ใครอยากได้ ฌาน เชิญ ท่างนี้ครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Workgroup, 24 กรกฎาคม 2012.

  1. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ศีล 5 อย่าให้ขาด อย่าให้คาด จากหัวใจ.........คติของผม

    กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ นั้นละ ของดี อย่าเถี่ยงพ่อแม่ สุดยอดแล้ววิชา

    -----------------------------------------------------------


    ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา

    คำว่า ทาน นั้น ละเอียจ เหมือนเม็ดทราย ให้ความหมายได้หลายๆๆ แบบ

    ศีล 5 อย่าให้ขาดอย่าให้คาดจากหัวใจ

    สมาธิ ทำให้มีสติ รู้ ว่าอะไรควรมิควร จะทำให้เกิด ปัญญา

    เมื่อมี ปัญญา แล้ว มรรคผล ก็จะตามมาให้เห็น

    ถ้า ทำสมาธิ ไม่ได้ ก็ ลดลง มา ให้ถือ ศีล ถ้าถือ ศีล ไม่ได้ ก็ ให้ทาน

    แต่การ ให้ ทาน จะได้บุญ น้อย กว่า ถือ ศีล การถือ ศีล จะได้บุญ นอยกว่าการทำ สมาธิ

    ผมได้คำแนะนำ จาก หลวงพี่ น้อย ครับ

    หมายเหตุ หลวงพี่น้อย เอามาจากคำสั่งสอน ของ พระพุทธเจ้า ครับ

    --------------------------------------------------------------

    ณาน จะมาหาท่านเอง ครับ ถ้าปฎิบัติ ทำต่อๆๆ

    ปฎิบัติ ไป 7 วัน ถ้าไม่เห็นผล ก็ 7 เดือน ถ้าไม่เห็นผล ก็ 7 ปี แต่ต้องทำทุกวันห้ามขาดถ้าขาด นับ 1 ใหม่ครับ จะเห็นมรรคผล ตามที่ พระพุทธเจ้า ท่าน ตรัส มา

    --------------------------------------------------------------

    การได้ ณาน มา พระพุทธเจ้า ตรัส ไว้ว่า ไม่สรรเสริญ พระพุทธเจ้า
    ท่านตรัสว่า ให้อยู่กะปัจจุบัน.... ดีที่สุด

    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    สาธุ ทุกท่าน ที่ ปฎิบัติ ธรรม ครับ
     
  2. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ท่านได้ทำไปแล้ว แล้ว เพ้อเจ้อ มีคน มา กระซิบ พูด นั้นนี้ อยู่ที่ หัวเราแนะนำนะครับ

    นวดให้พระ กวาดวัด ขัดห้องน้ำให้พระ ทำความสะอาดวัด นั้นละครับ จะหายเองเรียก กันว่า จิตตกครับ

    ถ้ากวาดวัด แล้วมีคนกระซิบ ว่าจะทำทำไม ให้ ใช่หลักการนี้ครับ

    กวาดหนอ กวาดหนอ จนเสียง กระซิบ หายไป คือทำอะไร ก็ตาม ถ้ามีคนพูดในหูท่าน ก็ บอกไปว่า ได้ยินหนอ เสียงพวกนั้น จะหายไปเองครับ

    สาธุ ทุกๆ ท่านครับ ให้ได้ มรรคผล เร็วๆ นะครับ
     
  3. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    ขอบคุณมากครับ
     
  4. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    วิธีการนั่งสมาธิ แบบ ง่ายๆๆ นะครับ ให้คุย กะตัวเรา ว่า ตอนนี้ นั่ง อยู่ที่ไหน อยู่ ในห้องพระ มีเสียงพัดลม ลมพัดเย็นดีไหม มี เสียงคนคุยกัน มีเสียงรถผ่าน จนจิต เราไม่ คิดถึงเรื่องภายนอก ก็ ให้กำหนดลมหายใจ เข้า พุทธ ออก โธ เวลานั่ง ก็หลัง ตรง พยาม อย่าพิงกำแพง อย่านั่งตรง เกาอี้ จะเคยตัว ทำให้ไม่ได้ สมาธิ

    สมาธิ ไม่จำเป็นต้องนั่ง นาน เป็น ชม แค่ 5 นาที ใจเราสงป ก็ เป็นสมาธิได้แล้วครับ

    ปล. ถ้าสมอง เห็นภาพ อะไรในตอนเราหลับตา ก็บอก ว่าเห็นหนอ แล้วก็ กลับไปจุดแลกว่า นั่งสมาธิหนอ กำหนด ลม หาย ใจ พุทธ โธ ต่อ ครับ ก็จะเห็น เองครับ

