแลให้เฉยๆ ญาติโยมก็ ตอบตกลง
    อาตมาก็สวดมนต์เจริญจิตภาวนาแล้วอธิษฐาน บารมี เพื่อขอให้ก่อการสร้างอุโบสถหลังใหม่สําเร็จ
    อาตมาเคยไปกราบหลวงพ่อคูณ ท่านถามว่า “มาทําไม” ก็กราบเรียนท่านไปว่า “ผมอยากจะสร้าง อุโบสถ”
    หลวงพ่อคูณท่านคงนึกว่าเราจะไปขอเงินจึง ถามขึ้นว่า “ตอนนี้มีเงินอยู่เท่าไหร่”
    อาตมาจึงกราบเรียนท่านว่า “ไม่มีหรอกครับ หลวงพ่อ แต่ผมไม่ได้มาขอเงิน ผมมาขอพรจาก หลวงพ่อ ผมจะใช้บารมีของผมสร้าง”
    ท่านอึ้งไปสักครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “สําเร็จๆ” เมื่อหลวงพ่อคูณท่านให้พรเสร็จจึงเดินทาง กลับมาที่วัดแล้วก็เรียกประชุมญาติโยมชาวบ้านเพื่อ กําหนดวันวางศิลาฤกษ์ พอถึงวันวางศิลาฤกษ์ มี คนหลั่งไหลมาถวายเงินเข้าวัด จํานวน 1,700,000 บาท นับเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจมาก
    ญาติโยมผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่าเกิดมาจากท้องพ่อ ๆ ท้องแม่จนแก่ปานนี้ยังไม่เคยเห็นเงินล้านเลย เพิ่งได้เห็นนี่แหละ ในวันวางศิลาฤกษ์ได้เงินเข้าวัดวา จํานวน 1,700,000 บาท นับเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่เหนื่อย อุปสรรคเยอะมารผจญเยอะ พอมาจับงานใหญ่แล้วมันก็มีการขัดขวางจากบางคนบางกลุ่ม บ้าง บางคนจะเอาญาติของตัวเองมาเป็นใหญ่มา เป็นประธานบ้าง บางคนก็ไปใส่ความต่อเจ้าคณะ อําเภอและเจ้าคณะจังหวัดว่าอาตมาคล้องประคํา เป็นฤาษีบ้าง และอีกมากมายหลายเรื่อง แล้วแต่เขา จะกุขึ้นมาเพื่อใส่ความให้พระผู้ใหญ่ตําหนิหรือมอง เราในแง่ไม่ดี หาเรื่องเราทุกอย่าง?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2022
  2. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    จัดส่งให้เรียบร้อยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    upload_2021-8-18_21-31-5.png
    สวัสดีครับ วันนี้มาแนะนำพระดีพิธีใหญ่ (ดีนอกดีใน)

