ใครศรัทธา..หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค มาพูดคุยกันครับ

เริ่มแรกเดิมทีผมรู้จักหลวงพ่อปานก็เพราะองค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่แหละครับ และเผอิญได้รูปหล่อโบราณของหลวงพ่อปานมา(ไม่ทันท่านอธิษฐานนะครับ)ได้มาแรกๆสนิมเขียวกินเลอะไปหมดก็เลยล้างผิวจนรมดำหายหมดเลยจึงคิดจะเอาไปชุบทอง นี่แหละครับยิ่งทำให้ผมศรัทธาในองค์หลวงพ่อปานอย่างที่สุด เพราะเมื่อนำพระไปชุบทองเค้าก็ต้องล้างน้ำกรดแล้วจึงไปชุบครับ...ช่างทำอยู่สามหนทองไม่ยอมติดครับ จึงถือออกมาให้ผมดูแล้วบอกให้ตามเค้าไปด้านในเค้าว่าดูนะเค้าก็เอาโลหะของเค้าจุ่มน้ำกรดแล้วเอาไปใส่ถังชุบทองยกขึ้นเหลืองอร่ามเชียวครับ แล้วเค้าก็เอารูปหล่อหลวงพ่อปานของผมจุ่มน้ำกรดแล้วเอาไปชุบทองยกขึ้นมาทองไม่ติดแม้แต่น้อยผมขนลุกเลยครับ เค้าบอกว่าชุบครั้งนี้ครั้งที่สี่แล้วคุณไปจุดธูปขอท่านที ผมจึงไปจุดธูปขอท่านว่าไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ท่านแม้แต่ประการใดขออนุญาตท่านและเทวดารักษารูปเหมือนนั้นเพื่อนำรูปเหมือนหลวงพ่อไปชุบทองเอาธูปปักลงกะดินแล้วเดินมาบอกช่างช่างเอารูปหล่อไปจุ่มในถังชุบยกขึ้นมาเหลืออร่ามเลยครับ ช่างถึงกับยกใส่หัวแล้วว่า ชุบมาเป็นสิบๆปีพึ่งเจอองคืนี้แหละครับ
....จึงขอนำภาพรูปหล่อของผมมาใหชมกันครับ...และผมจึงตามเก็บรูปหล่อรุ่นนี้มาเรื่อยๆเพราะประจักกับตนแล้วว่าหลวงพ่อปานท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆครับ...
...ท่านใดมีประสบการณ์กะท่านหรือมีรูปเหมือนหรือวัตถุมงคลอันเกี่ยวเนื่องกับท่านก็ลงภาพมาให้ได้ชมกันนะครับ....(รูปหล่อรุ่นนี้มีทั้งแบบมีกริ่งและไม่มีกริ่งครับ)
...นะโม โพธิสัตโต โสนันโท....

 

ในกระบวนพระสายอยุธยา ผมเองก็มีศรัทธาในองค์หลวงพ่อปาน และหลวงพ่อจงครับ

ทราบกิติคุณของท่านจากหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงเช่นกัน

เคยฝันถึงหลวงพ่อปานและหลวงพ่อจงคือ ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือมากโดยเฉพาะหนังสือพระและประวัติพระเกจิ มีสะสมไว้เป็นตั้ง ๆ รักและหวงมากไม่ค่อยให้ใครยืม ผมไปทำงานที่ต่างอำเภอไม่ค่อยได้กลับบ้านนอกจากเสาร์-อาทิตย์ วันหนึ่งฝันว่าหลวงพ่อปานและหลวงพ่อจงมาหา พูดบอกในฝันว่า ปลวงขึ้นยอดแล้ว ผมเลยกลับบ้านไปดูที่ตู้หนังสือปรากฎว่า หนังสือที่สะสมไว้ปลวกกินเรียบพรุนหมดจริง ๆ รวมทั้งหนังสือที่มีประวัติและรูปของหลวงพ่อปานด้วย เศร้าอยู่นานเลยครับ

 

อย่างที่รู้กันครับว่าบรรดาท่านที่ชอบฤทธิ์ทั้งหลาย สายหลวงพ่อปานนี่แหละครับสายใหญ่...ไม่พ้นท่านครับท่านสงเคราะห์หมดจริงๆ