    หลักการ ง่ายๆๆ ทำให้จิต ไม่เพ้อเจ้อ ไม่ฟุ่ง ไปเรื่องอื่นแล้วจะเห็น สิ่งที่ เป็น เรื่อง ธรรมชาติ ที่ พระพุทธเจ้า ท่านสอนครับ ทำเองแล้วจะเห็น อย่าไปเชื่อ คำพูดคนอื่น ลงมือ ปฎิบัติ แล้วจะเห็น ธรรม แท้ จริง
     
  5. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    สมาธิ ทำที่ไหนก็ได้นะครับ อยู่ ที่ตัวเราทั้งหมด ไม่ได้อยู่ที่ ใคร ไม่เกี่ยวกะสถานที่

    เวลา

    ปล. สมาธิ ถ้ามี ผู้ รู้ แนะนำ ก็จะดีมากครับ แต่ ถ้า นั่งใน แบบ ที่ผมแนะนำไป ก็ ได้ครับ

    อีก 1 อยางครับ ทำสมาธิ เส็ด แล้วแผ่เมตตา เลย ครับ เหมือน แผ่เมตตา ตอนอยู่ ประถม อะไรประมานนั้น ครับ นั้นอ่ะครับจะเห็นผล เร็วมาก !!!!!!!! เหมือน ติดจรวด

    ไม่เชื่อ ลองเลยครับ อยากให้ทุกๆๆ ท่าน ได้ มรรคผล กันเร็วๆๆ ครับ

    จะได้พบความสุขที่แท้จริง ของชิวิต

    ผมอยู่ใน กรุงเทพ ปฎิบัติ ที่ บ้าน ครับ
     
  6. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    หมั่น สวดมนต์ ทุกๆๆ วัน ก็ จะดีมากครับ จะเห็น อะไร ที่แท้จริง สวดทำวัดเช้า ทำวัดเย็น

    ถ้าสวดได้ตาม พระ ก็ จะดีมากครับ จะได้ทำนอง ไปในตัว แล้วเราก็กลับมาสวดที่บ้านได้
     
  7. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    การทำ อะไร ก็เป็น สมาธิ หมดครับ ไม่ว่า เล่น computer กวาดวัด ขัดห้องน้ำ

    กวาดบ้าน เติมน้ำกรอง ซักผ้า ตากผ้า ล้างจาน ถูบ้าน ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ

    นิและครับเรียกว่าสมาธิ................

    เพิ่มเติม การทำให้ พ่อ แม่ เรา รู้ ธรรม ได้ นั้นละ สุดๆๆ แล้วครับ วิชา เทพ เทวา จะคอยบอกใน จิต เองครับ

    กาย วาจา ใจ มันจะทำให้เราเป็นเหมือน ยอด ต้นไม้ เวลา ลมพัดไปทางไหนก็ จะไปตามทางลม

    การพูด การกระทำ ทุกๆๆ อย่าง มันจะ ออกมาให้เราเอง ครับ ลงมือ ทำ แล้วจะเห็นมรรคผล

    อย่าไปแคร์ ลมปากคน มันก็แค่ ลมปาก โดนนินทา ก็ ปล่อย ลมปากคน ไป ลมปาก ก็จะฆ่าคนที่นินทา เองครับ

    สาธุ ทุกๆๆ ท่านที่เข้ามาอ่านครับ ขอให้ได้ ทุกอย่างดังใจ คิดนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2012
  8. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    อธิษฐานบารมี จะมี เอง จิตท่าน จะมีพลังมากครับ ถ้าทำตามที่ผมบอกมาครับ

    ปล. สวดมนต์ เส็ด ก็ นั่ง สมาธิ ต่อ เลย อธิษฐานบาร มี จะเกิด เอง จะมี เทพ มาดูแล ตัวท่าน auto เลยครับ

    ถ้าเรามุงใน ทางนี้ ญาณ ต่างๆๆ ก็ จะวิ่ง เข้ามาหาเรา เลยครับ ญาณมังกร ญาณปู่ 108 ได้เจอ สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ในนิมิต พระเกจิ ดังๆ ในนิมิต ฯลฯ