    หลวงพ่อเย็นวัดบ้านแลง จังหวัดระยอง ******
    หลวงพ่อเย็น เกิดทีบ้านก้นหนอง ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อวันที่ ๗ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๗๓ บิดาชื่อเขียว มารดาชื่อเมี้ยน เกิดใน สกุล ประทุมยศ ได้รับการศักษาเบื้องต้นที่วัด จันทร์สุวรรณโพธิราม ปัจจุบันได้นี้ได้เปลี่ยนเป็น วัดบ้านแลง ได้ออกบวชเมื่ออายุ 20 ปี โดยมีพระครูสมานคุณสังฆปาโมกข์เป็นพระอุปัชฌาย์หลวงพ่อแหยม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อพลบเป็นเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับ ฉายาว่า อุปลวณโณ
    ท่านได้ศักษาพระธรรมวินัย และสามารถสวดพระปาฏิโมกข์ได้ภายใน 1 เดือน ท่านเป็นพระที่มีความเมตตาสูงมาก ใบหน้าท่าน ยิ้มแย้มตลอดเวลา เป็นที่ประใจแก่ผู้ที่ได้เห็นท่านเป็ฯอย่างมาก และเป็นที่น่าแปลกเป็นอย่างยิ่ง ในการนั่งต้อนรับแขกแต่ะละครั้งท่านจะ นั่งแบบพับเพียบและสามารถนั่งได้ทั้งวันโดยที่ไม่เปลี่ยนอริยาบทเป้ฯแบบอื่นเลย หลวงพ่อเย็นเป็นพระที่ชอบรับฟังมากกว่าพูดให้ฟัง และเป็นผู้ที่ชอบแสวงหาความรูเต่าง ๆ ดังจะเห็นได้ว่าท่านได้ค้นคว้าวิชา อบรมต่าง ๆ ในตำหรับตำราโบราณ และพอออกพรรษา ท่านมักจะหลบไปหาความวิเวก และทำจิตพร้อมทั้งไปต่อวิชาต่าง ๆ กับอาจารย์ที่ท่านมั่นใจว่ามีวิชาสูง และได้ไปพบหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หลวงพ่อมักจะเรียกหลวงพ่อวัดปากน้ำว่า ท่านพี่อยู่เสมอ
    ต่อมา พ.ศ. 2595 บรรดาศิษย์ ได้ปรึกษาหาหรือ เพื่อขอร้อง ท่านให้สร้างวัตถุมงคล เพื่อ จะได้ให้ลูกหลานตลอดจนผู้ที่นับถือ ท่านไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งหลวงพ่อก็ได้บ่ายเบี่ยงอยู่เสมอ ท่านได้ให้เหตุผลว่า " การสร้างพระให้คนไว้ใช้มันลำบาก และเวลานี้ฤกษ์พิธีในการทำยังไม่มี" แต่ท่านก็ยังให้ความหวังแก่บรรดาศิษยานุศิษย์ ของท่านคือ ให้หาว่านทุกชนิดที่มีคุณสมบัติพิเศษอยู่ในตัวเองมาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
    และท่านได้ขึ้นมาพบหลวงพ่อวัดปากน้ำ พร้อมทั้งปรึกษาหารือในการจัดสร้างมงคลวัตถุ หลวงพ่อวัดปากน้ำก็เห็นชอบด้วย พร้อมทั้งมอบผง วิเศษซึ่งท่านได้ใช้ผสมพระของขวัญให้แก่หลวงพ่อเย็น และท่านยังให้คำรับรองว่า ในวันทำพิธี ปลุกเสก ท่านจะมาร่วมพิธีอีกด้วย ในระยะที่ทุกคนกำลังรอฤกษ์พิธีที่หลวงพ่อจะกำหนดขึ้นนั้น ท่านได้ให้บรรดาศิษยานุศิษย์และผู้ที่ใกล้ชิดถือศีล นุ่งขาวห่มขาว กระทำพิธีกดและพิมพ์พระในโบสน์ ซึ่งพระเครื่องที่สร้างในครั้งนี้เป็นพระเครื่องระดับชาวบ้านที่ช่วยกันพิมพ์ขึ้นมา ใครมีฝีมือทางช่างก็แกะแม่พิมพ์ โดยมีหลวงพ่อควบคุมอย่างใกล้ชิด ซึ่งแม่พิมพ์ที่แกะขึ้นมา มีทั้งหมด 3พิมพ์ คือ พิมพ์สมเด็จ พิมพ์นางพญา พิมพ์นางกวัก ได้กระทำพิมพ์พระ ถึง 7 วันจึงแล้วเสร็จ หลังจากนั้นแม่พิมพ์ทั้ง 3 พิมพ์ หลวงพ่อก็ให้ช่างทำลายทิ้ง พระผงทั้ง 3 พิมพ์นี้มีลักษณะคล้าย พระผงหลวงพ่อวัด ปากน้ำมาก คือ มีความร่วน และยุ่ย เมื่อถูกน้ำ และไม่ค่อยสวยชาวบ้านถึงกับถามหลวงพ่อว่า "พระไม่ค่อยสวยนะครับหลวงพ่อ" ท่านก็ตอบว่า "ไม่สวยหรอก แต่พระของฉันมันแรงดีน่ะ"
    พอถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2496ท่านก็ได้จัดให้มีพิธีการปลุกเสก ขึ้นที่วัดของท่านเอง โดยท่านได้จัดพิธีขึ้นตามตำหรับโบราณทุกประการ มีการบวงสรวงตามพิธีพราหมณ์ และได้นิมนต์คณาจารย์ต่าง ๆ ที่ท่าน คุ้นเคย และรู้ซึ้งถึงความสามารถ ของกันและกันดีมา 9 องค์ ดังนี้
    ***** 1.พระมงคลเทพมุณี หรือหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จ.ธนบุรี เป็นองค์ประธานพิธี
    ***** 2.หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง จ.นนทบุรี
    ***** 3.หลวงพ่อคล้าย วัดจันดี อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช
    ***** 4.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
    ***** 5.หลวงพ่อบุญธรรม วัดใหญ่ จ.นครปฐม
    ***** 6.หลวงพ่อเผือก วัดกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ
    ***** 7.หลวงพ่อทิม วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย ระยอง
    ***** 8.หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อนอก จ.ระยอง
    ***** 9.หลวงพ่อเย็น วัดบ้านแลง จ.ระยอง
    เมื่อได้เวลาอันเป็นอุดมฤกษ์ พรามหมณ์ได้จัดพิธีบวงสรวงอยู่นั้น ท้องฟ้าที่สว่างจ้า ก็เกิดครึ้มฝนทันทีท่ามกลางความมหัศจรรย์ของผูที่อยู่ใน พิธีเป็นอย่างยิ่ง และได้เกิดเสียงอสุนีบาตผ่าลงมาในปรัมพิธีถึง 3 ครั้ง นับว่าพิธีนี้เทวดาเบื้องบน ยังรับรู้ถึงเจตนา ผู้สร้างเป้นอย่างดี หลังจาก นั้น คณาจารย์ ทั้ง 9 องค์ก็ได้เดินเข้าไปในพระอุโบสถเพื่อทำการลงพลังจิตและแผ่กระแสจิตแห่งพุธรนุภาพลงไปในวัดถุมลคงที่อยู่ในพิธี นี้ พิธีนี้ได้ดำเนินจนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่พอดี หลังจากเสร็จพิธีแล้ว หลวงพ่อวัดปากน้ำได้พูดขึ้นมาว่า "พระชุดนี้ มีรัศมีสวยงามมากเหลือเกิน"
    ก่อนจะกลับ ท่านได้มอบสมเด็จวัดปากน้ำ หรือพระของขวัญให้พระอธิการโพลง (เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน) ไว้เป็นที่ระลึกถึง 3 องค์ ใส่อยู่ ในตลับเงินเสร็จ จึงเป็นที่เชื่อได้ว่า พระผงหลวงพ่อเย็นชุดดนี้ย่อมเป็นพระผงที่มีพระพุทธคุณสูง เพียบพร้อม ไปด้วยอำนาจพระพุทธคุณ ที่คณาจารย์ได้อธิษฐานจิตไว้ทุกประการ โดยเฉพาะหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านได้เป็นองค์ประธานปลุกเสกใสพิธีนี้ด้วย จึงถือได้ว่าพระสมเด็จวัดบ้านแลงจัดเป็นพระทีดีมากชุดนึง.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2021
  4. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    รายการนี้ยังอยู่นะครับ องค์เล็ก เลี่ยใพร้อมแขวนครับ ทั้ง ญ หรือ เด็ก
     
  5. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    upload_2018-8-26_16-0-28.png

    upload_2018-8-18_14-1-6.png

    จิ๋วแต่แจ๋ว!!!พระปิดตา มหาอุตม์ เนื้อผงว่าน หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง จ.นนทบุรี ปี 2500 ให้บูชา 2,000 บาท ปิดรายการนี้ครับ

    พระครูนนทสมณวัฒร (เหรียญ ถาวโร) อดีตเจ้าอาวาส วัดบางระโหง ตำบลบ้านกร่าง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เป็นเกจิอาจารย์แถบคลองอ้อมนนทบุรี ที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณในการทำพิสมร ตะกรุดและพญาไก่เถื่อน ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อชุ่ม วัดประชารังสรรค์ (หญ้าไทร) และหลวงพ่อบัว วัดขวัญเมือง หลวงปู่เหรียญท่านเป็นสหมิกธรรมกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และเคยไปร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกร่วมกับหลวงปู่โต๊ะหลายครั้ง

    เล่ากันว่าหลวงปู่เหรียญ ท่านสนใจในเรื่องพระเวทย์วิทยาคมเป็นอย่างยิ่ง ของใช้ทุกอย่างของท่าน ท่านจะต้องลงอักขระเลขยันต์เสมอ แม้แต่รองเท้าแตะของท่าน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่รองเท้าของท่านจะสูญหายเสมอ

    พระปิดตามหาอุตม์เป็นพระปิดตารุ่นแรกของหลวงปู่เหรียญ ที่สร้างขึ้นในช่วงปีกึ่งพุทธกาล ปี 2500 เพื่อมอบให้ลูกศิษย์ลูกหาที่มานมัสการท่าน เป็นพระปิดตาขนาดเล็ก พิมพ์คล้ายพระปิดตาพิมพ์จิ๋วของวัดท้ายตลาด โดยท่านผสมมวลสารผงพญาไก่เถื่อนจำนวน 2500 ตัว และผงว่าน 108 โดยท่านจะทำการปลุกเสกเดี่ยวในกุฏิของท่านทุกคืน พุทธคุณเด่นด้านเมตตามหานิยม และมหาอุตม์ เป็นที่ยอมรับของศิษยานุศิษย์ของท่านเป็นอันมาก

