พระกษิติครรภโพธิสัตต์ (地藏王菩萨。)และพญายมราชทั้ง10(地狱十王。) 地獄 หรือ "นิรย" ในภาษาบาลี หมายถึง " นรก" เป็นสถานที่อันไม่เจริญ คือไม่มีสุข มีแต่คว่ามทุกข์ทรมาน นายนิรยบาล และผู้ช่วยมีจำนวนมากมาย พวกหนึ่งทำหน้าที่ถือบัญชีลงบันทึกความดีความช่วของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม นรกที่จะนำมากล่าวไว้นั้นเป็นเพียงนรกพิพากษาของจีน ซึ่งยังมีนรกใหญ่อีก 18 ขุม ที่บางตำนานว่า มีแยกย่อยลงไปถึง 84000ขุมนรกที่เดียว (ข้อมุลจาก...พระพุทธ-พระโพธิสัตว์-สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจีน/ ภาพประกอบจาก...พระกษิติครรภ์มหาปณิธานสูตร...)
นรกขุมที่1 พญายมราชทรงพระนามว่า "ชิ้นกวงอ๊วง" ซึ่งเป็นปางหนึ่งของพระพุทธ<WBR></WBR>เจ้าผู้ทรงพระนามว่า "พระรุ่งโรจน์พุทธเจ้า" คนจีนเรียกว่า "ไต้ยิกฮุด" นรกขุมนี้ จะเป็นที่ตรวจสอบบัญชีวิญญา<WBR></WBR>น และบันทึกบาปบุญคุณโทษของแต<WBR></WBR>่ละดวงวิญญาณเพื่อพิจารณาโท<WBR></WBR>ษทัณฑ์ หากวิญญาณใด ได้สร้างกุศลผลบุญโดยไม่ได้<WBR></WBR>ทำบาปไว้ นิรยบาล(ผู้คุม) ผู้ถือบัญชีก็จะปล่อยดวงวิญ<WBR></WBR>ญาณนั้น ให้ไปเกิดใหม่ในชาติต่อไป หรือไปสู่สวรรค์ หากมีบุญกุศลสูงพอ แต่ถ้าวิญญาณบาปที่ก่อกรรมท<WBR></WBR>ำชั่วก็จะสฃถูกส่งไปยังนรกข<WBR></WBR>ุมที่2 เพื่อรับการพิจารณาโทษทัณฑ์<WBR></WBR>ต่อไป
นรกขุมที่2 พระญายมราชทรงพระนามว่า "ชอกังอ๊วง" พระศากยมุนีพุทธเจ้า คนจีนเรียกว่า "สิกแกเหม่านี้ฮุด" ทรงแบ่งภาคเพื่อให้ความยุติ<WBR></WBR>ธรรมแก่วิญญาณบาป นรกขุมนี้ มีสถานที่เรียกว่า " หอกระจกวิญญาณ" เมื่อวิญญาณเดินผ่านเข้าไปใ<WBR></WBR>นหอแห่งนี้ ทุกเรื่องราวที่ได้กระทำไว้<WBR></WBR>ในขณะมีชีวิต ก้จะถูกแจกแจงออกมา ทำบุญและบาปใดไว้หนักหนาและ<WBR></WBR>มากน้อยเพียงใดก้จะได้รู้กั<WBR></WBR>น จากนั้น พญายมราชชอกังอ๊วง จะทำการไต่สวนวิญญาณด้วยวาจ<WBR></WBR>า แต่จะไม่ใช่ผู้สั่งลงโทษ จะให้นิรยบาลพาดวงวิญญาณไปร<WBR></WBR>ับการกล่าวโทษที่นรกขุมที่ 3
นรกขุมที่3 พญายมราชทรงพระนามว่า "ส่งตี่อ๊วง" เป็นปางหนึ่งของพระมหาโพธิสัตว์ผู้ทรงพระนามว่า พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์" คนจีนเรียกท่านว่า "บุ่นซู้ผ่อสัก" ว่ากันว่าเมื่อวิญญาณบาปต้องมารับการพิจารณากล่าวโทษที่นรกขุมนี้ จะเกิดอาการหวาดหวั่นสั่นกลัวขึ้นมาเอง ตัวสั่นจนกระดูกลั่นกระทบกัน เพราะที่นี้ดวงวิญญาณจะได้เห็นบรรดาเครื่องลงทัณฑ์ เช่น กระทะทองแดง ฯลฯ เมื่อส่งตี่อ๊วง ได้รับดวงวิญญาณบาปพร้อมใบกล่าวโทษ จะทรงส่งต่อให้ยมบาล(ผู้ทำการทรมารสัตว์นรก) ประจำนรกขุมที่3 ซึ่งมีตัวเป็นคนแต่หัวเป็นม้าหน้าเป็นวัว ในมือถือสามง่าม จะกวดต้อนดวงวิญญาณเข้าสู่ลานลงโทษทัณฑ์ วิญญาณบาปจะถูกทอดในกระทะทองแดง เป็นที่ทรมานยิ่งจนตาย แต่เมื่อตาย นายนิรยบาลก็จะพ่นลมใส่ให้ฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วถูกจัดทอดทรมาณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตามเวลาแห่งโทษทัณฑ์ซึ่งยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์ โทษของดวงวิญญาณในนรกขุมนี้คือ พ่อแม่ที่ขายลูกเพื่อค้าประเวณี ตลอดจนบรรดาพ่อเล้าแม่เล้า แมงดา ผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจกาม และเหล่าผู้คบชู้ทั้งหลาย
นรกขุมที่ 4 พญายมราชทรงพระนามว่า "โหวงกัวอ๊วง" เป็นปางหน่งของพระสมันตภัทร<WBR></WBR>มหาโพธิสัตว์ คนจีนเรียกว่า "โผวเฮี้ยงผ่อสัก" เมื่อวิญญาณบาปถูกส่งมายังน<WBR></WBR>รกขุมนี้ ก็ล้วนมีอาการหวดกลัวเช่นกั<WBR></WBR>น เพราะการลงโทษในนรกขุมนี้ คือการถูกเชื่อดเนื้อเถือหน<WBR></WBR>ัง และผ่าอกเพื่อควักเอาหัวใจใ<WBR></WBR>ห้ยักษ์กิน พร้อมไปกับการถูกฟาดโบยด้วย<WBR></WBR>แส้เหล็ก เป็นการทรมานที่เสียวสยองยิ<WBR></WBR>่งนัก ผู้ที่ต้องตกนรกขุมนี้ คือคนผู้มีใจโหดเหี้ยมได้แก<WBR></WBR>่ นักฆ่ามืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นมือปืนรับจ้างฆ<WBR></WBR>่า คนรับจ้างทำแท้ง คนรัรบจ้างฆ่าสัตว์ <LABEL class="mts commentBtn stat_elem hidden_elem optimistic_submit uiButton uiButtonConfirm" for=uau31s_4></LABEL>
นรกขุมที่ 5 พญายมราชทรงพระนามว่า "เงี่ยมล้ออ๊วง" ทรงเป็นปางหนึ่งของพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ หรือตี่จั่งอ๊วงผ่อสัก คนที่ผิดศีลห้า ลูกทรพีฆ่าพ่อแม่ ฆ่าพระหรือยุแหย่ให้พระสงฆ์แตกกัน ผู้ทำลายพระพุทธรูปหรือพระพุทธศาสนา ต้องตกนรกขุมนี้ ซึ่งเป็นนรกที่เรียกว่า "อเวจี" อเวจี หรือ อวิจี แปลว่าไม่เว้นว่าง และมีอีกความหมายว่า "ไฟนรก" เพราะนรกขุมนี้ จะมีแต่ไฟลุกโชติช่วงทั่วทุกตารางนิ้วแบบไม่มีที่ว่างเลย และสัตว์นรกหรือผู้ที่ตกนรกขุมนี้ ก็มีมากมายประหนึ่งยัดทะนาน เหล่าผู้ตกนรกอเวจี ล้วนแต่ถูกไฟไหม้ตัวอยู่ในที่ของตน ไม่ว่าจะยืนเบียดเสียดตรงไหน และเป็นความทุกข์ทรมารที่เกิดต่อเนื่องตลอดไป ไม่มีเว้นว่าง สมคำว่า ..อเวจี
