โ พ ธิ สั ต ว์แท้ กับ โ พ ธิ สั ต ว์เทียม

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย lepus, 13 มกราคม 2008.

  1. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้ทรงความรู้สูงส่งด้านปริญัติธรรมท่านหนึ่งอธิบายไว้ ผมบังเอิญไปอ่านเจอมาเห็นว่าข้อมูลเป็นความรู้น่าสนใจดีเลยนำมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ

    การจำแนกประเภท ของ พระโพธิสัตว์ แท้ ตามมติของนิกายเถรวาท

    พระโพธิสัตว์มี 12 ประเภท

    พระนิยตะมหาโพธิสัตว์ 3 ประเภท
    ( พระมหาโพธิสัตว์สัตว์ผู้ได้ผ่าน " การนิยตะพยากรณ์ และ อนิยตะพยากรณ์ "
    จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต )

    1. พระนิยตะมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " ปัญญาธิกะ"
    2. พระนิยตะมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " สัทธาธิกะ"
    3. พระนิยตะมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " วิริยาธิกะ"



    พระอนิยตะมหาโพธิสัตว์ 3 ประเภท
    ( พระมหาโพธิสัตว์สัตว์ผู้ได้ผ่าน " อนิยตะพยากรณ์ "
    จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต แต่ยังมิได้รับ " นิยตะพยากรณ์ )

    4. พระอนิยตะมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " ปัญญาธิกะ"
    5. พระอนิยตะมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " สัทธาธิกะ"
    6. พระอนิยตะมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " วิริยาธิกะ"

    พระนิยตะปัจเจกะโพธิสัตว์ 3 จำพวก
    ( พระปัจเจกโพธิสัตว์สัตว์ผู้ได้ผ่าน " การนิยตะพยากรณ์ และ อนิยตะพยากรณ์ "
    จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต )

    7. พระนิยตะปัจเจกะโพธิสัตว์ ผู้เป็น " ปัญญาธิกะ"
    8. พระนิยตะปัจเจกะโพธิสัตว์ ผู้เป็น " สัทธาธิกะ"
    9. พระนิยตะปัจเจกะโพธิสัตว์ ผู้เป็น " วิริยาธิกะ"

    พระอนิยตะปัจเจกโพธิสัตว์ 3 จำพวก
    ( พระปัจเจกโพธิสัตว์สัตว์ผู้ได้ผ่าน " อนิยตะพยากรณ์ " จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใน
    อดีต แต่ยังมิได้รับ " นิยตะพยากรณ์ )

    10. พระอนิยตะปัจเจกะโพธิสัตว์ ผู้เป็น " ปัญญาธิกะ"
    11. พระอนิยตะปัจเจกะโพธิสัตว์ ผู้เป็น " สัทธาธิกะ"
    12. พระอนิยตะปัจเจกะโพธิสัตว์ ผู้เป็น " วิริยาธิกะ"


    หมายเหตุ

    การจะเรียกบุคคลนั้นว่าเป็น " โ พ ธิ สั ต ว์ " ได้ ไม่ใช่จะเรียกบุคคลใดก็ได้ ที่

    ปรารถนาพระพุทธภูมิ ว่าเป็น " โ พ ธิ สั ต ว์ "

    เพราะการจะเรียกบุคคลนั้นว่าเป็น " โ พ ธิ สั ต ว์ " ได้ บุคคลนั้นจะต้องได้รับพุทธ

    พยากรณ์ จาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต

    คือ 1. จะต้องได้รับ อนิยตะพยากรณ์ เป็นเบื้องต้น

    และ

    2. จะต้องได้รับ นิยตะพยากรณ์เ เป็นที่สุด

    ดังนั้น บุคคลใดก็ตามที่ไม่ได้รับการพยากรณ์มาเลย แม้ชาวโลกจะเรียกว่า "โพธิสัตว์"

    แต่ถ้าไม่ได้รับการพยากรณ์แบบใดแบบหนึ่งใน 2 แบบข้างต้นนี้จากพระพุทธเจ้าในอดีตมาเลย บุคคลนั้นก็เป็นเพียง

    " โพธิสัตว์โดยสมมุติสัจจะ หรือ โพธิสัตว์เทียม " เท่านั้นไม่ใช่ "

    โพธิสัตว์โดยปรมัตถ์สัจจะ หรือ โพธิสัตว์แท้ "


    เช่น หลวงปู่ทวด ( เหยียบน้ำทะเลจืด ) หากท่านไม่ได้รับการพยากรณ์ในแบบที่ 1

    หรือ 2 มาเลย หลวงปู่ทวดก็จะเป็นเพียง " โพธิสัตว์โดยสมมุติของชาวโลก"

    เท่านั้น ยังไม่ใช่ " โพธิสัตว์โดยปรมัตถ์สัจจะอย่างแท้จริง "


    ( ดังนั้น พระโพธิสัตว์แท้จริง คือ พระโพธิสัตว์โดยปรมัตถ์สัจจะ ซึ่งจะมีเพียง

    12 ประเภทนี้เท่านั้น นอกเหนือไปจาก 12 ประเภทนี้แล้ว ไม่ใช่ พระโพธิสัตว์แท้


    ส รุ ป

    บุคคลที่ชาวโลก เรียกว่า " โพธิสัตว์ " จึงเป็นเพียง " โพธิสัตว์โดยสมมุติ" เท่านั้น

    แต่ความจริงแล้ว "ไ ม่ ใ ช่ โ พ ธิ สั ต ว์ อ ย่ า ง แ ท้ จ ริ ง "


    (การจะเป็นโพธสิตว์อยู่ที่ การได้รับการพยากรณ์ จะโดย " นิยตะพยากรณ์ หรือ

    อนิยตะพยกรณ์ " เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุด ของ บุคคลที่จะเรียกได้ว่า

    พระโพธิสัตว์โดยปรมัตถ์สัจจะอย่างแท้จริง )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2008
  2. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    อนิยตะโพธิสัตว์ ที่มีปรากฎอยู่ในหนังสือ "พระพุทธเจ้าเคยเกิดเป็นผู้หญิง" ( ตอนท้าย )

    พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า พระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีจะตรัสรู้ในอนาคตมี

    510 พระองค์ มี 10 พระองค์เป็น " นิ ย ต ะโ พ ธิ สั ต ว์ "

    มี 500 พระองค์เป็น " อ นิ ย ต ะ โ พ ธิ สั ต ว์ "


    เพราะฉะนั้น พระมหาโพธิสัตว์ที่เป็น " อนิยตะโพธิสัตว์ " จึงมีเพียง 500 พระองค์เท่านั้น

    พระองค์ตรัสว่า " 500 พระองค์นี้ บารมียังอ่อนอยู่ พระนามจึงยังไม่ปรากฎ ยังไม่อาจ

    พยากรณ์ไปตามลำดับได้ "
     
  3. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    1. คำที่ใช้เรียก " พระโพธิสัตว์" ผู้ปรารถนา "สั ม ม า สั ม พุ ท ธ ภู มิ "

    จะเรียกว่า " พ ร ะ ม ห า โ พ ธิ สั ต ว์ "

    แต่

    2. คำที่ใช้เรียก " พระโพธิสัตว์" ผู้ปรารถนา " ปั จ เ จ ก พุ ท ธ ภู มิ "

    จะเรียกว่า " พ ร ะ ปั จ เ จ ก โ พ ธิ สั ต ว์ "


    .........................................................................................................................


