ไม่มีอะไรเลิศเกินพุทธศาสนา หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 12 กันยายน 2013.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ไม่มีอะไรเลิศเกินพุทธศาสนา


    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

    เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘



    ฟ้าหญิงเล็กท่านสนใจทางด้านจิตตภาวนามาก ว่าไปเมืองนอกอดคิดถึงเมืองไทยไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เมืองไทยเป็นเมืองของเราและเราก็ไปเที่ยวชั่วคราว ยังคิดถึงเมืองไทย นั่นเป็นอุบายอันหนึ่งสำคัญอยู่นะ คือไปที่ไหน ๆ ดูอะไร ๆ นี้ไม่ได้เป็นแบบของเมืองไทย เป็นแบบอะไรพูดไม่ถูก แบบอิสระจนเกินเนื้อเกินตัว เมืองไทยเรายังมีกฎมีระเบียบศีลธรรมติดตัว มองดูน่าดู อันนั้นอะไรก็ไม่รู้ เลยคิดถึงเมืองไทยทั้ง ๆ ที่ไปชั่วคราวเท่านั้นยังอดคิดถึงเมืองไทยไม่ได้ เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้แสลงกันกับเมืองไทยเรามาก

    แต่เมืองไทยเราอย่าลืมตัวนะ ท่านยกยอบ้างเท่านั้นเป็นบ้ากันแล้วเมืองไทยเรา เลยไปคว้าเอาของเมืองนอกมาแต่งตัวเป็นเหมือนลิง จะไม่นุ่งซิ่นนุ่งผ้า เอามาจากเมืองนอกนะนี่นิสัยลิงนิสัยสัตว์ไม่มีกฎมีระเบียบอันดีงาม ท่านไปท่านยังได้พิจารณา ไปสองสามวันไม่เห็นนานอะไรนักก็ยังอดคิดถึงเมืองไทยไม่ได้ เมื่อเห็นสิ่งทั้งหลายที่เข้ามาสัมผัสสัมพันธ์ไม่เจริญหูเจริญตา เลยอดคิดถึงเมืองไทยไม่ได้

    แล้วเป็นยังไงมาเมืองไทยแล้วภาวนาขยันหรือขี้เกียจเราว่า ท่านก็อดหัวเราะไม่ได้นะ พอมาถึงเมืองไทยแล้วอบอุ่นมากเกินไปแล้วเหรอเราว่า ท่านอดหัวเราะไม่ได้ ไม่ทราบว่าจะสวนหมัดนี่นะ นั่นละไปท่านพิจารณาก็ได้เหตุได้ผลมา ท่านมาพูดให้ฟังเมื่อวานนี้น่าฟังอยู่ เมืองเขาก็เจริญแต่เจริญนั้นเมื่อพิจารณาทางด้านธรรมะเข้าภายในใจแล้ว เรามองสิ่งเหล่านั้นมันผิวเผิน ๆ ไปหมดเลยไม่เข้าหลักเกณฑ์ น่าฟังนะ หลักเกณฑ์คือหลักใจ เป็นผิวเผิน ๆ ไปหมด เลยมองดูอะไรว่าเจริญมันเจริญเรื่องภายนอกที่ทำให้คนลืมเนื้อลืมตัวต่างหาก ไม่ใช่เจริญให้คนได้รู้เนื้อรู้ตัว ไปเมืองนอกไม่นานอดคิดถึงเมืองไทยไม่ได้ ออกจากนั้นมาก็มาที่นี่ ท่านรับสั่งว่าว่างเมื่อไรก็จะมา รับสั่งขอโอกาสไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านขอโอกาสไว้เลยว่างเมื่อไรจะมา มาก็คุยธรรมะล้วน ๆ เลย พอประทับนั่งปั๊บธรรมะทางนี้ขึ้นออกก่อนแล้วปั๊บ ๆ ได้เป็นคติดีอยู่ได้เป็นเครื่องสอนเมืองไทยเรา

