คลังเรื่องเด่น
-
หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าเรื่อง ลูกศิษย์คนแรกที่ไปนิพพาน
หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าเรื่อง ลูกศิษย์คนแรกที่ไปนิพพาน
ทายกทายิกาประจำวัด ก็มีคนอยู่ ๓ คน
คือ โยมพวง โยมน้อย และก็โยมอะไรหนอ
นึกชื่อไม่ออกเสียแล้ว มี ๓ คนด้วยกัน
ส่งของมาเป็นประจำ เอากล้วย เอาอ้อย
เอาผักบ้าง เอาปลาบ้าง มาถวายเป็นประจำ
โยมน้อยคนนี้เจริญกรรมฐานเก่งมาก เวลานั้นก็เจริญกรรมฐานอยู่ ๓ คน
นี่คนประจำ บางวันก็มีคนอื่นมาร่วมด้วยบ้าง จริง ๆ แล้วก็ ๓ คนนี่เป็นประจำแน่นอน
แต่ว่าโยมน้อยเก่ง ตอนหลังท่านเป็นโรคมะเร็งที่ท้อง อาตมาก็จะเข้ากรุงเทพฯ
วันก่อนที่จะเข้ากรุงเทพฯ หนึ่งวันก็ไปเยี่ยมท่านที่บ้าน ท่านก็นอนเฉยไม่แสดงอาการอะไรทั้งหมด
ถามว่า โยมปวดไหม บอกว่า ปวดมากเจ้าค่ะ ถามว่า โยมเวลานี้นึกถึงอะไร
โยมก็บอกว่า นึกถึงนิพพานอย่างเดียวเจ้าค่ะ ถามว่า โยม เห็นพระไหม บอกว่า เห็นเจ้าค่ะ
เห็นรูปร่างเป็นอย่างไร บอกว่า รูปร่างใสเป็นแก้ว ถามว่า พระองค์นั้นเป็นใคร โยมทราบไหม
แกบอกว่า ทราบ ถามว่า ใครล่ะ โยมก็เลยบอกว่า พระพุทธเจ้าเจ้าค่ะ
บอกว่า วันพรุ่งนี้อาตมาต้องไปกรุงเทพฯ อาตมาไม่อยู่
เพราะว่าจะต้องไปสอนกรรมฐานที่บ้านซอยสายลม บ้านเจ้ากรมเสริม
แกก็พยักหน้า เลยบอกว่า... -
"เปลือก กระพี้ แก่น" หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสฺสโก
"เปลือก กระพี้ แก่น"
" .. พวกเราเข้ามาสู่วัดวาศาสนาเพื่อปฏิบัติภาวนา ไม่ได้มาเพื่ออย่างอื่น "การภาวนา เป็นการประกอบบุญกุศล คุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ ไม่มีกุศลใดที่จะยิ่งใหญ่กว่าเรื่องจิตตภาวนา"
"จิตตภาวนา เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พ้นทุกข์ในวัฏสงสาร" ไม่มาเวียนว่าย ตายเกิดอีก อย่างไรก็ดี "เรื่องทานและศีลเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ" ที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้เปรียบได้กับการที่เราจะได้แก่นต้นไม้มา เราก็ต้องมีทั้งเปลือก ทั้งกระพี้ก่อน นี้ก็เหมือนกัน
"ทานเปรียบเสมือนเปลือก ศีลเปรียบเสมือนกระพี้ จิตตภาวนาคือแก่น" ถ้าเราต้องการแก่น แต่จะให้เราจะไปปลูกแก่น เพื่อเอาแก่นอย่างเดียวเลย อันนี้มันก็เป็นไปไม่ได้อีกเหมือนกัน เพราะตามธรรมชาติของมัน "เราต้องปลูกต้นไม้ก่อน เพื่อให้ได้เปลือกก่อน ได้แก่นก่อน ถึงจะได้กระพี้ด้วย" ฉันใดก็ฉันนั้น .. "
"ดูใจเขา ไม่สู้ดูใจเรา"
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสฺสโก -
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน เปรตผู้ดีดกรวดทำร้ายพระปัจเจกพุทธเจ้า
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน เปรตผู้ดีดกรวดทำร้ายพระปัจเจกพุทธเจ้า
สัฏฐิกูฏเปรต
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภสัฏฐิกูฏเปรต ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 72 นี้
พระมหาโมคคัลลานเถระ ลงจากภูเขาคิชฌกูฏ พร้อมกับพระลักขณเถระ เห็นเปรตตัวใหญ่โตมาก ขณะจะไป
บิณฑบาต ได้กระทำการยิ้มแย้มแต่ไม่ได้พูดอะไร พอกลับจากบิณฑบาตเข้าไปในวัดพระเวฬุวัน ได้กราบทูลเรื่องนี้แด่พระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า สัฏฐิกูฏเปรตนี้ในอดีตชาติ เป็นบุรุษเปลี้ยผู้ชำนาญในการดีดก้อนกรวด วันหนึ่งเขาได้ขออนุญาตจากอาจารย์ทำการทดลองความแม่นยำของการดีดก้อนกรวด อาจารย์บอกว่าจะต้องไม่ทดลองกับโคหรือกับมนุษย์ เพราะหากโคหรือมนุษย์ตายจะต้องจ่ายสินไหมให้แก่เจ้าของโคหรือญาติของผู้ตาย แต่จะต้องหาเป้าที่เป็นคนที่ไม่มีมีมารดาบิดาเท่านั้น
บุรุษเปลี้ยมาเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ชื่อว่าสุเนตตะ ซึ่งกำลังออกเดินบิณฑบาต จึงคิดจะใช้ท่านเป็นเป้าสำหรับดีดกรวด โดยมีความคิดว่า “พระปัจเจกพุทธเจ้านี้ เป็นผู้ไม่มีมารดาบิดา เมื่อเราดีดผู้นี้ ไม่ต้องมีสินไหม เราจักดีดพระปัจเจกพุทธเจ้านี้ ทดลองศิลปะ”... -
“ภูมิใจที่ได้เป็นพุทธบุตรผู้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย” เผยเรื่องราวสุดประทับใจของพระไทยในต่างแดน
“ภูมิใจที่ได้เป็นพุทธบุตรผู้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย” เผยเรื่องราวสุดประทับใจของพระไทยในต่างแดน...พระ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ ชาตรี เหมพนฺโธ
“ถ้าพุทธศาสนาเสื่อมจากประเทศไทย จะไปเจริญที่รัสเซีย” คำทำนายเก่าของหลวงพ่อพุธ ฐานโย เมื่อหลายปีก่อน ที่เมื่อก่อนอาจฟังดูแล้ว ช่างไกลเกินจะคิดจะฝันถึงได้ แต่ทว่าในปัจจุบันนี้ คำทำนายดังกล่าวดู เขยิบเข้าใกล้ความจริงบ้างแล้ว
