ไหว้ 3 พระธาตุ...แผ่นดินล้านนา

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย phuang, 8 มกราคม 2006.

  1. phuang

    phuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,033
    ค่าพลัง:
    +10,043
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#cccc99 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>ปีหนึ่ง ๆ ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ใครที่กำลังมองหากิจกรรมดีดีทำเพื่อต้อนรับปีใหม่ เราขอแนะนำการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน ซึ่งก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ยิ่งถ้าเป็นสถานที่ที่เรากำลังจะมาแนะนำกันเนี่ยรับรองว่าน่าสนใจ มากเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเดินทางครั้งเดียวได้ครบทั้งความสุขทางกายและทางใจ แถมได้เพิ่มความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองต้อนรับสิ่งดีดี ที่จะเกิดตามมาหลังปีใหม่นี้อีกด้วย เส้นทางที่เราจะแนะนำกันก็คือ "ไหว้ 3 พระธาตุ...แผ่นดินล้านนา" เอ่ยแค่นี้ก็คงพอจะทราบกันแล้วนะคะ ว่าทริปนี้ของเรา ก็จะต้องอยู่ในภาคเหนือดินแดนล้านนานั่นเอง พระธาตุที่เราจะแนะนำกันในคราวนี้ล้วนแล้วแต่เป็นพระธาตุที่มีชื่อเสียง และสวยงามที่สุด ในเขตล้านนาเลยทีเดียว แถมแต่ละที่ยังมีความเชื่อต่าง ๆ กันไปอีกด้วย
    แต่ก่อนอื่นหลายคนคงเคยได้ยินกันมาแล้วว่ามีข้อห้ามข้อหนึ่งที่บอกว่า "ห้ามผู้หญิงเข้าไปในเขตพระธาตุ ชั้นใน" ซึ่งเรื่องนี้แท้ที่จริงแล้วก็ไม่ได้เป็นเรื่องของการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงแต่อย่างไร ตรงกันข้าม หากเรารู้เหตุผลของ การห้ามนี้แล้วล่ะก็รับรองว่าทุกคนก็จะต้องยอมรับและเห็นด้วยที่จะไม่เข้าไปในเขตพระธาตุชั้นใน
    เหตุผลก็มีอยู่ว่า พระธาตุ หรือพระเจดีย์ธาตุ นั้นหมายถึงที่ซึ่งประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ภายใน ซึ่งพระธาตุส่วนใหญ่นิยมที่จะประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใต้พื้นดิน

    เหตุนี้เองทำให้เกิดข้อห้ามมิให้สตรีเข้าไปในเขตพระธาตุชั้นใน ในช่วงที่มีรอบเดือน เพราะว่ากันว่า สตรีช่วงที่มีรอบเดือนจะเป็นช่วงที่มีความสกปรกสะสมอยู่มาก เมื่อนำความสกปรกไปเหยียบย่ำอยู่เหนือ พระพระบรมสารีริกธาตุซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สูงส่งและดีงาม จึงไม่เป็นการเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าสตรีอาจจะทำให้พระธาตุ หรือของขลังต่าง ๆ เสื่อมลงได้ แต่เมื่อไม่สามารถแยกแยะด้วยตาได้ว่าช่วงไหน สตรีคนใด มีรอบเดือนหรือไม่ จึงเป็นที่มาของข้อห้ามมิให้สตรี เข้าในเขต พระธาตุชั้นในทั้งหมดในที่สุด
    เมื่อเพื่อน ๆ ทราบเหตุผลอย่างนี้แล้ว ก็คงจะหายข้องใจ และเห็นด้วยนะคะที่จะไม่ก้าวล่วงเข้าในเขตหวงห้าม ที่สำคัญการบูชา หรือสักการะแต่เพียงภายนอก ก็ไม่ได้ทำให้เราได้บุญ หรือได้ความสงบ ความสุขทางใจ ที่ลดน้อยลงไปเลย
