“สุนทรภู่”มหากวีผู้มีไอแพดมาก่อนกาล/ปิ่น บุตรี

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 23 มิถุนายน 2012.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“สุนทรภู่”มหากวีผู้มีไอแพดมาก่อนกาล/ปิ่น บุตรี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ปิ่น บุตรี</TD><TD class=date vAlign=center align=left>21 มิถุนายน 2555 19:42 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT><IFRAME style="WIDTH: 116px; HEIGHT: 20px" class="twitter-share-button twitter-count-horizontal" title="Twitter Tweet Button" src="http://platform.twitter.com/widgets/tweet_button.1340179658.html#_=1340448108187&count=horizontal&id=twitter-widget-0&lang=en&original_referer=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FTravel%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000076470&size=m&text=%E2%80%9C%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%88%E2%80%9D%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%2F%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%20%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FTravel%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000076470&via=ASTVTravel" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME>

    Share51
    <SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js" gapi_processed="true"> {lang: 'th'}</SCRIPT><IFRAME style="POSITION: static; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; WIDTH: 90px; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 20px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=I1_1340448110687 title=+1 tabIndex=0 marginHeight=0 src="https://plusone.google.com/_/+1/fastbutton?bsv=pr&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FTravel%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000076470&size=medium&count=true&origin=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&hl=th&jsh=m%3B%2F_%2Fapps-static%2F_%2Fjs%2Fgapi%2F__features__%2Frt%3Dj%2Fver%3DLxJI_Gz_NH0.th.%2Fsv%3D1%2Fam%3D!rFmBCPi40VqIDfp2cA%2Fd%3D1%2Frs%3DAItRSTMA6CUw3qfAvffZ7KLX0s1MLkyTjw#id=I1_1340448110687&parent=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&rpctoken=544696073&_methods=onPlusOne%2C_ready%2C_close%2C_open%2C_resizeMe%2C_renderstart" frameBorder=0 width="100%" allowTransparency name=I1_1340448110687 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME>

    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 35px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrshort.aspx?NewsID=9550000076470&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สุนทรภู่ มหากวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สุนทรภู่ครูกวีมีชื่อนัก
    ว่าเมาเหล้าเมารักเมาอักษร
    ทั้งสามเมาเข้าสิงอิง“สุนทร”
    ไม่มีวันพักผ่อนหย่อนกายใจ
    ถ้าไม่เมาสุราหรือนารี
    ก็เมาการกวีเป็นที่หมาย
    ในชีวิตตั้งแต่ต้นจนถึงปลาย
    “ภู่”ไม่วายว่างเว้นเป็นคนเมา...
    กลอนโดย : “พระราชธรรมนิเทศ”

    2 บทแรกจากกลอนสรุปชีวประวัติสุนทรภู่ โดย“พระราชธรรมนิเทศ”ที่ร้อยรจนาออกมาได้เห็นภาพเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องของการเมาเหล้าเพราะในวันลืมตาดูโลกของท่านสุนทรภู่ที่ตรงกับ วันจันทร์ เดือน 8 ปีมะเมีย จุลศักราช 1148 หรือตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 เวลาประมาณ 2 โมงเช้า ซึ่งโหรได้ผูกดวงว่าท่านเป็นผู้ที่มี “อาลักษณ์ขี้เมา”(เรื่องนี้บางคนเชื่อว่าอาจจะมีการมาแต่งเติมกันภายหลังตามลักษณะนิสัยคนชอบดื่มของสุนทรภู่)

    สำหรับสุนทรภู่ หรือ “พระสุนทรโวหาร” เป็นบุตรชายของนางช้อย(สันนิษฐานว่าเป็นชาวเมืองฉะเชิงเทรา)และนายพลับหรือขุนศรีสังหาร ชาวบ้านกร่ำ เมืองแกลง จ.ระยอง ท่านถือกำเนิดที่ย่านบางกอกน้อย(อาจจะแถวๆริมคลองบางกอกน้อย)ธนบุรี โดยบิดา มารดา ได้ตั้งชื่อให้ว่า“ภู่”

