ไปพระนิพพานได้ แต่ไม่ยอมไป..!

ละกิเลสให้สิ้น ศึกษาธรรมให้จบ โปรดสัตว์ให้หมด บรรลุพุทธภูมิ
เบื้อหน่ายต่อสังสารวัฏ แต่หันหน้าเข้าสังสารวัฏ

นี่คือ โพธิสัตตว์

 

ตราบใดที่เรายังยึดมั่นในพระรัตนตรัย ไม่ว่าจะเกิดกี่ชาติแล้วจะได้เป็นอะไร ก็ยังมีศาสนายึดเหนี่ยวจิตใจเอาไว้ครับ

ขออนุโมทนา สาธุครับ

 

แล้วทำไมคนที่ปรารถนาพุทธภูมิ บางท่านถึงรีบลา?

 

แต่ทำไม ? ใครต่อใครถึงอยากเป็นคนสุดท้ายกันจังเลย ทั้ง ๆ ที่กำลังใจก็ยังน้อยนิด

 

อนุโมทนาสาธุ
สุขใดจะเท่าการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เป็นไม่มี

 

ขอเป็นอีกคนที่สงสัยครับ ช่วยอธิบายให้เข้าใจด้วยครับผม เดี๋ยวท่านอื่น ๆ จะเข้าใจผิดไป

 

นิพพานอยู่นอกเหนือกฏของเวลาและแสง ไม่มีอดีต ปัจจุบัน อนาคต
ไม่มีสสารและพลังงาน ไม่มีอนุภาค ไม่มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์
บิ๊กแบงค์คือการหดตัวอย่างถึงที่สุดของอนุภาค และระเบิดออกมาเป็นจักรวาล
และจักรวาลสามารถขยายได้ไปเรื่อยๆ จนถึงจุดจบมันจะทำลายตัวมันเอง
แต่นิพพานไม่มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มียืด-หด ไม่มีอาณาเขต ไม่มีบิ๊กแบง
ไม่มีการรวมแรงครั้งใหญ่ ไม่มีสัมพัทธภาพ เป็นความว่างที่เต็มไปด้วยความมี
เป็นความมีที่เต็มไปด้วยความว่าง เป็นสภาวะขั้นปรมัตถ์ของธรรมชาติ
ผู้ใดเป็นมิจฉาทิฏฐิก็จะเห็นนิพพานในแบบที่ผิดไป เห็นนิพพานขาดสูญบ้าง
เห็นว่านิพพานแล้วยังต้องลงมาเกิดบ้าง เห็นรูปฌานเป็นนิพพานบ้าง เห็นอรูปฌานเป็นนิพพานบ้าง เห็นการหลับไม่ฝันเป็นนิพพานบ้าง ฯลฯ

ความเห็นเหล่านี้จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับองค์จีโซโบซัตจึ หรือพระกษิติคารภโพธิสัตว์มหาสัตว์ เพราะว่าจะมีผู้ลงไปอยู่ในอบายเพิ่มเพราะความเห็นวิปลาสเหล่านี้... ใครไม่อยากลงไปเที่ยวอบายภูมิเล่น ก็ขอให้รู้ทันสัญญาวิปลาสเหล่านี้ได้แล้ว และเปลี่ยนตัวเองมาเข้าสู่อริยมรรค เป็นสัมมัตตะ จะได้ไม่หลงทางเห็นผิดเป็นชอบ มารบังตา ปัญญามืดบอด เพราะมิจฉาวิมุตติเป็นอะไรที่อันตรายสุดๆแล้ว จะหลุดพ้นก็ไม่ได้ แต่เห็นว่าหลุดพ้นแล้ว เป็นมิจฉามรรค เป็นความลวงหลอก แทนที่จะวิมุตติ กลับเป็นมีสิทธิ์ไปเที่ยวโลกันตร์ฟรี เพราะมิจฉาดิ่งมากๆ

 

ขอโมทนา สาธุครับ

 