    พระสภาพคัดสวยมาก คมชัด ฟอร์มล่ำ หายาก พุทธคุณแรงครับ มหาอุตม์ แคล้วคลาด เป็นที่เลื่องลือมานานแล้ว องค์พระขนาดกระทัด เข้าตำรา จิ๋วแต่แจ๋ว สุดยอด องค์นี้เนื้อผงว่าน เนื้อหามวลสารดีเยี่ยม น่าบูชาเป็นอย่างยิ่งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2022
  6. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    ปิดรายการครับ
     
  7. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    ปิดรายการครับ
     
  8. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    จัดส่งเรียบร้อยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
  10. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    สรุปรายการที่เหลือ 21/08/64



    น.27
    - พระผงสังกัจจาย พิมพ์เล็ก หลังเรียบ ลพ.พรหม วัดช่องแค/ ลพ.พรหม วัดขนอนเหนือ ปี13 ให้บูชา 699 บาท

    น.28
    - พระผงพิมพ์เจ้าสัว หลวงพ่อคูณ ปี 36 ให้บูชา 159 บาท



    น.29

    - รูปเหมือนปั๊มเต็มองค์เจ้าคุณนรรัตน์ สภาพสวย ให้บูชา 259 บาท


    น.31
    - เหรียญเจ้าสัว วัดกัลยาณมิตร รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ กล่องเดิม ให้บูชา 599 บาท


    - พระปิดตามหาลาภ เนื้อตะกั่วอวน พิมพ์ใหญ่ ปี37 หลวงพ่อสาคร มนูญโญ วัดหนองกรับ ให้บูชา 599 บาท
    - เหรียญเสมา เจริญพร หลวงพ่อรวย วัดตะโก จ. อยุธยา จัดสร้างปี พ.ศ. 2554 ให้บูชา 599 บาท

    น.32
    - สุดยอดของดี พระสมเด็จบางขุนพรหม รุ่นอุดมมงคล ปี 43 โรยผงเก่า ให้บูชา 699 บาท
    - พระปิดตามหาลาภ มหาเสน่ห์ ครูบากองคำ วัดดอนเปา จังหวัดเชียงใหม่ ให้บูชา 499 บาท
    - เหรียญหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน / หลวงปู่บุญมา สำนักสงฆ์เขาแก้วทอง เหรียญละ 259 บาท

    น.33
    - พระสมเด็จเกศไชโยพิมพ์, พิมพ์ 7 ชั้น Aกรุวัดโพธิ์เกรียบอ่างทอง ให้บูชา 599 บาท
    - พระเนื้อดิน ๑๒ นักษัตรหลังเรียบ ราศีประจำปี ชวด (หนู) หลวงพ่อเล็ก จันทโชโต วัดท่าอิฐ จ.ฉะเชิงเทรา ปี ๒๔๘๔ ให้บูชา 499 บาท

    น.34
    - พระปิดตาหลังแบบ เนื้อผงพุทธคุณ ผสมแร่เขาพรหมชะแง้ หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง จ. เพชรบุรี จัดสร้างปี พ.ศ. 2543 ปลุกเสกนาน 1 ปี!!! ให้บูชา 599 บาท
    - ของดีนอกวัด!!! พระผงสมเด็จพระพุฒาจารย์โต วัดพลา ปี 2510 หลวงปู่ทิม ปลุกเสกครับ ให้บูชา 759 บาท
    - สุดยอดพระดีพิธีใหญ่ พระพุทธ ๒๕ ศตวรรษ เนื้อดิน ให้บูชา 259 บาท ปิดรายการครับ



    น.36
    - เหรียญรุ่นเเรก พระอธิการโต๊ะ วัดท่อเจริญธรรม พ.ศ.2517 เนื้อชินตะกั่ว บล็อคหลังมีมีดดาบ นิยมสุดเเล้วครับ!! ให้บูชา 459 บาท
    - เหรียญ " พระครูปัญญาโชติวัฒน์ ( หลวงพ่อเจริญ ) " วัดทองนพคุณ จ.เพชรบุรี ปี 2511 ให้บูชา 599 บาท
    - เหรียญมหาลาภ ปี30 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ให้บูชา 659 บาท
    - เหรียญปัญจะพุทธามหามงคล สร้างเป็นที่ระลึกครบรอบ 25 ปี ธนาคารศรีนคร เมื่อปี พ.ศ.2518 เนื้อทองแดงพร้อมเลี่ยมสามห่วง ให้บูชา 559 บาท
    - พระผงพระเจ้าทันใจฝังตะกรุด (พิมพ์ขุนแผน) หลวงปุ่ครูบาปั๋น วัดร้องขุ้ม จ.เชียงใหม่ พ.ศ2554 พิธีสุดยอดสุดๆ ให้บูชา 259 บาท
    - พระสมเด็จผงน้ำมัน พิมพ์จัมโบ้ หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง ให้บูชา 1290 บาท
    - เหรียญหลวงพ่อเกษมรุ่นนี้ กองรบพิเศษ (พลร่ม) ที่ 2 ศูนย์สงครามพิเศษค่ายสมเด็จพระนารายน์มหาราช จ. ลพบุรี ปี2521 ให้บูชา 459 บาท

    - พระปิดตาหลวงพ่อเปรื่อง วัดบางจาก รุ่นแรก พิมพ์ชลูด ปี36 สร้างตามตำราสายวัดสะพานสูง พระดีมวลสารเด่น พระมีรานครับ ให้บูชาตามสภาพ 699 บาท


    น.37
    - อีกหนึ่งพระดีราคาย่อมเยาครับ เหรียญที่ระลึกงานหล่อรูปเหมือน หลวงปู่ถม วัดโพธิเรียง ปี18 หลวงปู่โต๊ะร่วมเสก ให้บูชา 450 บาท
    - เหรียญผ้าป่าเพชรบุรึ หลวงพ่อสด ปี 2505 ประกอบพิธีปลุกเสกใหญ่ เนื้อฝาบาตรกระไหล่ทอง ให้บูชา 799 บาท
    - เหรียญเสมานั่งเต่ามหาโชค (รุ่นสุดท้าย) ปี 2541 หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย ให้บูชา 499 บาท
    - พระดีราคาย่อมเยา!!! พระผงหลวงปู่โต๊ะ เป็นรุ่นที่ไม่ทันท่าน แต่ได้ผงเก่า และอัฐิของท่านเป็นมวลสารหลักในการจัดสร้างครับ แบ่งให้บูชา องค์ละ 250 บาท ยกหมด 650 บาท

    - พระสมเด็จเกศทะลุซุ้ม ผสมเกษาหลวงพ่อมีวัดม่วงคัน อ่างทอง ไตรมาส 2545
    ให้บูชา 359 บาท
    - เหรียญซุ้มเรือนแก้ว "สุนะโมโล" (หัวใจขุนแผน) "ฉลองอายุครบ 80 ปี" หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี ปี 2548 เนื้อทองเหลือง ตอกโค๊ต ให้บูชา 359 บาท
    - พระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 6 ปี2532 ให้บูชาองค์ละ 299 บาท

