ไม่รู้ก็ถามเรื่องผีเรื่องวิญญานในชั้นศีลธรรม

นอกเรื่องการบรรลุมรรคผล-นิพพาน ไม่ใช่เรื่องวิจิกิจฉาหรือวิญญานในผัสสะหรือ อวิชชา ในทางศึกษาเเต่เป็นเรื่องที่คาใจในระดับจิตประถมของผม ผมสงสัยว่าในอดีตเเต่เล็กจนถึงเมื่อสามปีก่อนผมเห็น ตัวคน-ผี-เทวดา-วิญญาน สุดเเล้วเเต่จะเรียก นั้นปรากฎให้ผมเห็นระยะประชิดทั้งตอนตื่นเเละตอนใกล้หลับ รวมกันมาก็ 6 ครั้งในชีวิตเเล้ว เเต่หยุดไม่มาให้เห็นสามปีเเล้ว ผมอยากรู้ เเละอยากเข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร สรุปว่าผี-เทวดานั้นมีจริงหรือ ผมยังไม่เชื่อตัวเองเเละสิ่งที่ผมเห็น เเละผมก็ไม่เชื่อกับคำสมมุติที่คนสร้างปรุงเเต่งขึ้นมา ที่เรียกสิ่งเหล่านี้ว่า ผี-เทวดา ว่าเป็นสิ่งนั้นๆ เเม้ว่าไตรลักษณ์ของธรรมนั้นเข้าใจได้ด้วยหลักการเเต่ "คำถามยังคงอยู่"
ถ้าเป็นจิตที่มาจากกอง อวิชชา ภายใต้กระเเสปฎิจสมุปปบาท ก็น่าจะเห็นจากภายในจิตหรือในขณะหลับไม่มีสติ ไม่น่าจะเห็นด้วยจากตาเปล่าเเละ
ไม่น่าจะเห็นขณะที่ตื่นครบถ้วนด้วยสติ (เกิดขึ้นตั้งอยู่หายไป เห็นคนเดียว รู้คนเดียวก็ไม่มีความหมายอะไร ก็ไม่ใส่ใจ เเต่คาใจเมื่อนึกถึงเป็นว่ากูเห็น กูเห็นอะไร)

 

ใช่ สติ พิจารณา สังขาร ดูครับ ถ้าเห็นได้ขณะนี้ เอาตัวเราเองนิละครับ จะได้ อานาปานสติ มันละเอียจ มากครับ ใช่ สติพิจารณา ให้ ละเอียจเหมือน เม็ด ทราย ครับ

กอน นั่ง สมาธิ พิจารณา สังขาร ใช่ อธิษฐานบารมี นับถือ หลวงพ่อท่านไหน ก็ อธิษฐานบารมี ถึงหลวงพ่อเลยครับ จะได้ สติ ไม่ เตลิด ครับ

สาธุครับ

 

ปกติเรื่องทำนองนี้..ถ้าไม่เก็บมาคิดเลยจะดีครับ..เพราะการที่เราสามารถเห็นได้..ไม่สำคัญเท่ากับวัตถุประสงค์ในการที่ได้เห็น..และต้องไม่เก็บมาคิดมาสนใจ.ถ้ายังไม่สามารถทราบถึงวัตถุประสงค์ที่มองเห็นได้ ณ ขณะเวลานั้น .ก็จะทราบคำตอบได้เองในอนาคต..ในขณะที่จิตว่างโดยไม่ได้ตั้งใจ..คล้ายๆคำตอบจะผุดขึ้นมาเอง..และจะทราบเองได้เอง.แม้ชั่ววินาทีเดียวที่จิตว่าง..แต่คำอธิบายจะมากมายถ้ามาเขียนเป็นภาษาสมมุติ..และจะทำให้การปฎิบัติไปได้ช้า หากมัวแต่ยังลังเลสงสัย ว่าสิ่งที่พบที่เห็นคือ อะไร เป็นอะไร มีจริงไหม และทำไมถึงเห็นได้.และที่สำคัญจะเป็นการปิดสิ่งที่จะเห็นที่เคยมีสัมพันธ์กับเรามาก่อนในอดีตได้..และความสามารถในการรับรู้เรื่องทำนองแบบนี้ได้อีกในอนาคตข้างหน้าครับ..​

 

จะไป สร้างความพิเศษ เอามาจับๆ ต้อง ลูบคลำ ทำไมหละครับ


ก็ คนเป็นๆ นี่แหละ ที่เห็นเดินขวักไขว่ ต่อหน้าต่อตา รู้ชื่อ รู้โคตะระ

เหล่านี้ ก็พวกเกิดจากอวิชชา ทั้งนั้น

พระพุทธองค์ยังกว่าเลยว่า พระพุทธองค์ลงมาจุติในครรภ์มารดาเนี่ยะ ก็
เพราะ อาศัย อวิชชา เป็นแดนเกิด เป็นบ่อกำเหนิด

ดังน้ัน คนเป็นๆ เนี่ยะ หากเราเห็นคนว่าเป็นคน เป็นสัตว์ ตัวตน บุคคล
เราเขา นี่ก็ฟันธงลงไปได้เลยว่า จิตผู้เห็นนั้นยังมีอวิชชาอยู่

สติครบถ้วนทุกอย่าง สัมปชัญญะก็บริบูรณ์ ขยี้ตากี่ที ก็ยังเห็น มีคน มีสัตว์
ตัวตน บุคคล เรา เขา เดินผ่านไปผ่านมาอยู่ เนี่ยะ ควรคาใจ ตรงนี้มากกว่า
ไปสนใจเรื่องอื่น

ก็ลำพังแค่นี้ เขายังเรียก จิตติดอวิชชาเลย ประสาอะไรกับ สิ่งที่นานๆเห็นทีเล่า

 

ที่นี้ พอกล่าวให้เห็น คนตัวเป็นๆ แล้วยัง งง ว่า กูเห็นอะไรอยู่

ก็แนะนำว่า ต้องพิจารณาแบบ ชัดๆ รู้ให้ชัดๆ แบบ พระพุทธองค์
ทรงรู้และ แล เห็น

รู้คนตัวเป็นๆ แบบชัดๆ จะเห็นได้ด้วยอาการอย่างนี้ ถึงจะเรียกว่า รู้ชัด

แล้วจะรู้เลยว่า กูเห็นอะไร

 

ถามจริงๆนะ เชื่อไปได้ยังไงว่ามีกระแสปฏิจสมุปบาท หรืออวิชชา
เชื่อได้ยังไงว่ามี เคยเห็นหรือเปล่า..?

เห็นเองยังไม่เชื่อ
แล้วจะมาฟังอะไรจากคนที่ไม่รู้จักในนี้

 

เทวดา..ผี...พระภูมิ..เจ้าที่ ....มีจริงขอรับ แต่บุคคลจะเห็นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ เทวดา,,ผี..พระภูมิ..เจ้าที่...ว่าจะให้เห็นหรือไม่..ประกอบกับ บุคคลบางคนอาจมีจิตผูกพัน หรือมีจิตประสาทพิเศษ ก็อาจจะมองเห็นได้ ขึ้นอยู่กับสภาพสภาวะจิตใจในขณะนั้น
แต่ก็มีบุคคลบางพวก ที่ตาฝาดขอรับ เห็นเงาเห็นภาพ จากความนึกคิดของตัวเอง ไม่ได้เห็นจริงๆ มีเยอะมากขอรับ