เป็นไปได้ไหมครับ...คนที่จะไปนิพานเค้าได้ไม่ใช่สักแต่ว่า"อยากไปนิพาน" แต่ การปฏิบัติต้องดีด้วย มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เห็นพูดกันพ่ำเพื่อๆๆ บางคนปากว่าอยากไปนิพานยังเห็นกินเหล้าเลย ตลกดี แหมมมเหมือนอะไรๆๆมันจะง่ายไปซะหมด เคยเห็นแต่"พระสุปติปันโน" ท่านว่า "เราจะไปนิพานๆๆๆๆ" แบบนี้น่าเชื่อถือเพราะท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จริยาหน้าเคารพนอบน้อม เป็นจริยาของพระอรหัน

 

ข้าพเจ้าฯ มีความสงสัยเล็กน้อยและขอถามว่าท่านใช้อะไรเป็นจุดตัดหรือให้ความหมายคำว่า "นิพพาน" ข้าพเจ้าฯ คิดว่าอาจมีความเข้าใจผิดเรื่องนี้เล็กน้อย โดยแท้จริงแล้วสามารถกลับมาเกิดใหม่ได้และแบบเลือกกำหนดเองได้ในระดับที่เหมาะสมและต้องด้วยความดีงามโดยแท้จริง

ข้าพเจ้าฯ ประกาศแจ้งแบบขอความสมัครใจให้บู้บรรลุแล้วกลับมาเกิดและช่วยสอนธรรมในโลกมนุษย์ ด้วยเหตุผลแห่งทุกข์ทั้งหลายและด้วยไม่ประสงค์ จึงมิมีพระองค์ใดกลับมา (ตรวจสอบอย่างเร็ว) เว้นด้วย 2-3 พระองค์เท่านั้น ด้วยมีหน้าที่ดูแลและเป็นที่พึ่งให้ทั้งสามภพ ที่วนเวียนสลับกันเกิดอยู่ตลอดเวลา และบางครั้งแยกด้วยภาคย่อยหลายบุคคล และจะตรัสรู้ในชาติที่มีหน้าที่สำคัญมากเท่านั้น (ผู้คนทั่วไปจะไม่ทราบว่าคือผู้ใดกันบ้าง) การตรัสรู้และบรรลุธรรมนั้นถือเป็นภาระหนักยิ่งด้วยต้องทำหน้าที่ของผู้ที่ในดินแดนแห่ง 3 ภพบรรจบซ้อนรวมกัน

ข้าพเจ้าฯ กำลังศึกษาว่าบรรลุอรหันต์แบบสาวกนั้นท่านเห็นหรือทำอะไรบ้าง ณ ปัจจุบัน เนื่องจากโลกมนุษย์มีนโยบายส่งเสริมจะให้มีผู้บรรลุเข้าถึงธรรมขั้นสูงกันมากขึ้น เพราะจะเป็นผู้ที่มีความดีงามอยู่ในจิตใจอยู่เสมอและตลอดเวลา

ดังนั้น หากมีผู้ใดที่คิดว่าท่านใกล้บรรลุหรือบรรลุแล้ว ขอให้ท่านช่วยกรุณาเล่าให้ข้าพเจ้าฯ รับทราบด้วย เพราะข้อสอบหรือแบบทดสอบโดยธรรมนั้นใช้ชุดมาตรฐาน (เว้นด้วยชุดแห่งการเริ่มต้นยุคศรีอารยะเมตไตรย์ เพราะหากตัดสินใจผิดพลาดไปอาจมีผลกระทบทำให้เหลือเพียง 2 ภพเท่านั้นและเป็นใหญ่โดยฝ่ายมาร) ซึ่งอาจไม่ต้องมีในส่วนพระผู้สร้างจักรวาลและไม่ต้องตรวจเช็คว่ามีผู้ใดสร้างไว้ก่อนหน้าพระนารายหรือไม่ ด้วยตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ส่วนนี้ยาก ร้อนและเจ็บปวด และอื่น ๆ อีกมากมายจนอาจเกินบุคคลทั่วไปจะรับหรือกระทำ หรือทนเช่นนั้นได้ - กว่าจะมาเป็นโลกมนุษย์ที่สวยงามและดำเนินไปด้วยความดีงามแบบสายกลาง ณ วันนี้ ข้าพเจ้าฯ ไม่รู้ว่าจะบรรยายอย่างไรดี...แต่ด้วยให้ทุกจิตวิญญานอยู่ครบและดำเนินชีวิตด้วยความดีงามแบบสายกลาง จึงผ่านมาได้แบบเกือบเอาชีวิตไม่รอด เกือบตกและเกือบตาย...)