    สำหรับในดินแดนภาคเหนือของไทยเรายังมีคติความเชื่อเรื่องการบูชาพระบรมธาตุ ปรากฏเป็นประเพณีการชุธาตุหรือ การไหว้พระธาตุประจำปีเกิด โดยเชื่อกันว่าครั้งหนึ่งในชีวิต ควรมีโอกาสเดินทางไปไหว้พระธาตุประจำวันเกิดของตนเอง อย่างน้อยหนึ่งครั้ง
    ซึ่งถ้าใครอยากทราบว่าคนเกิดปีไหน ต้องไหว้พระธาตุที่ใด ก็กลับไปอ่านรายละเอียดทั้งหมดที่ได้โดยคลิกที่นี่เลยค่ะ
    ต่อจากนี้ไปเราก็เริ่มมาเดินทางไปนมัสการพระธาตุกันเลยดีกว่า ตามมาเลยค่ะ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เริ่มจากที่แรก จังหวัดลำปาง วัดพระธาตุลำปางหลวง ที่นี่เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของเกิดปีฉลูค่ะ
    ตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงมอบพระเกศาธาตุให้ชาวลัวะผู้หนึ่งชื่อกอน ลั๊วะกอนได้สร้างพระสถูปเจดีย์สูงเจ็ดศอก เพื่อบรรจุพระเกศาธาตุไว้ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๑๘ ได้มีพระอรหันต์สององค์คือ พระกุมารกัสสปะ ได้นำเอาพระอัฐิธาตุพระนลาตข้างขวา และพระเมฆิยะ ได้นำเอาอัฐิธาตุลำคอ มาบรรจุไว้ในพระสถูปเจดีย์ไว้อีก พระสถูปเจดีย์องค์นี้ได้มีการสร้างเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง สำหรับองค์ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ได้สร้างเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๓๐๙ โดยเจ้าเมืองหาญศรีธัตถะมหาสุรมนตรี ภายในวัดมีสิ่งน่าชมมากมาย ได้แก่ วิหารพระพุทธ เป็นวิหารไม้แบบล้านนา ที่ตกแต่งด้วยลายคำคือลายทองบนพื้นแดง และภายในสามารถเห็นภาพเงาพระธาตุที่ลอดผ่านรูเล็ก ๆ บนผนังโบสถ์ ปรากฏเป็นภาพบนผืนผ้าอย่างน่าอัศจรรย์ ที่แปลกยิ่งขึ้นไปอีกก็ตรงที่ เงา พระธาตุที่เห็นนั้นมีสีสันแบบเดียวกับของจริง แถมยังตั้งตรงในมุมที่ถูกต้องไม่กลับหัวเหมือนเงาทั่ว ๆ ไป นี่แหละหนึ่งใน UNSEEN IN THAILAND
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>แห่งที่สองที่เราจะต้องแวะไปสักการะก็คือ วัด พระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน ที่นี่เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีระกาค่ะ
    พระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน เป็นปูชยสถานที่สำคัญยิ่งอีกแห่งหนึ่งของดินแดนล้านนาไทย มาแต่โบราณกาล ประมาณหนึ่งพันปีมาแล้ว บรรดาเจ้านครต่าง ๆ ในดินแดนส่วนนี้ได้มีความเคารพนับถือและศรัทธา ได้รับภาระในการปฏิสังขรณ์กันต่อมาจนถึงทุกวันนี้ องค์พระธาตุเป็นรูปทรงแบบลังกา ฝีมือประนีต และมีความคงทนถาวรมาก
