10 สิ่งประดิษฐ์ไฮเทคที่ไม่สมควรคิดค้น

[FONT=&quot]เคย ดูหนังไซไฟใช่เปล่าครับ ที่หนังมีเทคโนโลยีสิ่งปีระดิษฐ์ล่ำยุคมากมาย ที่เราคิดว่าหากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริงเราคงมีชีวิตสงบสุขและเรียบง่าย ซึ่งข่าวดีคือสิ่งเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นจริงในอนาคติอันใกล้นี้ หากกระนั้นก็มีหลายฝ่ายบอกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สมควรเกิดขึ้นโ,กแห่งความจริง เพราะมันจะเกิดปัญหามากกว่าข้อดี และต่อไปนี้คือ 10 อันดับสิ่งประดิษฐ์ที่มีในหนังไซไฟบ่อยๆ ที่ดูเหมือนจะดูดี แต่ความจริงแล้วมันเต็มไปด้วยปัญหา[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]อันดับ [/FONT][FONT=&quot]10. Flying Cars[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]รถ บินยังคงเป็นพาหนะในฝันของมนุษย์ที่อยากจะได้เป็นเจ้าของมันบ้างในอนาคต เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด คุณลองคิดดูสิคุณสามารถนั่งรถที่ดูเหมือนเครื่องบินสามารถพาคุณไปจุดมุ่ง หมายในระยะอีนใกล้ได้โดยการขึ้นบนฟ้า ท่องอวกาศด้วยไม่ง้อนาซ่า มันจะดีแค่ไหน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ใน โลกแห่งความจริงมีผู้พยายามทำรถยนต์บินหลายเจ้า ล่าสุด บริษัทมอลเลอร์อินเตอร์เนชันแนล ตั้งอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พัฒนารถ "เดอะ มอลเลอร์ เอ็ม[/FONT][FONT=&quot]400 สกายคาร์" ขึ้นมา บินได้ด้วยความเร็ว 360 ไมล์ต่อชั่วโมง ถ้าเดินทางจากกรุงลอนดอนไปยังปารีส จะใช้เวลาเพียง 35 นาที เท่านั้น โดยผู้ผลิตบอกว่าระคนนี้ขับง่ายมาก ผู้ที่ขับรถอยู่แล้ว ก็สามารถนำมันขึ้นบินได้ แค่ตั้งทิศทางของจุดหมายที่จะไป พร้อมกับควบคุมความเร็วของรถ ซึ่งผู้ผลิตคาดว่ารถต้นแบบ "เดอะ มอลเลอร์ เอ็ม 400 สกายคาร์" จะพัฒนาเสร็จภายใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมกับจะขออนุญาตจากสำนักงานการบินสหพันธ์ หรือ เอฟเอเอ ยอดจองรถที่เข้ามานั้นมีประมาณ 100 คันแล้ว คาดว่าราคาจะอยู่ที่ 5 แสนเหรียญ หรือ 17.5 ล้านบาท [/FONT]
[FONT=&quot]ลองไปดูคลิปที่ [/FONT][FONT=&quot][ame="http://www.youtube.com/watch?v=U9CfHGnsPqs"]http://www.youtube.com/watch?v=U9CfHGnsPqs[/ame][/FONT]
[FONT=&quot]ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? ขนาดการจราจรบนพื้นดินยังว่าจัดการยากแล้ว แล้วการจราจรบนท้องฟ้ามันจะยุ่งยากขนาดไหน ในเมื่อไม่มีสัญญาไฟเขียวไฟแดง ไม่มีเส้นทางบังคับ มีหรือที่จะไม่เกิดอุบัติเหตุ กลางอากาศ หากเราดูสารคดีคมนาคมอากาศเครื่องบินเราจะรู้ซึ้งถึงความยุ่งยากอย่างไม่น่า เชื่อ เมื่อบนท้องฟ้ามันอันตรายกว่าบนบกอย่างที่คิด ไม่ว่าจะเป็นหลุมอากาศ สภาพอากาศแปรปรวน, นกบิน ฯลฯ คงยุ่งยากพิลึกในการจัดการเส้นทางการเดินทางของรถแต่ละคันได้อย่างครบถ้วน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]อันดับ [/FONT][FONT=&quot]9. Cryogenic freezing[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]เขียนไปนานแล้วแต่ก็อยากจะเขียนอีก การแช่แข็งยังเป็น[/FONT][FONT=&quot]เทคโนโลยี [/FONT][FONT=&quot]Cryonics [/FONT][FONT=&quot] ในฝันสำหรับคนที่เป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย แต่เขาก็มีโอกาสเป็นผู้โชคดีในการเข้าร่วมโครงการแช่แข็ง[/FONT][FONT=&quot]ใน อุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศา เพื่อรักษาสภาพร่างกายเอาไว้ (และเขาอ้างว่าสามารถรักษา ความทรงจำและบุคลิกภาพในสมองไว้ได้ด้วย) และเก็บรักษาไปเรื่อยๆ [/FONT][FONT=&quot]ด้วยความหวังที่จะรักษาโรคในอนาคตที่ทางการแพทย์ก้าวหน้า [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] เทคโนโลยีมีอยู่จริงในหน่วยงานชื่อ [/FONT][FONT=&quot]Alcor Life Extension Foundation หน่วยงานนี้เป็นองค์กรที่ไม่ได้แสวงหากำไร และมีเป้าหมายอยู่กับการเก็บอวัยวะบางส่วน(ศีรษะ) ไว้ในภาชนะที่ลดอุณหภูมิมากๆ บริการนี้มีไว้สำหรับผู้เป็นสมาชิกเท่านั้น ส่วนเหตุผลของการเก็บรักษาศีรษะของผู้ตายไว้ก็เพราะปัจจุบันเครื่องมือที่ นี่ยังไม่สามารถเก็บรักษาร่างกายทั้งร่างของมนุษย์ไว้ได้ดีพอ เนื่องจากร่างกายของเรามีความหนาแน่นของอวัยวะแต่ละส่วนไม่เหมือนกัน อุณหภูมิที่จะเก็บรักษาจึงแตกต่างกันมากด้วย สมองจึงเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของคนๆ หนึ่งที่ควรเก็บรักษาไว้ เพี่อรอคอยเทคโนโลยีในอนาคตที่จะสามารถทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ [/FONT]
[FONT=&quot] ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น?แต่ อย่างไรมันก็ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่หลายๆเรื่อง เช่นเทคโนโลยีนั้นไม่สามารถอธิบายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันสามารถทำได้หรือ เปล่า สามารถปลุกคนที่แช่งแข็งมาได้หรือเปล่า แม้จะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ทดลองกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช้คน เช่นทดลองในกบ สุนัข นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องกฎหมายที่ยังถกเถียงหลายรอบว่าถ้าเกิดคนที่ตาย แล้วทางกฎหมายคืนชีพในอนาคตละสถานะบุคคลจะเป็นเช่นไร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]อันดับ [/FONT][FONT=&quot]8. Artificial Intelligence[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot] ปัญญา ประดิษฐ์ ก็ยังเป็นความฝันของคนธรรมดาและชาวโอตากุอย่างเราๆ ที่อยากเห็นหุ่นยนต์ฉลาดเท่ามนุษย์และรับใช้เราเหมือนทาสผู้ซื่อสัตย์โดยไม่ ปริปากบ่น ในภาพยนตร์และนิยายที่เต็มไปด้วยหุ่นยนต์ไซไฟ ค่อนข้างแสดงออกอย่างน่ารื่นรมณ์เสียจริง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์เป็นสิ่งไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา [/FONT][FONT=&quot]ปัญญาประดิษฐ์ ([/FONT][FONT=&quot]Artificial Intelligence) หรือ เอไอ (AI) หมาย ถึงความฉลาดเทียมที่สร้างขึ้นให้กับสิ่งที่ไม่มีชีวิต ปัญญาประดิษฐ์เป็นสาขาหนึ่งในด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมเป็นหลัก