    ---------------------------------------------------------------
    การได้ วิชา มาอย่าไปรอง กะใคร อย่าไปแกล้งใคร สุดท้ายแล้วจะเข้าตัว !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ประสบการณ์ของผม อย่างแท้จริง

    การได้ ณานได้มีเทพ มาคุมครอง อย่าไปอวดอ้าง สรรพคุณริดเดช ว่าช่วย คนนั้นคนนี้ แก้กรรม ได้ครับมันแก้ไม่ได้ครับ

    สุดท้ายมันจะวิ่ง เข้าตัว

    ---------------------------------------------------------------

    การได้ ณาน มา พระพุทธเจ้า ตรัส ไว้ว่า ไม่สรรเสริญ พระพุทธเจ้า
    ท่านตรัสว่า ให้อยู่กะปัจจุบัน.... ดีที่สุด

    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    สาธุ ทุกท่าน ที่ ปฎิบัติ ธรรม ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2012
  9. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ท่านได้ติดขัดเรื่องตรงไหนสอบถามได้นะครับ ผมอาจมี คำแนะนำ ทำให้พี่ๆ เพื่อนๆ ได้ปฎิบัติ ธรรม อย่าง สบายใจครับ

    พี่ๆเพื่อนๆ ท่านได้ที่มี องค์ มี ญาณ แล้ว บ่างที จิตตก นั่งสมาธิไม่ได้ ปฎิบัติ ธรรม ไม่ได้ ถามได้เลยครับ ถ้าผมมีประสบการณ์ที่เคยผ่านมาก็จะตอบครับ แต่ถ้าไม่เคยผ่าน ผมจะไปถาม อ. ที่สอนผม ให้ครับ

    มรรคผล เห็นแล้ว ก็ เกิด นิพพาน

    เหมือนดอกบัว ที่ บาน ออก พ้น น้ำครับ นิละความสุขที่แท้จริง

    คนรู้ธรรมะ ชอบจะเอาชนะคนอื่น คนมีธรรมะ ชอบจะเอาชนะตัวเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2012
  10. วีระชัยมณี

    วีระชัยมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,128
    ค่าพลัง:
    +2,548
    อนุโมทนาสาธุครับ....ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ไม่มีข้อโต้แย้ง หรือสงสัยแต่ประการใดครับ....

    ตรงกับจริต และสิ่งที่ผมรู้มาเลยครับ.....ไม่มีคำอธิบายครับ....สาธุๆๆๆ
     
  11. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    พี่ๆเพื่อนๆ ทุกคนครับ

    ถ้า ทำสมาธิ ไม่ได้ ก็ ลดลง มา ให้ถือ ศีล ถ้าถือ ศีล ไม่ได้ ก็ ให้ทาน

    ทำให้ขั้นบันได เวลาขึ้นสูงสุด ไปแล้วเหมือนจะเพ้อเจ้อ ให้เราเดินลงมาจากขั้นบันไดครับคอยๆๆ เดิน อยากมีสติครับ

    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    สาธุ ทุกท่าน ที่ ปฎิบัติ ธรรม ครับ
     
  12. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337

    จะมาเข้าใจความหมายของพระองค์ดีเเค่ไห นก็คือ การมาศึกษาคำของตถาคต นั้นเเละนะ - -* อยากจะให้ไปศึกษาคำของตถาคตกันใน พุทธวันจน กันดีๆ จะได้เข้าใจเหมือนกันสะที

    ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าภิกษุเจริญอานาปานสติ แม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือ(รู้ลม1วิ)
    ภิกษุนี้เรากล่าวว่า
    อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน
    ทําตามคําสอนของพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาท
    ไม่ฉันบิณฑบาตของชาวแว่นแคว้นเปล่า

