“อีก 3 ปีโลกนี้จะมีภัย”

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 10 มิถุนายน 2009.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    “อีก 3 ปีโลกนี้จะมีภัย”

    [​IMG]

    เตรียมตัวทำแผนที่โลกใหม่กันได้แล้ว โดย อ.ปริญญา ตันสกุล <?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:pLACE w:st="on"><ST1:CITY w:st="on">MBA.</ST1:CITY>,<ST1:STATE w:st="on">MS </ST1:STATE></ST1:pLACE>นักวิชาการสัมผัสพิเศษ และนักวิทยาศาสตร์พฤติกรรมทางจิต

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->mata_tuk<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2172107", true); </SCRIPT> สมาชิก

    ในวันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2552 ที่ผ่านมา ชมรมจิตจักรวาล และชมรมผู้ประพฤติธรรมแห่งประเทศไทย ได้เชิญ ท่านอาจารย์ปริญญา ตันสกุลอบรมธรรมะภาคปฏิบัติ ให้กับผู้ที่ร่วมสนใจรับฟัง ในหัวข้อเรื่อง “ อีก 3 ปีโลกนี้จะมีภัย”

    เนื้อหาที่ท่านอาจารย์ได้สื่อสอนมานั้น เป็นความรู้ใหม่จริงๆ ที่หลายๆคนยังไม่เคยรู้เลยว่าตนเองจะต้องรู้ ทั้งๆที่ตนเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่เหยียบยืนอยู่บนโลกใบนี้เหมือนกันเราที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง และความรู้ที่ท่านอาจารย์ได้สอนในวันนั้น เราคนหนึ่งที่ต้องการจะบอกกล่าวไปยังเพื่อนๆ อีกหลายๆคนว่า ไม่เสียดายเลยจริงๆ ที่เราได้ไปร่วมรับฟังธรรมะในวันนั้น เป็นการรวบรวมเอาธรรมะของพระศาสดาทุกๆพระองค์ มาสอนให้เข้าใจในแนววิทยาศาสตร์ พร้อมกับแจ้งข่าวสารเตือนภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับความจริงที่เราเผชิญกันอยู่ทุกวันนี้จริงๆ สำหรับความรู้ที่เราได้เรียนรู้มาก็พอจะสรุปคร่าวๆ ดังนี้ <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เรื่องราวต่างๆ ของดาวเคราะห์โลกดวงนี้มีหลายอย่าง ที่มนุษย์อย่างเราๆยังไม่รู้มีมากมาย อย่างเช่น

    วันมหาสุญตา เป็นวันเริ่มต้นการหมุนของดาวทุกดวง ในระบบสุริยจักรวาล และบอกตำแหน่งต่างๆของดาวเคราะห์ ซึ่งมันอาจจะแตกต่างจากความรู้เดิมที่เราเรียนกันมา แต่ว่าพอได้ฟังท่านอาจารย์สอนแล้ว ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าเหตุใดมันถึงได้แตกต่างจากความรู้เดิม (เราขอแนะนำว่า คุณควรจะอ่านศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือสหพันธ์ทางจิต กับพฤติกรรมมนุษย์ ของสำนักพิมพ์จิตจักรวาล )

    โลกทางกายภาพ มีแกนกลางเป็นธาตุออกซิเจนเหลวบริสุทธิ์ 100 % และมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าเป็นประจุลบ ซึ่งสามารถทำปฏิกริยากับประจุบวก (มนุษย์ พืช และสัตว์เป็นผู้ผลิตให้กับโลก) และเป็นปฏิกริยาที่รุนแรงระดับนิวเคลียร์ ที่เรียกว่า NUCLEAR FISSION ทำให้ใจกลางโลกร้อนและช่วยทำให้โลกหมุนอย่างคงที่ตลอดมา เพราะแรงระเบิดในใจกลางโลก นอกจากนี้ยังมีผลผลิตเป็นก๊าซออกซิเจนที่เราใช้หายใจอยู่กันในทุกวันนี้อีกต่างหาก นอกเหนือที่ได้จากพืชที่ให้เราได้เฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น

    สำหรับเรื่อง วิกฤตโลก ที่มนุษย์จะต้องเผชิญนั้น เป็น ความจริงที่ไม่มีใครรู้ว่า ตนจะต้องรู้ ว่าเหตุใดโลกถึงได้วิกฤตถึงเพียงนี้ อาจารย์ให้เหตุดังนี้ คือ

    1. เป็นยุคที่จิตมนุษย์ตกต่ำอย่างรุนแรง เพราะมนุษย์รักไม่ได้ ให้ไม่เป็น โลกถึงได้วิกฤติ
    2. เป็นช่วงเวลาปฏิบัติการชำระโลกก่อนสิ้นยุค
    3. (เราจดไม่ทันจริงๆ ขอโทษด้วยค่ะ)

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นเพราะว่ามนุษย์วิกฤติด้านจิตสำนึก ด้วยการใช้ วิธีคิดแบบจิตมนุษย์โดยใช้ ทฤษฎี ด.โมเดล คือ 1.ดู 2.เดา 3.ดึง 4.โดน และ 5.ดำ เป็นวิธีคิดโดยใช้มิติทางกายภาพอย่างเดียว ใช้สมองซีกซ้ายอย่างเดียว
    <O:p></O:p>
    วิกฤติโลกที่เคยเกิดมาแล้วบนดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้นั้น ท่านอาจารย์ได้บอกว่า เกิดมาแล้ว 6 ครั้งในอดีต และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 ซึ่งมันจะรุนแรงมากกว่าครั้งที่ผ่านมา เป็น 2 เท่า เป็นการสร้างใหม่ที่เสื่อมโทรม กับการเก็บกวาดและการชำระล้างขั้นสุดยอดก่อนวันสิ้นยุคพลังงานเก่า และ

    การชำระโลกครั้งนี้ มีขั้นตอนในการชำระดังนี้

    ขั้นที่ 1 : วิกฤตโลกร้าย เกิดจากมนุษย์มีศีลธรรมเสื่อมโทรม เกิดอาชญากรรมทุกวัน ฆ่ากันเองอย่างไร้มนุษยธรรม
    <O:p></O:p>
    ขั้นที่ 2 : วิกฤตโลกร้อน เป็นเพราะดาวเคราะห์โลกเสียสมดุล น้ำท่วม เชื้อโรคร้ายระบาดอย่างรุนแรง
    <O:p></O:p>
    ขั้นที่ 3 : วิกฤตโลกร้าว เปลือกโลกทรุดต่ำลง

    ขั้นที่ 4 : วิกฤตโลกรั่ว เปลือกโลกทะลุ ทำให้เกิดพายุไซโคลน ภูเขาไฟระเบิด

    ขั้นที่ 5 : วิกฤตโลกรอด เป็นวันเวลา 56 วัน 7 ราตรี


    ทุกเรื่องที่วิกฤตนั้น มีผลมาจากจิตสำนึกมนุษย์ที่ตกต่ำทั้งสิ้น ดังนั้นมีหนทางเดียวที่ช่วยให้โลกเราบอบช้ำน้อยที่สุด และเป็นการยืดเวลาให้กับโลกเราได้นั้น มันขึ้นอยู่กับการกระทำที่จิตสำนึกของพวกเราทั้งนั้น และในวันนั้น ท่านอาจารย์ได้ชี้แนะให้มนุษย์ทุกคน ช่วยกันใช้หลักธรรมะเข้าช่วยโลก คือ เมตตาธรรมค้ำจุนโลก พืชให้ความรักจากธรรมชาติ ช่วยค้ำจุนโลกอยู่แล้วนั้น ถ้าเราไม่ไปตัดไม้ ทำลายป่า ก็เป็นการช่วยโลกให้รอดได้ระดับหนึ่ง

    ต่อมาก็คือสัตว์ ที่ใช้ความรักจากสัญชาตญาณในการค้ำจุนโลกเช่นกัน แต่มนุษย์เรากลับฆ่าสัตว์ กินเป็นอาหารมากมาย และสุดท้าย มนุษย์ที่ใช้ความรักจากจิตวิญญาณช่วยค้ำจุนโลก ซึ่งในทุกวันนี้เราได้รับความรักจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแสนยากเย็น เพราะว่า โลกต้องการบวกจาก พืช สัตว์ และมนุษย์เรา แต่ว่าเราทำกันไม่ได้

    แต่ด้วยความเมตตาที่ท่านอาจารย์ สื่อสอนในวันนั้นท่านสอนว่า ถ้าเราต้องการจะช่วยโลกให้รอดได้นั้น เราต้องทำตัวเราให้เป็นมนุษย์อันประเสริฐให้ได้ ด้วยการ เป็นคนที่สมดุล โดยใช้กาย จิต และจิตวิญญาณ เป็นการหมุนธรรมจักรในตนเองให้ได้ ด้วยวิธีธรรมชาติสมาธิ และกฏแห่งการเป็นหนึ่งเดียว กันกับผู้อื่นให้ได้ ด้วยวิธี 4 ย. คือ ยอมรัก ยอมรับ ยอมปรับ ยอมร่วม และบันได 6 ขั้น คือ รักให้ได้ ให้ให้เป็น ไม่ก้าวล่วงใคร ใช้จิตสำนึกในการดำเนินชีวิต ไม่หลงยึดติดอัตตา มีมหาสติในยามตื่น ถ้าเราทำกันได้ ก็เป็นการหมุนธรรมจักรกัปปวัฒนสูตร

