112.เก็บเรื่องมาเล่า : ทำบุญไหว้พระ 3 วัดที่อยุธยา

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 27 ตุลาคม 2023.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    112


    เก็บเรื่องมาเล่า : ทำบุญไหว้พระ 3 วัดที่อยุธยา
    หลังจากหมดช่วงวันหยุดยาวของเดือนสิงหาคม ก็ต้องขับรถกลับจากนครสวรรค์มาบ้านที่นนทบุรี ขับรถมาถึงอยุธยาเพิ่งจะเที่ยงกว่า มีเวลาเหลือจึงแวะอยุธยาสักหน่อย กะว่าจะไหว้พระที่วัดที่ยังไม่เคยไป นึกถึงแถวๆ คลองสระบัว เคยมีตลาดน้ำคลองสระบัวเห็นรีวิวว่าสวยดีมีการแสดงกลางบึงน้ำ แต่ตอนนี้ปิดตัวไปแล้ว และแถวๆ นั้นก็มีวัดอยู่หลายแห่ง ซึ่งก็เคยขับรถผ่านหลายครั้งและเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่ไปวัดพระงาม(ประตูกาลเวลา) ถนนเส้นนี้ก็ไปทะลุวัดหน้าพระเมรุราชิการามได้ด้วย คราวนั้นที่ไปวัดพระงามก็นึกในใจว่าจะกลับมาเก็บตกวัดบริเวณนี้อีก แต่ถึงอย่างไรคราวนี้ก็ยังเก็บตกไม่หมด

    ในประวัติศาสตร์คลองสระบัว เป็นคลองที่ขุนวรวงศาธิราชกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ เสด็จไปเพื่อคล้องช้างเผือก และถูกลอบปลงพระชนม์หรือสำเร็จโทษ บางแหล่งบอกว่าสำเร็จโทษ บางแหล่งบอกว่าลอบปลงพระชนม์ ไม่รู้ว่าอย่างไหนกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือที่คลองสระบัว

    เมื่อมาแถวๆ คลองสระบัว ก็ต้องมาวัดกลางคลองสระบัว

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2023
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    วัดกลางคลองสระบัว

    สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น กล่าวกันว่า ปี พ.ศ. 2309 กรุงศรีอยุธยาถูกทำลายลงด้วยกองทัพพม่า กาลต่อมามีพระธุดงค์มาพำนักในบริเวณวัดกลางคลองสระบัว และเห็นว่ามีร่องรอยเก่าของเสมาวิหารปรากฏให้เห็นเป็นซากอยู่ มีพระพุทธรูปปูนปั้น 4 พระองค์ประดิษฐานอยู่ จึงได้ทำการบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ ภายหลังได้เกิดเหตุการณ์ประหลาด มีเสียงฟ้าร้องดังอยู่หลายครั้ง โดยไม่มีสาเหตุทั้งที่ท้องฟ้ายังโปร่งใส เสียงฟ้าร้องครั้งนั้นทำให้พระพุทธรูปปูนปั้นปริแตกพร้อมกันทั้ง 4 พระองค์ ทำให้แลเห็นพระพุทธรูปทองสำริดอยู่ภายใน

    พระพุทธรูปองค์แรกคือ หลวงพ่อทันใจ พระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 39 นิ้ว จีวรลายดอกพิกุล อายุราว 300 ปี

    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    พระพุทธรูปองค์ที่ 2 คือ หลวงพ่อเพชร พุทธลักษณะขัดสมาธิเพชร พระพักตร์กลม พระเนตรมองลงเบื้องล่าง ปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยา แต่หล่อขึ้นมาตามแบบพระพุทธสิหิงค์ จะเรียกขานกันว่าพระพุทธขนมต้ม อายุราว 600 ปี ประดิษฐานในพระวิหารคู่กับองค์หลวงพ่อทันใจ


    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg

    ส่วนพระพุทธรูปอีก 2 องค์ ไม่มีข้อมูลกล่าวถึง


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg
    การไหว้หลวงพ่อทันใจและหลวงพ่อเพชร อธิษฐานขอพร 1 ข้อ ส่วนการบนด้วยของอื่น ๆ เช่น พวงมาลัยดอกมะลิ ขนมถ้วย ไข่ต้ม ไก่ต้ม หัวหมู ขนมจีนน้ำยก ผลไม้ บ๊ะจ่าง ข้าวต้มมัด ละคร ลิเก ภาพยนตร์ หากพรที่ขอไว้บรรลุผลสำเร็จตามที่ตั้งใจ ยังมีเคล็ดลับว่าหากอยากให้พรที่ขอสำเร็จรวดเร็ว ให้กระซิบบอกหลวงพ่อทันใจและหลวงพ่อเพชรที่ข้างหูท่าน