    ก็จะป่วยกล่าวไปไย ถึงผู้กระทําให้มากซึ่งอานาปานสตินั้นเล่า



    ^
    อานาปานสติไม่กล่าวว่า มีได้กับผู้มีสติเลอะเลือน ไม่มีสัมปะชัญญะ



    เดียวอธิบายอะไรให้จขกท กับเพื่อนๆได้ฟัง ส่วนใหญ่ ไม่มีพระสูตรยืนยันผมจะไม่พูดนะ
    ศิลสมาธิปัญญานั้น บอกก็ถูกนะ ก็เเบ่งมาจากมรรค8 เหลือ3ส่วนคือไตรสิกขา เเต่ถ้าลองไปดูลายระเอียดเเล้ว มรรค8ก็ลงลายระเอียดให้เหลือ2อย่างคือ สมถะ กับ วิปัสสนา นั้นเอง เพราะว่า ขณะที่ปฏิบัติ2อย่างนี้อยู่ ศิล5ก็สมบูรณ์ไปด้วย เเล้วขณะนั้น ธรรม2อย่างก็ต้องเคียงคู่กันไป
    ส่วนเรื่องฌาณผมก็คิดว่าเป็นเรื่องดีนะ ไม่ใช่ว่าไม่ดี ถ้าลองไปดูรายละเอียดพุทธวัจน อย่างน้อยในการรู้เห็นตามความจริง พระพุทธเจ้าตรัส ต้องได้อย่างน้อยฌานที่1 คือไม่มีนิวรณ์กับ ไม่มีอกุศลทั่ง3 กาม พยาบาท เบียดเบียน พระองค์ลงไว้เท่านี้ละ เเละถึงจะเห็นความเกิดดับภายในได้คือ รูป-นาม เเละความไม่ประมาทสำรวมอินทรัย์นี้ ก็สำคัญเหมือนกัน คือการเพียรละ อกุศลมาอยู่กับลมหายใจไว่ คุณของลมหายใจ พระองค์ตรัสไว้ 40กว่าพระสูตร อนิสง ของลมหายใจก็คือ ความเป็นอมตะ ละอกุศลต่างๆได้ อายตนะจะไม่ลำบาก มองอะไรที่ไม่ชอบใจ ให้ชอบได้
    มองอะไรที่ชอบใจ เปลียนเป็นไม่ชอบก็ได้ หรือจะมองทั่ง2เป็นอุเบกขาได้ เป็นเหตุให้ได้ ฌานที่1 ถึงที่ 9 ทำให้เเจ้งถึงวิมมุติได้ เป็นทั่งสมถะ กับ วิปัสสนา


    ภิกษุทั้งหลาย ! เราไม่มองเห็นธรรมอื่นแม้สักอย่างหนึ่ง
    ที่เป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
    หรืออกุศลธรรมที่เกิดอยู่แล้ว ย่อมเสื่อมสิ้นไป, เหมือนความไม่ประมาท นี้.
    ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อบุคคลไม่ประมาทแล้ว,
    กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ก็เกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดอยู่แล้ว ก็เสื่อมสิ้นไป.
    เอก. อํ. ๒๐/๑๓/๖๐.



    ความไม่ประมาทก็คือการสำรวมอินทรีย์ก็มีในหลายๆพระสูตร
    ก็คือการตั้งจิตไว้กับกายคตาสตินั่นเอง พระองค์ตรัสเป็นเสาเขื่อน เสาหลักของจิต มีสติ กลับมาอยู่กาย มีสมาธิ
    ก็จะมีที่ตรัสว่า ลมหายใจคือกายอันหนึ่งในกายทั่งหลาย
    รู้ลมก็คือ รู้กาย หรือ (รู้รุป ลึกซึ่ง) ยืนจรดประตูแห่งอมตะ เป็นเหตุให้อย่างน้อย ถ้ายังละอุปทานยังไม่ได้ ก็ยังได้เป็นอนาคามีผล ในปัจจุบัน ถ้าละกิเลสได้เเล้ว ก็คืออรหัตผล ในปัจจุบัน เมื่อรู้ลมอยู่ ก็คือความไม่ยินดี ยินร้ายในโลกทั่งปวง(ครายๆอีกพระสูตรที่ตรัสเรื่องหลักปฏิบัติสำหรับคนแก่ใกล้ตาย) ทำให้เป็นเหตุให้ถอนอนุสัยทั่ง2คือ สังโยชน์ตัวที่4 กับ 5 ได้ เป็นอย่างน้อย เพียงรู้ลมหายใจอย่างเดียว ให้คติกับ จขกทไว้ให้ จากสัตว์ที่ต้องเกิด ก็ย่อมหลุดจากการเกิดได้ จากสัตว์ที่ต้องเเก่ ก็ย่อมหลุดจากการเเก่ได้ จากสัตว์ที่ต้องกลับมาตายอีก ก็ย่อมหลุดพ้นจากการกลับมาตายอีก ที่ไหนมี ชาติ ชรา มรณะ ที่นั้นจะมีทุกข์โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส /// ที่ไหนไม่มี ชาติ ชรา มรณะ ที่นั้น ไม่มี
    "โศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น"
    การเกิดเป็นมนุษย์นั้นเเสนยาก พอๆกับเต๋าตาบอด ยากขึ้นอีกคือมีพระพุทธเจ้าอุบัติด้วย ยากอีกก็คือหลักธรรมพระองค์จะเเผ่ไปทั่วประเทศ ทำให้เราได้ศึกษากัน
    ภิกษุ ท. ! ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกันที่ใคร ๆ
    จะพึงได้ความเป็นมนุษย์;
    ยากที่จะเป็นไปได้ฉันเดียวกัน ที่ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ
    จะเกิดขึ้นในโลก;
    ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน ที่ธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้ว
    จะรุ่งเรืองไปทั่วโลก
    ภิกษุ ท. ! แต่ว่า บัดนี้ ความเป็นมนุษย์ ก็ได้แล้ว;
    ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะก็บังเกิดขึ้นในโลกแล้ว;
    และธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้ว ก็รุ่งเรืองไปทั่วโลกแล้ว