    สุดท้ายก่อนการจบการสอนธรรมะ ท่านอาจารย์ได้ชี้แนะวิธี ทำสมาธิหมู่กู้วิกฤตโลก ให้ช่วยกันทำ ทำได้ทุกวัน ที่ไหนก็ได้ ถ้าจะให้ดีก็ตามเวลานี้ 6.00 น. , 9.00 น. , 12 .00 น. , 3.00 น. ครั้งละ 15 นาที <O:p></O:p>

    ขอขอบคุณท่านอาจารย์ปริญญา ตันสกุลที่ช่วยบอกกล่าว ชี้แนะเรื่องราวเหล่านี้ให้เราได้รับรู้ (ท่านเป็นบรมครูที่ยิ่งใหญ่จริงๆ) ขอบคุณทีมงานของท่านทุกๆคน ที่จัดให้มีการอบรมแบบนี้ แล้วจัดอีกนะค่ะ และขอบคุณ เว็บพลังจิตด้วย ที่ช่วยบอกข่าวให้เราได้รู้
    <O:p></O:p>
    ปล.ความรู้ที่เราได้รับ เราบอกได้เลยว่า เรารู้อะไรมากมาย และเราไม่สามารถที่จะเก็บเงียบๆไว้คนเดียวได้ เราจึงต้องขอบอกต่อๆไป ให้กับเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกของเราได้รับรู้ความรู้และเรื่องราวเหล่านี้ไว้ด้วย

    มาตา 10/06/2552 05:05 AM
    <O:p></O:p>
    <O:p>ที่มา http://palungjit.org/threads/นักวิชาการสัมผัสพิเศษชี้-“อีก-3-ปีโลกนี้จะมีภัย”.190287/page-4</O:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • img001.jpg
      img001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.9 KB
      เปิดดู:
      355
    • rainyorkbig.jpg
      rainyorkbig.jpg
      ขนาดไฟล์:
      114 KB
      เปิดดู:
      286
    • tsunami.jpg
      tsunami.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50 KB
      เปิดดู:
      359
    • untitled.JPG
      untitled.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44.3 KB
      เปิดดู:
      332
  2. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    น่ากลัวค่ะ เร่งทำบุญกันหน่อยค่ะ และอย่าลืมเจริญกรรมฐานกันอย่างสม่ำเสมอนะค่ะ
     
  3. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    น่ากลัวค่ะ เร่งทำบุญกันหน่อยค่ะ และอย่าลืมเจริญกรรมฐานกันอย่างสม่ำเสมอนะค่ะ
     
  4. cabin

    cabin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +828
    อ่า เมื่อคืนนี้นั่งสมาธิและหลับฝันไป ว่าเจอเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่เป็นภัยพิบัติที่รุนแรง ก็น่าแปลกที่จิตไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ภาพเหตุการณ์น่ากลัวมาก ขนาดท่วมตึกสูง ๆ น้ำทะลักเข้ามาทำให้บ้านเมืองพังพินาศ ตัวเองต้องหนีตายขึ้นไปในที่สูง ทรัพย์สมบัติทั้งหลายกลายเป็นสูญญตา พอเช้ามาเจอ topic นี้พอดี ทำให้ต้องกลับมาคิดว่า เหลือเวลาให้ โลภ โกรธ หลง กันน้อยเต็มที่แล้ว เร่งบำเพ็ญเพียรรักษาจิตกันให้ดีนะคับ
     
  5. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    (ภัย) มีอยู่ทุกวี่ทุกวัน...วันไหนที่ไม่มี(ภัย) บ้าง? "คน(ไม่ถึงที่ตาย)...ทำยังไงก็ไม่ตาย คนที่(ถึงฆาต)ยังไงก็ต้องตาย.....แต่ก่อนที่จะตายยังมีลมหายใจอยู่ เราเลือกที่จะเป็นคนดีได้..ทำความดีได้

    ปล..ความเห็นส่วนตัวอย่าถือโทษโกรธกันนะครับ สาธุ ๆ ๆ
     
  6. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    เฮ่อ !!
     
  7. yupanatuk

    yupanatuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +418
    ข่าวนี้ทราบกันดีทั่วโลกว่าเหลืออีก 3 ปี มีภัยแน่ๆ แต่ไม่รู้จะหนีไปไหนพ้น! เพราะเกิดขึ้นทั่วโลกโดนกันหมด มีคำทำนายว่าเริ่มจากสงครามนิวเคลียก่อน(แถบทวีปเอเซีย) ตามด้วยแผ่นดินไหว+ภูเขาไฟระเบิด ตามด้วยน้ำท่วม+โรคระบาด แล้วจะเหลือฤา เออ!เขาแนะนำว่าถึงตอนนั้น ให้รีบตั้งสติทรงญาณทันที เมื่อจิตดับลงก็จะได้ขึ้นสวรรค์ หรือพรมณ์ไปเลย
     
  8. พรหมมาศ

    พรหมมาศ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +35
    ยังจำปี2000ได้ไหมครับ Y2K ไงเกิดแน่ๆเกิดแน่นอน แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างไหมครับ ผมเชื่อแบบที่คุณ mangkoogบออกไว้ด้านบนนะครับ ไม่ว่าอีก3ปีจะเกิดอะไรขึ้น หรือไม่เกิดอะไรเลยก็ไม่มีมนุษญ์คนไหนหนีความตายไปได้หรอกครับ แล้วจะไปวิตกอะไรกับเรื่องแบบนี้ละครับในเมื่อสุดท้ายตอนจบของเรื่องนี้คือทุกคนไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ทำดีเข้าวัดเข้าวาตามปรกติครับอย่าไปวิตกอะไรมากเลย

    แล้วก็ถ้าอีก3ปีไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอนครับ
    1.คนที่ทำนายว่าโลกจะเกิดอย่างนั้นอย่างนี้แล้วไม่เกิดจริงก็จะทำเนียนเงียบๆไปพอไห้คนลืม แล้วก็ค่อยออกมาทำนายใหม่ในปีต่อๆมา
    2.จะมีผู้เสนอตัวมารับความดีความชอบว่าตนนี่แหละช่วยกู้โลกไว้ โดยใช้บุญบารมีตนเองนี่แหละช่วยไห้โลกและคนจำนวนมากรอด(หรืออะไรประมาณนี้)
    สองข้อนี้เกิดขึ้นแน่นอนครับฟันธง
     
  9. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
     
  10. questionmanbkk

    questionmanbkk สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +5
    ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้้นก็ตาม

    สิ่งที่เราเราทำกันได้ คือ การมีสติ อยู่กับตัวเอง

    และหมั่นทำสมาธิ แผ่เมตตาให้กับสัตว์โลก

    อนุโมทนาครับ
     
  11. dannychinny

    dannychinny สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +5
    2012 : วันสิ้นโลก?

    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 375pt; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent">2012 : วันสิ้นโลก?