 

ขอบคุณสำหรับคุณเพชรฉลู..ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาครับ....
หลวงพ่อปาน....เป็นพระเกจิรูปหนึ่งที่ผมศรัทธาท่านมาก..ด้วยเหตุผลหนึ่งก็คือท่านเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อฤาลิงดำ และท่านก็มีเมตตากับชาวบ้านที่เจ็บป่วยเจ็บไข้ในสมัยก่อนเป็นอย่างมาก...จากที่ได้เคยอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติของท่านก็ยิ่งรับรู้รสพระธรรมคำสั่งสอนที่ท่านมีต่อญาติโยมอย่างมากมาย...(^_^)...

 

เพราะหลวงพ่อปานองค์นี้แหละครับที่ทำให้ผมเลิกดืมเหล้าอย่างเด็ดขาด...เนื่องจากอยากได้พระของท่านก็เลยอธิษฐานกับท่านว่าถ้าท่านศักดิ์สิทธิ์จริงขอให้ได้พระของท่านมาบูชาแล้วจะเลิกดื่มเหล้าก็ได้มาภายใน 3 วันครับจึงงดและเลิกดื่มตั้งแต่วันั้นเป็นต้นมาครับ

 

โมทนาด้วยครับ..(^_^)

 

มีพี่ท่านหนึ่งที่รู้จักกันเค้าศรัทธาหลวงพ่อปานและหลวงพ่อฤาษีมากเค้าจึงเอาหนังสือกรรมฐาน40กะหนังสือคู่มือปฏิบัติกรรมฐานของหลวงพ่อฤาษีเป็นครูปฏิบัติเอาเอง แกว่าร่วมๆ6เดือนได้ก็เริ่มเห็นแสงสว่างในสมาธิและก็ได้เห็นหลวงพ่อปานเดินมากะหลวงพ่อฤาษีในนิมิตรพร้อมกับบอกว่าทำถูกแล้วก็หายไป เค้าจึงเร่งปฏิบัตใหญ่ครับจนวันหนึ่งพอจะออกจากสมาธิก็คิดขึ้นมาว่าอยากเห็นหลวงพ่อปานด้วยตาเนื้อจังเลยแค่คิดนะครับก็ได้ยินเสียงคนเคี้ยวหมากอยู่ข้างๆจึงค่อยๆลืมตาแล้วหันไปมองก็เห็นหลวงพ่อปานนั่งเคี้ยวหมากอยู่ข้างๆด้วยตาเนื้อทั้งสองข้าง หลวงพ่อท่านก็ถามพี่เค้าว่าอยากเห็นไม่ใช่เหรอพี่เค้าตกใจหลวงพ่อก็หายไปทันทีครับพี่เค้าบอกว่าร้องไห้กราบพื้นด้วยความปีติอยู่นานเลยและยืนยันว่าหลวงพ่อปานยังคอยสงเคราะห์พวกเราอยู่เสมอครับ ขอเพียงแค่นึกถึงท่าน(เหมือนหลวงปู่ทวดครับ)

 

เมื่อประมาณ ๑๐ กว่าปีที่แล้ว ตอนสมัยเป็นนักเรียนอยู่ ผมเห็นภาพหลวงพ่อปาน ในนิตยสารโลกทิพย์ ผมนึกอย่างไรไม่ทราบ ตัดรูปท่านออกมา นำไปขยายใหญ่ มาติดข้างฝา ตอนนั้นนึกในใจว่า ถ้าเรามีวาสนาเนื่องกับหลวงพ่อปาน คงมีปาฏิหารย์ พอดีคุณแม่เดินผ่านมากำลังจะไปซื้อหวยหุ้น ผมก็พูดส่งเดชไป เช่น ๑๗ เลขเดียวโดดๆ ปรากฎว่า ตอนช่วงอาจเลขออก ๑๗ เป๊ะ ผมก็คิดว่าคงบังเอิญมั๊ง พอตอนบ่ายผมก็บอกคุณแม่มั่วๆ..ว่า ๓๘ปรากฎว่า เลขออก ๓๘ ผมเนี่ย ขนลุกซู่ซ่าเลย เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ประทับใจมากครับ