    คาถาหลวงพ่อทันใจ วัดกลางคลองสระบัว


    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
    พุทธัง เมตตานะชาลีติ
    ธัมมัง เมตตานะชาลีติ
    สังฆัง เมตตานะชาลีติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556

    เมื่อไหว้ทำบุญไหว้พระเสร็จแล้ว ก็จะไปวัดที่ 2 แต่ไม่ได้วางแผนไว้เลยว่าเป็นวัดไหน ออกจากประตูวัดได้ก็ขับรถเลี้ยวขวาด้วยความมั่นใจว่าเป็นทางย้อนกลับทางเดิม ปรากฏว่าถ้าเป็นทางเดิมจะต้องเลี้ยวซ้าย สรุปหลงทางขับรถไปเรื่อยเปื่อย สังเกตเห็นวัดๆ นึง รั้ววัดยาวแต่เงียบๆ เห็นป้ายว่าวัดครุฑาราม อืมมม จำได้ว่าเพื่อนเคยพูดถึงบ่อยๆ โดยเฉพาะสายมู ก็เลยเลี้ยวเข้าไปแวะสักหน่อย นึกๆ ขึ้นมาที่หลงทางมานี่ เขาคงอยากให้มา มั้ง

     
  11. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    วัดครุฑาราม

    เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย มีจารึกที่อุโบสถระบุว่าเป็นวัดที่ได้รับการสร้างขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์) ในปี พ.ศ. 2302 พร้อมกับการสร้างพระประธานในอุโบสถจากหินทรายขาว ปางมารวิชัย สูง 3 ศอก 1 นิ้ว หน้าตักกว้าง 5 ศอก สูงตลอดพระรัศมี 6 ศอก 1 คืบ 1 นิ้ว ใน คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ระบุว่าโปรดเกล้าสร้างขึ้นพร้อมวัดละมุด วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.2306 หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 กลายเป็นวัดร้าง ก่อนจะมีการกลับมาบูรณะและเป็นที่จำพรรษาของพระภิกษุอีกครั้ง และในช่วงเวลาหนึ่ง เศียรของพระประธานได้ถูกโจรลักลอบเข้ามาตัดเศียรไปขาย และเมื่อชาวบ้านทราบเรื่องก็ต้องการที่จะซ่อมแซม จึงได้ออกค้นหาเศียรพระที่จะมาทดแทน และด้วยความบังเอิญ มีการค้นพบเศียรพระหนึ่งเศียร ที่สามารถนำมาประกอบเข้ากับองค์พระประธานได้พอดี ที่สำคัญพระโอษฐ์ของเศียรพระที่ได้มา มีลักษณะที่เรียกว่า ปากครุฑ พ้องกับชื่อวัด จึงมีการเรียกชื่อพระประธานองค์นี้ว่า หลวงพ่อครุฑ

    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556


    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg

    ภายในวัดมีอุโบสถแบบสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย มีลักษณะเป็นอาคารขนาดย่อมฐานอาคารแอ่นโค้ง กรอบหน้าจั่วประดับช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ ด้านหน้าต่อมุขยื่นและมีหลังคาจั่นหับคลุม