    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 116.25pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top width=155><?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shape id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 116.25pt; HEIGHT: 13.5pt" alt="" type="#_x0000_t75" o:button="t"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\Apple\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.gif" o:href="http://www.posttoday.com/images/commentclick.gif"></v:imagedata></v:shape><?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <o:p></o:p>
    โพสต์ทูเดย์<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 375pt; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent">รายงานโดย :วรเชษฐ์ บุญปลอด:<o:p></o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent">
    วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552<o:p></o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    บทความนี้ยังเป็นตอนต่อเนื่องจากกรณีที่มีผู้ปล่อยข่าวว่าวันที่ 21 ธ.ค. ปี ค.ศ. 2012 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดรอบปฏิทินมายาจะเป็นวันสิ้นโลก<o:p></o:p>
    โดยชักแม่น้ำทั้งห้า อ้างเหตุผลต่างๆ หลายอย่างมาสนับสนุน ได้อธิบายความเป็นมาและข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ไปบางส่วนแล้ว สัปดาห์นี้มาถึงเรื่องของข่าวลือที่ว่าจะเกิดการพลิกขั้วแม่เหล็กโลกและดวงอาทิตย์ในปี 2012 <o:p></o:p>
    เรื่องจากฟอร์เวิร์ดเมล <o:p></o:p>
    ฟอร์เวิร์ดเมลและข้อความเผยแพร่ตามเว็บบอร์ดต่างๆ ระบุว่าปี 2012 โลกและดวงอาทิตย์จะเกิดการพลิกขั้ว โดยอ้างอิงข่าวจากสื่อออนไลน์ <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:smarttags" /><st1:place w:st="on"><st1:country-region w:st="on">India</st1:country-region></st1:place> Daily (India,Daily,News,Samachar,Bollywood,Politics,Sports,Computer) เผยแพร่วันที่ 1 มี.ค. 2005 ระบุว่ากลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ทั้งนักธรณีฟิสิกส์และดาราศาสตร์ฟิสิกส์ คาดว่าปี 2012 จะเกิดการพลิกขั้วแม่เหล็กโลก พื้นโลกบางแห่งจะไม่มีสนามแม่เหล็ก ประจวบกับเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์เกิดการสลับขั้วแม่เหล็กด้วยเช่นกัน <o:p></o:p>
    ข่าวนี้ระบุว่า องค์การนาซาได้ระงับความตื่นกลัวของสาธารณชนด้วยการให้ข้อมูลว่าการพลิกขั้วแม่เหล็กโลกจะไม่ทำให้สนามแม่เหล็กสูญสิ้นไปทั้งหมด (แต่ข้อความในฟอร์เวิร์ดเมล กลับทำให้เลวร้าย และเป็นเท็จ ระบุว่าองค์การนาซาเป็นผู้ออกข่าวเองว่าขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกในปี 2012 ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการแปลความหมายผิด และสับสนกับการสลับขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์) <o:p></o:p>
    สื่อออนไลน์ดังกล่าวอ้างว่าแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่ไฮเดอราบัด บ่งชี้ว่าการพลิกขั้วส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของสิ่งมีชีวิตลดลง เกิดภูเขาไฟ แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม สนามแม่เหล็กโลกอ่อนลงจนทำให้รังสีคอสมิกจากดวงอาทิตย์ทวีขึ้นหลายเท่า เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้เปลือกโลกเท่านั้นที่จะรอดจากมหันตภัยนี้ ดาวเคราะห์น้อยจะถูกดึงให้เข้ามาใกล้โลก แถมยังอ้างอีกว่าการพบเห็นยูเอฟโอบ่อยขึ้นในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ได้แสดงว่ามนุษย์ต่างดาวกำลังพยายามช่วยโลก <o:p></o:p>
    เนื้อข่าวต้นฉบับไม่มีการอ้างชื่อนักวิทยาศาสตร์หรือข้อมูลเชิงวิชาการใดๆ ที่พอจะเชื่อถือหรือสืบค้นได้ และเมื่อค้นดูข่าวในหมวดเดียวกันก็จะพบว่ามีข่าวหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปี 2012 ซึ่งล้วนมีลักษณะเดียวกัน คือไม่เคยระบุชื่อของนักวิทยาศาสตร์ หาแหล่งข่าวไม่ได้ ดูคล้ายหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ที่มักจะเขียนข่าวหวือหวาเพื่อเรียกความสนใจ <o:p></o:p>
    เรื่องจริงเรื่องขั้วพลิก <o:p></o:p>
    ตามหลักฐานทางธรณีวิทยาและการศึกษาธรรมชาติของดวงอาทิตย์ การสลับขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นจริงทั้งในโลกและดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์สลับขั้วบ่อยกว่าโลกมาก เฉลี่ยทุกๆ 11 ปี ซึ่งเกี่ยวข้องกับปริมาณจุดมืด (Sunspot) และกัมมันตภาพของดวงอาทิตย์ (Solar Activity) การพยากรณ์การพลิกขั้วแม่เหล็กดวงอาทิตย์ทำได้โดยอาศัยข้อมูลการสังเกตจุดมืดและสภาพทางแม่เหล็กบนผิวดวงอาทิตย์ <o:p></o:p>
    เมื่อเกิดการสลับขั้ว ดวงอาทิตย์จะมีกัมมันตภาพสูง มีจุดมืดจำนวนมาก และมักเกิดพายุสุริยะบ่อยกว่าช่วงสงบ ก่อนหน้านี้เคยมีการพยากรณ์ว่าดวงอาทิตย์จะสลับขั้วแม่เหล็กในปี 2012 ซึ่งทำให้เกิดการเชื่อมโยงกับคำพยากรณ์วันสิ้นโลก อย่างไรก็ตามจากที่ในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ดวงอาทิตย์แทบไม่มีจุดมืดมานาน นักดาราศาสตร์พยากรณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่าดวงอาทิตย์มีแนวโน้มจะสลับขั้วช้าลงกว่าที่คาดไว้ โดยอาจเกิดขึ้นในเดือนพ.ค. 2013 <o:p></o:p>
    กรณีของโลก ใจกลางโลกมีแกนชั้นในเป็นเหล็กแข็ง หมุนรอบตัวเอง และมีอุณหภูมิสูงมาก ห่อหุ้มด้วยแกนชั้นนอกที่เป็นเหล็กหลอมเหลว การเคลื่อนที่ของเหล็กหลอมเหลวในแกนชั้นนอก ทำให้อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าไหลวนไปรอบๆ เกิดสนามแม่เหล็ก พุ่งผ่านแกนเปลือกโลก และออกสู่อวกาศ สนามแม่เหล็กมีส่วนช่วยป้องกันลมสุริยะจากดวงอาทิตย์ แต่บางส่วนก็สามารถเบี่ยงเบนเข้าสู่บริเวณขั้ว ชนกับอะตอมในบรรยากาศโลก เกิดวงแสงเรืองบนท้องฟ้าที่เรียกว่าแสงเหนือใต้ (<st1:City w:st="on"><st1:place w:st="on">Aurora</st1:place></st1:City>) <o:p></o:p>
    ขั้วแม่เหล็กโลกอยู่ไม่คงที่ คริสต์ศตวรรษที่ 20 ตำแหน่งขั้วแม่เหล็กเหนือซึ่งปัจจุบันอยู่บริเวณประเทศแคนาดา เคลื่อนที่ด้วยอัตรา 10 กม./ปี แต่นักวิทยาศาสตร์พบว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ขั้วแม่เหล็กเหนือเคลื่อนเร็วขึ้นด้วยอัตรา 40 กม./ปี มีแนวโน้มว่าจะไปอยู่ที่ไซบีเรียภายในอีกไม่กี่สิบปี <o:p></o:p>
    ข้อมูลทางธรณีวิทยาบอกว่าโลกสลับขั้วแม่เหล็กกลับไปกลับมาเฉลี่ยทุกๆ 2.5 แสนปี ไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุว่าทำไมจึงเกิดการสลับขั้ว และไม่มีการสลับขั้วมานานแล้วราว 7.8 แสนปี อัตราการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกมีความไม่แน่นอนสูงมาก และใช้เวลาในกระบวนการสลับขั้วแต่ละครั้งนานนับพันปี เป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะสามารถพยากรณ์ได้ว่าโลกจะพลิกขั้วแม่เหล็กในปีใด ดังนั้นการอ้างว่าจะเกิดการพลิกขั้วในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 จึงไร้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ และที่ว่าการสลับขั้วแม่เหล็กโลกเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ ก็ไม่มีหลักฐานสนับสนุน <o:p></o:p>
    ส่วนที่ว่าเมื่อเกิดการสลับขั้วแล้ว โลกจะไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยแกลตซ์มายเยอร์ และพอล โรเบิร์ต นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ณ ซานตาครูซ พบว่าระหว่างที่มีการสลับขั้วแม่เหล็ก โลกจะยังมีสนามแม่เหล็กห่อหุ้มอยู่ เพียงแต่อ่อนลงและมีความปั่นป่วนมากขึ้น นอกจากนี้สนามแม่เหล็กโลกไม่ใช่สิ่งเดียวที่ช่วยปกป้องโลกจากรังสีและอนุภาคพลังงานสูงจากนอกโลก บรรยากาศโลกมีส่วนอย่างมากในการป้องกันโลกจากพายุสุริยะและรังสีคอสมิก ดังนั้นสรุปว่าไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใดๆ สนับสนุนว่าปี 2012 โลกจะพลิกขั้ว ไม่ว่าจะเป็นขั้วแม่เหล็กหรือขั้วทางภูมิศาสตร์ รวมทั้งของดวงอาทิตย์ <o:p></o:p>
    ท้องฟ้าในรอบสัปดาห์ (7-14 มิ.ย.) <o:p></o:p>
    ดาวเสาร์อยู่สูงเกือบถึงจุดเหนือศีรษะในเวลาหัวค่ำ เป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวบนท้องฟ้าเวลานี้ มันจะเคลื่อนต่ำลง ตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกในเวลาประมาณเที่ยงคืนหรือหลังจากนั้นไม่นาน ขณะที่ดาวเสาร์ใกล้ตก ดาวพฤหัสบดีจะเริ่มปรากฏเหนือขอบฟ้าทางทิศตะวันออก และอยู่บนท้องฟ้าจนถึงเช้ามืด <o:p></o:p>
    เวลา 03.30 น. จะเริ่มสังเกตเห็นดาวศุกร์กับดาวอังคารโผล่พ้นขอบฟ้าทิศตะวันออก เวลาตี 5 ซึ่งท้องฟ้าเริ่มสว่าง ดาวพฤหัสบดีอยู่สูงบนฟ้าทิศใต้ด้วยมุมเงยกว่า 60 องศา ดาวศุกร์กับดาวอังคารมีมุมเงยเกือบ 30 องศา ดาวเคราะห์ 2 ดวงนี้เข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะนี้ ดาวพุธอยู่ใกล้ขอบฟ้าทางทิศเดียวกับดาวศุกร์ แต่มีมุมเงยต่ำเพียง 10 องศา <o:p></o:p>
    ดวงจันทร์สว่างเต็มดวงในคืนวันแรกของสัปดาห์ ขึ้นเหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกเกือบพร้อมกับดวงอาทิตย์ตก จากนั้นเมื่อเข้าสู่ข้างแรม ดวงจันทร์จะขึ้นช้าลง และสังเกตเห็นดวงจันทร์ได้ทุกวันในเวลาเช้ามืด คืนวันเสาร์ที่ 13 ดวงจันทร์อยู่ใกล้ดาวพฤหัสบดี เริ่มปรากฏพร้อมกันในเวลา 5 ทุ่ม <o:p></o:p>
    กลางสัปดาห์ กรุงเทพฯ ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05.50 น. ตกเวลา 18.45 น. เชียงใหม่ดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05.46 น. ตกเวลา 19.01 น. ภูเก็ตดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 06.09 น. ตกเวลา 18.43 น. อุบลราชธานีดวงอาทิตย์ขึ้นเวลา 05.30 น. ตกเวลา 18.30 น. <o:p></o:p>