    อะไรๆที่ว่ายากๆก็ได้หมดเเล้วนะ นี้ความการประจวบพร้อมที่สัตว์โลกเพียงปลายเล็บพระองค์ที่จะเข้าใจ เเละโชคดีเป็นอย่างมาก เหลือเพียงว่า อยากจะทำความเข้าใจคำพระองค์กันรึเปล่า เลือกที่จะไม่กลับมาเกิดรึเปล่า คนส่วนมากที่ใช้ชีวิตอย่างทุกวันนี้ ก็คือ มิจฉาปฏิปทา ไม่มีอะไร ใช้ตั้งเเต่เกิดจนดับ คือต้นจนปลาย คือการตามกระเเสของธรรมชาติ ธรรมะพระองค์สวนกระเเส เป็นการปฏิบัติสวนกระเเสของโลก เป็นสัมมาปฏิปทา

    เวลานี้ คนเป็นครูก็เเก้ หรือสอนเด็ก ไม่ให้ตายก็ไม่ได้ เป็นหมอ ก็เเก้ไม่ได้ หรือเพียงสอนไม่ให้กลับมาตายอีกก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเกิดมาเนี่ย
    เงินสัก1บาทก็เอาไปด้วยไม่ได้
    มีเพียงหลักปฏิบัติของพระองค์ที่ทำให้สู้กับความเป็นจริงได้
    ก็มีพระสูตรที่ว่า การเกิดไม่มีโดยประการทั่งปวง เเก่ ตาย จะมีได้มั้ย?
    ก็ไม่ได้ โลกสมมุตินี้มันตั้งไว้ซึ่งทุกขัง เท่านั้นเอง ความเเก่ชรา มันซ่อนหลังคนหนุ่มสาว เหรียญนั้นมันมีสองด้าน คุณกับโทษ ก็อย่างที่เค้าว่าเเละน้า
    ที่ไหนมีรักที่นั้นก็มีทุกข์ เมื่อรักคนๆ1 สักวันภาพที่กายเค้าก็ต้องดับไป
    หรือเลิกล้างกัน เพราะขนาดใจของเราเองยังคุ้มไว้ไม่ได้ ภาษาอะไรใจคนอื่น เกิด-ดับ เปลียนตลอดวันตลอดคืน ก็มีเเต่คนที่ยึดไว้นั่นที่ทุกข์
    ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุของมัน ปฏจจสมุปบาท

    เพราะการ เกิด เนี่ยละทำให้ทุกข์ต่างๆ108 เกิดขึ้น
    ถ้ามีคนถามว่าคุณอยากกลับมาเกิดกันอีกมั้ย ผมคิดว่าคงไม่มี
    เเต่ส่วนที่ไม่รู้จริงก็จะบอกว่าอยากกลับมาเกิด เพราะเค้าไม่รู้โทษของมัน เห็นเเค่ รสอร่อยของมัน โทษของมันยิ่งกว่าการเลี้ยงโคขุนเเล้วฆ่าเสียอีก พระพุทธองค์ตรัสไว้ดีจริงๆนะ
    การ เกิดอีกก็ทุกขือีกนั้นเเล นี้เเละที่เรียกกันว่า สงสาร..