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556

    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg


    คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม เอกสารจากหอหลวง

    ฝ่ายประบรมเอกทัศจึงประพฤติตามอย่างธรรมเนียมกษัตริย์แต่ก่อนมา พระองค์ก็บำรุงพระศาสนาครอบครองอาณาประชาราษฎรทั้งปวงตามประเพณีมา อันว่ากรมหมื่นเทพพิพิธนั้นเป็นที่ปรึกษากันกับวังหน้านั้น ครั้นพระอุทุมพรราชาออกบรรพชาแล้ว ก็ว้าเหว่อยู่หาที่พึ่งไม่ได้ กับพระองค์นั้นก็ไม่ปกติริรองโดยสุจริตจึงทูลลาออกอุปสมบท ครั้นได้อุปสมบทแล้วใจนั้นแตกฉานจึงคิดความร้ายมิได้ตรงต่อพระองค์ ครั้นความลับนั้นแพร่งพรายกระจายไปรู้ถึงเสนาบดีผู้ใหญ่จึงลอบหนีออกจากอาราม เสนาบดีผู้ใหญ่จึงเข้าไปทูลฉลองพระองค์จึงมีพระโองการให้ไปจับมา ครั้นตามไปจับได้ถึงนอกด่าน พระองค์จึงให้ใส่บทพระอัยการพิพากษา ลูกขุนในจึงใส่บทมาควรฆ่าอย่าให้เลี้ยงสืบไป พระองค์จึงขอโทษไว้อย่าให้ตายด้วยว่าอยู่ในพรต ไม่ควรปลงชีวิตให้ชิปหาย ครั้นจะเลี้ยงไว้ก็เห็นใจกลัวจะคิดร้ายสืบไป จึงฝากนายสำเภาพ่อค้าชื่อโครติงอังกฤษให้ไปส่งเสียเมืองลังกาบุรี

    พระองค์จึงบำรุงพระศาสนาแล้วครอบครองเมืองกก็อยู่เย็นเป็นสุขมา แล้วพระองค์ก็สร้างอารามชื่อวัดละมุด แล้วสร้างวัดครุฑธาวาสวัดหนึ่ง พระองค์จึงทรงฉลองเลี้ยงพระสงฆ์พันหนึ่งจึงถวายไตรจีวรหรือเครื่องสังเคตพันหนึ่ง เครื่องเตียบสิ่งและพัน ต้นกัลปพฤกษ์ก็พันหนึ่ง จึงแจกทานสารพัดของนาๆ สิ่งละพัน แจกอาณาประชาราษฎรทั้งปวงเป็นอันมาก จึงปลายเงินทองวันละสิบชั่ง 7 วันเป็น 70 ชั่ง จึงให้มีการมหรสพทั้งปวง สรรพสิ่งต่างๆ เป็นการใหญ่ถ้วน 7 วันแล้ว พระองค์จึงหลั่งทักษิโณทกให้ตกลงเหนือแผ่นพระสุธา จึงแผ่กุศลให้แก่สัตว์ทั้งปวง แล้วเสด็จคืนเข้ามายังพระราชวังพระองค์ตั้งอยู่ในธรรมสุจริต บพิตรเสด็จไปถวายนมัสการพระศรีสรรเพชญ์ทุกเพลามิได้ขาด พระบาทจงกรมอยู่เป็นนิจบพิตรตั้งอยู่ในทศพิธ 10 ประการ แล้วครอบครองกรุงขันธสีมา ทั้งสมณพราหมณาก็ชื่นชมยินดี ปรีเป็นสุขนิราศทุกภัย ด้วยเมตตาบารมีทั้งฝนก็ดีบริบูรณ์ พูนความสุขมิได้กันดารทั้งข้าวปลาอาหารและผลไม่มีรสโอชา ฝูงอาณาประชาราษฎร์และชาวนิคมชนบทก็อยู่เย็นเกษมสานต์มีแต่จะชักชวนกันทำบุญให้ทานและการมหรสพต่างๆ ทั้งนักปราชญ์ผู้ยากผู้ดีมีแต่ความสุขทั่วทุกขอบขัณฑเสมา


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556

    ?temp_hash=f6cbacb440e98a7ab909a364e2f86739.jpg

    ตามคติของชาวอินเดีย ครุฑเป็นพญานก พาหนะทรงของพระนารายณ์ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความคิดความเชื่อและการสร้างสรรศิลปกรรมของคนไทย

    ครุฑมีศีรษะ ปากและเล็บเหมือนนก แต่มีร่างกาย แขนและขาเหมือนมนุษย์ หน้าสีขาว ขนสีทอง ลำตัวสีทอง ปีกสีแดง

    ครุฑมีจำนวนมาก มีความสามารถ มีอานุภาพ และมีพละกำลังแข็งแรง มีกำเนิดตามความเชื่อจากทั้งวรรณคดีสันสกฤตและบาลี

    ครุฑในวรรณคดีสันสกฤตมีเพียงตัวเดียว ชื่อว่า “ไวนเตยะ” ในมหากาพย์ภารตะ กล่าวว่าครุฑเป็นบุตรของพระกัศยปพรหมฤๅษีประชาบดีกับนางวินตา มีกำเนิดจากฟองไข่ เมื่อเวลาผ่านไป 5,000 ปี ไข่จึงแตกออกเป็นนกตัวใหญ่มหึมา มีรัศมีพวยพุ่งออกจากกายสว่างรุ่งโรจน์ดังไฟไหม้ทั้งสี่ทิศ มีพละกำลังเกรียงไกร