    ในช่วงวัยรุ่นนายภู่ได้ฉายแววความเป็นยอดนักกวีเอก เริ่มมีชื่อเสียงด้านเจ้าบทเจ้ากลอน แต่งเพลงยาว และเขียนจดหมายรักได้หวานนัก ถึงขนาดมีคนมาจ้างวานและมีลูกศิษย์ลูกหามาฝากตัว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อนุสาวรีย์สุนทรภู่ที่ระยอง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากจะมีพรสวรรค์ด้านการกวีและมีอาลักษณ์ขี้เมาเป็นนักดื่มชั้นเซียนแล้ว เรื่องเจ้าชู้นายภู่ก็ไม่ยิ่งหย่อน ในช่วงวัยรุ่นเขาได้พบรักกับ “แม่จัน” ผู้เป็นนางข้าหลวงในวังหลัง

    แต่ความรักระหว่างนายภู่กับแม่จันในช่วงแรกเป็นรักที่อาภัพ เพราะการเอื้อมเด็กดอกฟ้าของนายภู่ เมื่อความทราบถึงสมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ กรมพระราชวังหลัง พระองค์ทรงกริ้ว รับสั่งให้นำนายภู่และแม่จันไปจองจำ แต่ทั้งคู่ถูกจองจำอยู่ได้ไม่นาน สมเจ้าฟ้าฯวังหลังก็เสด็จทิวงคต ทำให้นายภู่และแม่จันพ้นโทษออกมาเป็นอิสระ เพราะสมัยนั้นมีประเพณีแต่โบราณที่จะมีการปล่อยนักโทษ หลังพระมหากษัตริย์เสด็จสวรรคตหรือพระราชวงศ์ชั้นสูงเสด็จทิวงคต เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศล

    เมื่อสุนทรภู่พ้นโทษท่านได้เดินทางไปหาบิดาของตัวเองที่บวชอยู่ที่วัดป่าบ้านกร่ำ แห่งบ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัดระยอง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350><TBODY><TR><TD vAlign=top width=350 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นางเงือก 1 ในตัวละครสำคัญในวรรณคดีพระอภัยมณี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> การเดินทางไปหาพ่อของสุนทรภู่ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าไปทำไม ทำให้มีเกิดการตีความแบ่งเป็น 3 สายหลัก

    สายแรก สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่าสุนทรภู่น่าจะเดินทางไปบวชที่บ้านพ่อ เพราะช่วงนั้นอายุครบ 20 ปีพอดี อีกทั้งยังเพิ่งพ้นโทษมาจึงเป็นการดีที่จะบวช(ตามภาษาชาวบ้านเรียกว่า “บวชล้างซวย”

    สายที่สอง “ดำรง เฉลิมวงศ์” ผู้เขียนเรื่อง “สุนทรภู่แนวใหม่” เชื่อว่าสุนทรภู่กลับไปหาพ่อเพื่อขอเงินนำมาแต่งงานกับแม่จันสาวคนรัก

    สายที่สาม “ปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ” ผู้เขียนหนังสือ “เที่ยวไปกับสุนทรภู่” ตั้งข้อสังเกตว่าสุนทรภู่น่าจะไปปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งของเข้านายมากกว่า โดยภารกิจนั้นอยู่ที่บางปลาสร้อย(ชลบุรี) จากนั้นจึงเดินทางต่อเพื่อไปเยี่ยมพ่อที่ระยอง

    พูดถึงการไประยองแล้ว สมัยนี้จากกรุงเทพฯใช้เวลาแค่ 2-3 ชั่วโมง แต่สมัยนั้นใช้เวลาหลายวัน โดยพาหนะหลักๆที่สุนทรภู่กับเพื่อนร่วมทางให้สัญจรไปก็คือเรือ ซึ่งการเดินทางที่ต้องรอนแรมนานๆ สุนทรภู่ผู้ที่มีกวีอยู่ในหัวใจ ยามต้องเปลี่ยวสุดเหงาจากการต้องจากแม่จันคนรักมา จึงแต่งบทกลอนนิราศบันทึกอารมณ์และการเดินทาง เกิดเป็น “นิราศเมืองแกลง” ขึ้น