แต่ยังรวมถึงศาตร์ในด้านอื่นๆอย่างจิตวิทยา ปรัชญา หรือชีววิทยา ซึ่งสาขาปัญญาประดิษฐ์เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการการคิด การกระทำ การให้เหตุผล การปรับตัว หรือการอนุมาน และการทำงานของสมอง[/FONT][FONT=&quot]ของเครื่องจักร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? สิ่งที่ถกเถียงคือ เราสมควรพัฒนาปัญญาประดิษฐ์โยใช่อารมณ์หรือความรู้สึกของมนุษย์หรือไม่ หาก ทำแล้วจ่ะสงผลให้หุ่นยนต์เกิดความคิดที่จะเป็นศัตรูกับมนุษย์หรือเปล่า ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ก็ยังพยายามศึกษา และพัฒนาหุ่นยนต์กันอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นผลให้หุ่นยนต์มีการพัฒนาที่ดี ขึ้นเป็นลำดับ และในอนาคต หากวันใดวันหนึ่งมนุษย์สามารถ พัฒนาหุ่นยนต์ ให้มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ได้ละก็จะเกิดปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]และที่น่าวิตกคือมนุษย์ได้พัฒนาอาวุธในการสงคราม ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ซึ่งอาวุธเหล่านี้ ก็เป็นส่วนประกอบของหุ่นยนต์เช่นกัน[/FONT][FONT=&quot]…และถ้าวันใดวันหนึ่งมันมีความคิดที่จะตอบสนองด้วยตนเอง แน่นอนอะไรมันจะเกิดขึ้น คงไม่ต้องอธิบายยาวละ[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]อันดับ 7. [/FONT][FONT=&quot]Prediction [/FONT][FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot]of the future[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]เป็นการดีหรือไม่หากเรารู้อนาคตเพื่อป้องกันภัยพิบัติต่างๆ เพียง แค่คุณดูอยู่ในหน้าจอ คุ้นก็เห็นอนาคตทำนายต่างๆ ที่เราสามารถป้องกันภัยพิบัติต่างๆ นาๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น แผ่นดินไหว, น้ำท่วม, การก่อการร้าย โรคระเบิด และนี้จะเป็นเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบหรือไม่[/FONT][FONT=&quot]? โอกาส ที่มีเทคโนโลยีเหล่านี้มีสูงครับ เพราะปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพยากรณ์อากาศ, การเกิดซึนามิ และวงการธุรกิจ ฯลฯ[/FONT]
[FONT=&quot]ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? สมมุติ ว่าเราดูหน้าจอ สมมุติหน้าจอบอกว่าจีนจะบุกอเมริกา เพื่อป้องกันเหตุเกิดขึ้นอเมริกาสั่งประชาชนหยุดงานและเริ่มต้นทำสงครามกับ จีนโดยไม่ใช้วิธีการภูต เปิดตัวด้วยขีปนาวุธต่างๆ มันคงสนุกพิลึกละ อีกทั้งเกิดมีการทำนายหวยล็อตเตอรี่, ทำนายดวงซะตา เรื่องวุ่นวายก็จะเกิดขึ้นไม่รู้จบ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]อันดับ [/FONT][FONT=&quot]6. Teleportation Device[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]มนุษย์รู้จักล้อมาเป็นเวลากว่า [/FONT][FONT=&quot]3000 ปี มีนักประดิษฐ์มากมายสร้างเครื่องจักรกลที่ติดล้อ สามารถเคลื่อนย้ายคนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว เช่น รถม้า จักรยาน และรถยนต์เป็นต้น ต่อมาพัฒนาเป็นเครื่องจักรที่ไม่ต้องใช้ล้อ แต่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วกว่าเช่น เครื่องบินและจรวด อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้ การเคลื่อนที่แบบดังที่กล่าวไปแล้ว เป็นสิ่งล้าสมัย เมื่อมาเทียบกับสิ่งที่จะเขียนถึงนี้ ยกตัวอย่างถ้าคุณอยู่ที่บ้านและต้องการไปโลตัส หรือบิ๊กซี บนดวงจันทร์ เพียงแต่เดินเข้าไปในห้องเล็กๆที่สร้างหลบมุมไว้ที่บ้าน และกดปุ่ม ร่างกายของคุณจะหายไป และไปปรากฎอยู่ที่ใหม่ ด้วยความเร็วที่เทียบได้กับความเร็วแสง ฝรั่งเรียกว่า วิธีเทเลพอเทชั่น (Teleportation) [/FONT]
[FONT=&quot]แนวคิด เทเลพอเทชั่น[/FONT][FONT=&quot]เริ่มตั้งแต่ปี ปี ค.ศ. 1966 -69 ปรากฎอยู่ในภาพยนต์วิทยาศาสตร์เรื่อง สตาร์เทค (Star-Trek) ประพันธ์โดยนาย Gene Roddenberr เราจะได้เห็นกัปตัน Kirk ที่เป็นพระเอกของเรื่อง เดินเข้าไปในห้องแก้ว และกดปุ่ม เขาจะหายไป และปรากฎอยู่ ณ ดาวแห่งหนึ่งที่ไกลจากเดิมนับพันปีแสง จากนั้นเป็นต้นมาก็มีนักวิทยาศาสตร์หลายคนพยายามที่จะค้นหา [/FONT]
[FONT=&quot]ในปี[/FONT][FONT=&quot] 1993 แนวคิดของเทเลพอเทชั่น เข้าใกล้ความเป็นจริงยิ่งขึ้น เมื่อนักฟิสิกส์ คือ นาย Charles Bennettแถลงข่าวพร้อมกับทีมงานวิจัยของ ไอบีเอ็ม ยืนยันว่า ควอนตัมเทเลพอเทชั่น(Quantum Teleportation) กำลังเป็นจริงโดยพวกเขาทดลองเคลื่อนย้ายโฟตอนสำเร็จ หลักการทำงานคือคล้ายๆ กับเครื่องส่งแฟกซ์ ทำให้หน้าที่ทำให้มวลที่จุดเริ่มต้นแตกสลายกลายเป็นอะตอมและพลังงานโดยเก็บข้อมูลทุกๆตำแหน่งของอะตอม และส่งผ่าน ทางสายไฟ สายไฟเบอร์ออฟติก หรือไม่ต้องใช้สาย เป็นต้น เมื่อถึงตำแหน่งที่ต้องการ อะตอมก็จะจัดเรียงและก่อตัวขึ้น เหมือนกับต้นทางทุกประการ [/FONT]แม้จะติดที่กฎพื้นฐานของฟิสิกส์ แต่กระนั้นนักวิทยาศาสตร์ก็ยังเชื่อว่าสักวันหนึ่งเราจะสามารถเคลื่อนย้ายมนุษย์โดยวิธีเทเลพอเทชั่นได้ หาก ความฝันนี้เป็นจริงเราก็สามารถเดินทางไปทั่วโลกภายในหนึ่งวันได้โดยไม่ง้อ เครื่องบิน เราสามารถไปช็อปปิ้งที่อียิปต์ กินอาหารที่อิตาลี เข้าห้องน้ำที่จีน และไปร้องคาราโอเกะที่ญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจเลยแหละ
[FONT=&quot] ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? มัน คงเป็นสวรรค์และสนุกพิลึกและเมื่อผู้ก่อการร้ายสามารถใช้เทคโนโลยีนี้สร้าง ความวุ่นวายแก่ทั่วโลกในเวลาแค่หนึ่งวัน และเทคโลยีนี้ใช่ว่าจะดีเสมอไปเมื่อคิดถึงความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้น เมื่ออะตอมจัดเรียงผิดพลาด คุณเคยทำสำเนาเองหรือไม่ คุณคงรู้ดีว่าบางครั้งสำเนาก็มีข้อผิดพลาด เช่นกระดาษติด, กระดาษดำ, กระดาษยับ, ตัวอักษรซ้อน แล้วเครื่องเทเลฯ มีหรือจะไม่ผิดพลาดเหมือนเครื่องถ่ายเอกสารบ้าง ผมของคุณ, เล็บมือ, หัวใจคุณ แน่ใจหรือว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลงหลังคุณใช้เครื่องนี้[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]อันดับ [/FONT][FONT=&quot]5. Nanobots[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]นา โนบอดี้ เป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็กจิ๋วสุดๆๆ ที่นักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่หลายอย่างตั้งแต่การช่วย สังเคราะห์โปรตีนด้วยกันเอง ควบคุมให้ปฏิกริยาต่างๆ เกิดขึ้นได้ เช่นการเผาผลาญอาหาร การกำจัดสิ่งแปลกปลอม เป็นต้น ควบคุมการเข้าออกของสารเคมีต่างๆ ผ่านเซลล์ ไปจนถึงการทำหน้าที่เป็นโครงสร้างให้กับอวัยวะ หรือทำให้สัตว์เคลื่อนไหวได้ ฯลฯ ส่งผลให้มนุษย์เราไม่มีโรคภัยอีกต่อไป มะเร็งเป็นโรคที่สูญพันธุ์ ร่างกายแข็งแรงตลอดกาบ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]นอกจากนาโนบอดี้ มันมีคุณสมบัติเหลือเชื่ออีก คือมันสามารถวิวัฒนาการไปจนมีความฉลาดพอๆ กับมนุษย์ได้[/FONT][FONT=&quot],ความสามารถในการประกอบตัวเอง และมันยังสามารถขยายพันธ์ได้ด้วย (Self Replication)[/FONT]
