★ การเกิดใหม่ กลับชาติมาเกิด (Reborn,อวตาร)

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย plaspirit, 8 กันยายน 2016.

  1. plaspirit

    plaspirit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,118
    [​IMG]

    ถาม: อาจารย์ขา มีคำถามเข้ามามากมายเลยค่ะ อาจารย์จะให้เวลาพวกเราได้สักเท่าไหร่คะ อาจารย์เมตตาหน่อย

    อาจารย์: ให้พวกเราทำตามโปรแกรมดีกว่า เดี๋ยวจะมีอะไรต่อนะ
    ถาม: โปรแกรมจะมีทำวัตรเย็นตอน 18 นาฬิกา อย่างนั้นจะขอเวลาอาจารย์ถึง 17.30 นะคะ

    คำถามนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจ และคงอยู่ในใจของเราทุกคนเจ้าของคำถามว่า การเกิดใหม่ เขาใช้คำว่า REBORN มีระบบอย่างไร คนที่เกิดมาเป็นพ่อแม่พี่น้อง คู่ชีวิตกัน มีภาวะจิตผูกพันกันมาหรืออย่างไรคะ

    อาจารย์: ทุกคนก็เกิดทั้งนั้น ทำไมไม่ดูล่ะ ที่จริงต้องดู เพราะแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน คือเจ้าตัวต้องดูเองจะเห็นชัดกว่า จะพูดเรื่องมาเกิดได้อย่างไรก่อน คือเวลาเรามาเกิดนั้นมันมีอยู่สามพวกใหญ่ๆ

    • พวกแรกมาตามกรรม คือถูกกรรมบังคับให้มาเกิด เหมือนคนที่ส่อเสียดนินทานั้น ทุกครั้งที่พูดส่อเสียดนินทาเนี่ยนรกจะบันทึกไว้แล้ว จองตัวไว้เจ็ดวันสำหรับไปอยู่ในนรก ใครทำอะไรก็ตามที่ผิดกุศลกรรมบท ถ้าทำกับคนทั่วไปก็ครั้งละเจ็ดวัน ถ้าทำกับพระอริยะหรือพ่อแม่หรือผู้บริสุทธิ์ใจจะหนักกว่ามาก จำง่ายๆ อกุศลกรรมบทหนึ่งครั้งก็เจ็ดวัน โกหกหนึ่งครั้งก็เจ็ดวัน ไปขโมยของคนอื่นหนึ่งครั้งก็เจ็ดวัน ดังนั้นถ้าหลายครั้งก็คูณไป พวกนี้กรรมกำหนดแล้ว เวลาตายจากชาตินี้ก็ไปเกิดเป็นสัตว์นรก ถ้าเป็นพวกเทวดา เวลาจะต้องมาเกิดตามกรรมเพราะหมดวาระกุศลกรรมบนสวรรค์แล้ว ลองสังเกตุดูนะ ราศีจะหมอง เหงื่อที่รักแร้จะออก ถ้าใครเป็นเทพหรือนางฟ้าบนสวรรค์แล้วเริ่มมีเหงื่อที่รักแร้ละก็จงรู้ตัวว่าใกล้แล้วเตรียมตัวได้ จะหมดวาระแล้ว จะต้องจุติไปตามกรรม

    • อีกพวกหนึ่งคือพวกถอดจิตมา ตัวอาจจะยังอยู่ที่หนึ่งแต่ถอดจิตมา ถอดมาทั้งดวงเลยแล้วเอาจิตมาเกิด เพราะอายุขัยของโลกแต่ละมิตินั้นมันไม่เท่ากัน อย่างเช่นหนึ่งวันในชั้นดาวดึงส์เนี่ยเท่ากับหนึ่งร้อยปีของโลกนี้ ดังนั้นเทวดาจากดาวดึงส์มาเกิดแล้วตายในโลกนี้เนี่ยยังแค่วันเดียวของดาวดึงส์ จึงมีเทวดาบนชั้นดาวดึวส์หนีมาเที่ยวบนโลกนี้มาก แอบไปนั่งสมาธิอยู่ตามสวนตามต้นไม้แล้วถอดจิตมาเกิด เกิดแล้วตายหนึ่งชาติ แล้วกลับสวรรค์ อ้าวเพิ่งพลบค่ำของดาวดึงส์ พวกนี้ถอดจิตมาเที่ยว มาเกิด