 

กราบ หลวงพ่อปาน ครับ
เป็น พระในดวงใจหลายๆท่าน
รวมทั้งผม แน่นอน ครับ

ได้มา 1 องค์
ตอนนี้
ขึ้นคอตลอด ครับ
ที่รู้ คือ
สบายใจมากขึ้น

 

ผมก็นับถือครับ แต่วาสนาน้อยนักที่จะได้ครอบครองพระเครื่องของท่านครับ มีแค่ของหลวงพ่อฤาษีอย่างเดียวเลยครับ อ่านหนังสือท่าน ศรัทธาหมดใจครับ ว่าจะเลิกดื่มเหล้าบ้าง ถ้าหลวงพ่อปาน เสด็จมาฟรี เลิกเด็ดขาดเลยครับ ขอให้มาครับ

 

วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ สมุทรสาคร สร้างพระดินเผา พระพุทธมีฐานเป็นสัตว์ต่างๆ ไปบูชาได้ครับ ส่วนที่กองทุนหลวงปู่ปาน อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ที่นั่นมีการจัดสร้างรูปเหมือนเนื้อผง เหรียญหลวงพ่อปาน ออกจำหน่ายให้บูชา

 

​

การเสกพระ (เเบบพระอริยะ)
เล่าโดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(วีระ ถาวโร)
วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี​

เรื่องมีอยู่ว่า ตอนท้ายชีวิตของหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานทำรูปของท่านแล้วมีรูปยันต์เกราะเพชร เมื่อทำแล้วหลายพันผืนสำหรับแจกบรรดาพุทธบริษัทที่มีความต้องการ ​

หลวงพ่อปานไม่ได้สั่งพิมพ์เอง เป็นนายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ คนนี้เรียนคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้ากับหลวงพ่อปาน ทำจนมีผล ทำคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าจนเป็นฌาน ​

คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้านี่ ลูกหลานทั้งหลาย ถ้าใครจำได้นะ ถ้าใครจำคาถาได้ ทำให้เป็นสมาธิ ทำให้เป็นฌาน มีผล ๒ อย่าง คือว่าถ้าเป็นฌานแล้วลาภสักการจะเกิดไม่ขาดสาย ขึ้นชื่อว่าความขัดข้องใดๆ ไม่ค่อยจะมี หากว่ามีขึ้นมาก็มีการชดใช้ หมายความว่าหาทัน นี่เป็นประการ ๑ ​

ประการที่ ๒ คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้านี่เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน มีผลยันให้ถึงพรหม หมายความว่าบันดาลให้เกิดเป็นพรหมได้ แต่ถ้าหากใช้ฌานอันนั้นไปเจริญวิปัสสนาญาณก็ไปพระนิพพานได้
ฉะนั้น คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าของหลวงพ่อปาน จึงไม่ใช่เป็นคาถาที่ปรัมปราหรือไร้ผล มีผลในชาติปัจจุบัน แล้วก็มีผลในชาติสัมปรายภพ หากว่าบรรดาลูกหลานทั้งหลาย ทำคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าของหลวงพ่อปานจนเป็นฌานได้ ทุกคนก็จะไม่มีความยากจน เวลาตายก็มีความสุข อยากจะไปนิพพานก็ไปได้ มีผลเสมอกัน เป็นคาถาของชาวบ้านโดยตรง ​

คราวนี้มาว่ากันถึงเรื่องผ้ายันต์ ในเมื่อนายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายตราใบโพธิ์มาถวายหลวงพ่อปานจำนวนหลายพันผืน เมื่อเขาพิมพ์มาแล้วหลวงพ่อปานก็สั่งหลวงพ่อเล็กให้เอาผ้ายันต์ไปเสก หลวงพ่อเล็กนำมาเสก ๓ เดือน ถือว่าครบไตรมาสพรรษาหนึ่งพอดี​

