3 วัดพุทธสุดทึ่ง!!3 แห่ง 3 ประเทศ มหัศจรรย์แห่งศรัทธา

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย navycom33, 30 มีนาคม 2014.

  1. navycom33

    navycom33 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    676
    ค่าพลัง:
    +6,732
    หลายคนที่ได้เห็นวัดพุทธ 3 แห่ง 3 ประเทศ ได้แก่ วัดเสวียนคง ประเทศจีน วัดทักซัง ประเทศภูฏาน และวัดตวงกาลัต ประเทศพม่า ซึ่งตั้งอยู่บนหน้าผาสูง มักจะอุทานออกมาด้วยความทึ่งว่า “อเมซซิ่งสุดๆ ทำได้ยังไงเนี่ยะ”

    3 วัดนี้เป็นพยานยืนยันคำสุภาษิตสอนใจที่ว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น” ได้เป็นอย่างดี และเมื่อความพยายามบวกกับความศรัทธา สิ่งที่ว่ายากนักหนา ก็ง่ายดายในพริบตา

    [​IMG]

    [​IMG]
    วัดเสวียนคง (วัดแขวน)

    • วัดเสวียนคง (วัดแขวน)

    เป็นเพราะ “วัดเสวียนคง” สร้างลอยกลางอากาศอยู่บนหน้าผาสูงชัน ในเทือกเขาเหิงชาน หนึ่งในห้าเขาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ทางเหนือของจีน จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดแขวน” วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปลายราชวงศ์เว่ยเหนือ เมื่อกว่า 1,400 ปีมาแล้ว เริ่มแรกสร้างอยู่สูงจากพื้น 90 เมตร แต่เกิดอุทกภัยหลายครั้ง ดินทับถมกันจนปัจจุบันสูงกว่าพื้นราว 50 เมตรเท่านั้น ตามประวัติกล่าวว่า แรกเริ่มมีเพียงชายหนุ่ม 1 คนและพระ 1 รูป ช่วยกันสร้าง ต่อมาก็ได้มีการบูรณะต่อเติมเรื่อยมา กระทั่งเป็นรูปร่างอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

    ความลับที่ทำให้วัดนี้อยู่มาได้นับพันปี รอดจากภัยฝนตก น้ำท่วม และแผ่นดินไหว เพราะลักษณะที่ตั้งซึ่งอยู่กลางชะเงื้อมหน้าผาสูงชัน หินที่ยื่นออกมาจากยอดเขาจึงเหมือนร่มกันฝน ทำให้ไม่ถูกน้ำฝนซัดกระหน่ำ ส่วนยอดเขาที่อยู่ด้านข้างของวัดก็มีส่วนช่วยกันแดดในฤดูร้อน โดยวัดนี้จะถูกแสงแดดเพียง 3 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น

    สาเหตุที่วัดแขวนลอยอยู่ได้ มิใช่แค่เสาไม้นับสิบต้นที่ค้ำอยู่ข้างล่าง ซึ่งจุดที่ตั้งของเสาแต่ละต้นผ่านการคิดคำนวณอย่างละเอียด โดยบางต้นจะรองรับน้ำหนักของตัววัด บางต้นจะทำให้แรงกดดันจากวัดมีความสมดุล

    แต่แท้จริงแล้วเสาไม้เหล่านี้ไม่ได้รองรับน้ำหนักของวัดทั้งหมด เพราะสิ่งที่เป็นหลักในการรองรับน้ำหนัก คือไม้คานที่เจาะลึกเข้าไปในหินผา คานไม้เหล่านี้ทำจากต้นไม้พื้นเมืองที่ชื่อว่าเถี่ยซานมู่ ซึ่งพื้นของอาคารต่างๆ ก็สร้างบนไม้คานเหล่านี้

    วัดนี้มี 3 อาคาร คือ อาคารซานโผเตี้ยน ซานเซิ่งเตี้ยน และซานกวนเตี้ยน มีห้องโถง 40 ห้อง ประกอบด้วย หอกลอง หอระฆัง และศาลา ภายในมีพระพุทธรูปและเทพต่างๆมากกว่า 80 องค์ เพราะวัดแห่งนี้เป็นหนึ่งเดียวของจีนที่รวม 3 ศาสนาไว้ด้วยกัน ได้แก่ พุทธ เต๋า และขงจื๋อ อาคารเหล่านี้จึงถูกออกแบบจนกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของ 3 ศาสนาและวัฒนธรรมของจีน และสร้างตามแนวโค้งของภูเขา โดยนักท่องเที่ยวที่เดินตามระเบียงหน้าผาจะเหมือนเข้าไปในวังลึกลับ กระทั่งหาทางออกไม่ได้