    นิราศเมืองแกลงเป็นนิราศเรื่องแรกของสุนทรภู่ แต่งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2349 ถือเป็นนิราศเรื่องยาวที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งสุนทรภู่เขียนพรรณนาอารมณ์ และบรรยากาศในการรอนแรมเดินทางไว้ค่อนข้างละเอียด สำนวนกลอนที่ใช้ถือเป็นต้นตำรับของกลอนตลาดแท้ คือไม่ค่อยมีศัพท์แสงสูงส่งหรูหรา แต่เป็นภาษาสามัญชนที่ฟังแล้วเข้าใจง่าย เห็นภาพอย่างชัดแจ้ง ดังตัวอย่างของบทกลอนแสนอาลัยดังความว่า

    พี่จากไปได้แต่รักมาฝากน้อง
    มากกว่าของอื่นอื่นสักหมื่นแสน
    พอเป็นคำผ้าห่มที่ชมแทน
    อย่าเคืองแค้นเลยที่ฉันไม่ทันลา

    หรือช่วงที่ต้องเดินทางเข้าป่าสุนทรภู่สามารถบรรยายได้อย่างเห็นภาพ

    กระโดดเผาะเกาะผับกระหยับคืบ
    ถีบกระทืบมิใครหลุดสุดแสยง
    ปลดที่ตีนติดขาระอาแรง
    ทั้งขาแข้งเลือดโซมชโลมไป

    หรืออีกหนึ่งตัวอย่าง

    มันเห็นหน้าทำตากระปริบนิ่ง
    เห็นหลายสิ่งคอคางทั้งหางหัว
    รู้ว่าแรดกินหนามให้คร้ามกลัว
    ขยับตัววิ่งพัลวันไป

    จากกลอน 2 บทที่บอกเล่าในช่วงเดินป่าแถบไม่น่าเชื่อว่าจากกรุงเทพฯไประยองจะมีป่าดิบชนิดมีแรดอาศัยอยู่แถมอุดมไปด้วยทากอีกต่างหาก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รูปปั้นพระอภัยมณีกับนางเงือกที่เกาะเสม็ด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อนึ่งการมากลับมาเยี่ยมบิดาที่เมืองแกลงครั้งนี้ ได้ก่อให้เกิดความเชื่อตกทอดมาจนถึงรุ่นปัจจุบันว่า เกาะเสม็ด จ.ระยอง คือ เกาะแก้วพิสดาร ในวรรณคดีไทยสุดคลาสสิคเรื่อง “พระอภัยมณี” ซึ่งหากใครเคยไปเดินเที่ยวหาดทรายแก้ว บนเกาะเสม็ดก็คงจะสะดุดตากับรูปปั้นนางเงือกและพระอภัยมณีที่เขาสร้างไว้เป็นดังการการันตีว่า ที่นี่คือเกาะแก้วพิสดาร เพราะจะว่าไปมันดูสอดคล้องกับการมาระยองของสุนทรภู่ว่าท่านอาจเคยมาเห็นความงดงามของเกาะเสม็ดจนเกิดเป็นแรงบันดาลใจนำไปเป็นฉากสำคัญในพระอภัยมณีก็เป็นได้

    โดยช่วงที่สุนทรภู่มาเมืองแกลงนั้นมีบทกลอนที่ท่านรำพันออกมาว่า “..มาอยู่บ้านกร่ำระกำใจ ชวนกันไปชมทะเลทุกเวลา...” ซึ่งสถานที่ที่เชื่อว่าสุนทรภู่ท่านชอบมานั่งมองทะเลก็คือบริเวณปลายแหลมแม่พิมนั่นเอง

