“Kamasutra-กามสูตร หลักฐานของการบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า”

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เอกอิสโร, 25 พฤษภาคม 2010.

  1. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    <TABLE border=0 width="100%" height=36><TBODY><TR><TD vAlign=top width="80%"><B><BIG><BIG>Kamasutra-กามสูตร หลักฐานของการบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า” </BIG></BIG></B>
    <B><BIG><BIG></BIG></BIG></B>

    </TD><TD vAlign=top width="20%" noWrap align=right><!--InformVote=0--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[0], 0);</SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!--VoteBody--><!--MsgIDBody=0-->“คำสอนของพระพุทธเจ้า” คือ พุทธศาสนา หากเป็นคำบาลีแท้ จะเขียนเป็น “พุทธสาสนํ” ก่อนที่พระพุทธเจ้าของเราองค์ปัจจุบัน คือ “พระพุทธโคดม” จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานนั้น ท่านนิครนถนาฏบุตร ซึ่งเป็นเจ้าลัทธิ ๑ ใน ๖ ลัทธิใหญ่ในครั้งพุทธกาล ได้เสียชีวิตก่อน หลังจากท่านนิครนถ นาฏบุตร ได้เสียชีวิตพวกสาวกต่างได้ทะเลาะวิวาท ทั้งอ้างว่าอาจารย์ของตนสอนอย่างนั้นอย่างนี้ทำให้พระสารีบุตรได้เห็นภัยอันจะเป็นเหตุให้ศาสนาเสื่อม พระสารีบุตรจึงได้ปรารภกับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ควรทำสังคายนาคำสอนของพุทธองค์ไว้เป็นหลัก เป็นแบบแผนอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อปรารภเช่นนี้แล้วพระสารีบุตรก็ได้แสดงวิธีการสังคายนาไว้เป็นตัวอย่าง โดยท่านได้รวบรวมคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นข้อธรรมต่างๆ มาแสดงตามลำดับหมวด ตั้งแต่ หมวด ๑ ไปจนถึงหมวด ๑๐ คือเป็นธรรมหมวด ๑ ธรรมหมวด ๒ ธรรมหมวด ๓ ไปจนถึงธรรมหมวด ๑๐ เมื่อพระสารีบุตรแสดงจบแล้ว พระพุทธเจ้าก็ได้ประทานสาธุการ ดังปรากฏความอยู่ใน “สังคีติสูตร”

    ภายหลัง เมื่อพระพุทธเจ้าของเราดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ท่านพระมหากัสสปะผู้เป็นสังฆเถระของภิกษุประมาณเจ็ดแสนรูปที่ประชุมกันในวันแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของพระผู้มีพระภาคเจ้า มาระลึกถึงคำที่หลวงตาสุภัททะกล่าวเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานได้ ๗ วันว่า “พอกันทีอาวุโสทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอย่าเศร้าโศกไปเลย อย่าร่ำไรไปเลย เราทั้งหลายพ้นดีแล้วจากพระมหาสมณะนั้น ด้วยว่าพวกเราถูกท่านจู้จี้บังคับว่า สิ่งนี้ควรแก่เธอทั้งหลาย สิ่งนี้ไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย ดังนี้ แต่บัดนี้พวกเราปรารถนาสิ่งใด จักกระทำสิ่งนั้นไม่ปรารถนาสิ่งใด จักไม่กระทำสิ่งนั้น” ดังนี้.
    ท่านพระมหากัสสปะพิจารณาเห็นว่าการประชุมสงฆ์จำนวนมากเช่นนี้ ต่อไปจะหาได้ยาก จึงดำริต่อไปว่า พวกภิกษุชั่วจะเข้าใจว่า ปาพจน์มีศาสดาล่วงแล้วได้พวกฝ่ายอลัชชี จะพากันย่ำยีพระสัทธรรมให้อันตรธานต่อกาลไม่นานเลย นั้นเป็นฐานะที่จะมีได้แน่นอน จริงอยู่ พระธรรมวินัยยังดำรงอยู่ตราบใด ปาพจน์ก็หาชื่อว่ามีศาสดาล่วงแล้วไม่อยู่ตราบนั้น สมจริงดังที่
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า “ดูก่อนอานนท์ ธรรมและวินัยใดอันเราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลาย ธรรมและวินัยนั้นจักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว” ดังนี้ อย่ากระนั้นเลย เราพึงสังคายนาพระธรรมและพระวินัย โดยวิธีที่พระศาสนานี้จะมั่นคงดำรงอยู่ชั่วกาลนาน.