เมื่อวัดอภิธรรมพุทธวิหาร แห่งกรุงเซนต์-ปิเตอร์สเบอร์ก ณ ประเทศรัสเซีย ได้รับความนิยมในการเข้าร่วมกิจกรรมทางด้านพระพุทธศาสนาแก่ชาวรัสเซียมากขึ้น เช่น มีการทำวัดสวดมนต์ การทำบุญ การถวายทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนา การบรรยายธรรมทั้งในวัดแห่งนี้เอง ภายใต้การดูแลของ พระ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ ชาตรี เหมพนฺโธ พระไทย
พระ ศ. ดร. ชาตรี เหมพนฺโธ ถือกำเนิดที่ภาคใต้ของประเทศไทย โดยเกิดที่ตำบลควนขนุน อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๓ เรียบจบประถมปีที่ ๖ ที่จังหวัดบ้านเกิด คือ จากโรงเรียนวัดบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้บรรพชาเป็นสามเณรในปีที่จบการศึกษาระดับประถมนั้นเอง... -
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา ทรงบำเพ็ญพระกุศลอุทิศพระราชทานแก่คุณพุ่ม เจนเซน
เช้าวันพุธ ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๐ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปยังพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงบำเพ็ญพระกุศลอุทิศพระราชทานแก่คุณพุ่ม เจนเซน พระโอรส เนื่องในวันคล้ายวันเกิด
การนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธานสงฆ์
ประวัติคุณพุ่ม เจนเซ่น โดยย่อ
คุณพุ่ม เจนเซน มีนามเดิมว่า ภูมิ เจนเซนเกิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2526 ณ โรงพยาบาลในเมืองแซนดีเอโก ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นพระโอรสในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีกับนายปีเตอร์ แลดด์ เจนเซน มีพี่น้องร่วมพระมารดา-บิดา คือคุณพลอยไพลิน และคุณสิริกิติยา เจนเซน ภายหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานนามใหม่ว่า "พุ่ม"
คุณพุ่ม เจนเซนเกิดและเติบโตในแซนดีเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อแรกเกิดคุณพุ่ม เจนเซน มีน้ำหนัก 8 ปอนด์ 16 ออนซ์ แข็งแรงและปกติ ก่อนที่จะเริ่มมีอาการของโรคออทิซึมเมื่อมีอายุได้ 18 เดือน คุณพุ่ม เจนเซนได้เข้าศึกษาระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนมัธยมทอร์รีย์ไพนส์ (Torrey Pines High School)... -
ยังเจอได้เรื่อยๆ อียิปต์พบสุสานโบราณ 2,000 ปี ผ่านหลายยุคสมัย
เอเอฟพีรายงานวันที่ 15 ส.ค. ว่า นักโบราณคดีค้นพบหลุมฝังศพ 3 แห่ง อายุกว่า 2,000 ปี ในเขตอัล-คามิน อัล-ซาฮ์ราวี จังหวัดมินยา ทางใต้ของประเทศอียิปต์ แต่ละสุสานมีโลงหิน หรือ ซาร์โคฟากี และบรรดาชิ้นส่วนของเครื่องปั้นดินเผา
กระทรวงโบราณคดีของอียิปต์ แถลงว่าการค้นพบครั้งนี้บ่งบอกว่าบริเวณดังกล่าวเป็นสุสานชั้นยอดที่กินเวลามายาวนาน
สำหรับหลุมฝังศพที่พบนี้ หลุมหนึ่งแกะสลักภาพบนโลงหิน เป็นใบหน้ามนุษย์ อีกหลุมหนึ่งพบช่องฝังศพอยู่ 6 ช่อง ในจำนวนนี้ช่องหนึ่งฝังเด็กเล็ก กระดูกที่พบน่าจะเป็นทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก อายุต่างยุคสมัยกัน
AFP PHOTO
ส่วนเครื่องปั้นดินเผาที่พบในหลุมศพ มีอายุอยู่ในช่วงราชวงศ์ที่ 27 ก่อตั้งในช่วง 525 ปีก่อนคริสตกาล อีกส่วนหนึ่งมีอายุในช่วงเกรโก-โรมัน ราว 332 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงคริสตศตวรรษที่ 4
“หลุมศพเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของสุสานขนาดใหญ่มากของเมืองที่ใหญ่มาก ไม่ใช่แค่ป้อมปราการของทหารอย่างที่มีผู้เข้าใจกันก่อนหน้านี้” เจ้าหน้าที่กระทรวงโบราณคดีกล่าว และว่า ทีมงานยังลุยต่อไปเพื่อจะเผยความลับที่มีอีกมาก หลังจากเริ่มขุดค้นบริเวณพื้นที่นี้มาตั้งแต่ปี 2558
-------------... -
เคล็ดลับการสวดพระคาถาเงินล้าน
เคล็ดการสวดคาถาเงินล้าน จากหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน ที่ท่านเมตตาแนะนำไว้มาฝากครับ
เมื่อปี ๒๕๒๘ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้ขอให้บรรดาลูกหลานใช้พระคาถาเงินล้านเพื่อเสริมสร้างความคล่องตัวในการดำเนินชีวิตพระท่านก็อนุญาตให้ เราจะสังเกตได้ว่าใครก็ตามที่ทำพระคาถาเงินล้านเป็นกรรมฐานอย่างสม่ำเสมอความคล่องขัดในการดำเนินชีวิตจะมีน้อยกว่าคนอื่นเขา ขอยืนยันคำว่าจริงจังและสม่ำเสมอเพราะว่าเรื่องคาถาเป็นพื้นฐานของอภิญญาคนจะเป็นอภิญญาได้จะต้องมีความจริงจังและสม่ำเสมอ ไม่ใช่ทำ ๆ ทิ้งๆเมื่อท่านทั้งหลายได้ทำจริงจังและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะทำในจำนวนที่มาก อย่างเช่นว่าอาจจะภาวนาวันละ ๑๐๘ จบ เป็นต้นก็จะมีความสะดวกคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา
โดยเฉพาะอาตมานั้น ตั้งแต่ท่านบอกมา ใช้การภาวนาจากที่เคยใช้อยู่ ๙ จบก็เพิ่มมาเป็น ๓๐ จบ....
จากที่ใช้ ๓๐ จบ แล้วรู้ว่าเวลามันเหลืออีกเยอะ ก็เพิ่มเป็น ๓๐๐จบ.......