    ก็ลองนึกตามว่า ถ้าคุณคิดว่าจะได้กลับมาเกิดอีกหล่ะ หรือเค้าจะส่งคุณกลับมาเกิดอีก ?
    ก็คือการ เเก่ เจ็บ ตาย ใช่มั้ยมีเเต่ความเสื่อม เเล้วตายไป
    นี้หรือชีวิต คือความว่างเปล่า




     
  13. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ผมเคยถามตัวผมเองว่าทำไมต้องนั่งสมาธิ เวลานั่ง แล้วได้ ณาน ได้นาน นาน แล้วก็ เกิด
    กิเลส ตัณหา อยู่ที่ตัวเราครับ

    ป่างครั้งที่ผม จนผมรู้สึก ได้ว่า การหายใจของเรานั้น วิ่งไปตามกระเสเลือดเลยครับ เช่น หายใจเข้า วิ่งเข้าไปในสมอง แต่ ในการนั่งของผม นั้น มันไม่ได้ แบบ นี้ทุกวันนะครับ
    ป่างที ก็นั่งไม่ได้เลย เพราะว่า ความอยากรู้ ของตัวผม ว่าเห้ย จะได้มากกว่านี้ไหม !!!
    มันก็กลายเป็น กิเลส ทำให้ผม อยากรู้ สุดท้ายก็ กายเป็นคิดมาก

    วันนี้ ผมได้นั่งปรึกษาธรรมะจากหลวงพี่น้อย หลวงพี่น้อยบอกว่า ท่านยังมี กิเลสความอยากรู้ อยู่ ผมเลยถามหลวงพี่น้อยว่า แค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วหรอครับ หลวงพี่ท่านบอกว่า
    ใช่ แค่นี้ก็คือ กิเลสแล้ว ไม่ต้องมาก มาย มันก็คือ กิเลสตัวเดี่ยวกัน เพราะกิเลสนั้นมันชั้งน้ำหนักไม่ได้ แค่คิดออกมาจากสมอง ก็เป็นกิเลส

    ผมถึงเข้าใจ เลยครับ มันเฉลย ของตัวมันเองครับ

    สาธุ ทุกท่าน ที่ ปฎิบัติ ธรรม ครับ

    คนรู้ธรรมะ ชอบจะเอาชนะคนอื่น คนมีธรรมะ ชอบจะเอาชนะตัวเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2012
  14. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ
    มันเป็นคำตอบอยู่แล้วครับแต่ผม ยกตัวอย่างว่า ปัจจุบัน คือจะได้ไม่ต้องคิดฟุ่งครับ ทุกคน มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย ครับแต่

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าให้อยู่ กะ ปัจจุบันมากที่สุด รู้ว่าเราทำอะไรควรมิควรครับ ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ ป่างคำพูดผมอาจจะใช่ถอยคำไม่สุภาพเท่าไรนะครับขออภัยด้วยครับผม

    อนุโมทนา สาธุ สาธุ ครับพี่
     
  15. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ขอบคุณมากนะคะ สำหรับความเอื้อเฟื้อของเจ้าของกระทู้ ขอบคุณจริงๆ
     
  16. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    มีอยู่ ขณะ หนึ่ง ผมได้สมาธิ เหมือน คุยกะต้นวานดอกทองได้ครับ เวลารดน้ำต้นว้านดอกทอง ผมก็อธิษฐานบารมี บอกผ่านจิตว่า โตวันโตคืนนะ สักพักไม่ถึง 2 วินาที มีตอบกลับมาว่า ค่ะ
    เป็นอย่างนี้ประมาน 4 วัน ว้าน ที่ผม ปลูก กลับให้ดอก มา ประมาน 6 ดอก
    มันแปลกมาก ครับพลัง อธิษฐานบารมี มีอยู่จริงๆ

    ------------------------------------------------------------------------

    อีก 1 เรื่อง เวลาผมไปกวาดลานวัด นก พิราบๆ ก็ เดินเข้ามาใกล้มาก เหมือนกะ มันเห็นว่าไม่มีอันตราย ผมก็กวาดไปมันก็ กินลูกจันทร์ไป แปลกมากครับ เรื่องพวกนี้ อยากรู้ต้องรองดูเอง หมา แมว ทุก อยาก วิ่ง มาแบบ แปลกมากเหมือน ผมเป็นคนให้อาหารมันเอง เลยครับทั้งๆๆ ที่ไม่เคยให้ อะไรมันกินเลย

    สาธุ ทุกท่าน ที่ ปฎิบัติ ธรรม ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2012
  17. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    อนุโมทนาทุกความเห็นครับ