[FONT=&quot]แม้นาโนบอดี้ จะเป็นของใหม่ แต่ตามที่ศึกษา ภายในระยะเวลา [/FONT][FONT=&quot]10 ปี เราอาจมีนาโนบอดี้ที่สามารถเลื้อยไปในร่างกายของคุณทันทีโดยไม่ต้องพึ่งหมอ อีกต่อไป[/FONT]
[FONT=&quot]ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] นา โนบอดี้ อาจจะนำไปสู่หายนะที่คาดไม่ถึง ถ้าสมมุตินาโนบอดีที่ว่าเกิดทำสำเร็จ จนมันสามารถอยู่อาศัยบนร่างเราเรียบร้อย และมันมีความฉลาดพอๆ กับมนุษย์ และถ้าเกิดเราตายลงแต่เจ้าเทคโนโลยีบอดียังโปรแกรมทำงานอยู่โดยไม่ได้ตาย พร้อมกับเราละอะไรจะเกิดขึ้น? แม้สมองของเราจะตาย แล้วเจ้านาโนนี้ก็จะทำงานและมันจะทำการสร้างรูปแบบระบบ ประสาท ขึ้นมาใหม่ บังคับกล้ามเนื้อในร่างกายของเรา แม้ร่างกายจะผุเน่าและสมองตายแล้ว แต่ซอมบี้ที่นาโนบอดีบงการอยู่ก็ยังสามารถแคลื่อนไหวได้ตามที่มันนึก[/FONT]
[FONT=&quot]และ เมื่อนาโนนี้ถูกโปรแกรมการเพิ่มจำนวนตัวเอง ([/FONT][FONT=&quot]self-replicate) มัน จึงต้องการเพิ่มจำนวนและหาร่างใหม่ดังนั้นมันเลยบงการร่างนั้น กัดเหยื่อที่แข็งแรง เพื่อให้นาโนบอดี้ เข้าไปติดตั้งในสมองเจ้าของบ้านใหม่ของมัน และมันสามารถปิดการทำงานของสมองเหยื่อรายใหม่ได้ และเมื่อสมองหยุดทำงานมันก็เปลี่ยนระบบประสาทใหม่ ที่นี้เราก็จะได้สมาชิกใหม่ในกองทัพไม่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีวันตายได้แล้ว[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]อันดับ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]4. Weather Control[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot] ยินดี ต้อนรับสู่อนาคต เมื่อความหิวโหยทั่วโ,กจะได้รับความแก้ไข ชีวิตสังคมปกติสงบสุขเมื่อไม่มีพายุเฮอริเคน หรือน้ำท่วม เมื่อมนุษย์สามารถควบคุมสภาพอากาศในระบบนิเวศที่ละเอียดอ่อนได้อย่างง่ายดาย จนเรียกได้ว่ามนุษย์สามารถเอาชนธธรรมชาติได้[/FONT]
[FONT=&quot] เทคโนโลยีนี้มีอยู่จริงครับ สหรัฐอเมริกาได้มีโครงการควบคุมสภาพอากาศนี้ว่า [/FONT][FONT=&quot]โครงการฮาร์พ [/FONT][FONT=&quot]Haarp[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]HAARP(High Frequency Active Auroral Research Project)[/FONT][FONT=&quot] เป็น[/FONT][FONT=&quot]คือศูนย์วิจัยไอโอโนสแฟร์ ([/FONT][FONT=&quot]ionosphere คือชั้นบรรยากาศช่วงที่อยู่ห่างระหว่าง 80-1000 กิโลเมตร)ใน มลรัฐอะแลสกา มีจุดมุ่งหมายสำรวจทรัพยากรชั้นบรรยากาศโลก เพื่อพัฒนาระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม โดยโครงการนี้สามารถ สร้างและควบคุมสภาพภูมิอากาศได้โดยการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ขึ้นไป ที่ชั้นบรรยากาศไอโอโน สเฟียร์ แล้วให้สะท้อนกลับมายังพื้นผิวโลก ไปยังเป้าหมายที่ รวมไปถึงส่งพลังงานนั้นลงไปสู่ชั้นหินใต้ดินเพื่อก่อให้เกิดแรง สั่นสะเทือนหรือแผ่นดินไหวนั่นเอง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] ต่างประเทศออกมาด่าครับว่าโครงการนี้เป็นการสร้างอาวุธที่จะสร้างหายนะแก่[/FONT][FONT=&quot]มนุษยชาติ เพราะมันทำให้สภาพภูมิอากาศแปรปรวน เมื่อไม่นานมานี้มีคน ล่าวหาสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นต้นตอของหายนะในเฮติ จากการทดสอบอาวุธ อันก่อให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่คร่าชีวิตพลเรือนนับแสนคน [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ในปี [/FONT][FONT=&quot]1997 วิลเลียม โคเฮน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯขณะนั้น แสดงความกังวลต่อเครื่อง HAARP นี้ ในกรณีที่มันสามารถก่อความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ จุดชนวนแผ่นดินไหวและควบคุมการปะทุของภูเขาไฟด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอีกทั้ง ยังสามารถประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีร่วมกับดาวเทียม และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อควบคุมกระแสลมกรด ซึ่งเป็นกุญแจของธรรมชาติที่จะนำพากลุ่มเมฆ น้ำฝน ความร้อน ความแห้งแล้งและความหนาวเย็น และอื่นๆ อีกมาก[/FONT]
[FONT=&quot]ปัจจุบันโครงการฮาร์พกำลังอยู่ในชั้นตอนสุดท้ายของการขยายกำลังส่ง และคาดว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ให้ใช้การได้เต็มที่ในราวปี [/FONT][FONT=&quot]2549 (ปัจจุบัน แน่นอนคงใช้ได้อย่างเต็มที่แล้ว) แม้ว่ามีหลายประเทศออกมากดดันให้สหรัฐยกเลิกโครงการนี้แล้วก็ตาม[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]อันดับ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]3. Genetic Engineering[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]จะ เกิดอะไรขึ้นเมื่อพันธุกรรมสามารถนำไปใช้โดยไม่ต้องสนใจศิลธรรม เพื่อสร้างมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบขึ้นมา โดยไม่มีความเสี่ยงโรคภัยหรือคงวามผิดปกติหลังคลอด โดยไม่ต้องใช้นาโนบอดี้ยุ่งยากเหล่านั้น เหมือนในหนังเรื่อง [/FONT][FONT=&quot]Gattaca(1997) นอกจากนั้นพันธุกรรมยังช่วยในการแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารและการสร้างสิ่งมีชีวิตในฝันต่างๆ นาๆ [/FONT]