    เมื่อดำริดังนั้นแล้ว ท่านพระมหากัสสปจึงได้กล่าวชักชวนหมู่สงฆ์ให้ทำการสังคายนา ว่า “ผู้มีอายุทั้งหลาย ! เอาเถิด เราทั้งหลายจะสังคายนาพระธรรมและพระวินัยกัน เพราะว่า ในกาลเบื้องหน้า อธรรมจะรุ่งเรือง ธรรมจะถูกขัดขวาง อวินัยจะรุ่งเรือง วินัยจะถูกขัดขวาง ในกาลภายหน้า พวกอธรรมวาทีจะมีกำลัง พวกธรรมวาทีจะหย่อนกำลัง พวกอวินัยวาทีจะมีกำลัง พวกวินัยวาทีจะหย่อนกำลัง”

    ซึ่งในการกระทำการสังคายนาพระธรรมและวินัยครั้งแรก ที่เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธนั้น ก็ได้เกิดความแตกแยก ของคณะสงฆ์ขึ้น โดยมีคณะสงฆ์ชาววัชชีบุตร ซึ่งเป็นฝ่ายอธรรมวาที และถูกพระเถระผู้เป็นธรรมวาทีทั้งหลายขับออกแล้ว มาตั้งคณาจารย์ใหม่ โดยมีภิกษุเข้าร่วมประมาณหนึ่งหมื่นรูปได้ประชุมกันรวบรวม คือทำการร้อยกรอง พระธรรมวินัย เพราะฉะนั้น การร้อยกรองพระธรรมวินัยครั้งนั้น จึงเรียกว่า "มหาสังคีติ" ภิกษุทั้งหลายผู้ทำมหาสังคีติ หรือ นิกาย “มหาสังฆิกะ” ได้ทำความขัดแย้งไว้ในพระศาสนา ทำลายสังคายนาเดิม แล้วทำการรวบรวมธรรมวินัยขึ้นใหม่ ภิกษุเหล่านั้นละทิ้งพระสูตรบางอย่าง และพระวินัยอันลึกซึ้งเสีย แล้วแต่งพระสูตรเทียม พระวินัยเทียมทำให้เป็นอย่างอื่น แม้แต่ชาดกบางส่วนก็ถูกแต่งขึ้นใหม่ หลังจากนั้นก็ได้มีการแตกนิกายย่อยๆ ออกจาก นิกายมหาสังฆิกะ หรือแม้แต่นิกายเถรวาทดั้งเดิม ก็ได้แตกเป็นนิกายย่อยๆ อีก รวมเป็น ๑๘ นิกาย

    พระโบราณาจารย์ ท่านกล่าวไว้ว่า คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นของบริสุทธิ์บริบูรณ์ไม่ยิ่งไม่หย่อน เป็นหลักมั่นคงสูงสุดของเถรวาททั้งหลาย เปรียบได้กับต้นไม้ใหญ่ ชื่อว่า นิโครธ หรือต้นไทร ส่วนนิกายที่เหลือ คือนอกจากเถรวาท ที่ได้เกิดขึ้นแล้วเป็นดุจกาฝากเกิดอยู่ที่ต้นไม้
     