ไล่มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็น ๓๖๐ จบ เป็น ๖๐๐ จบ เป็น ๙๐๐ จบเป็น๑,๒๐๐ จบ เป็นต้น
การท่องใช้วิธีท่องอย่างช้า ๆ โดยจับลมหายใจภาวนาไปด้วย เป็นการเน้นคุณภาพไม่ใช่จ้ำ ๆ ให้จบไป สักแต่ว่าเอาปริมาณ... -
"การภาวนา คือแก่นพระศาสนา" หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
"การภาวนา คือแก่นพระศาสนา"
" ..เวลานี้ "การภาวนาของเรานั้นรู้สึกว่าแทบจะไม่มีเหลือในวงพุทธศาสนาของชาวพุทธเราเลย" ทั้ง ๆ ที่ "การภาวนานั้นแล คือแก่นพระศาสนาอยู่ตรงนั้นนะ" พระพุทธเจ้าออกมาจากแก่น "ผุดขึ้นมาจากแก่นด้วยอานาปานสติ นั่นแหละแก่น" พระพุทธเจ้าขึ้นที่นั่นก่อน แก่นธรรมขึ้นที่นั่น ๆ
สาวกทั้งหลายที่เราเปล่งถึงท่านว่า "สรณํ คจฺฉามิ" ออกมาจากแก่นนี้ทั้งนั้น ๆ เวลานี้มันไปลูบไปคลำแต่ดอกแต่ใบไปนู้นนะ "ต้นไม่มาบำรุง ไม่มารักษาให้ดี แล้วจะหากินแต่กิ่งแต่ก้านดอกใบมันไปเท่านั้น"
ลูบคลำกิ่ง ก้าน ดอก ใบ ต้นที่สำหรับส่งอาหารให้กิ่งก้านสาขา ดอกใบ มันไม่ดูเป็นยังไงต้นไม้ "มันจะเจริญได้ยังไง เมื่อลำต้นไม่ได้รับการบำรุง" ไปส่งเสริมตั้งแต่ภายนอก ส่งเสริมก็กลายเป็นกิเลสตามกิ่งไปอีกแหละที่นี่นะ ส่วนภายในนี้ปิด ๆ แทบจะมิดเลยละ
เราจึงอยากจะให้พี่น้องทั้งหลาย "ได้ทราบถึงเรื่องพุทธศาสนาอย่างแท้จริง อยู่ที่ไหนแน่ ตรงนี้ละตรงสำคัญมาก" ถ้าขึ้นที่ใจนี้จะกระจายออกทันทีเลย "ฤทธิ์เดชของจิตตภาวนาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย" อย่างพระพุทธเจ้า "พอผุดขึ้นมาก็เป็นศาสดาของโลกทั้งสามได้ทันที" นั่นฟังซิ... -
พระพรหมเอราวัณยังฮิตในหมู่ชาวจีน
ผลการค้นเนื้อหาเกี่ยวกับ “พระพรหมเอราวัณ” ผ่าน Google ในภาษาจีน สูงกว่าในภาษาไทยถึง 24% ชาวจีนบอก ‘มาขอพรและสมหวังจึงเดินทางกลับมาอีก’
พระพรหมเอราวัณ หรือ ศาลท้าวหมาพรหม โรงแรมเอราวัณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บริเวณแยกราชประสงค์ท่ามกลางห้างสรรพสินค้าและโรงแรมชั้นนำมากมายในกรุงเทพฯ พระพรหมนี้ไม่เพียงเป็นที่รู้จักของคนไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งชาวจีนด้วย
ความสนใจของชาวจีนต่อพระพรหมเอราวัณอาจไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าเริ่มต้นเมื่อใดกันแน่ อย่างไรก็ดี ก้อง ฤทธิ์ดี เคยเขียนถึงเรื่องนี้ ไว้ในหนังสือพิมพ์ Bangkok post ฉบับวันที่ 19 สิงหาคม 2015 ว่าความสนใจต่อพระพรหมเอราวัณในหมู่ผู้ใช้ภาษาจีน เริ่มต้นขึ้นอย่างน้อยในช่วงทศวรรษที่ 1970 และมีภาพข่าวชาวไต้หวันมาถวายช้างไม้เป็นเครื่องสักการะแก่พระพรหมเอราวัณในปี ค.ศ. 1989 ทั้งยังมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อราว 40 ปีมาแล้วว่าแสดงหญิงชาวฮ่องกง Deborah Lee ที่มาขอพรกับพระพรหมเอราวัณและสมหวังด้านการงาน และกลายเป็นข่าวที่กระตุ้นให้ผู้ใช้ภาษาจีนเดินทางมาเยี่ยมชมศาลท้าวมหาพรหมแห่งนี้ด้วย... -
พระพุทธประวัติ จากพระโอษฐ์ ตอน ทรงแสดงธรรมเพื่อปล่อยวางธรรม มิใช่เพื่อยึดถือ
พระพุทธประวัติ จากพระโอษฐ์ ตอน ทรงแสดงธรรมเพื่อปล่อยวางธรรม มิใช่เพื่อยึดถือ
ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนบุรุษเดินทางไกล ไปพบแม่น้ำใหญ่ : ก็เต็มไปด้วยอันตราย น่ารังเกียจน่ากลัว ฝั่งข้างโน้นปลอดภัย. แต่เรือหรือสะพานสำหรับข้าม ไม่มีเพื่อจะข้ามไป. เขาใคร่ครวญเห็นเหตุนี้แล้ว คิดสืบไปว่า “กระนั้นเราพึงรวบรวมหญ้าแห้ง ไม้แห้ง กิ่งไม้ และใบไม้ มาผูกเป็นแพ แล้วพยายามเอาด้วยมือและเท้า ก็จะพึงข้ามไปโดยสวัสดี”. บุรุษนั้นครั้นทำดังนั้นและข้ามไปโดยสวัสดีแล้ว ลังเลว่า “แพนี้ มีอุปการะแก่เราเป็นอันมาก ถ้าไฉนเราจักทูนไปด้วยศีรษะ หรือแบกไปด้วยบ่า พาไปด้วยกัน” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะสำคัญข้อนี้ว่าอย่างไร : บุรุษนั้น จักเป็นผู้มีกิจเกี่ยวข้องกับแพถึงอย่าง นั้นเทียวหรือ ? (“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้อนั้นหามิได้ พระเจ้าข้า !”) ภิกษุ ท. ! เขา จะพึงทำอย่างไร : ถ้าไฉนเขาจะพึงคร่ามันขึ้นบก หรือปล่อยให้ลอยอยู่ในน้ำส่วนเขาเองก็หลีกไปตามปรารถนา เท่านั้นเอง, ฉันใด; ธรรมที่เราแสดงแล้วก็เพื่อรื้อถอนตนออกจากทุกข์ ไม่ใช่เพื่อให้ถือเอาไว้ เปรียบได้กับพ่วงแพ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน. ภิกษุ ท. ! เธอ ท.... -
ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ ตอน แมวตายเพราะหนู
ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ ตอน แมวตายเพราะหนู
ภิกษุ ท. ! เรื่องนี้เคยมีมาแล้ว : แมวตัวหนึ่ง ยืนคอยจ้องจับหนูอยู่ที่ปากช่องที่เทขยะมูลฝอยริมฝาเรือน ด้วยหวังว่า “หนูตัวอ่อน จักออกมาเพื่อหาเหยื่อในที่ใด จักจับมันมากินเสียในที่นั้น” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! ครั้งนั้น หนูตัวอ่อนออกไปเพื่อหาเหยื่อแล้ว แมวก็จับมันกลืนกินอย่างรวดเร็ว (ทั้งเป็น ๆ). หนูตัวอ่อนนั้นกัดลำไส้ของแมวนั้นบ้าง, กัดลำไส้สุดของแมวนั้นบ้าง ; แมวนั้นถึงแก่ความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย เพราะการที่หนูกัดไส้นั้น ๆ เป็นเหตุ.