    ส่วนสาเหตุที่มาสร้างวัดแขวนเช่นนี้ คือในสมัยโบราณ ชาวบ้านที่เดินทางผ่านไปมา ก็ได้แวะขึ้นมากราบไหว้บูชา และมีเรื่องเล่าว่าสมัยก่อนมีแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่านหุบเขานี้ เวลาฝนตกหนัก น้ำจะท่วมมาก ชาวบ้านจึงคิดว่ามีมังกรทองตัวหนึ่งเป็นตัวก่อให้เกิดน้ำท่วม เลยสร้างวัดขึ้นเพื่อปราบมังกรตัวนั้น

    บนหน้าผาริมทางเดินของวัด มีตัวอักษรจีนแกะสลัก 4 ตัวอ่านว่า กงซูเทียนเฉี่ยว เป็นสำนวนโบราณที่ชื่นชมสถาปัตยกรรมของวัด เพราะกงซูเป็นชื่อของบิดาแห่งการก่อสร้างของจีนเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน ดังนั้น สำนวนนี้จึงหมายความว่า มีแต่ช่างก่อสร้างผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมเหมือนกงซูเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างวัดแขวนแห่งนี้ได้

    นอกจากวัดเสวียนคง ที่ตั้งอยู่ในมณฑลชานซี จะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศจีนแล้ว ยังได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์สร้างขึ้นอีกด้วย

    [​IMG]
    วัดทักซัง (วัดรังเสือ)

    • วัดทักซัง (วัดรังเสือ)

    วัดทักซังเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของชาวภูฏาน และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัย อยู่ห่างไปทางทิศเหนือของเมืองพาโรราว 10 กม. ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชัน 3,120 เมตร จากระดับน้ำทะเล หรือประมาณ 900 เมตรจากหุบเขาพาโร มีความสวยงามราววิมานบนฟ้า

    “ทักซัง” แปลว่า “รังเสือ” ตามตำนานเล่าว่า ในศตวรรษที่ 8 กูรูรินโปเช หรือคุรุปัทมสมภพ ผู้นำพุทธศาสนาแบบตันตระเข้ามาเผยแผ่ในภูฏานนั้น มีอิทธิฤทธิ์ที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศและแปลงร่างได้ ท่านได้ประทับบนหลังเสือแล้วเหาะขึ้นมานั่งวิปัสสนากรรมฐานในถ้ำซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดแห่งนี้ เป็นเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 สัปดาห์ 3 วัน และ 3ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของการขึ้นไปทำสมาธิวิปัสสนาบนเขาแห่งนี้ของพระลามะในรุ่นหลังๆ

    ครั้นถึงยุคของ ซับดรุง งาวังนัมเกล ผู้รวบรวมภูฏานเป็นหนึ่งเดียว และผู้สร้างพาโรซอง คิดสร้างวัดบนเขาแห่งนี้เพื่อรำลึกถึงคุรุปัทมสมภพ แต่ยังมิได้ลงมือก็เสียชีวิตก่อน ต่อมาในปี 1692 เกลเซ เทนซิน รัคเย ได้สร้างวัดขึ้นรอบถ้ำแห่งนี้เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของท่าน

    วัดทักซังเคยถูกไฟไหม้เมื่อปี ค.ศ. 1951 และได้รับการซ่อมแซมจนสภาพดีดังเดิม แต่ก็เกิดไฟไหม้อีกครั้งเมื่อปี ค.ศ.1998 คราวนี้ไฟเผาผลาญสิ่งก่อสร้างหลักและเครื่องตกแต่งภายในวัดไปจนหมด แต่รัฐบาลก็ได้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ. 2000 พร้อมกับจำลองสิ่งของเครื่องใช้ไม้สอยในวัดให้เหมือนเดิม ปัจจุบันมีอาคารทั้งหมด 13 หลังตั้งไต่ระดับความสูงลดหลั่นกัน ภายในวัดทักซังประกอบไปด้วยห้องต่างๆ ที่เต็มไปด้วยรูปสลักขององค์เทพที่ชาวภูฏานให้ความนับถือ รวมถึงงานประติมากรรมและจิตรกรรมหลายชิ้น

    ทางด้านซ้ายของประตูทางเข้าเป็นที่ตั้งของสถูปบรรจุร่างสังขารของท่าน “ลังเซ็น เปยี ซิงเก” ผู้เป็นศิษย์ของท่านคุรุรินโปเช บริเวณชั้น 1 มีถ้ำเล็กๆซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่สุดของวัดทักซัง เพราะเป็นถ้ำเพลพุกซึ่งคุรุปัทมสมภพใช้เป็นสถานที่เจริญจิตภาวนา โดยมีประตูสีทองปิดอยู่ ประตูนี้จะเปิดเพียงปีละครั้ง ครั้งละ 1 วัน ในเดือนห้า ตามปฏิทินของภูฏาน และผู้เป็นกษัตริย์เท่านั้นที่จะเข้าไปได้