    ส่วนครุฑในวรรณคดีบาลี จัดเป็นนกประเภทหนึ่ง เกิดจากอำนาจแห่งกุศลกรรมแต่ครั้งอดีตชาติ มีผิวพรรณผุดผ่อง มีเครื่องอุปโภคบริโภคเป็นทิพย์ อายุยืน แต่ไม่ดำรงสภาพเป็นอมตะเช่นครุฑในวรรณคดีสันสกต บุคคลสามารถกำเนิดเป็นครุฑได้ด้วยการทำบุญ

    ตามคติพุทธศาสนา แสดงความเชื่อเกี่ยวกับกำเนิดครุฑไว้ในหนังสือไตรภูมิพระร่วง ดังกล่าวว่า “ฝูงดิรัจฉานดังครุฑราชดังเมื่อเป็นดุจดังดิรัจฉานทั้งหลายแล เครื่องเขากินเขาอยู่นั้น ดังเทพยดาในสวรรค์ไส้ และมีเตชะตบะศักดานุภาพ รู้หลักนิมิตดังเทพยดาในสวรรค์”

    กำเนิดครุฑตามคติพุทธศาสนา มี 4 ประเภท คือ
    1. ครุฑประเภทอัณฑชะ - ครุฑมีกำเนิดในฟองไข่
    2. ครุฑประเภทชลามพุชะ – ครุฑมีกำเนิดในครรภ์
    3. ครุฑประเภทสังเสทชะ – ครุฑมีกำเนิดในเถ้าไคล
    4. ครุฑประเภทอุปปาติก หรือ โอปปาติก - ครุฑเกิดขึ้นเองแบบเทวดา

    คนไทยนับถือศักดิ์และอำนาจของครุฑว่ามีฤทธานุภาพมาก เป็นพาหนะทรงของพระนารายณ์ และตามคติไทยแต่โบราณถือว่าพระมหากษัตริย์คือพระผู้เป็นเจ้าอวตารมาเกิดเพื่อปราบทุกข์เข็ญในมนุษย์โลก ครุฑซึ่งเป็นพาหนะของพระนารายณ์จึงนำมาใช้เป็นตราประจำพระองค์พระมหากษัตริย์และตราประจำแผ่นดิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556

    ทำบุญไหว้พระเสร็จแล้ว ก็ขับรถย้อนกลับทางเดิม จนมาออกหน้าวัดพระเมรุฯ เห็นป้ายวัดเชิงท่า คิดว่าจะแวะเป็นวัดสุดท้ายก่อนกลับบ้าน ซึ่งวัดเชิงท่าเคยมาเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ตอนนั้นขับรถเข้าไปแต่จอดไม่ได้มีคาราวานบิ๊กไบค์มาจอดเต็มไปหมด เห็นว่ามาถวายกฐินหรือผ้าป่า จำไม่ได้แล้ว คราวนั้นเลยต้องไปวัดอื่นต่อก็มีหลายวัด มีวัดแม่นางปลื้มด้วย ตอนนั้นกำลังบูรณะ ถ่ายรูปมาแต่ไม่สวยเพราะมีแต่ห้างร้านไม้ไผ่เต็มไปหมดก็เลยไม่ได้ตั้งกระทู้

     
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556
    วัดเชิงท่า

    (คัดลอกมาจากบทความของ นางสาวก่องแก้ว วีระประจักษ์
    และสร้อยฟ้ามาลาเพิ่มเติมข้อความอีกนิดหน่อย)

    วัดเชิงท่า เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะเมืองริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำลพบุรี ใกล้กับคูไม้ร้องซึ่งเป็นอู่เก็บเรือพระที่นั่ง ที่ตั้งวัดนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับป้อมท้ายสนมและปากคลองท่อ ซึ่งเป็นท่าข้ามเรือของฝั่งเกาะเมืองมาขึ้นฝั่งที่วัดเชิงท่า ด้วยเหตุนี้จึงเรียกชื่อว่า วัดตีนท่าอีกด้วย แต่ก็ยังมีชื่อเรียกกันหลากหลาย อาทิ วัดติณ วัดคลัง วัดโกษาวาสน์ วัดคอยท่า