    • อีกพวกหนึ่งเป็นพวกแบ่งภาคมา พวกแบ่งภาคนี้เป็นพวกที่มีฤทธานุภาพมหาศาล มีบุญบารมีมาแล้ว ไม่อยากมาเกิดทั้งองค์เพราะว่ามีความเสี่ยงสูงจึงใช้วิธีการแบ่งภาค การแบ่งภาคคือมโนมยิทธินั่นเองอย่างที่พระจุลปันถกทรงแบ่งตัวเองเป็น 1,000 ภาคนั้นไง มหาพรหมบางท่านๆ ก็ใช้วิธีแบ่งตัวเองเป็นอีกหนึ่งภาคหรือสองภาค แล้วส่งภาคที่แบ่งนี้ลงไปเกิด ที่เราเรียกกันว่าอวตารนั้นเอง

    การมาเกิดมีสามพวกด้วยกัน พวกหนึ่งเลือกเกิดไม่ได้เลือกพ่อเลือกแม่เลือกอะไรไม่ได้ เลือกวิถีชีวิตไม่ได้เพราะ กรรมบังคับ พวกที่สองกับพวกที่สามคือพวกถอดจิตมากับพวกแบ่งภาคมาพวกนี้จะเลือกพ่อแม่ได้พอสมควร พวกนี้มานอกคิว แต่ถ้ามาตามกรรมจะเลือกไม่ได้ ต้องมาเกิดกับคนที่มีกรรมร่วมกับเรามาก่อน จะเป็นบุญก็ตาม บาปก็ตาม หรือทั้งสองอย่างก็ตาม

    ที่มา : หนังสือมหาสติ การปฏิบัติธรรมสำหรับผู้นำและผู้บริหาร (อัคร ศุภเศรษฐ์) หน้า 223-224

    _______________________________________________

    [​IMG]

    ๑. พระโพธิสัตว์ - หน่อพุทธภูมิ - การแบ่งภาค

    ช่วงที่ ๑

    เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓ วันหนึ่ง ขณะที่ผู้เขียนกำลังนั่งคุยกับหลวงปู่ ท่านได้ถามผู้เขียนว่า "เคยได้ยินเรื่องการแบ่งภาคไหม" ผู้เขียนเรียนตอบท่านว่า "เคยครับ ในเรื่องรามเกียรติ์ พระรามแบ่งภาคมาจากพระนารายณ์ มีจริงหรือครับหลวงปู่" หลวงปู่ท่านนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งแล้วตอบว่า "มีจริงเหมือนกัน อย่างหลวงปู่ทวดแบ่งภาคมาเกิดไงละ" เกี่ยวกับเรื่องนี้ เคยมีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนถามหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ตอบว่า "มี...แต่ทำได้ในพวกหน่อพุทธภูมิ" หลวงปู่ท่านเคยบอกผู้เขียนว่า "แก รู้ไหมว่า ในหลวงท่านเป็นใคร ท่านคือผู้ปรารถนาพุทธภูมิ กำลังใจของท่านพวกนี้จะต้องเป็นผู้นำหมู่คณะ ดูอย่างวัวยังมีจ่าฝูง นกก็ต้องมีหัวหน้าฝูง วัดก็ต้องมีเจ้าอาวาส อย่างหลวงพ่อใหญ่ (พระโบราณคณิสร อดีตเจ้าอาวาสวัดสะแก) แต่หน่อพุทธภูมิที่มีบารมีเต็มแล้ว สูงแล้ว เขามักจะไม่เป็นกษัตริย์ เพราะจะมีภาระหนักหน่วง ส่วนใหญ่เขามักเป็นคนธรรมดาแล้วบวชพระ แต่จะบำเพ็ญบารมีจนในที่สุดจะกระเทือนถึงพระราชวงศ์เอง พระเจ้าแผ่นดินองค์นี้ท่านมีบุญมาก และเป็นแบบอย่างให้ข้าราชการผู้ใหญ่ทำตาม"