    พระมหาโพธิสัตว์ ผู้ได้เป็น " อนิยตะโพธิสัตว์ "

    เพราะได้รับ " อนิยตะพยากรณ์ " จากพระพุทธเจ้าในอดีต

    โดยที่ " ธรรมสโมทาน 8 ประการของพระองค์ " ยังไม่ถึงความบริบูรณ์



    พระมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " นิยตะโพธิสัตว์ "

    เพราะได้รับ " นิยตะพยากรณ์ " จากพระพุทธเจ้าในอดีต

    โดยที่ " ธรรมสโมทาน 8 ประการของ " ถึงความบริบูรณ์



    ........................................................................................................................



    1. พระมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " นิยตะโพธิสัตว์ " ประเภท " ปัญญาธิกะ"
    เพราะ มีปัญญายิ่งกว่าสัทธา

    2. พระมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " นิยตะโพธิสัตว์ " ประเภท " สัทธาธิกะ"
    เพราะ มีปัญญาเสมอกับสัทธา

    3. พระมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " นิยตะโพธิสัตว์ " ประเภท " วิริยาธิกะ"
    เพราะ มีวิริยะยิ่งกว่าปัญญา

    4. พระมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " อนิยตะโพธิสัตว์ " ประเภท " ปัญญาธิกะ"
    เพราะ มีปัญญายิ่งกว่าสัทธา

    5.พระมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " อนิยตะโพธิสัตว์ " ประเภท " สัทธาธิกะ"
    เพราะ มีปัญญาเสมอกับสัทธา

    6.พระมหาโพธิสัตว์ ผู้เป็น " อนิยตะโพธิสัตว์ " ประเภท " วิริยาธิกะ"
    เพราะ มีวิริยะยิ่งกว่าปัญญา

    .........................................................................................................................


    พระปัจเจกโพธิสัตว์ ผู้เป็น " อนิยตะโพธิสัตว์ "

    เพราะได้รับ " อนิยตะพยากรณ์ " จากพระพุทธเจ้าในอดีต

    โดยที่ " ธรรมสโมทาน 5 ประการของพระองค์ " ยังไม่ถึงความบริบูรณ์



    พระปัจเจกโพธิสัตว์ ผู้เป็น " นิยตะโพธิสัตว์ "

    เพราะได้รับ " นิยตะพยากรณ์ " จากพระพุทธเจ้าในอดีต

    โดยที่ " ธรรมสโมทาน 5 ประการของ " ถึงความบริบูรณ์


    ........................................................................................................................


    1. พระปัจเจกโพธิสัตว์ ผู้เป็น " นิยตะโพธิสัตว์ " ประเภท " ปัญญาธิกะ"
    เพราะ มีปัญญายิ่งกว่าสัทธา

    2. พระปัจเจกโพธิสัตว์ ผู้เป็น " นิยตะโพธิสัตว์ " ประเภท " สัทธาธิกะ"
    เพราะ มีปัญญาเสมอกับสัทธา

    3. พระปัจเจกโพธิสัตว์ ผู้เป็น " นิยตะโพธิสัตว์ " ประเภท " วิริยาธิกะ"
    เพราะ มีวิริยะยิ่งกว่าปัญญา

    4. พระปัจเจกโพธิสัตว์ ผู้เป็น " อนิยตะโพธิสัตว์ " ประเภท " ปัญญาธิกะ"
    เพราะ มีปัญญายิ่งกว่าสัทธา

    5.พระปัจเจกโพธิสัตว์ ผู้เป็น " อนิยตะโพธิสัตว์ " ประเภท " สัทธาธิกะ"
    เพราะ มีปัญญาเสมอกับสัทธา

    6.พระปัจเจกโพธิสัตว์ ผู้เป็น " อนิยตะโพธิสัตว์ " ประเภท " วิริยาธิกะ"
    เพราะ มีวิริยะยิ่งกว่าปัญญา

    .........................................................................................................................


    ส รุ ป


    พ ร ะ โ พ ธิ สั ต ว์ 12 ประเภท คือ

    พระมหาโพธิสัตว์ 6 ประเภทนี้
    พระปัจเจกโพธิสัตว์ 6 ประเภทนี้

    เป็น " โ พ ธิ สั ต ว์ แ ท้ หรือ โ พ ธิ สั ต ว์ โ ด ย ป ร มั ต ถ์ สั จ จ ะ "


    นอกเหนือไปจาก 12 ประเภทที่กล่าวมานี้

    เป็น " โ พ ธิ สั ต ว์ เ ที ย ม " หรือ โ พ ธิ สั ต ว์ โ ด ย ส ม มุ ติ สั จ จ ะ " ทั้งสิ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2008
  4. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    โพธิสัตว์เทียมมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่ได้รับอนิยตะพยากรณ์เพราะ แม้

    การได้รับอนิยตะพยากรณ์ก็เป็นเรื่องยากแสนยากที่จะเกิดขึ้น เพราะ

    ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ออกพระโอษฐ์เปล่งพระวาจาตรัสพยากรณ์แล้วล่ะก้อ

    บุคคลนั้นก็ยังเป็นเพียง " โพธิสัตว์เทียม" หรือ

    " โพธิสัตว์โดยสมมุติ" เท่านั้น

    เพราะมีแต่ " บุญ" เท่านั้น แต่ไม่มี "บารมี" ที่จะสมควรได้รับ " ก า ร อ นิ ย ต ะ พ ย า ก ร ณ์ " เลย

    ( บุญ กับ บารมี แตกต่างกันมาก โพธิสัตว์เทียม มีแต่ "บุญ" เท่านั้น ยังไม่ถึงพร้อมที่จะทำให้บุญนั้นให้เต็มเปี่ยมจนเป็น "บารมี" ให้ปรากฎแก่พระญาณของพระพุทธเจ้าเลย

    ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงไม่ทรง "อนิยตะพยากรณ์"


    "บุญ" มีความหมายว่า ความดีที่บุคคลควรทำให้เต็มเปี่ยม"

    และเมื่อบุญนั้นเต็มเปี่ยมโดยสมบูรณ์แล้วจึงจะเป็น " บารมี "


    การบำเพ็ญบุญ กระทำได้ง่ายกว่า การบำเพ็ญบารมี

    การบำเพ็ญบุญ จึงเป็นเป็นเพียงเบื้องต้นของ การบำเพ็ญบารมี


    ด้วยเหตุนี้ โบราณจารย์ทั้งหลายจึงกล่าวว่า

    " หมู่สัตว์ทั้งหลายสร้างบุญ บำเพ็ญบุญ "

    แต่

    " พระโพธิสัตว์ทั้งหลายสร้างบารมี บำเพ็ญบารมี "

    ( บุญ กับ บารมี จึงห่างไกลกันมาก )


    หมายเหตุ

    พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ทรงได้รับ อนิยตะพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าในอดีตองค์หนึ่ง

    คือ พระโปราณศรีศากยะมุนีโคดม ( พระสมณะโคดมองค์ก่อน )

    โปรดจำชื่อพระพุทธเจ้าองค์นี้ให้ดี พระสมณะโคดมองค์นี้แหละครับ ที่เป็นต้นแบบ

    ของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ตอนที่พระพุทธเจ้าของเรายังเป็น " อนิยตะโพธิสัตว์" อยู่