ภิกษุ ท. ! ฉันใดก็ฉันนั้น : ภิกษุบางรูปในกรณีนี้ ในเวลาเช้าครองจีวรถือบาตร เข้าไปสู่หมู่บ้านหรือนิคม เพื่อบิณฑบาต, ไม่รักษากาย ไม่รักษาวาจา ไม่รักษาจิต, ไม่ตั้งสติไว้, ไม่สำรวมอินทรีย์ทั้งหลาย, เธอเห็นมาตุคามในหมู่บ้านหรือนิคมนั้น ๆ ผู้นุ่งชั่วห่มชั่ว ครั้นได้เห็นมาตุคามผู้นุ่งชั่วห่มชั่ว เช่นนั้นเข้าแล้ว ราคะก็เสียบแทงจิตของเธอ ภิกษุนั้นมีจิตถูกราคะ เสียบแทงแล้ว ย่อมถึงความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย.
ภิกษุ ท. ! ที่เรียกว่า “ตายในอริยวินัย” นั้น ได้แก่ผู้ที่บอก เลิกสิกขา หมุนกลับคืนไปสู่เพศต่ำแห่งคฤหัสถ์.... -
คณะสงฆ์ช่วยน้ำท่วม ต้อง’บูรณาการ’อย่าต่างคนต่างทำ
สัปดาห์นี้ตั้งใจจะติดตามมีคนยุให้ มหาเถรสมาคม ประกาศตามหาคนหายและร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาที่ถูกกล่าวหาว่า “ฆราวาสปกครองพระ” แต่เห็นภาพการทำงานของคณะสงฆ์ที่ลงไปช่วยเหลือชาวบ้านทางภาคอีกสานที่ถูกน้ำท่วมแล้ว “สกิดใจ” ได้ว่า…นี่มันไม่ใช่ภาพการทำงานแบบ “บูรณาการของคณะสงฆ์ยุคปฎิรูป”
เพราะมติ มหาเถรสมาคม ที่มอบหมายให้ พระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรรมการมหาเถรสมาคมเป็นประธานกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์นี่หน่า นี่มันภาพอีกหรอบเดิม คือ “ต่างคนต่างทำ ต่างวัดต่างทำ” เจ้าคณะภาคบางภาคตั้งศูนย์เฉพาะกิจของตัวเอง และที่น่าตกใจ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ก็เอากับเขาด้วย!!
ทั้งๆ ที่เจ้าคณะภาคที่ว่าก็ดี อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็ดี ทั้ง 2 รูป ต่างก็เป็น “กรรมการมหาเถรสมาคม” คำสั่งมติมหาเถรสมาคมที่ตั้ง พระพรหมวชิรญาณ เป็นประธานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ท่านก็น่าจะรับรู้ หากจะเปรียบเทียบกับภาครัฐ ก็เหมือนกับว่า…
การช่วยเหลือน้ำท่วมครั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพแล้ว แต่ดันมีรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม หรือกระทรวงพาณิชย์ไปทำหน้าที่แทน... -
สื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์บูรณะพระปรางค์วัดอรุณฯ หลังเป็นโทนสีขาวไร้กระเบื้องหลากสีโบราณ
กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ถึงภาพการบูรณะวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ที่พบว่าล่าสุดกลายเป็นโทนสีขาว ไม่มีกระเบื้องหลากสีโบราณ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมโบราณ และนักวิชาการวิพากษ์ว่าไม่เหมาะสม
วันนี้ (16 ส.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดแจ้ง ที่ผ่านการบูรณะในรอบ 14 ปี เนื่องจากมีความทรุดโทรมทั้งเรื่องของเชื้อรา และการเปื่อยยุ่ยของเนื้อปูน ถูกสื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม อาทิ เฟซบุ๊กของ รศ.ต่อตระกูล ยมนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โพสต์ข้อความว่า “บูรณะแบบไหน ถึงมาแปลงโฉมพระปรางค์ วัดอรุณ เป็นโทนสีขาว แกะกระเบื้องหลากสีจากจานเคลือบสีโบราณล้ำค่าหายออกไปแล้ว ทำแบบนี้ทำไม ? ใครรู้ช่วยตอบด้วย”
เช่นเดียวกับ ศ.สายัณห์ ไพรชาญจิตร์ ผู้เชี่ยวชาญโบราณคดีชุมชน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ได้บันทึกภาพถ่ายก่อนการบูรณะ เมื่อปี 2556 นำมาเปรียบเทียบกับภาพปัจจุบัน เห็นแล้ว น้ำตาตกใจ อาลัยอย่างที่สุด กับผลงานการบูรณะ
ก่อนหน้านี้ โครงการบูรณะพระมหามงกุฎ... -
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน ชัมพุกาชีวกผู้เลี้ยงชีพด้วยการหลอกลวง
เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน ชัมพุกาชีวกผู้เลี้ยงชีพด้วยการหลอกลวง
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภชัมพุกาชีวก ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 70 นี้
ชัมพุกาชีวก เป็นบุตรของเศรษฐีผู้หนึ่งในกรุงราชคฤห์ เขาพอคลอดออกมาเป็นทารก ก็มีพฤติกรรมที่ประหลาดๆเนื่องจากกรรมเก่าที่ได้กระทำมาแต่อดีตชาติ คือ เป็นทารกที่ไม่ชอบนอนบนที่นอน แต่ชอบนอนบนพื้นดิน ไม่ชอบรับประทานอาหารปกติ แต่ชอบรับประทานอุจจาระของตนเองเป็นอาหาร เมื่อเติบโตขึ้นมาหน่อย เขาไม่ต้องการจะนุ่งผ้า บิดามารดาก็จึงได้พาเขาไปบวชเป็นนักบวชในสำนักของพวกอาชีวก เมื่อพวกอาชีวกพบว่าเขามีพฤติกรรมชอบรับประทานอุจจาระของตนเองก็ได้ขับไล่เขาออกจากสำนัก เมื่อถูกขับไล่ออกจากสำนักของอาชีวก เขาก็ได้มาอาศัยอยู่ที่ใกล้ส้วมหลุมสาธารณะ ในตอนกลางคืนก็ได้ไปนำเอาอุจจาระมนุษย์มารับประทาน แต่ในตอนกลางวันก็ทำทีเหนี่ยวก้อนหินยกขาขึ้นมาข้างหนึ่ง ยืนเงยหน้าอ้าปากกว้าง เขาบอกกับทั้งหลายว่าที่ต้องยืนอ้าปากอยู่เสมอนั้น ก็เพราะเขากินลมเป็นอาหาร ส่วนที่ต้องยืนด้วยขาข้างเดียวนั้นก็เพราะว่าตัวของเขาหนักมากหากยืนทั้งสองขาแผ่นดินก็จะสั่นไหว... -
ยอดตายน้ำท่วมอินเดีย-เนปาล-บังกลาเทศพุ่ง221ศพ อพยพ1.5ล้านคน
อินเดีย
เอเอฟพี – ยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยใหญ่ทั่วอินเดีย เนปาลและบังกลาเทศ เพิ่มเป็นอย่างน้อย 221 ศพและประชาชนอีกกว่า 1.5 ล้านคนต้องอพยพจากถิ่นฐาน ตามการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร(15ส.ค.) ขณะที่หน่วยกู้ภัยสอดส่องตามหมู่บ้านต่างๆซึ่งจมอยู่ใต้บาดาล ในความพยายามค้นหาผู้สูญหาย
ในเนปาล น้ำท่วมร้ายแรงทำให้บ้านเรือนหลายพันหลังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ทางภาคใต้ที่มีพลเรือนพักอาศัยอยู่หนาแน่นจมอยู่ใต้บาดาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาวบ้านเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์
อินเดีย
“จากข้อมูลที่เราได้รับในตอนนี้ มีผู้เสียชีวิต 111 ราย 35 คนยังสูญหาย และยังอยู่ระหว่างปฏิบัติการค้นหา” โจนาร์ดาน ชาร์มา รัฐมนตรีมหาดไทยเนปาลบอกกับรัฐสภาในวันอังคาร(8ส.ค.)