[FONT=&quot]เราเรียกวิชาเหล่านี้ว่า[/FONT][FONT=&quot]พันธุวิศวกรรม ([/FONT][FONT=&quot]genetic engineering) หรือความรู้ที่ได้จากการศึกษาชีววิทยาระดับโมเลกุล (molecular biology) จนทำให้สามารถประยุกต์ใช้ในการปรับเปลี่ยน เคลื่อนย้าย หรือตรวจสอบสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) และผลิตภัณฑ์ของสารพันธุกรรม (อาร์เอ็นเอและโปรตีน) การประยุกต์ใช้พันธุวิศวกรรมแบบหนึ่งที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางได้แก่ การเคลื่อนย้ายยีน (transgenesis)จากสิ่งมีชีวิ ตสปีชีส์หนึ่งไปสู่สิ่งมีชีวิตอื่นในสปีชีส์เดียวกันหรือสปีชีส์อื่น ซึ่งทำให้เกิดการถ่ายทอดยีนและลักษณะที่ยีนนั้นควบคุมอยู่ ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจไม่เคยปรากฏในธรรมชาติมาก่อน ตัวอย่างเช่น การใส่ยีนสร้างฮอร์โมนอินซูลินเข้าไปในแบคทเรียหรือยีสต์ เพื่อให้ผลิตสารดังกล่าว ซึ่งสามารถนำมาสกัดบริสุทธิ์เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน เป็นต้น[/FONT]
[FONT=&quot]ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] ความ จริงเทคโนโลยีดี แต่หากนำไปใช้โดยไม่คำนึงศิลธรรมและผลเสียที่ตามมาเป็นเรื่องยุ่งแน่ การดัดแปลงมนุษย์โดยพันธุกรรมอาจนำไปสู่การทดลองในมนุษย์ การสร้างสัตว์ประหลาดที่มีพลังวิเศษต่างๆ ของสัตว์ หรือหากนำไปใช้กับอาหารของมนุษย์จะเกิดความเสี่ยงต่อผ็บริโภคและสิ่งแวดล้อม หรือไม่[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]อันดับ 2 [/FONT][FONT=&quot]Holodecks[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot] หลัง จากที่เครียดจากที่ทำงาน เหนื่อยหน่ายจากโลกภายนอก คุณเบื่อภรรยาเส็วเคร็งกับเด็กเหลือขอทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นลูกของคุณ คุณอยากมีโลกส่วนตัวสบายๆ อยู่กับบ้าน เราขอแนะนำเทคโนยีโลกสามมิติที่คุณสามารถพักผ่อนในทุ่งหญ้าแอฟริกาทั้งๆ ที่อยู่ในบ้าน คุณสามารถไปที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องเดินอะไรเลย นอกจากนี้คุณยังสามารถเล่นเกมส์เสมือนว่าเราไปอยู่ในโลกนี้จริงๆ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]Holodecks[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เป็นโลกจำลองเสมือนจริง มีแนวคิดจากนิยายสตาร์เกท [FONT=&quot]เป็นโลกจำลองที่สร้างบนพื้นฐานของเทคโนโลยี [/FONT][/FONT][FONT=&quot]3Dมีการจำลองสิ่งต่าง ๆ ในห้องได้สมจริง ในนิยายจะเป็นการจำลองการรบในอวกาศ และสามารถ[/FONT][FONT=&quot]ประยุกต์ใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ ทั้งการเรียนการสอนออนไลน์ พิพิธภัณฑ์ออนไลน์[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น? สวรรค์ โอตากุดีๆ นี้เอง เพราะคุณสามารถเล่นเกมส์จีบสาวและได้สัมผัสสาวๆ ได้ตามต้องการ(แม้มันจะเป็น 3D ก็เถอะ) ส่งผลให้คนอยู่แต่ในบ้านมากขึ้น กลายเป็นคนไม่เอาไหนมากขึ้น[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]อันดับ 1 [/FONT][FONT=&quot]Replicators[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]นี้ คือสุดยอดเทคโนโลยีที่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆ ในโลกได้ทุกจุด ปัญหาเรื่องความอดอยาก ปัญหาด้านพลังงาน ปัญหาการขาดเวชภัณฑ์ โลกสมบูรณ์แบบกำลังอยู่ในมือของเราแล้ว[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]เทคโนโลยี ปรากฏในสตาร์เกท เป็นเครื่องที่สามาระสร้างและรีไซเคิล สังเคราะห์อาหาร(วัสดุอินทรีย์และอนินทรี)หรืออะไรก็ตามได้โดย มีฉายแสงเลเซอร์แสกนโมเลกุลขึ้นมา เช่นคุณอยากกินไก่ย่างเคเอฟซีคุณก็กดปุ่มว่าอยากกินไก่ที่เครื่อง เครื่องก็จะคำนวณหาส่วนประกอบแล้วใช้แสงแสกนโมเลกุลที่สามารถจับต้องได้และ มีรสชาติขึ้นมา[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]เทคโนโลยีมีการศึกษาและมีเทคโนยีว่าอาจสามารถทำได้จริง โดนการจัดเรียงอนุภาพ [/FONT][FONT=&quot]Subatomic ที่ มีอยู่มากมายหลายที่ในจักรวาล เพื่อให้อยู่ในรูปโมเลกุลและจัดเรียงโมเลกุลนั้นเป็นวัตถุ เช่น อยากสร้างหมูสับ จะต้องมีฟอร์มอะตอมคาร์บอน, ไฮโดรเจน ไนโตรเจน และจัดให้เป็นกรดอะมิโนโปรตีนและเซลล์เพื่อนำไปสู่การสร้างหมูสับขึ้นมา[/FONT]
[FONT=&quot]ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] มัน คงจะวุ่นวายพิลึกเมื่อมีคนดัดแปลงเทคโนโลยีเพื่อสร้าง ทองคำ, ระเบิด, สารพิษ, ไวรัส, แบคทีเรีย อีกทั้งเทคโนโลยียังไม่สามารถเกิดเครื่องจริงเพราะมีปัญหาเหมือนเครื่องเทเล พ็อต[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]อันดับ 0 [/FONT][FONT=&quot]Time Travel[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]ยัง เป็นความฝันของมนุษย์มาช้านานที่จะท่องเวลา ย้อนเวลาเพื่อจะไปแก้ปัญหาในอดีต เตือนภัยอันตรายล่วงหน้า นำความรู้ในอนาคตมาใช้ในอดีต ช่วงที่ธุรกิจของคุณตกต่ำ หรืองานวันเกิดแม่ยายที่คุณไปสายจนโดนด่า เพียงแค่คุณนั่งเครื่องแล้วย้อนเวลาเท่านั้น หรือจะข้ามไปดูอนาคตข้างหน้า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]การท่องเวลายังคงเป็นความฝันของนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามเกิดขึ้นจริง [/FONT][FONT=&quot] บรรดา นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ของโลกที่กำลังทุ่มเทการวิจัยเรื่องนี้กันอย่างหนัก และเริ่มมีเค้าโครงของความเป็นไปได้เมื่อบรรดานักวิจัยจากแคลิฟอร์เนียและ กรุงมอสโควเค้าประกาศออกมาแล้วว่า การท่องเวลา (Time Travel) นั้น มีความเป็นไปได้อยู่ทีเดียว !! ซึ่งพวกเค้าได้สร้างห้องแล็ปที่เรียกว่า TARDIS ขึ้นมา และเริ่มทดลองโดยนำพื้นฐานมาจากสมการของนักฟิสิกส์เอกของโลก อัลเบิร์ท ไอนสไตน์ (Albert Einstein) [/FONT]
[FONT=&quot]ทำไมมันไม่สมควรเกิดขึ้น[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot] สวรรค์ ของก่อการร้ายชัดๆ คุณสามารถเปลี่ยนอนาคตโดยให้เยอรมันชนะสงครามโลกครั้งที่ 2, ฆ่าจอร์ดบุซเพื่อไม่ให้เกิดสงครามอีรัก ,หรือซื้อหวยโดยคุณรู้ล่วงหน้าว่ามันจะออกเลขอะไร หากการท่องเวลาเกิดขึ้นจริง แล้วถ้าในอนาคตสร้างได้จริง ... ทำไมลูกหลานถึงไม่แวะเวียนมาหาเราบ้าง เป็นไปได้ไหมว่าอนาคตการสร้าง ไทม์แมชชีน (Time machine) ไม่สำเร็จ ห้ามสร้าง หรือไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ในอนาคตไม่มี ไทม์แมชชีนแน่นอน[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]ที่มา