    ส่วนเกาะแก้วพิสดารที่หลายคนเข้าใจว่า คือเกาะเสม็ดนั้น ในเรื่อง “ภูมิศาสตร์สุนทรภู่” ที่เขียนโดยขุนวิจิตรมาตรา หรือ กาญจนาคพันธุ์ มีข้อมูลแย้งว่า ฉากเกาะต่างๆในเรื่องพระอภัยมณีนั้นมาจากทะเลอันดามัน ไม่ใช่ทะเลในแถบระยองแต่อย่างใด

    เรื่องนี้ใครจะเชื่ออย่างไรก็สุดแท้แต่ แต่ที่แน่ๆเกาะเสม็ดทุกวันโด่งดังฮอตฮิตชนิดถ้ามีนางเงือก นางยักษ์ผีเสื้อสมุทรอยู่จริง คงจะทนไม่ไหวต้องอพยพย้ายถิ่นหนีความเจริญอันเกินควบคุมเป็นแน่แท้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350><TBODY><TR><TD vAlign=top width=350 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพสุนทรภู่ที่โพสต์ในโลกไซเบอร์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> กลับมาที่บนฝั่งเมืองแกลงกันต่อ สำหรับการมาระยองของสุนทรภู่ในครั้งนั้น หลังเวลาผ่านพ้นไปกว่า 100 ปี ทางจังหวัดระยองได้รำลึกถึงท่านด้วยการดำเนินการจัดสร้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ขึ้น ในปี พ.ศ. 2498 ในบริเวณวัดป่ากร่ำ(ที่กลายเป็นวัดร้าง) ต.บ้านกร่ำ เมืองแกลง ซึ่งเป็นการก่อสร้างที่กินเวลายาวนานมาก เพราะช่วงหนึ่งการก่อสร้างถูกทิ้งค้างเติ่งอยู่กว่า 10 ปีจนถึงปี พ.ศ.2511ผู้ว่าฯระยองยุคนั้นคือนายวิทยา เกษรเสาวภาค ได้เปิดรับบริจาคเงินทั่วประเทศเพื่อดำเนินการก่อสร้างต่อ ทำให้อนุสาวรีย์สุนทรภู่ก่อสร้างจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2513

    นอกจากอนุสาวรีย์สุนทรภู่แล้ว จังหวัดระยองในปัจจุบันยังเชิดชูบรมครูกวีสุนทรภู่ด้วยการยกย่องท่านไว้ในคำขวัญจังหวัด ดังความว่า “ผลไม้รสล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก” ไม่เพียงเท่านั้นจังหวัดระยองยังมีการจัดงานรำลึกถึงสุนทรภู่ในทุกๆปี ในช่วงวันคล้ายวันเกิดของท่าน(26 มิ.ย.)ในทุกๆปี

    ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ยุคหนึ่งหลายๆคนเกิดความสับสนว่า สุนทรภู่ท่านเป็นคนระยอง เกิดที่ระยอง ก่อนที่ผู้รู้ทั้งหลายจะได้เผยแพร่ข้อมูลให้คนในยุคเราๆท่านๆได้รับรู้กันว่า แท้ที่จริงแล้วสุนทรภู่ท่านเกิดที่ย่านบางกอกน้อย ธนบุรี นั่นเอง

    อย่างไรก็ตามความที่จังหวัดระยองให้เกียรติยกย่องสุนทรภู่ด้วยการสร้างอนุสาวรีย์อย่างยิ่งใหญ่ไว้ในเมืองแกลง อานิสงส์ของบรมครูกวีได้ทำให้ทุกวันนี้ “อนุสาวรีย์สุนทรภู่” กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของระยอง

    อนุสาวรีย์สุนทรภู่ เป็นสวนหย่อมสถานที่ท่องเที่ยวของคนต่างถิ่น และสถานที่พักผ่อนของชาวเมืองระยอง มีรูปปั้นของบรมครูกวีสุนทรภู่ตั้งเด่นอยู่บนเนินหญ้าสีเขียวในท่วงท่าที่ทั่งน่าอย่างสง่าในมือซ้ายถือกระดานชนวน ซึ่งกลายภาพโพสต์กันทั่วไปในโลกไซเบอร์ว่าท่านนั้นใช้ไอแพดมาก่อนพวกฝรั่งเสียอีก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผู้คนเดินทางมาสักการะรูปปั้นสุนทรภู่</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> แม้สุนทรภู่จะมีฐานะเป็นยอดกวีระดับโลก แต่สำหรับที่นี่ท่านมีอีกหนึ่งบริบทเป็น“สิ่งศักดิ์สิทธิ์” หรือ “ปูชนียบุคคลศักดิ์สิทธิ์” มีใครและใครหลายคนเดินทางมากราบไหว้ สักการบูชาไม่ว่างเว้น