ด้านบังกลาเทศ ชาติเพื่อนบ้าน ถูกน้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่ราว 1 ใน 3 และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 29 คน หลังประเทศซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำและมีพลเมืองหนาแน่นแห่งนี้ถูกฝนฤดูมรสุมซัดกระหน่ำอย่างหนัก
“มีประชาชนติดค้างราว 1.5 ล้านคน” เออาซ อาห์เมด ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติบังกลาเทศกล่าว ขณะที่ทางการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 1,200 แห่งทั่วประเทศ... -
ดงพญาไฟ ตำนานป่าอาถรรพ์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ | เปิดบันทึกตำนาน
พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เป็นพระภิกษุนิกายเถรวาทฝ่ายมหานิกาย เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี มีชื่อเสียงในด้านการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานจนได้วิชามโนมยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ)
เรื่องราว เปิดบันทึกตำนาน ในวันนี้จะขอกล่าวถึง ดงพญาไฟ ที่หลายคนรู้จักกันในนามป่าแห่งความตาย เพราะทุกย่างก้าวในป่าแห่งนี้ ว่ากันว่า มีความตายแฝงอยู่ โดยเรื่องราวนี้ได้ถูกเล่าโดยพระครูพระราชพรหมญาณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อฤาษีลิงดำนั้น นอกจากเป็นพระเกจิผู้มีวิชาแล้ว ท่านยังเป็นผู้รอบรู้ เจนจัดในเรื่องราวประวัติศาสตร์และตำนานต่างๆมากมาย อีกทั้งเรื่องราวหลายๆเรื่องที่คนธรรมดาทั่วไปอาจไม่เคยรู้ แต่ท่านรู้ หรือเรื่องบางเรื่องอาจไม่มีในตำรามาก่อน ท่านศึกษาด้วยตนเอง จากตำราโบราณและการนั่งสมาธิ
หลังการมรณภาพ สังขารร่างกายของท่านมิได้เน่าเปื่อยอย่างศพของคนทั่วไป และได้มีการเก็บรักษาไว้ที่วัดท่าซุงจนถึงปัจจุบันนี้
เปิดบันทึกตำนาน : เล่าเรื่องกำเนิดดงพญาไฟ ตำนานป่าอาถรรพ์ ป่าลึกลับในตำนาน เล่าโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ -
แนะ 7 วิธีขับขี่ช่วงฝนตกและน้ำท่วมขัง
กรมควบคุมโรค แนะ 7 วิธีขับขี่ให้ปลอดภัยในช่วงฝนตกและน้ำท่วมขังเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน หลังข้อมูล 1 ปีครึ่งที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุใหญ่ในช่วงฝนตกกว่า
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนนี้ หลายพื้นมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในบางพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายในช่วงฝนตกหนัก โดยเฉพาะการการขับขี่ยานพาหนะของประชาชน เนื่องจากฝนที่ตกลงมาจะทำให้ถนนเปียกลื่น และทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี ประกอบกับถนนบางจุดมีน้ำท่วมขัง เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้มากกว่าปกติ และมีโอกาสที่จะเป็นอุบัติเหตุใหญ่ที่มีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก เห็นได้จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค พบว่ากรณีอุบัติเหตุรายใหญ่ (มีผู้เสียชีวิต 2 รายขึ้นไป หรือ มีผู้บาดเจ็บ 4 รายขึ้นไป) ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2559 ถึงปัจจุบัน (ต้นเดือนสิงหาคม 2560) เกิดอุบัติเหตุในช่วงฝนตกถึง 112 เหตุการณ์ มีผู้บาดเจ็บ 986 ราย และเสียชีวิต 170 ราย
กรมควบคุมโรค ขอแนะนำผู้ขับขี่ควรปฏิบัติ 7 วิธี ดังนี้
1.เปิดไฟหน้ารถเสมอ โดยเปิดไฟต่ำ... -
เนปาลใช้ช้าง ช่วยเหยื่อน้ำท่วม
ช้างกลายเป็นสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือกลุ่มนักท่องเที่ยวนับร้อยคนที่ติดอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากภายในที่อุทยานแห่งชาติชิตวัน
ทางการเนปาลต้องส่งโขลงช้างเข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวร่วมร้อยชีวิต ที่ติดอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวกรากในอุทยานหลวงแห่งชาติชิตวัน หลังฝนตกหนัก อันเนื่องมาฤดูมรสุมพัดถล่มเนปาล ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมและดินถล่มแล้วกว่า 70 คนและคาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50 คน ตามรายงานผู้สูญหาย
อุทยานหลวงแห่งชาติชิตวัน เป็นที่อยู่ของแรด 605 ตัว และช้างอีกเป็นจำนวนมาก กลุ่มผู้ประกอบกิจการโรงแรม ระบุว่า นักท่องเที่ยวราว 300 คน ได้รับการช่วยเหลือโดยพาขึ้นหลังช้างและรถแทร็กเตอร์ไปยังพื้นที่ปลอดภัย
มีผู้ได้รับความเดือดร้อนจากฝนตกหนักและน้ำท่วม 1 แสนคน ส่วนใหญ่เผชิญไฟฟ้าดับและการสื่อสารล่ม พื้นที่จำนวนมากจมอยู่ในน้ำหรือไม่ก็ดินถล่ม ท่ามกลางความวิตกว่าอาจจะเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหาร
ขอบคุณที่มา
http://www.nationtv.tv/main/content/foreign/378562263/ -
พระพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ตอน ทรงแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่แล่นดิ่งไปสุดโต่ง
เกี่ยวกับ “กามสุขัลลิกานุโยค” หรือ “อัตตกิลมถานุโยค”
ภิกษุ ท. ! มีสิ่งที่แล่นดิ่งไปสุดโต่งอยู่ ๒ สิ่ง ที่บรรพชิตไม่ควรข้องแวะด้วยสิ่งที่แล่นดิ่งไปสุดโต่งนั้นคืออะไร ? คือ การประกอบตนพัวพันอยู่ด้วยความใคร่ในกาม ท. อันเป็นการกระทำที่ยังต่ำ เป็นของชาวบ้าน เป็นของคนชั้นบุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยเจ้า ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ; และ การประกอบความเพียรในการทรมานตนให้ลำบาก อันนำมาซึ่งความทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยเจ้า ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ; สองอย่างนี้แล. ภิกษุ ท. ! ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลาง ที่ไม่ดิ่งไปหาสิ่งสุดโต่ง ๒ อย่างนั้นเป็นข้อปฏิบัติที่ตถาคตได้ตรัสรู้เฉพาะแล้ว เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดจักษุ เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดญาณ เป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้อันยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อม เป็นไปเพื่อนิพพาน...(ต่อไปนี้ ได้ตรัสอริยอัฏฐังคิกมรรค).