    น.38
    - พระหูยานหลวงพ่อพิเชฐ วัดโคกหม้อ ปี52 เนื้อนวะ หลังจาร ประสบการณ์ดีมาก
    ให้บูชา 459 บาท

    - จิ๋วแต่แจ๋ว!!!พระปิดตา มหาอุตม์ เนื้อผงว่าน หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง จ.นนทบุรี ปี 2500 ให้บูชา 2,000 บาท



    สนใจสอบถามได้นะครับ ต่อรองราคาได้ครับ ทุกรายการประกันแท้ตลอดชีพ

    (เพิ่มค่าจัดส่ง 50 บาท)


    ติดต่อ : 065-2696697 (ฮิม)
    Line ID : himhirose
    __________________________________________

    รายละเอียดการโอน
    พร้อมเพย์ : 0652696697
    บช.ธนาคารไทยพาณิชย์ 6662862789

    นายเธียรวิชญ์ จรัญเดชากาญจน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2021
  11. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    upload_2021-8-24_21-59-47.png

    upload_2021-8-24_22-0-0.png



    พระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 6 ปี2532 ให้บูชา องค์ละ 300 บาท มี 2 องค์ครับ
    พระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 6 หรือรุ่นพระไตรปิฎก เนื่องจากมีปั๊มคำว่า พระไตรปิฎก ด้านหลังองค์พระ และวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อสร้าง พระไตรปิฎกหินอ่อน ของวัดปากน้ำ มีจำนวนการสร้างทั้งหมด สามล้านองค์ ส่วนพิมพ์คะแนนมีจำนวน สามหมื่นองค์ โดย พระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 6 นี้เริ่มสร้างเมื่อปี 2532 และมาเสร็จครบตามจำนวนในปี 2533 ใช้เวลาในการจัดสร้างประมาณ 7 เดือน จึงเริ่มเปิดให้บูชารอบแรกในปี 2533 นี้เอง และหลังจากเปิดให้บูชารอบแรก ปรากฎว่า พระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 6 นี้ เป็นที่นิยมของนักสะสมบูชาเป็นอย่างมาก จนราคาเช่าบูชาได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเป็นหลักหลายพันบาท ส่วนพิมพ์นิยมก็ขึ้นถึงหลักหมื่น ทางวัดปากน้ำ จึงนำพระที่ยังเหลืออยู่ที่วัดอีกส่วนหนึ่ง ออกให้เช่าบูชาเป็นครั้งที่สอง โดยกำหนดให้บูชาได้คนละหนึ่งองค์เท่านั้น ในราคาเดิมคือองค์ละ 100 บาท ครั้งนี้จึงมีผู้คนมาจนแน่นวัด จนมีผู้สูงอายุท่านหนึ่งเป็นลมและเสียชีวิต จนทำให้หลายคนเรียก พระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 6 นี้ว่า รุ่นเหยียบกันตาย
    การสร้าง พระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 6 เป็นแบบทยอยสร้าง และค่อย ๆ บรรจุวิชชาธรรมกายลงในพระแต่ละชุดแต่ละจำนวนที่ทยอยสร้างออกมา คือเมื่อพิมพ์พระได้จำนวนหนึ่งผึ่งแห้งได้ที่แล้ว ก็นำบรรจุกล่องไปบรรจุวิชชาธรรมกาย ตามแบบฉบับของหลวงพ่อสด แล้วก็ผสมเนื้อพิมพ์พระออกมาใหม่แล้วก็นำไปบรรจุวิชชาธรรมกายเหมือนเดิม ทำอย่างนี้ทีละชุดไปเรื่อย ๆ จนครบจำนวน


    พระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 6 มีมวลสารต่าง ๆ ที่นำมาจัดสร้าง คือ
    1. ปูนขาวเปลือกหอย
    2. กล้วยน้ำว้า
    3. ดอกไม้แห้งที่บูชาหลวงพ่อสดที่ได้รวบรวมไว้
    4. ขี้ธูปจากกระถางที่บูชาหลวงพ่อสด
    5. ทองคำเปลวที่ลอกมาจากองค์หลวงพ่อสด
    6. ผงเก่าของวัดปากน้ำรุ่น 1-5
    7. หินรัตนชาติและพลอยสี (มีเฉพาะพระคะแนน) ฯลฯ

    พระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่น 6 จะมีสีของเนื้อหาส่วนใหญ่ เป็น สีขาว, เทา, เหลือง, น้ำตาลอ่อน, น้ำตาลแก่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2021
  12. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458


    upload_2021-8-24_22-11-34.png

    upload_2021-8-24_22-11-48.png



    พระผงพิมพ์นาคปรก กรุวัดมอญ จ.อ่างทอง(หายาก) ให้บูชา 899 บาท ปิดรายการครับ
    #สุดยอดมวลสารผงพุทธคุณของสมเด็จโต
    #มากประสบการณ์
    ประวัติพระกรุวัดมอญ จ.อ่างทอง
    วัดมอญ หรือ วัดพิจารณ์โสภณ จ.อ่างทอง เป็นวัดราษฎร์ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไหร่ เมื่อในอดีตมี หลวงปู่หว่าง เป็นเจ้าอาวาส ท่านเป็นสหธรรมมิกกับหลวงปู่ทรัพย์ วัดใหม่ปากบาง พระนครศรีอยุธยา #ท่านทั้งสองต่างก็เป็นศิษย์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต และ ในอดีตสมเด็จโต ท่านมักจะแวะมาหาหลวงปู่หว่างเสมอๆ เมื่อเวลาที่ท่านมาดูแลงานก่อสร้างพระมหาพุทธพิมพ์ที่วัดไชโยวรวิหาร
    ต่อมาภายหลัง หลวงปู่หว่างท่านได้สร้างพระพิมพ์ขึ้นแล้วบรรจุไว้ในเจดีย์ เป็นพระเนื้อผงผสมว่านแก่น้ำมัน(เนื้อหาดูคล้ายกับพระกรุวัดบึงพระยาสุเรนทร์ เนื้อเขียวอมเทา หินลับมีด)
    การพิมพ์พระใช้แม่พิมพ์สองชิ้นประกบกัน จึงปรากฏรอยตะเข็บขึ้นที่ขอบด้านข้างขององค์พระโดยรอบ แต่จะมากหรือน้อย เห็นชัดหรือไม่ แล้วแต่องค์ แต่เดิมไม่มีใครทราบว่า ทำไมต้องกดพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์ในลักษณะนี้ แต่ปริศนาทุกอย่างก็ปรากฏคำตอบ เมื่อพระแตกกรุออกมาจากเจดีย์ในวัดที่หลวงปู่หว่างสร้างไว้ พบพระพิมพ์บางองค์ชำรุดแตกหัก ใจกลางองค์พระระหว่างเนื้อพระด้านหน้าและด้านหลัง ปรากฏผงสีเหลืองนวลบรรจุอยู่เหมือนไส้ขนม สันนิษฐานกันว่าเป็นผงวิเศษ ที่หลวงปู่หว่างท่านได้รับมาจากเจ้าพระคุณสมเด็จโต
    พระกรุวัดมอญ อ่างทอง เป็นพระเนื้อผงบรรจุกรุ มีอายุเป็นร้อยปี มักจะหาพระสภาพสวยสมบูรณ์ได้น้อยองค์ พระกรุนี้มีหลายพิมพ์ ประวัติการสร้างแน่นอน สร้างและบรรจุในกรุเจดีย์ที่วัดมอญประมาณปี2442 เป็นพระที่มีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด และ เมตตาสูง มีในรายการประกวดสากล ปัจจุบันพระกรุวัดมอญ เป็นที่เสาะหากันเป็นอย่างมากทั้งในท้องถิ่นและพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้เนื่องมาจากประสบการณ์ชัดเจน บูชาแล้วเด่นทางแคล้วคลาดคงกระพัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2021
  13. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    upload_2021-8-24_22-19-36.png