    รูป – earth.jpg <o:p></o:p>
    โครงสร้างภายในของโลก การไหลของเหล็กหลอมเหลวในแกนชั้นนอกก่อให้เกิดสนามแม่เหล็ก (ภาพ - NASA)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> <v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><v:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></v:path><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock><v:shape id=_x0000_s1026 style="MARGIN-TOP: 58.5pt; Z-INDEX: 1; MARGIN-LEFT: 80.25pt; WIDTH: 2in; POSITION: absolute; HEIGHT: 138.45pt; mso-wrap-distance-left: 2.25pt; mso-wrap-distance-top: 2.25pt; mso-wrap-distance-right: 2.25pt; mso-wrap-distance-bottom: 2.25pt; mso-position-vertical-relative: line" o:allowoverlap="f" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:title="16725" src="file:///C:\DOCUME~1\Apple\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.jpg"></v:imagedata><?xml:namespace prefix = w ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:word" /><w:wrap type="square"></w:wrap></v:shape></o:p>
     
  12. ประเสริฐ2522

    ประเสริฐ2522 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    658
    ค่าพลัง:
    +409
    น่ากัวจังอะคับบบ
     
  13. Tid Joom

    Tid Joom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +207
    พระพุทธองค์ทรงสอนให้เรามีสติ
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
     
  14. Tid Joom

    Tid Joom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +207
    พระพุทธองค์ทรงสอนให้เรามีสติ
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
     
  15. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    ไม่ต้องวิตกจนเกินควร กับคำทำนายของ คุณปริญญา ตันสกุล

    ทำใจให้เป็นกลาง แล้วไปอ่านคำทำนายเก่า ๆ ของท่านผู้นี้ ที่ผ่านมา

    ตั้งแต่เรื่องเหตุบ้านการเมือง เรื่องภัยพิบัติ แล้วดูว่าทายตรงไหม เท่าที่ผม

    ได้ตามอ่านตลอด เห็นว่าทายตรงเพียง 20 % เท่านั้น.....

    ทุกวันนี้ ถ้าใครถือศีล 5 ได้พร้อม

    ปฏิบัติสมาธิภาวนาได้พร้อม

    และทำบุญกุศล ตามแต่โอกาสจะมี

    ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ได้ตามกำลัง

    จะกลัวไปทำไมครับ เรื่องภัยพิบัติ

    ก็พวกเราทุกคนเกิดมา

    เพื่อสร้างกรรมดีใหม่

    และใช้กรรมชั่วเก่า

    ทำใจให้ใสใส ดีกั่วเนอะ พี่น้อง


     
  16. dannychinny

    dannychinny สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +5
    2012: วันสิ้นโลก?

    2012: วันสิ้นโลก? (1)<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ <o:p></o:p>
    รายงานโดย :วรเชษฐ์ บุญปลอด<o:p></o:p>
    วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม .. 2552<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แม้จะผิดพลาดมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่การทำนายวันสิ้นโลกก็มีมายาวนานนับพันปี ดาวเคราะห์เรียงตัวกันเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2000<o:p></o:p>
    ก็เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ซึ่งเคยถูกนำมาอ้างว่าจะทำให้โลกถึงกาลดับสลาย <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คำทำนายครั้งใหม่ที่ดูเหมือนว่าจะแพร่หลายมากในอินเทอร์เน็ตขณะนี้ ก็คือการที่คนกลุ่มหนึ่งอ้างว่าจะเกิดหายนะขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 (พ.ศ. 2555) ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นการที่ดวงอาทิตย์และโลกมาอยู่ในแนวเดียวกันกับระนาบดาราจักรทางช้างเผือก การมาเยือนของดาวเคราะห์ที่เรียกกันว่า “นิบิรุ” แม่เหล็กโลกกับดวงอาทิตย์สลับขั้ว และพายุสุริยะ
    <o:p></o:p>
    คนกลุ่มนี้อ้างว่าเหตุการณ์ทั้งหลายจะเป็นสาเหตุนำมาซึ่งภัยพิบัติต่างๆ และอาจถึงขั้นมีการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ก่อให้เกิดความสงสัย ความกลัว หรือแม้กระทั่งตื่นตระหนก ในคนที่เชื่อเรื่องดังกล่าว ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่มีกำหนดเข้าฉายในปลายปี ก็สร้างขึ้นจากความสนใจในปรากฏการณ์นี้ บทความนี้ซึ่งแบ่งเป็นหลายตอน จะรวบรวมรายละเอียด อธิบายถึงความเป็นมาและมุมมองทางวิทยาศาสตร์ที่มีต่อการทำนายดังกล่าว
    <o:p></o:p>
    ปฏิทินมายา <o:p></o:p>
    มายาเป็นอารยธรรมโบราณอารยธรรมหนึ่งในอเมริกากลาง มีศูนย์กลางอยู่บริเวณตอนใต้ของเม็กซิโก กัวเตมาลา และทางเหนือของเบลีซ มีสิ่งปลูกสร้างทำด้วยหิน พีระมิด อักษรภาพ มีการบูชาเทพเจ้าและพิธีกรรม แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมซึ่งถึงจุดสูงสุดเมื่อราวปี 250–900 ก่อนจะเสื่อมถอยลง
    <o:p></o:p>
    วันที่ 21 ธ.ค. 2012 ถูกยกขึ้นมาเป็นวันสิ้นโลก สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะวันนั้นตรงกับวันสิ้นสุดปฏิทินรอบใหญ่ของชาวมายาที่เรียกว่า Long Count ปฏิทินชนิดนี้เป็นหนึ่งในปฏิทินหลายแบบของชาวมายา (แบบอื่นที่เคยกล่าวถึงมาแล้วคือแบบที่เกี่ยวกับวัฏจักรการเคลื่อนที่ของดาวศุกร์) พวกเขาใช้ตัวเลข 5 ตัว และเลขฐาน 20 เป็นหลักในระบบปฏิทินแบบ Long Count การเขียนจะใช้อักษรภาพแทนตัวเลข เรียงกันในแนวตั้ง โดยเริ่มนับที่ 0.0.0.0.0 ซึ่งพบว่าตรงกับวันที่ 11 ส.ค. 3,114 ปีก่อนคริสตกาล ตามปฏิทินเกรกอเรียน หรือ 6 ก.ย. ปีเดียวกัน ตามปฏิทินจูเลียน วันที่ 19 นับเป็น 0.0.0.0.19 จากนั้นเมื่อเข้าสู่วันที่ 20 จะนับเป็น 0.0.0.1.0
    <o:p></o:p>
    เลขหลักที่ 2 จากขวามือ ต่างกับหลักอื่นตรงที่จะใช้ตัวเลขสูงสุดถึงแค่ 18 ดังนั้น 0.0.1.0.0 จึงตรงกับวันที่ 360 (ประมาณ 1 ปี) 0.1.0.0.0 ตรงกับวันที่ 7,200 (ประมาณ 20 ปี) และ 1.0.0.0.0 ตรงกับวันที่ 144,000 (ประมาณ 394 ปี) การที่ชาวมายาใช้เลข 13 และ 20 เป็นรากฐานของระบบตัวเลข โดยปีหนึ่งมี 13 เดือน แต่ละเดือนยาวนาน 20 วัน จึงมีความเชื่อว่าปฏิทินแบบ Long Count นี้จะสิ้นสุดในวันที่ 13.0.0.0.0 ก่อนจะเริ่มรอบใหม่ วัฏจักร Long Count จึงยาวนาน 1,872,000 วัน (ผลลัพธ์ของ 13 x 20 x 20 x 18 x 20) หรือราว 5,125 ปี ซึ่งถ้านับมาจากจุดเริ่มต้นเมื่อ 3,114 ปีก่อนคริสตกาล วันที่ 13.0.0.0.0 ในปฏิทินมายาจะตรงกับวันที่ 21 ธ.ค. 2012 <o:p></o:p>