    พระองค์อยากที่พระนามเหมือน พระพุทธเจ้าองค์นี้

    ด้วยเหตุนี้ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมาตรัสรู้ พระองค์จึงมีพระนามว่า

    " พ ร ะ ศ รี ศ า กย ะ มุ นี โ คด ม"

    จริง ๆ แล้ว พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ควรจะเรียกว่า

    " พ ร ะ ปั จ ฉิ ม ศ รี ศ า ก ย ะ มุ นี โ ค ด ม " ( พระสมณะโคดมองค์หลัง )

    เพราะ พระสมณะโคดม องค์ปัจจุบัน ได้รับอนิยตะพยากรณ์จาก พระสมณะโคดมองค์ก่อน
     
  5. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    พระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีจะตรัสรู้ในอนาคตมี

    510 พระองค์ มี 10 พระองค์เป็น " นิ ย ต ะโ พ ธิ สั ต ว์ "

    มี 500 พระองค์เป็น " อ นิ ย ต ะ โ พ ธิ สั ต ว์ "

    ....................................

    510 พระองค์ มาจาก " คัมภีร์โสตัตถกีมหานิทาน " ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่แสดงพุทธประวัติ

    ละเอียดกว่า " พระไตรปิฎก" เพราะพระไตรปิฎก แสดงพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า

    เพียง 24 พระองค์เท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาตอน 4 อสงไขย 100,000 กัลป์เท่านั้น

    ทั้ง ๆที่ พระพุทธเจ้าของเรา สร้างบารมี 20 อสงไขย 100,000 กัลป์

    ดังนั้น คนที่ศึกษาแต่พระไตรปิฎก ของ มหามกุฏ และ มหาจุฬาจึงไม่รู้ราย

    ละเอียด การสร้างพระบารมีของเจ้าชายสิทธัตถะ

    เพราะพระไตรปิฎก ในปัจจุบัน ของ ไทยภาคกลาง " ไ ม่ ส ม บู ร ณ์ "

    1. พระไตรปิฎก ของ พม่า มีความสมบูรณ์ในเรื่อง " อภิธรรม" มากกว่า ของ ไทย

    2. พระไตรปิฎก ของ ล้านนา มีความสมบูรณ์ในเรื่อง " พุทธประวัติ"มากกว่า ของ ไทยภาคกลาง

    3. พระไตรปิฎก ของ ลังกา มีความสมบูรณ์ในเรื่อง " พุทธประวัติ" มากกว่า ของ ไทย

    เนื้อหาที่มีปรากฏในคัมภีร์โสตัตถกีมหานิทาน ได้สูญหายออกไปก่อนมีพระไตรปิฎก

    โสตัตถกี มีหลายฉบับ

    1. โสตัตถกี ของ พม่า

    2. โสตัตถกี ของ ล้านนา ( ไทยเหนือ )

    3. โสตัตถกี ของ ลังกา

    ดังนั้น คนที่ศึกษาแต่ " ขุททนิกาย พุทธวงศ์ " ในพระไตรปิฎก จึงกลายเป็นคนที่

    รู้แต่ การสร้างบารมี 4 อสงไขย 100000 กัลป์ เท่านั้น

    แต่ .... จะไม่รู้ว่า ก่อน 4 อสงไขย 100000 มีการสร้างบารมีอย่างไร ? และ

    มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นกี่พระองค์ ?

    ส รุ ป

    ด้วยเหตุที่พุทธประวัติใน " พระไตรปิฏก" ที่พุทธศานิกชนชาวไทยเมืองหลวง และ

    ชายไทยภาคกลาง "ไม่สมบูรณ์" นี้เอง

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พิมพ์พระราชทาน

    คัมภีร์ " ตำ น า น มู ล ศ า ส น า " ซึ่งเป็นคัมภีร์พระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดของล้าน

    นา เพื่อเผยแพร่ พระพุทธประวัติการสร้างพระบารมี 20 อสงไขย 100000 กัลป์

    แก่ พุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกคน


    หมายเหตุ

    " ตำนานมูลศาสนา มีเนื้อหาเหมือนกับ โสตัตถกีมหานิทาน "

    แต่ จารเป็นภาษาล้านนา


    ( พระเจ้าปเสนทิโกสล และ นิยตะโพธิสัตว์ 9 พระองค์ ไม่ได้อยู่ในภูมิมนุษย์ในเวลานี้

    แต่ท่านดำรงอยู่ใน " สวรรคชั้นดุสิต "
     
  6. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    ความต่างกัน ของ

    " นิ ย ต ะ พ ย า ก ร ณ์ กับ อ นิ ย ต ะ พ ย า ก ร ณ์ "

    คำว่า นิยตะพยากรณ์ หมายถึง

    การพยากรณ์ที่มีการรับรองโดยพระพุทธเจ้าในอดีตว่า พระโพธิสัตว์องค์นี้ จะได้ตรัสรู้ในอนาคตอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้

    พระโพธิสัตว์ที่ได้รับ นิยตะพยากรณ์ จึงได้ชื่อว่า

    " พ ร ะ นิ ย ต ะ โ พ ธิ สั ต ว์ "

    คำว่า อนิยตะพยากรณ์ หมายถึง การพยากรณ์ที่มีการรับรองโดยพระพุทธเจ้าในอดีตว่า พระโพธิสัตว์องค์นี้จะได้ตรัสรู้ในอนาคต แต่ ... ยังไม่แน่นอน ด้วยเหตุนี้

    พระโพธิสัตว์ที่ได้รับ อนิยตะพยากรณ์ จึงได้ชื่อว่า

    " พ ร ะ อ นิ ย ต ะ โ พ ธิ สั ต ว์ "

    แต่ แต่ แต่ ............... บุคคลที่ไม่เคยได้รับการพยากรณ์มาเลย

    จะไม่เป็น นิยตะโพธิสัตว์ และ ไม่เป็น อนิยตะโพธิสัตว์

    เป็นได้เพียง

    " โพธิสัตว์โดยสมมุติตามโวหารของชาวโลก " เท่านั้น หาใช่โพธิสัตว์โดยปรมัตถสัจจะอย่างแท้จริงไม่

    กล่าวคือ เป็นเพียง " โ พ ธิ สั ต ว์ เ ที ย ม "
     
  7. mahaasia

    mahaasia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,130
    ค่าพลัง:
    +4,971
    แฮะๆ มีสามระดับครับ แบบบารมีต้น อุปบารมี และก็ปรมัตถบารมี ครับ
     