    upload_2021-8-24_22-19-48.png

    upload_2021-8-24_22-20-5.png




    พระปิดตาทรงไก่ รุ่น 2 หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข เนื้อขาว ให้บูชา 299 บาท ปิดรายการครับ

    เนื้อสีขาวและสีดำ ใช้มวลสารเดียวกัน แตกต่างกันดังนี้

    - เนื้อสีขาว แก่เกษร
    - เนื้อสีดำ แก่ดินกากยายักษ์

    อาราธนาด้วยคาถา

    อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ พุทธเมตตา

    หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข
    (พระอภิญญาผู้ชำนาญกสิณน้ำ)

    พระปิดตาทรงไก่รุ่นแรกของหลวงปู่นั้นมีประสบการณ์โด่งดังมาก เพราะมีชายคนหนึ่งแห่งหัวลำโพง ขูดผงพระปิดตาไปให้ผู้หญิงกิน ผลก็คือได้เมียนับสิบ จนเรื่องรู้ถึงหูหลวงปู่ ท่านเลยสั่งให้เอาพระปิดตาขี่ไก่รุ่นแรกไปบรรจุกรุ ไม่ยอมมอบให้ใครอีก

    จนลูกศิษย์ต้องไปขอร้องว่า คนที่นำไปใช้ทางที่ดีก็มี จึงขอความเมตตาจัดสร้างพระปิดตาขี่ไก่รุ่นสองขึ้นมา เมื่อมีคนนำไปใช้แล้ว เรื่องเมตตามหานิยมและเสน่ห์ในตนนั้น มีความแรงสุด ๆ แบบชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ทั้งเรื่องราวความรัก ทั้งเรื่องโชคลาภและการค้า เพราะว่าไก่เป็นสัญลักษณ์แห่งการทำมาหากิน

    หลวงปู่ท่านว่า "รุ่นแรกฉันยังไม่เก่ง รุ่นหลังๆ นี่ฉันเก่งแล้วนะ"

    หลวงปู่ปลุกเสกเดี่ยวเป็นเวลา 3 เดือน ก่อนนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกใหญ่อีกครั้งในพระอุโบสถวัดดวงแข ทิ้งสมบัติอันล้ำค่าให้แก่ลูกศิษย์ ชนิดมีประสบการณ์ล้นหลาม

    พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ในพระอุโบสถวัดดวงแข วันที่ 23 ตุลาคม 2536 เวลา 13.39 น. ถึงเวลา 18.59 น. มีครูบาอาจารย์ร่วมปลุกเสก ดังนี้
    ๑. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จุดเทียนพระฤกษ์
    ๒. หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย จุดเทียนชัย
    ๓. หลวงปู่ผล วัดเชิงหวาย
    ๔. หลวงพ่อดี วัดพระรูป
    ๕. หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข จุดเทียนนวหรคุณ
    ๖. หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ดับเทียนชัย
    ๗. หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
    ๘. หลวงปู่โง่น วัดพระบาทเขาลูกช้าง
    ๙. หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา
    ๑๐. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    ๑๑. หลวงพ่อผล วัดดักคะนน
    ๑๒. หลวงพ่อสำราญ วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    ๑๓. พระครูนนทสิทธิการ(หลวงพ่อวัดไทรน้อย)นนทบุรี
    ๑๔. หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ
    ๑๕. หลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง
    ๑๖. หลวงปู่ทอง วัดสามปลื้ม
    ๑๗. หลวงพ่อทองใบ วัดสายไหม
    ๑๘. หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว
    ๑๙. หลวงพ่อเกษม วัดท้องไทร
    ๒๐. หลวงพ่อสุทิน วัดเกยชัยใต้

    รุ่นสุดท้าย ปี 2536
    พระผงรุ่นสุดท้ายนี้มีด้วยกัน6พิมพ์ ปีนี้หลวงปู่สั่งให้ปั้มออกมาให้มากที่สุด แต่ละพิมพ์ได้ประมาณพิมพ์ละ 15000องค์ หลวงปู่สั่งบรรจุกรุที่วัดดวงแข และวัดบ้านแก่ง โดยให้แบ่งพระทุกพิมพ์ออกเป็น3ส่วน เพราะฉนั้นพระผงปีนี้แต่ละพิมพ์จะมีให้สะสมกันพิมพ์ละประมาณ 5-6000องค์เท่านั้น นอกนั้นบรรจุกรุไว้ทั้งสองวัด
    1.สมเด็จพุทธเมตตารัศมีฐานสิงห์
    2.สมเด็จพุทธเมตตา2นะ
    3.สมเด็จนาคปรกสัตตะนาเค
    4.พระปิดตาพุทธเมตตาจัมโบ้ไก่เถื่อ

    5.พระปิดตาพุทธเมตตาไก่2.
    6.พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เตารีด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2021
  14. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    upload_2021-8-24_22-27-24.png

    upload_2021-8-24_22-27-32.png

    พระสมเด็จองค์ปฐม ด้านหลังรูปเหมือนหลวงตาเล็กครึ่งองค์ (พิมพ์ว่า "หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก") เป็นรุ่นแรกที่นำชื่อฉายาหลวงตาลงไว้บนวัตถุมงคล ให้บูชา 399 บาท