หลวงพ่อเล็กนี่เราทราบกันอยู่ว่าท่านได้สมาบัติ ๘ แต่ว่ายิ่งไปกว่านั้นสำหรับวิปัสสนาญาณนี่จะได้อะไรฉันไม่ทราบ ฉันไม่หลอกสิ่งที่จะรู้กันได้ ถ้าเราได้ถึงไหนเราก็รู้กันว่าคนอื่นเขาได้ถึงเพียงนั้น ที่รู้เลยไปเราไม่รู้ ตอนนั้นฉันก็ยังทรงสมาบัติ ๘ เหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้ฝึกอภิญญาครบถ้วน เลยกลายเป็นพระไม่ใช่อภิญญา นี่ฟังให้ดีนะ​

สมาบัติ ๘ ก็อาศัยกสิณกองใดกองหนึ่งเป็นพื้นฐาน ไม่จำเป็นต้องใช้กสิณทั้งหมด ๑๐ อย่าง ใช้กสิณกองใดกองหนึ่งเป็นพื้นฐานยกเอารูปขึ้นมาตั้งแล้วก็เพิกกสิณนั้นเสีย แล้วใช้อรูปฌานขึ้นมาแทน ถ้าทำได้ทั้ง ๔ อย่างก็เรียกว่าทรงอรูปฌาน ๔ อย่าง ได้เป็นฌาน ๘ ไป นี่ฟังกันไว้เท่านี้นะ ​

หลวงพ่อเล็กได้ฌาน ๘ สมาบัติ ๘ เลยกว่านั้นฉันไม่รู้ เมื่อได้รับผ้ายันต์มาแล้วก็มานั่งเสก เสกด้วยอำนาจของสมาธิ เข้าฌานสมาบัติ ๓ เดือน เวลากลางคืนนา เสกกี่ชั่วโมงไม่ทราบ แต่ว่าไม่ใช่ว่าตลอดวันตลอดคืน อย่านึกว่าตลอดวันตลอดคืน ๓ เดือน ไม่ลูก ไม่กินข้าวไม่กินปลา นี่มันก็เกินคนไป ว่ากันตามแบบปกติ​

ฟังเรื่องของพระนะ พอครบ ๓ เดือนวันออกพรรษาหลวงพ่อเล็กเรียกฉันเข้าไป บอกให้แบกผ้ายันต์ ฉันคนเดียวมันแบกไม่ไหว ก็เอาไอ้เพื่อนอีก ๓ คนมาช่วยกันแบกผ้ายันต์มาถวายหลวงพ่อปาน ยังไม่ทันจะถึงเลย ห่างอีกประมาณสัก ๑๐ วาได้กระมัง หลวงพ่อปานเห็นเข้า ท่านโบกมือโบกไม้บอกว่า ไม่เอาๆ ยังไม่เสร็จ ยังไม่เสร็จ ยังใช้ไม่ได้ นี่ท่านร้องไป ก็เป็นอันว่าไม่เอาเข้าไปให้ท่าน เอากลับ ​

ตอนนี้หลวงพ่อเล็กกลับมาก็นึกในใจว่า นี่เราทำขนาดนี้ยังใช้ไม่ได้ ใครที่ไหนจะยิ่งไปกว่าเรานะ เราเข้าถึงสมาบัติ ๘ นี่ท่านบ่นนะ เราเข้าถึงสมาบัติ ๘ แล้วก็คลายสมาธิลงมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ จนกระทั่งอารมณ์จิตเป็นแก้วทั้งหมด เป็นแก้วประกายพฤกษ์ทั้งหมดแล้วเราจึงเข้าสมาธิใหม่ จัดเป็นโลกุตตรญาณ แล้วเราก็อธิษฐานจิต นี่ยังใช้ไม่ได้ ก็ใครจะเสกยิ่งไปกว่านี้ ท่านบ่นให้ฟัง ​

ท่านก็บอกว่า เอา ในเมื่อท่านใหญ่บอกว่าใช้ไม่ได้ ฉันก็จะทำให้ใหม่ ตอนนี้ท่านไปทำใหม่ ๗ วัน ท่านทำยังไงบ้างฉันไม่ทราบ เวลาท่านทำไม่ได้เข้าไปยุ่งกับจิตใจของท่าน พอครบ ๗ วัน ท่านมาเรียกพวกฉันไปให้ไปแบกมาให้หลวงพ่อปาน ​