    ท่านบอกว่าไปเมืองนอกคราวนี้รู้สึกว่าผิดจากทุก ๆ ครั้งมากทีเดียว แต่ก่อนก็เห็นคิดแต่ไม่มาก คราวนี้รู้สึกคิดมาก คิดถึงเรื่องความผิวเผินทั้งหลายที่เป็นไปทั่วโลก ไปที่ไหนแบบเดียวกันหมด อิสระหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ อิสระเกินเนื้อเกินตัว ท่านว่าน่าฟังอยู่นะ คือไม่มีขอบเขตไม่มีข้อบังคับเพื่อความเป็นหลักเกณฑ์ ความเป็นหลักเกณฑ์นี้คือความเป็นคนดีภายในใจนั่นเอง พวกเราอยู่เมืองไทยแล้วให้เพลินนะ ให้พากันเป็นบ้ากันทั้งเมืองไทย พอท่านยอสักหน่อยเป็นบ้านะ พวกนี้พวกบ้ายอ

    นั่นละเรื่องศาสนาต่างกันอย่างนั้นละ แม้แต่อยู่ในวัดกับเข้าในบ้านเท่านั้นก็ต่างกันเราอย่าว่าที่อื่นที่ใดเลย อยู่ในวัดปรกติแล้วเข้าไปในบ้าน สัมผัสสัมพันธ์อะไรนี้จะแสลง ๆ แต่เราก็รู้ว่ามันเป็นสภาพอย่างนั้น ถึงอย่างนั้นก็ยังมาสัมผัส ๆ ให้สะดุด ๆ จนได้ เพราะฉะนั้นพระท่านที่เป็นนักภาวนาอยู่ในป่าในเขา ใครมานิมนต์ท่านมาฉันในบ้านในเมืองท่านไม่มาก็เพราะเหตุนั้นเอง ท่านไม่ค่อยมา ไม่จำเป็นจริง ๆ ท่านไม่มา ท่านอยู่ในเขาเขาก็ไปเอานะ อยู่กลางหุบเขาเขาก็ไปเอา พวกตลาดนั่นแหละไปเอามา ท่านไม่ค่อยมาแหละท่านหลบหลีกอยู่

    ไปแล้วมีแต่ขาดทุนท่านว่าอย่างนั้นนะ ไม่ได้กำไร คือไปนี้ตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัสสัมพันธ์กับสิ่งที่จะทำให้ขาดทุนทั้งนั้น อยู่ตามหลักธรรมชาติในป่าในเขาแล้วมีแต่สิ่งที่ส่งเสริม มองดูต้นไม้ภูเขาใบหญ้าอะไร ๆ ก็เป็นธรรมเทศนาสั่งสอนอยู่ตลอดเวลา เงียบสงัดมีแต่สัตว์ป่า แต่ก่อนสัตว์ป่าเยอะนะไม่เหมือนทุกวันนี้ ทุกวันนี้หมดจริง ๆ นะ ตอนที่เราเที่ยวมันทันกับสมัยพ่อแม่ครูจารย์มั่นอยู่อย่างดีเลย..เรื่องป่านะ คือเป็นป่าเป็นเขาล้วน ๆ ๆ สัตว์เต็มไปหมด

    พ่อแม่ครูจารย์ท่านเล่าให้ฟังเรื่องป่า เราไปก็เป็นแบบเดียวกัน มาหมดเอาตอนที่เรามาสร้างวัดประมาณสัก ๕ - ๖ ปี ป่าเริ่มถูกทำลาย แต่ก่อนเป็นดงไปหมด สัตว์เสือมาในวัดเรานี่ เสือโคร่ง เสือดาว ผ่านเข้ามาในวัดเรื่อยเวลามาสร้างวัดทีแรก ก็ดงของมันทั้งนั้นมันก็มาเที่ยว พวกเก้งพวกหมูพวกกวางยังมีแต่ก่อน มาสร้างวัดทีแรกพวกกวางยังมีนะ แล้วค่อยขยับขยายไปแล้วหมดไป ๆ