    _พระสมเด็จองค์ปฐม รุ่นนี้ได้นำเกศาหลวงตาใส่ลงไปด้วย_ โดยที่อาจารย์ชินปกรณ์ ได้นำผอบเบญจรงค์มาไว้ที่กุฎิหลวงตา.พอหลวงตาท่านปลงเกศาเมื่อใดท่านก็จะนำเกศาของท่านมาใส่ไว้ในพอบเบญจรงค์ใบนี้ทั้งหมด.
    .อาจารย์ชินปกรณ์ เลยมีเกศาของหลวงตาไว้เยอะมากๆ.
    พระผงสมเด็จองค์ปฐมรุ่นนี้ อาจารย์ชินปกรณ์ เทพวงศ์ เป็นผู้ที่สร้างถวายหลวงตา.ด้วยเจตนาบริสุทธิ์. "ขนาดองค์พระเท่ากับพระคำข้าว" พอนำมาถวายหลวงตา หลวงตาท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรท่านเพียงแต่ "ยิ้ม"
    "พระรุ่นนี้หลวงตาท่านเมตตาเสกให้เต็มที่" .. และที่สำคัญท่านจะไม่ค่อยแจกให้กับใคร ..เหตุผลก็คงรู้กันอยู่นะ..
    ..ก่อนที่หลวงตาท่านจะหยิบพระรุ่นนี้มาแจกให้ใคร..ท่านจะมองหน้าก่อน..เพราะอะไรถึงต้องมองหน้า..เหตุผลคือ ท่านจะต้องดูจิตใจผู้รับก่อน..ว่ายังมีความสงสัย..หรือแครงใจอะไรอยู่หรือเปล่า.. ถ้าดูแล้วผู้ที่จะรับมีความเชื่อมั่นไม่แครงใจสงสัย..ท่านก็จะหยิบใส่มือทันทีเลย..
    หลวงตาท่านจะแจกเฉพาะคน.เพราะท่านจะต้องดูผู้ที่จะรับก่อนว่าเกิดสงสัย.แครงใจอะไรหรือเปล่า (กับชื่อที่ลงไว้ด้านหลังพระ)
    เพราะถ้าแจกไปแล้วบุคคลนั้นเกิดแครงใจหรือสงสัย.ก็จะเป็นการ "ปรามาส" ได้ (เรื่องนี้สำคัญยิ่ง) .. เพราะท่านไม่อยากให้ลูกหลานของท่าน "ตกนรก" ..
    (พระรุ่นนี้จะใส่มวลสารของหลวงตาเล็กที่ท่านลบ เกศา และมวลสารท่านแม่ชีประทุม โชติอนันต์ และอีกหลายอย่าง ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ สมปรารถนา มหาลาภ เป็นอย่างมาก)
     
  15. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    upload_2021-8-24_22-32-55.png

    upload_2021-8-24_22-33-2.png


    พระผงรุ่นแรกอาจารย์เสี่ย( ผู้ปลุกเสกคนเดียวกับพระ #ปากน้ำรุ่น4 ) พิมพ์พระพุทธสิหิงค์ ให้บูชา 559 บาท



    รุ่นนี้เป็นที่ท่านอาจารย์มนัส สิวาภิรมย์รัตน์ ได้สร้างไว้ประมาณ พ.ศ.2520 กว่า นับเวลาประมาณ 40 ปี ในสมัยนั้นท่านนำ #ผงมหาราชของหลวงพ่อสด มาผสมไว้จำนวนมาก แล้วยังนำผงของเกจิอาจารย์ที่ท่านไปเล่าเรียนมาอีกจำนวนมาก
    อีกทั้งยังไปขอความเมตตาพระภาวนาโกศลเถระ (วีระ คุณุตโม) อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนา วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ซึ่งพระอาจารย์สอนกรรมฐานวิชาธรรมกาย โดยท่านพระอาจารย์เป็นผู้ได้รับความไว้ใจจากลูกศิษย์สายวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ใหัปลุกเสกพระผง #ปากน้ำรุ่น4 ได้เมตตาซ้อนวิชาธรรมกายให้ 1 พรรษา
    ก่อนหน้านั้นท่านได้ให้ ลพ.พุฒิ วัดเขาไม้แดง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ลป.ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ปลุก 1 พรรษา
    นอกจากทั้งสองท่านแล้ว ยังได้นำไปใหัอีกหลายที่เป็นพระอาจารย์ของท่านเมตตาอธิษฐานจิต เช่น
    พระมงคลศีลาจารย์ (หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดวังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง และอดีตเจ้าคณะหมวดเนินฆ้อ อดีตเจ้าคณะตำบลเนินฆ้อ ท่านเป็นพระที่มีอายุยืนยาว 100 ปีและมีเมตตาธรรมสูง
    หลวงปู่สุภา กันตสีโล เจ้าอาวาสวัดสีลสุภารามรูปปัจจุบัน ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และ พระอาจารย์สีทัตต์ วัดท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เป็นพระเถระคณาจารย์ที่มีพรรษาแก่กล้า และมีอายุยืนถึง 118 ปี 98 พรรษาตั้งแต่แผ่นดินรัชกาลที่ 5 — ปัจจุบันนับเป็นเวลาถึง 5 แผ่นดิน และเชี่ยวชาญพุทธาคมมากที่สุดรูปหนึ่งในรูปปัจจุบัน พระเครื่องที่ออกนามในวัดสารอด รุ่นเสด็จกลับ เป็นพระเครื่องที่ได้รับความนิยมสูงสุดของท่านเช่นเดียวกับเครื่องราง แมงมุมเรียกทรัพย์ และ จระเข้อาคม อันขึ้นชื่อลือชา
    ปัจจุบันนี้ #พระผงปากน้ำรุ่น4 มีค่านิยมหลักพัน หากสวยๆ จะมีค่านิยมหลักหมื่นขึ้นไป พระผงรุ่นนี้จึงใช้แทนพระผง #ปากน้ำรุ่น4 ได้อย่างมั่นใจ เพราะ
    1.มีผงมหราชหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ที่ผสมอยู่เยอะกว่า
    2.ปลุกเสกด้วยผู้เสก #ปากน้ำรุ่น๔
    ในราคาที่ไม่แพงเอื้อมถึงได้ ในช่วงเศรษฐกิจประเทศหลังผ่านวิกฤตโควิดมา พระรุ่นนี้เด่นด้วยพุทธคุณ เมตตา ค้าขาย เป็นมหานิยม อีกทั้งแคล้วคลาด เช่นเดียวกับ #พระผงปากน้ำรุ่น๔
     
  16. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    upload_2021-8-24_22-39-41.png

    upload_2021-8-24_22-39-48.png



    3s15rY4vtdpxm5FCwz4NI-xzxXvEUWqzLR2T_mReZ2wY&_nc_ohc=fF7k36I1keQAX94Y2i8&_nc_ht=scontent.fnak3-1.jpg