 

อเมซิ่ง เทคโนโลยี

อันดับสุดท้ายเราต้องหาวิธีลงจอดแบบ ยูเอฟโอ ให้ได้

แต่เทเลพอต น่าจะจำเป็น

 

อะเมซซิ่ง สตาร์เกต

2010/01/21 Star gate คือ star transport network

Star gate นั้น ต้องมี 2 ด้าน คือ ด้าน Enter และ ด้าน Exit ถ้ามีการปิด หรือ ประตูด้านใดด้นหนึ่งเสียหาย
ก็ไม่สามารถใช้การได้ ปรกติ Star gate จะใช้เดินทางไปยังดาวดวงที่ค้นหาเจอแล้ว และนำ Star gate ของดาวนั้นๆมาไว้ที่นี่เพื่อใช้เดินทาง การเดินทางโดย Star gate จะเป็นการเดินทางแบบ Instant

* ในการค้นหาดาวดวงใหม่ จะใช้ Viatmanas ในการค้นหา

โลกใบนี้ มี Star gate จำนวนหนึ่ง (จำนวนไม่ทราบแน่นอน) ซึ่งอาจจะมีมากกว่า 4 Star gate ผู้คนจากดาวต่างๆ(ต่าง สีผิว ต่างเผ่าพันธ์)เดินทางมาโดย Star gate (จากดาวของตัวเอง)

Star gate ของดาวแต่ละดวงมีคุณภาพไม่เหมือนกัน (เอาให้เห็นภาพคือเช่นเดียวกับรถแต่ละรุ่นนะครับ) ระบบของ Star gate เป็นประตูเชื่อมโยงถึงกันได้ พลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อน Star gate ไม่ใช่
electrical , magnetic, หรือ gravitation แต่เป็น Source ที่ไม่ได้กล่าวเอาไว้ และยังเป็นความลับ แต่ต้องมีการเชื่อมต่อ พลังงานนี้จากที่ใดที่หนึ่ง(หรืออาจจะเชื่อมจากพลังงานเริ่มต้น) ถึงจะมี Star gate ได้

(ยกตัวอย่างเช่นแสงไฟประดับต้นคริสมาสต์ ซึ่งจะต้องเสียบปลักจากที่ใดที่หนึ่ง )

สาเหตุอีกอย่างที่ Star gate บนโลกถูกปิด เนื่องจากสงครามในช่วงเวลาเดียวกัน คือ สงคราม (star war) ระหว่าง Light and Dark Forces บนดาว Rutta-Earth และ Troara-Earth ผลพวงจาก atomic and nuclear weapons ได้ทำลายล้าง ดาวทั้งสองดวง

และได้ทำการปิด Star gate บนดาวทั้งสองดวง และ ความเสียหายครั้งนี้สร้างผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะ มีดาวอยู่ดวงหนึ่ง คือ Troara-Earth มี Multi-Gate Circle ซึ่ง รวมเอา star gate จากดาวมากมายไว้ที่นี่ (ที่นี่เรียกได้ว่าเป็น สถานีหลัก พูดให้เห็นภาพง่ายขึ้นนะครับ)

Multi-Gate Circle ปิด แต่ก็ไม่ได้ปิดทั้ง network เป็นการปิดแค่บางเ้ส้นทางบน Universe เท่านั้น