ตอนนี้เองพอแบกมา หลวงพ่อปานเห็นแต่ไกลก็กวักมือกวักไม้บอก เออๆ เอามาๆๆ อย่างนี้ซิมันถึงจะใช้ได้ ไอ้คนเก่งคนเดียวน่ะมันใช้ไม่ได้ มันต้องให้คนอื่นเขาเก่งกว่า เก่งคนเดียวใช้ไม่ได้ ทำอย่างนี้ใช้ได้ เมื่อเข้าไปถึง หลวงพ่อเล็กก็กราบหลวงพ่อปาน ฉันก็กราบ เพื่อนฉันก็กราบ ​

ฉัน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)ถามหลวงพ่อเล็กว่า หลวงพ่อขอรับ ตอนก่อนหลวงพ่อเสกยังไงหลวงพ่อปานจึงว่าใช้ไม่ได้
หลวงพ่อเล็กบอกว่า ตอนก่อนฉันเข้าสมาบัติ ๘ แล้วใช้วิปัสสนาญาณเต็มที่ คลายจิตออกมาถึงอุปจารสมาธิ อธิษฐานแล้วก็เข้าสมาบัติ ๘ ใหม่ เท่านี้ ๓ เดือน ไม่ได้ขาดเลยทุกคืน คืนละ ๓ ชั่วโมง ท่านใหญ่บอกว่าใช้ไม่ได้ ​

หลวงพ่อปานท่านก็ออกมาบอก ยังงี้ใช้ไม่ได้ดอกคุณเล็ก คุณเล็กอย่างนี้ใช้ไม่ได้นะ คือว่าถ้าเราทำอะไรถ้าเก่งคนเดียวมันใช้ไม่ได้ ไอ้เราเองน่ะมันไม่ดีพอ ต้องให้คนอื่นเขาดีบ้าง ​

จึงได้ถามหลวงพ่อเล็กใหม่ว่า หลวงพ่อขอรับ ตอน ๗ วันนี่ หลวงพ่อทำยังไงขอรับ
ท่านบอกว่าในเมื่อฉันใช้สมาบัติ ๘ ท่านใหญ่บอกว่าใช้ไม่ได้ ฉันก็กลับ คราวนี้ฉันไม่เอาละ​

ฉันก็ตั้งท่าบวงสรวงชุมนุมเทวดา อาราธนาบารมีพระทั้งหมดตั้งแต่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด พรหมทั้งหมด เทวดาทั้งหมด ครูบาอาจารย์ทั้งหมด ฉันยกยอดเลย ยกยอด ในเมื่ออาราธนาเห็นท่านมากันครบถ้วน ​

แล้วท่านมาทำกันคืนหนึ่งประเดี๋ยวเดียว สัก ๑๐ นาทีท่านก็กลับ แล้วท่านก็บอกให้เลิก ฉันก็นอน ฉันทำมาแบบนี้ถึง ๖ วัน ถึงวันที่ ๗ ทุกท่านมา แต่ไม่มีใครทำ ท่านบอกว่าไม่มีอะไรจะบรรจุแล้ว คุณจะให้ฉันทำอะไร ฉันก็เลยเลิก ถึงได้ให้พวกเธอแบกมาให้ท่านใหญ่ นี่ท่านเรียกหลวงพ่อปานว่าท่านใหญ่ ​

หลวงพ่อปานฟังแล้วก็หัวเราะก๊าก บอกจริงที่คุณเล็กพูดน่ะ จริงนะอาจารย์เล็ก อาจารย์เล็กท่านเรียกอาจารย์เล็กบ้าง คุณบ้าง ที่อาจารย์เล็กพูดนั่นน่ะจริง พวกเธอจงจำไว้นะ การที่เราจะเสกพระเสกผ้ายันต์อะไรต่ออะไรนี่น่ะ ถ้าเสกด้วยอำนาจกำลังของเราละไม่ช้ามันก็เสื่อม เราน่ะมันดีแค่ไหน การเสกว่าคาถาต่างๆ นี่ก็เป็นการอาราธนาบารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือเทวดา หรือพรหมมาช่วย แต่ว่าคาถาบางอย่างก็จะว่าแต่เฉพาะบางจุด ​