    โดยชาวบ้านที่นี่นิยมเรียกท่านว่า “พ่อปู่ภู่” ซึ่งผมได้สอบถามคุณป้าผู้ทำหน้าที่ดูแล ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุนทรภู่ของที่นี่ บอกกับผมว่า พ่อปู่ภู่ท่านเด่นการงาน การศึกษา ขอให้สอบได้ ขอให้สอบเข้าทำงานได้ โดยเฉพาะงานราชการ ส่วนรองลงมาก็คือเรื่องของคู่ครอง แต่ก็มีหลายคนที่มาขอพรเรื่องอื่นแล้วสมหวังกับไป

    สำหรับเรื่องนี้ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ใครจะคิดอย่างไรก็สุดแท้แต่ แต่สิ่งหนึ่งก็คือเราควรเคารพในความเชื่อที่แตกต่างของคนอื่น ถ้าความเชื่อนั้นไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และไม่ได้เป็นผลร้ายต่อสังคม ประเทศชาติ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รูปปั้นนางยักษ์ด้านหน้าลานอนุสาวรีย์สุนทรภู่</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากรูปปั้นสุนทรภู่ที่เป็นดังจุดศูนย์รวมหลักของพื้นที่แล้ว รอบๆท่านยังมีสิ่งน่าสนใจอย่าง รูปปั้นพระอภัยมณีเป่าที่ที่ด้านหน้าท่าน รูปปั้นผีเสื้อสมุทร นางเงือก ในสระน้ำ หลักมุดกวี และเหล่ารูปปั้น(คนละสไตล์กับรูปปั้นที่กล่าวมาข้างต้น) ตัวละครสำคัญในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีที่ด้านหน้าลานอนุสาวรีย์ ซึ่งตั้งเด่นด้วยรูปปั้นนางยักษ์ขนาดใหญ่มือขวาถือตะบอง มือซ้ายอุ้มพระอภัยมณีไว้ในซอกอกที่สาวๆหลายคนเห็นแล้วอย่างมีอกคัพนี้บางจัง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขอกอดชีเปลือยดาวดังหน่อย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ขณะที่ใกล้ๆกันก็มีรูปสินสมุทรและชีเปลือย

    ชีเปลือยนั้นแม้จะเป็นตัวโกง แต่จากเห็นเขาถือเป็นรูปปั้นดาวเด่นรูปหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปคู่เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะบรรดาสาวๆทั้งหลาย ที่บางคนยามเมื่อมาถ่ายรูปคู่กับชีเปลือยไปก็“กรี๊ด”ไป ปานประหนึ่งว่าเธอเชียร์ทีม “กรีซ”ในยูโร 2012

    สำหรับเหตุผลที่ชีเปลือยเป็นดาวดังดาราหน้ากล้องเหนือตัวละครอื่นๆในที่นี้นั่นก็เป็นเพราะ ชีเปลือยไม่นุ่งผ้าแถมยังมีอาวุธห้อยโต่งเต่งโผล่แหลมออกมา ให้สาวๆที่เห็นได้อายม้วนหน้าแดงกัน

    แต่ประทานโทษ!?! แม้จะอายหน้าม้านแต่พวกเธอหลายคนก็ยังชื่นชมชอบถ่ายรูปกับชีเปลือยอยู่ดี

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. baimaingam

    baimaingam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    634
    ค่าพลัง:
    +880
    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ....
    ...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...
     

แชร์หน้านี้

Loading...