________________________________
ที่มา. บาลี มหา. วิ ๔/๑๗/๑๓ ; มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๘/๑๖๖๔; ตรัสแก่ภิกษุปัญจวัคคีย์ ที่อิสิปตนมฤคทายวัน ; และ สฬา. สํ. ๑๘/๔๐๗/๖๓๐. -
คลิปหาดูหาฟังยาก หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ สอนการภาวนา
ปลดล็อค :-
Published on Jul 14, 2017
ขอบคุณคลิปที่มา... -
“ศรราม น้ำเพชร” ขอโทษกรณีแต่งชุดพระเล่นลิเก หลังถูกโซเชียลถล่ม
ศรราม น้ำเพชร อเนกลาภ พระเอกลิเกเมืองกรุงเก่าชื่อดัง ขอโทษ กรณีปล่อยให้นักแสดงแต่งชุดพระในการแสดงลิเก หลังถูกทนายสงกรานต์ และสื่อโซเชียลรุมอัด
วานนี้ (14 ส.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ กรณีศรราม น้ำเพชร พระเอกชื่อดังลิเกเมืองกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา ทำการแสดงลิเกที่มีบทของพระภิกษุสงฆ์มาร่วมแสดง โดยมีนักแสดงในคณะแต่งกายชุดสงฆ์ห่มจีวร และบางฉากมีการเล่นกับผู้หญิงแบบถึงเนื้อถึงตัว ซึ่งล่าสุดคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ตามสื่อโซเชียล ซึ่งเป็นฉากหนึ่งของเรื่องวิวาห์อลเวง โดยฉากสุดท้ายจะมีการหนีมาบวช และมีสีกาตามมาและคลอดลูกที่วัด โดยพระภิกษุได้ช่วยทำคลอด ทำให้คลิปดังกล่าวเกิดกระแสวิพากย์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม
โดยเฉพาะทนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความชื่อดังได้ลงเพจส่วนตัวบอกว่า ให้มีการระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการแสดงแบบนี้ พุทธศาสนิกชนโปรดแสดงความเห็นสุภาพ ซึ่งก็มีกระแสวิพากย์วิจารณ์อย่างมาก ทำให้ศรราม น้ำเพชร พระเอกลิเก ถึงกับแสดงความรู้สึกเสียใจ
ด้าน ศรราม น้ำเพชร กล่าวว่าตนทราบเรื่องแล้ว รู้สึกผิดและขอโทษที่มีการแสดงดังกล่าว... -
วีดีโอ ตาผ้าขาวสง่า ผู้บรรลุอนาคามี รู้วันสิ้นตนเอง
FaithThaiStory :-
Published on Aug 13, 2017
หลวงปู่ชอบได้พบกับตาผ้าขาวสง่าครั้งแรกที่ถ้ำนายม จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งตาผ้าขาวมีความรู้พิสดารมาก และสามารถบรรลุธรรมถึงขั้นอนาคามี แต่ด้วยผลแห่งกรรมในอดีตชาติ จึงไม่สามารถบวชได้และต้องสิ้นชีวิตจากผลกรรมบางอย่าง
ติดตามเรื่องราวได้ที่
Facebook ภารกิจเที่ยววัด https://www.facebook.com/faith108
เว็บไซต์หลัก http://www.faiththaistory.com
**************************
การปฏิบัติพระกรรมฐาน : บรรยายโดย อาจารย์ชัชวาลย์ ชิงชัย* การบรรยายครั้งที่ 17**
อนาคามี: พระในเพศฆราวาส
สำหรับวันนี้จะบรรยายให้ท่านทั้งหลายฟัง ในหัวข้อเรื่องอนาคามี : พระในเพศฆราวาส ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ฆราวาสสามารถที่จะบรรลุอริยบุคคลได้ทุกชั้น แต่พระโสดาบันและสกทาคามีนั้น ยังมีพฤติกรรมบางอย่างที่คล้ายๆ กับ ปถุชน เช่น ท่านยังมีครอบครัว มีสามี ภรรยา และลูก เพีงแต่ท่านมีศีล 5 บริสุทธิ์ ท่านละสังโยชน์ คือ กิเลสทั้ง 3 ตัวได้
สิ่งที่สำคัญก็คือ สำหรับอริยบุคคล 2 ชั้นนี้ ท่านยังสามารถบริโภคความสุขได้ทั้ง 3 ประการ... -
วิญญาณเฮี้ยนอยากไปเกิด เข้าฝันพระช่วยขุดสมบัติไปที
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่วัดใหญ่รัตนโพธิ์ เลขที่ 63 หมู่ที่ 2 ต.โมคลาน อ.ท้าศาลา จ.นครศรีธรรมราช พระครูวินัยธร สมชาย สิริธโร อายุ 60 ปี เจ้าอาวาสวัดใหญ่รัตนโพธิ์ ได้นิมนต์พระชินวรณ์ กิตติญาโณ อายุ 58 ปี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังมาประกอบพิธีบวงสรวง บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขออนุญาตขุดค้นทรัพย์สมบัติ และโบราณวัตถุบริเวณกลางลานวัดใหญ่รัตนโพธิ์ โดยมีคณะกรรมการวัดและประชาชน สื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน
โดยพระอาจารย์ชินวรณ์ฯ ได้นั่งทางในตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนจะสั่งให้คณะกรรมการวัดนำไม้มาปักในลานวัด เป็นอาณาเขตก่อนกั้นเชือกกำหนดเขตเอาไว้ เนื้อที่ประมาณ 100-150 ตารางวา จากนั้นได้นิมนต์พระครูวินัยธรสมชาย เจ้าอาวาสขึ้นนั่งบนฐานแบ็กโฮขนาดเล็กเป็นปฐมฤกษ์ พร้อมให้คนขับรถแบ็กโฮจุดธูปบนบานขออนุญาตขุดค้นบริเวณลานวัดหลัง ท่ามกลางการลุ้นระทึกของพระภิกษุ และคณะกรรมการวัดพร้อมชาวบ้านที่มามุงดูเป็นจำนวนมาก
ภายหลัง เจ้าอาวาสวัดใหญ่รัตนโพธิ์เปิดเผยว่า แต่เดิมวัดแห่งนี้ทรุดโทรมหนักจนบางช่วงกลายเป็นวัดร้าง กระทั่งเมื่อ 5 ปีก่อนอาตมาได้มาจำพรรษา จนกระทั่งทางคณะสงฆ์จังหวัดนครศรีธรรมราช... -
โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง!พระยังลอยคอช่วยน้ำท่วม
น้ำท่วมอีสานยังไม่ลด!คณะสงฆ์ออกช่วยโยมทุกวัน โดยเฉพาะคณะ มส. ภายใต้การกำกับดูแลของพระพรหมวชิรญาณ บางแห่งต้องลอยคอ
ตั้งแต่พายุโซนร้อน “เซินกา” ถล่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้น้ำท่วมหลายจังหวัดที่หนักสุดคือจังหวัดสกลนคร ขณะนี้ก็ผ่านมาครึ่งเดือนกว่าแล้ว น้ำก็ยังท่วมอยู่อีกหลายจังหวัดอย่างเช่นจังหวัดร้อยเอ็ด สกลนคร นครพนม และอุบลราชธานี ส่วนการช่วนเหลือที่ปรากฏมีอยู่อย่างต่อเนื่องคณะสงฆ์ โดยเฉพาะมหาเถรสมาคม (มส.)ภายใต้การกำกับดูแลของพระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานาวา กรรมการ มส. ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ด้านสาธารณสงเคราะห์ ที่ได้มอบหมายให้พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ พระมหาอดิศักดิ์ อภิปญฺโญ พร้อมคณะธรรมะอารมณ์ดี ลงพื้นที่เพื่อถวายเครื่องสมณบริโภคแก่พระภิกษุสามเณร และเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่องตลอดมา
วันที่ 14 ส.ค. 2560 พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณพร้อมด้วยคณะคณะธรรมะอารมณ์ดีลงพื้นที่บ้านแก้งท่าลับ บ้านท่าวังหิน บ้านดอนแคน อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร และอำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ทั้งพายเรือ ลอยคอ นำเครื่องสมณบริโภค และถุงยังชีพ น้ำดื่มยารักษาโรค... -
แม่นมาก!! คำทำนาย “10 ยุคพยากรณ์” ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี หรือที่นิยมเรียก "หลวงปู่โต" เป็นพระภิกษุ รูปสำคัญที่ได้รับความนิยมนับถืออย่างมากในประเทศไทย ท่านได้เขียนคำทำนาย “10 ยุคพยากรณ์” ซึ่งคำทำนายของท่านนั้นได้มีการนำมาตีความว่าเป็นการทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองล่วงหน้าใน 10 ยุคของไทย และคำทำนายที่กล่าวมานี้จะแสดงเห็นว่าบ้านเมืองแต่ละยุคแต่ละสมัยจะเป็นอย่างไร ไปชมพร้อมกันเลย
หลังจากที่ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ได้มรณภาพลงเมื่อวันเสาร์แรม ๒ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๑๕ ตอนเที่ยงคืนเช้าวันรุ่งขึ้น นายอาญาราช ศิษย์ก้นกุฏิ ของเจ้าประคุณสมเด็จ เข้าไปเก็บกวาดในกุฏิของท่าน ขณะทำความสะอาดกุฏิ นายอาญาราชได้พบเศษกระดาษชิ้นหนึ่งซุกอยู่ใต้เสื่อเป็นลายมือของเจ้าประคุณสมเด็จ เขียนสั้นๆ โดยสังเขป เป็นคำทำนายชะตาเมืองมีความว่า
" มหากาฬ พาลยักษ์ รักมิตร สนิทธรรม จำแขนขาด ราษฎร์โจร ชนร้องทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว ชาววิไล "
เมื่อคำทำนายของสมเด็จ (โต) วัดระฆังทั้ง 10 ยุค ตรงกับพุทธทำนายอย่างเหลือเชื่อ!! นำพาซึ่งการถอดรหัสคำทำนายของ "สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี)"... -
รู้ได้ด้วยญาณ!! หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แอบดูจิต "หลวงปู่แหวน" ขณะปลุกเสกของขลัง !
หลวงปู่แหวน สุจินโณ วัดดอยแม่ปั๋ง ท่านเป็นพระที่พูดน้อย เสียงเบา รักสันโดษ ชอบอยู่เงียบๆ ปกติจะไม่ชอบเทศน์ยาวๆ มีแต่ให้ข้อธรรมสั้นๆ มีปฏิปทาเรียบง่าย ไม่โลดโผน มีความเมตตาอารีต่อญาติโยม ทำให้มีญาติโยมจากทั่วประเทศเดินทางมาสักการะหลวงปู่แหวนถึงเชียงใหม่อย่างเนื่องแน่น
สมัยนั้นบรรดาหลวงปู่ครูบาอาจารย์เช่น หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ชอบ ยังมีชีวิตอยู่ เป็นช่วงเวลาที่หอมหวนของพระธรรม ชาวบ้านทั่วไปแม้จะนิยมเครื่องรางของขลัง ปลุกเสกเลขยันต์ แต่จะไม่ละทิ้งพระธรรม จะเข้าหาครูบาอาจารย์ ถือศีลปฏิบัติธรรม หลายครอบครัวมีพ่อบ้านที่ดี
ช่วงเวลาดังกล่าว แฟชั่นที่นิยมกันในหมู่ชาวบ้าน คือตระเวนกราบครูบาอาจารย์ กราบพระอรหันต์ให้ครบทุกรูปที่มีในประเทศไทย ไม่ว่าจะอยู่ไกลในถิ่นทุรกันดารแค่ไหนจะต้องเดินทางเข้าถึงให้ได้ สมัยก่อนรถยนต์ยังไม่มีแอร์เครื่องปรับอากาศ รถกระบะยังเป็นเกียร์กระปุก ถนนดินลูกรังสีแดง ถนนสองช่องทางเท่านั้น ดังนั้นจึงมักจะมีข่าวรถท่องเที่ยวตกเหวบ่อย หรือรถทัวร์ที่ตระเวรไปกราบพระเกิดอุบัติเหตุสยองอยู่บ่อยครั้ง... -
แพทย์เผย!! ใครๆก็เป็นได้ 8 สัญญาณเตือน “โรคไบโพลาร์” หรือ “โรคอารมณ์สองขั้ว” เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย!!