  2. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ในสมัย พระเจ้าอโศกมหาราช ได้มีพวกเดียรถีย์ปลอมเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา เพื่อหวังลาภสักการะ จึงทำให้พระพุทธศาสนา คอ คำสอนของพระพุทธเจ้ามัวหมองยิ่งลงไปอีก พระองค์จึงโปรดให้มีการสังคายนาพระไตรปิฎก เป็นครั้งที่ ๓ ในปีพุทธศักราช ๒๓๕ และในครั้งนั้นได้มีการจับสึกพระนอกรีต พระปลอม เป็นจำนวนมาก แล้วทรงขับออกนอกพระราชอาณาจักร

    “เชื้อชั่วไม่ยอมตาย” พวชอลัชชีคือพระนอกรีต และพวกเดียรถีย์ที่ปลอมเข้ามาบวชเป็นพระปลอม แล้วถูกจับสึก และขับออกนอกพระราชอาณาจักร ก็คงจะไปรวมตัวกัน ตั้งลัทธิใหม่ โดยพากันบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า แล้วเผยแพร่ พระสูตรเทียม พระวินัยเทียม ให้แพร่หลายยังประเทศ นอกเขตพระราชอำนาจของพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งก็คงจะมีการแตกนิกาย ตั้งลัทธิใหม่ อีกมากมาย หนึ่งในจำนวนนั้น คือ พระพุทธศาสนาฝ่าย “วัชรยาน” หรือ “ตันตระ” ที่เกิดขึ้นในอินเดียในยุคสมัยที่ลัทธิตันตระ (Tantricism) กำลังเฟื่องฟู ในยุคแห่งความรุ่งเรืองนั้นลัทธิตันตระมีอิทธิพลต่อทั้งปรัชญาและศาสนาในอินเดียอย่างใหญ่หลวง จนทำให้เกิดศาสนาฮินดูแบบตันตระ ศาสนาเชนแบบตันตระ และพระพุทธศาสนาแบบตันตระขึ้น โดยที่ลัทธิตันตระได้ยกย่องและเน้นความสำคัญของเทพเจ้าที่เป็นเพศหญิงขึ้นมา “เทพเจ้า” ทุกพระองค์ในคติความเชื่อแบบตันตระ (ซึ่งรวมทั้งพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย) จึงมี “ตารา” (คู่ครอง) สวมกอดอยู่ ดังที่แสดงออกในศิลปะแบบตันตระ ซึ่งเป็นการบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงสอนให้คนทั้งหลายดำริออกจากกาม เพื่อยกจิตให้พ้นจากความเป็นปุถุชน คือคนหนา ให้ก้าวสู่ความเป็นพระอริยบุคคล แต่ พระพุทธศาสนาแบบตันตระ กลับสร้างความเชื่อใหม่ ให้พระพุทธเจ้าต้องมี “ศักติ” คือ ชายา เป็น “นางตารา” แล้วมีการสร้างพระพุทธรูปในลักษณะที่มีการเสพสังวาสเหมือนอย่างปุถุชนคนธรรมดา ซึ่ง ความหลงเชื่อในคำสอนเทียมเหล่านั้น ได้ทิ้งเป็นมรดกแห่งความเลวทรามไว้จนถึงปัจจุบัน ในประเทศอินเดีย คือ “กามสูตร-Kamasutra” ซึ่งมีทั้งรูปแกะสลัก หรือคัมภีร์กามสูตร


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    พระพุทธรูปดังกล่าวเป็นพระพุทธรูปแบบ “วัชรยาน” (Vajrayana) อันเป็นศิลปะแบบ “ตันตระ”
    <CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER>หรือในภาพวาดพระพุทธเจ้าแบบ “วัชรยาน” (Vajrayana) ตามแบบลัทธิ “ตันตระ”</CENTER>
     
  3. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ก็มีการสร้างเป็นภาพยนตร์ ชื่อ “Kamasutra” เผยแพร่ความชั่วช้า เลวทราม ดังตัวอย่างภาพบางตอน ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ดังที่ได้นำมาแสดงให้ท่านทั้งหลาย ได้เห็นกับตาตัวเอง