    ผู้เขียนจึงเรียนถามท่านต่อไปว่า "หลวงปู่ครับ หน่อพุทธภูมิที่บารมีเต็มแล้ว ท่านก็ไม่ต้องมาเกิดแล้วใช่ไหม รอการตรัสรู้เลยที่ชั้นดุสิต หรืออย่างหลวงปู่ก็ไม่ต้องมาเกิดแล้วใช่ไหมครับ" หลวงปู่ตอบว่า "กำลัง ของพุทธภูมิมีหน้าที่ที่จะทำให้มหาชนมีความสุข ถ้ามีคนเรียกร้องหรือบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญก็ต้องลงมาช่วย จะคิดเอาแต่สบายได้ยังไง นั่นไม่ใช่ความคิดของหน่อพุทธภูมิ อย่างนี้พระอรหันต์สำเร็จแล้ว ท่านก็ไม่ต้องยุ่งกับใคร ไม่ต้องทำอะไรแล้วซิ" หลวงปู่ท่านตอบคำถามของผู้เขียนเสร็จแล้ว ท่านปรารภถึงการจัดการเรื่องศพของท่านต่อไปว่า "ถ้าข้าตายแล้วอย่าเก็บศพไว้นาน เจ็ดวันเผาเลย ไม่เผาก็โยนทิ้ง เดี๋ยวจะกลายเป็นหากินกับศพ"

    ผู้เขียนได้แย้งท่านว่า "กลัววัดจะร้าง" หลวงปู่ท่านตอบว่า "เรื่อง เผาไม่เผา ต้องแล้วแต่คำสั่ง ดูอย่างหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ท่านสั่งไม่ให้เผา เพราะกลัวพระเณรจะอดอยาก แต่สำหรับข้าให้เผา เวลาจะเผาให้เผายืน ข้าจะได้ไปไหนได้" ผู้เขียนจึงถามท่านว่า "หลวงปู่ไม่ไปนิพพานหรือ" ท่านตอบว่า "จะ ไปได้อย่างไร คนนี้ก็เรียก คนนั้นก็ร้อง ข้าไปแค่หัวตะพานก็พอ ดูอย่างหลวงปู่ทวดซิ มีคนเรียกร้องท่านมากมาย บารมีท่านเต็มท้องฟ้า อย่างข้าเอง คนไหนคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงเขา คนไหนไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงเขา เพราะในวันหนึ่งๆ ข้าต้องอธิษฐานไปให้หมู่คณะทุกวันไม่เคยขาด วันละ ๓ ครั้ง เขาจะได้ไม่เป็นอันตรายทั้งเช้ามืด ตอนเย็น ตอนกลางคืน ก่อนนอน เพื่อเป็นการช่วยเหลือหมู่คณะ"

    ผู้เขียนฟังจบ พร้อมกับสำนึกในเมตตาของหลวงปู่ที่มีต่อลูกศิษย์อย่างมาก หลวงปู่ท่านได้ย้ำด้วยความเมตตาต่อไปอีกว่า "คิด ถึงพระครั้งหนึ่ง บารมีพระมาถึงเราไปกลับ ๗ เที่ยว รวมแล้ว ๑๔ ครั้ง ได้กำไรดีไหมล่ะ นี่มีในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าบอกกับพระอานนท์ ถ้าเราคิดถึงพระได้เหมือนกับคิดถึงแฟนเมื่อไหร่ แสดงว่าจะดีแล้ว"

    ที่มา: หลวงปู่ดู่ พระพุทธพรหมปัญโญ
     
  2. plaspirit

    plaspirit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,118
    [ame="https://www.youtube.com/watch?v=jqelpR0EFjA"]https://www.youtube.com/watch?v=jqelpR0EFjA[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2016

แชร์หน้านี้

Loading...