  8. zci

    zci Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +28
    ผมก็งง ๆ อยู่...เพราะผมเข้าใจว่า.....ผู้ที่ตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า...ก็เรียกว่า "พุทธภูมิ" โดยมีความเข้มข้นของกำลังใจเป็น 3 ระดับ คือ บารมีต้น อุปบารมี และปรมัตถบารมี และผมเข้าใจว่า พุทธภูมิขั้นปรมัตถบารมีจะเรียกว่า "พระโพธิสัตว์" หาก พุทธภูมิ(จะอยู่ระดับใดก็ตาม)ท่านใดได้พบพระพุทธเจ้าที่ที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่และได้รับการพยากรณ์ซึ่งความปรารถนานั้น จะเรียกพุทธภูมิท่านนั้นว่า "นิยตะโพธิสัตว์" หมายความว่า เป็นผู้ที่ปรารถนาพระโพธิญาณที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว....ผลการพยากรณ์นั้นเป็น 2 นัย คือ 1. ความปรารถนานั้นสำเร็จแท้แน่นอน 2.ความปรารถนานั้นไม่ประสพผลสำเร็จ ส่วนผู้ที่ปรารถนาพระโพธิญาณ(จะอยู่ในระดับใดก็ตาม)หากยังไม่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า จะเรียกว่า "อนิยตะโพธิสัตว์" และข้อสังเกตคิดว่า...ผู้ที่จะพบพระพุทธเจ้าเพื่อเข้ารับการพยากรณ์นั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในขั้น ปรมัตถบารมี ดังนั้น...หลังจากพุทธพยากรณ์แล้วจึงเติมคำว่า "โพธิสัตว์" และเมื่อไปเกิดอยู่ในภพภูมิใด...ก็ถือว่าเป็น "พระโพธิสัตว์" เสมอ ...
     
  9. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    ตรงนี้คุณ zci น่าจะเข้าใจผิดนะครับ การพยากรณ์นั้นมีสองแบบ ก่อนที่จะได้รับนิยตพยากรณ์ก็จะต้องได้รับการ อนิยตพยากรณ์จากพระพุทธเจ้ามาก่อน...

    อย่างเช่นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรานี้ก็เหมือนกัน

    ในสมัยเมื่อครั้งท่านเสวยพระชาติเป็น " น้องสาวต่างมารดา" ของ พระโปราณทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้นทรงมีพระนามว่า " พระนางวิสุทธาเทวี" หรือ "เวมาติกา"

    พระโปราณทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เป็น "พี่ชายของพระพุทธเจ้าของเรา"

    และพระนางวิสุทธาเทวีได้ถวาย " น้ำมันเมล็ดพันธุ์ผักกาด" ( ซึ่งภาษาบาลี

    เรียกว่า " สิทธัตถะ" แด่พระปัจฉิมทีปังกรโพธิสัตว์ ( อดีตชาติของพระพุทธเจ้าทีปังกร ) เพื่อฝากไปถวายแด่ พระโปราณทีปังกร ซึ่งเป็นพี่ชายของพระนาง แล้วได้ตั้งความปรารถนาขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต มีพระนามว่า " สิทธัตถะ "

    ซึ่งนี่เองที่เป็นปฐมเหตุให้ พระนางวิสุทธาเทวี ได้มาเกิดเป็นเจ้าชายและทรงพระนามว่า " สิทธัตถะ " ในปัจจุบันนั่นเอง....

    ซึ่งข้างบนนี้เป็นเรื่องราวการ ปฐมพยากรณ์ก่อนการเริ่มสร้างพระบารมี



    .............................................................................

    พุทธประวัติก่อนการได้รับพยากรณ์ ของ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 3 พระชาติ

    คือ

    1. ปฐมจิตตุปบาทกาล การตั้งความปรารถนาขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าครั้งแรก ขณะแบกมารดาว่ายน้ำข้ามมหาสมุทร แล้ว " สุทธาวาสกายิกพรหม " เป็นผู้ดลใจให้ตั้งความปรารถนาขึ้นในใจเป็นครั้งแรก

    2. เสวยพระชาติเป็นพระเจ้า คชัปปิยะ หรือ สัตตุปตาปนะ แล้วทรงเห็นโทษของราคะจึงตั้งความปรารถนาพระพุทธภูมิ เป็นครั้งที่ 2

    3. เสวยพระชาติเป็น พรหมฤาษี หรือ พรหมดาบส แล้ว กระโดดลงไปให้เสือแม่ลูกอ่อนกินเป็นอาหาร เพื่อบำเพ็ญ " ทานปรมัตถบารมี "

    3 พระชาตินี้ เป็น 3 พระชาติก่อนการได้รับการพยากรณ์ (ก่อนทั้งการได้รับ อนิยตพยากรณ์ และ นิยตพยากรณ์ )

    แต่ .............................

    คุณพุทธบริษัท ทราบเถิดครับ ว่า

    การพยากรณ์ มี 2 อย่าง คือ

    1. อนิยตพยากรณ์
    2 นิยตพยากรณ์

    ซึ่งพระพุทธเจ้าของเรา ก่อนได้รับ อนิยตพยากรณ์ และ นิยตพยากรณ์ พระองค์ได้รับ ปฐมพยากรณ์ก่อนการเริ่มสร้างพระบารมี มาก่อนแล้ว

    คือ พระองค์ทรงได้รับการพยากรณ์ก่อนการเริ่มสร้างพระบารมี จาก พระโปราณทีปังกร ซึ่งเป็นพระเชษฐาต่างพระมารดาของพระองค์มาก่อน
    ในพระชาตินั้น พระองค์เสวยพระชาติเป็น พระราชกุมารีของพระเจ้าจัมปากวัตติ นามว่า " เวมาติกา "
    ( คุณพุทธบริษัท จำชื่อนี้ไว้ให้แม่นนะครับ เพราะมีบาลีรับรองจริง ๆ ส่วนชื่ออื่นจะแตกต่างไปตามในแต่ละประเทศ เช่น ในพม่าก็เรียกอีกอย่าง ล้านนาก็เรียกอีกอย่าง )

    1 หลังจากนั้นจึงได้รับ "อนิยตพยากรณ์ครั้งแรก" จาก พระโปราณศรีศากยะมุนีโคดมองค์ก่อน

    2. แล้วจึงได้รับนิยตพยากรณ์ ครั้งหลังจาก พระปัจฉิมทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ................................................................................................................

    พุทธประวัติก่อนได้รับ การพยากรณ์ทั้งหมดนี้ ได้เผยแพร่ไปในหมู่พุทธศาสนิกชน ชาวพม่า ชางลังกา และชาวล้านนาไทย มาตลอด 1, 000กว่าปี หลังพุทธกาล

    ไงก็ดูเพิ่มเติมที่นี่นะครับ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=105961
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2008
  10. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ขอถามสักนิด

    เมื่อท่านเห็นสิ่งเหล่านี้ ท่านเรียกมันเช่นไร

    เมล็ดโพธิ์ > หน่อโพธิ์ที่เพิ่งงอกจากเมล็ก>โพธิ์ต้นเล็กๆ>โพธิ์ต้นกลางๆ>โพธิ์ต้นใหญ่>ศรีมหาโพธิ์

    กระบวนการตั้งแต่เป็นเมล็ด แล้วงอกออกมา จนเป็นโพธิ์ต้นกลางๆ มีใครในโลกนี้เรียกว่า เมล็ดโพธิ์เทียมบ้าง มีใครในโลกนี้เรียกว่า หน่อโพธิ์เทียมบ้าง มีใครในโลกนี้เรียกว่า โพธิ์ต้นเล็กเทียม บ้าง

    หลวงพ่อฤาษีฯท่านกล่าวว่า ขนาดพระอรหันต์ท่านยังไม่นั่งหน้าพระโพธิสัตว์เลย เพราะท่านรู้ค่าของคนที่จะต้องเป็นพระพุทธเจ้า ว่าต้องบำเพ็ญตนเหนื่อยยากขนาดไหน ไม่ว่าจะได้รับหรือไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ก็ตาม