โรคอารมณ์สองขั้วหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “โรคไบโพล่าร์” (Bipolar Disorder) คือความผิดปกติของสมองที่ประชากรประมาณ 60 ล้านคนทั่วโลกกำลังเป็นอยู่ โรคนี้มีอาการพื้นฐานอยู่ทั้งหมด 4 อาการ ซึ่งอาการพื้นฐานเหล่านี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เรี่ยวแรง และความคล่องตัว และยังส่งผลกระทบต่อสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบในชีวิตประจำวันรวมทั้งหน้าที่การงาน โดยทั่วไปผู้ที่เป็นโรคไบโพล่าร์จะเผชิญกับภาวะที่เรียกว่า Manic Episode คือ ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งของโรคไบโพลาร์ เป็นช่วงที่ผู้ป่วยมีอาการฟุ้งพล่าน (Mania) ซึ่งจะเกิดสลับกับช่วงที่มีอาการซึมเศร้า (Depressive Episode) อาการที่เกิดขึ้นในช่วง Manic Episode ได้แก่ อยู่ไม่สุข ชอบทำงานหรือลุกเดินไปมา ความคิดแล่นเร็ว พูดเร็ว ความต้องการในการนอนน้อยลงหรือไม่อยากนอนหงุดหงิดง่าย ตัดสินใจไม่เหมาะสม ไม่มีสมาธิ และอาจทำอันตรายต่อผู้ใกล้ชิด ยิ่งไปกว่านั้นผู้ป่วยบางรายอาจจะเผชิญกับภาวะ Hypomanic Episode ซึ่งจะมีความรุนแรงน้อยกว่า Manic Episode
1. มีปัญหาในการทำงานให้สำเร็จ
บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยไบโพล่าร์จะไม่มีปัญหาในการเริ่มต้นทำงานต่างๆ... -
พระธรรมทูตบิณฑบาตแดนพุทธภูมิ-สวีเดนวันแม่
วันจันทร์ ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2560, 09.59 น.
การบิณฑบาตเป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งของพระภิกษุและสามเณรในพระพุทธศาสนา ซึ่งกำหนดในอนุศาสน์ 8 ในส่วนของนิสัย 4 หมายถึงต้องอาศัยปัจจัย 4 อย่างในการดำเนินชีวิต คือ
1.บิณฑบาตเป็นกิจวัตร คือ ไม่ประกอบอาชีพใด ๆ นอกจากบิณฑบาตเลี้ยงชีพ 2. ถือผ้าบังสกุลเป็นกิจวัตร คือ นำผ้าที่ทิ้งแล้วมาเย็บเป็นจีวร ต่อมาพระองค์อนุญาตให้รับผ้าที่มีผู้นำมาถวายได้ 3. อยู่โคนต้นไม้เป็นกิจวัตร คือ อาศัยอยู่ตามถ้ำ ป่า โคนต้นไม้ จะอยู่ประจำเฉพาะฤดูฝน 3 เดือนเท่านั้น 4. ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า คือ ฉันยาสมุนไพรรักษาโรคตามที่หาได้
และอกรณียกิจ 4 หมายถึง สิ่งที่พระสงฆ์ไม่ทำ 4 อย่าง คือ 1. ไม่เกี่ยวข้องกับกามารมณ์ 2. ไม่ลักทรัพย์ 3.ไม่ฆ่าสัตว์ 4.ไม่อวดคุณวิเศษที่ตนไม่มี อนุศาสน์ทั้ง 8 ประการนี้พระอุปัชฌาย์จะสอนพระบวชใหม่ให้พึ่งและปฏิบัติและงดเว้นเบื้องต้น
ดังนั้น ประเทศที่มีพระภิกษุ สามเณรอยู่ และพุทธศาสนิกชน ก็จะเห็นภาพพระภิกษุและสามเณรออกบิณฑบาตในช่วงเช้าเป็นประจำ
ปัจจุบันนี้พระธรรมทูตไทยที่เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังประเทศต่างๆ... -
เปรตหลุมขี้วิบากกรรมมั่วกาม
เปรตหลุมขี้วิบากกรรมมั่วกาม
สมัยหนึ่ง พระมหาโมคคัลลานะ เห็นเปรตตนหนึ่ง โผล่ศีรษะขึ้นมาจากหลุมขี้ ศีรษะ ใบหน้า และปากเต็มไปด้วยอุจจาระ ไม่นานก็มุดกลับลงไปในอุจจาระดังเดิม พระเถระทูลถามบุพกรรมของเปรตกับพระพุทธเจ้า
พระพุทธองค์ตรัสว่า เมื่อก่อนเปรตตนนี้เกิดเป็นชายหนุ่มรูปงามในเมืองราชคฤห์ เขาอาศัยความหล่อเหลาหลอกล่อหญิง และกระทำการร่วมประเวณีกับพวกนาง โดยไม่สนใจว่าหญิงผู้นั้นจะเป็นญาติ พี่น้อง หรือภรรยาของใคร เพราะความที่เขาเป็นคนมักมากในกาม
ด้วยผลแห่งกรรมที่เกิดจากการไม่สำรวมในกาม หลังจากตายไปเขาได้ไปเกิดในนรกหลายปี พ้นจากนรกแล้วด้วยอำนาจของเศษกรรมจึงมาเกิดเป็นเปรตจมอยู่ในหลุมขี้
กามกิจ เป็นกิจที่เกลือกกลั้วด้วยของสกปรกทั้งคราบน้ำลายและน้ำกามที่เน่าเหม็น ผู้ที่ทำตัวหมกมุ่นในเรื่องกามจึงเป็นผู้ที่ยินดีในของสกปรก ดังนั้น กรรมจึงจัดสรรผู้ที่มัวเมาในกามให้ต้องมาคลุกเคล้ากับของสกปรกโสโครก
เครดิต : หนังสือ “ระวังจะเป็นเปรต”
ส่งเสริมคุณธรรม พัฒนาชีวิต นึกถึงธรรมะ คิดถึงพุทธะดอทเน็ท
#เรื่องคูถนิมุคคเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่... -
ฝึกให้เกิดอภิญญา จะได้ช่วยพระศาสนาได้ - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
พระอาจารย์บอกว่า "ให้พวกเราไปภาวนาคาถา โสตัตตะภิญญา เช้า ๑ ชั่วโมง เย็น ๑ ชั่วโมง
ถ้าเห็นแสงสว่าง ไม่ว่าจะสีขาวหรือสีเหลืองทอง ให้ดึงเข้ามากลางอก ฝึกให้เกิดอภิญญา จะได้ช่วยพระศาสนาได้ อาตมาทำคนเดียวไม่ไหว ขอให้เราสัก ๔-๕ คนได้ก็เพียงพอแล้ว ฆราวาสไม่ได้มีข้อห้ามก็ทำหน้าที่เพื่อพระศาสนาให้เต็มที่"
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
"พระเดชพระคุณหลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ"
สอนช่วงทำวัตรเย็น ณ วัดท่าขนุน ๑๒ ส.ค. ๒๕๕๙
******************************************************
หน้า 333 ของ 395