นรกขุมที่ 6 พญายมราชทรงพระนามว่า "เปี่ยงเซ้งอ๊วง" เป็นปางหนึ่งของพระศรีอารยเ<WBR></WBR>มตไตรมหาโพธิสัตว์ ที่คนจีนเรียกว่า หมีเล็กผ่อสัก ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเ<WBR></WBR>จ้าองค์ต่อไป นรกขุมนี้มีไว้ทำโทษคนชั่วช<WBR></WBR>้าค้ายาเสพติด และสิ่งมอมเมาทีทำให้คนดีต้<WBR></WBR>องเสียอนาคตไป คนอกตัญญู ผู้เบียดเบียนคนโกง การลงโทษในนรกขุมนี้ เป็นการใช้เหล็กร้อนหนีบมือ<WBR></WBR>หนีบเท้า หากวิญญาณบาปหิวหรือกระหายน<WBR></WBR>้ำ นายนิรยบาล จะให้กินน้ำอาหารที่เป้นอาจ<WBR></WBR>มเหม็น เก่า และร้อนแรงลุกเป็นไฟ ให้สาสมกับที่ทำคนดีให้เสีย<WBR></WBR>เพราะติดยาเสพติด มีคำเรียกขุมนรกนี้ว่า "ปุราณมิฬหนรก" หรือนรกอาจม
นรกขุมที่ 7 พญายมราชทรงพระนามว่า "ไถ่ซัวอวง" เป็นปางหนึ่งของพระไภษัชยคุรุไวฑูรย์ประภาสพุทธเจ้า คนจีนเรียก ยกซือฮุดโจ๊ว แปลว่า พระพุทธเจ้าผู้ทรงคุณในทางยา แต่ยานี้คือยารักษาโรคกิเลสตัณหา นรกขุมนี้มีความพิเศษอย่างหนึ่งว่า อนุญาตให้วิญญาณร้องทุกข์ได้ เช่น การถูกฆ่าตายโดยไม่เป็นธรรม เนื่องด้วยสมัยอยู่บนโลก ไม่อาจกล่าวโทษร้องทุกข์ได้ เช่น ทารกที่ถูกทำแท้ง สัตว์เดรัจฉานถูกฆ่า ก็มาร้องเรียนให้ผู้ฆ่าตนได้รับโทษทัณฑ์ที่สาสม ผู้ที่อยู่ในข่ายรับโทษเพิ่มนี้ คือ พ่อแม่ที่ทำแท้งลูก หมอพยาลาลที่รับทำแท้งนั้นเอง นายนิรยบาลจะนำดวงวิญญาณต้องโทษไปรับทณฑ์ ด้วยการให้สัตว์พิษนานาชนิกัดกินเนื้อย่างทรมาน
นรกขุมที่ 8 พญายมราชทรงพระนามว่า "เพ่งเจ๋งอ๊วง" เป็นปางหนึ่งของพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ หรือ กวนซีอิมผู่สัก นกรกขุมนี้ มีไว้ลงโทษพวกทุจริตคดโกง เช่น โกงกินบ้านเมือง พ่อค้าโกงตาชั่ง จะต้องถูกลงทัณฑ์ ให้ยักษ์นรกจับเตะ ต่อย โยน กระทืบ ทำทารุณกรรม ซึ่งก็ยังไม่หนำใจเพราะจะมีภูเขาเหล็ก 2ลูกเลื่อนมากระทบกัน บดร่างวิญญาณให้แหลกละเอียดลงไปอีกที มีคำเรียกนรกนี้ว่า "สังฆาฏะ" แปลว่า กระทบกัน
นรกขุมที่ 9 พญายมราชทรงพระนามว่า "โตวซีอ๊วง" เป็นปางหนึ่งของพระมหาสถามปราปต์มหาโพธิสัตว์ คนจีนขานพระนามท่านว่า ไต่ซีจี๊ผ่อสัก การลงโทษของนรกขุมที่9 สำหรับคนชั่วไม่มีศาสนา คนที่ไม่นับถือศาสนาใดเลย และได้ประกอบกรรมชั่วโดยไม่คิดถึงบาปบุญคุณโทษใดๆ นายนิรยบาลจะเอาน้ำทองแดงร้อนๆ ไฟลุกโชนกรอกใส่ปากวิญญาณที่ต้องโทษ เป็นความทารุณที่สาหัสสากรรจ์ นรกขุมนี้จึงมีแต่เสียงร้องครวญครางตลอดเวลา ให้ชื่อว่า "โรรุวะ" แปลว่า ร้องครวญคราง
นรกขุมที่ 10 พญายมราชทรงพระนามว่า "จวงลุ้งอ๊วง" เป็นฝางหนึ่งของพระอมิตาภะพุทธเจ้า นรกขุมนี้ไม่มีการลงโทษทัณฑ์ เพราะเป็นสถานที่ปล่อยดวงวิญญาณให้ไปเกิดใหม่ตามสภาพกรรมของแต่ละดวงวิญญาณ