    ตามประวัติกล่าวว่า เมื่อปี พ.ศ. ๑๔๔๐ พระเจ้าอาทิตยราช กษัตริย์วงค์รามัญผู้ครองนครลำพูน เป็นลำดับที่ ๓๓ มีศรัทธาเลื่อมใสในพุทธศาสนาอย่างยิ่ง ได้ทรงรับเอาพระพุทธศาสนาจากเมืองมอญ มาประดิษฐานที่นครลำพูน และได้ทรงสร้างพระมณฑป เพื่อประดิษฐานพระบรมธาตุ สูงสามวา มีซุ้มทั้งสี่ด้าน ครอบโกศสูงสามศอก แล้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน ดังนั้นจึงเป็นที่รู้กันทั่วไปว่า บรรดาบ้านเรือนในนครลำพูน จะต้องสร้างไม่ให้สูงเกินสามศอก เพื่อให้สูงกว่าองค์พระบรมธาตุ ปัจจุบัน วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก วัดนี้มีกำแพงสองชั้น เป็นกำแพงรอบบริเวณวัดชั้นนอก และกำแพงทำเป็นศาลาบาตรรอบองค์พระธาตุ เป็นกำแพงชั้นใน องค์พระธาตุเจดีย์มีสินติบัญชรสองชั้น สำเภาทองตั้งอยู่ประจำรั้วชั้นนอก ทั้งด้านทิศเหนือและทิศใต้ มีซุ้มกุมภัณฑ์ และฉัตรประจำสี่มุม กับหอยอดประจำทุกด้าน รวมสี่หอ มีพระพุทธรูปประจำอยู่ทุกหอ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>แห่งสุดท้ายของเส้นทาง "ไหว้ 3 พระธาตุ แผ่นดินล้านนา" ก็คงจะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจาก พระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่
    พระบรมธาตุดอยสุเทพเป็นปูชนียสถานที่สำคัญยิ่งของเมืองเชียงใหม่ ประดิษฐานอยู่บนดอยสุเทพ สูงจากระดับน้ำทะเล ๑๐๐๐ เมตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตัวเมือง ห่างจากตัวเมืองเก่าประมาณ ๑๐ กิโลเมตรและเมื่อขึ้นไปอยู่ที่พระบรมธาตุ ก็จะเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ได้ทั้งหมด มีบันไดนาคเจ็ดเศียรทอดจากทางขึ้นไปถึงซุ้มประตูวัด จำนวน ๓๐๐ ขั้น ครูบาศรีวิชัยได้บอกบุญชักชวนชาวเหนือ ให้ช่วยกันสร้างถนนจากเชิงดอยไปจนถึงยอดดอย ณ ที่ตั้งพระบรมธาตุ
    ตามตำนานกล่าวว่า พระบรมธาตุนี้ได้ทำปาฏิหาริย์แยกเป็นสององค์ องค์หนึ่งประดิษฐานที่วัดบุปผาราม อีกองค์หนึ่งพญากือนาได้อาราธนาสถิตเหนือช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายที่ประดิษฐาน ช้างมงคลเดินขึ้นมาถึงยอดดอยสุเทพ แล้วร้องสามครั้ง ทำทักษิณาวรรตสามรอบ แล้วล้ม (ตาย) ลง ภายหลังอัญเชิญพระบรมธาตุลงมา พญากือนาให้ขุดหลุมประดิษฐานพระบรมธาตุและก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ต่อมาปี พ.ศ.2081 สมัยพระเมืองเกษเกล้า ได้ก่อเป็นพระเจดีย์สูงใหญ่สีทองเช่นทุกวันนี้ องค์พระบรมธาตุประดิษฐานอยู่ใต้ดินลึกลงไป ๘ ศอก ดังนั้นจึงห้ามมิให้สตรี เข้าไปภายในฐานเจดีย์ และก่อนที่จะเข้าสู่ภายในบริเวณองค์พระบรมธาตุ ต้องถอดรองเท้าไว้ที่เชิงบันไดเสียก่อน มีความเชื่อว่าหากบูชาพระธาตุในทิศทั้งสี่แล้วจะทำให้มีสติปัญญาดี
    หากวันหยุดช่วงปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ ใครเลือกที่จะเดินทางไปพักผ่อนที่ภาคเหนือ ก็จะอย่าลืมแวะสักการะพระธาตุ ทั้งสามแห่งนี้ด้วยนะคะ นอกจากความสุขทางใจ และความเป็นสิริมงคลที่เราจะได้รับกลับไปแล้ว เราก็ยังจะได้เห็นศิลปะอันเก่าแก่ที่สวยงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งกลับไปด้วย รับรองว่าจะทำให้ปีใหม่ปีนี้ของคุณจะเป็นปีใหม่ ที่มีความหมายมากขึ้นทีเดียว
    คราวหน้ามาติดตามกันต่อว่า มาเหนือคราวนี้นอกจากจะได้บุญแล้ว ยังมีอะไรดี ๆ ให้คุณได้รับกลับไปอีกมากมาย รออ่านกันตอนหน้านะคะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...