    ในภาพข้างล่างนี้ ชาย-หญิง กำลังพลอดรัก มีพระพุทธรูปตั้งอยู่ด้านขวามือ ด้านซ้ายมือเป็นรูปหล่อนางตาราตั้งอยู่

    <!--MsgFile=4-->

    <CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  4. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    แล้วทั้งคู่ ก็เริ่มเล่นบทรัก ตามตำรา Kamasutra อยู่เบื้องหน้าพระพุทธรูป และรูปหล่อนางตารา
    <!--MsgFile=5-->

    ------------------------------------------------


    ทางเว็บขอลบรูปอนาจาร เนื่องด้วยที่เว็บมีเด็กและเยาวชนพระภิกษุสามเณร เข้ามาศึกษาเยอะ
    <center><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table bgcolor="#222244" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td>
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></center>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 พฤษภาคม 2010
  5. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    อีกฉากหนึ่งที่ทั้งคู่ เล่นบทรัก ตามตำรา Kamasutra อยู่เบื้องหน้าพระพุทธรูป และรูปหล่อนางตารา
    <!--MsgFile=6-->

    <center><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table bgcolor="#222244" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td>ทางเว็บขอลบรูปอนาจาร เนื่องด้วยที่เว็บมีเด็กและเยาวชนพระภิกษุสามเณร เข้ามาศึกษาเยอะ </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></center>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 พฤษภาคม 2010
  6. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ที่ผมจะต้องนำภาพอุบาทว์และอุจาดตา ของภาพยนตร์อินเดีย เรื่อง Kamasutra มานำเสนอประกอบนี้ ก็เพื่อเป็นหลักฐาน ให้ท่านทั้งหลายได้เห็นว่า “Kamasutra-กามาสูตร หลักฐานของการบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า” ซึ่งเป็นมรดกสืบต่อมาจากลัทธิ ความเชื่อของพวกเดียรถีย์ปลอมบวชกับเหล่าอลัชชี พระนอกรีต ที่ถูกจับสึกและขับออกไปให้พ้นจากพระราชอาณาจักรของพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อ ๒ พันกว่าปีที่ผ่านมา

    และหากท่านทั้งหลาย ได้ติดตามงานค้นคว้าของผม ซึ่งในปัจจุบัน ได้รับการตีพิมพ์เป็น พ็อคเก็ตบุ๊คแล้ว ๒ เล่ม ชื่อ “ความลับพระพุทธเจ้า” กับ “ความลับกึ่งพุทธกาล วันล้างโลก” ก็จะทราบได้ว่า อาณาเขตพระราชอำนาจของพระเจ้าอโศกมหาราช ครอบคลุมดินแดนที่เป็นประเทศไทย พม่า และลาว ในปัจจุบัน ไม่ใช่ประเทศอินเดีย ดังที่เข้าใจในปัจจุบัน

    ดังนั้น เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช ขับไล่ พวกเดียรถีย์ปลอมบวชกับเหล่าอลัชชี พระนอกรีต ออกไปให้พ้นอาณาเขตพระราชอำนาจนั้น ส่วนใหญ่แล้ว ก็คงจะหนีออกไปรวมตัวกันอยู่ประเทศพม่าทางตอนเหนือ ก่อนที่จะเดินทางผ่านบังคลาเทศ แล้วไปปักหลักเผยแพร่ ความเลวทรามลามก อยู่ในอินเดียตอนเหนือในปัจจุบัน รวมทั้ง แนะนำให้ผู้ปกครองดินแดนแถบนั้น ให้สร้าง “สังเวชนียสถานจำลอง” ขึ้นมา และใช้คำสอนเทียม พระสูตรเทียม พระวินัยเทียม ในการอบรมสั่งสอนผู้คนในแถบนั้น ก่อนที่จะบิดเบือน แล้วปรุงแต่งพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ให้เป็นไปตามความเห็นของตน แตกแขนงไปเป็นนิกายต่างๆ นานา ก่อนที่จะเผยแพร่ไปสู่ประเทศต่างๆ ที่ไปมาหาสู่ กับประเทศอินเดียโบราณนั้น ดังจะเห็นได้ว่า “ในประเทศอินเดียปัจจุบัน ก่อนที่จะมีคณะสงฆ์นิกายเถรวาทจากประเทศไทย พม่า ลาว ไปเผยแพร่พระธรรมและวินัยที่บริสุทธิ์แล้ว ที่ประเทศอินเดีย ไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นร่องรอยของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเลย แม้แต่น้อยนิดเดียว”