    ประวัติของวัดเชิงท่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ใครเป็นผู้สร้าง คงปรากฏเพียงตำนานเล่าสืบๆ กันมาว่า เศรษฐีผู้หนึ่งสร้างเรือนหอให้แก่บุตรสาวซึ่งหนีตามชายคนรักไปแล้วไม่ย้อนกลับ เศรษฐีผู้บิดาคอยบุตรสาวอยู่นานไม่เห็นกลับมาจึงได้ถวายเรือนหอนั้นให้แก่วัดที่ตนสร้างขึ้น จึงได้ชื่อว่า วัดคอยท่า เรื่องที่เล่าสืบกันมานี้ หลวงจักรปาณี ได้นำมาประพันธ์ไว้ใน นิราศทวารวดี มีความตอนหนึ่งว่า

    พิหารมีสี่มุขทั้งสี่ด้าน
    ดูโอฬารลดหลั่นน่าหรรษา
    เหมือนปราสาทราชวังอลังการ์
    มุขเด็จหน้าดั่งหนึ่งท้องพระโรงทรง
    ที่ท่ามกลางมีพระปรางค์เป็นองค์ปลอด
    ดูใหญ่ยอดสูงเฉิดระเหิดระหง
    ที่เชิงปรางค์ข้างต่ำมีถ้ำลง
    เขาว่าตรงออกช่องคลองสระปทุม
    ผู้ใหญ่เขาเล่ามาก็น่าเชื่อ
    ว่าครั้งเมื่อเมืองสนุกยังสุขสม
    มีเศรษฐีมีมั่งตั้งรวบรุม
    เงินตวงตุ่มเหลือล้นพ้นประมาณ
    มีบุตรสาวเล่าก็ไม่ให้ใครเห็น
    จึงสร้างเป็นปรางค์มาศราชฐาน
    อันนี้ไว้ให้ธิดาอยู่มานาน
    แต่หญิงพาลตามชายสูญหายไป
    เศรษฐีแสนแค้นคะนึงถึงลูกสาว
    ไม่ได้ข่าวคอยท่าน้ำตาไหล
    จึงอุทิศปรางค์มาศปราสาทชัย
    อันนี้ให้เป็นวิหารทำทานทุน
    ให้เรียกวัดคอยท่ามาชัดชัด
    กลับเป็นวัดเชิงท่านึกน่าหุน


    ?temp_hash=146c3dbf297b23070265c58c19082c37.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +43,556

    ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ.2199 - 2231 มีหลักฐานว่าเมื่อครั้งเจ้าพระยาโกษา(ปาน) เป็นราชทูต กลับจากประเทศฝรั่งเศสแล้วได้ปฏิสังขรณ์วัดนี้และเปลี่ยนชื่อเป็น วัดโกษาวาส

    ตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระเพทราชาลงมาจนถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ (พ.ศ. 2231 - 2301) บริเวณวัดนี้คงจะเป็นที่รวบรวมหญ้า เพื่อนำข้ามฝั่งไปให้ช้างม้าในวัง จึงนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดติณ

    ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้มีการปฏิสังขรณ์วัดนี้อีกครั้งหนึ่ง และจากหนังสือเรื่องของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ฉบับพิมพ์ พ.ศ.2487 หน้า 1 บันทึกไว้ว่า วัดโกษาวาสแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดคลัง กับมีเรื่องเล่าว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อครั้งยังเยาว์มีนามว่า สิน ขณะอายุได้ ๙ ปี เจ้าพระยาจักรีได้นำไปฝากให้เป็นศิษย์ของพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส ให้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือไทย ขอม และคัมภีร์พระไตรปิฎก เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี ในวันหนึ่ง นายสินคิดตั้งตนเป็นเจ้ามือบ่อนถั่ว ชักชวนบรรดาศิษย์วัดเล่นการพนัน พระอาจารย์ทองดีทราบเรื่องจึงลงโทษทุกคน เฉพาะนายสินเป็นเจ้ามือถูกลงโทษหนักมากกว่าคนอื่น ให้มัดมือคร่อมกับบันไดท่าน้ำประจานให้เข็ดหลาบ นายสินถูกมัดแช่น้ำตั้งแต่เวลาพลบค่ำ พอดีเป็นช่วงเวลาน้ำขึ้น พระอาจารย์ทองดีไปสวดพระพุทธมนต์ลืมนายสิน จนประมาณยามเศษ พระอาจารย์นึกขึ้นได้จึงให้พระภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นอันเตวาสิก ช่วยกันจุดไต้ค้นหาก็พบนายสินอยู่ริมตลิ่ง มือยังผูกมัดติดอยู่กับบันได แต่ตัวบันไดกลับหลุดถอนขึ้นมาได้อย่างอัศจรรย์ เมื่อพระภิกษุสงฆ์ช่วยกันแก้มัดนายสินแล้ว พระอาจารย์ทองดีจึงพาตัวนายสินไปยังอุโบสถให้นั่งลงท่ามกลางพระภิกษุสงฆ์ แล้วพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายสวดพระพุทธมนต์ด้วยชัยมงคลคาถาเป็นการรับขวัญ