    ไปอยู่ในป่าแต่ก่อนเป็นป่าจริง ๆ ป่าน่ากลัว เวลาท่านอยู่อย่างนั้นท่านสงบสงัดสบาย ทุกสิ่งทุกอย่างเตือนสติตลอดเวลา ไม่ใช่ทำให้เผลอสติไม่ให้ลืมเนื้อลืมตัว อยู่ในป่าลึกเท่าไรก็ยิ่งระมัดระวัง จิตใจก็ยิ่งมั่นคง อบอุ่นภายใน ข้างนอกเหมือนกับว่าตีตะล่อมเข้ามาให้อยู่ในนี้ ที่ปลอดภัยอยู่ที่นี่เหมือนอย่างนั้น คิดไปข้างนอกมันแปลก ๆ มันเป็นกิริยาของโลกจิตที่คิดออกไปข้างนอกมันขาดทุน พอย้อนเข้ามาภายในนี้อบอุ่น ๆ เพราะฉะนั้นผู้ภาวนาท่านชอบอยู่ในป่าอย่างนั้น เขานิมนต์ไม่จำเป็นจริง ๆ ท่านไม่มา อยู่ลึก ๆ ไม่มีรถมีรา ไปด้วยเท้าทั้งนั้นแหละรถราอย่าไปถามหามันเลยแต่ก่อน ทุกวันนี้เต็มไปหมดแม้กระทั่งใต้ถุนก็มี ใต้ถุนบ้านใต้ถุนเรือนรถเต็มทุกวันนี้อดอยากอะไร

    หลักประเพณีของเมืองไทยเราออกจากพุทธศาสนานะ ที่ไปปกครองบ้านเมือง แต่ก่อนข้าราชการงานเมืองนี้เป็นลูกพระทั้งนั้นอยู่ในวัด ๆ ออกจากวัดก็ไปโรงเรียน ๆ เพราะเป็นลูกพระ พระแต่ก่อนก็รู้สึกจะแปลกจากพระทุกวันนี้ ไม่ค่อยมีพระจรวดดาวเทียม เดี๋ยวนี้มีจรวดดาวเทียมเยอะนะ ไม่ว่าวัดนอกวัดในวัดป่าวัดบ้านมีจรวดดาวเทียมแทรกอยู่ทุกแห่ง ทีนี้เด็กมีเต็มวัดทุกวันนี้ยิ่งมากกว่าแต่ก่อน แต่ไม่ใช่เป็นเด็กแบบนั้นซิเป็นเด็กจรวดดาวเทียมไปเดี๋ยวนี้ อยู่กับพระนานเท่าไรยิ่งมึนชาหน้าด้านไปนะเดี๋ยวนี้ แต่ก่อนเป็นลูกพระจริง ๆ เคารพพระ พระท่านก็เป็นพระที่ดีไม่มีเรื่องมากมายเหมือนอย่างทุกวันนี้ เวลานี้เหินห่างจากศีลจากธรรม แม้ไม่ห่างเหินจากวัดก็ห่างจากศีลจากธรรม

    ผู้อยู่ในวัดก็ยังห่างเหินจากธรรมจะว่ายังไง แล้วผู้อยู่นอกวัดจะไม่ให้ห่างเหินจากธรรมได้ยังไง ทีนี้ความห่างเหินจากธรรมกิริยาก็ไปแปลก ๆ ต่าง ๆ กันร้อยแปดพันประการ คละเคล้ากันเต็มไปหมดดูไม่ได้เลย เวลานี้เมืองไทยเราประเพณีเป็นเนื้อหนังของตัวเองไม่ค่อยมีนะและไม่มี ลงไม่ค่อยมีและไม่มี ขยับลงไปถึงขนาดนั้นเวลานี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด เปลี่ยนแปลงไปทางลบนะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปทางบวก ดูแล้วดูไม่ได้นะ อย่างนี้แล้วดูนี้

    ก็เห็นอยู่อย่างนี้ตะกี้นี้ ถ้าใครว่าเราโกหกดูเอา มันจะไม่นุ่งซิ่นนะ คนไทยนะน่ะมันหน้าด้าน เมืองไทยเราถ้าอยากเป็นเมืองหน้าด้าน ไม่เป็นเมืองพุทธมันจะกลายเป็นเมืองหน้าด้านอย่างนี้ละดูเอาถ้าว่าหาเรื่องโกหก นี่สวยงามมากทันสมัยมากนะ ทันสมัยบ้า แต่ก่อนพูดถึงเรื่องหนังสือพิมพ์เฉย ๆ ไม่เอาออก วันนี้เอาออกให้ดูเสียบ้างไม่งั้นจะว่าเราหาเรื่องอุตริ มันเลวไปทุกวัน ๆ นี่ละความห่างเหินจากศีลจากธรรมหาความสงบไม่ได้นะ