    การเรียงตัวของโลก ดวงอาทิตย์ และศูนย์กลางทางช้างเผือก
    นอกจากการสิ้นสุดของปฏิทินมายาจะถูกนำมาเชื่อมโยงกับวันสิ้นโลก หรือบ้างก็ว่าเป็นการเข้าสู่ยุคใหม่แล้ว วันที่ 21 ธ.ค. ยังตรงกับวันเหมายัน (Winter Solstice) นับเป็นวันเริ่มต้นฤดูหนาวสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในซีกโลกเหนือ และเป็นช่วงที่เวลากลางคืนยาวนานกว่าเวลากลางวันมากที่สุด เมื่อมองจากโลกจะเห็นดวงอาทิตย์โคจรมายังจุดที่เยื้องลงไปทางทิศใต้มากที่สุด
    <o:p></o:p>
    ระบบสุริยะของเราอยู่ในดาราจักรที่เรียกว่าดาราจักรทางช้างเผือก มีลักษณะเป็นจานแบน ป่องออกตรงกลาง ระนาบของจานคือเส้นศูนย์สูตรของทางช้างเผือก สุริยวิถีซึ่งเป็นเส้นทางการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ลากผ่านกลุ่มดาวจักรราศี อยู่คนละระนาบกับเส้นศูนย์สูตรของทางช้างเผือก แต่มีจุดตัดกัน 2 จุด จุดหนึ่งอยู่ในกลุ่มดาวคนยิงธนู ปัจจุบันอยู่ใกล้กับตำแหน่งของจุดเหมายัน อีกจุดหนึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างกลุ่มดาววัวกับกลุ่มดาวคนคู่
    <o:p></o:p>
    การคำนวณทางดาราศาสตร์พบว่า ตำแหน่งดวงอาทิตย์ในวันเหมายันจะผ่านระนาบทางช้างเผือกในช่วงปี 1980–2016 โดยผ่านศูนย์กลางพอดีในปี 1998 เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นทุกๆ ประมาณ 26,000 ปี ตามคาบการส่ายของแกนหมุนของโลก จอห์น เมเจอร์ เจนกินส์ นักเขียนคนหนึ่ง เรียกการเรียงตัวกันนี้ว่า Galactic Alignment เขาอ้างว่าชาวมายาล่วงรู้ถึงการเรียงตัวกันดังกล่าว โดยสังเกตจากแนวมืดในแถบทางช้างเผือก ซึ่งเกิดจากฝุ่นที่บดบังแสงจากดาวเบื้องหลัง และยังอ้างอีกว่าชาวมายากำหนดจุดสิ้นสุดของปฏิทินแบบ Long Count ให้ตรงกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งก็ยิ่งเพิ่มความโดดเด่นของวันที่ 21 ธ.ค. 2012 ให้มากขึ้นไปอีก
    <o:p></o:p>
    สัปดาห์หน้า เราจะไปทำความรู้จักกับดาวนิบิรุ และความเชื่อมโยงกับการพยากรณ์วันสิ้นโลกในปี 2012 <o:p></o:p>
    2012 : วันสิ้นโลก? (2)<o:p></o:p>
    หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ <o:p></o:p>
    รายงานโดย :วรเชษฐ์ บุญปลอด<o:p></o:p>
    วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม .. 2552<o:p></o:p>
    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shape id=_x0000_s1026 style="MARGIN-TOP: 15pt; Z-INDEX: 1; MARGIN-LEFT: 0px; WIDTH: 187.5pt; POSITION: absolute; HEIGHT: 111pt; mso-wrap-distance-left: 2.25pt; mso-wrap-distance-top: 2.25pt; mso-wrap-distance-right: 2.25pt; mso-wrap-distance-bottom: 2.25pt; mso-position-vertical-relative: line; mso-position-horizontal: absolute; mso-position-horizontal-relative: text; mso-position-vertical: absolute" o:allowoverlap="f" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:title="16038" src="file:///C:\DOCUME~1\Apple\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image004.jpg"></v:imagedata><?xml:namespace prefix = w ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:word" /><w:wrap type="square"></w:wrap></v:shape>
    <o:p> </o:p>
    คราวที่แล้วได้อธิบายถึงความเป็นมาของวันที่ 21 ธ.ค. ปีค.ศ. 2012 อันเป็นวันสิ้นสุดปฏิทินของชาวมายา ซึ่งถูกนำมาอ้างว่าจะเป็นวันสิ้นโลก<o:p></o:p>

    สัปดาห์นี้จะไปทำความรู้จักกับดาวเคราะห์ปริศนาดวงหนึ่ง ดาวเคราะห์ที่นักดาราศาสตร์ปฏิเสธถึงการมีอยู่ของมัน ได้กลายเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญอีกชิ้นหนึ่งในการสร้างข่าวลือเรื่องวันสิ้นโลก 2012 <o:p></o:p>

    ดาวเคราะห์เอกซ์ <o:p></o:p>
    ภายหลังการค้นพบดาวเนปจูน ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 8 ในระบบสุริยะ เพอร์ซิวาล โลเวลล์ นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันพบว่าตำแหน่งของดาวยูเรนัสและเนปจูนต่างไปจากที่ควรจะเป็น เขาจึงเสนอว่ามีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปอีกดวงหนึ่ง ส่งแรงโน้มถ่วงมารบกวน เขาเรียกมันว่าดาวเคราะห์เอกซ์ (Planet X) ซึ่งจะสังเกตว่า X ในที่นี้ แสดงถึงการเป็นดาวเคราะห์ลึกลับที่ยังค้นไม่เจอ ไม่ใช่ตัวเลขโรมันที่หมายถึงเลข 10 แต่อย่างใด <o:p></o:p>

    แต่เมื่อ ไคลด์ ทอมบอก์ ได้ค้นพบดาวพลูโตเมื่อปีค.ศ. 1930 และมันก็มีขนาดเล็ก มวลไม่มากพอที่จะส่งแรงโน้มถ่วงไปรบกวนการโคจรของดาวยูเรนัสและเนปจูนได้มากเท่าที่คาดไว้ นักดาราศาสตร์จึงตามหาดาวเคราะห์เอกซ์กันต่อไป ซึ่งในคราวนี้มันคือดาวเคราะห์ดวงที่ 10 (ในสมัยที่พลูโตยังมีสถานะเป็นดาวเคราะห์อยู่) <o:p></o:p>
    ปัจจุบันนักดาราศาสตร์ไม่คิดว่าดาวเคราะห์เอกซ์ตามสมมติฐานของโลเวลล์มีอยู่จริง เพราะหลังจากยาน
    วอยเอเจอร์ได้เดินทางเฉียดใกล้ดาวยูเรนัสและเนปจูน ทำให้สามารถวัดมวลที่แม่นยำได้ อีกทั้งไม่พบแรงรบกวนใดๆ ที่มากระทำต่อยานอวกาศ 4 ลำที่เดินทางออกไปสู่อวกาศนอกระบบสุริยะ ทั้งไพโอเนียร์ 10 และ 11 กับยานวอยเอเจอร์ 1 และ 2 นักดาราศาสตร์อธิบายได้ว่าสาเหตุแห่งความผิดปกติในการโคจรของยูเรนัสและเนปจูนที่โลเวลล์พบ เกิดขึ้นเพราะขณะนั้นยังไม่ทราบมวลของดาวเคราะห์ทั้งสองดวงที่แม่นยำพอ ทำให้ผลการคำนวณตำแหน่งคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง <o:p></o:p>

    ดาวนิบิรุของ ‘เซคาราย ซิตชิน’ <o:p></o:p>
    ผู้ที่มีส่วนสำคัญในทฤษฎีที่อาจเชื่อมโยงดาวนิบิรุกับดาวเคราะห์เอกซ์ มีอยู่ 2 คน คนหนึ่งเป็นนักเขียนนามว่า เซคาราย ซิตชิน (Zecharia Sitchin) อีกคนหนึ่ง คือ แนนซี ลีเดอร์ (Nancy Lieder) ผู้อ้างว่ามีความสามารถในการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว <o:p></o:p>