    ตรงกันข้าม ในดินแดนที่เป็น ประเทศไทย พม่า และลาว ในปัจจุบัน ที่ยังคงสืบทอด พระพุทธศาสนา แบบเถรวาท อันบริสุทธิ์ได้จนถึงวันนี้ แม้ว่า เวลาจะผ่านมา ๒๕๕๓ ปีแล้วนับแต่พระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานก็ตาม ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะ “ดินแดนที่เป็นประเทศไทย พม่า และลาว ในปัจจุบัน ต่างหาก คือ ดินแดนที่เป็นต้นกำเนิดพระพุทธศาสนา” ก่อนฝรั่งชาติตะวันตก จะได้เอาความเข้าใจผิดในสิ่งลวงหลอกที่ตนเห็นในประเทศอินเดีย แล้วเข้าทึกทักเอาเองว่าพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นที่อินเดีย มาครอบงำความคิดของคนไทย และคนทั้งโลก ให้หลงเข้าใจผิดตามๆ กัน จึงเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาโดยแท้ และเป็นกรรมอันยิ่ง ซึ่งจะส่งผลสนองกลับมา ในเร็ววันนี้ถึงขั้นที่จะต้องเรียกว่า “วันล้างโลก” เลยทีเดียว...

    <!--MsgFile=7-->

    <CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  7. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ขออนุญาตแจ้งให้เพื่อนสมาชิกทราบครับว่า อีกช่องทางหนึ่งที่เราจะได้สนทนาแลกเปลี่ยนกัน โดยไม่มีข้อจำกัด และทำให้สมาชิกในกระดานพระพุทธศาสนา-ธรรมะนี้ อาจจะไม่สบายใจในการนำเสนอความเห็น

    จึงขอเชิญชวนท่าน ใช้ช่องทาง facebook ของ ekkissaro โดยขอเชิญชวนเพื่อนๆ "ขอเป็นเพื่อน" กับผมได้ เพื่อจะได้อ่านความเห็นและแสดงความเห็นได้ โดยไม่รบกวนส่วนรวมนะครับ

    ที่ลิงค์นี้ ข้างล่างนี้ ครับ

    http://www.facebook.com/profile.php?id=100000180815173

    และ กระทู้นี้ จะอยู่ในหน้าบันทึกข้อความ ตามลิงค์ข้างล่างนี้ครับ

    Kamasutra-กามสูตร หลักฐานของการบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า (๑)
    http://www.facebook.com/profile.php?id=100000180815173#!/note.php?note_id=112709798772610

    Kamasutra-กามสูตร หลักฐานของการบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า (๒)
    http://www.facebook.com/profile.php?id=100000180815173#!/note.php?note_id=112710512105872
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    จขกท. นี่เป็นลูกศิษย์ของ อาจารย์ธรรมศาสตร์ ท่านหนึ่งหรือเปล่า......

    มีช่วงหนึ่งที่ท่านทำวิจัยเรื่องชมพูทวีปอยู่แถวบ้านเรา........แต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจมากเท่าไร......
     
  9. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    เมื่อก่อนเห็นต่อต้านท่าน จขกท.กันน่าดู .....ตอนนี้ มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือมากมาย..ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่.
     

แชร์หน้านี้

Loading...