    พระสมเด็จหลวงตาพัน พิมพ์คะแนน ปี2502 ให้บูชา 999 บาท
    ปิดรายการนี้ครับ

    พระสมเด็จหลวงตาพัน สร้างด้วยมวลสารเก่าจากก้นกรุในองค์เจดีย์ วัดใหม่อมตรสล้วนๆ ซึ่งเป็นมวลสารพระสมเด็จที่หักชำรุด ถือได้ว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง เพราะพระสมเด็จ ที่หักชำรุดเหล่านี้เป็น พระสมเด็จ ที่สมเด็จฯโต ท่านได้ปลุกเสกเอาไว้ แล้วบรรจุกรุในองค์เจดีย์ใหญ่ที่วัดบางขุนพรหม ตอนเปิดกรุอย่างเป็นทางการ เมื่อปี ๒๕๐๐ นั้น หลวงตาพัน ท่านเป็นพระลูกวัด อาศัยอยู่ในโบสถ์วัดใหม่อมตรส ท่านจึงอยู่ในเหตุการณ์โดยตลอด พบเห็นพระหักชำรุด ดินก้นกรุที่วัดรื้อขึ้น ท่านก็เก็บรักษาเอาไว้จำนวนมาก จริงๆแล้วท่านมีมวลสารสมเด็จกรุเก่ามาก่อนแล้วเนื่องจากมีพวกมาแอบลักตกพระพอเจอพระหักก็เอาวางไว้แถวเจดีย์ไม่เอาไปด้วยพอท่านมาเจอก็เก็บพระชำรุดเหล่านั้นมาเก็บไว้เพราะความเสียดายของดี ต่อมาปี ๒๕๐๒ ท่านเอาพระหักชำรุดทั้งหมดตำบดอย่างหยาบๆ แล้วเอาพระพิมพ์สมเด็จต่างๆ และพิมพ์อื่นๆ ทำพิมพ์ด้วยยางทำฟันเป็นแม่พิมพ์อย่างง่ายๆ จึงทำให้พระของท่านแทบทุกพิมพ์ทรงดูตื้นขาดความสวยงาม จากนั้นก็นำผงมวลสารที่ตำบดไว้ผสมน้ำมันตังอิ๊วตามสัดส่วนแล้วกดพิมพ์เป็นองค์พระพิมพ์ต่างๆออกมา ส่วนมากเป็น พระพิมพ์สมเด็จพิมพ์ตื้นๆไม่คมลึกมากนัก ท่านเริ่มสร้างเรื่อยมาตั้งแต่ ปี 2502 และแจกลูกศิษย์ลูกหาที่แวะเวียนมากราบท่าน ถือว่าเป็นสมเด็จที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวอยู่แล้วครับ ถ้าคิดจะหาสมเด็จแท้ ๆ ราคาพอจับต้องได้ แนะนำเลยครับ สมเด็จหลวงตาพัน กับหลวงปู่ลำภู วัดใหม่อมตรสแน่นอนครับ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2022
  17. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    upload_2021-8-24_22-52-12.png