    อยากทราบว่า ในพระไตรปิฎกหน้าใด วรรคที่เท่าใด บรรทัดที่เท่าใด บัญญัติคำว่า พระโพธิสัตว์แท้ และคำว่า พระโพธิสัตว์เทียม ไว้ ท่านผู้รู้มากกว่าใครช่วยนำมาลงให้คนเบาปัญญาอย่างข้าพเจ้าได้เปิดหูเปิดตาสักนิดเถิด เผื่อว่าข้าพเจ้าจะได้ฉลาดขึ้นมาบ้าง เพราะตั้งแต่อ่านพระไตรปิฎกมามากมายจนอายุจะ 30 ยังไม่เคยพบ 2 คำนี้ในบทใดเลย และพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ไม่ให้บัญญัติสิ่งที่ท่านไม่ได้บัญญัติ แล้วไฉนจะมีผู้อาจหาญทำเช่นนั้นก็คือผู้ไม่เคารพท่าน ใช้คำที่ท่านไม่ได้ใช้ ตั้งตนประกาศให้ผิดเพี้ยนไปจากคำที่ท่านตรัสได้เล่า

    ถ้าโดยตลอดชีวิตที่ผ่านมา ท่าน lepus เรียกเม็ดมะม่วง ว่ามะม่วงเทียม

    เรียกต้นมะม่วงอ่อนว่า มะม่วงเทียม

    เรียกมะม่วงต้นกลางๆว่า มะม่วงเทียม

    ข้าพเจ้าจะยอมรับทุกสิ่งที่ท่านกล่าวมา

    การอาศัยคำของ ผู้ทรงความรู้สูงส่งด้านปริญัติธรรมท่านหนึ่ง

    ก็แสดงว่าท่านเองก็ไปจำเขามาอีกที เหมือนคนตาบอดได้ฟังคนตาดีพูดถึงช้าง ว่ามันมีงาสีขาวยาวยื่นออกมาสองข้าง แล้วท่านก็มาประกาศต่อว่า ช้างมันมีฟันใหญ่ๆยื่นออกมาจากปากสองซี่ ลองจินตนาการดูเถิด เขาบอกว่างา แต่ไปพูดว่าฟัน

    คนโง่เช่นข้าพเจ้า ผิดถูกเช่นไร วานชี้แนะ
     
  11. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    ดูคุณ NCK2046 จะคิดอะไรมากไปป่าวครับนี่
    กล่าวเสียผมหนาวเลย ว่าไปโน่นเลย
    โห..ใยจึงร้ายแรงขนาดนี้เล่าครับ

    จริงอยู่ครับ คำว่า พระโพธิสัตว์แท้ พระโพธิสัตว์เทียม นี้คงไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎกหรอก ผมอ่านแล้วก็เข้าใจได้ว่านี่เป็นเพียงโวหารการอธิบายของท่านผู้นี้เอง เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นตามเรื่องราวข้อเท็จจริงในคัมภีร์ต่างหาก ซึ่งก็ไม่น่าคิดอะไรมากขนาดนั้นเลยครับ

    ยังไงเสียบทความนี้ก็คิดว่ามีส่วนที่เป็นประโยชน์และให้ความรู้อยู่มากนะ ตัวผมเองจากที่ไม่เคยรู้เลยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ก็พอได้ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นมา
    อย่างเช่น เรื่องราวของพระพุทธเจ้าก่อนการเริ่มสร้างพระบารมี การสร้างบารมีช่วง 20 อสงไขยก่อนหน้าอสงไขย 4 อสงไขย หรือแม้แต่เรื่องราวของพระพุทธเจ้าของเราที่เคยเสวยพระชาติเป็นเจ้าหญิงวิสุทธาเทวี เป็นต้น ก็ได้ความรู้จากท่านผู้รู้ผู้นี้แหละครับ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่มีหลักฐานและปรากฎอยู่ในคัมภีร์ทางเถรวาทเราทั้งสิ้น ไม่น่าจะตั้งข้อหากันร้ายแรงขนาดนั้นเลยครับ

    อย่างน้อยแบ่งปันให้คนที่ไม่ได้ทราบมาก่อนเลยได้รับความรู้ใหม่มันก็น่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอครับ แม้หากว่าคุณ NCK2046 มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้สมบูรณ์อยู่แล้ว งั้นผมก็ต้องขอโทษด้วยละกัน ที่ข้อความที่ผมนำมาโพสต์นี้ไปกระทบใจทำให้ขุ่นเคือง แต่อย่างไรเสียก็อย่าลืมนะครับว่าคนยังไม่รู้หรือคนที่รู้น้อยกว่าคุณยังมีอีกเยอะอยู่ บางทีนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในการแสวงหาความรู้ทางพุทธศาสนาให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ของใครอีกหลายคนที่อยากรู้ในรายละเอียดที่มากกว่านี้ในอนาคตก็ได้ซึ่งนับว่าเป็นบุญอยู่ไม่ใช่เหรอครับ

    ที่กล่าวว่าผม
    อันนี้ผมก็ยอมรับครับ ความรู้ผมน้อยนิดก็ได้อาศัยเรียนรู้และจดจำมาจากท่านผู้ที่รู้มากกว่านี่แหละครับย่อมเป็นธรรมดา เพราะเห็นว่าท่านอธิบายไว้ดีอยู่แล้วชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งผมเองก็เหมือนดังคนที่อยู่ในความมืดได้รับแสงไฟก็ย่อมยินดีครับ และคิดว่าคนเราก็ต้องเรียนรู้ต้องจดจำเอาจากท่านผู้รู้ทั้งนั้นแหละ
    ในโลกนี้คิดว่าคงไม่มีใครที่มีความรู้สมบูรณ์พร้อม โดยไม่ต้องศึกษาเล่าเรียนหรือจดจำมาจากท่านผู้รู้หรอก

    และที่ผมไม่สบายใจเลยอีกอย่างก็คือ ที่คุณอ้างชื่อหลวงพ่อฤาษีฯ ขึ้นมานะ เพื่ออะไรครับ ผมเองก็คิดว่ามีความเคารพศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อไม่น้อย
    ยังไม่เห็นว่าเรื่องนี้มันขัดกับคำสอนของหลวงพ่อตรงไหนเลย จากเนื้อความแล้วที่เขาต้องการสื่อออกมาก็คือ ต้องการให้ความรู้ที่ว่า บุคคลที่ปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้านั้น หากยังไม่ได้รับการอนิยตพยากรณ์เลยก็จะยังไม่เรียกบุคคลเช่นนั้นว่าพระโพธิสัตว์ต่างหาก ซึ่งอันนี้เป็นข้อเท็จจริงตามหลักฐานในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาเถรวาทเรานะครับ

    แล้วที่คุณถามเปรียบเที่ยบถึง เมล็ดโพธิ์แท้ เมล็ดโพธิ์เทียมนั้น ผมว่าเปรียบเทียบอย่างนี้คงไม่ได้หรอกครับ

