โลกร่มเย็นดับเข็ญด้วยศาสนา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย โสภา จาเรือน, 27 ตุลาคม 2009.

  1. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    โลกร่มเย็นดับเข็ญด้วยศาสนา


    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>

    <O:p></O:p>ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์เกี่ยวข้องกับโลก เพราะเราเกิดมาบนโลก คนเราเกิดขึ้นมาแล้ว ก็อาศัยโลกเป็นที่ทำมาหากิน ญาติพี่น้องของเราก็อาศัยอยู่บนโลก ครูอาจารย์ของเราก็อยู่บนโลก ศาสนาที่เราเคารพนับถือก็ประดิษฐานอยู่บนโลก ทรัพย์สมบัติทั้งปวงของเราก็อยู่บนโลก เราทำดี คนในโลกก็พากันสรรเสริญ เราทำชั่วก็คนในโลก ก็จะเป็นผู้ประนามลงโทษ อาหารที่เรารับประทานเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ก็เป็นวัตถุที่อยู่บนโลก แม้เราตาย เราก็ทิ้งร่างกายของเราไว้บนโลก ดังบทกลองว่า
    <O:p></O:p>
    อันทรัพย์สิน ถิ่นฐาน และบ้านช่อง<O:p></O:p>
    อีกเงินทอง ไร่นา มหาศาล<O:p></O:p>
    เป็นสมบัติ ของตัว ได้ชั่วกาล<O:p></O:p>
    จะต้องผ่าน จากกัน เมื่อวันตาย<O:p></O:p>
    ส่วนความดี มีสัตย์ สมบัติแท้<O:p></O:p>
    ถึงตัวแก่ กายดับ ไม่ลับหาย<O:p></O:p>
    จะสถิต ติดแน่น แทนร่างกาย<O:p></O:p>
    ถึงตัวตาย ชื่อยังอยู่ เชิดชูเอย<O:p></O:p>
    ธรรมะคุ้มครองโลก
    <O:p></O:p>
    ในทางพระพุทธศาสนานั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า สังคมของมวลมนุษย์เรานี้จักปั่นป่วนหรือสงบเรียบร้อย ก็เนื่องมาจากคนในสังคมมนุษย์นั่นเอง เช่น
    <O:p></O:p>
    - ป่าไม่ถูกทำลาย<O:p></O:p>
    - แร่ธาตุสูญหาย<O:p></O:p>
    - พลังงานของโลกหมดไป<O:p></O:p>
    - มนุษย์แย่งกันทำกิน<O:p></O:p>
    - มนุษย์แย่งดินกันอยู่<O:p></O:p>
    - มนุษย์ชิงคู่กันพิศวาส<O:p></O:p>
    - มนุษย์แย่งอำนาจกันเป็นใหญ่<O:p></O:p>
    - เกิดการฆ่ากันก็ฆ่าคน<O:p></O:p>
    - เกิดการปล้นกันก็คนปล้น<O:p></O:p>
    - เกิดการทำชู้กันก็คนทำ<O:p></O:p>
    - เกิดการหลอกลวง ก็คนหลอกลวง

    <O:p></O:p>
    ที่กล่าวมานั้น ไม่ได้มีผีสางนางไม้ที่ไหนมาก่อเรื่อง ดังนั้น เราต้องช่วยกันคุ้มครองโลกให้น่าอยู่ ทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ ด้วย ๒ มือของเรา โดยที่เราต้องมีธรรมะอยู่ประจำใจ ๒ ข้อ กล่าวคือ
    <O:p></O:p>
    ๑. หิริ ความละอายต่อบาป<O:p></O:p>
    ๒. โอตตัปปะ ความกลัวต่อบาป

    <O:p></O:p>
    หิริ ความละอายต่อบาป ได้แก่ละอายใจ มีใช่อายคน หมายถึง ละอายต่อบาปทุจริต คำว่า หิริ เป็นมโนธรรม คือ ธรรมะที่เกิดขึ้นภายในจิตใจคน แล้วค่อย ๆ เติบโตขึ้นโดยลำดับโดยอาศัยมูลเหตุ ๔ ประการ
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>๑. ชาติตระกูล เกิดในตระกูลดี ได้รับการอบรมฝึกฝน กิริยามารยาทในทางที่ดีจากพ่อแม่ ครูอาจารย์ เป็นต้น<O:p></O:p>
    ๒. วัย ความเจริญเติบโตของชีวิต ให้รู้จักคิด มีเหตุมีผล รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่<O:p></O:p>
    ๓. การศึกษา ได้รับประสบการณ์ มีเหตุมีผลมากขึ้น ทำให้ละเว้นการทำชั่ว<O:p></O:p>
    ๔. จิตใจเข้มแข็ง เป็นคนไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของอำนาจของกิเลส ตัณหา จึงงดเว้นการทำชั่วทั้งปวง

    <O:p></O:p>
    โอตตัปปะ ความสะดุ้งกลัวต่อบาป อันเกิดจากความคิดที่มีเหตุผล และมีความสำนึกในใจว่า การกระทำของตน เมื่อทำไปแล้ว ตนเองเดือดร้อน สังคมเดือนร้อน ไม่กระทำสิ่งนั้น ซึ่งจะมีลักษณะ ๔ ประการ

    <O:p></O:p>
    ๑. แม้ตนเองก็สามารถติเตียนตนเองได้<O:p></O:p>
    ๒. นักปราชญ์ท่านตำหนิ ก็ละเว้นไม่กระทำสิ่งนั้น<O:p></O:p>
    ๓. กลัวถูกอาญาแผ่นดินของบ้านเมือง<O:p></O:p>
    ๔. กลัวภัยในในนรก

    <O:p></O:p>
    การที่มนุษย์อยู่ร่วมกันได้เป็นปกติสุขนั้น เพราะในใจของเราเต็มไปด้วยหิริ และโอตตัปปะ และถ้าทุกคนมีธรรมะ ๒ ข้อนี้ สังคมของมนุษย์จะสงบร่มเย็นตลอดไป ดังคำกล่าวที่ว่า
    <O:p></O:p>
    บ้านเมืองจะเรืองรุ่ง ต้องผดุงศาสนา<O:p></O:p>
    คุณธรรมย่อมนำพา ปวงประชาสุขเจริญ<O:p></O:p>
    แห่งใดไม่เสริมศาสน์ ศีลพินาศธรรมห่างเหิน<O:p></O:p>
    แห่งนั้นย่อมยับเยิน สุขจำเริญบ่ห่อนมี.

    <O:p>;aa43;aa43;aa43;aa43</O:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...