    สุดยอดของดี!!! พระผงน้ำมันวัดอัมพวา พิมพ์วัดรังษี ให้บูชา 2450 บาท ลูกค้าจองครับ

    พระผงน้ำมันวัดอัมพวา แม้จะมีพิมพ์ทรงหลากหลายกว่า ๑๐ พิมพ์ แต่ก็เล่นง่ายศึกษาง่าย โดยเฉพาะด้านหลังองค์พระ นอกจากหลุมบ่อแบบผิวดวงจันทร์ดังกล่าวแล้ว ยังมีลายนิ้วมือ รอยราน และสีดำคล้ายหมึกจีน ที่ฝังแน่นอยู่ตามร่องรอยแตกราน ซึ่งปรากฏให้เห็นทุกองค์ มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป
    พระผงน้ำมันวัดอัมพวา มีลักษณะของเนื้อหาใกล้เคียงกับ พระผงกรุวัดสามปลื้ม คือ มีผิวฉ่ำมัน สีอมเหลือง มีการร่อนของผิวพระเป็นจุดๆ คล้ายผิวดวงจันทร์ แต่พระผงน้ำมันวัดอัมพวาจะมีคราบกรุเบาบางกว่า ซึ่งเป็นไปได้ว่า ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ น่าจะได้รับการถ่ายทอดวิธีการสร้างพระเนื้อผงมาจาก "พระธรรมานุกูล" (ด้วง) ผู้สร้างพระผงกรุวัดสามปลื้ม นั่นเอง
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) วัดอรุณราชวราราม นอกจากเป็นมีตำแหน่งหน้าที่ด้านการปกครอง มีสมณศักดิ์สูงถึงชั้นสมเด็จพระราชาคณะแลัว ยังเป็นพระเถระที่มีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนาอย่างยิ่ง พระคณาจารย์หลายต่อหลายรูปที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักหลายต่อหลายท่านก็เคยได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาทางพุทธาคมจากท่าน ไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม พระครูภาวนาวิจารณ์ (ลืม) วัดอรุณฯ พระพิมลธรรม (นาค) วัดอรุณฯ รวมทั้งหลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร ที่มีชื่อเสียงมากในช่วงปี ๒๕๐๐ ก็เป็นศิษย์รุ่นเล็กของท่าน
    วิชาที่นับว่ามีชื่อเสียงและเป็นที่ต้องการของมวลศิษย์ทั้งหลายของสมเด็จฤทธิ์ คือ วิชาทำตะกรุด ทำผงกลับศัตรูเป็นมิตร เป็นวิชาทางเมตตาชั้นสูงที่เรียนสำเร็จได้ยาก จึงมีศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดไว้ได้ไม่มากนัก หนึ่งในนั้น คือ หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน ผู้สร้างพระปิดตาเนื้อผง และเหรียญรูปเหมือนที่มีค่านิยมถึงหลักล้าน
    แต่ก็น่าแปลกที่พระเครื่องในสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) กลับมีมูลค่าความนิยมเพียงหลักพัน ถึงหมื่นกว่าๆ เท่านั้น ทั้งๆ ที่เป็นพระเครื่องที่อุดมไปด้วยมวลสารชั้นเยี่ยม แม้จะไม่มีใครเคยจดบันทึกถึงการสร้างพระเครื่องเนื้อผงน้ำมันวัดอัมพวา ว่ามีผงวิเศษและมวลสารสำคัญอะไรบ้าง แต่ก็มั่นใจได้ว่า พระคณาจารย์ยุคนั้นท่านต้องทำอย่างพิถีพิถัน อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีผงวิเศษห้าประการ เช่นเดียวกับ พระพิมพ์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง
    นอกจากนี้ยังต้องมีผงวิเศษสำคัญ สุดยอดวิชาในสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) คือ "ผงกลับศัตรูเป็นมิตร" โดยท่านได้เขียนและลบผงบนกระดานชนวนมาเป็นมวลสารสำคัญ เมื่อได้ผงวิเศษตามต้องการแล้ว ยังต้องหามวลสารอันเป็นมงคลมาบดผสมเข้าไปอีก เช่น เกสรดอกไม้ ตะไคร่เสมา ผงธูป คัมภีร์ใบลานเผา ถ่านไม้มงคล ข้าวสวย ฯลฯ นำมาผสมเข้ากับปูนเปลือกหอย เพื่อเพิ่มปริมาณของเนื้อผงที่จะนำมาทำพระพิมพ์ แล้วจึงใช้น้ำอ้อย กล้วยน้ำไท น้ำปูน เป็นตัวประสานเนื้อ และใส่น้ำมันตังอิ๊วเป็นตัวช่วยให้เนื้อพระมีความยืดหยุ่น นุ่มนวล ไม่ปริแตกง่าย
    พระผงน้ำมันวัดอัมพวา มีลักษณะของเนื้อหาใกล้เคียงกับ พระผงกรุวัดสามปลื้ม คือ มีผิวฉ่ำมัน สีอมเหลือง มีการร่อนของผิวพระเป็นจุดๆ คล้ายผิวดวงจันทร์ แต่พระผงน้ำมันวัดอัมพวาจะมีคราบกรุเบาบางกว่า ซึ่งเป็นไปได้ว่า ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ น่าจะได้รับการถ่ายทอดวิธีการสร้างพระเนื้อผงมาจาก "พระธรรมานุกูล" (ด้วง) ผู้สร้างพระผงกรุวัดสามปลื้ม นั่นเอง
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) ได้สร้างพระผงน้ำมันนี้ขณะครองวัดอรุณฯ แล้วนำไปบรรจุไว้ที่วัดอัมพวา เมื่อครั้งที่ท่านได้ไปบูรณะวัดนี้ราวปี ๒๔๕๐ เนื่องจากท่านเกิดและเติบโตบริเวณวัดอัมพวา ซึ่งในขณะนั้นมีสภาพใกล้เป็นวัดร้างเต็มที
    นอกจากนี้ท่านเจ้าประคุณยังได้นำชุดนี้ไปบรรจุกรุอีกหลายวัด ย่านบ้านช่างหล่อ พรานนก ซึ่งเป็นวัดที่เกี่ยวข้องกับท่านเจ้าประคุณทั้งสิ้น เช่น วัดนาคกลาง วัดดงมูลเหล็ก รวมทั้งที่กรุเจดีย์เล็กวัดอรุณฯ ซึ่งถูกขโมยเจาะเจดีย์เพื่อล้วงเอาพระมาแล้วครั้งหนึ่ง ในคืนฝนตกเมื่อปี ๒๕๐๓
    แต่พระชุดนี้ชาวบ้านและวงการพระเครื่องเรียกกันจนคุ้นหูว่า พระผงน้ำมันวัดอัมพวา เนื่องจากมีการเปิดกรุอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่วัดนี้ เมื่อปี ๒๔๘๔ คราวสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยพระครูแป้น รชโฏ เจ้าอาวาสวัดอัมพวา ครั้งนั้นได้นำพระออกมาแจกเพื่อบำรุงขวัญทั้งทหาร ตำรวจ และชาวบ้านในย่านนั้น ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟบางกอกน้อย อันเป็นที่ตั้งกองกำลังสำคัญของทหารญี่ปุ่น เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดไม่เว้นแต่ละวัน ว่ากันว่า คนที่มีพระผงน้ำมันวัดอัมพวา รอดตายจากเหตุการณ์สงครามครั้งนั้นทุกคน (วัดอัมพวา ตั้งอยู่ที่ถนนอิสรภาพ ใกล้สี่แยกพรานนก บางกอกน้อย ธนบุรี)
    การแตกกรุครั้งที่ ๒ เนื่องจากเจดีย์ที่บรรจุพระผงน้ำมันเกิดหักโค่นลงมา จึงมีพระเครื่องไหลออกมาจำนวนมาก มีพระบางส่วนชำรุดแตกหัก ทางวัดจึงนำพระที่แตกหักเหล่านั้นมาบด แล้วกดพิมพ์ขึ้นใหม่ พร้อมกับจัดพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้ได้ออกให้ทำบุญเพื่อบูรณะเสนาสนะและเจดีย์ในวัด พระส่วนที่เหลือได้นำเข้าบรรจุเจดีย์ทดแทนของเก่า
    พระผงน้ำมันวัดอัมพวา แม้จะมีพิมพ์ทรงหลากหลายกว่า ๑๐ พิมพ์ แต่ก็เล่นง่ายศึกษาง่าย โดยเฉพาะด้านหลังองค์พระ นอกจากหลุมบ่อแบบผิวดวงจันทร์ดังกล่าวแล้ว ยังมีลายนิ้วมือ รอยราน และสีดำคล้ายหมึกจีน ที่ฝังแน่นอยู่ตามร่องรอยแตกราน ซึ่งปรากฏให้เห็นทุกองค์ มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป พระบางองค์มีการทาชาดปิดทองมาแต่เดิม งดงามมาก ทั้งคราบกรุบางๆ ก็ช่วยให้พิจารณาความเก่าได้ง่ายขึ้น
    พุทธคุณของพระผงน้ำมันวัดอัมพวา นับว่าดีเด่นเหลือคณานับ โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดจากภยันตราย กลับร้ายกลายเป็นดี กลับศัตรูให้กลายเป็นมิตร เป็นที่ยกย่องนับถือของคนยุคเก่าก่อนมาแสนนาน แม้แต่ "อาจารย์เซีย บุษปบุตร" นักนิยมพระเครื่องระดับอาวุโสผู้ล่วงลับไปแล้ว ก็ยังเคยเช่าบูชาพระผงน้ำมันวัดอัมพวา ถึงองค์ละ ๘๐ บาท และเช่าตะกรุดกลับศัตรูเป็นมิตร ซึ่งทำจากทองคำ ของยายเมี้ยน หมอตำแย ผู้ได้รับมอบตะกรุดมาจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ถึงดอกละ ๕๐๐ บาท เมื่อปี ๒๕๐๕ ในขณะที่ราคาซื้อขายทองคำเพียงบาทละ ๓๘๐ บาทเท่านั้น
    นอกจากนี้ยังเล่าลือกันว่า เจ้าสัวคนหนึ่ง นับจากข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งรกรากในเมืองไทย มีเพียงพระผงน้ำมันวัดอัมพวาติดตัวอยู่เพียงองค์เดียวเท่านั้น ท่านได้พึ่งพาพระพุทธคุณมาตลอด จนกระทั่งตั้งตัวได้ กลายเป็นมหาเศรษฐี เจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังมูลค่าหลายพันล้าน และมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของเมืองไทยในปัจจุบัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2021
  18. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    สนใจสอบถามได้นะครับ ต่อรองราคาได้ครับ ทุกรายการประกันแท้ตลอดชีพ

    (เพิ่มค่าจัดส่ง 50 บาท)

    ติดต่อ : 065-2696697 (ฮิม)
    Line ID : himhirose
     
  19. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
  20. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,214
    ค่าพลัง:
    +458
    ปิดรายการครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...