    ถ้า ถามผม เมล็ดโพธิ์ผมก็ตอบว่าเมล็ดโพธิ์แหละ ไม่แท้ไม่เทียมหรอก ต้นโพธิ์ธรรมดาทั่วไปก็เป็นต้นโพธิ์ธรรมดาไม่ใช่พระศรีมหาโพธิ์หากไม่ใช่ต้นที่
    พระพุทธเจ้าทรงประทับนั่งตรัสรู้ เช่นกันบุคคลธรรมดาก็เป็นเพียงคนธรรมดาตราบใดที่ยังไม่ได้รับแม้อนิยตพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าก็ยังคงไม่ใช่พระโพธิสัตว์ หากว่าคุณ NCK2046 ปรารถนาพุทธภูมิแล้ว แต่ถ้าคุณยังไม่ได้ตั้งความปรารถนั้นแม้ในใจต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้ว คุณก็ยังคงไม่ได้ชื่อว่าพระโพธิสัตว์ น่าจะนับว่าเป็นผู้ที่มีใจปรารถนาไปในทางที่เป็นบุญกุศลอยู่จึงจะเหมาะกว่า

    คุณ NCK2046 ตั้งความปรารถนาพุทธภูมิไว้หรือเปล่า อันนี้ผมไม่ทราบนะ แต่ถ้าใช่ผมก็ขออนุโมทนาในความตั้งใจอันสูงส่งนี้ด้วยละกันนะครับ และก็ขอให้สมความตั้งใจปรารถนาทุกประการ หากว่ายังก็ขอให้ได้ผ่านการ อนิยตะพยากรณ์เป็นพระโพธิสัตว์ และ นิยตพยากรณ์ ตามลำดับจากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง จนก้าวถึงซึ่งพระโพธิญาณในอนาคตกาลด้วยเทอญ

    แต่...

    สิ่งสำคัญที่อยากแนะนำในเบื้องต้นถ้าหากว่าคุณปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้าแล้วละก็...

    การพยายามวางอุเบกขาต่อสิ่งกระทบที่ตนไม่ชอบไม่พอใจ เป็นบารมีอย่างหนึ่งนะครับ

    ผิดพลาดหรือล่วงเกินประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
     
  12. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475


    จขกท. เอาอะไรมาคิดเหนี้ย พระโพธิสัตว์ มีทั้งแท้และเทียม ไม่ควรแบ่งแยกให้วิจิตรพิศดารเกินกว่ามนุษย์เราจะเข้าใจได้ไหม เพราะไกลเกินตัว

    จิตพระโพธิสัตว์ย่อมปรารถช่วยเหลือผู้ให้พ้นทุกข์ ย่อมเกิดได้กับจิตมนุษย์ทุกคนที่ปรารถนาในสิ่งนี้

    แต่จิตมหาโพธิสัตว์ย่อมเป็นอะไรที่ยากยิ่งไปกว่าหลายเท่าทวีคุณ เปรียบเหมือนดั่งเรือแพที่คอยช่วยเหลือนำพามนุษย์ทุกตัวตนได้ข้ามขอบจิตใจให้ไปสู่ฝั่งหมาย

    ดูตามความเป็นจริง หากพระโพธิสัตว์ต้องได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้า ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่พยากรณ์ท่านเป็นพระพุทธเจ้า แบบนี้พระโพธิสัตว์ไม่ต้องมีหรอก ไอ้ที่จริงก็เก๊ ไอ้ที่ไม่จริงก็เก๊ ไอ้คนจำพวกขอบกระด้งที่คิดได้ก็เก๊ ไปเอาปรัชญาพระโพธิสัตว์ของพุทธมหายานกับพุทธเถววาท ปนมั่วกันไปหมด เห็นแล้วก็อนาถใจแท้
     
  13. ขอมจำแลง

    ขอมจำแลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +1,275
    สงสัยเจ้าของกระทู้จะ ไม่อยากให้ใครๆก็จาตั้งความปรารถณาเป็นพระพุทธเจ้ากัน
    เพราะมันยาก นะครับ มิใช่ว่าท่านจะเป็นเองแล้วกลัวคนมาแย่งสร้างบารมีล่ะ มันก็จะดูน่าขันไปกันใหญ่ คงไม่เป็นเช่นนั้น แต่เพราะสงสารคนมั้ง คนที่เขาตั้งความปรารถนาสูงเพียงนี้แล้ว เขาไม่เคยสงสารตัวเอง แล้วใยท่านต้องสงสารเขาเล่า งั้นก็คงไม่ใช่อีกนั้นแหละ เรื่องที่โพสนี้ ดูมีสาระ แต่ไม่มีประโยชน์มาวิเคราะห์กันเลย มีแค่รู้ไว้เฉยๆดีกว่านะครับ
     
  14. wong3210

    wong3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    553
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,392


    ขอถามเรียงลำดับหน่อยครับ

    ข้อ1 ที่คุณพูดมาว่า พระไตรปิฎกไทยภาคกลางไม่สมบูรณ์นั้น คุณใช้อะไรตัดสิน และมีข้อมูลหลักฐานที่ไหนเอามาตัดสิน ถึงกล้ากล่าวออกมาแบบนั้น ขอให้คุณนำหลักฐานทั้งหมดออกมาแสดงด้วยครับ เพราะคุณเข้าข่ายหมิ่นพระไตรปิฏก ทั้ง ฉบับมหามกุฏ และ มหาจุฬา

    ข้อ2 เนื้อหาที่มีปรากฏในคัมภีร์โสตัตถกีมหานิทาน ได้สูญหายออกไปก่อนมีพระไตรปิฎกนั้น คุณกำลังเข้าข่ายหมิ่นพระไตรปิฎกฉบับนี้อย่างมาก คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าข้อมูลที่คุณรู้นั้นถูกต้อง เพราะพระไตรปิฎกฉบับนี้ ได้รับการสังคายนาครั้งแรกจาก พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ถ้าเป็นกรณีดังนี้คุณกำลังจาบจ้วงด้วยการเอาสัทธรรมปฏิรูป ต่อพระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

    การที่เอาคัมภีร์ในนิกายอื่น ยกตัวอย่างเช่น คัมภีร์มหายาน มาเปรียบเทียบกับเถรวาท นั้นไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะจุดกำเนิดก็ถือว่าแตกต่างกันอย่างมากแล้ว ดังนั้นในหัวข้อต่างๆย่อมแตกแยกกันไป จึงไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกันเพื่อการกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่าต่ำกว่าแย่กว่า ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่ถ้าจะเรียนรู้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการนำมาเผยแพร่ เหมือนษาสนาเปรียบเทียบก็นับว่าควร

    ข้อ3 ข้อนี้นับว่าร้ายแรงมาก คุณมีหลักฐานอะไรในการดึงในหลวงท่านเข้ามาในเรื่องนี้ คือ การชำระพระไตรปิฎกที่ไม่สมบูรณ์ ขอให้คุณนำหลักฐานทั้งหมดแสดง มิเช่นนั้นคุณก็กำลังเข้าข่ายจาบจ้วงเบื้องสูง

    สรุป ทั้งนี้ และ ทั้งนั้น เรื่องข้อทั้งหมดที่ผมกล่าวไป ขอให้คุณนำหลักฐานที่คุณกล่าวไว้ทั้งหมดนำมาแสดงด้วยครับ มิเช่นนั้นคุณก็กำลังกล่าว "สัทธรรมปฏิรูป" ซึ่งโทษนั้นนรกเป็นที่ไป
     