    ในชั้นที่ 2 เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของคุรุปัทมสมภพ เพื่อให้ประชาชนเข้ามาสักการะ มีเรื่องเล่าว่าเมื่อครั้งเกิดไฟไหม้วัดทักซัง รูปปั้นขององค์ท่านไม่ได้รับความเสียหายใดๆ

    ส่วนชั้นที่ 3 ของอารามซึ่งมีขนาดใหญ่สุดนั้น เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ คือ “Buddha Long Live”

    วัดแห่งนี้ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของภูฏาน และในหุบเขาพาโรแห่งนี้ ระหว่างเดือนมีนาคมหรือเมษายน จะมีงานเทศกาลสักการะองค์คุรุปัทมสมภพอย่างยิ่งใหญ่

    การเดินทางสู่วัดทักซัง หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มหัศจรรย์ของเมืองพาโร ต้องใช้ทั้งการขี่ม้าหรือลา และการเดินเท้า ซึ่งต้องอาศัยศรัทธาอันแรงกล้าเท่านั้นที่จะขึ้นไปถึงได้

    [​IMG]

    • วัดตวงคาลัต (วัดภูเขาไฟ)

    อีกหนึ่งวัดที่น่าอัศจรรย์ไม่แพ้กันก็คือวัดตวงคาลัตในพม่า ซึ่งตั้งอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟ!!

    ภูเขาไฟที่ว่านั้นก็คือภูเขาโปปา ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว (ปะทุครั้งสุดท้ายเกือบ 2,500 ปีมาแล้ว) มีความสูง 1,518 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ตอนกลางของพม่า ห่างจากเมืองพุกามราว 50 กม.

    ในบันทึกประวัติศาสตร์พม่าตั้งแต่ในยุคของการเลือกตำแหน่งสร้างอาณาจักรพุกามกล่าวไว้ว่า อดีตภูเขาไฟแห่งนี้เป็นเสมือนเขาพระสุเมรุศูนย์กลางแห่งจักรวาล

    และห่างไป 4 กม.ทางตะวันตกของภูเขาไฟโปปา เป็นที่ตั้งของวัดตวงคาลัต บนปล่องภูเขาไฟเก่าแก่ สูง 737 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกว่าภูเขาโปปา

    “โปปา” มาจากคำในบาลีสันสกฤต คือ “บุปผา” หมายถึงดอกไม้ แต่คนท้องถิ่นเรียกภูเขาโปปาว่า “สะกาต่าว” แปลว่า ภูเขาดอกจำปา ซึ่งมีที่มาจากบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นดอกจำปา และยังเป็นต้นไม้ตามตำนานของมหาคีรีนัตอีกด้วย

    ภูมิทัศน์โดยรอบภูเขาไฟโปปา เต็มไปด้วยบ่อน้ำพุและลำธารเล็กๆ ราว 200 แห่ง ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวพม่าเชื่อกันว่าภูเขาลูกนี้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นสถานที่สิงสถิตของบรรดาเทวดาและนัตทั้งหลาย

    “นัต” หมายถึงผีของชาวพม่า เป็นความเชื่อพื้นเมืองที่มีมาก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามาในพม่า เดิมนัตเป็นผีบรรพบุรุษ ลักษณะกึ่งผีกึ่งเทวดา คล้ายเทพารักษ์ คอยดูแลคุ้มครองสถานที่ของตนเมื่อครั้งยังมีชีวิตมีความสัมพันธ์อยู่

    เมื่อพระเจ้าอโนรธามังช่อ แห่งราชวงศ์พุกาม นำศาสนาพุทธนิกายเถรวาทจากมอญเข้าสู่พม่า ความเชื่อเรื่องนัตจึงถูกผสมผสานเข้ากับศาสนาพุทธ นัตจึงถูกยกระดับให้เป็นนัตหลวง โดยพระองค์ได้ทำการตั้งศาลนัตหลวงขึ้นที่เขาโปปา หรือเรียกว่ามหาคีรีนัต มีทั้งหมด 37 องค์