การเสกพระเสกเจ้า หรือเสกผ้ายันต์ เสกอะไรต่ออะไรพวกนี้ ถ้าเราเอาตัวของเราออกเสีย เราไม่เข้าไปยุ่ง แต่อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด พรหมหรือเทวดาทั้งหมดท่านมาช่วย ท่านทำประเดี๋ยวเดียว ๒-๓ นาทีมันก็เสร็จ ดีกว่าเราทำ ๑,๐๐๐ ปี แล้วเราจะเอาอะไรบ้างก็อาราธนาบอกท่าน บอกว่าขอให้ใช้ได้อย่างนั้นอย่างนี้ ​

แต่อย่าลืมนะ ถ้าใช้ในทางทุจริตหรือกฎของกรรมบังคับ ไม่มีอะไรจะคุ้มครองใครได้ ถ้าหากว่าใครเลวอยู่แล้วก็คอยพยุงๆให้เลวน้อยลงไปนิดหนึ่งได้ ถ้าใครดีขึ้นมาหน่อยก็พยุงให้ดีมากได้ นี่เป็นกฎของอำนาจพุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี และพรหม และเทวดาทั้งหลาย​

ท่านพูดแล้วท่านก็ชอบใจ บอกว่าคุณเล็กทำถูก ตอนก่อนฉันรู้ ไปตั้งท่าเข้าสมาบัติอยู่คืนละ ๒-๓ ชั่วโมง ฉันนั่งอยู่ที่กุฏินี่ฉันก็รู้ แต่ที่ฉันไม่บอกไว้ก่อนเพราะจะให้คุณเล็กนี่นะรู้เอง การทำตัวเป็นคนเก่งเองน่ะมันใช้ไม่ได้ มันต้องให้พระท่านเก่งซี พระพุทธท่านเก่ง พระธรรมท่านเก่ง พระสงฆ์ท่านเก่ง พรหมท่านเก่ง เทวดาท่านเก่ง ของที่เราทำ เราจะไปตามคุ้มครองชาวบ้านชาวเมืองได้ยังไงทุกคน ถ้าหากพระก็ดี พรหมก็ดี เทวดาก็ดี ท่านช่วยคุ้มครอง ท่านก็มองเห็นได้ถนัด สงเคราะห์เขาได้โดยสะดวก​

 

ชอบมากบทความนี้ขอบใจน้องบอยนะ

 

ชุดเหรียญหลวงพ่อปาน ออกวัดพิกุล สร้างโดยหลวงพ่อหวล ศิษย์รูปหนึ่งของหลวงพ่อปาน เหรียญดีน่าบูชาราคาไม่แพง ออกเมื่อปี 2505แล้วนะครับ อธิษฐานตามแบบฉบับวัดบางนมโคทั้งหมดครับ ดังนั้นจึงรับรองเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอนครับ

 

