★ การทำบารมีให้เต็มแบบรวบรัด

ถาม: ก็เป็นธรรมะข้อเตือนใจสำหรับพวกเราและสำหรับผู้พูดตรงนี้ด้วยว่า ไหนๆ ก็ต้องตายก็จะขอองอาจแกล้วกล้านะคะ
ในวันนี้เพื่อนๆ ก็คงแยกย้ายกันไปปฏิบัติสมาธิ อาจารย์คะ มีอีกคำหนึ่งที่อาจารย์ได้ใช้ คือคำว่าสร้างบารมีที่อาจารย์ได้ใช้เมื่อสักครู่
ก็มีคำถามจากเพื่อนๆกัลยาณมิตรค่ะว่าวิธีสร้างบารมีได้อย่างไรจึงจะเต็มและได้บารมีสูงสุดคะ

อาจารย์: มันต้องสั่งสมกันพอสมควร และที่สำคัญที่สุดบารมีจะเต็มเมื่ออุทิศชีวิต ทุกบารมีเลย
ศีล รักษาศีลด้วยชีวิตได้ไหม อย่างพระแม่กวนอิมนะยอมรักษาศีลด้วยชีวิต พ่อบังคับให้เลิกรักษาศีล ท่านไม่ยอม สั่งให้เอาไปฆ่าตาย
ก็ยอมตาย ไม่ยอมเลิกประพฤติศีลอย่างนี้คือยอมสละด้วยชีวิตเพื่อบารมี
ทั้งเพื่อศีล เพื่อทาน เพื่อเนกขัมมะ เพื่อปัญญา เพื่อความอดทน เพื่อความเพียร เพื่อสัจจะ เพื่อความตั้งใจจริง เพื่อเมตตา เพื่ออุเบกขาเช่นกัน

บารมีจะเต็มเมื่อสละชีวิต ถ้ายังไม่ถึงขั้นสละชีวิตจะยังไม่เต็ม ถ้าจะให้เต็ม
หลายๆ ตัวล่ะ มันก็ต้องสละชีวิตหลายรอบหน่อย

แล้วถ้าจะทำให้ครบแบบรวบรัดล่ะ ก็ได้ เริ่มด้วยสัจจาธิษฐานเช่นคืนนี้
จะนั่งสมาธิทั้งคืนเลย ฉันจะไม่ลุกออกจากสมาธิเป็นอันขาด หมูป่าหมาไน
จะมา ช้างจะมา ฉันจะไม่ออกเป็นอันขาด ถ้าเราทำได้ ถามว่าได้บารมีอะไรบ้าง อธิษฐานบารมีได้ไหม
สัจจะบารมีได้ไหม ขันติบารมีได้ไหม ได้ ตอนเวทนาถามหา จะรู้เลยว่าขันติของเรามันใหญ่แค่ไหน วิริยะบารมีได้ไหม
ปัญญาบารมีได้ไหม ถ้าไม่มีปัญญาประคับประคองตน นั่งไม่ถึงสว่างหรอก
อย่าว่าแต่สว่างเลย ชั่วโมงเดียวยังเอาไม่รอด อุเบกขาบารมีได้ไหม ศีลบารมี
ได้ไหม เนกขัมมะบารมีได้ไหม ทานบารมีได้ไหม สละอารมณ์ สละความรู้สึกได้ไหม ได้หมดเลย แต่ถ้าคืนหนึ่งมันนานไปนะ เอาแค่สามชั่วโมงก็ได้

ถ้าท่านไปตามมุมป่ามุมเขาที่เหมาะๆ คนเดียวมันจะยิ่งได้ผล ท่านอาจจะตื่นไปทั้งคืนเองแหละ มันจะไม่อยากนอน ก็ถือโอกาสนั้นนั่งสมาธิทั้งคืนเลย
ได้บารมีครบอีกต่างหาก ใช่ไหม ครบทุกตัวแต่อาจจะไม่เต็ม ครบแต่ไม่เต็ม