เขียนโดย Dots conector ที่ 1/21/2010
Dots connector: * Star gate

 

อันดับ 10 ถ้ามันจะมีจริงๆ

พวกเขาก็คงหาทางนำระบบการจราจรทางอากาศที่เหมาะสมกับรถบินมารองรับอยู่แล้วมั้ง

อันดับ 9

ออกกฎหมายระงับสถานภาพบุคคลชั่วคราวแต่ยังสามารถสงวนสิทธิการแสดงสถานภาพบุคคลได้

 

ไทม์แมชชีน อันตรายสุด....สวรรค์ ของผู้ก่อการร้าย...คงจะจริง

 

ถ้าอันดับ 10 มีจริง ต้องมีตำรวจทางหลวงอากาศ แล้วก็คอย
จับ ปรับ ตั้งข้อหาให้ โดยที่เราไม่ได้ขับเร็ว 100 ตามระเบียบ
ผมโดนประจำเลย รู้สึกเคืองนิดนิด เเต่ก็ให้อภัยเขาเเล้ว

 

ควรมีทุกอย่าง เพื่อการพัฒนา ไม่ว่าจะมีผลดีหรือร้าย

เพราะมันคือการพัฒนา ไปสู่อนาคต

 

นำระบบวิทยุการบิน

มาปรับใช้ได้ไหมครับ

 

อันดับ4. Weather Control
HAARP

อันนี้ผมก็งงๆกับมัน มันคือเครื่องอะไรกันแน่ ถ้าตามที่ฝรั่งมันบอกว่าเป็นเครื่องทดลองอนุภาค การเกิดจักรวาล ผมว่ามันโม้ ค่าใช้จ่ายสร้างก็ไม่คุ้มกับเรื่องที่อยากศึกษาแล้วเอาไปทำประโยชน์อะไรยังไม่รู้เลย และ ค่าไฟยิ่งแพงใหญ่ เห็นมันบอกว่าต้องใช้ไฟฟ้าเยอะมากๆเพราะเอาไปทำระบบความเย็นให้ตัวนำที่อุณหภูม ติด- มากๆ เพื่อตัวนำนั้นที่ทำจากสารปรอด จะกลายเป็นตัวนำยิ่งยวด หรือไม่มีความต้านทานเลย อนุภาคจะวิ่ง ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

ถ้าอนุภาควิ่งเร็วมากจนเร็วเกินความเร็วแสงจะเกิดอะไรขึ้น? - -"

ถ้ามันควบคุบดินฟ้าอากาศได้ แผ่นดินไหวที่เฮติ ภูเขาไฟอลาสก้า น้ำท่วมแถบเอเชียวันนี้ คงเป็นผลงานมันหล่ะมั้ง? ยังกับเกม เลดอะเลิ้ด

ถ้าควบคุม ธรรมชาติได้จริง ไม่ลองยิงใส่ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร มั่ง เอาให้มันมีน้ำ มีดิน มีอากาศ ให้ครบเลย ได้ไปอยู่กันให้หมดพวกฝรั่ง โลก ก็ทิ้งให้พวกเราอยู่ละกัน

 

ยิงอนุภาค เพื่อหาอนุภาคพระเจ้านั่นมัน เซิร์น

แต่เครื่องเปลี่ยนอากาศมันอีกอัน คนละอันเน้อ

 

คนละเครื่องครับ อันนั้นมัน CERN

แต่นี่เขาพูดถึงมัน HAARP ซึ่งใช้งานได้นานแล้ว
และก็ก่อให้เกิดแผ่นดินไหน ภูเขาไฟระเบิด
และพายุเฮอริเคนมาแล้วหลายครั้ง

และก็คงจะมีอีกหลายๆครั้งในอนาคตข้างนี้ด้วย
จนกว่ากลุ่ม "ผู้สั่งการ" ใช้งานมันอย่างว่านี้จะหมดอำนาจไป

ส่วนรายการอื่น เช่น Teleportation, รถหรือยานบิน
และ Time Machine นั้น เห็นจะห้ามไม่ทันแล้วหละครับ

เพราะ "ดาวดวงอื่น" เขาใช้กันอยู่โครมๆ และแม้แต่บนโลกนี้
ก็ห้ามได้เฉพาะ "อย่างเป็นทางการ" เท่านั้นแหละครับ

เพราะผมเคยอ่านเจอว่า..เขามีใช้กันบ้างแล้ว...

บนโลกเรามีบางกลุ่มคนที่ครอบครองเทคโนโลยีบางอย่าง
ที่ล้ำยุคเกินกว่าที่คนทั่วไปจะนึกถึง...

....................................................

 

เช่น อเมริกา รัสเซีย เป็นต้น หุหุ

 

เหรียญย่อมมีสองด้าน

55+

เหมือนที่ ไอสไตน์ กล่าวว

 

ลองเข้าไปอ่านในกระทู้นี้ดูนะครับ
โพสต์ที่ 150 เป็นต้นไป

http://palungjit.org/threads/โค้งสุ...งการ-ต่อชาวโลก-ของมนุษย์ต่างดาว.220547/page-8

แต่ถ้าอ่านแล้วงงๆ ก็อาจจะต้องย้อนไปอ่านก่อนหน้านี้อีกสักหน่อย
เพราะเนื้อหามันต่อกันหนะครับ


.....................................................

 

อันนี้เป็นตัวอย่างบางตอนของข้อความที่ผมอ้่างถึงข้างบนนั่นนะครับ




(คนนี้ครับ Henry Deacon)

(ต่อครับ)


<style>@font-face { font-family: "Arial Unicode MS"; }@font-face { font-family: "Tahoma"; }@font-face { font-family: "@Arial Unicode MS"; }p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal { margin: 0cm 0cm 0.0001pt; font-size: 12pt; font-family: Arial; }p { margin-right: 0cm; margin-left: 0cm; font-size: 12pt; font-family: Tahoma; }div.Section1 { page: Section1; }</style> การท่องกาลเวลา


มีอีกข้อเท็จจริงหนึ่งที่ยากยิ่งจะเข้าใจได้ ก็คือเรื่องที่กาลเวลาไม่ได้คงที่แบบเป็นเส้นตรง

Corridor สามารถพาคุณไปทำงาน ในช่วงเวลาที่ต่างยุคสมัยกับยุคสมัยของคุณเองได้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือในอนาคต

Henry มีความรู้เป็นอย่างดีว่าจะต้องมาหาที่ไหนบนดาวอังคาร จึงจะพบฐานที่เขาเคยทำงานอยู่ด้วย
และเขาจะรู้ว่ามันจะดูเหมือนอะไร แต่เมื่อเขามองดูทั่วบริเวณเหล่านั้น ในรายละเอียดจากภาพถ่ายปัจจุบัน
เขาไม่พบอะไรอยู่ที่นั่นอีกแล้ว


ผู้แจ้งข่าวที่น่าเชื่อถืออีกคนหนึ่ง ได้ยืนยันว่า งานได้ทำสำเร็จไปเรียบร้อยแล้วในโลกหลังยุคปี 2012

แต่ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หรือถูกย้ายสถานที่ไปอยู่ที่ไหนก็ตาม มันเกิดจากฝีมือของคนจากช่วงเวลาของเรานี้เอง


ถึงแม้ว่ากลุ่มคนที่กล่าวโจมตีนาย Benjamin Fulford จะทับถมคำดูหมิ่นเยียดหยาม
ไว้ให้เขามากน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ยังมีแหล่งข่าวจากกองทัพอวกาศสหรัฐ (US Space Command)
ที่บอกกับเขาในเรื่องเดียวกันนี้ และบอกว่ากลุ่มนี้กำลังเตรียมการที่จะเดินหน้าต่อไปอีกด้วย

เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าผมก็จะรู้เรื่องนี้ด้วย


ความอดทนไม่ค่อยมีมากในอินเตอร์เน็ต ความจริงที่ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่า
จะทำให้คำพูดปากต่อปากของแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้หลายๆแหล่ง ที่ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอยู่หลังฉากนี้
จะกลายเป็นคำพูดที่ไม่จริงไปได้


(ยังมีต่อครับ)
..................................