    มีสติไว้ว่ากำลังทำอะไรอยู่

    เจริญในธรรมนะครับ
     
  18. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร
    1.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
    2.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
    3.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
    4.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
    5.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
    6.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
    7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
    8.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
    9.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
    10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
    ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น

    อันข้างล่างคิดเอง:

    เหตุการณ์ข้างหน้าอาจจะเกิดหรือไม่เกิด แต่อย่าตั้งตนบนความประมาท อย่าตีตนไปก่อนไข้ ฆ่าตัวตายเพราะหลักทฤษฎีของบางคน ถึงวันนั้นมีจริง ทุงสิ่งก็จบเหมือนกัน

    พระพุทธะเจ้าทรงตรัสสอน
     
  19. Pra_THoNG

    Pra_THoNG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +739
    อ่าว ผม เป็น คนอ้วน นั่งนานไหล่กับหลัง ผม ไม่ค่อยดี ปวดมากมาย ผมก็เลยพิงกำแพงบ้าง นั่งเก้าอี้ บ้าง ยังงี้ไม่ได้ เลยหรอ แต่ จิตผมนิ่งเป็นสมาธิดีกว่า ฝืนนั่งแบบปวดๆ อีกอ่า
    เพราะ มันรู้สึก สบายๆ เป็นธรรมชาติดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2012
  20. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    สมาธิไม่มีคำว่าสบายครับ มีแต่ สงบ ครับ

    แต่ถ้าพี่สังขารไม่อำนวย พี่ สวดมนต์ ก็ เป็นสมาธิ ได้นะครับ

    อย่างเช่นบทสวด ปฏิจจสมุปบาท

    อวิชชาปัจจะยา สังขารา ( เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี )
    สังขาระปัจจะยา วิญญานัง ( เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี )
    วิญญาณะปัจจะยา นามะรูปัง ( เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี )
    นามะรูปะปัจจะยา สะฬายะตะนัง ( เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี )
    สะฬายะตะนะปัจจะยา ผัสโส ( เพราะสฬายตนเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี )
    ผัสสะปัจจะยา เวทนา ( เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี )
    เวทะนายะปัจจะยา ตัณหา ( เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี )
    ตัณหาปัจจะยา อุปาทานัง ( เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี )
    อุปาทานะปัจจะยา ภะโว ( เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี )
    ภะวะปัจจะยา ชาติ ( เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี )
    ชาติปัจจะยา ชะรามะระณัง ( เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี )
    โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา สัมภะวันติ
    ( ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม )
    เอวะเม ตัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ สะมุทะโย โหติ
    ( การเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมีด้วยประการฉะนี้ ฯ )


    อวิชชา ยะ เตววะ อะเสสะวิราคะนิโรธา สังขาระนิโรโธ
    ( เพราะอวิชชาสำรอกดับไปไม่เหลือ สังขารจึงดับ )
    สังขาระนิโรธา วิญาณะนิโรโธ ( เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ )
    วิญญาณะนิโรธา นามรูปะนิโรโธ ( เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ )
    นามะรูปะนิโรธา สะฬายะตะนะนิโรโธ ( เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ )
    สะฬายะตะนะนิโรธา ผัสสะนิโรโธ ( เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ )
    ผัสสะนิโรธา เวทนานิโรโธ ( เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ )
    เวทนานิโรธา ตัณหานิโรโธ ( เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ )
    ตัณหานิโรธา อุปาทานะนิโรโธ ( เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ )
    อุปาทานะนิโรธา ภะวะนิโรโธ ( เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ )
    ภะ วะนิโรธา ชาตินิโรโธ ( เพราะภพดับ ชาติจึงดับ )
    ชาตินิโรธา ชะรามะระณัง ( เพราะชาติดับ ชรามรณะจึงดับ )
    โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา นิรุชฌันติ
    ( ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจจึงดับ )
    เอวะเมตัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ นิโรโธ โหติ
    ( การดับแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมีด้วยประการฉะนี้ ฯ )

    บทสวดนี้ ปลงสังขาร ได้ครับ พี่ใช่ดูก็ได้ครับไม่จำเป็นต้อง นั่งสมาธิครับ
    พอจิต สงบ ก็ทำอะไรก็สบาย ฝึกต่อไปก็จะได้ มรรคผล ครับ พี่ ผมให้กำลังใจครับ

    สาธุ ที่ ปฎิบัติ ธรรม ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...