เหรียญเสมา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลังยันต์เกราะเพชร สร้างโดย หลวงพ่อหวล วัดพิกุล กทม พ.ศ.2505/ ลองอ่านประสบการณ์ ของ ผู้ที่บูชาเหรียญหลวงพ่อปาน หลังยันต์เกราะเพชร /....อานุภาพเหรียญหลวงปู่ปาน,ผ้ายันต์เกราะเพชร.../........ข้าพเจ้าก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้ไปฝึกมโนมยิทธิที่วัดท่าซุง พยายามชักชวนนำพาญาติ เพื่อน และผู้ที่พอจะรู้จักกันให้ได้มีโอกาสไปฝึกมโนมยิทธิ เกือบสองปีแล้ว…ที่ข้าพเจ้าได้ไปฝึก และเมื่อมีโอกาสก็จะไปปฏิบัติอยู่ที่วัดเสมอ พระพระคุณของหลวงพ่อ และท่านผู้มีพระคุณทุกท่าน ที่ได้นำหาให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่…พระนิพพาน ได้พบเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น…ทั้งไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะมีจริง…!? ก่อนหน้านี้…ข้าพเจ้าก็ปฏิบัติพระกรรมฐานอยู่เสมอ แต่ว่าคนละแนวกับหลวงพ่อ ข้าพเจ้ารู้จักหลวงพ่อฤาษี และวัดท่าซุง จากหนังสือ…ประวัติหลวงพ่อปาน รู้สึกศรัทธาต่อองค์หลวงปู่และหลวงพ่อมาก เมื่อข้าพเจ้าได้ไปวัดท่าซุงครั้งแรกก็ได้ซื้อหนังสือธรรมของหลวงพ่อไปหลายเล่ม และได้เช่าผ้ายันต์เกราะเพชร ไปบูชาหลายผืน…ข้าพเจ้านำไปบูชาที่หัวนอนหนึ่งผืน วันหนึ่ง…ผ้ายันต์หลวงปู่ได้แสดงปาฏิหาริย์…!? โดยอยู่ดีๆข้าพเจ้าก็เวียนศรีษะรู้สึกว่าบ้านหมุนไปหมด จึงคิดจะนอนพัก เมื่อเปิดประตูห้องนอน…ก็พบว่าผ้ายันต์เกราะเพชรที่ข้าพเจ้าใช้สก๊อตเทปยึดที่มุมผ้า ด้านบน…หลุดออก ผ้ายันต์ตลบกลับลงมาครึ่งผืน ข้าพเจ้าจึงติดสก๊อตเทปไว้อย่างเก่า ปรากฏว่า…อาการที่เวียนหัวจนบ้านหมุนหายไปเป็นปลิดทิ้ง น่าอัศจรรย์มาก ครั้งหลัง…ที่ได้ไปปฏิบัติ ในระหว่างเดินทาง เหรียญหลวงปู่ปาน ก็ได้แสดงปาฏิหาริย์ให้ปรากฏ เป็นที่เลื่อมใสแก่ข้าพเจ้า และทุกคนที่ร่วมเดินทางมากยิ่งขึ้น การเดินทางของข้าพเจ้าจากบ้านจะถึงวัด จะต้องขึ้นลงรถ ๔ ระยะด้วยกัน วันที่เดินทางพอดีมีของมาก ข้าพเจ้ากับเพื่อนร่วมทางอีก ๔ คนจึงเหมารถสองแถวจากหน้าสถานีรถไฟ ให้ไปส่งถึงวัด ภรรยาของคนขับรถนั่งคุยกับข้าพเจ้าอยู่ทางด้านหลังรถ เธอก็รู้จุดประสงค์ของข้าพเจ้าว่า ต้องการจะเดินทางไปบวชพร้อมกับปฏิบัติ และเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้คุณแม่ที่เพิ่งเสียชีวิต ตอนหนึ่ง…เธอเล่าว่า “วันนี้แปลกชอบกล…ทุกวันเธอจะไม่ออกมาเรียกผู้โดยสาร สามีเธอจะเป็นผู้เรียก วันนี้เป็นครั้งแรก…และเมื่อเห็นข้าพเจ้า เธอก็เดินมาเรียกทันที…รู้สึกว่าคุยถูกอัธยาศัย ข้าพเจ้านึกสงสารเธอ และสามีที่ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงชีวิต จนไม่มีเวลารู้จักเข้าวัดหรือปฏิบัติพระกรรมฐาน ข้าพเจ้านึกถึงเหรียญหลวงปู่ปานที่คล้องสร้อยอยู่จึงคิดจะให้เหรียญเธอ คิดว่าเมื่อถึงวัดแล้วเช่าเหรียญหลวงปู่ปานใหม่ก็ได้ จึงส่งเหรียญให้เธอ…พร้อมกับบอกว่า “รักษาให้ดีนะ…ถ้าไม่มีเวลาสวดมนต์ ก่อนนอนและตื่นนอนก็จับเหรียญหลวงปู่ขึ้นมาพนม อธิษฐานขออาราธนาบารมีหลวงปู่ช่วยคุ้มครองเธอและครอบครัว ปรารถนาสิ่งใดที่ไม่ผิดศีลธรรมก็จะได้สำเร็จ” เมื่อเธอรับเหรียญไปคล้องที่สร้อย เห็นเธอมีอาการตื่นเต้นขนลุก เธอบอกว่า “ประหลาด…ชอบกล” เราคุยกันไปสักพักใหญ่จนถึงทางแยกมโนรมย์ วันนั้น…บังเอิญมีนายตำรวจคอยดักตรวจรถอยู่ สามีเธอไม่ได้มีใบวิ่งนอกเส้นทาง จำเป็นที่สามีเอจะต้องจ่ายเงินให้แก่ตำรวจซึ่งยืนยันว่าจะต้องจ่ายแน่นอน ๕๐๐ บาท เธอจะไปช่วยสามีพูดกับตำรวจ ข้าพเจ้าจึงบอกให้เธอขอให้หลวงปู่ช่วยด้วย…แล้วเธอก็ลงไปจากรถ ขณะที่เธอพูดกับตำรวจ…ข้าพเจ้าเห็นเธอพูดไปพลางมือก็กำเหรียญหลวงปู่อยู่ด้วย ไม่ช้า…เธอก็กลับมาที่รถ ตรงเข้าสวมกอดข้าพเจ้าแน่น น้ำตาคลอหน่วย มือที่กอดข้าพเจ้านั้น…เย็นเฉียบ เธอขอบใจข้าพเจ้าที่ให้เหรียญหลวงปู่ แล้วหลวงปู่ก็ช่วยให้แคล้วคลาดไม่ต้องจ่ายเงินเลย…เธอบอก “นึกไม่ถึงจริงๆค่ะ” เมื่อถึงวัด ข้าพเจ้าก็พาทั้งสองเข้าไปกราบหลวงปู่ที่หน้าโบสถ์…ก่อนจากเธอพร่ำกล่าวแต่คำขอบใจ ดูเธอทั้งสองศรัทธาต่อองค์หลวงปู่ และสถานที่ที่เธอได้พบเห็น คือวัดท่าซุง ที่หลวงพ่อฤาษีได้ก่อสร้างคล้ายเนรมิตขึ้นมาอย่างสวยงาม และศักดิ์สิทธิ์ในความรู้สึกของข้าพเจ้า ทั้งนี้อาจจะยังมีอีกหลายๆท่านที่ได้มาพบ และพักปฏิบัติอยู่ทุกครั้งที่ไปพัก และฝึกมโนมยิทธิจะรู้สึกได้ว่าอยู่ในสถานที่ๆปลอดภัยอบอุ่นใจมาก นั่นหมายถึงว่าได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อฤาษี ภิกษุทุกรูป ตลอดจนครูฝึกทุกท่าน จึงต้องขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่เมตตา ทำให้ธรรมะ และการฝึกมโนมยิทธิของข้าพเจ้า เจริญรุดหน้าไปอยู่เรื่อยๆ จนสามารถสัมผัสกับคุณแม่ที่เสียไปแล้วได้… ในบางครั้ง…เมื่อข้าพเจ้าได้ไปในสถานที่บางแห่ง ก็มีบางท่านที่มิอาจมองเห็นด้วยตาเปล่า มีความเมตตาตักเตือนสั่งสอนธรรมะและปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้าให้ปลอดภัย จึงทำให้ข้าพเจ้ายิ่งมีกำลังใจมุมานะพยายามประพฤติปฏิบัติมโนมยิทธิยิ่งขึ้น เพื่อความหลุดพ้นวัฏฏะสงสารนี้ ชาตินี้…ขอเป็นชาติสุดท้ายของข้าพเจ้าเถิด ขอพระนิพพานเป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้…ตลอดไป (จากหนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๖) /โดย ลูกหลวงพ่อ

 

ผมก็ศรัทธาท่านมากๆๆๆๆ ครับ

วันที่ 8 - 13 ธันวาคม 2553 ที่วัดบางนมโค มีงานประจำปี ไปเที่ยวกันได้นะครับ

 

จริงเหรอครับ เด๋วมีโอากศจะไปครับ...(^_^)

 

นับถือ หลวงพ่อปาน ครับรู้จักท่านจากหนังสือสวดมนต์ที่อ่านในตอนเด็ก ๆ จะมีรูปของ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค รวมอยู่ด้วย ตอนนั้นมองรูปท่านแล้วรู้สึกเหมือนยำเกรงต่อท่านครับ