    ต่อมาเมื่อนายสินเรียนจบการศึกษา เจ้าพระยาจักรีก็ได้นำไปถวายตัวรับราชการเป็นมหาดเล็กในราชสำนักสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จนอายุได้ ๒๑ ปี ก็ได้อุปสมบทอยู่กับอาจารย์ทองดี ณ วัดโกษาวาส และบวชอยู่นานถึง ๓ พรรษา ในระหว่างนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งมีพระนามเดิมว่า ทองด้วง เป็นพระสหายกับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ขณะนั้นก็บวชอยู่ ณ วัดมหาทลาย (วัดไฟไหม้) ทำให้พระภิกษุทั้ง ๒ รูปได้เจอกันบ่อยครั้ง เช้าวันหนึ่งขณะพระภิกษุทั้ง 2 รูปบิณฑบาต มีซินแสชาวจีนเดินผ่านมาพบพระภิกษุสิน และ ภิกษุทองด้วง ได้กล่าวว่า ไม่น่าเชื่อเลยที่ได้เห็นกษัตริย์ไทยสององค์มาเดินบิณฑบาตด้วยกันอย่างนี้ ต่อไปในภาคหน้าพระคุณเจ้าทั้งสองจะได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ แต่พระภิกษุทั้งสองรูปรู้สึกขำขันหาได้ใส่ใจไม่

    วัดมหาทลาย ตั้งอยู่ใกล้กับวัดพระญาติการาม ด้านทิศใต้ในท้องที่ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันเป็นวัดร้าง สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัดชำรุดทรุดโทรมปรักหักพังไปหมดสิ้นแล้ว คงเหลือแต่รากฐานเจดีย์เท่านั้น

    ในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดตีนท่า (วัดคอยท่า) หรือวัดติณ หรือวัดโกษาวาส (วัดคลัง) นี้ ใช้นามว่า วัดเชิงท่า ทั้งนี้อาศัยข้อสังเกตจากบทประพันธ์เรื่อง นิราศทวารวดี หน้า 21 ของหลวงจักรปาณี (ฤกษ์) ซึ่งเป็นกวีในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ 3 - 5) ความว่า

    “ครั้นรุ่งสางสว่างโพยมโทมนัส ข้ามไปวัดเชิงท่าด้วยอาลัย

    เที่ยวดำเนินเดินยืนตามพื้นล่าง เห็นที่ร้างเราเอ๋ยเคยอาศัย

    กระฎีคร่ำชำรุดเขารื้อไป ไม่มีใครอุปถัมภ์มานำพา”

    ปัจจุบันวัดเชิงท่าเป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาตลอด สำนักโบราณคดี กรมศิลปากรได้กำหนดให้วัดเชิงท่าเป็นแหล่งโบราณสถานของชาตินอกเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้เนื่องจากภายในบริเวณวัดมีงานศิลปกรรมไทยสมัยอยุธยาตอนปลายในรูปแบบสถาปัตยกรรม ประติมากรรมและจิตรกรรมหลายอย่าง สมควรที่จะใช้เป็นแบบอย่างในการศึกษาอารยธรรมโบราณ จึงได้กำหนดเป็นโบราณสถานที่สำคัญ ในปีพุทธศักราช 2550 กรมศิลปากรได้ดำเนินโครงการขุดแต่งเพื่อออกแบบบูรณะวัดเชิงท่า เนื่องจากโบราณสถานมีสภาพทรุดโทรม อาคารหลายหลังถูกขุดเจาะทำลายเพื่อหาโบราณวัตถุรวมทั้งการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา

    ?temp_hash=146c3dbf297b23070265c58c19082c37.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...