  15. 道教พินอิน

    道教พินอิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +510
    ใครหนอกล่าวว่าแท้ใครหนอกล่าวว่าเทียม

    ในเมื่อทางที่ฉันเดินมันก็ทางสายเดียวกัน

    เพียงแค่ฉันยังไปไม่ได้ไกล เลยดูเหมือนยัง

    ไม่แน่นักว่าจะถึง แต่ว่าใจยังต้องการที่จะไป

    ผู้ไปถึงแล้ว ผู้ไปกำลังใกล้ถึง ผู้ยังอยู่อีกไกล แต่เขามุ่งที่

    จะไปที่ที่เดียวกัน และเดินไปตามทางเดียวกัน

    เขาเหล่านั้น มีใครหรือที่เดินผิดทาง มีใครหรือแท้ มีใครหรือเทียม

    อาจจะจริงดังว่า แต่คำที่แสดงมามันออกจะร้ายแรงนัก

    อย่าทำร้ายใจผู้ที่ตั้งใจจริงจี่จะเดินทางนี้เลย สาธุ


    เพื่อนเอ๋ยจงจำเราคนนี้

    ว่ายังมีเพื่อนแท้แน่อย่างฉัน

    หากวันใดเพื่อนรักพบทุกข์พลัน

    นึกถึงกันเพื่อนคนนี้ยังอยู่เอย

    ยังอยู่คู่เพื่อนรักไม่ไกลจาก

    แม้เพื่อนยากมีปัญหาพาเฉลย

    จงอย่านิ่งบอกกันอย่างที่เคย

    นะเพื่อนเอ๋ยเราจะรักกันที่ดวงใจ

    เพื่อนคือเพื่อนไม่ใช่ใครคนอื่น

    เพื่อนหยัดยืนไม่ไหวใจห่วงหา

    เพื่อนคนนี้ยังคอยดูอยู่ทุกเวลา

    ว่าเพื่อนยาสุขแท้หรือแปลไป

    เราเกิดมาเป็นฉนี้อย่าคิดถอย

    เดินตามรอยเบื่องบาทพระศาสด์สรร

    อย่าก่อเวรสร้างกรรมนำสุขนิรันดร์

    เพื่อนของฉันจงมั่นคงในศาสตร์แห่งพุทธา

    ป่าในป่านอกบอกได้ว่าต่าง

    ป่านอกเยื้องย่างยังพอแลเห็น

    ป่าในนี้ยากแสนยากรำเค็น

    กว่าจะเคี่ยวเข็นแผ้วถางยากเตียน

    ป่าในป่านอกเกื่อกูลกันได้

    ป่านอกอาศัยพักกายบำเพ็ญ

    ป่าในเตียนโล่งเริ่มจะแลเห็น

    จิตใจเยือกเย็นเพราะถางป่าใน

    ดีนะเพื่อนธรรม
    <!-- / message -->
    <!-- / message -->
     
  16. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    คุณM wong เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ


    คุณM wong เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วนะครับ ขอถามกลับว่าตรงไหนครับที่คุณกล่าวหาว่าเป็นคัมภีร์มหายาน???


    คัมภีร์ปกรณ์เหล่านี้ล้วนเป็นคัมภีร์ทางเถรวาทของเราโดยตรงนะครับ เป็นคัมภีร์ที่เหล่าอรรถกถาจารย์ผู้ทรงคุณในอดีตได้รจนาไว้ ซึ่งคัมภีร์เหล่านี้อรรถกาจารย์ในอดีตทั้งหลายนั้นท่านก็คงต้องอาศัยนัยที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้แล้วนั่นเองมาอธิบายเพราะหากไม่ใช่นัยที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ใครเล่าจะกล้าแต่งเติมขึ้นมาใหม่ คัมภรี์ปกรณ์ต่างเหล่านี้ล้วนสืบทอดมาเป็นเวลายาวนานนับพันปีไม่ว่าจะเป็นในลังกา พม่า ล้านนา เพียงแต่ไม่ปรากฎในพระไตรปิฎกบ้านเราเท่านั้นเอง แต่ก็สามารถใช้ศึกษาเป็นส่วนเสริมเพิ่มเติมได้ทั้งสิ้น


    ส่วนที่กล่าวว่าพระไตรปิฎกบ้านเราไม่สมบูรณ์นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ถูกต้องนะครับพระไตรปิฎกบ้านเรานั้นก็ถูกต้องชัดเจนอยู่แล้วในส่วนที่มีอยู่ แต่..เนื่องจากบ้านเมืองเราในระยะเวลายาวนานที่ผ่านมาได้เกิดศึกสงครามต่าง ๆ หลายครั้ง จึงทำให้คัมภีร์ปกรณ์ที่สำคัญต่าง ๆ สูญหายหรือถูกเผาทำลายไปไม่น้อย คุณ M wong กลับกล่าวหาไปซะร้ายแรงขนาดนั้นเลย หาว่าเป็นการชำระพระไตรปิฎกใหม่ เป็นสัทธรรมปฏิรูปไปโน่นเลย ทั้งที่ดูจากเนื้อความทั้งหมดก็ไม่เห็นมีตรงไหนที่บอกว่าเป็นการชำระประไตรปิฎกใหม่ตรงไหนเลยนะ
    ขอให้ทำความเข้าใจตรงนี้ด้วยนะครับ

    อย่างที่เรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างพระบารมีของพระพุทธเจ้านั้นก็เหมือนกัน ในพระไตรปิฎกบ้านเรานั้นมีปรากฎอยู่แค่ช่วง 4 อสงไขยแสนกับเท่านั้นนะครับไม่ได้มีกล่าวถึงส่วนที่เกินกว่านี้ คือ ช่วงแห่งการสร้างพระบารมีในช่วง 7 อสงไขย 9 อสงไขยก่อนหน้านี้อยู่เลย

    ดังนั้นการศึกษาเรื่องราวในพระพุทธศาสนาเถรวาทที่สมบูรณ์ หากอาศัยเพียงข้อมูลในพระไตรปิฎกบ้านเราอย่างเดียวนั้น จะไม่มีทางทราบถึงเรื่องราวการสร้างพระบารมีของพระพุทธเจ้าในช่วงก่อนหน้า 4 อสงไขยแสปกัปนี้ได้เลย ซึ่งเราก็ได้อาศัยเรื่องราวเหล่านี้จากคัมภีร์ของทางล้านนาและพม่ามาช่วยเสริมในส่วนนี้


    แล้วคุณ M wong ล่ะทราบเรื่องราวการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าช่วง 20 อสงไขย ช่วงที่ทรงตั้งมโนปณิธานและช่วงวจีปณิธาได้อย่างไรครับ คุณอาศัยจากแหล่งใดถ้าไม่ใช่จากที่เหล่าผู้รุ้ท่านแปลและเรียบเรียงมาจากคัมภีร์เหล่านี้

    คัมภีร์ปกรณ์เหล่านี้ก็ล้วนอรรถกถาจารย์ผู้ทรงคุณหรือเหล่าพระอรหันต์ผู้ทรงปฏิสัมภิทาญาณทั้งนั้นนะครับเป็นผู้เรียบเรียงไว้
    คุณกลับกล้าที่จะกล่าวตู่ว่าคัมภีร์เหล่านี้ว่าไม่นาเชื่อถือเป็นการที่เอาคัมภีร์ในนิกายอื่นหรือคัมภีร์มหายานมาปะปนอย่างนั้นหรือ


    ส่วนคุณ Eddy1965 ก็เหมือนกันที่กล่าวว่า

    คุณกล่าวดังนี้มีไม่ทราบว่าตรงไหนที่คุณคิดว่าเป็นการนำเอาปรัชญาพระโพธิสัตว์มหายานมาปนครับ???