    โดยองค์สำคัญคือ นัตตัจจาเมง (หรือนัตสักรา หรือพระอินทร์), นัตพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้, นัตโยนบะเยง (นัตพระเจ้าเมกุฏิสุทธิวงศ์) เป็นต้น บุคคลที่จะได้รับการรับถือเป็นนัตนั้น ต้องมาจากสาเหตุการตายที่ไม่ใช่การตายธรรมดา กล่าวโดยง่ายคือ ตายโหง เพราะเชื่อว่าจะมีฤทธานุภาพสูงกว่าผีทั่วๆไป

    กษัตริย์ในอดีตของพม่าจะต้องจัดงานเคารพบูชาผีนัตเป็นประจำทุกปี โดยชาวพม่าเชื่อว่าภูเขาแห่งนี้เป็นเสมือนบ้านของผีนัต มีการเฉลิมฉลองเพื่อความเคารพต่อผีนัตในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน

    นักแสวงบุญจำนวนมากจะพากันเดินทางขึ้นไปบนภูเขาโปปาเพื่อไปสักการบูชาบรรดานัตทั้งหลายในช่วงคืนพระจันทร์เต็มดวง คือ ช่วงพฤษภาคม/มิถุนายน และช่วงพฤศจิกายน / ธันวาคม

    ภูเขาไฟโปปาและวัดตวงคาลัตสามารถมองเห็นได้แต่ไกล แม้จะยืนอยู่บริเวณแม่น้ำอิรวดีที่อยู่ห่างออกไป 60 กม.ก็ยังสามารถเห็นได้ ด้วยรูปพรรณสัณฐานตามธรรมชาติที่สะดุดตา

    นักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวต้องขึ้นบันได 777 ขั้นเพื่อไปยังวัดตวงคาลัตซึ่งอยู่บนยอดสุด โดยตลอดทางเต็มไปด้วยฝูงลิงกัง ซึ่งเป็นสัตว์ประจำท้องถิ่น ที่กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว และเมื่อขึ้นไปถึงวัดจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล มองเห็นเมืองพุกามได้ทั้งเมือง

    (จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 145 มกราคม 2556 โดย กองบรรณาธิการ)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    บทความจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
     
  2. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,579
    :cool:เห็นแล้วนึกถึงวัดภูทอก ของพระอ.จวน ที่อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ สร้างจากไม้ทั้งหลังลองค้นดูครับ...:cool:
     
  3. navycom33

    navycom33 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    676
    ค่าพลัง:
    +6,732
    เยือนบึงกาฬ เที่ยววัดภูทอก เงียบสงบงดงาม

    [​IMG]

    เที่ยว "บึงกาฬ" ในวันฝนพรำ (คู่หูเดินทาง)

    จังหวัดบึงกาฬ...เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง มีทั้งน้ำตก ภูเขา แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก อาจเพราะเป็นจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ไกลถึง 751 กิโลเมตร ทั้ง ๆ ที่แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดบึงกาฬมีอยู่มาก เช่น วัดอาฮงศิลาวาส, แก่งอาฮง, วัดสว่างอารมณ์, ตลาดนัดไทย-ลาว, บึงโขงหลง, เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว, น้ำตกเจ็ดสี เป็นต้น

    แต่ไฮไลท์เด็ดสุดที่เราไม่อยากให้คุณพลาดเลย คือการไปเยี่ยมชม "วัดภูทอก" หรือ "วัดเจติยาคีรีวิหาร" ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เหมาะแก่การบำเพ็ญธรรมของภิกษุ-สามเณรและพุทธศาสนิกชนทั่วไป มีความเงียบสงบ สวยงามด้วยธรรมชาติแวดล้อม แฝงไว้ซึ่งเสน่ห์ทางธรรม โดยมี "พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ" เป็นผู้ก่อตั้ง

    วัดภูทอก อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล ภูทอกมี 2 ลูก คือ ภูทอกใหญ่ และ ภูทอกน้อย ส่วนที่นักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถชมได้คือ ภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม


    [​IMG]

    จุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก แบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็ม จากชั้น 1 – ชั้นที่ 7 จะมีบันไดไม้ให้เดินแบบตรงทอดยาวจนถึงจุดสูงสุดของยอดภูทอก และตั้งแต่ชั้นที่ 3 เป็นต้นไปนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมแบบสะพานเวียนรอบเขา ซึ่งจะได้เห็นมุมมองที่แตกต่างไปเรื่อย ๆ ในแต่ละย่างก้าว