 

(ต่อครับ)


<style>@font-face { font-family: "Arial Unicode MS"; }@font-face { font-family: "Tahoma"; }@font-face { font-family: "@Arial Unicode MS"; }p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal { margin: 0cm 0cm 0.0001pt; font-size: 12pt; font-family: Arial; }p { margin-right: 0cm; margin-left: 0cm; font-size: 12pt; font-family: Tahoma; }div.Section1 { page: Section1; }</style> มนุษย์โลกในอนาคต



ผู้คนจากโลกอนาคต จะแตกต่างจากที่เราคิดไว้อย่างมาก สำหรับคนที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
พวกเขาจะไม่ค่อยมีคำถามอะไรมากมายนัก เพราะเขารู้ว่าพวกเรากำลังจะผ่านขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการครั้งใหญ่
ที่ลึกซึ้งมากๆ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งภายในปี 2030 คุณก็จะกลายเป็นคนใหม่ที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว


ดูเหมือน Henry จะยังไม่เคยเล่าให้ผมฟังอย่างจริงๆจังๆว่าเขาเคยท่องกาลเวลาหรือท่องอวกาศหรือไม่
เพื่อที่จะลดอาการเจ็บปวดทางจิตของเขาเองให้ลดน้อยลงมากที่สุด เพราะเขาเคยต้องเผชิญกับมันด้วยตัวเองตามลำพัง
มีชาวโลกจากอนาคตบ้างเหมือนกัน ที่เคยย้อนเวลากลับมาหาพวกเรา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูเหมือนกับพวกเราทุกอย่าง

แต่ว่าพวกเขาได้ “เลื่อนระดับขึ้น” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาสามารถสื่อสารโดยใช้โทรจิตได้ดีมาก,
มีพลังจิตสามารถใช้เคลื่อนย้ายสิ่งของได้, และคุณจะรู้สึกถึงพลังงานสดชื่นที่แผ่ออกมารอบๆตัวพวกเขาได้
เมื่อเข้าไปใกล้ๆพวกเขา


Henry เคยทำงานประจำร่วมกับพวกเขามาก่อน บนฐานบนดาวอังคาร ซึ่งฐานนี้สามารถจุคนได้ถึง 200,000 คน
และกำลังทำการขยายโปรเจ็กท์ออกไปอย่างกว้างขวาง ในช่วงก่อนที่เขาจะจากมา

มันก็มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นบ้าง สำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์หลายเผ่าพันธุ์เช่นนี้
และแม้แต่ภายในเผ่าพันธุ์เดียวกันเองก็ตามแต่


มีหลายโปรเจ็กท์ที่กำลังดำเนินการอยู่ จึงทำให้มีผู้คนมากมาย ที่มาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อมาทำงานเหล่านี้
จนทำให้รู้สักสับสนและงงไปหมด


ประสบการณ์โดยตรงของผมที่เคยปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่มาจากอนาคตเหล่านี้
มีเพียงผ่านการติดต่อทางโทรจิตเท่านั้นเอง ยังไม่ได้เคยเจอกันแบบตัวต่อตัว


แต่ถ้าเป็นพบกันในความฝัน และแบบ OBEs หละก็ ผมก็มีบ่อยๆ จนผมสามารถพัฒนาความสัมพันธ์
ในขั้นละเอียดลึกซึ้งไปได้มานานหลายปีแล้ว

ผมได้รับความช่วยเหลือบางอย่าง ในการเขียนหนังสือชื่อ “2010 Enigma”
ซึ่งระดับของความช่วยเหลือนั้น มันช่างอัศจรรย์พันลึกยิ่งนัก จนตอนนี้มันตะเลิดออกไปนอกขอบเขต
ที่ผมเคยคิดไว้แล้วเสียอีก

เนื้อหาทางวิทยาศาสตร์ของมัน ก็แน่นขนัด ขนาดกันกระสุนได้เลยทีเดียวหละ
และมันก็จะกลายมาเป็นสิ่งที่จะสามารถใช้พิสูจน์ประเด็นต่างๆที่ผมกำลังกล่าวถึงอยู่นี้ อย่างปฏิเสธไม่ได้เลยทีเดียว

แต่โชคไม่ค่อยดี ที่ข้อมูลต่างๆส่วนใหญ่ พวกเขาจะส่งผ่านมาถึงผมทางความฝัน
และประกอบกับที่ผมมีเวลาจำกัดในการที่จะจัดทำหนังสือเล่มนี้ให้เสร็จสมบูรณ์


แต่ก็ขอขอบพระคุณทางผู้จัดพิมพ์ของผม ที่ได้ช่วยเหลือประสานงานและสนับสนุนมาด้วยดีเสมอมา
จนแทบจะเรียกได้ว่า ตอนนี้มันเสร็จสิ้นไปได้เกินกว่าครึ่งแล้ว และผลลัพธ์ของมัน ก็จะยิ่งน่าตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก


(ยังมีต่อครับ)
.............................

 

(ต่อครับ)


<style>@font-face { font-family: "Arial Unicode MS"; }@font-face { font-family: "Tahoma"; }@font-face { font-family: "@Arial Unicode MS"; }p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal { margin: 0cm 0cm 0.0001pt; font-size: 12pt; font-family: Arial; }p { margin-right: 0cm; margin-left: 0cm; font-size: 12pt; font-family: Tahoma; }div.Section1 { page: Section1; }</style> ยอมให้เดินหน้าต่อไปได้



ตอนนี้มีผู้คนจากกาลเวลาของเรามากพอสมควร ที่กำลังทำงานอยู่บนฐานปฏิบัติการนอกโลก
หรือบนยานอวกาศลำใดลำหนึ่ง เฉพาะที่ฐานที่ Henry เคยทำงานอยู่ด้วยบนดาวอังคารเพียงฐานเดียว
ก็มีอยู่ประมาณ 10,000 คนแล้ว ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมกับที่ฐานอื่นๆ และบนยานแม่ลำอื่นๆอีกมากมาย