    นายซิตชินเขียนหนังสือหลายเล่ม เล่มแรกตีพิมพ์เมื่อปีค.ศ. 1976 เผยแพร่ความเชื่อในทฤษฎีพระเจ้าจากอวกาศ ที่ว่ามนุษย์ต่างดาวเคยมาเยือนโลกในอดีต การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและภาพจารึกโบราณอายุ 6,000 ปี ของชาวสุเมเรียน ที่แสดงให้เห็นวัตถุ 12 ชิ้นบนท้องฟ้า ซึ่งซิตชินตีความว่านั่นคือ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กับดาวเคราะห์อีก 10 ดวง ทำให้เขาเชื่อว่ามีมนุษย์ต่างดาวเดินทางมาจากดาวเคราะห์ที่ยังไม่พบอีกดวงหนึ่ง นั่นคือ ดาวนิบิรุ (Nibiru) เขาอธิบายอย่างเสร็จสรรพว่ามันโคจรรอบดวงอาทิตย์ในวงโคจรรูปวงรีที่มีความรีสูง (จุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดกับจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุด ต่างกันมาก) คล้ายวงโคจรของดาวหาง และยังระบุอีกด้วยว่าดาวนิบิรุเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ทุกๆ 3,600 ปี
    <o:p></o:p>
    ซิตชินอ้างว่านิบิรุคือเทพมาร์ดุก (Marduk) ในตำนานความเชื่อของชาวบาบิโลเนียนในเมโสโปเตเมีย ดินแดนลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรตีส ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดกำเนิดของอารยธรรมโลก บทกวีมหากาพย์ Enuma Elish ของบาบิโลเนียเล่าว่า มาร์ดุกต่อสู้ได้ชัยชนะเหนือมังกรเทียมัต (Tiamat) ชาวบาบิโลเนียนยกย่องบูชามาร์ดุกเป็นเทพเจ้าผู้สร้างจักรวาลและมนุษย์บนพื้นพิภพ เป็นผู้ลิขิตความเป็นไปของอาณาจักรและชะตาชีวิตของมนุษย์
    <o:p></o:p>
    ซิตชินใช้ตำนานความเชื่อนี้ นำมาสร้างทฤษฎีอธิบายว่า ดาวนิบิรุพุ่งชนกับดาวเคราะห์ดวงหนึ่งซึ่งโคจรอยู่ระหว่างวงโคจรของดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ให้ชื่อว่า เทียมัต ตามตำนานเทพเจ้า ชิ้นส่วนชิ้นใหญ่ต่อมาได้กลายเป็นโลกและดวงจันทร์ ซากที่เหลืออื่นๆ กลายเป็นดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง
    <o:p></o:p>
    เขาเชื่อว่าบนดาวนิบิรุได้เกิดเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น ชาวสุเมเรียนซึ่งยึดครองดินแดนทางใต้ของเมโสโปเตเมีย (ภายหลังคือบาบิโลเนีย) เรียกพวกเขาว่า อานุนนากี (Anunnaki) เป็นคนกลุ่มเดียวกับพวกเนฟิลิม (Nephilim) มนุษย์รูปร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ ซึ่งปรากฏในหนังสือปฐมกาล (Genesis) ของคัมภีร์ไบเบิล ภาคพันธสัญญาเดิม (Old Testament) ที่เล่าเรื่องพระเจ้าทรงสร้างโลกและมนุษย์
    <o:p></o:p>
    ซิตชิน เล่าว่า ชาวอานุนนากีเดินทางมาถึงโลกเพื่อสำรวจหาแร่ธาตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทองคำ และพบบนทวีปแอฟริกา ต่อมาชาวอานุนนากีได้สร้างมนุษย์โฮโมเซเปียนส์ (มนุษย์แบบปัจจุบัน) ขึ้นมา โดยดัดแปลงพันธุกรรมของโฮโมอีเรกตัส (Homo erectus) ซึ่งทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์
    <o:p></o:p>
    การสร้างมนุษย์ของอานุนนากีมีจุดประสงค์เพื่อเอามาเป็นทาสทำงานในเหมืองทองคำ ซิตชินเชื่อว่าผลกระทบจากการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ต่างดาว คือสาเหตุแห่งความพินาศของเมืองอูร์ (<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:smarttags" /><st1:City w:st="on"><st1:place w:st="on">Ur</st1:place></st1:City>) ในบาบิโลเนียเมื่อราว 2,000 ปีก่อนคริสตกาล ตามที่ปรากฏในบทกวีโบราณ ซิตชิน กล่าวว่า เรื่องของตนสอดคล้องกันกับข้อความในไบเบิล และคัมภีร์ไบเบิลเองก็มาจากบันทึกของชาวสุเมเรียน
    <o:p></o:p>
    ดาวเคราะห์เอกซ์ในทางดาราศาสตร์ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับดาวนิบิรุ และตัวซิตชินเองก็ไม่ได้ระบุว่าดาวนิบิรุของเขาจะกลับมาเมื่อใด แล้วเหตุใดจึงมีความเชื่อว่าดาวนิบิรุกำลังกลับมา? สัปดาห์หน้ามาติดตามกันต่อว่า การค้นพบวัตถุลึกลับเมื่อปีค.ศ. 1983 กับเรื่องเล่าของ แนนซี ลีเดอร์ จะตอบคำถามนี้ได้อย่างไร <o:p></o:p>

    ลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์กับบริวาร 11 ดวง ที่อยู่ทางซ้ายมือด้านบนของจารึกโดยชาวสุเมเรียนที่เก็บรักษาไว้ที่กรุงเบอร์ลิน เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในทฤษฎีดาวนิบิรุ
    <o:p></o:p>
    2012 : วันสิ้นโลก? (3)<o:p></o:p>
    หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ <o:p></o:p>
    รายงานโดย :วรเชษฐ์ บุญปลอด:<o:p></o:p>
    วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม .. 2552<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    สองตอนที่แล้วได้กล่าวถึงความเป็นมาของวันสิ้นสุดรอบปฏิทินมายาในปี ค.ศ. 2012 ซึ่งถูกนำมาอ้างว่าจะเป็นวันสิ้นโลก
    <o:p></o:p>
    การเรียงตัวกันระหว่างโลก ดวงอาทิตย์ กับศูนย์กลางดาราจักร ดาวเคราะห์เอกซ์ และทฤษฎีดาวนิบิรุ สัปดาห์นี้เราจะมารู้จักกับผู้เผยแพร่ความเชื่อว่าดาวนิบิรุกำลังกลับมาและจะเป็นภัยต่อโลก <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 97.5pt; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 1.5pt 1.5pt 1.5pt 1.5pt; mso-table-lspace: 2.25pt; mso-table-rspace: 2.25pt; mso-table-anchor-vertical: paragraph; mso-table-anchor-horizontal: column; mso-table-left: right; mso-table-top: middle" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=130 align=right border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 1.5pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 1.5pt; PADDING-BOTTOM: 1.5pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 1.5pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent"><v:shape id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 187.5pt; HEIGHT: 187.5pt; mso-wrap-distance-left: 2.25pt; mso-wrap-distance-top: 2.25pt; mso-wrap-distance-right: 2.25pt; mso-wrap-distance-bottom: 2.25pt" alt=" " type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\Apple\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image005.jpg" o:href="http://www.posttoday.com/medias/20090531/16395.jpg"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; PADDING-RIGHT: 1.5pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 1.5pt; PADDING-BOTTOM: 1.5pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 1.5pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: transparent">
    ดาวหางเฮล-บอปป์ วัตถุที่เคยถูกอ้างว่าไม่ใช่ดาวหาง แต่เป็นตัวเบี่ยงเบนความสนใจไปจากดาวเคราะห์เอกซ์ที่กำลังเข้ามาใกล้โลก (ภาพ : E. Kolmhofer, H. Raab)<o:p></o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แนนซี ลีเดอร์ <o:p></o:p>
    แนวคิดในคำพยากรณ์เรื่องดาวนิบิรุจะเข้ามาใกล้โลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เริ่มมาจากแนนซี ลีเดอร์ สตรีชาวอเมริกันคนหนึ่ง (ซึ่งจิตไม่ค่อยปกติ - ตามความเห็นของคนที่ไม่เชื่อเรื่องของเธอ) ลีเดอร์กล่าวอ้างว่าเมื่อตอนเป็นเด็ก เธอได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่เธอเรียกว่าซีตา (Zeta) มาจากระบบดาวเคราะห์รอบดาวฤกษ์ดวงหนึ่งในกลุ่มดาวตาข่าย และเมื่อเติบโตขึ้น ลีเดอร์อ้างว่ามนุษย์ต่างดาวได้ฝังอุปกรณ์บางอย่างไว้ในสมองของเธอ ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกับพวกซีตาได้
    <o:p></o:p>
    ค.ศ. 1995 สองปีก่อนที่ดาวหางเฮล-บอปป์ (Hale-Bopp) จะเคลื่อนเข้ามาใกล้โลกและดวงอาทิตย์ ลีเดอร์เริ่มเผยแพร่คำบอกเล่าที่อ้างว่าได้ฟังมาจากมนุษย์ต่างดาวลงในเว็บไซต์ เธอบอกว่าดาวหางเฮล-บอปป์ ซึ่งค้นพบในปีนั้น ที่จริงแล้วไม่ใช่ดาวหาง แต่เป็นโนวา ดาวฤกษ์ที่ถูกใช้สำหรับเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณชนไปจากดาวเคราะห์เอกซ์ ซึ่งเธอระบุว่ากำลังเข้ามาใกล้โลก <o:p></o:p>
    หลังดาวหางเฮล-บอปป์ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นดาวหาง

    แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นดาวหางที่สว่างที่สุดดวงหนึ่งในศตวรรษที่ผ่านมา ลีเดอร์ได้กล่าวอ้างต่อไปอีกว่าดาวเคราะห์เอกซ์ ซึ่งมีขนาดประมาณ 4 เท่าของโลก จะเข้ามาใกล้โลกในเดือนพ.ค. ค.ศ. 2003 ส่งผลให้โลกพลิกกลับขั้วและเกิดภัยพิบัติร้ายแรง นอกจากนั้นเธอได้เริ่มเชื่อมโยงดาวเคราะห์เอกซ์ของตนเข้ากับทฤษฎีดาวนิบิรุของเซคาราย ซิตชิน
    <o:p></o:p>
    การที่ลีเดอร์บอกว่าดาวเคราะห์เอกซ์ของเธอกับดาวนิบิรุของซิตชินเป็นดวงเดียวกัน และกำลังเข้ามาใกล้ นั่นย่อมขัดแย้งกับทฤษฎีของซิตชิน ซิตชินระบุว่าดาวนิบิรุมีคาบ 3,600 ปี หนังสือปี 2007 ของเขาเขียนไว้ว่าดาวนิบิรุเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งล่าสุดเมื่อราว 600 ปีก่อนคริสตกาล ดังนั้นต้องใช้เวลาอีกเกือบพันปีกว่าที่มันจะกลับมา (ถ้าดาวนิบิรุมีอยู่จริง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังขาพอๆ กับคำบอกเล่าของลีเดอร์) <o:p></o:p>
    วัตถุลึกลับ?
    <o:p></o:p>
    ข่าวชิ้นหนึ่งในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 1983 ได้ถูกลีเดอร์นำมาใช้เป็นหลักฐานสำคัญที่พยายามทำให้คนเชื่อว่าวัตถุที่นักดาราศาสตร์ค้นพบคือดาวเคราะห์เอกซ์หรือดาวนิบิรุ ข่าวนั้นระบุว่าดาวเทียมไอราส (Infrared Astronomical Satellite : IRAS) ซึ่งสำรวจท้องฟ้าในย่านอินฟราเรด ได้จับภาพวัตถุท้องฟ้าในกลุ่มดาวนายพราน และยังไม่ทราบแน่ชัดถึงธรรมชาติที่แท้จริงของมัน
    <o:p></o:p>
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่านักดาราศาสตร์ไม่ทราบว่าวัตถุปริศนานี้คืออะไร หากมันอยู่ในระบบสุริยะ มันก็อาจเป็นได้ทั้งดาวเคราะห์หรือดาวหางขนาดใหญ่ หากอยู่ไกลก็อาจเป็นดาวฤกษ์ที่กำลังเริ่มก่อตัวหรือกลุ่มแก๊สที่กำลังก่อตัวเป็นดาราจักร อย่างไรก็ตาม ในบทสัมภาษณ์ของรายงานข่าวชิ้นเดียวกันนี้ นักดาราศาสตร์ได้ให้ข้อมูลเท่าที่รู้ในขณะนั้นว่าวัตถุดังกล่าวมีอุณหภูมิไม่เกิน 40 เคลวิน ซึ่งนับว่าต่ำมาก ไม่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนตำแหน่ง จึงไม่น่าจะเป็นดาวหาง และถ้าใช่จะมีขนาดใหญ่เกินไป นักดาราศาสตร์ในทีมไอราสยังได้กล่าวไว้ด้วยว่าวัตถุนี้ไม่ได้กำลังเคลื่อนเข้ามาหาโลก และเชื่อว่าน่าจะเป็นดาราจักรที่อยู่ไกล
    <o:p></o:p>
    งานวิจัยทางดาราศาสตร์ ซึ่งเผยแพร่ในปี 1985 ได้ระบุว่า วัตถุปริศนาที่พบเมื่อปี 1983 ด้วยดาวเทียมไอราส แท้จริงมันก็คือดาราจักรที่อยู่ไกลมาก อีกส่วนหนึ่งเป็นโครงสร้างเส้นใยของฝุ่นและแก๊สระหว่างดาราจักร ไม่ใช่วัตถุในระบบสุริยะหรือในดาราจักรทางช้างเผือกด้วยซ้ำไป ถึงอย่างนั้น ลีเดอร์ก็คงไม่ได้สนใจติดตามว่าข้อเท็จจริงทางดาราศาสตร์ของวัตถุนั้นคืออะไร เพราะข่าวลือและคำกล่าวอ้างของเธอว่ามันคือดาวเคราะห์เอกซ์หรือนิบิรุได้จุดติด ทำให้คนส่วนหนึ่งหลงเชื่อไปแล้ว
    <o:p></o:p>
    เมื่อปี 2003 ผ่านพ้นไปโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอย่างที่ลีเดอร์ได้กล่าวไว้ เธอก็อ้างต่อไปอีกว่าดาวเคราะห์เอกซ์หรือนิบิรุจะกลับมาในปี 2010
    <o:p></o:p>
    กระแสความโด่งดังของวันสิ้นสุดปฏิทินมายาในเดือนธ.ค. 2012 ซึ่งได้รับความสนใจมาก ได้ทำให้มีนักเขียนอีกหลายคนเขียนหนังสือออกมาวางขาย ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการพยากรณ์วันสิ้นโลก 2012 ด้วยกันทั้งนั้น <o:p></o:p>
    สัปดาห์หน้าติดตามความเป็นมาของข่าวลือและคำพยากรณ์ว่าจะเกิดการพลิกขั้วของขั้วแม่เหล็กโลกและดวงอาทิตย์ ซึ่งได้กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ถูกนำมาเชื่อมโยงกับปี 2012 <o:p></o:p>

    บทความเรื่อง 2012: วันสิ้นโลก? (4)<o:p></o:p>
    หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ <o:p></o:p>
    รายงานโดย :วรเชษฐ์ บุญปลอด:<o:p></o:p>
    วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    บทความนี้ยังเป็นตอนต่อเนื่องจากกรณีที่มีผู้ปล่อยข่าวว่าวันที่ 21 ธ.ค. ปี ค.ศ. 2012 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดรอบปฏิทินมายาจะเป็นวันสิ้นโลก โดยชักแม่น้ำทั้งห้า อ้างเหตุผลต่างๆ หลายอย่างมาสนับสนุน ได้อธิบายความเป็นมาและข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ไปบางส่วนแล้ว สัปดาห์นี้มาถึงเรื่องของข่าวลือที่ว่าจะเกิดการพลิกขั้วแม่เหล็กโลกและดวงอาทิตย์ในปี 2012
    <o:p></o:p>
    เรื่องจากฟอร์เวิร์ดเมล <o:p></o:p>
    ฟอร์เวิร์ดเมลและข้อความเผยแพร่ตามเว็บบอร์ดต่างๆ ระบุว่าปี 2012 โลกและดวงอาทิตย์จะเกิดการพลิกขั้ว โดยอ้างอิงข่าวจากสื่อออนไลน์ <st1:place w:st="on"><st1:country-region w:st="on">India</st1:country-region></st1:place> Daily (India,Daily,News,Samachar,Bollywood,Politics,Sports,Computer) เผยแพร่วันที่ 1 มี.ค. 2005 ระบุว่ากลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ทั้งนักธรณีฟิสิกส์และดาราศาสตร์ฟิสิกส์ คาดว่าปี 2012 จะเกิดการพลิกขั้วแม่เหล็กโลก พื้นโลกบางแห่งจะไม่มีสนามแม่เหล็ก ประจวบกับเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์เกิดการสลับขั้วแม่เหล็กด้วยเช่นกัน
    <o:p></o:p>
    ข่าวนี้ระบุว่า องค์การนาซาได้ระงับความตื่นกลัวของสาธารณชนด้วยการให้ข้อมูลว่าการพลิกขั้วแม่เหล็กโลกจะไม่ทำให้สนามแม่เหล็กสูญสิ้นไปทั้งหมด (แต่ข้อความในฟอร์เวิร์ดเมล กลับทำให้เลวร้าย และเป็นเท็จ ระบุว่าองค์การนาซาเป็นผู้ออกข่าวเองว่าขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกในปี 2012 ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการแปลความหมายผิด และสับสนกับการสลับขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์)
    <o:p></o:p>
    สื่อออนไลน์ดังกล่าวอ้างว่าแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่ไฮเดอราบัด บ่งชี้ว่าการพลิกขั้วส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของสิ่งมีชีวิตลดลง เกิดภูเขาไฟ แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม สนามแม่เหล็กโลกอ่อนลงจนทำให้รังสีคอสมิกจากดวงอาทิตย์ทวีขึ้นหลายเท่า เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้เปลือกโลกเท่านั้นที่จะรอดจากมหันตภัยนี้ ดาวเคราะห์น้อยจะถูกดึงให้เข้ามาใกล้โลก แถมยังอ้างอีกว่าการพบเห็นยูเอฟโอบ่อยขึ้นในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ได้แสดงว่ามนุษย์ต่างดาวกำลังพยายามช่วยโลก
    <o:p></o:p>
    เนื้อข่าวต้นฉบับไม่มีการอ้างชื่อนักวิทยาศาสตร์หรือข้อมูลเชิงวิชาการใดๆ ที่พอจะเชื่อถือหรือสืบค้นได้ และเมื่อค้นดูข่าวในหมวดเดียวกันก็จะพบว่ามีข่าวหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปี 2012 ซึ่งล้วนมีลักษณะเดียวกัน คือไม่เคยระบุชื่อของนักวิทยาศาสตร์ หาแหล่งข่าวไม่ได้ ดูคล้ายหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ที่มักจะเขียนข่าวหวือหวาเพื่อเรียกความสนใจ <o:p></o:p>