    โดยในชั้นที่ 5 ถือว่าเป็นชั้นที่สำคัญที่สุด จะมีศาลาขนาดใหญ่ พระพุทธรูป กุฏิพระ และเป็นที่เก็บศพของพระอาจารย์จวนด้วย พื้นที่สะอาดกว้างขวาง ดูแล้วร่มเย็นมาก เหมาะสำหรับการนั่งสวดมนต์ปฏิบัติธรรมสำหรับนักแสวงบุญ หรือผู้ที่ใฝ่หาความสงบ ตลอดตามช่องทางเดินจะมีถ้ำอยู่หลายจุด เช่น ถ้ำเหล็กไหล ถ้ำแก้ว ถ้ำฤาษี ฯลฯ มีที่ให้นั่งพักสำหรับความอ่อนล้าระหว่างทางเดินเป็นระยะ

    [​IMG]

    ถ้าเดินมาทางด้านเหนือจะเห็นสะพานหินธรรมชาติทอดสู่พุทธวิหาร อันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีลักษณะแปลกและน่าอัศจรรย์ที่สุด คล้าย ๆ กับพระธาตุอินทร์แขวนที่พม่า คือ เป็นหินแยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่ แต่ไม่ตกลงมา เพราะตั้งอยู่อย่างได้ฉากกับพื้นโลกพอดี ปัจจุบันมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหาร มองออกไปจะเห็นแนวของภูทอกใหญ่อย่างชัดเจน และมีบันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของบันไดเวียนรอบเขา

    [​IMG]

    ในเส้นทางสู่ชั้นที่ 6 จะเป็นจุดชมวิวิที่สวยที่สุด ตลอดทางเดินจะเป็นหน้าผายื่นออกมาทำให้ในบางครั้งเวลาเดินต้องเบี่ยงตัวออกมาเล็กน้อย โดยแต่ละจุดก็จะมีชื่อของหน้าผาที่แตกต่างกัน เช่น ผาเทพนิมิตร ผาหัวช้าง ผาเทพสถิต เป็นต้น ในช่วงฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกลอยอยู่รอบ ๆ ยอดเขา ทำให้เหมือนอยู่บนสวรรค์

    สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และน่าชมที่สุดของชั้นนี้คือ ปากทางเข้าเมืองพญานาคซึ่งอยู่หลังพระปางนาคปรก มีจุดให้สังเกตคือ มีรอยสีขาวขูดติดกับหินปูน ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นรอยถลอกที่เกิดจากท้องพญานาคสัมผัสกับหิน และมีบ่อน้ำเล็ก ๆ มีน้ำขังอยู่เกือบตลอดปี

    [​IMG]

    ในส่วนชั้นที่ 7 จะมีบันไดไม้พาดขึ้นมา เมื่อเดินขึ้นบันไดผ่านมาแล้วจะเจอทางแยก 2 ทางเพื่อขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น 7 ทางแรกเป็นทางชัน ต้องเกาะเกี่ยวกิ่งไม้และรากไม้เดินลำบาก แถมยังมีป้ายบอกให้ "ระวังงู" ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีอยู่มากบนยอดภูแห่งนี้ด้วย ควรใช้อีกทางหนึ่งซึ่งเป็นทางอ้อมต้องเดินเวียนไปทางขวามือ แต่ก็จะมาบรรจบกันด้านบนชั้น 7 หรือดาดฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไม่ทึบธรรมดา มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่

    สำหรับทางไป วัดภูทอก ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 222 ไปทางอำเภอศรีวิไล มีป้ายบอกทางเป็นระยะ อยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 50 กิโลเมตร

    บทความจาก kapook.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2014
  4. tharathan

    tharathan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +7,129
    เพราะศรัทธาและเชื่อในพระพุทธเจ้า เรื่องที่ว่ายากก็อาจจะง่าย
    ที่เป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปได้
     
  5. ทางสวรรค์

    ทางสวรรค์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +347
    สวยจริงๆครับ เห็นแล้วอยากไปมาก ขอขอบคุณและขออนุโมทนานะขอรับ
     
  6. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,947
    เห็นแล้วอยากไปเที่ยววัดป่าภูทอกบ้างจัง
     
  7. Earth n Water

    Earth n Water เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    978
    ค่าพลัง:
    +2,098
    นานหลายปีแล้วที่เคยอ่านเจอเขาภูทอกซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับ
    พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ

    เป็นที่กล่าวกันว่าใครที่ขึ้นเขาภูทอก ควรระวังการพูดจา
    ไม่ใช้คำหยาบคาย เพราะเทวดาบนเขาไม่ชอบ
    เคยมีคนพูดจาสามหาว ขาดความเคารพ
    เทวดาบนเขานั้นเล่นงานให้ จนคนนั้นอยู่ต่อไปไม่ได้
    บางคนก็เกิดอันเป็นไปบ้างก็มี



    -----------------------------------------------------

     

แชร์หน้านี้

Loading...