ผู้ถาม: คะ เพื่อนๆ กัลยาณมิตรหลายคนก็คงเคยได้ยินคำว่าบารมีมา และเมื่อสักครู่อาจารย์ก็ได้มีเมตตาที่จะอธิบายให้ฟังว่าบารมีเหล่านั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง
เพื่อนๆ คะ บารมีนี้เป็นธรรมที่ผู้ที่จะเดินทางไปสู่สภาวะธรรมที่เรียกว่า นิพพาน มีสิบบารมีด้วยกัน แต่เพื่อนๆ อาจจะไม่ทัน จึงขอนำเสนอตรงนี้ว่า
1) ทานบารมี
2) ศีลบารมี
3) เนกขัมมะบารมี ซึ่งเพื่อนๆ กำลังปฏิบัติอยู่ค่ะ
4) ปัญญาบารมี
5) วิริยะบารมี
6) ขันติบารมี
7) สัจจะบารมี
8) อธิษฐานบารมี
9) เมตตาบารมี
10) อุเบกขาบารมี

ในแต่ละบารมีนั้น เพื่อนๆ จะต้องประกอบให้เต็มดั่งที่อาจารย์ได้อธิบายสักครู่
และอาจารย์ก็ได้บอกวิธีลัดสำหรับพวกเราว่า ถ้าเราทุ่มเทชีวิตจิตใจเพื่อประกอบบารมีต่างๆ นั้น ย่อมมีโอกาสที่จะเต็มเปี่ยมในแต่ละบารมีค่ะ

ที่มา : หนังสือมหาสติ การปฏิบัติธรรมสำหรับผู้นำและผู้บริหาร (อัคร ศุภเศรษฐ์) หน้า 231-232

 

พิจารณาแยกธาตุสี่, ขันธ์ห้าในกายในใจตนเองให้ชัดเจน
ทำจิตใจให้พ้นอุปาทานขันธ์ห้า ... สำรวจใจตนเองให้เห็นตรงจริง

ใจไม่มีสังโยชน์เครื่องร้อยรัด คือ พ้นจากอุปาทานขันธ์ห้าแม้ชั่วขณะนั้น
ก็ประคองใจที่บริสุทธิ์นั้น น้อมทำมหากุศลต่างๆด้วยอารมณ์นี้
ทำทาน ทำบารมี ก็เป็นมหาทาน เป็นบารมีใหญ่
ศีลมีอยู่แล้วเป็นปกติ สมาธิก็เป็นอยู่ ปัญญาญานก็ดำรงค์อยู่ทุกขณะในนั้น
สภาพใจพร้อมเก็บบุญกุศลโดยไม่มีประมาณ แต่ก็ไม่มีความติดบุญใดๆเลย

อุปมาดั่งฝนตกครั้งใหญ่ เพราะทำมหากุศลในนาดี (เช่นในเขตเนื้อนาบุญในพระศาสนา เช่นในสงฆ์)
ส่วนกำลังใจเรากว้างขวางกว่าผืนแผ่นดิน สามารถรองรับน้ำฝนที่ตกลงมาได้ครบทุกหยาดหยด

ทำทานในขณะใจสะอาดพ้นอุปาทาน ไม่ติดขันธ์ใดๆทั้งห้าขันธ์ คือขณะใจที่ไม่มีอุปาทานขันธ์ห้า
ศีล, สมาธิ, ปัญญา พร้อมเพรียงในตัว ... ทำด้วยญาณทัศนะ ในขณะที่มีวิมุตติเป็นวิหารธรรมของใจ
... พิจารณาแล้วบารมีคงเต็มไว เพราะชีวิต เลือดเนื้อ ร่างกาย ทรัพย์สินใดๆที่ให้ขณะนั้น
... ใจก็ไม่มีความติดข้องเลย ...


ปล. แค่แบ่งปันความเข้าใจครับ ... อนุโมทนาทุกๆกุศลจิตครับ ... อ่านเอาปัญญาเป็นการสนทนาธรรมครับ