    เท่าที่ดูแล้วผมก็สงสัยว่าคุณเองหรือเปล่าที่ กำลังสับสบและกำลังนำเอาคติความเชื่อในนิกายอื่นมาปะปนโดยไม่รู้ตัว เพราะจากที่คุณกล่าวไว้


    รู้สึกว่าตรงนี้ต่างหากที่เป็นคติความเชื่อของทางฝั่งมหายานไม่ใช่เหรอครับ

    ขอทำความเข้าใจด้วยครับ และก็ขออภัยด้วยถ้าหากล่วงเกินประการใดไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2008
  17. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณ lepus

    หากคุณคิดว่าปรัชญาเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ของถูกต้องแน่แท้ คุณก็ลองกลับนำไปปฏิบัติตามอุดมคติของคุณ อย่าได้เพ้อฝัน อยู่กับความเป็นจริง ธรรมดา และเข้าสู่ความเป็นธรรมชาติแห่งจริงแท้ให้มากที่สุด คนพวกมือสองที่คอยแต่จะนำพาให้พระธรรมห่างไกล จนเกินกว่ามนุษย์จะเข้าถึงได้ ก็คงมีแต่คุณเท่านั้น ที่รอคอยให้พระพุทธเจ้าทำนายให้ ก็ขอให้ถึงฝั่งหมายอันเป็นอุดมคติของคุณ แต่อย่ามามัวเที่ยวสำรอกว่าเป็นผู้บรรลุธรรมและจิตพระโพธิสัตว์ก็แล้วกัน
     
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ประโยคนี้เป็นประโยคธรรมดา ไม่ใช่ของมหายาน ซึ่ง แปลออกมาให้เหมาะก็จะได้ว่า

    คนทุกคนล้วนเป็นคนดีได้ และคนดีย่อมนำพาผู้อื่นดีไปด้วย

    จะเห็นว่า เป็น คุณลักษณะธรรมดาของ มนุษย์
    ซึ่งคำว่า มนุษย แปลว่า เป็นผู้มีจิตใจสูง

    แต่เมื่อไหร่ถึงกลายเป็นคติมหายาน ก็เมื่อ เอาประโยคนี้ไปชักชวน
    ไปเหนี่ยวนำ ในเชิงคำ รณรงค์ ( ปรัชญา ) ให้กระทำ แล้วยกขึ้น
    อ้างว่า จะได้เป็นอีก หนึ่งศาสดาของพุทธะ
     
  19. maijan

    maijan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +101
    เราว่าอ่านแล้วได้ความรู้ดีคะ หลากหลายขึ้น จริงหรือไม่จริง จะเป็นพุทธะ ก็ต้องค้นหาคะ อนุโมทนาคะ
     
  20. wong3210

    wong3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    553
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,392

    ผมอุปมาให้คุณเห็นครับ ผมจึงใช้คำว่า "ยกตัวอย่างเช่น" ไม่ได้กล่าวว่าสิ่งที่คุณนำมาเป็นของมหายาน ดังข้อความที่ผมได้โพสไว้

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ M_wong [​IMG]

    การที่เอาคัมภีร์ในนิกายอื่น ยกตัวอย่างเช่น คัมภีร์มหายาน มาเปรียบเทียบกับเถรวาท นั้นไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะจุดกำเนิดก็ถือว่าแตกต่างกันอย่างมากแล้ว ดังนั้นในหัวข้อต่างๆย่อมแตกแยกกันไป จึงไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกันเพื่อการกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่าต่ำกว่าแย่กว่า ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่ถ้าจะเรียนรู้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการนำมาเผยแพร่ เหมือนศาสนาเปรียบเทียบก็นับว่าควร


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    และผมขอให้คุณนำหลักฐานที่คุณใช้โพสข้อความนี้ทั้งหมดด้วยครับ ว่าคุณมีแหล่งอ้างอิงชัดเจน มิใช่ยกเมฆขึ้นมาลอยๆ ดังข้อความที่ผมได้โพสไว้ทั้งหมด

    และกรุณาตอบและมีหลักฐานมาแสดงให้ครบทุกคำถามด้วยครับ

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ M_wong [​IMG]
    ขอถามเรียงลำดับหน่อยครับ

    ข้อ1 ที่คุณพูดมาว่า พระไตรปิฎกไทยภาคกลางไม่สมบูรณ์นั้น คุณใช้อะไรตัดสิน และมีข้อมูลหลักฐานที่ไหนเอามาตัดสิน ถึงกล้ากล่าวออกมาแบบนั้น ขอให้คุณนำหลักฐานทั้งหมดออกมาแสดงด้วยครับ เพราะคุณเข้าข่ายหมิ่นพระไตรปิฏก ทั้ง ฉบับมหามกุฏ และ มหาจุฬา

    ข้อ2 เนื้อหาที่มีปรากฏในคัมภีร์โสตัตถกีมหานิทาน ได้สูญหายออกไปก่อนมีพระไตรปิฎกนั้น คุณกำลังเข้าข่ายหมิ่นพระไตรปิฎกฉบับนี้อย่างมาก คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าข้อมูลที่คุณรู้นั้นถูกต้อง เพราะพระไตรปิฎกฉบับนี้ ได้รับการสังคายนาครั้งแรกจาก พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ถ้าเป็นกรณีดังนี้คุณกำลังจาบจ้วงด้วยการเอาสัทธรรมปฏิรูป ต่อพระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

    การที่เอาคัมภีร์ในนิกายอื่น ยกตัวอย่างเช่น คัมภีร์มหายาน มาเปรียบเทียบกับเถรวาท นั้นไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะจุดกำเนิดก็ถือว่าแตกต่างกันอย่างมากแล้ว ดังนั้นในหัวข้อต่างๆย่อมแตกแยกกันไป จึงไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกันเพื่อการกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่าต่ำกว่าแย่กว่า ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่ถ้าจะเรียนรู้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการนำมาเผยแพร่ เหมือนษาสนาเปรียบเทียบก็นับว่าควร

    ข้อ3 ข้อนี้นับว่าร้ายแรงมาก คุณมีหลักฐานอะไรในการดึงในหลวงท่านเข้ามาในเรื่องนี้ คือ การชำระพระไตรปิฎกที่ไม่สมบูรณ์ ขอให้คุณนำหลักฐานทั้งหมดแสดง มิเช่นนั้นคุณก็กำลังเข้าข่ายจาบจ้วงเบื้องสูง

    สรุป ทั้งนี้ และ ทั้งนั้น เรื่องข้อทั้งหมดที่ผมกล่าวไป ขอให้คุณนำหลักฐานที่คุณกล่าวไว้ทั้งหมดนำมาแสดงด้วยครับ มิเช่นนั้นคุณก็กำลังกล่าว "สัทธรรมปฏิรูป" ซึ่งโทษนั้นนรกเป็นที่ไป

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...