    ความดีดความดิ้นความเพลิดเพลินรื่นเริง เราอย่าเข้าใจว่าเป็นความสะดวกสบาย สงบร่มเย็นในหัวใจ มันดีดมันดิ้นหัวใจพาให้ดิ้น ให้เจ้าของดิ้น นั่นละมันจะตายมันดิ้น มากกว่านั้นก็ตายละ คนไม่มีสิ่งรบกวนไม่ได้ดิ้นอย่างนั้นนี่นะ ไปที่ไหนสงบเย็นสบาย ๆ ไม่มีอะไรดิ้นดีดภายในจิตใจ นี้มีอะไรดิ้นดีดแล้ววิ่งตามมันก็ไปใหญ่ซิ ถ้าเป็นสิ่งอย่างนี้ยอกันมากนะ ยกยอกันเก่งทีเดียว ถ้าสิ่งเลว ๆ แล้วยอกัน สิ่งที่ดีไม่ยอมยอ เสียมากเวลานี้ เมืองไทยเราเสียเอามาก ใครให้รีบคิดนะ ถ้าไม่คิดจะจมหมดทั้งเมืองไทยนะ

    ประเพณีอันดีงามหมดไป ๆ มีแต่ของเลวร้ายเต็มบ้านเต็มเมืองไปที่ไหนดูไม่ได้ ไปแต่ละแห่ง ๆ ไม่พ้นเห็นมอเตอร์ไซค์ชนกัน ชนกับรถยนต์บ้าง มอเตอร์ไซค์ชนกันบ้าง รถอันนี้มันรถบ้า รถมอเตอร์ไซค์เขาเรียกรถเดือน ๙ รถเดือน ๑๒ ใครขึ้นไปต้องเป็นบ้า มันบ้าจริง ๆ นะดูแล้วดูไม่ได้เลย บางทีอยู่ในรถจนได้ชี้ให้หมู่เพื่อนดู คือมันเลยประมาณที่เราจะดูธรรมดาได้ ถึงออกมือชี้ก็มี คือมันสะดุดเอามากว่างั้นเถอะ นั่นละเจ้าของเพลินเป็นบ้า ฉวัดเฉวียนสะวี้ดสะว้าด อยู่ธรรมดาก็ไม่เป็นไรนะ พอได้ขึ้นรถบ้ารถเดือน ๙ แล้วเหมือนหมาเดือน ๙ หมาเดือน ๑๒ หมาเดือน ๙ เป็นยังไง มันเห่าหอนอึกทึกกัดกันแหลกไปเลย มีตัวเมียตัวการเป็นแม่สื่อแล้ววิ่งเป็นบ้าไปตาม ๆ กันหมด

    นี่รถเดือน ๙ เราเรียกย่อ ๆ ว่าไอ้ ๙ ไอ้เดือน ๑๒ มันทำคนให้พินาศฉิบหายตายไปมากขนาดไหนรถอันนี้น่ะ แล้วยิ่งชอบกันถ้าเป็นสิ่งเหล่านี้ นี่เห็นไหมอำนาจของกิเลสมันกล่อมให้ชอบในสิ่งที่ไม่ควรจะชอบ ทำให้ชอบไปหมด ถ้าสิ่งที่ควรชอบมันไม่ให้ชอบ นี่เรียกว่ากิเลสมันแหลมคมขนาดนั้นละ พูดถึงกิเลสมันเป็นยังไงเรานี่คึกคักขึ้นเลย เพราะเคยฟัดกันมาแทบเป็นแทบตายด้วยกัน

    ฟ้าหญิงเล็กท่านสนใจภาวนาดี เราก็ได้สอนภาวนาให้ พูดแปลกที่ว่าไปเมืองนอกยังคิดถึงเมืองไทยทั้ง ๆ ที่ก็ไปชั่วกาลชั่วเวลา แต่อดคิดถึงเมืองไทยไม่ได้ ไปดูสภาพแล้วมันดิ้นมันดีดมันอะไร แบบผิว ๆ เผิน ๆ หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ น่าฟังเป็นความจริงอย่างนั้นด้วย ไม่มีหลักเกณฑ์เป็นอย่างนั้นละ แล้วก็ต่างคนต่างดิ้นต่างดีดหาที่หลบหาที่เกาะที่ยึดไม่ได้นะ คือไม่มีธรรม มันดิ้นมันดีดตามประสาของมันที่กิเลสฟัดเหวี่ยงไปไม่ใช่ธรรมฟัดเหวี่ยง ธรรมฟัดเหวี่ยง ๆ ลงที่สงบร่มเย็น ถ้ากิเลสฟัดเหวี่ยงแล้วเอาให้แตกกระจายไปเลย