ท่านน่าจะเคยได้ยินคล้าย ๆ แฝงอยู่ในส่วนหนึ่งของพระราชดำรัสในทำนองว่า " ... เราอาจมิเหลืออะไรเลย เหลือเพียงแต่ซากปรักหักพัง" โดยแท้จริงแล้วมีความหมายมากกว่านั้น คือโลกมนุษย์นั้นสูญสิ้นหายไปเลย แต่ปัจจุบันนี้ โลกนุษย์และจักรวาล ปลอดภัยและมั่นคงระบบที่ดีเยี่ยม.

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ยังไงก็ขอยึดนิพพานเป็นที่ตั้ง

 

หวังนิพพานในยุคนี้ เป็นการตั้งความหวังที่สูงเกินไป จะฟุ้งเสียก่อน เอาแค่ตายไปเป็นเทพให้ได้ก่อน ถ้ามีสติไม่ปล่อยจิตเพลิดเพลินหลงแสงสีของสวรรค์ ก็บำเพ็ญต่อบนสวรรค์ได้ ในสวรรค์ย่อมมีอะไรๆที่วิเศษกว่าโลกมนุษย์เหม็นๆของเรา ซึ่งเป็นที่ใช้กรรมเพื่อขึ้นหรือลงสู่โลกวิญญาณ

 

ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง

 

อนุโทนาด้วยค่ะ

แค่ไม่ทุกข์ก็สุขแล้ว;k05

 

น่าเลื่อมใสนัก

ขออนุโมทนากับ กระทู้นี้ทั้งหมดครับ

เห็นอยู่ว่าเสี่ยงตกอบายภูมิมาก แต่ยังเด็ดเดี่ยวที่จะสงเคราะห์หมู่สัตว์ให้พ้นจากกองทุกข์ บุคคลเช่นนี้หาได้ยากมากๆ แม้ทั้งภพสามเลยทีเดียว

การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็นการยากยิ่งกว่าการอื่นใด

คุณของพระรัตนตรัย น่าเลื่อมใสนัก

อนุโมทนาครับ

 

เป็นความสั่นสะเทือนถึงส่วนลึกในจิตใจจากการปฏิบัติของตน เจตนาเพื่อแจ้งให้ทราบเฉยๆ มิควรที่ผู้ใดจะถือเป็นสรณะ

เมื่อถึงจุดนึง ตัวเราจะเล็กลงมากๆ แต่ทว่าแผ่ไพศาลออกไปเรื่อยๆ สิ่งนี้เรียกอะไรก็ไม่รู้...
เมื่อถึงจุดนึง เราจะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างทั้งมีและไม่มีชีวิต ได้ถ่ายเทพลังงานให้แก่กัน เราขอเรียกมันว่าพลังงานที่ทำให้โลกและจักรวาลหมุนด้วยความรักก็แล้วกัน

ยิ่งให้ เราจะยิ่งได้ ยิ่งอยาก เราจะยิ่งไม่ได้

เมื่อเราสอดคล้องกับธรรมชาติรอบตัวเราทั้งหมด เราก็ไม่รู้อยู่ตรงไหน เพราะมันไม่มีเรามาตั้งแต่แรก สิ่งนี้สะเทือนเข้าไปถึงในใจ เมื่อได้ปฏิบัติจริง เมื่อก่อนได้แค่อ่านๆ ลูบๆ คลำตำรา พอมาเจอเข้าจริงๆ "อืม......มันเป็นอย่างนี้นี่เอง"

พิจารณาดูแล้วกันนะ