แต่โชคไม่ค่อยดีนักที่ ผู้คนที่ทำงานอยู่บนฐานนอกโลกส่วนใหญ่ ไม่เคยออกมาปรากฏตัวให้เห็น
พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวที่พวกเขาได้ไปทำมาเลย เพราะว่ามันเป็นเรื่องอะไรที่สุดกู่ขอบจินตนาการ
แห่งศาสตร์ UFO ที่เกินกว่าคนทั่วไปจะรับได้


ก็มีเพียง Henry นี่แหละ ที่เป็นคนแรกที่ออกมาพูดเรื่องราวที่เขาได้ไปพบและไปทำมาให้ฟัง
แม้ว่าจะยังมีข้อมูลอีกหลายระดับที่เขาเองก็ยังไม่รู้ก็ตาม

ซึ่งเมื่อถึงตอนนี้ ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป แต่ตราบใดที่คุณยังไม่ได้ก้าวล้ำขอบเขตนั้นไป
เช่น ออกมาเปิดเผยถึงเทคโนโลยีของพวกเขา ที่สามารถใช้ทำร้ายมนุษย์ได้ เป็นต้น
พวกเขาก็ยังจะปล่อยให้ทำต่อไปได้ เว้นแต่ว่าคุณจะพยายามทำอย่างนั้นเท่านั้น


ในกรณีของ Henry ผมทำได้แค่คาดเดาว่า ปัญหาน่าจะมาจากเขากำลังหันไปให้ความสนใจกับประเด็นที่ว่านั้น

เพราะฉะนั้น องค์กรที่เป็นนายจ้างเก่าของเขา จึงเกรงว่าเขาจะพูดอะไรออกมามากจนเกินไป
จึงต้องพยายามหาทางทำให้มั่นใจได้ว่า เขาจะไม่ก้าวล้ำขอบเขตนั้นไปแน่ๆ


(ยังมีต่อครับ)
..............................

 

อันนี้เป็นข้อความหนึ่งที่กล่าวถึงการใช้ HAARP ทำให้เกิดแผ่นดินไหวครับ

.................................................................................

(ต่อครับ)


<style>@font-face { font-family: "Arial Unicode MS"; }@font-face { font-family: "Tahoma"; }@font-face { font-family: "@Arial Unicode MS"; }p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal { margin: 0cm 0cm 0.0001pt; font-size: 12pt; font-family: Arial; }p { margin-right: 0cm; margin-left: 0cm; font-size: 12pt; font-family: Tahoma; }div.Section1 { page: Section1; }</style> มันไม่ได้ยากเย็นอย่างนั้นเลย


พวกเราก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า เหตุแผ่นดินไหวในเฮติ ถูกคาดการณ์เอาไว้ว่า
มันจะต้องเกิดขึ้นรุนแรงกว่าที่เกิดขึ้นจริงไปแล้วนี้อย่างมาก แต่ว่าประจุไฟฟ้าจำนวนมาก
ที่อยู่ส่วนลึกๆลงไปใต้ดินไม่ยอมออกมา มันจึงไม่รุนแรงมากนัก

และเพราะว่ามันเป็นงานเร่งด่วนที่พวกเขาทำไปด้วยความเร่งรีบด้วย


แต่ว่า คำพยากรณ์ของคนวงในเกี่ยวกับศักยภาพความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่รุนแรงกว่านี้มากๆ
ก็ได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ด้วยความถูกต้องแม่นยำอย่างน่ากลัวและน่าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ในประเทศชิลี
เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา

<style>@font-face { font-family: "Arial Unicode MS"; }@font-face { font-family: "Tahoma"; }@font-face { font-family: "@Arial Unicode MS"; }p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal { margin: 0cm 0cm 0.0001pt; font-size: 12pt; font-family: Arial; }p { margin-right: 0cm; margin-left: 0cm; font-size: 12pt; font-family: Tahoma; }div.Section1 { page: Section1; }</style> ในกรณีเหล่านี้ คุณไม่จำเป็นต้องไปโทษเจ้าอุปกรณ์ใหม่แปลกประหลาดอย่างเจ้า HAARP นั่นหรอกนะครับ

เพราะนั่นก็เป็นส่วนที่ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมไม่เชื่อว่ามันสามารถทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ได้จริงๆ

ดังนั้นพวกเขาก็อาจจะปรักปรำคุณได้ว่าคุณกำลังเป็นบ้าไปแล้ว


ดูนี่นะครับ สิ่งที่คุณจะต้องมี ก็แค่อุปกรณ์ที่สามารถซุกลงไปในเปลือกโลกได้
แล้วก็อุปกรณ์ติดตั้งระเบิดลูกใหญ่ๆสวยๆสักลูกเท่านั้นเอง

<style>@font-face { font-family: "Arial Unicode MS"; }@font-face { font-family: "Tahoma"; }@font-face { font-family: "@Arial Unicode MS"; }p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal { margin: 0cm 0cm 0.0001pt; font-size: 12pt; font-family: Arial; }p { margin-right: 0cm; margin-left: 0cm; font-size: 12pt; font-family: Tahoma; }div.Section1 { page: Section1; }</style> พวกเรารู้ว่าเทคโนโลยี Bunker-busting แบบนี้มีอยู่จริง


ถ้าคุณเดินสายพวกมันไปตามแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลก
คุณก็จะสามารถจุดชนวนให้เกิดแผ่นดินไหวได้

และถ้าคุณซุกพวกมันลงไปในท้องของปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่
คุณก็จะสามารถทำให้เกิดการประทุของภูเขาไฟได้
หรืออย่างน้อยที่สุด คุณก็จะได้กลุ่มของหมอกขวัญขนาดใหญ่จากปล่องภูเขาไฟหละ


ด้วยเทคโนโลยีดาวเทียมที่มีอยู่แล้ว คุณก็ยังสามารถส่งจรวดไปยิงก้อนหินในอวกาศ
ให้กลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ เพื่อตกลงมาใส่โลกเหมือนกับสัญญาณเตือนอีกชุดหนึ่งนั้นก็ยังได้เลย



(ยังมีต่อครับ..แต่ขอพักก่อนนะ)
.........................................

 

ที่มาของข้อมูลข้างบนนั่น

ภาคภาษาไทยที่ผมแปลและโพสต์ไว้นานแล้ว

http://palungjit.org/threads/โค้งสุ...งการ-ต่อชาวโลก-ของมนุษย์ต่างดาว.220547/page-6

ภาคภาษาอังกฤษต้นฉบับ

ข้อมูลใหม่ๆเกี่ยวกับ “ภูเขาไฟระเบิด”, “การเปิดเผยอย่างเป็นทางการ”
และอื่นๆ ถ่ายทอดเสียงผ่านรายการวิทยุ

เขียนโดย David wilcock, วันพุธที่ 21 เมษายน 2010, เวลา: 10:12

<style>@font-face { font-family: "Arial Unicode MS"; }@font-face { font-family: "@Arial Unicode MS"; }p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal { margin: 0cm 0cm 0.0001pt; font-size: 12pt; font-family: Arial; }a:link, span.MsoHyperlink { color: blue; text-decoration: underline; }a:visited, span.MsoHyperlinkFollowed { text-decoration: underline; }div.Section1 { page: Section1; }</style> New Radio Show on Volcano, Disclosure and More!

 

ทุกสิ่งย่อมมีทางแก้เสมอ