    มรดกอันล้ำค่าคือพุทธศาสนา เอ้าหาที่ไหนมาในสามแดนโลกธาตุนี้จะมาแข่งพุทธศาสนาไม่มี ถ้าพูดถึงเรื่องใจที่เป็นรากฐานของศาสนา ใจของพระพุทธเจ้าเป็นใจที่บริสุทธิ์ ใจนอกนั้นไม่บริสุทธิ์ เป็นเจ้าของศาสนากี่ศาสนาก็เป็นใจของคนมีกิเลสครองศาสนาหรือประกาศศาสนา อันนี้เป็นใจของผู้สิ้นกิเลสด้วย โลกวิทูอีกด้วย รู้แจ้งแทงทะลุไปหมดเลย ว่าอะไรไว้เป็นอย่างนั้นมีอย่างนั้น เป็นอย่างที่ว่า ๆ ไม่มีหาเรื่องเพิ่มเติม เอ้า นักภาวนาจะตามรอยพระพุทธเจ้าได้ยอมรับท่านให้ภาวนา เพียงดูตาเนื้อไม่เห็นต้องดูตาใน

    พระพุทธเจ้าเอาตาในมาสอนโลกไม่ได้เอาตาเนื้อมาสอนอย่างเดียว เอาตาในด้วย โลกวิทู คือตาในสว่างกระจ่างแจ้งหมด นักภาวนาฟาดลงไปนั้นก็ตามรอยพระพุทธเจ้าละซิ ตามรอยพระบาทท่าน ตามไปก็รู้ละซิเพราะสิ่งมีอยู่เห็นอยู่ทำไมจะไม่เจอกันสิ่งมีอยู่ พระพุทธเจ้าไม่ได้อุตริ ว่าอะไรอย่างนรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน บาปบุญคุณโทษ เปรตอสุรกายสัตว์เดรัจฉาน เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมนี้มีอยู่หมดทุกสิ่งทุกอย่าง เปิดหัวใจเข้าไปจ้าก็เห็นกันละซิ เมื่อเห็นแล้วปฏิเสธได้ยังไง เราเห็นเราปฏิเสธได้เหรอก็ยอมพระพุทธเจ้าละซิ ท่านเห็นก่อนแล้วท่านนำมาสอนก่อนแล้ว พวกเรามันตาบอดไปหาลบล้าง

    เวลานี้เทวบุตรเทวดาจะไม่มีแล้วนะเป็นคู่เคียงของศาสนาพระพุทธเจ้า เป็นในวงของศาสนาทั้งนั้นละ พวกเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมเปรตผีอะไรเหล่านี้อยู่ในหลักของพุทธศาสนาหมด ถ้าเชื่ออันนี้ไม่ได้ก็เรียกว่าเราเชื่อพุทธศาสนาไม่ได้แล้ว ศาสนาไม่มีสาระอะไรเลย มีแต่ความจอมปลอมของกิเลสที่ลบล้าง ไม่ใช่จอมปลอมโดยหลักธรรมชาตินะ จอมปลอมด้วยความลบล้างของกิเลส สิ่งเหล่านี้จะไม่มีนะ จะมีแต่นรกอเวจีเต็มบ้านเต็มเมืองเวลานี้ หาแต่อย่างเดียวกันแหละ ว่านรกไม่มีมีแต่ขวนขวายที่จะลงนรกนะเวลานี้ ไม่ได้ขวนขวายขึ้นในทางที่ดี ให้พากันระมัดระวังนะ ไม่มีอะไรเลิศเกินพุทธศาสนาละ ตลาดแห่งมรรคผลนิพพานอยู่นี้หมดทุกอย่างเลย รวมยอดอยู่นี้หมดเลย

    วันนี้ก็พูดเท่านั้นละ พอสมควรแล้ว


    คัดลอกจาก http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1168&CatID=2
     
  2. evatranse

    evatranse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +571
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...