    เรื่องจริงเรื่องขั้วพลิก <o:p></o:p>
    ตามหลักฐานทางธรณีวิทยาและการศึกษาธรรมชาติของดวงอาทิตย์ การสลับขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นจริงทั้งในโลกและดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์สลับขั้วบ่อยกว่าโลกมาก เฉลี่ยทุกๆ 11 ปี ซึ่งเกี่ยวข้องกับปริมาณจุดมืด (Sunspot) และกัมมันตภาพของดวงอาทิตย์ (Solar Activity) การพยากรณ์การพลิกขั้วแม่เหล็กดวงอาทิตย์ทำได้โดยอาศัยข้อมูลการสังเกตจุดมืดและสภาพทางแม่เหล็กบนผิวดวงอาทิตย์ <o:p></o:p>

    เมื่อเกิดการสลับขั้ว ดวงอาทิตย์จะมีกัมมันตภาพสูง มีจุดมืดจำนวนมาก และมักเกิดพายุสุริยะบ่อยกว่าช่วงสงบ ก่อนหน้านี้เคยมีการพยากรณ์ว่าดวงอาทิตย์จะสลับขั้วแม่เหล็กในปี 2012 ซึ่งทำให้เกิดการเชื่อมโยงกับคำพยากรณ์วันสิ้นโลกอย่างไรก็ตามจากที่ในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ดวงอาทิตย์แทบไม่มีจุดมืดมานาน นักดาราศาสตร์พยากรณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่าดวงอาทิตย์มีแนวโน้มจะสลับขั้วช้าลงกว่าที่คาดไว้ โดยอาจเกิดขึ้นในเดือนพ.ค. 2013 <o:p></o:p>

    กรณีของโลก ใจกลางโลกมีแกนชั้นในเป็นเหล็กแข็ง หมุนรอบตัวเอง และมีอุณหภูมิสูงมาก ห่อหุ้มด้วยแกนชั้นนอกที่เป็นเหล็กหลอมเหลว การเคลื่อนที่ของเหล็กหลอมเหลวในแกนชั้นนอก ทำให้อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าไหลวนไปรอบๆ เกิดสนามแม่เหล็ก พุ่งผ่านแกนเปลือกโลก และออกสู่อวกาศ สนามแม่เหล็กมีส่วนช่วยป้องกันลมสุริยะจากดวงอาทิตย์ แต่บางส่วนก็สามารถเบี่ยงเบนเข้าสู่บริเวณขั้ว ชนกับอะตอมในบรรยากาศโลก เกิดวงแสงเรืองบนท้องฟ้าที่เรียกว่าแสงเหนือใต้ (<st1:place w:st="on"><st1:City w:st="on">Aurora</st1:City></st1:place>) <o:p></o:p>

    ขั้วแม่เหล็กโลกอยู่ไม่คงที่ คริสต์ศตวรรษที่ 20 ตำแหน่งขั้วแม่เหล็กเหนือซึ่งปัจจุบันอยู่บริเวณประเทศแคนาดา เคลื่อนที่ด้วยอัตรา 10 กม./ปี แต่นักวิทยาศาสตร์พบว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ขั้วแม่เหล็กเหนือเคลื่อนเร็วขึ้นด้วยอัตรา 40 กม./ปี มีแนวโน้มว่าจะไปอยู่ที่ไซบีเรียภายในอีกไม่กี่สิบปี <o:p></o:p>

    ข้อมูลทางธรณีวิทยาบอกว่าโลกสลับขั้วแม่เหล็กกลับไปกลับมาเฉลี่ยทุกๆ 2.5 แสนปี ไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุว่าทำไมจึงเกิดการสลับขั้ว และไม่มีการสลับขั้วมานานแล้วราว 7.8 แสนปี อัตราการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกมีความไม่แน่นอนสูงมาก และใช้เวลาในกระบวนการสลับขั้วแต่ละครั้งนานนับพันปี เป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะสามารถพยากรณ์ได้ว่าโลกจะพลิกขั้วแม่เหล็กในปีใด ดังนั้นการอ้างว่าจะเกิดการพลิกขั้วในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 จึงไร้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ และที่ว่าการสลับขั้วแม่เหล็กโลกเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ ก็ไม่มีหลักฐานสนับสนุน <o:p></o:p>

    ส่วนที่ว่าเมื่อเกิดการสลับขั้วแล้ว โลกจะไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยแกลตซ์มายเยอร์ และพอล โรเบิร์ต นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ณ ซานตาครูซ พบว่าระหว่างที่มีการสลับขั้วแม่เหล็ก โลกจะยังมีสนามแม่เหล็กห่อหุ้มอยู่ เพียงแต่อ่อนลงและมีความปั่นป่วนมากขึ้น นอกจากนี้สนามแม่เหล็กโลกไม่ใช่สิ่งเดียวที่ช่วยปกป้องโลกจากรังสีและอนุภาคพลังงานสูงจากนอกโลก บรรยากาศโลกมีส่วนอย่างมากในการป้องกันโลกจากพายุสุริยะและรังสีคอสมิก ดังนั้นสรุปว่าไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใดๆ สนับสนุนว่าปี 2012 โลกจะพลิกขั้ว ไม่ว่าจะเป็นขั้วแม่เหล็กหรือขั้วทางภูมิศาสตร์ รวมทั้งของดวงอาทิตย์ <o:p></o:p>

     
  17. nutagul

    nutagul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +159
    เอาเถอะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม มีเกิดย่อมมีดับ เร่งทำความดีกันเถิด
     
  18. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ความเห็นส่วนตัว ห้ามเชื่อเพราะพิสูจน์ไม่ได้

    เท่าที่สังเกตตัวเองดู เดือนห้าเดือนหกนี้ไม่ค่อยฝันเตือนภัยอะไรเลย

    ผิดกับเมื่อปีที่แล้ว ที่จะฝันเห็นพญานาค, พระอินทร์, หลวงปู่ทวด, พระแม่ธรณี ฯลฯ มาให้เห็นในฝัน (เหมือนยังมีโอกาสเตือนได้อยู่)


    ตอนนี้ฝันล่าสุดที่ผ่านมา (นานแล้วเหมือนกัน) ไม่เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว จะฝันเห็นแต่อันตรายที่เข้ามาถึงตัวอย่างทันที และในฝันเราบอกกับตัวเองว่า ตายๆๆๆๆๆ (ถามว่าในฝันกลัวไหม ไม่กลัว แต่มีสติรู้ว่าจะต้องตายแน่ๆ)

    ต่อมา ไม่ได้ฝัน แต่เป็นสังหรณ์ขณะตื่นๆเป็นๆว่า มัวทำอะไรอยู่ (แปลว่ามัวหายใจทิ้งไปวันๆอยู่นั่นแหละ) ทำไมไม่รีบๆได้แล้ว (รีบเจริญสติ สำรวมกาย วาจา ใจ แผ่เมตตา ทรงพรหมวิหาร ทำเหมือนตัวเองบวช แต่เป็นการบวชที่ใจ) เวลาไม่มีเหลือแล้วนะ (ต้องเร่งทำความเพียรตลอด 24 ชั่วโมงได้แล้ว)

    แล้วก็รู้สึกมาสักพักว่า หมดการเตือนแล้ว หมดเวลาเตือนแล้ว เริ่มนับถอยหลังได้แล้ว


    ย้ำ ความเห็นส่วนตัว ห้ามเชื่อเพราะพิสูจน์ไม่ได้ (พอบอร์ดเริ่มคนเยอะก็มีทั้งแนวร่วมและแนวต้าน กลายเป็นบาดหมางขัดเคือง ผูกเวรก่อภพชาติกันอีกซะงั้น ไม่เอา)

    ส่วนท่านอื่นๆมีใครรู้สึกเหมือนกันบ้าง เราว่ามีหลายคนเลยแหละ
     
  19. amorthem

    amorthem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +130
    ใช่ครับๆ ผมก็ด้วยครับ ตอนแรกๆ ก็เป็นเหมือนกัน เหมือนมีอะไรมาเตือนว่า
    "ทำอะไรอยู่ หายใจทิ้งไปวันๆ เหรอไง" ประมาณนี้ล่ะครับ
    ที่จริงตัวผมก็เพิ่งรู้จักเว็บนี้เอง และก็ไม่เคยหาเกี่ยวกับเว็บแบบนี้เลยด้วย
    แต่เป็นอะไรก็ไม่รู้ 555+
     
  20. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    โมทนาบุญกับข้อมูลค่ะ .. แต่ทุกสิ่งในโลกนี้ย่อมเป็นไปตามกรรม
    ถ้าถึงที่ตายอยู่ที่ไหนก็ต้องตาย .. จงทำใจยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
    รีบเร่งทำบุญหาเสบียงไว้กันดีกว่า ..

    http://palungjit.org/threads/4-ก-ค52-เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก-2-ม-วัดคลอง-14-ค่ะ.188430/
     

แชร์หน้านี้

Loading...